ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สี่ ข้าขอโทษที่ไม่อาจปล่อยเจ้าไป 100%
บทที่สี่
เสียงเอะอะโวยวายเรียกให้สองหนุ่มวิ่งออกจากกระโจมที่พัก พวกเขาถามเหล่าคนงานที่ยืนมุงอะไรกันมากมายแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ยะตีมมองนิ้วที่เหล่าคนงานพร้อมใจกันชี้ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อทางนั้นมีผู้คนมากมายยืนเบียดเสียดบังอยู่ เขาจึงสะกิดฮาฟิซให้วิ่งตามมาและนั่นทำให้เห็นอะไรบางอย่างได้ชัดเจน
เหล่าคนงานในโอเอซิสต่างตกใจกับภาพตรงหน้า หลังจากที่รถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและจอดดังเอี้ยดฝุ่นทรายตลบไปทั่ว ชายร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้านายของทุกคนก็ลงจากรถด้วยใบหน้าถมึงตึงพร้อมกับแบกห่อผ้าสีขาวขนาดใหญ่ไว้ที่บ่า พวกเขาไม่แน่ใจว่านั่นคืออะไร คนหรือสิ่งของ และถ้าเป็นคนแล้วคนในนั้นจะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ ตราบจนที่ ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ ถึงที่หมายจึงคลายห่อผ้าออกและโยนสิ่งนั้นลงที่ขอบสระโอเอซิส
ร่างบางหัวทิ่มลงพื้นอย่างแรง เสียงแหลมไอค่อกแค่กเล็กน้อยเนื่องจากสูดละอองทรายเข้าเต็มปอด เธอดันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่เจ้านายโยนทิ้งอย่างเต็มตา
เธอมีลักษณะเป็นสาวเอเชียร่างสูงบาง มือทั้งสองข้างถูกจับมัดไขว้หลังทำให้ไม่สามารถจัดการกับผมยาวสีดำที่พันกันจนหัวยุ่งเหยิง แก้มทั้งสองบวมเปล่งเป็นรอยช้ำเหมือนถูกบีบด้วยของแข็ง ริมฝีปากที่เม้มไม่ให้ส่งเสียงสะอื้นนั่นยังมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ ดวงตาเธอแดงก่ำน่าเวทนายิ่งนัก เสื้อผ้าก็ยับเยินเหมือนไปผ่านศึกที่ไหนมา แต่ลำคอยาวระหงนั่นกลับเชิดขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“ท่านอัลลัยล์ ได้โปรดใจเย็นเถอะครับ”ฮาฟิซรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นเจ้านายเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวอย่างเต็มตา เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอยังสภาพดีกว่านี้โข แล้วนี่มันเกิดอะไรกันทำไมเจ้านายถึงได้ดูหัวเสียขนาดนี้
“ใครเข้ามาห้ามข้าจะตัดคอมัน”อัลลัยล์กัดฟันกรอด
เมื่อมองดูอารมณ์ผู้เป็นนายในตอนนั้นเขาก็มั่นใจว่าหากเจ้าฮาฟิซเข้าไปซักไซร้มากความคงจะได้ขาดเป็นสองท่อนแน่ๆ มือแกร่งของยะตีมจึงดึงน้องชายออกมาให้ห่างจากผู้เป็นนาย แม้เขาจะสงสารหญิงสาวตรงหน้าก็ก็ไม่อาจะช่วยอะไรได้มาก ยิ่งพูดไปเหมือนยิ่งสาดน้ำมันเข้ากองเพลิงให้โหมกระหน่ำมากกว่าเดิม คนที่จะช่วยเธอได้ก็คงมีแต่ตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าเธอพูดร้องขอความเมตตาดีๆเจ้านายก็คงจะปล่อยเธอไป แต่ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่ร้องขออะไรจากเจ้านายเป็นแน่ เธอเชิดหน้าสบตาเจ้านายด้วยสายตาไม่หวั่นเกรง ริมฝีปากบางนั่นแสยะยิ้มเล็กน้อยกระตุ้นแรงโทสะของอีกฝ่ายได้ไม่ใช่เล่น
“เป็นเมียข้ามันหนักหนามากนักหรือยังไง”อัลลัยล์เดินเข้าไปบีบแก้มของอีกฝ่ายให้สบตาตน เมื่อเห็นเธอยังนิ่งเขาก็สะบัดออกจนร่างบางนั่นเซไปข้างหลัง
เมื่อเห็นเธอทุลักทุเลในการดันตัวขึ้นมากนัก เขาจึงฉุดแขนเธอให้ลุกขึ้นเพื่อจะได้จับหน้าน้อยๆให้ถนัดมือ
“ตอบมา อย่ามานิ่งใส่ข้า!”เขาบีบแก้มของเธออีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเช่นเคย ใบหน้าคมสันคล้ายปีศาจเข้าไปเรื่อยๆ อัลลัยล์สะบัดมืออย่างแรง หนนี้ถึงกับส่งผลให้ร่างบางนั่นหงายหลังไป
พิมพ์นาราพยุงร่างอันบอกช้ำของเธอขึ้นอย่างทุลักทุเล ถึงแม้น้ำตาจะไหลลงมาเรื่อยๆแต่เธอก็ก้มหน้าเช็ดกับหัวไหล่ทุกครั้งไป แม้ตัวเธอจะสั่นแต่ก็ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาซักนิด
เมื่อเห็นท่าทางของเธอแล้วก็ทำให้ทุกคนในที่นั่นต่างรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ก่อนเมื่อมีคนทบทวนคำถามของเจ้านายอีกครั้งความสงสารนั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตะลึงแทน ยังมีผู้หญิงสติดีที่ไหนที่กล้าปฏิเสธ ‘ท่านชีค’ ได้ลงคอ! อีกทั้งเมื่อรู้ว่าหากปฏิเสธแล้วจะต้องเจ็บตัวโดยใช่เรื่อง เธอก็ช่างดื้อด้านบ้าบิ่นดีแท้ เพียงแค่ตอบรับ ‘การเป็นเมีย’ ทุกอย่างก็จบแล้ว ‘เป็นเมีย’ บุคคลผู้มีทั้งอำนาจและเงินแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกัน
“ไม่ตอบใช่ไหม?”
“ตอบไปแล้วไงค่ะ เอามีดมาปักอกฉันให้ตายดีกว่าให้ฉันไปเป็นเมียคนเถื่อนไร้อารยะธรรมแบบคุณ”พิมพ์นาราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ทำให้คนตรงหน้าโมโหเธอมากกว่าเดิมไงล่ะ!
เอาสิ เอาเลย อยากจะทำอะไรก็เชิญ ฆ่ากันให้ตายไปข้างเลยก็ได้ เธอก็เบื่อที่จะต้องเจอคนๆนี้เต็มกลืนแล้ว
“งั้นก็ดี!”อัลลัยล์ตะโกนก้องตามแรงโทสะก่อนจะดึงตัวของหญิงสาวให้ลุกขึ้นและ…
ตู้มมมม!
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มลืมตาโพล่งก่อนที่ร่างบางหงายหลังตกสระโอเอซิสไป
“ว้าย!”หญิงคนงานที่ยืนมุงยกมือทาบอกอุทานด้วยความตกใจ เหล่าคนงานชายก็ตกใจที่แพ้กัน โดยเฉพาะสองผู้ติดตามที่แม้ใบหน้ายังคงนิ่งแต่ในใจนั้นก็เต้นรัว พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเจ้านายโกรธใครมากขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับผู้หญิงแล้วด้วย!
ฮาฟิซสะบัดแขนผู้เป็นแฝดพี่ออกก่อนจะเดินไปคำนับกับชายหนุ่มข้างหน้า
“ท่านอัลลัยล์! เดี๋ยวเธอจะจมน้ำตายเอานะครับ!”เขากล่าวเตือนเจ้านายด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
หากปกติเธอคงจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ครั้งนี้มือทั้งสองนั้นถูกมัด!
