หนี้รัก หนี้วิวาห์
เรื่องราวของประติมากรหนุ่มผู้เย็นชากับนางแบบสาวผู้เรียกเสียงฮาได้ตลอดเวลา

เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นเมื่อ

‘กันต์กนิษฐ์ สุริยสกุล หรือ เนย’ น้องสาวแท้ๆของนางแบบสาวสวย ‘กมลนัทธ์ สุริยสกุล หรือ พายหวาน’ รับปากตกลงแต่งงานกับ

‘พิชญะ พิสุทธิวงษ์ หรือ โค้ก’ ประติมากรหนุ่มผู้เงียบขรึม

แต่แล้ววันแต่งงาน

น้องสาวของนางแบบสาวกลับหายไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายถึง

พี่สาวให้แต่งงานแทน

นางแบบสาวสวยจำต้องยอมแต่งงานแทนน้องสาวเพื่อรักษาหน้าครอบครัว

มันคือ หนี้รัก ที่เธอต้องชดใช้แทนน้องสาวที่หนีไป

ความรัก ความผูกพัน ความเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนี้

เรื่องราวจะลงเอกอย่างไร ติดตามได้ใน

“หนี้รัก หนี้วิวาห์”


Tags: ประติมากร,นางแบบ

ตอน: วิวาห์ว้าวุ่น

งานแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดี แม้บรรดาญาติๆของเจ้าบ่าวและแขกผู้มาร่วมงานจะพากันแปลกใจที่ชื่อและหน้าตาของเจ้าสาวไม่ได้ตรงกับบัตรเชิญ หรือแม้แต่สื่อมวลชนก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ ว่า ทำไมอยู่ดีๆเจ้าสาวถึงกลายเป็นฉันไปได้ แต่จะมีแค่เจ้าบ่าวหน้าตายของฉันนี่แหละ ที่ดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับใครทั้งสิ้น แม้ว่า เขาจะรู้ว่า เจ้าสาวไม่ใช่น้องสาวของฉัน แต่เป็นฉัน เขาก็ยังไม่มีท่าทีจะคัดค้าน แถมยังให้ความร่วมมือจนเสร็จพิธี
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ฉันก็โยนดอกไม้ให้กับบรรดาสาวโสดทั้งหลายที่มารอรับ มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันไปงานแต่งเพื่อนสนิท ที่อยู่ดีๆดอกไม้ก็หล่นมาใส่หัวของฉัน ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ไปรอรับกับเขาเลย หรือว่า มันจะเป็นลางบอกเหตุว่า ฉันจะต้องแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ฉันหันหลังแล้วโยนดอกไม้ไป โดยที่ไม่รู้ว่า ใครได้ แต่ที่รู้ๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวๆดังสนั่นจนฉันแสบแก้วหู
“เจ้าบ่าวจะไม่หอมแก้มเจ้าสาวโชว์หน่อยหรือคะ”เสียงยัยแจง เพื่อนสนิทของฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น เวรแล้วไง งานเข้าฉัน ฉันหันมาถลึงตาใส่ยัยแจง เพื่อจะบอกว่า ทำไมต้องมาหอมโชว์กันด้วยล่ะ ฉันกับอีตานี่แค่แต่งงานปลอมๆกันเฉยๆนะ แล้วฉันก็หันมามองหน้าเจ้าบ่าวหน้าตายของฉันที่ยังคงยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง นี่เขาพกวิญญาณมาด้วยหรือเนี่ย “ว๊า ! แย่จังเลยนะคะ แต่งงานกันทั้งที จะไม่หอมแก้มโชว์กันหน่อยหรอ น่าเสียดายจัง ใช่ไหม พวกเรา” ยัยแจงหันมาถามบรรดาแขกทั้งหลาย ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันประสานเสียงว่า
“หอมเลย หอมเลย หอมเลย” เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกตื้นตันใจเสียจริงๆ สามัคคีกันจริงๆเลยนะทุกคน รักฉันกันทั้งนั้น
เพราะฉันมัวแต่คิดแค้นยัยแจงมากเกินไป จนไม่ทันได้ระวังว่า เจ้าบ่าวหน้าตายของฉันโน้มริมฝีปากของเขาทาบลงริมฝีปากของฉัน ฉันตกใจเลยพยายามขัดขืน แต่เขากลับยิ่งกระชับริมฝีปากให้แน่นขึ้น พอแล้ว ฉันจะขาดใจตายเพราะไม่มีอากาศให้หายใจอยู่แล้วนะ
ในขณะที่ฉันกำลังถูกอีตานี่จูบ บรรดากองเชียร์ทั้งหลายก็ส่งเสียงโฮ่ร้องกันไม่ขาดสาย เวรกรรม นี่ฉันถูกจูบนะ ไม่ใช่ถูกลอตตารี่ จะโฮ่ร้องดีใจกันไปถึงไหนกัน
“ว้าว ! เกินความคาดหมายนะคะเนี่ย ให้หอมแก้มเจ้าสาว แต่ดั๊น จูจุ๊บ เจ้าสาว เห็นแล้วอดอิจฉาแทนเจ้าสาว ไม่ได้นะคะเนี่ย” ยัยแจงพูดน้ำเสียงทะเล้น ไม่เลิกไม่ลานะไอ้เพื่อนรัก เดี๋ยวเถอะ เสร็จงานนี้เมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าแก ฉันมองหน้ายัยแจงด้วยสายตาที่คาดโทษไว้ แต่เหมือนยัยแจงจะรับรู้ถึงสายตาของฉัน ก็ยิ่งแกล้งฉันมากขึ้นกว่าเดิม “สงสัยว่า อีกไม่นาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ก็จะมีทายาทให้พวกเราได้เห็นกันนะคะ ไม่ทราบว่า คุณโค้กอยากมีลูกกี่คนคะ” ยัยแจงหันมามองหน้าฉัน แล้วขยิกตาให้ โอ้พระเจ้า ใครเป็นคนส่งมันมาเป็นเพื่อนของฉันเนี่ย รักเพื่อนเหลือเกิน
“คิดไว้ว่า สี่คนครับ”เจ้าบ่าวหน้าตายของฉันพูดออกไปโดยที่สีหน้าก็ยังคงตายอยู่ แต่มันก็ทำให้ร้อนวูบวาบกับคำพูดของเขาเหลือเกิน บ้าแล้ว !! ใครจะไปมีลูกกับนายยะ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมมีอะไรกับนายหรอก แถมอยากมีลูกตั้งสี่คน ท้องเองเถอะพ่อเจ้าประคุณ ฉันส่งสายตาเพื่อบอกว่า ไม่มีทาง เจ้าบ่าวหน้าตายของฉันก็กระชากแขนของฉันเดินไปที่รถ ก่อนจะบอกว่า “ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีเรื่องต้องคุยกับเจ้าสาว” แล้วก็ขับรถกลับไปที่เรือนหอของฉันกับเขา ฉันจะโดนอะไรไหมเนี่ย รู้สึกไม่ค่อยดีเลย

