ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่ห้า คำยุยงของผู้อยู่เบื้องหลัง 100%
บทที่ห้า
หมอชราเก็บเครื่องมือต่างๆลงกล่อง เมื่อคืนอยู่ๆเขาก็โดนเรียกตัวอย่างกะทันหัน ตอนแรกก็นึกว่า ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ เป็นอะไร แต่พอมาถึงโอเอซิสส่วนตัวของท่านชีคแล้วเขาก็คลายกังวลลงได้เยอะทีเดียว
‘ผู้หญิงของท่านชีคจมน้ำ’
ท่านชีคอัลลัยล์ล้วนเป็นที่รักใคร่ของทุกคน เขามีคนงานมากมายแต่ก็เลี้ยงดูเหล่าคนงานให้อยู่ดีกินดี เวลาปกติจะเป็นคนที่ใจดีและรักสงบ แต่เวลาที่ท่านผู้นี้บันดาลโทสะขึ้นมาก็อารมณ์ร้ายไม่ใช่น้อย และดูท่าอารมณ์ร้ายๆคงจะเกิดกับจำพวกของรักของหวงมากกว่าปกติ เข้าทำนองที่ว่ายิ่งรักเท่าใดยิ่งร้ายเท่านั้น
ตัวเขานั้นก็เป็นหมอประจำตระกูลนี้มาตั้งแต่ตอนที่ ‘ท่านชีคอิลสลา’ ผู้ปกครองคนก่อนยังอยู่ ท่านชีคอิลสลาเป็นคนที่ใจดี เยือกเย็นต่างจากบุตรชายยิ่งนัก ท่านสามารถปกครองผู้คนจำนวนมากได้อย่างดี ถึงแม้เขาอาจจะเคยได้ยินว่าพวกชีคหนุ่มชอบสะสมสาวไว้ในฮาเร็ม แต่ท่านชีคอิลสสากลับไม่ใช่เช่นนั้น ถึงแม้จะมีผู้หญิงมากมายมาเสนอตัวในตอนที่ผู้เป็นภรรยาท่านได้เสียชีวิตลงใหม่ๆ ท่านก็ประกาศก้องให้ผู้คนได้รับรู้
‘ชีวิตข้าขอรักผู้หญิงเพียงคนเดียว ถึงแม้นางจะจากข้าไปไกลสุดขอบฟ้า แต่มันเป็นวิธีเดียวที่ข้าจะตอบแทนความรักมากมายของนางที่มอบให้ข้า ความรักมากมายที่นางรักข้าเพียงคนเดียวเช่นกัน!’
ทุกคนต่างทราบกันดีว่าท่านอิลสลารักภรรยามากขนาดไหน เมื่อภรรยาท่านเสียชีวิตลงประอุบัติเหตุทางรถ เพียงไม่กี่ปีต่อมาที่ท่านจัดการกับปัญหาทุกอย่างเพื่อเตรียมให้บุตรชายคนเดียวได้ขึ้นครองตระกูลแทนแล้ว ท่านก็จากไปอย่างสงบ
และบุตรช่ายคนเดียวของท่าน ‘อัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด’ ก็ได้ขึ้นปกครองตระกูลใหญ่พร้อมขุมทรัพย์นี้แทน
“ให้เธอกินยาตามที่หมอจัดไว้อย่าให้ขาด พยายามรักษาร่างกายให้อุ่นอยู่ตลอด”หมอชรากล่าว
“ถ้ามีไข้ขึ้นสูงก็ไม่ต้องตกใจ ให้เช็ดตัวแล้วห่มผ้าหนาๆแล้วกัน อีกไม่เกินอาทิตย์เธอคงจะดีขึ้น”เขาสั่งกับหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงของผู้ป่วยสาว
หมอชรามองไปที่ผู้ป่วยของตนก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาได้ยินเรื่องของหญิงสาวผู้นี้มาบ้างจากเหล่าคนงานที่โอเอซิส เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธคำสั่งของชายหนุ่มผู้เป็นถึงท่านชีค และเธอก็ไม่ใช่คนที่เก่งแต่ปาก ร่างบางนี่ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงคำพูดของตน ว่าพูดจริงทำจริงได้ขนาดไหน
“พยายามอย่าให้ออกแรงเยอะแล้วกัน สภาพร่างกายของเธอยังไม่เต็มร้อยนัก แล้วก็อย่าลืมหมั่นทายา ‘ที่รอยพวกนั้น’ ให้ด้วยละ”
“ได้เจ้าค่ะ”หญิงรับใช้พยักหน้ารับรู้ก่อนจะอาสาช่วยถือกล่องเครื่องตามไปส่งหมอชราซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ
อันที่จริงแล้วเธอได้รับมอบหมายจากท่านอัลลัยล์ให้มาดูแลหญิงสาวหน้าตาสละสวยนี่ให้ดีที่สุด อย่าให้เธอขุ่นข้องหมองใจหรืออารมณ์เสียเด็ดขาด แต่เวลานี้หญิงสาวผู้นี้ยังคงหลับอยู่ และดูท่าแล้วคงจะหลับอีกนาน เมื่อไปส่งท่านหมอเสร็จเธอก็ขอเดินเล่นชมวิวซักครู่ก่อนจะต้องขึ้นมาเฝ้าผู้ป่วยสาวซึ่งอาการก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงมากนี่ก่อนแล้วกัน หญิงรับใช้คิดพลางหัวเราะคิกคักกับตนเอง
แม้หอสมุดกว้างนี้จะมีหนังสือน่าสนใจให้อ่านมากมาย แต่น่าแปลกที่ไม่ว่าจะหยิบอะไรขึ้นมาอ่านก็ไม่มีอะไรเข้าหัวเลย จิตใจเขายังจดจ่อกับร่างบางที่นอนซมอยู่ในห้องพักนั่น ใจหนึ่งก็อยากจะไปเยี่ยมเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอยังสบายและหายใจอยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าหากถ้าไปเยี่ยมเธอจะอาการทรุดหนักกว่าเดิมรึเปล่า ยิ่งเมื่อคำตอบที่เธอแสดงออกมาแน่ชัดก็ให้คำตอบในเวลานี้กับเขาอยู่แล้วว่าเธอคงไม่อยากเจอเขาเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็ไม่อยากเสนอหน้าไป
ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขามากมายขนาดนั้นหรอก เพียงแค่ชีวิตนี้ที่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ใดที่ดื้อด้านและกล้าขัดใจผู้มีพร้อมทุกอย่างเช่นเขา เธอจึงเป็นของเล่นใหม่ที่น่าสนใจ ใช้ฆ่าเวลาเบื่อได้อย่างดี ไม่แปลกที่เขาจะห่วงของเล่นชิ้นนี้ เพราะกว่าจะเจอมันก็ใช้เวลานานเหลือเกิน และหากเธอยังคิดจะหนีไปไหนอีก เขาก็คงจะล่ามโซ่เธอจริงