The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น

เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เข้าวัง

The Royal wedding 8

“ใครนะแสน? ชินาคม? พี่ไปมีเพื่อนชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไร” เปี่ยมสุขถามน้องสาวด้วยความสงสัยผ่านกระจกบานใหญ่เท่าตัวที่เธอยืนจ้องตัวเองด้วยความ ‘สมเพช’ ในชุดสำหรับ ‘เวลาน้ำชายามบ่าย’ มันเป็นชุดเดรสเข้าเอวยาวเสมอเข่าสีม่วงอ่อน แบบเรียบแต่คลาสสิคชวนมอง ยิ่งใส่อยู่บนเรือนร่างสูงโปร่งคล่องแคล่วของเปี่ยมสุขด้วยแล้ว เครื่องประดับใดๆล้วนไม่จำเป็น

แต่สำหรับเปี่ยมสุข หล่อนบอกว่า นี่คือ เรื่องตลกร้ายกาจที่คุณพ่อและคุณแม่ของเธอพยายามยัดเหยียดให้พวกหล่อนสี่คนพี่น้องเป็น ‘ลูกกวาดเดินได้’

นั่นก็เพราะคุณหญิงวิสาเลือกสีโอโรสให้ลูกสาวคนโต ให้สมกับความเป็นสาวอ่อนหวานของด้วยรัก

สีม่วงอ่อนให้เปี่ยมสุข สมกับเป็นสาวแก่นแก้ว

สีเหลืองนวลให้กับสาวคงแก่เรียนอย่างยาใจ

และสุดท้าย สีฟ้าน้ำทะเลให้กับลูกสาวคนเล็กผู้แสนอ่อนโยนอย่างแสนดี

แสนดีที่กำลังมองชุดน้ำชายามบ่ายที่เป็นเดรสยาวเสมอเข่าเหมือนของพี่ๆคนอื่น แต่ของเธอเป็นแบบแขนกุดคอวี ด้วยความคิดที่ว่าก็สวยดี

“ใช่ค่ะ เขาบอกว่าอย่างนั้น แปลกนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วจะ…”

“สาวๆ มานี่สิลูก” บทสนทนาเรื่องชายหนุ่มนามว่าชินาคม ต้องหยุดลง เมื่อหลวงสีหนาทก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวที่ทุกคนกำลังลองให้คุณหญิงดูเพื่อแก้ไขอะไรที่ขาดตกบกพร่องไป

คุณหลวงถือห่อผ้าเช็ดหน้าขนาดพอเหมาะในมือ ขณะที่เดินไปนั่งข้างๆยาใจซึ่งคุณหญิงวิสาเพิ่งลองทำผมมวยเผยต้นคอระหงให้

คุณพ่อผู้เป็นที่รักของลูกสาวทั้งสี่เปิดห่อนั้นแล้วค่อยๆบรรจงหยิบที่ติดผมซึ่งประดับด้วยคริสตัลรูปดอกไม้สีเหลืองนวล แล้วกลัดที่มวยของยาใจอย่างทะนุถนอม
สาวน้อยคงแก่เรียนดูสวยเด่นขึ้นมาในทันที ดวงหน้าหวานนั้นยิ้มกับผู้เป็นบิดาอย่างรักใคร่

“คุณพ่อซื้อมาเหรอคะ สวยจัง เข้ากับชุดของพวกเราทุกคนเลย”

หลวงสีหนาทยิ้ม พลางหยิบคริสตัลสีโอโรส แล้วเรียกลูกสาวคนโตมาใกล้ๆ “สีนี้ของลูก พ่อว่าเหมาะที่สุด คริสตัลติดผมพวกนี้ สมเด็จพระราชินีได้พระราชทานมาให้พวกลูกทุกคนจ้ะ พระองค์มีพระราชประสงค์ให้ลูกประดับที่ผมเมื่อถึงงานเลี้ยงในตอนเย็น”

“ทรงมีเมตตากับพวกเราจังนะคะ” ด้วยรักพูดด้วยความรู้สึกตื้นตัน เมื่อรับคริสตัลมาพิจารณา

แสนดีไม่ว่าอะไรเมื่อคุณแม่หยิบคริสตัลสีฟ้าน้ำทะเลแล้วกลัดผมให้เธอ ถึงแม้หล่อนจะรู้สึกว่า มันช่างขับดวงตาดำขลำให้ทอประกายยิ่งขึ้นก็ตาม

แต่เปี่ยมสุขกลับกอดอกยืนนิ่งพิจารณาคริสตัลชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นของตัวเองแน่นอน เนื่องจาก สีม่วงอ่อนแววาวนั้นได้ทอแสงมากระทบตาหล่อน ราวกับจะอ้อนวอนให้หยิบมันขึ้นมา

“พระราชินีจะให้เจ้าชายอิศเรศร์มาดูตัวพวกเราเหรอคะ” เปี่ยมสุขโพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ทุกคนได้ฟังต่างก็สะดุ้ง คุณหญิงวิสาเดินไปหยิกหล่อนทันที จนลูกสาวผู้แก่นแก้วร้องดัง โอ๊ย!

“คิดอะไรเพ้อเจ้อ เล่นไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลยนะจ๊ะลูกคนนี้”

เปี่ยมสุขแสดงสีหน้าดื้อรั้น “ก็หรือไม่จริงล่ะคะ เล่นพระราชทานสัญลักษณ์มาให้พวกเราแต่ละคนอย่างนี้ สงสัยพรุ่งนี้คงจะได้เห็นเจ้าชายอิศเรศร์ยืนถือพวงมาลัย คอยโยนใส่มือให้พวกเราคนใดคนหนึ่ง” หล่อนหยุด พลางเริ่มหัวเราะในความคิดของตัวเอง

“เหมือนรจนาเสี่ยงพวงมาลัยเลือกคู่อย่างไรล่ะคะ ตลกจัง”



หลวงสีหนาทเริ่มมีสีหน้าครุ่นคิด ในขณะที่คุณหญิงวิสาปรามลูกสาวเป็นการใหญ่ ด้วยรักหัวเราะคิกคัก ขันที่ยายเปี่ยมทะเลาะกับคุณแม่อีกแล้ว ยาใจก็เริ่มสงสัยเช่นกัน แต่แสนดีกลับดูเฉยๆ

“จะเป็นอย่างนั้นหรือคะคุณพ่อ ก็น่าคิดออกน่าคะ จู่ๆ ทรงอยากพบพวกเราขึ้นมา” ยาใจถาม แววตาดูกังวล เพราะตอนนี้จิตใจของหล่อนจดจ่ออยู่กับการไปเรียนต่อปริญญาโท