ฉันนั่งตัวเกร็งอยู่ในรถ เพราะเขาขับรถกลับบ้านด้วยความเร็วสูง ฉันหันไปมองหน้าเขาก็เห็นแต่ เขาทำหน้าเคร่งขรึมอย่างเดียว มันทำให้ฉันคิดว่า เกิดมาเขาคงทำหน้าเป็นอยู่แค่หน้าเดียวนี่ล่ะ
“นี่คุณขับช้าๆก็ได้ ฉันยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควรนะ ครอบครัวฉันก็มีนะคุณ ถ้าฉันเป็นอะไรไปแล้ว ครอบครัวฉันจะรู้สึกอย่างไร”
ฉันบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจที่เขาขับรถเร็วเกินไป โหย ! ก็แค่แต่งงานกับพี่สาวของคนรัก มันจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อะไรขนาดนั้น เออ ! แน่ล่ะ เป็นใครใครก็โกรธขนาดฉันยังอยากจะหักคอน้องสาวตัวเองเลย ให้ตายสิ !
“เงียบไปเลย อย่าพูดมาก ไม่งั้นผมจะทิ้งคุณลงตรงนี้แหละ”
เขาหันมาตวาดใส่ฉัน จนฉันต้องเงียบ เพราะกลัวว่า ถ้าเขาดีแตกขึ้นแล้วทิ้งฉันไว้ตรงนี้จริงๆ คงจะดูไม่จืดเลย อย่าใจร้ายกับพิกุลทองแบบนี้นะเพคะ องค์พิชัยมงกุฎ
ฉันและเขาต่างคนต่างเงียบจนกระทั่งถึงบ้านหรือจะเรียกว่า เรือนหอก็ว่าได้ มันสวยมากเลย เป็นเหมือนบ้านในฝันที่ฉันใฝ่ฝันว่าจะมี เป็นบ้านหลังใหญ่ที่ร่ายล้อมไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ใบหญ้า มีม้านั่งเล็กอยู่หน้าบ้าน ฉันก้าวลงมาจากรถ เขาก็รีบกระชาก เน้นว่า กระชาก นะคะ กระชากชนิดที่ว่า จะเอาให้หัวล้างข้างแตกกันเลยทีเดียว สงสัยจะชอบดูจำเลยรักมากนะเขาเนี่ย เขากระชากฉันเข้าไปในบ้านและพาไปที่ห้องนั่งเล่น
“เบาๆก็ได้นะคะ คุณสามีขา ทำแบบนี้ภรรยาเจ็บนะคะ”
ฉันกระเซ้าเย้าแหย่เขาจนเขาต้องหันมาทำตาดุใส่ นั่นสินะ เล่นไม่ดูเวลาเลยฉันเนี่ย
“มาคุยกันให้รู้เรื่อง ทำไมถึงเป็นเธอที่มาเป็นเจ้าสาวของฉัน”
เขาถามฉันด้วยสายตาประหนึ่งว่า ถ้าไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ ชีวิตของฉันจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ แล้วจะให้ฉันตอบอะไรได้ล่ะ นอกจาก…
“ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้อย่างนั้นหรอ แล้วเนยล่ะ อยู่ที่ไหน เธอเอาเนยไปซ่อนไว้ที่ไหน ”
เขาบีบต้นแขนฉันจนแน่น จนฉันอดที่จะร้องออกมาไม่ได้
“จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ฉันจะเอาเนยไปซ่อนไว้ที่ไหนได้ล่ะ นอกจากเขาจะไม่อยากแต่งงานกับคุณเองซะมากกว่า บางทีเขาอาจจะไม่อยากแต่งงานกับประติมากรโรคจิตก็ได้นะ”
ฉันพูดประชดประชันอย่างไม่ไว้หน้า
“เธอว่าใคร โรคจิต ห๊ะ ! หรือว่า เป็นเพราะเธอใช่ไหม เนยถึงไม่ยอมแต่งงานกับฉัน.”
เขาผลักฉันกระเด็นไปอย่างแรง โหย ! นี่มันเรื่องจำเลยรัก ไม่ก็เรื่องไฟรักอสูร ชัดๆเลย พระเอกชอบใช้ความรุนแรงกับนางเอก แง ! แต่ฉันไม่ใช่นางเอกสองเรื่องนั้นนะ ทำไมต้องรุนแรงกันแบบนี้ด้วย