อัลลัยล์ไม่ตอบอะไร เขายืนดูร่างบางที่กำลังทุรนทุรายด้วยสายตาพึงพอใจ
เมื่อผ่านไปซักพักฮาฟิซจึงหันหน้าไปหาแฝดพี่ให้ช่วยเหลือ ยะตีมผู้ที่ไม่อาจจะปฏิเสธน้องชายได้สาวเท้าเดินเข้ามาเคียงบ่าผู้เป็นน้องและถามผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ให้ผมลงไปช่วยเธอไหมครับ”
อัลลัยล์แสยะยิ้มก่อนจะตอบผู้ติดตามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“แม่นั่นมันช่วยตัวเองได้!”
และเป็นจริงอย่างที่คาด ร่างบางดิ้นทุรนทุรายเนื่องจากขาดอากาศหายใจอยู่ชั่วครู่จนเธอกลับมาตั้งสติได้ เธอออกแรงกระชากพยายามให้เชือกทั้งสองขาดออกจากกันจนรู้สึกแสบที่ข้อมือทั้งสอง เวลานั้นเธอรู้ถึงความเป็นไปได้นั้นมันลอยไปไกลเข้าทุกที เธอกลับมาตั้งสติอีกครั้งคิดว่าถึงแม้แขนทั้งสองตอนนี้จะใช้งานไม่ได้แต่ก็ใช่จะเป็นอัมพาตไปทั้งตัว
พิมพ์นาราพยายามลุกขึ้นยืนหลายต่อหลายครั้งโดยไม่สนใจว่าจะล้มอีกกี่รอบ แม้ขาจะอ่อนเรี่ยวแรงแต่ในที่สุดก็สามารถขึ้นมาสูงอากาศหายใจข้างบนผิวน้ำได้!
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
อัลลัยล์มองภาพที่หญิงสาวสำลักน้ำจนหน้าแดงไปหมด ชั่ววูบนั้นเขารู้สึกสงสารและคิดน้อยใจ ตั้งแต่ที่เขาพาเธอออกมาจากคฤหาสน์ตัวเขาเองเที่ยวถามคำถามเดิมๆหลายต่อหลายรอบ ถึงแม้คำตอบส่วนใหญ่จะคือความนิ่งเงียบ และอีกส่วนน้อยที่เหลือ ใช่…เธอตอบเขา แต่เป็นถ้อยคำทำร้ายจิตใจหยาบคายที่ไม่รู้เธอไปสรรหามาจากไหน ยิ่งคิดยิ่งแค้นนัก เหตุใดเธอจึงปฏิเสธเขาขนาดนี้กัน ตัวเขามันน่ารังเกียจสำหรับเธอมากงั้นหรือ
เมื่อได้สบตากับดวงตาดื้อดึงคู่นั้น แต่ในที่สุดแรงโทสะก็กลับมาครอบงำอีกครั้งจนได้ เขาหันหลังกลับและออกคำสั่งสุดท้ายซึ่งถือว่าเป็นคำประกาศิตสำหรับทุกคน
“อย่าให้แม่นั่นขึ้นมาจนกว่าหล่อนจะยอมตกลงเป็นเมียข้า!”
เมื่อเห็นทุกคนเดินออกไปเพราะคำสั่งให้ทุกคนกลับไปทำงานเหมือนเช่นไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิมพ์นาราถึงกับปล่อยโฮออกมา รอยช้ำเต็มร่างกายเธอมันช่างน้อยนักเมื่อเทียบกับความเจ็บใจต่อชายคนนั้น เกิดมาเธอไม่เคยพานพบกับคนใจร้ายป่าเถื่อนแบบนี้มาก่อน เขาทำตัวเหมือนตนเองคือสิงโตที่นอนอยู่จัดศูนย์กลางของโลก หากใครทำอะไรขัดใจก็จะพุ่งกระโจนเข้าไปขย้ำให้ทรมานเล่น และปล่อยให้เหยื่อคนนั้นตายไปช้าๆ ตามความปรารถนาของตนเอง
เธอไม่รู้ตัวหรอกว่ายืนร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่แล้ว เธอรู้แต่เพียงว่าน้ำตาของเธอมันไหลตั้งแต่ฟากฟ้ายังสว่างจ้าด้วยแดด จนมาถึงตอนนี้ที่ท้องฟ้ามืดครึ้มล่วงเลยเวลาอาทิตย์ตกดินมาก็นานโข แม้จะอยู่ในน้ำแต่เธอก็รู้สึกคอแห้งเป็นผง เธอไม่รู้หรอกว่าจะต้องทำอย่างไรเพราะสมองเธอตอนนี้กำลังเต้นตุบๆแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวหนัก ดังนั้นเธอขอยืนเงียบๆไปคนเดียวดีกว่า
แม้ทะเลทรายของอียิปต์จะร้อนจนแทบสุก แต่จะมีคนนอกซักกี่คนที่รู้ว่าเวลากลางคืนของที่นี่นั้นจะอากาศตรงข้ามกลางวันอย่างสิ้นเชิง มันหนาวเย็นยะเยือกยิ่งกว่าหน้าหนาวในประเทศไทยนัก ทั้งหนาวและแห้งแล้ง เวลาลมทะเลทรายยามกลางคืนพัดมาทำให้เธอหนาวสั่นจนขาแทบจะยืนไม่ไหว เธอไม่รู้ว่าจนทนได้อีกนานเท่าไหร่ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ขอให้เธอจมน้ำตายที่นี่แหละ ยังดีกว่ารอดมาในเช้าพรุ่งนี้ให้ชายคนนั้นหัวเราะเยาะเอา
เธอพยายามกัดฟันไม่ให้กระทบกันเนื่องด้วยอากาศหนาวเหน็บนี้ เธอเกร็งจนรู้สึกปวดกรามอย่างไม่เคยเป็น เมื่อรู้ตัวว่าเธอบังคับต่อไปไม่ไหวแล้วจึงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม
“กึก กึก ฮึก!”เสียงฟันกระทบกันปนกับเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตาเหลือให้เธออีกแล้ว เธอจึงได้แต่สะอื้นเบาๆกับตนเอง
ท่ามกลางสระโอเอซิสอันเวิ้งว้าง พิมพ์นารายิ้มกับตนเอง ฟ้าคงเมตตาเลยทำให้เธอไม่รู้สึกหนาวหรือเมื่อยล้าอีกต่อไป ร่างบางเอนไปมาตามแรงลมพัด เธอเข้าใจว่าที่ตาเธอจะปิดลงทุกขณะเป็นเพราะความง่วงที่เข้าจู่โจมหญิง บางทีเธออาจลืมนึกไปว่าเธอก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาผู้หนึ่ง ไม่เคยตากแดดตากลมหรือยืนแช่น้ำท่ามกลางอากาศเย็นขนาดนี้ โดยเฉพาะการโดนฉุดกระชากไปมาราวกับว่าเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ใดลงไม้ลงมือกับเธอเลย แม้กระทั่งมารดาของเธอที่จากไปเองก็เถอะ…
“แม่ค่ะ…”เธอพึมพำ
“นาราง่วงจังเลยค่ะแม่”น้ำเสียงเธอค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ
‘หลับตาซะเถอะลูก…’ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือร่างกายมัยออกคำสั่งลวงมา เธอค่อยๆปิดเปลือกตาลงและปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
และแล้วร่างบางก็จมหายไปในผืนน้ำโอเอซิสแห่งนี้…
ร่างผอมบางของเด็กชายคนหนึ่งวิ่งผ่าเข้ามากลางกระโจมหรูหราของผู้เป็นนายเหนือแห่งทุกคน มือของคนสนิททั้งสองยกปืนขึ้นตามสัญชาติญาณเล็งไปยังเป้าหมายที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
“หยุด!”ทั้งคู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
ผู้มาใหม่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นวัตตุสีดำเลื่อมนั่น
เมื่อเห็นว่าเป็นใครทั้งคู่จึงลดปืนลงและถอนหายหนัก
“คราวหลังอย่าทะลึ่งพรวดมาแบบนี้อีกนะสลิลิน!”ยะตีมดุเด็กชายตรงหน้าซึ่งผู้ถูกดุก็เผยหน้าเสียออกมาไม่น้อย
“นี่มันก็ดึกดื่นแล้ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ฮาฟิซกอดอกถาม
“เอาน่าไม่เป็นไร”เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้นมาเรียกให้สายตาทุกคู่หันกลับไปมอง