คุณหลวงลุกขึ้นมองลูกสาวน่ารักทั้งสี่ที่ท่านเลี้ยงด้วยความรักและทะนุถนอมมาตลอดทั้งชีวิต ก็จริงอย่างที่เปี่ยมสุขว่า สมเด็จดูจะสนพระทัยในเรื่องราวของลูกสาวทั้งสี่เป็นพิเศษ ที่สำคัญ ขนาดลูกสาวที่พึ่งเรียนจบจากโรงเรียนสอนความเป็นกุลสตรีในประเทศสวิสของท่านผู้หญิงวิมลวรรณ ซึ่งเป็นถึงราชเลขานุการส่วนพระองค์ สมเด็จพระราชินียังไม่เคยมีพระราชประสงค์เรียกเข้าเฝ้าเลย

ใบหน้าที่เริ่มโรยราตามวัย แต่บุคลิกที่น่าเกรงขามยังคงดูเด่นของหลวงสีหนาท มองลูกสาวแสนสวยของท่านด้วยความรักอย่างที่สุด ก่อนจะเอ่ยขึ้น พลางคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ท่านไม่ได้คิดเลยว่า ลูกสาวคนใดคนหนึ่งจะเหมาะสมกับองค์รัชทายาทหรือไม่ แต่ผู้เป็นพ่อนั้นห่วงเพียงสิ่งเดียวว่า ไม่อยากให้ดวงใจทั้งสี่ของท่านถูกบังคับแต่งงานด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่ความรัก

“ไม่หรอกลูก ไม่มีใครจะมาบังคับลูกของพ่อได้” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอื้อนเอ่ย ทำเอาดรุณีทั้งสี่และคุณหญิงวิสายิ้มออกมาในทันที บรรยากาศแห่งความรักอบอวลอีกครั้ง ก่อนที่เปี่ยมสุขจะพูดเสียงแข็งขึ้นมา

“เยี่ยมมากค่ะคุณพ่อ เพราะเปี่ยมจะไม่ยอมเป็นตัวเลือกแน่ๆ”





สวนราชพฤกษ์ในวังหลวงดูร่มรื่นและสงบสุขเป็นที่สุด ต้นไม้น้อยใหญ่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ที่กลางสวนนั้นเล่ามีอ่างน้ำพุขนาดใหญ่ เป็นตัวเสริมให้บรรยากาศดูสดใส แสนสบาย และร่มเย็น

เวลาน้ำชายามบ่ายเริ่มต้นขึ้นที่กลางสวนดอกไม้ แต่วันนี้เหล่าพฤกษาไม่ใช่สิ่งจรรโลงใจที่สมเด็จพระราชินีจะประทับคอยชื่นชม หากแต่วันนี้เป็นสี่สาวดรุณีของหลวงสีหนาทซึ่งต่างแต่งตัวงดงาม เรียบร้อย เปล่งประกายรัศมีความงามกลบความงดงามของธรรมชาติในทันที

สมเด็จพระราชินีสิรินญาแห่งภัทรประเทศ ทรงค่อยๆจิบพระสุธารสชา พลางทอดพระเนตรสี่สาวพี่น้องที่มีความแตกต่างกันในแบบของตัวเองด้วยความพอพระทัย อันที่จริงแล้วทั้งสี่สาวนี้ พระองค์ทรงเคยพบปะมาก่อนเมื่อครั้งที่พวกหล่อนยังเยาว์นัก ต่างก็วิ่งเล่นซนต่อหน้าพระพักตร์ หลายปีผ่านไป ไม่นึกเลยว่าดรุณีทั้งสี่จะเติบโตขึ้นมางดงามได้เพียงนี้

พระองค์ทรงรู้สึกชื่นชมหลวงสีหนาถและคุณหญิงภรรยาเป็นยิ่งนักที่ได้อบรมสตรีทั้งสี่มาเป็นอย่างดี ทั้งกิริยาท่าทาง การพูดการจา และที่สำคัญพวกหล่อนดูมีชีวิตชีวา และฉลาดสมเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ แต่ทว่าไม่กร้านโลกเหมือนหญิงสาวหลายๆคน

“ได้ข่าวว่าหนูรับสอนเปียโนเด็กๆเหรอจ๊ะ เป็นอย่างไรบ้าง รับมือพวกแสนซนได้หรือเปล่า”

พระราชินีทรงหันไปรับสั่งกับด้วยรัก ซึ่งในวันนี้อยู่ในชุดเดรสคอปาดสีโอโรส โชว์แขนเรียว ผิวขาวเนียน พระองค์ทรงตั้งข้อสังเกตว่าลูกสาวคนโตของบ้านนี้ ออกจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และอ่อนหวานยิ่งนัก

ด้วยรักอมยิ้มอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะกล่าวตอบ “เพคะ ต้องใช้ความอดทนเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่หม่อมฉันทำแล้วมีความสุข”

แววพระเนตรขององค์ราชินีที่มีต่อด้วยรักนั้นออกจะชื่นชมจนหลวงสีหนาถและคุณหญิงวิสารับรู้ในพระเมตตานั้นได้ทันที

“จะเป็นครูสอนเปียโนเนี่ยต้องสอบอะไรของ Trinity หรือเปล่าจ๊ะ” พระราชินีทรงมีพระราชปฏิสันถารต่อไป

“เพคะ หม่อมฉันสอบได้เกรด 8 ของ Trinity แต่กว่าจะได้ก็ต้องฝึกซ้อมเกือบปีเลยเพคะฝ่าบาท ความจริงแล้วถ้าจะเป็นครู สอบแค่เกรด 6 ก็ได้เพคะ”

สมเด็จฟังแล้วทึ่ง “หรือจ๊ะ เกรด 8 เชียว ฉันก็เคยสอบนะ แต่หยุดไว้ที่เกรด 6 เท่านั้น หนูท่าจะเล่นได้ไพเราะ ถ้าอย่างไรเสีย คืนนี้เล่นให้ฉันฟังสักเพลงได้ไหมจ๊ะ”

ด้วยรักได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก “เป็นพระกรุณาเหลือเกินเพคะ”

พระราชินีแย้มสรวลพอพระทัย “แล้วสาวๆคนอื่นชอบเล่นเปียโนกันบ้างหรือเปล่าจ๊ะ”

“เปี่ยมสุขฝึกฝนน้อยที่สุดพะย่ะค่ะ เพราะชอบขี่ม้ามากกว่า แต่ยาใจกับแสนดี นั้นกระหม่อมให้ฝึกฝนกับพี่สาวคนโตเสมอ” หลวงสีหนาถผู้เป็นบิดา ตอบแทนบุตรสาวที่เหลือ ทำเอาเปี่ยมสุขส่งสายตาแบบตัดพ้อไปที่บิดา

“หม่อมฉันก็ฝึกฝนเรื่อยๆเพคะ แต่ต้องซ้อมขี่ม้าตั้งแต่เช้าจรดเย็นทุกวัน เลยไม่ค่อยมีเวลา” เสียงใสที่เอ่ยอย่างฉะฉาน และกล้าที่จะพูดกับพระองค์ก่อนนั้น ทำให้สมเด็จเอ็นดูในความเดียงสา และเข้าพระทัยทันทีว่า ลูกสาวคนนี้ของคุณหลวงคงจะซนไม่เบา