“อย่ามาโยนความผิดให้ฉันนะ เรื่องความรักของยัยเนย ฉันไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรด้วยเลย ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบหน้าคุณ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะห้ามให้ยัยเนยรักกับคุณ โอ๊ย!”
ฉันต้องร้องออกมาอีกครั้งเพราะ อีตาบ้านั่นเข้ามากระชากฉันเข้าไปหา ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากเลย แง ! แม่จ๋าช่วยหนูด้วย หนูกลัวหฤทธิ์เวอร์ชั่นนี้มาก เพราะหนูไม่อยากเป็นโสรยา ณ จุดๆนี้เลยจริงๆ
“โกหก เธอชอบฉันใช่ไหม ถึงได้ขอร้องให้เนยหนีไป แล้วตัวเองก็มาแต่งงานแทน”
เขาถามฉันด้วยความไม่พอใจ โอ้พระเจ้า ! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอใครจะหลงตัวเองเท่าเขามาก่อนเลย เออก็ดี ! คิดแบบนี้ใช่ไหม งั้นฉันจะสนองให้
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ คุณจะทำอะไรได้”
ฉันเชิดหน้าขึ้นอย่างมาดมั่น เขาปล่อยแขนออกจากตัวฉัน ก่อนที่จะทรุดลงไปกับพื้น
“เธอนี่มันนางมารร้ายชัดๆ ฉันไม่คิดว่า ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอด้วย”
“แต่คุณก็แต่งแล้วนี่คะ ช่วยไม่ได้ที่คุณตกหลุมพรางฉันเอง ฮ่าๆ”
ฉันหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่จริงๆ อยากจะร้องไห้มากกว่า ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
“เธอมันเลวมาก ฉันจะไม่มีวันแตะต้องตัวเธอเด็ดขาด”
“มันก็ไม่แน่นะคะ คุณสามีขา ที่เมื่อกี้คุณยังจูบฉันเลย ทำไมจะทำอย่างอื่นไม่ได้ล่ะ”
ฉันยังไม่เลิกที่จะกวนประสาทเขาต่อไป ปากฉันนี่ มันวอนหาเรื่องเสียจริงๆ
“นี่เธอ คิดว่า ฉันจะพิศวาสเธอนักหรือไง หน้าตาอย่างเธอน่ะหรอ แค่เห็นหน้า ฉันก็หมดอารมณ์แล้ว”
ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นสามีของฉันพูดโพล่งออกมาพร้อมกับสายตาเหยียดหยัน คิดหรอว่า คนอย่างฉันจะยอม เรื่องอะไรจะให้มาดูถูกกันแบบนี้ล่ะ ต้องเอาคืน
“ตายแล้ว คุณสามีขา ทำไม พูดกับเมียตัวเองแบบนี้ล่ะคะ พูดไม่เพราะเลยนะ”
ฉันแกล้งพูดดัดจริตเพื่อยั่วโมโหเขาเท่านั้น
“ผู้หญิงอะไรเนี่ย นอกจากจะถ่ายรูปโชว์นั่น โชว์นี่ให้คนอื่นดูแล้ว ยังจะพูดจาไม่สมควรอีก เธอมันเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน ผู้หญิงอย่างเธอมันไม่ควรเป็นเมียใครหรอก ฉันมันโชคร้ายที่ต้องแต่งงานกับเธอ”เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่บอกว่า ‘รังเกียจ’ แน่ชัด ฉันอยากจะกรี๊ดให้ก้องโลก เขาด่าฉันได้แสบสันมาก นี่เขามันผู้ชายประเภทไหนกันเนี่ย ด่าผู้หญิงได้จัดจ้านมาก
“ก็เป็นผู้หญิงประเภทนี้แหละค่า ถึงหน้าไม่ให้ แต่ใจรักนะคะ จุ๊บๆคุณสามีขา”
ฉันแกล้งพูดยั่วอีกครั้งแล้วทำท่าส่งจูบให้เขา เพื่อระงับความโกรธและความน้อยใจที่ซ่อนอยู่ภายใน ให้ตายเถอะ เขาทำทีจับจูบของฉันแล้วกระทืบทิ้ง กรี๊ดดดด ฉันอยากจะกรี๊ดให้ก้องโลก ทำไมฉันต้องมาแต่งงานกับอีตาบ้านี่ด้วย ทำไม !! แล้วชีวิตการแต่งงานของฉันจะไปกันตลอดรอดฝั่งหรอ สวรรค์ช่างใจร้ายกับฉันเหลือเกิน ไม่ยุติธรรมเลย