อัลลัยล์ในชุดกาลาไบยาสีดำปิดหนังสือเล่มหนาในมือก่อนจะโยนตุบไว้ที่ข้างตัว เขาบิดแขนคลายเส้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทักทายเด็กชายผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ไงเจ้าเด็กน้อย ไม่ได้เจอตั้งนานก็ดูเจ้ายังไม่โตขึ้นซักเท่าไหร่นะ”ชายหนุ่มหัวเราะลั่นกับอาการหน้าเสียและท่าทางหอบตัวโยนของเด็กชาย
สลิลินเป็นหลานของแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก เจ้านี่เป็นเด็กฉลาด รู้จักเอาตัวรอด หัวไว สอนอะไรก็รับได้อย่างรวดเร็วไม่ทำให้ผู้สอนรำคาญใจ ดังนั้นเขาจึงเอ็นดูเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ
“ว่าไงล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมาหาข้า”อัลลัยล์ยิ้มให้กับเด็กชายตรงหน้า
“ท่านอัลลัยล์!”สลิลินเอ่ยเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอก ระยะทางที่ตนวิ่งมาแม้จะ
ไม่ไกลนักแต่บวกกับความตื่นตระหนกทำให้เขาเหนื่อยมากเป็นพิเศษ
“ทำไมต้องเสียงดัง พูดจาเบาๆก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง”ฮาฟิซกล่าวกับเด็กชาย
“ท่านๆฟังข้าพูดก่อน คือแม่หญิงที่ท่านอัลลัยล์ให้แช่น้ำครับ…”สลิลินหน้าเงียบลงไม่กล้าพูดต่อเมื่อเห็นชายในชุดกาลาไบยาสีดำเริ่มมีสีหน้าดุดันขึ้น
“นี่เจ้าวิ่งกระหืดกระหอบมาเพราะเรื่องแม่นั่นเรอะ! งั้นจงไปให้ไกลข้าก่อนที่เจ้าจะโดนไม้”อัลลัยล์กล่าวเสียงเข้มก่อนจะล้มตัวเอนนอนหยิบหนังสือข้างตัวขึ้นมาอ่านต่อ
ยะตีมกับฮาฟิซต่างเหลือบมองนาฬิกาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เวลาที่หญิงสาวผู้นั้นโดนจับโยนลงน้ำก็ตั้งแต่สี่โมงเย็นซึ่งจนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน อีกทั้งค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็นลมแรงแม้แต่พวกเขาที่อยู่ในกระโจมก็ยังได้ยินเสียงลมพัดดังเข้ามาถึงข้างใน อย่าว่าแต่ยืนแช่น้ำเลย แค่นั่งตากลมก็แย่แล้ว ไม่รู้ร่างบางนั่นจะทนได้อีกนานรึเปล่านี่สิ พวกเขาคิดในใจ
“ให้สลิลินกลับไปนอนซะ”อัลลัยล์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชายหนุ่มผู้ติดตามทั้งสองล้มเลิกเรื่องที่ตนจะถาม ดูจากอารมณ์ผู้เป็นนายแล้ว ถ้าเกิดได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกดูท่ากระโจมนี้คงแตกพังเป็นสามท่อนแน่
“เจ้ากลับไปนอนเถอะสลิลิน นี่ก็ดึกมากแล้ว”ยะตีมดันเด็กชายออกนอกกระโจม
สลิลินปัดมือของชายที่สูงกว่าตนเกือบสามเท่า ร่างผอมเหยียดตัวตรงพร้อมแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“ท่านอัลลัยล์! ที่ข้าวิ่งหอบมาไม่ใช่เรื่องไร้แก่นสาร ข้าแค่อยากจะบอกท่านว่าแม่หญิงนั่นจมหายไปในน้ำตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้!”สลิลินกัดฟันตะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ!”คู่แฝดอุทานขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะหันมาดูสีหน้าผู้เป็นนาย
ตุ้บ!
หนังสือเล่มหนาหล่นลงไปกับพื้น อัลลัยล์เบิกตาโพล่งแน่นิ่ง
ไม่รู้เพราะอะไร บางทีเขาทั้งสองอาจจะตาฝาดก็เป็นได้เมื่อเห็นผู้เป็นนายหน้าซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็น!
“ใครก็ได้ไปตามหมอมาที เอามาให้หมด!!”เสียงทุ้มสั่งก่อนจะลุกขึ้นวิ่งออกนอกกระโจมไปโดยไม่รั้งรอ ยะตีมอาสาออกไปตามหมอมาเอง ฮาฟิซพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวิ่งตามผู้เป็นนายออกไปอย่างเร่งรีบไม่แพ้กัน
ภาวนาว่าอย่าให้แม่หญิงนั่นเป็นอะไรไปเลย ฮาฟิซคิดในใจ!
“นี่เจ้า!!”เสียงทุ้มตะโกนลั่นท่ามกลางความมืด
อัลลัยล์หยุดลงที่หน้าสระโอเอซิส ดวงตาสีดำกวาดตามองไปทั่วทั้งผืนน้ำแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของหญิงสาว วินาทีนั้นเขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบ อีกทั้งหัวใจของเขามันก็เต้นช้าหน่วงกว่าปกติ
ตู้ม!
ร่างหนากระโดดลงสระโอเอซิสโดยไม่รีรอหยุดคิดอะไรให้มาก เขาเดินลุยน้ำเพื่อกวาดมือหาหญิงสาว แต่จนแล้วจนรอด เขาแทบจะเดินไปทั่วทั้งบริเวณอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่เจออะไรที่เกี่ยวข้องกับร่างบางนั่น
“โธ่เว้ย!”เสียงทุ้มสบถสั่นก่อนจะฟาดน้ำอย่างขัดใจ
เพี้ย!
ฮาฟิซที่วิ่งตามมาหยุดชะงักมองอาการของเจ้านาย ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาพึ่งเคยเห็นคนผู้นี้อยู่ในอาการขาดสติและกระวนกระวายมากขนาดนี้ ดูท่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
ผู้ติดตามหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกไป เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะมีเวลาไปคิดเรื่องไร้สาระอีก เขาทึ้งผมตนเองก่อนจะกวาดตามองหาร่างของหญิงสาวจากบนฝั่ง
“มาแล้วๆ”สลิลินวิ่งตามมา ในมือเล็กๆนั่นมีไฟฉายถือติดมือมาด้วย
อัลลัยล์หันไปตามเสียงของสลิลิน เมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างผอมถืออะไรมาเขาก็รู้สึก
อยากขอบคุณเด็กนั่นเสียจริง ถึงแม้มันจะเป็นแค่ไฟฉายไร้ค่า แต่ในเวลานี้มันกลับเหมือนที่พึ่งสุดท้ายของเขาจริงๆ!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดอะไรไร้สาระแบบนี้ มันไร้ซึ่งเหตุผลพอๆกับว่าทำไมเขาถึงต้องกระโดดลงน้ำทั้งๆที่มันมืดและมีโอกาสหาเธอเจอเลย!
ฮาฟิซขอบคุณเด็กชายและเปิดไฟฉายส่องไปที่แผ่นน้ำกว้าง เขากวาดตาไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาอันน้อยนิด จนในที่สุดก็เจออะไรบางอย่างที่ลอยขึ้นมาเป็นแพคล้ายเส้นผมมนุษย์!
“ท่านอัลลัยล์ เธออยู่ตรงนั้นครับ!”ฮาฟิซส่งเสียงบอก
อัลลัยล์ว่ายไปตามแสงไฟฉาย ระยะทางคล้ายจะไกลมากสำหรับเขา ตอนนี้เขาทำได้แต่เพียงสวดอธิฐานในใจ
โอ้…พระอัลเลาะห์
ขอให้เธอมีความสามารถพิเศษจำพวกกลั้นหายใจในน้ำนานๆได้ด้วยเถิด!
เมื่อถึงที่หมายเขาก็กวาดมือไปมาใต้น้ำ ก่อนจะไปสัมผัสกับบางสิ่งที่นุ่มนิ่มและเย็นเฉียบ
พุบ!
เขาจับแขนเธอแน่นและดึงร่างบางของเธอขึ้นมา มือหนาจับเข้าที่แก้มซีดของเธอ เวลานี้เนื้อตัวเธอเย็นเฉียบ ปากสีเขียวม่วง ดวงตาของเธอหลับพริ้มไม่ต่างจากบนเตียง ที่ต่างคือความรู้สึกก่อนหน้านั้นคือเธอตัวอุ่นและหายใจแรง แต่ตอนนี้เขาแทบสัมผัสถึงสิ่งที่ว่านั่นไม่ได้!
อัลลัยล์อุ้มร่างบางแนบอกก่อนจะเดินขึ้นฝั่ง เนื้อตัวของเธออ่อนยวบ
เขาวางเธอลงกับผืนทรายก่อนจะแกะเชือกที่มัดข้อมือเธอโยนไปอีกด้านพร้อมกับตบหน้าปลุกเบาๆ
“ท่านอัลลัยล์เอาตัวเธอไปไว้ที่อุ่นกว่านี้จะดีกว่านะครับ”ฮาฟิซเดินตามมาเอ่ยเตือน
“ผมช่วยนะครับ”ชายหนุ่มเสนอตัว ผลที่ได้คือเจ้านายดูท่าจะไม่ฟังเขาเลย ร่างหนารวบตัวหญิงสาวขึ้นมาก่อนจะวิ่งกลับไปที่กระโจมโดยเร็วที่สุด
เขารู้ว่าเวลานี้ต้องแข่งกับเวลาเพียงใด!
พั่บ!
เขาวางร่างบางบนที่นอนนุ่มของตนก่อนจะเอามือสั่นเทาไปอังที่ปลายจมูกเธอ
วินาทีนั้นทำให้เขาเย็นเฉียบไปถึงหัวใจ ขาทั้งคู่แทบทรุดลงเมื่อพบความจริงบางอย่างว่าเหตุใดเธอไม่ตอบสนองเขา เขาพึ่งรู้ว่าอาการที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นมันเป็นยังไงก็วันนี้!
เธอไม่หายใจ!!
ร่างหนาแข็งทื่อไปชั่วขณะพร้อมๆกับที่ยะตีมนำหมอวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในกระโจม ผู้เป็นหมอวางกล่องเครื่องมือลงก่อนจะเดินมาจับชีพจรของหญิงสาวตรงหน้า
ฮาฟิซบอกเจ้านายให้ถอยออกมาก่อน ซึ่งเขาก็ยอมถอยออกมาแต่โดยดีแต่ดวงตาสีดำนั่นกลับมองไปที่หญิงสาวไม่วางตา
มือหนาของผู้เป็นหมอปั้มหัวใจให้อีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ เวลาชั่วครู่ที่รอคอยนั้นสำหรับอัลลัยล์แล้วมันช่างยาวนานเหลือเกิน เขายืนมองร่างบางที่นอนสงบนิ่งด้วยความกระวนกระวาย หัวใจเต้นระรัว
มือหนากุมศีรษะของตนพร้อมกับทรุดลง เขาทำบ้าอะไรไป เขาทำร้ายคนดีไปอีกหนึ่งคน!
เธอผู้มีน้ำใจช่วยเหลือคนไม่รู้จักหน้าค่าตา และดูสิ่งที่เขาตอบแทนเธอสิ
เธอผู้ร้องไห้ตัวสั่นหวาดกลัว และเขากลับเลือกที่จะทำให้เธอกลัวมากกว่าเดิม
ยิ่งนึกถึงคำตอบสุดท้ายของเธอแล้วก็ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเย็นเฉียบ สั่นไปทั้งตัว…
เธอเลือกที่จะจมน้ำตายดีกว่าต้องมาอยู่กับเขา!
“โธ่เว้ย!”มือหนาทุบพื้นเสียงดัง
ยะตีมกับฮาฟิซมองหน้ากันก่อนจะลอบสังเกตอาการของชายหนุ่มอย่างเงียบๆ มนุษย์เราล้วนแต่ผิดพลาดกันได้ทุกคน และถ้าหากฟ้าได้ยินเสียงมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างพวกเขาละก็
พวกเขาก็อยากขอโอกาสที่สองให้ผู้เป็นนาย!
“แค่ก!”
ทุกคนหยุดมองที่ร่างบาง อัลลัยล์ลุกขึ้นมองดูหญิงสาวด้วยสายตาที่มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้รักษาปั้มหัวใจของหญิงสาวอีกครั้ง ราวกับหมื่นแสนล้านวินาที มันช่างแสนยาวนานกับการรอคอยอะไรซักอย่าง!
“…”
“แค่ก!”
ร่างบางสะดุ้งสำลักน้ำออกมา หมอชรายิ้มกว้างและยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าของตนก่อนจะจับชีพอีกครั้ง
“เธอ…”หมอชราเว้นคำพูดไป
“เธอทำไมหมอ!”อัลลัยล์เขย่าตัวหมอชรา
“เธอหายใจแล้วครับท่านอัลลัยล์!”
ราวกับทั้งโลกกลับมาหมุนอีกครั้ง อัลลัยล์เดินไปทรุดตัวลงข้างหญิงสาว เขาจับมือเย็นชืดอย่างทะนุทนอมกว่าทุกครั้ง ข้อมือเธอยังมีเลือดสดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด รอยเชือกกินเข้าไปเป็นแผลลึก
เวลานี้เขาพึ่งจะรู้ว่าเธอบอบบางแตกสลายง่ายเพียงใด!
“ข้าขอโทษ”เสียงทุ้มเอ่ยสั่นเครือ
“ข้าขอโทษที่ไม่อาจปล่อยเจ้าไป ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องเอาเจ้ากลับมา…”ชายหนุ่มเกลี่ยไรผมของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“ต่อให้เป็นกบฏต่อพระเจ้า ข้าก็ไม่อยากเสียเจ้าไป”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวก่อนนะจุมพิตที่มือคู่นี้เบาๆ
“ถึงยังไง เจ้าก็ต้องเป็นขอข้า!”
ในที่สุดเขาก็เจอจนได้
สิ่งที่ไม่อาจสูญเสียไป!
------------------------------------------------------------
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ (*o*)\\
เค้าชื่อ กี้ นะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนน้า
ช่วงนี้อากาศก็เปลี่ยนเเปลงบ่อย
อย่าลืมรักษษสุขภาพด้วยนะคะ อย่าไปวิ่งตากฝน เพราะเชื้อหวัดมันเเรง (TTwTT)\\
ยังไงกี้ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
กี้เเต่งเป็นเรื่องเเรก
ผิดพลาดประการได้เเนะนำมาได้เสมอเลยค่ะ (>\\\\<)\\
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะคะ
ปล.อย่าลืมเม้นต์กันเยอะๆน้า ทุกคะเเนน ทุกคอมเม้นต์ คือเเรงใจของกี้ค่ะ! (>o<)\\
เสียงเอะอะโวยวายเรียกให้สองหนุ่มวิ่งออกจากกระโจมที่พัก พวกเขาถามเหล่าคนงานที่ยืนมุงอะไรกันมากมายแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ยะตีมมองนิ้วที่เหล่าคนงานพร้อมใจกันชี้ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อทางนั้นมีผู้คนมากมายยืนเบียดเสียดบังอยู่ เขาจึงสะกิดฮาฟิซให้วิ่งตามมาและนั่นทำให้เห็นอะไรบางอย่างได้ชัดเจน
เหล่าคนงานในโอเอซิสต่างตกใจกับภาพตรงหน้า หลังจากที่รถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและจอดดังเอี้ยดฝุ่นทรายตลบไปทั่ว ชายร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้านายของทุกคนก็ลงจากรถด้วยใบหน้าถมึงตึงพร้อมกับแบกห่อผ้าสีขาวขนาดใหญ่ไว้ที่บ่า พวกเขาไม่แน่ใจว่านั่นคืออะไร คนหรือสิ่งของ และถ้าเป็นคนแล้วคนในนั้นจะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ ตราบจนที่ ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ ถึงที่หมายจึงคลายห่อผ้าออกและโยนสิ่งนั้นลงที่ขอบสระโอเอซิส
ร่างบางหัวทิ่มลงพื้นอย่างแรง เสียงแหลมไอค่อกแค่กเล็กน้อยเนื่องจากสูดละอองทรายเข้าเต็มปอด เธอดันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่เจ้านายโยนทิ้งอย่างเต็มตา
เธอมีลักษณะเป็นสาวเอเชียร่างสูงบาง มือทั้งสองข้างถูกจับมัดไขว้หลังทำให้ไม่สามารถจัดการกับผมยาวสีดำที่พันกันจนหัวยุ่งเหยิง แก้มทั้งสองบวมเปล่งเป็นรอยช้ำเหมือนถูกบีบด้วยของแข็ง ริมฝีปากที่เม้มไม่ให้ส่งเสียงสะอื้นนั่นยังมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ ดวงตาเธอแดงก่ำน่าเวทนายิ่งนัก เสื้อผ้าก็ยับเยินเหมือนไปผ่านศึกที่ไหนมา แต่ลำคอยาวระหงนั่นกลับเชิดขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“ท่านอัลลัยล์ ได้โปรดใจเย็นเถอะครับ”ฮาฟิซรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นเจ้านายเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวอย่างเต็มตา เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอยังสภาพดีกว่านี้โข แล้วนี่มันเกิดอะไรกันทำไมเจ้านายถึงได้ดูหัวเสียขนาดนี้
“ใครเข้ามาห้ามข้าจะตัดคอมัน”อัลลัยล์กัดฟันกรอด
เมื่อมองดูอารมณ์ผู้เป็นนายในตอนนั้นเขาก็มั่นใจว่าหากเจ้าฮาฟิซเข้าไปซักไซร้มากความคงจะได้ขาดเป็นสองท่อนแน่ๆ มือแกร่งของยะตีมจึงดึงน้องชายออกมาให้ห่างจากผู้เป็นนาย แม้เขาจะสงสารหญิงสาวตรงหน้าก็ก็ไม่อาจะช่วยอะไรได้มาก ยิ่งพูดไปเหมือนยิ่งสาดน้ำมันเข้ากองเพลิงให้โหมกระหน่ำมากกว่าเดิม คนที่จะช่วยเธอได้ก็คงมีแต่ตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าเธอพูดร้องขอความเมตตาดีๆเจ้านายก็คงจะปล่อยเธอไป แต่ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่ร้องขออะไรจากเจ้านายเป็นแน่ เธอเชิดหน้าสบตาเจ้านายด้วยสายตาไม่หวั่นเกรง ริมฝีปากบางนั่นแสยะยิ้มเล็กน้อยกระตุ้นแรงโทสะของอีกฝ่ายได้ไม่ใช่เล่น
“เป็นเมียข้ามันหนักหนามากนักหรือยังไง”อัลลัยล์เดินเข้าไปบีบแก้มของอีกฝ่ายให้สบตาตน เมื่อเห็นเธอยังนิ่งเขาก็สะบัดออกจนร่างบางนั่นเซไปข้างหลัง
เมื่อเห็นเธอทุลักทุเลในการดันตัวขึ้นมากนัก เขาจึงฉุดแขนเธอให้ลุกขึ้นเพื่อจะได้จับหน้าน้อยๆให้ถนัดมือ
“ตอบมา อย่ามานิ่งใส่ข้า!”เขาบีบแก้มของเธออีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเช่นเคย ใบหน้าคมสันคล้ายปีศาจเข้าไปเรื่อยๆ อัลลัยล์สะบัดมืออย่างแรง หนนี้ถึงกับส่งผลให้ร่างบางนั่นหงายหลังไป
พิมพ์นาราพยุงร่างอันบอกช้ำของเธอขึ้นอย่างทุลักทุเล ถึงแม้น้ำตาจะไหลลงมาเรื่อยๆแต่เธอก็ก้มหน้าเช็ดกับหัวไหล่ทุกครั้งไป แม้ตัวเธอจะสั่นแต่ก็ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาซักนิด
เมื่อเห็นท่าทางของเธอแล้วก็ทำให้ทุกคนในที่นั่นต่างรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ก่อนเมื่อมีคนทบทวนคำถามของเจ้านายอีกครั้งความสงสารนั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตะลึงแทน ยังมีผู้หญิงสติดีที่ไหนที่กล้าปฏิเสธ ‘ท่านชีค’ ได้ลงคอ! อีกทั้งเมื่อรู้ว่าหากปฏิเสธแล้วจะต้องเจ็บตัวโดยใช่เรื่อง เธอก็ช่างดื้อด้านบ้าบิ่นดีแท้ เพียงแค่ตอบรับ ‘การเป็นเมีย’ ทุกอย่างก็จบแล้ว ‘เป็นเมีย’ บุคคลผู้มีทั้งอำนาจและเงินแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกัน
“ไม่ตอบใช่ไหม?”
“ตอบไปแล้วไงค่ะ เอามีดมาปักอกฉันให้ตายดีกว่าให้ฉันไปเป็นเมียคนเถื่อนไร้อารยะธรรมแบบคุณ”พิมพ์นาราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ทำให้คนตรงหน้าโมโหเธอมากกว่าเดิมไงล่ะ!
เอาสิ เอาเลย อยากจะทำอะไรก็เชิญ ฆ่ากันให้ตายไปข้างเลยก็ได้ เธอก็เบื่อที่จะต้องเจอคนๆนี้เต็มกลืนแล้ว
“งั้นก็ดี!”อัลลัยล์ตะโกนก้องตามแรงโทสะก่อนจะดึงตัวของหญิงสาวให้ลุกขึ้นและ…
ตู้มมมม!
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มลืมตาโพล่งก่อนที่ร่างบางหงายหลังตกสระโอเอซิสไป
“ว้าย!”หญิงคนงานที่ยืนมุงยกมือทาบอกอุทานด้วยความตกใจ เหล่าคนงานชายก็ตกใจที่แพ้กัน โดยเฉพาะสองผู้ติดตามที่แม้ใบหน้ายังคงนิ่งแต่ในใจนั้นก็เต้นรัว พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเจ้านายโกรธใครมากขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับผู้หญิงแล้วด้วย!
ฮาฟิซสะบัดแขนผู้เป็นแฝดพี่ออกก่อนจะเดินไปคำนับกับชายหนุ่มข้างหน้า
“ท่านอัลลัยล์! เดี๋ยวเธอจะจมน้ำตายเอานะครับ!”เขากล่าวเตือนเจ้านายด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
หากปกติเธอคงจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ครั้งนี้มือทั้งสองนั้นถูกมัด!
อัลลัยล์ไม่ตอบอะไร เขายืนดูร่างบางที่กำลังทุรนทุรายด้วยสายตาพึงพอใจ
เมื่อผ่านไปซักพักฮาฟิซจึงหันหน้าไปหาแฝดพี่ให้ช่วยเหลือ ยะตีมผู้ที่ไม่อาจจะปฏิเสธน้องชายได้สาวเท้าเดินเข้ามาเคียงบ่าผู้เป็นน้องและถามผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ให้ผมลงไปช่วยเธอไหมครับ”
อัลลัยล์แสยะยิ้มก่อนจะตอบผู้ติดตามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“แม่นั่นมันช่วยตัวเองได้!”
และเป็นจริงอย่างที่คาด ร่างบางดิ้นทุรนทุรายเนื่องจากขาดอากาศหายใจอยู่ชั่วครู่จนเธอกลับมาตั้งสติได้ เธอออกแรงกระชากพยายามให้เชือกทั้งสองขาดออกจากกันจนรู้สึกแสบที่ข้อมือทั้งสอง เวลานั้นเธอรู้ถึงความเป็นไปได้นั้นมันลอยไปไกลเข้าทุกที เธอกลับมาตั้งสติอีกครั้งคิดว่าถึงแม้แขนทั้งสองตอนนี้จะใช้งานไม่ได้แต่ก็ใช่จะเป็นอัมพาตไปทั้งตัว
พิมพ์นาราพยายามลุกขึ้นยืนหลายต่อหลายครั้งโดยไม่สนใจว่าจะล้มอีกกี่รอบ แม้ขาจะอ่อนเรี่ยวแรงแต่ในที่สุดก็สามารถขึ้นมาสูงอากาศหายใจข้างบนผิวน้ำได้!
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
อัลลัยล์มองภาพที่หญิงสาวสำลักน้ำจนหน้าแดงไปหมด ชั่ววูบนั้นเขารู้สึกสงสารและคิดน้อยใจ ตั้งแต่ที่เขาพาเธอออกมาจากคฤหาสน์ตัวเขาเองเที่ยวถามคำถามเดิมๆหลายต่อหลายรอบ ถึงแม้คำตอบส่วนใหญ่จะคือความนิ่งเงียบ และอีกส่วนน้อยที่เหลือ ใช่…เธอตอบเขา แต่เป็นถ้อยคำทำร้ายจิตใจหยาบคายที่ไม่รู้เธอไปสรรหามาจากไหน ยิ่งคิดยิ่งแค้นนัก เหตุใดเธอจึงปฏิเสธเขาขนาดนี้กัน ตัวเขามันน่ารังเกียจสำหรับเธอมากงั้นหรือ
เมื่อได้สบตากับดวงตาดื้อดึงคู่นั้น แต่ในที่สุดแรงโทสะก็กลับมาครอบงำอีกครั้งจนได้ เขาหันหลังกลับและออกคำสั่งสุดท้ายซึ่งถือว่าเป็นคำประกาศิตสำหรับทุกคน
“อย่าให้แม่นั่นขึ้นมาจนกว่าหล่อนจะยอมตกลงเป็นเมียข้า!”
เมื่อเห็นทุกคนเดินออกไปเพราะคำสั่งให้ทุกคนกลับไปทำงานเหมือนเช่นไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิมพ์นาราถึงกับปล่อยโฮออกมา รอยช้ำเต็มร่างกายเธอมันช่างน้อยนักเมื่อเทียบกับความเจ็บใจต่อชายคนนั้น เกิดมาเธอไม่เคยพานพบกับคนใจร้ายป่าเถื่อนแบบนี้มาก่อน เขาทำตัวเหมือนตนเองคือสิงโตที่นอนอยู่จัดศูนย์กลางของโลก หากใครทำอะไรขัดใจก็จะพุ่งกระโจนเข้าไปขย้ำให้ทรมานเล่น และปล่อยให้เหยื่อคนนั้นตายไปช้าๆ ตามความปรารถนาของตนเอง
เธอไม่รู้ตัวหรอกว่ายืนร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่แล้ว เธอรู้แต่เพียงว่าน้ำตาของเธอมันไหลตั้งแต่ฟากฟ้ายังสว่างจ้าด้วยแดด จนมาถึงตอนนี้ที่ท้องฟ้ามืดครึ้มล่วงเลยเวลาอาทิตย์ตกดินมาก็นานโข แม้จะอยู่ในน้ำแต่เธอก็รู้สึกคอแห้งเป็นผง เธอไม่รู้หรอกว่าจะต้องทำอย่างไรเพราะสมองเธอตอนนี้กำลังเต้นตุบๆแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวหนัก ดังนั้นเธอขอยืนเงียบๆไปคนเดียวดีกว่า
แม้ทะเลทรายของอียิปต์จะร้อนจนแทบสุก แต่จะมีคนนอกซักกี่คนที่รู้ว่าเวลากลางคืนของที่นี่นั้นจะอากาศตรงข้ามกลางวันอย่างสิ้นเชิง มันหนาวเย็นยะเยือกยิ่งกว่าหน้าหนาวในประเทศไทยนัก ทั้งหนาวและแห้งแล้ง เวลาลมทะเลทรายยามกลางคืนพัดมาทำให้เธอหนาวสั่นจนขาแทบจะยืนไม่ไหว เธอไม่รู้ว่าจนทนได้อีกนานเท่าไหร่ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ขอให้เธอจมน้ำตายที่นี่แหละ ยังดีกว่ารอดมาในเช้าพรุ่งนี้ให้ชายคนนั้นหัวเราะเยาะเอา
เธอพยายามกัดฟันไม่ให้กระทบกันเนื่องด้วยอากาศหนาวเหน็บนี้ เธอเกร็งจนรู้สึกปวดกรามอย่างไม่เคยเป็น เมื่อรู้ตัวว่าเธอบังคับต่อไปไม่ไหวแล้วจึงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม
“กึก กึก ฮึก!”เสียงฟันกระทบกันปนกับเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตาเหลือให้เธออีกแล้ว เธอจึงได้แต่สะอื้นเบาๆกับตนเอง
ท่ามกลางสระโอเอซิสอันเวิ้งว้าง พิมพ์นารายิ้มกับตนเอง ฟ้าคงเมตตาเลยทำให้เธอไม่รู้สึกหนาวหรือเมื่อยล้าอีกต่อไป ร่างบางเอนไปมาตามแรงลมพัด เธอเข้าใจว่าที่ตาเธอจะปิดลงทุกขณะเป็นเพราะความง่วงที่เข้าจู่โจมหญิง บางทีเธออาจลืมนึกไปว่าเธอก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาผู้หนึ่ง ไม่เคยตากแดดตากลมหรือยืนแช่น้ำท่ามกลางอากาศเย็นขนาดนี้ โดยเฉพาะการโดนฉุดกระชากไปมาราวกับว่าเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ใดลงไม้ลงมือกับเธอเลย แม้กระทั่งมารดาของเธอที่จากไปเองก็เถอะ…
“แม่ค่ะ…”เธอพึมพำ
“นาราง่วงจังเลยค่ะแม่”น้ำเสียงเธอค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ
‘หลับตาซะเถอะลูก…’ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือร่างกายมัยออกคำสั่งลวงมา เธอค่อยๆปิดเปลือกตาลงและปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
และแล้วร่างบางก็จมหายไปในผืนน้ำโอเอซิสแห่งนี้…
ร่างผอมบางของเด็กชายคนหนึ่งวิ่งผ่าเข้ามากลางกระโจมหรูหราของผู้เป็นนายเหนือแห่งทุกคน มือของคนสนิททั้งสองยกปืนขึ้นตามสัญชาติญาณเล็งไปยังเป้าหมายที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
“หยุด!”ทั้งคู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
ผู้มาใหม่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นวัตตุสีดำเลื่อมนั่น
เมื่อเห็นว่าเป็นใครทั้งคู่จึงลดปืนลงและถอนหายหนัก
“คราวหลังอย่าทะลึ่งพรวดมาแบบนี้อีกนะสลิลิน!”ยะตีมดุเด็กชายตรงหน้าซึ่งผู้ถูกดุก็เผยหน้าเสียออกมาไม่น้อย
“นี่มันก็ดึกดื่นแล้ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ฮาฟิซกอดอกถาม
“เอาน่าไม่เป็นไร”เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้นมาเรียกให้สายตาทุกคู่หันกลับไปมอง
อัลลัยล์ในชุดกาลาไบยาสีดำปิดหนังสือเล่มหนาในมือก่อนจะโยนตุบไว้ที่ข้างตัว เขาบิดแขนคลายเส้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทักทายเด็กชายผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ไงเจ้าเด็กน้อย ไม่ได้เจอตั้งนานก็ดูเจ้ายังไม่โตขึ้นซักเท่าไหร่นะ”ชายหนุ่มหัวเราะลั่นกับอาการหน้าเสียและท่าทางหอบตัวโยนของเด็กชาย
สลิลินเป็นหลานของแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก เจ้านี่เป็นเด็กฉลาด รู้จักเอาตัวรอด หัวไว สอนอะไรก็รับได้อย่างรวดเร็วไม่ทำให้ผู้สอนรำคาญใจ ดังนั้นเขาจึงเอ็นดูเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ
“ว่าไงล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมาหาข้า”อัลลัยล์ยิ้มให้กับเด็กชายตรงหน้า
“ท่านอัลลัยล์!”สลิลินเอ่ยเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอก ระยะทางที่ตนวิ่งมาแม้จะ
ไม่ไกลนักแต่บวกกับความตื่นตระหนกทำให้เขาเหนื่อยมากเป็นพิเศษ
“ทำไมต้องเสียงดัง พูดจาเบาๆก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง”ฮาฟิซกล่าวกับเด็กชาย
“ท่านๆฟังข้าพูดก่อน คือแม่หญิงที่ท่านอัลลัยล์ให้แช่น้ำครับ…”สลิลินหน้าเงียบลงไม่กล้าพูดต่อเมื่อเห็นชายในชุดกาลาไบยาสีดำเริ่มมีสีหน้าดุดันขึ้น
“นี่เจ้าวิ่งกระหืดกระหอบมาเพราะเรื่องแม่นั่นเรอะ! งั้นจงไปให้ไกลข้าก่อนที่เจ้าจะโดนไม้”อัลลัยล์กล่าวเสียงเข้มก่อนจะล้มตัวเอนนอนหยิบหนังสือข้างตัวขึ้นมาอ่านต่อ
ยะตีมกับฮาฟิซต่างเหลือบมองนาฬิกาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เวลาที่หญิงสาวผู้นั้นโดนจับโยนลงน้ำก็ตั้งแต่สี่โมงเย็นซึ่งจนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน อีกทั้งค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็นลมแรงแม้แต่พวกเขาที่อยู่ในกระโจมก็ยังได้ยินเสียงลมพัดดังเข้ามาถึงข้างใน อย่าว่าแต่ยืนแช่น้ำเลย แค่นั่งตากลมก็แย่แล้ว ไม่รู้ร่างบางนั่นจะทนได้อีกนานรึเปล่านี่สิ พวกเขาคิดในใจ
“ให้สลิลินกลับไปนอนซะ”อัลลัยล์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชายหนุ่มผู้ติดตามทั้งสองล้มเลิกเรื่องที่ตนจะถาม ดูจากอารมณ์ผู้เป็นนายแล้ว ถ้าเกิดได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกดูท่ากระโจมนี้คงแตกพังเป็นสามท่อนแน่
“เจ้ากลับไปนอนเถอะสลิลิน นี่ก็ดึกมากแล้ว”ยะตีมดันเด็กชายออกนอกกระโจม
สลิลินปัดมือของชายที่สูงกว่าตนเกือบสามเท่า ร่างผอมเหยียดตัวตรงพร้อมแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“ท่านอัลลัยล์! ที่ข้าวิ่งหอบมาไม่ใช่เรื่องไร้แก่นสาร ข้าแค่อยากจะบอกท่านว่าแม่หญิงนั่นจมหายไปในน้ำตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้!”สลิลินกัดฟันตะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ!”คู่แฝดอุทานขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะหันมาดูสีหน้าผู้เป็นนาย
ตุ้บ!