“อย่างนั้นหรือจ๊ะ ฉันได้ข่าวมาบ้างเหมือนกันว่าเธอเป็นตัวเต็งในการคัดเลือกเข้าทีมชาติ แล้วนี่ผลเขาประกาศออกมาหรือยัง” พระองค์ตรัสถามถึงรายละเอียดที่แสดงถึงความสนพระทัยในตัวเปี่ยมสุข ทำเอาสาวแก่นที่ชอบหวาดระแวงในเรื่องการจับคู่ขององค์ราชินีเผลอไผลไปปลาบปลื้มในพระเมตตาที่ทรงมีต่อหล่อน

ดวงหน้าเรียว ในตาฉลาดไม่อยู่นิ่ง เผลอยิ้มกว้างออกไป “เดือนหน้าเพคะฝ่าบาท แต่คงไม่หลุดโผนัก” หล่อนตอบด้วยความมั่นใจในตัวเองแบบไม่ได้ถ่อมตัวสักนิด ทำเอาพระราชินีผู้ซึ่งพบเจอแต่พวกที่ชอบถล่มตัวเพื่อประจบประแจง สรวลดังอย่างพอพระทัย ก่อนจะทรงหันไปตรัสกับคุณหญิงวิสา

“ลูกคนนี้ท่าจะออกไปทางพ่อเขานะ หรือว่าอย่างไรคุณหญิง ดูแก่นกว่าคนอื่นเหลือเกิน”

เมื่อตรัสออกมาเช่นนั้นก็ทำเอาสามสาวที่เหลือหัวเราะครืน คุณหญิงมารดานั้นเล่าโค้งรับคำวิจารณ์ของสมเด็จ ขณะที่หลวงสีหนาถถูกลูกสาวที่ว่าแก่นที่สุด และเหมือนตัวเองที่สุด ส่งค้อนวงใหญ่มาให้

“เพคะสมเด็จ แต่คนสุดท้องก็ดื้อเงียบ ไม่ซนอย่างเปี่ยมสุขก็จริง แต่ดื้อไม่แพ้กันเลยเพคะ” สิ้นเสียงมารดา แสนดีมองคุณแม่ด้วยความตกใจ

พระราชินีทอดพระเนตรไปที่สาวสวยเรือนผมยาวดำขลำอีกคนของบ้าน ซึ่งวันนี้หล่อนใส่ชุดสีฟ้าน้ำทะเล แขนกุด เผยผิวใส และคอวีที่ยิ่งส่งเสริมให้คอระหงดูเด่น

“คนเล็กนี่ชื่อแสนดีใช่ไหม เป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดฝรั่งหรือจ๊ะ เมื่อก่อนสมัยสาวๆฉันก็ไปยืมหนังสือบ่อยเหมือนกันนะ นี่คุณหญิงจรินทร์ยังดูแลที่นั่นอยู่หรือเปล่า”

แสนดีรู้สึกประทับใจยิ่งนักที่พระองค์ทรงเคยไปใช้บริการห้องสมุดที่นั่น ที่สำคัญ พระองค์ยังทรงรู้จักกับคุณหญิงจรินทร์ผู้ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการห้องสมุด ซึ่งหล่อนชื่นชมในความสามารถในการบริหารจัดการของท่านเหลือเกิน

“เกษียณไปแล้วเพคะฝ่าบาท แต่ท่านก็มักจะมาเยี่ยมเยียนพวกบรรณารักษ์รุ่นใหม่ พร้อมกับยืมหนังสืออยู่บ่อยๆ ท่านโปรดผลงานของ Shelly ที่สุดเพคะ”

สมเด็จทรงจิบพระสุธารสชาอีกครั้ง ก่อนจะตรัสด้วยความยินดีอย่างยิ่งว่า “จรินทร์เขาชอบแนะนำหนังสือดีดีให้ฉันเสมอ และแน่ล่ะต้องเป็นของ Shelly ทำเอาฉันโปรดอยู่เหมือนกัน แต่ก็คงไม่ปฏิเสธว่า Shakespeare คือที่สุดอยู่แล้ว หรือหนูว่าอย่างไรจ๊ะ”

แสนดีชอบเหลือเกินที่จะมีใครสักคนมาสนทนาเรื่องหนังสือกับหล่อน เธอจึงรู้สึกเพลิดเพลินในการสนทนาครั้งนี้

“หม่อมฉันไม่ปฏิเสธหรอกเพคะที่โรมีโอ จูเลียต จะเป็นวรรณกรรมคลาสสิคที่อมตะเสมอมา แต่…หม่อมฉันชอบแนว Realistic มากกว่าเพคะ ชอบของ Jane Austen ลิซซี่ ใน Pride and Prejudice นั้น ทระนงตนเหลือเกิน”

คุณแม่มองลูกสาวคนเล็กอย่างภูมิใจที่หล่อนสามารถพูดคุยและแสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องรสนิยมการอ่านหนังสือต่อหน้าพระพักตร์ได้อย่างฉะฉาน

พระราชินีก็ทรงตระหนักถึง ‘การเป็นนักอ่าน’ ของสาวน้อยคนนี้เช่นกัน บางคนอาจจะเป็นบรรณารักษ์เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร แต่แสนดีคนนี้ท่าจะเป็นบรรณารักษ์ด้วยหัวใจและจิตวิญณาณ
“ฉันว่าลิซซี่ก็คือตัว Jane Austen นั่นเองล่ะจ้ะ เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนกันไม่มีผิด ต่างกันก็แต่ว่า คนเขียนไม่ได้แต่งงานเหมือนตัวละครที่ตัวเองสร้างขึ้นเท่านั้น หนูชอบลิซซี่ เพราะเธอเหมือนหนูหรือเปล่า เห็นคุณแม่บอกว่าดื้อเงียบ” องค์ราชินีทรงหยอก แสนดี ด้วยความเอ็นดูยิ่งนัก พระองค์ทรงรู้สึกว่า ลูกสาวคนเล็กของบ้านไม่ได้มีบุคลิกอะไรโดดเด่นเหมือนพี่ๆ เธอออกจะดูธรรมดาที่สุดด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้พูดจ้าด้วยกันแล้ว พระองค์กลับรู้สึกว่าหล่อนนั้นมีเสน่ห์และฉลาดไม่แพ้พี่ๆของเธอเลย

แสนดีหน้าแดงเมื่อถูกหยอกจากหญิงที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ก่อนจะเอ่ยสั้นๆว่า

“หม่อมฉันดื้อแต่คงไม่หยิ่งเท่าลิซซี่หรอกเพคะ” ทั้งโต๊ะหัวเราะกันอย่างสำราญ พระราชินีแย้มสรวลพอพระทัย

“ลูกคุณหลวงคนนี้คงดื้อเงียบจริงล่ะนะ หนูจ๊ะ ที่วังของฉันมีห้องสมุดที่แสนวิเศษ ถ้าหนูอยากเข้าไปชมและยืมติดไม้ติดกลับบ้าน ฉันคงจะรู้สึกยินดีมากนะจ๊ะ”

สาวน้อยได้ยินดังนั้นก็ปลื้มปีติอย่างยิ่ง ก่อนจะกล่าวขอบพระทัยสมเด็จราชินีไม่ขาดปาก

“ยายแสนชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมมากพะย่ะค่ะ แต่ยาใจตรงกันข้าม ลูกสาวคนนี้ชอบอ่านหนังสือเรียนมากกว่า” คุณหลวงพูดเป็นแนวแนะนำลูกสาวคนที่เหลือให้สมเด็จทรงรู้จัก

ยาใจสบพระเนตรอ่อนโยนของพระราชินีสิรินญา ก่อนจะหลบตาลงต่ำด้วยความเขินอาย

“คนนี้ล่ะสิคุณหลวงที่ว่าเรียนเก่งที่สุด จะไปต่อปริญญาโทสาขาอะไรนะจ๊ะหนู”

ยาใจที่กำลังเขินนั้นก็ตอบขึ้นเบาๆ “เศรษฐศาสตร์เพคะฝ่าบาท กำลังส่งใบสมัครไปที่มหาลัยของประเทศอังกฤษเพคะ”

เมื่อทรงได้รับฟังดังนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เหรอจ๊ะ สาขานี้ขาดแคลนมากในประเทศของเรา ฉันดีใจที่หนูจะได้ไปเรียนและนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศของเรานะจ๊ะ นี่คิดจะต่อจนจบปริญญาเอกหรือเปล่า”

ยาใจค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพลางยิ้มขวยเขิน “หม่อมฉันก็คิดอยู่เพคะ แต่กลัวว่าจะคิดถึงบ้านจนทนไม่ไหม”

เมื่อทรงได้รับฟังดังนั้นก็สรวลเบาๆ เข้าพระทัยดีถึงความรู้สึกของสาวน้อยคนนี้ ก็บ้านของพวกหล่อนออกจะอบอุ่น เพียบพร้อม และมีแต่พี่ๆน้องๆที่รักใคร่กันปานนี้ เป็นพระองค์เอง ก็คงไม่อยากจากไปไหนไกล

“ฉันเข้าใจหนูนะจ๊ะ แต่ว่าชีวิตเรา ต้องสละบางอย่างเพื่อได้รับบางอย่างเสมอ แล้วแต่ว่าหนูจะเลือกทางไหน ซึ่งฉันเชื่อว่า ทางไหนก็ดีสำหรับหนูทั้งนั้น”

และแล้วการสนทนาก็ค่อยๆดำเนินต่อไปจนหมดเวลาน้ำชายามบ่าย เมื่อครอบครัวของหลวงสีหนาถเดินกลับเข้าไปในวังเพื่อไปแต่งตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ในห้องที่สมเด็จทรงจัดเตรียมไว้ให้ เหลือเพียงแต่องค์ราชินีที่ประทับอยู่ที่เดิม ทรงครุ่นคิดว่า เป็นการยากเหลือเกินที่จะเลือกหนึ่งในสี่ดรุณีของหลวงสีหนาถมาเป็นคู่ครองของเจ้าชายรัชทายาท เพราะพวกหล่อนทุกคนล้วนเพียบพร้อมได้ดั่งพระทัยพระองค์ไปเสียทุกอย่าง ทั้งกิริยา มารยาท การวางตัว ความฉลาดเฉลียว และที่สำคัญคือความงาม

‘ถ้าฉันไม่ได้พวกหล่อนคนใดคนหนึ่งมายืนเคียงข้างอิศเรศร์ที่ระเบียงมุขในฐานะเจ้าหญิงรัชทายาท ฉันก็คิดว่าคงจะหาใครดีพร้อมเท่าพวกหล่อนไม่ได้อีกแล้ว’





“พร้อมหรือยังอิศเรศร์” เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาซึ่งบัดนี้ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ยาวงดงาม แต่ไม่หรูหราเป็นทางการมากนัก ตรัสถามพระอนุชา พลางทอดพระเนตรว่ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่องในฉลององค์ทักซิโด้ตัวใหม่หรือไม่

“เรียบร้อยแล้วพี่หญิง ว่าแต่พี่อติชาติและพรรคพวกของชายมาถึงกันหรือยัง”

พระพี่นางทรงจัดหูกระต่ายของพระอนุชาให้เข้าที่เข้าทาง “มากันครบแล้ว ขาดแต่เราสองคนนี่ล่ะ ไปกันเถอะ อย่าให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ทรงรอนาน”
ตรัสเสร็จ ทั้งสองพระองค์ก็ดำเนินเคียงคู่กันออกมาจากห้องพระสำอาง

วันนี้ที่สมเด็จพระราชินีทรงมีรับสั่งให้เจ้าหญิงทรงออกงานด้วย เนื่องจากต้องการให้พระราชธิดาทรงช่วย ‘เลือกและพิจารณา’ ว่าหนึ่งในสี่สาวของหลวงสีหนาถ ใครเหมาะสมกับอิศเรศร์ที่สุด ส่วนพระสหายและคู่รักของพระโอรสและธิดาที่ทรงเชิญมาร่วมด้วยนั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้งานเลี้ยงเงียบเหงาจนเกินไป ที่สำคัญ ถ้าหลายคนช่วยกันดู ช่วยกันพิจารณาก็คงดียิ่งขึ้น

ณ ห้องโถงใหญ่ของพระราชวังหลวง สี่สาวพี่น้องในชุดราตรียาวงดงาม เรือนผมสลวยถูกรวบขึ้นพร้อมกลัดเครื่องประดับคริสตัลที่ได้รับพระราชทานมา ทั้งสี่กำลังสนทนากันเองด้วยเรื่องของการคาดเดาเดิมๆว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหากเจ้าฟ้าชายรัชทายาททรงปรากฏพระองค์ขึ้น ในขณะที่คุณพ่อและคุณแม่ของเธอกำลังสนทนาอยู่กับข้าราชบริพารที่รู้จักกัน และเมื่อสมเด็จพระราชาและพระราชินีแห่งภัทรประเทศเสด็จพระราชดำเนินเข้ามาในท้องพระโรง ทุกๆคนล้วนโค้งลงเพื่อแสดงถึงความจงรักษ์ภักดี

พระราชาภูวดลทรงมีพระราชปฏิสันถารกับหลวงสีหนาถและคุณหญิงภรรยา ในขณะที่สมเด็จพระราชินีสิรินญาสนพระทัยแต่เหล่าสี่ดรุณี

“นี่หรือลูกสาวทั้งสี่ของคุณหลวง ชื่ออะไรกันบ้าง” พระราชาภูวดลผู้ซึ่งถูกสมเด็จพระราชินีอันเป็นที่รักยิ่งทรงบังคับให้เข้าร่วมแผนการนี้ด้วย ก็ทรงเริ่มพิจารณาว่าที่สะใภ้หลวงแต่ละคน

“คนนี้คือด้วยรักเพคะฝ่าบาท คนต่อมาคือเปี่ยมสุข ยาใจ และแสนดี ตามลำดับเพคะ” คุณหญิงวิสาผายมือ พลางกล่าวแนะนำบุตรสาวทั้งสี่

สมเด็จพระราชาทอดพระเนตรหญิงสาวที่พระราชินีทรงชมเปาะว่างามนักหนาและทรงได้เห็นว่า ไม่มีอะไรจะมาค้านพระดำราชรัสขององค์ราชินีได้จริงๆ

ด้วยพระวรกายสูงใหญ่และบุคลิกอันน่าเกรงขาม แต่แววพระเนตรนั้นมีเพียงแต่ความมีพระทัยดี ทำให้เหล่าสตรีทั้งสี่ไม่ได้รู้สึกหวั่นกลัวมากนัก ถึงแม้จะมีความประหม่าอย่างที่สุดที่ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาใกล้เพียงนี้

“ยินดีที่ได้พบพวกหนูนะจ๊ะ ว่าแต่อรรัมภากับอิศเรศร์ล่ะ ยังไม่เสด็จอีกหรือ”

เมื่อพระราชาตรัสเสร็จ มหาดเล็กที่ถวายงานก็กล่าวเบาๆว่า “มาแล้วพะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้นเองที่สายตาทุกคู่ในห้องท้องพระโรงได้จับจ้องไปยังร่างสูงสง่าทั้งสองที่ดูโดดเด่นกว่าใครอื่นในกลุ่มที่กำลังเดินเข้ามา

เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาเดินควงพระพาหะเจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ท่ามกลางพระสหายหนุ่มหล่อเข้ามาในงานเลี้ยง

ครอบครัวหลวงสีหนาถโค้งลงแสดงความเคารพโดยทันที โดยไม่ได้ทันสังเกตเลยว่า เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์รู้สึกตกพระทัยเล็กน้อยที่ได้พบหลวงสีหนาถใน ครั้งนี้

นี่หรือข้าราชบริพารที่สมเด็จแม่ทรงเลี้ยงแสดงความขอบพระทัย

หลวงสีนาถนี่เอง!

และเมื่อพระดำเนินเข้ามาใกล้ๆ พระองค์ พระพี่นางและพระสหายได้โค้งลงต่อหน้าพระพักตร์พระบิดามารดา จนกระทั่งเมื่อเงยพระพักตร์คมคายขึ้นนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สี่สาวของหลวงสีหนาถลุกขึ้นจากการถอนสายบัวพอดี

ดวงตาแสนงามทั้งสี่คู่ได้สบกับระเนตรคมเข้มนั้นในทันที

ราวกับว่าโลกจะหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น เข็มนาฬิกาทุกเรือนหยุดสั่นระริก ถึงแม้วันนี้เขาจะไม่ได้ใส่แว่น ไม่ได้ใส่เชิ้ตสบายๆ แต่ไม่มีทางที่ ด้วยรัก เปี่ยมสุข ยาใจ โดยเฉพาะแสนดี จะจำ คุณอิทธิ ไม่ได้!!!!

แต่บัดนี้คุณอิทธิคงไม่ใช่คุณอิทธิต่อไปแล้ว เพราะเขากลายเป็น เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ ภูวดล อภิราชสกุล นั่นเอง

สี่สาวตาโตเพ่งมองพระองค์ด้วยความตกใจอย่างไม่คาดคิด พอๆกับที่เจ้าชายเองก็กลับยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูก จะว่าใจสั่นเหงื่อแตก มือไม่เย็นก็ว่าได้

อะไรกัน พวกหล่อนมาทำไมที่นี่!
ไม่ใช่เพียงแต่เจ้าชายเท่านั้นที่ทรงทำอะไรไม่ถูก ทรงพล ดนัย ชินาคมก็ตกตะลึงมองเปี่ยมสุข สาวสวยในชุดราตรีบาน พวกเขาจำหล่อนได้แม้เธอจะไม่ได้อยู่ในชุดขี่ม้าตามปกติ

ชินาคมไม่ได้สนใจใครอื่นๆมากเท่าสาวน้อยบรรณารักษ์ที่เพิ่งเจอกันเมื่อวาน วันนี้หล่อนแต่งตัวเสียงดงามราวกับนางฟ้า ทำเอาเขาแทบตะลึง…แล้วหล่อน…มาทำอะไรที่นี่…

หนุ่มสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทุกกิริยาที่แสดงออกไปแม้จะเก็บไว้แค่ไหนก็ไม่มีทางลอดสายพระเนตรขององค์ราชินีไปได้

วงดนตรีราชสำนักเริ่มบรรเลงบทเพลงขึ้น พระราชินีสิรินญาทรงเริ่มแนะนำให้หนุ่มสาวรู้จักกันตามแผนของพระองค์ และแล้วเรื่องราวความรักของหนุ่มสูงศักดิ์กับซินเดอเรลล่าก็ได้เริ่มต้นขึ้นที่วังหลวงแห่งนี้





พระราชาทรงเต้นรำอยู่กับราชินีของพระองค์บนฟลอร์แดงกำมะหยี่กลางท้องพระโรงอันหรูหรา มีคู่ของเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาและร้อยเอกอติชาติอยู่ใกล้ๆ รวมถึงหลวงสีหนาถและคุณหญิงวิสาซึ่งบัดนี้จ้องไปที่หนุ่มสาวทั้ง 8 ที่ไม่ยอมออกมาเต้นรำ

คุณหลวงนั้นรู้สึก ‘หวงลูกสาว’ ทั้งสี่ขึ้นมาทันที ถึงแม้อีกฝ่ายที่จะเข้ามาหาลูกสาวนั้นเป็นถึงองค์รัชทายาทก็ตาม

ดูจากรูปการที่สมเด็จพระราชินีค่อยๆแนะนำบุตรสาวของตนแต่ละคน คุณหลวงก็เข้าใจในความหมายนั้นทันที

สี่พี่น้องยืนเกาะกลุ่มคุยกันพลางจ้องไปที่อีกกลุ่มซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงทั้งสี่ แน่นอนพวกเขาก็มองพวกหล่อนตอบกลับมาเช่นกัน

“พี่ล่ะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง” ด้วยรักพูดด้วยความประหลาดใจในสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“เปี่ยมจำนายคนนั้นได้ นายคนที่คิ้วเข้มที่สุดน่ะค่ะ” หล่อนหมายถึงทรงพล “เขาคือคนที่สั่งน้ำแตงโมให้เปี่ยมที่โปโลคลับ ใช่ไหมแสน พวกนั้นเป็นพระสหายเหรอ แล้วคุณอิทธินั่นก็คือ…ให้ตายสิ โลกนี้เกิดอะไรขึ้น” สาวสวยบ่นอุบ