เฮ้อ ! วันนี้มันวันอะไรกัน ขีวิตของฉันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ไม่เข้าใจเลย ทำไมจู่ๆฉันต้องมาแต่งงานกับคนที่เขาไม่รักฉันด้วยล่ะ เขาจะไม่ฆ่าฉันก่อนจะพ้นวัยสาวใช่ไหม ประมาณพาดหัวข่าวหน้าว่า
‘นางแบบสาวแสนสวย ถูกสามีฆาตกรรมอย่างเลือดเย็นภายในห้องหอ’
บรื้อ ! แค่คิดก็สยองแล้วค่ะ ไม่เอาๆ ฉันยังไม่ยอมตายนะ ถ้ายังไม่มีสามี เฮ้ย ! ก็มีแล้วนี่หน่า ไม่เอาๆ ฟุ้งซ่านไปแล้วยัยพาย ไปอาบน้ำดีกว่า ฉันรีบเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าที่เพิ่งจะจัดเสร็จเมื่อกี้นี้เอง หยิบเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นออกมา ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากที่ฉันอาบน้ำให้ฉ่ำปอดแล้ว ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อทาโลชั่นอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน แน่ล่ะ ฉันเป็นนางแบบนี่หน่า ต้องบำรุงผิวกันเป็นธรรมดา ไม่งั้นผิวจะแห้งเหี่ยวก่อนวัยอันควร
“นึกว่าจะเข้าไปนอนในห้องน้ำซะแล้ว เห็นเข้าไปนานเป็นชั่วโมง ทำไมไม่เอาที่นอนและหมอนเข้าไปเลยล่ะ”
สามีหน้าตายเอ่ยทัก ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ หึ ! ยังกวนประสาทไม่เลิกนะ เดี๋ยวน้องพายจัดหนักให้
“แหม ! สามีขา พูดเหมือนปรกติชอบไปนอนในห้องน้ำบ่อยนะคะเนี่ย ถึงได้ชวนเมียไปนอนในห้องน้ำ แต่ว่า เมียไม่ชอบหรอกค่ะ ห้องน้ำเนี่ย ถ้าสามีชอบ ตามสบายเลยนะคะ เมียไม่ว่า”
ฉันตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงกวนๆ เหมือนที่เขาทำ เขาทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่จะเดินเข้าไปอาบน้ำเช่นกัน ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า กวนประสาทนี่นัก เขาต้องเจออย่างฉันนี่ล่ะ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ เหมือน มินิทเมต ที่มีทั้งน้ำและเนื้อ (เกี่ยวกันไหม -*-)
ฉันรีบทาโลชั่นที่ใบหน้าและตามลำตัว แล้วรีบที่เตียงโน้มตัวลงนอน หลับตา ก่อนที่จะสติจะดับไป ฉันมีความรู้สึกว่า เขาออกมาจากห้องน้ำแล้วขึ้นมาบนเตียง จากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย



ปานพิชชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2555, 16:48:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ส.ค. 2555, 16:48:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 5656





<< จดหมายจากตัวต้นเหตุ   แถลงข่าว >>
SaiParn 25 ส.ค. 2555, 19:24:30 น.
รอ...อ่านตอนต่อไปนะคะ


titirat 27 ส.ค. 2555, 14:37:25 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ
รออ่านค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account