หนังสือเล่มหนาหล่นลงไปกับพื้น อัลลัยล์เบิกตาโพล่งแน่นิ่ง
ไม่รู้เพราะอะไร บางทีเขาทั้งสองอาจจะตาฝาดก็เป็นได้เมื่อเห็นผู้เป็นนายหน้าซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็น!
“ใครก็ได้ไปตามหมอมาที เอามาให้หมด!!”เสียงทุ้มสั่งก่อนจะลุกขึ้นวิ่งออกนอกกระโจมไปโดยไม่รั้งรอ ยะตีมอาสาออกไปตามหมอมาเอง ฮาฟิซพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวิ่งตามผู้เป็นนายออกไปอย่างเร่งรีบไม่แพ้กัน
ภาวนาว่าอย่าให้แม่หญิงนั่นเป็นอะไรไปเลย ฮาฟิซคิดในใจ!
“นี่เจ้า!!”เสียงทุ้มตะโกนลั่นท่ามกลางความมืด
อัลลัยล์หยุดลงที่หน้าสระโอเอซิส ดวงตาสีดำกวาดตามองไปทั่วทั้งผืนน้ำแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของหญิงสาว วินาทีนั้นเขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบ อีกทั้งหัวใจของเขามันก็เต้นช้าหน่วงกว่าปกติ
ตู้ม!
ร่างหนากระโดดลงสระโอเอซิสโดยไม่รีรอหยุดคิดอะไรให้มาก เขาเดินลุยน้ำเพื่อกวาดมือหาหญิงสาว แต่จนแล้วจนรอด เขาแทบจะเดินไปทั่วทั้งบริเวณอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่เจออะไรที่เกี่ยวข้องกับร่างบางนั่น
“โธ่เว้ย!”เสียงทุ้มสบถสั่นก่อนจะฟาดน้ำอย่างขัดใจ
เพี้ย!
ฮาฟิซที่วิ่งตามมาหยุดชะงักมองอาการของเจ้านาย ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาพึ่งเคยเห็นคนผู้นี้อยู่ในอาการขาดสติและกระวนกระวายมากขนาดนี้ ดูท่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
ผู้ติดตามหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกไป เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะมีเวลาไปคิดเรื่องไร้สาระอีก เขาทึ้งผมตนเองก่อนจะกวาดตามองหาร่างของหญิงสาวจากบนฝั่ง
“มาแล้วๆ”สลิลินวิ่งตามมา ในมือเล็กๆนั่นมีไฟฉายถือติดมือมาด้วย
อัลลัยล์หันไปตามเสียงของสลิลิน เมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างผอมถืออะไรมาเขาก็รู้สึก
อยากขอบคุณเด็กนั่นเสียจริง ถึงแม้มันจะเป็นแค่ไฟฉายไร้ค่า แต่ในเวลานี้มันกลับเหมือนที่พึ่งสุดท้ายของเขาจริงๆ!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดอะไรไร้สาระแบบนี้ มันไร้ซึ่งเหตุผลพอๆกับว่าทำไมเขาถึงต้องกระโดดลงน้ำทั้งๆที่มันมืดและมีโอกาสหาเธอเจอเลย!
ฮาฟิซขอบคุณเด็กชายและเปิดไฟฉายส่องไปที่แผ่นน้ำกว้าง เขากวาดตาไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาอันน้อยนิด จนในที่สุดก็เจออะไรบางอย่างที่ลอยขึ้นมาเป็นแพคล้ายเส้นผมมนุษย์!
“ท่านอัลลัยล์ เธออยู่ตรงนั้นครับ!”ฮาฟิซส่งเสียงบอก
อัลลัยล์ว่ายไปตามแสงไฟฉาย ระยะทางคล้ายจะไกลมากสำหรับเขา ตอนนี้เขาทำได้แต่เพียงสวดอธิฐานในใจ
โอ้…พระอัลเลาะห์
ขอให้เธอมีความสามารถพิเศษจำพวกกลั้นหายใจในน้ำนานๆได้ด้วยเถิด!
เมื่อถึงที่หมายเขาก็กวาดมือไปมาใต้น้ำ ก่อนจะไปสัมผัสกับบางสิ่งที่นุ่มนิ่มและเย็นเฉียบ
พุบ!
เขาจับแขนเธอแน่นและดึงร่างบางของเธอขึ้นมา มือหนาจับเข้าที่แก้มซีดของเธอ เวลานี้เนื้อตัวเธอเย็นเฉียบ ปากสีเขียวม่วง ดวงตาของเธอหลับพริ้มไม่ต่างจากบนเตียง ที่ต่างคือความรู้สึกก่อนหน้านั้นคือเธอตัวอุ่นและหายใจแรง แต่ตอนนี้เขาแทบสัมผัสถึงสิ่งที่ว่านั่นไม่ได้!
อัลลัยล์อุ้มร่างบางแนบอกก่อนจะเดินขึ้นฝั่ง เนื้อตัวของเธออ่อนยวบ
เขาวางเธอลงกับผืนทรายก่อนจะแกะเชือกที่มัดข้อมือเธอโยนไปอีกด้านพร้อมกับตบหน้าปลุกเบาๆ
“ท่านอัลลัยล์เอาตัวเธอไปไว้ที่อุ่นกว่านี้จะดีกว่านะครับ”ฮาฟิซเดินตามมาเอ่ยเตือน
“ผมช่วยนะครับ”ชายหนุ่มเสนอตัว ผลที่ได้คือเจ้านายดูท่าจะไม่ฟังเขาเลย ร่างหนารวบตัวหญิงสาวขึ้นมาก่อนจะวิ่งกลับไปที่กระโจมโดยเร็วที่สุด
เขารู้ว่าเวลานี้ต้องแข่งกับเวลาเพียงใด!
พั่บ!
เขาวางร่างบางบนที่นอนนุ่มของตนก่อนจะเอามือสั่นเทาไปอังที่ปลายจมูกเธอ
วินาทีนั้นทำให้เขาเย็นเฉียบไปถึงหัวใจ ขาทั้งคู่แทบทรุดลงเมื่อพบความจริงบางอย่างว่าเหตุใดเธอไม่ตอบสนองเขา เขาพึ่งรู้ว่าอาการที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นมันเป็นยังไงก็วันนี้!
เธอไม่หายใจ!!
ร่างหนาแข็งทื่อไปชั่วขณะพร้อมๆกับที่ยะตีมนำหมอวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในกระโจม ผู้เป็นหมอวางกล่องเครื่องมือลงก่อนจะเดินมาจับชีพจรของหญิงสาวตรงหน้า
ฮาฟิซบอกเจ้านายให้ถอยออกมาก่อน ซึ่งเขาก็ยอมถอยออกมาแต่โดยดีแต่ดวงตาสีดำนั่นกลับมองไปที่หญิงสาวไม่วางตา
มือหนาของผู้เป็นหมอปั้มหัวใจให้อีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ เวลาชั่วครู่ที่รอคอยนั้นสำหรับอัลลัยล์แล้วมันช่างยาวนานเหลือเกิน เขายืนมองร่างบางที่นอนสงบนิ่งด้วยความกระวนกระวาย หัวใจเต้นระรัว
มือหนากุมศีรษะของตนพร้อมกับทรุดลง เขาทำบ้าอะไรไป เขาทำร้ายคนดีไปอีกหนึ่งคน!
เธอผู้มีน้ำใจช่วยเหลือคนไม่รู้จักหน้าค่าตา และดูสิ่งที่เขาตอบแทนเธอสิ
เธอผู้ร้องไห้ตัวสั่นหวาดกลัว และเขากลับเลือกที่จะทำให้เธอกลัวมากกว่าเดิม
ยิ่งนึกถึงคำตอบสุดท้ายของเธอแล้วก็ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเย็นเฉียบ สั่นไปทั้งตัว…
เธอเลือกที่จะจมน้ำตายดีกว่าต้องมาอยู่กับเขา!
“โธ่เว้ย!”มือหนาทุบพื้นเสียงดัง
ยะตีมกับฮาฟิซมองหน้ากันก่อนจะลอบสังเกตอาการของชายหนุ่มอย่างเงียบๆ มนุษย์เราล้วนแต่ผิดพลาดกันได้ทุกคน และถ้าหากฟ้าได้ยินเสียงมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างพวกเขาละก็
พวกเขาก็อยากขอโอกาสที่สองให้ผู้เป็นนาย!
“แค่ก!”
ทุกคนหยุดมองที่ร่างบาง อัลลัยล์ลุกขึ้นมองดูหญิงสาวด้วยสายตาที่มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้รักษาปั้มหัวใจของหญิงสาวอีกครั้ง ราวกับหมื่นแสนล้านวินาที มันช่างแสนยาวนานกับการรอคอยอะไรซักอย่าง!
“…”
“แค่ก!”
ร่างบางสะดุ้งสำลักน้ำออกมา หมอชรายิ้มกว้างและยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าของตนก่อนจะจับชีพอีกครั้ง
“เธอ…”หมอชราเว้นคำพูดไป
“เธอทำไมหมอ!”อัลลัยล์เขย่าตัวหมอชรา
“เธอหายใจแล้วครับท่านอัลลัยล์!”
ราวกับทั้งโลกกลับมาหมุนอีกครั้ง อัลลัยล์เดินไปทรุดตัวลงข้างหญิงสาว เขาจับมือเย็นชืดอย่างทะนุทนอมกว่าทุกครั้ง ข้อมือเธอยังมีเลือดสดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด รอยเชือกกินเข้าไปเป็นแผลลึก
เวลานี้เขาพึ่งจะรู้ว่าเธอบอบบางแตกสลายง่ายเพียงใด!
“ข้าขอโทษ”เสียงทุ้มเอ่ยสั่นเครือ
“ข้าขอโทษที่ไม่อาจปล่อยเจ้าไป ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องเอาเจ้ากลับมา…”ชายหนุ่มเกลี่ยไรผมของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“ต่อให้เป็นกบฏต่อพระเจ้า ข้าก็ไม่อยากเสียเจ้าไป”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวก่อนนะจุมพิตที่มือคู่นี้เบาๆ
“ถึงยังไง เจ้าก็ต้องเป็นขอข้า!”
ในที่สุดเขาก็เจอจนได้
สิ่งที่ไม่อาจสูญเสียไป!
------------------------------------------------------------
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ (*o*)\\
เค้าชื่อ กี้ นะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนน้า
ช่วงนี้อากาศก็เปลี่ยนเเปลงบ่อย
อย่าลืมรักษษสุขภาพด้วยนะคะ อย่าไปวิ่งตากฝน เพราะเชื้อหวัดมันเเรง (TTwTT)\\
ยังไงกี้ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
กี้เเต่งเป็นเรื่องเเรก
ผิดพลาดประการได้เเนะนำมาได้เสมอเลยค่ะ (>\\\\<)\\
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะคะ
ปล.อย่าลืมเม้นต์กันเยอะๆน้า ทุกคะเเนน ทุกคอมเม้นต์ คือเเรงใจของกี้ค่ะ! (>o<)\\

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2555, 22:58:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2555, 22:58:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 38012
<< บทที่สาม ฆ่าฉันดีกว่าให้ฉันเป็นเมียแก! 100% | บทที่ห้า คำยุยงของผู้อยู่เบื้องหลัง 100% >> |

ปั้นฝัน 30 ส.ค. 2555, 23:19:00 น.
ภาษาสวย แต่งให้คนอ่านรู้สึกอินไม่น้อยเรยทีเดียวคร่า แต่พระเอกใจร้ายมาก ส่วนนางเอกก้อใจดีมากเช่นกัน
ภาษาสวย แต่งให้คนอ่านรู้สึกอินไม่น้อยเรยทีเดียวคร่า แต่พระเอกใจร้ายมาก ส่วนนางเอกก้อใจดีมากเช่นกัน


คุณแม่ลูกสอง 31 ส.ค. 2555, 03:53:42 น.
เห็นด้วยค่ะ ใช้ภาษาสละสลวย อ่านแล้วลื่นไหล ไม่ติดขัด แต่พระเอกมีทัศนะคติต่อผู้หญิงในด้านลบจัง คิดว่าคงจะมีสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้นะคะ
เห็นด้วยค่ะ ใช้ภาษาสละสลวย อ่านแล้วลื่นไหล ไม่ติดขัด แต่พระเอกมีทัศนะคติต่อผู้หญิงในด้านลบจัง คิดว่าคงจะมีสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้นะคะ

mhengjhy 31 ส.ค. 2555, 07:54:18 น.
โอ๊ะ ใจร้ายจัง
โอ๊ะ ใจร้ายจัง

nunoi 31 ส.ค. 2555, 14:06:31 น.
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอเลย สงสารนางเอก พระเอกใจร้ายเกินไปหรือเปล่า ชอบที่นางเอกใจเด็ดมากก
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอเลย สงสารนางเอก พระเอกใจร้ายเกินไปหรือเปล่า ชอบที่นางเอกใจเด็ดมากก

แมวสีหมอก 31 ส.ค. 2555, 21:17:47 น.
อ่านแล่วชอบมากเลยค่ะ สนุกและน่าติดตาม เป็นกำลังใจให้ค่ะ
อ่านแล่วชอบมากเลยค่ะ สนุกและน่าติดตาม เป็นกำลังใจให้ค่ะ

wii 1 ก.ย. 2555, 04:11:00 น.
น่าสงสารหนูพิมนะที่มาเจอปีศาจร้ายเเบบนี้ เเต่ต่อไปหนูพิมก็น่าจะดัดนิสัยที่เสียๆของปีศาจทะเลทรายตนนี้ออกมั่งก็ดี
น่าสงสารหนูพิมนะที่มาเจอปีศาจร้ายเเบบนี้ เเต่ต่อไปหนูพิมก็น่าจะดัดนิสัยที่เสียๆของปีศาจทะเลทรายตนนี้ออกมั่งก็ดี