ตอนนี้แสนดีกำลังจับจ้องไปที่ชายอีกคน ซึ่งกำลังมองกลับมาที่เธออย่างไม่ลดละเช่นกัน

ชินาคม! เขาอยู่ที่นี่ เขา….ให้ตายสิโลกช่างกลมเหลือเกิน

แต่จะว่าไป สิ่งที่เหนือความคาดหมายกว่านั่นคือ เจ้าชายอิศเรศร์…เขาหลอกเธอ หลอกทุกคน…แล้วที่เธอทำไปทั้งหมดล่ะ ที่ว่าเขาต่างๆนานา…หล่อนจะโดนประหารเจ็ดชั่วโคตรไหมนี่…

“พี่ล่ะไม่กล้าสบพระพักตร์เลยแสน ทำตัวไม่ถูก เจ้าชายนะเจ้าชาย…หลอกกันเสียได้…”

ยาใจยังพูดไม่ทันจบ วงสนทนาของพวกหล่อนก็แตกขึ้นเสียก่อน เนื่องจากร่างสูงสง่าได้พระดำเนินเข้ามาหาพวกเธอ สี่สาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะค่อยๆย่อตัวถอนสายบัว

เจ้าชายอิศเรศร์ทรงปรึกษากับพระสหายแล้วว่าพระองค์ควรจะเข้ามาชวนพวกหล่อนเต้นรำ เพื่อเป็นการให้เกียรติสี่สาวพี่น้อง รวมถึงเป็นการไม่เสียมารยาทต่อพระบิดามารดา เมื่อทรงตระหนักได้ดังนั้น จึงทรงรวบรวมความกล้าค่อยๆเข้าหาพวกเธอ

พระองค์สบตาสาวสวยทั้งสี่ด้วยความรู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก พระหัตถ์นั้นเล่าก็เย็นขึ้นมาทันที ยิ่งสายตาของแม่แสนดีที่มองตอบพระองค์ด้วยความว่างเปล่านั้นเล่า…ก็ใครจะรู้ว่าพวกหล่อนเป็นลูกสาวของหลวงสีหนาถจอมดุนั่นล่ะ ถ้ารู้ก่อนพระองค์คงจะไม่พาตัวเองเข้าไปยุ่งให้เป็นปัญหาหรอก

เมื่อทรงสบตาคู่งามทั้งสี่แล้วนั่น พระองค์ก็คิดว่า ควรเลือกพี่สาวคนโตไปเป็นคู่เต้นรำเพื่อเป็นการให้เกียรติตามความอาวุโสก่อนจะดีกว่า

สี่คนพี่น้องมองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วน ด้วยไม่เข้าใจว่าพระองค์จะพระดำเนินมาหาพวกหล่อนทำไมกัน แต่แล้วพระพาหะแข็งแรงนั่นกลับยื่นส่งไปที่ด้วยรักพี่สาวคนโต ก่อนจะทรงโค้งน้อยๆแล้วกล่าวเสียงทุ้มได้ความว่า

“ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้ไหมครับ” สาวงามใบหน้าอ่อนหวานมองเจ้าชายอย่างตะลึงไม่แพ้สายตาของน้องสาวที่เหลือ หล่อนทำตัวไม่ถูก แต่ด้วยความมีมารยาทจึงได้ย่อตัวโค้งรับ เกาะพระพาหะเดินคู่พระวรกายสูงใหญ่เข้าฟลอร์เต้นรำ ท่ามกลางสายพระเนตรแสดงความยินดีขององค์ราชินี แต่เป็นสายตาแห่งความไม่พอใจของหลวงสีหนาถ

และเมื่อเจ้าชายได้เบิกทางสว่างแก่หนุ่มๆที่เหลือแล้ว ชินาคมจึงเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาขอแสนดีเต้นรำ ถึงหล่อนจะตกใจ แต่ก็รู้สึกยินดี ดนัยนั้นเห็นว่าเปี่ยมสุขเป็นคนที่เจ้าชายพอพระทัยจึงไม่อยากยุ่งด้วย เขาจึงเข้ามาโค้งให้ยาใจ ดังนั้นทรงพลจึงจำต้องเป็นคู่ให้กับเปี่ยมสุข และนั่นยิ่งทำให้หล่อนเข้าใจผิดเข้าไปใหญ่ว่า เขาตั้งใจจะจีบเธอจริงๆ

บทเพลงบรรเลงอย่างต่อเนื่อง ทุกคู่ต่างเต้นรำด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป เมื่อเพลงแรกกำลังจะจบลง หนุ่มสาวต่างสลับคู่เพื่อเริ่มต้นเพลงใหม่ ส่วนผู้ที่มีอายุกว่าหน่อยได้ออกมาจากฟลอร์และนั่งมองหนุ่มสาวที่เหลือพลางจิบเครื่องดื่ม

พระราชินีสิรินญาทรงพอพระทัยเมื่อเจ้าชายอิศเรศร์ทรงเปลี่ยนคู่เต้นรำจากด้วยรักเป็นยาใจ และในอีกสองสามเพลงต่อมาก่อนที่จะเปลี่ยนมาคู่กับเปี่ยมสุข และลงท้ายที่พี่สาวตัวเอง สมเด็จทรงสังเกตทุกอย่างว่าหญิงสาวคนไหนที่พระโอรสพูดคุยด้วยความพอพระทัยที่สุด และดูเหมาะสมกันที่สุด แต่ก็กลับพบว่า เจ้าชายนั้นดูจะขวยเขินและพอพระทัยคู่เต้นรำทั้งสามเท่าเทียมกัน

และน่าแปลกคือ…พระโอรสยังไม่ได้ลีลาศกับแสนดี น้องสาวคนเล็กเลย

พระเนตรคบกริบจ้องไปที่ร่างแบบางในชุดราตรีคล้องคอเผยหลังขาวเนียน ผมดำขลำรวบขึ้นพร้อมกลัดคริสตัลสีฟ้าน้ำทะเลยิ่งขับแววคากลมโตนั่นให้โดดเด่นขึ้นไปอีก ทรงรู้สึกไม่พอพระทัยที่แสนดีได้แต่เต้นรำคู่กับชินาคมเพียงคนเดียวเท่านั้น แถมทั้งสองดูจะพูดคุยกันถูกคอ ราวกับเคยพบเจอกันมาก่อน แม้จะเปลี่ยนเพลงแล้วเพลงเล่า ทั้งสองก็ยังไม่แยกจากกัน และที่สำคัญทรงรู้สึกได้ว่าคู่ของหล่อนมักจะเต้นห่างไกลพระองค์ออกไป คราใดที่ทรงเคลื่อนมาใกล้ คู่ของหล่อนก็จะถอยห่างเสียทุกที

ที่ทรงหงุดหงิดมิใช่เพราะอยากลีลาศกับยายตัวร้ายนักหนา แต่ทรงรู้สึกไม่พอพระทัยที่หล่อนทำเป็นไม่สนพระองค์สักนิด แล้วยังทำสนิทสนมกับชินาคมพระสหายของเขาอีก…เหมือนจะหักหน้ากันชัดๆ…

“รู้อย่างนี้แล้วคุณคงเข้าใจผมแล้วนะครับ” ชินาคม เล่าทุกอย่างให้แสนดีฟังแล้วว่าเขารู้หล่อนได้อย่างไร และทำไมวันนั้นถึงต้องโกหกว่าเป็นเพื่อนกับพี่สาวหล่อน

แสนดียิ้มรับ เข้าใจและไม่ได้โกรธเขาสักนิด “ค่ะ นั่นเป็นเรื่องเล็ก และคุณก็จำเป็น”

ชินาคมสบตาหวานซึ้งของหล่อน เขาพยายามแสดงแววตาที่บ่งบอกว่าชื่นชมเธอมากเพียงใด แต่ดูแสนดีจะไม่มีท่าทีขวยเขินหรือสนใจเขามากกว่าเดิมแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขาคิดเอาเองว่าหล่อนอาจจะสนเขาไม่มากก็น้อยนั่นคือ หล่อนไม่ยอมเปลี่ยนคู่เต้นรำเลย และกำชับกับเขาว่าขอลีลาศคู่กับเขาจนจบเพลงสุดท้าย

แต่ชินาคมคิดผิด…แสนดีเต้นรำกับเขาเพียงผู้เดียว เพื่อจะได้มีข้ออ้างไม่ต้องเปลี่ยนไปคู่กับเจ้าชายอิศเรศร์ให้กระอักกระอ่วนใจ

วงดนตรีราชสำนักหยุดบรรเลงเพลง หนุ่มสาวต่างเข้ามานั่งเกาะกลุ่มกันอีกครั้ง มีเพียงเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งอภิราชสกุลประทับคียงกันที่หน้าแกรนด์เปียโนหลังใหญ่

การแสดงเดี่ยวเปียโนของเจ้าชายรัชทายาทกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ร่างสูงสง่าประทับลงหน้า แกรนด์เปียโน อีกหนึ่งร่างบอบบาง ประทับไม่ห่างกัน และแล้วบทเพลงเสนาะหูได้บรรเลงขึ้น พร้อมกับพระสุรเสียงอ่อนหวานของเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาที่ทรงขับกล่อมให้ท้องพระโรงอบอวบไปด้วยบรรยากาศชวนฝัน

พระราชาและพระราชินีทอดพระเนตรพระหน่อทั้งสองด้วยความชื่นชม ไม่ต่างจากสายตาอีกหลายคู่ที่เหลือ

เจ้าชายรูปงามทรงบรรเลงต่ออีกหลายเพลง จนทำเอาแสนดีรู้สึกเบื่อ และเมื่อหันซ้ายหันขวาก็แปลกใจที่ว่าพี่ๆของหล่อนทุกคน แม้กระทั่งเปี่ยมสุขจอมกบฏยังคงเคลิ้มไปกับเสียงเปียโนหวานหูนั่น

เมื่อสังเกตแล้วว่าไม่มีใครสนใจหล่อน เธอจึงได้ค่อยๆเดินปลีกตัวออกมาที่โถงทางเดินของพระราชวัง หล่อนเดินชมบรรยากาศของวังหลวง พลางคิดเรื่องในคืนนี้เรื่อยๆ จนมาหยุดยืนที่หน้าห้องสมุดขนาดใหญ่

ประตูบานใหญ่หรูหราเปิดค้างไว้อย่างนั้น ไม่ได้ปิดสนิทอะไร หล่อนมองแล้วไม่เห็นมีใคร จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าหากเข้าไปเชยชมหนังสือสักสองสามเล่ม

แสนดีตื่นตาตื่นใจกับความเป็นระเบียบและความหลากหลายของหนังสือในห้องสมุดของวังหลวงที่นี่ หล่อนหยิบหนังสือคลาสสิคหลายเล่มที่เคยรู้จักเพียงแต่ชื่อขึ้นมาพิจารณาด้วยความหลงใหล นี่ถ้าเธอได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ตลอดไป…เธอก็ยอม

หลายนาทีผ่านไปพร้อมกับหนังสือหลายเล่มได้ถูกเชยชม โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า มีใครคนหนึ่งได้มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอ แอบสังเกตอากัปกิริยาของเธออยู่สักพัก

“จะยืมไปสักกี่เล่มก็ได้ ผมไม่หวง” เสียงทุ้มนั่นทำเอาหล่อนสะดุ้ง ก่อนจะหันหน้ามามองว่าเป็นใครด้วยสายตาตื่นตกใจ

ดวงตากลมโตสวยเบิกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะอุทานเบาๆ “เจ้าชาย!”

คนถูกเรียกได้เพียงแต่อมยิ้ม รู้ว่าหล่อนคงกลัวเขาไม่มากก็น้อย

“ชอบอ่านหนังสือมากหรือ” เขาถามเธออีก เพียงเพื่ออยากจะคุยด้วย…อยากเอาชนะที่เธอไม่สนใจเขา

แสนดียืนนิ่ง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เพคะ”

“เลยอยากเป็นบรรณารักษ์?” พระองค์ตรัสถามอีก พลางจ้องดวงหน้าที่สวยเด่นกว่าทุกที…สวยพอๆกับพี่สาวที่เหลือเลย

“เพคะ”

ตอบสั้นจริงนะ…

“ผมเห็นคุณเดินหนีออกมา เบื่อหรืออย่างไร”

“เพคะ”
หึ…อยากจะเล่นสงครามกับพระองค์หรือ แม่สาวเดียงสาคนนี้ คงจะรู้จักพระองค์น้อยไป

“คุณเต้นรำกับชินาคมคนเดียว รู้จักกันมาก่อนหรือ”

“เพคะ”….อ่อ….เข้าใจแล้ว มิน่าล่ะ

เจ้าชายทรงแย้มสรวล แต่ใบหน้างามนั้นยังคงนิ่งเฉย ว่างเปล่า ไม่แสดงอารมณ์ใดใด

“ที่ไม่เต้นกับผม เพราะเขินผมใช่ไหม”

“เพคะ…” สิ้นเสียงหวานๆของตัวเอง หล่อนตกใจที่พูดอะไรออกไป จึงนิ่งงันอย่างนั้น แสนดีหน้าแดงขึ้นมาทันที รู้ตัวแล้วว่าตกหลุมพรางของเขาเข้าแล้ว

เจ้าชายจอมเจ้าเล่ห์สรวลเสียงดัง พอพระทัยที่หล่อนติดกับจนได้ ก่อนจะสังเกตได้ว่า ใบหน้านวลนั้นแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ แววตาที่สบมาที่พระเนตรนั้นแข็งกร้าวขึ้นมาทันที และแล้วหล่อนก็ถอนสายบัวก่อนจะทำใจกล้ารีบเดินผ่านไปพระองค์ไป

เจ้าชายทรงตกพระทัยในกิริยานั้น แต่กลับคว้าแขนบอบบางได้ทันควัน แสนดีอุทานเบาๆด้วยอารามตกใจ และแล้วตัวหล่อนก็เกือบแนบชิดเข้ากับวรกายสูงสง่า

เจ้าชายสบตาหล่อนตรงๆ แสนดีเม้มปาก ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ดวงหน้าหวานนั้นแดงก่ำ

“ปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ”

พระเนตรคมนั้นจ้องหล่อนไม่ลดละ ทำไมกัน…พระองค์ทรงเป็คนที่น่าเกลียดสำหรับหล่อนมากหรือ

“ทำไมถึงรังเกียจผมนักหนา” พระสุรเสียงหนักแน่นตรัสถาม พระหัตถ์แกร่งยังคงกุมท่อนแขนแบบบางไว้แน่น

แสนดีหลบพระเนตร “เปล่าเพคะ ไม่ได้รังเกียจ ปล่อยเถิดเพคะ”
เธอดื้อ…ดื้อจริงๆ

เจ้าชายผู้เอาแต่ใจ และไม่เคยมีใครปฏิเสธพระองค์ ทรงรู้สึกฉุนเฉียวมากขึ้น

“ดี ถ้าไม่รังเกียจผม เราก็ไปเต้นรำด้วยกัน พี่สาวคุณกำลังเล่นเปียโนอยู่ เราไปเปิดฟลอร์กันเป็นคู่แรกเสียเลย”

ตรัสแล้วก็ทรงบังคับพาร่างบอบบางให้เข้าไปในท้องพระโรงอันแสนรื่นรม แสนดีไม่มีทางเลือก หล่อนไม่อยาก้สียมารยาท และทำอะไรที่แสดงถึงความไม่ให้เกียรติต่อพระราชวงศ์ จึงยอมเดินเคียงคู่เจ้าชายแต่โดยดี

ท้องพระโรงซึ่งบัดนี้หนุ่มสาวแปลกหน้าได้จับกลุ่มคุยกันแล้ว และผู้ใหญ่ทั้งสี่ก็กำลังชื่นชมในบทเพลงของด้วยรัก ต่างก็หันมามองสองหนุ่มสาวที่กำลังเดินเคียงกันเข้ามาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมากลางฟลอร์และเริ่มลีลาศรอบใหม่เป็นคู่แรก

หลวงสีหนาถมองหน้าคุณหญิงวิสาด้วยความแปลกใจ

พระราชินีทอดพระเนตรด้วยความปิติ

ชินาคมจิบเครื่องดื่มด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำขณะมองไปที่แสนดีซึ่งถูกโอบไว้ด้วยพระพาหะของเจ้าชาย

“ทุกคนกำลังจ้องเราอยู่ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ผมเสียหน้า”

แสนดีเม้มปาก เมื่อพระเนตรคมจ้องเธออย่างไม่ลดละ หล่อนยอมเต้นกับพระองค์แต่โดยดี แม้ในใจจะต่อว่าต่างๆนาๆ ‘พวกชอบเอาชนะ’

“แสนดี…” พระสุรเสียงทุ้มเริ่มอ่อนโยนลงเมื่อตรัสเรียกชื่อหล่อน

ดวงตากลมโตสบพระเนตรด้วยความสงสัย

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณหรอกนะ แต่จะให้ผมทำอย่างไรได้ล่ะ”
แสนดีเลิกคิ้วสูง…สงสัยว่าพระองค์รู้สึกถึงเรื่องนี้ด้วยหรือ

เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่กล่าวอะไรตอบสักที จึงตรัสต่อไป

“ผม…ขอโทษ…ถ้านั่นจะทำให้คุณพอใจ”

หล่อนตาวาว ใบหน้าแดงเรื่อ ริมฝีปากบางจากที่เคยเม้มแน่นจึงเริ่มเผยอออก

“เปล่าเลยเพคะ!” หล่อนเอ่ยเสียงสูง ทำเอาเจ้าชายใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อได้ยินน้ำเสียงใสๆของเธอ

“หม่อมฉันไม่ได้โกรธ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่หม่อมฉันทำตัวไม่ถูกเพคะ เคยว่าพระองค์ต่างๆนาๆ จะให้เข้าพระพักตร์ติดได้อย่างไร”

ได้ยินคำอธิบายดังนั้น เจ้าชายรูปงามถึงกับแย้มสรวลออก รู้สึกโล่งพระทัยชอบกล…

ใบหน้าเนียนยังคงแดงก่ำต่อไป แต่แววตาว่างเปล่ากลับค่อยมีชีวิตชีวา…แต่รู้สึกอย่างไรกลับทรงอ่านไม่ออก

“กลัวผมจะสั่งจับขังหรือยังไง ผมมีเหตุผลพอน่า แยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร”

ได้ยินดังนั้นแสนดีนึกขัน…แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ตรงกันข้ามแววตาของหล่อนนั่นเองที่ฟ้องว่าเย้ยหยันพระดำรัสนั่น

เจ้าชายทรงรับรู้ทันที รู้สึกเขินเล็กน้อยเช่นกัน เพราะเหตุการณ์รถชนครั้งนั้นไม่ได้บ่งบอกเลยว่า ‘แยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร’

จู่ๆ พระพักตร์หล่อเหล่าก็แดงขึ้นมาเฉยๆ แต่รอยยิ้มบาดใจนั่นทำเอาแสนดีอ่อนไหวได้อยู่เหมือนกัน

“เอาละๆ ผมอาจจะชอบเอาชนะไปบ้างนะ แต่ว่าคุณแสนดี จากนี้ไป เรามาคุยกันดีดีเถอะครับ หรือคุณว่าอย่างไร”
น่าแปลกๆ จู่ๆหล่อนก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะเริ่มรู้สึกว่าอันที่จริงแล้ว เจ้าชายอิศเรศร์ ก็ทรงเป็นกันเองดี

หล่อนยิ้มอย่างน่ารัก ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “เพคะเจ้าชาย”

“แต่จะเรียกผมว่าคุณอิทธิก็ได้นะ” เจ้าชายตรัสขันๆ

และแล้วหนุ่มสาวทั้งสองหัวเราะด้วยกันเบาๆ ก่อนจะลีลาศต่อเนื่องนานจนลืมตัว

เจ้าชายทอดพระเนตรไปที่นาฬิกาเรือนทองอันใหญ่ที่ติดบนฝาผนังกลางท้องพระโรง เกือบเที่ยงคืนแล้ว และงานเลี้ยงคงใกล้จบลง พระองค์สบตาคู่ลีลาศคนล่าสุดอีกครั้ง และคิดว่าค่ำคืนนี้ก็วิเศษดีเหมือนกัน

“ในที่สุดผมก็ได้เต้นกับคุณในเพลงสุดท้าย”

















ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2554, 18:05:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2554, 18:05:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1690





<< ห้องสมุด   วางแผน >>
picky 12 พ.ค. 2554, 22:51:29 น.
น่ารักดีนะ บางครั้งเจ้าชายก็ดูเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เอาแต่ใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account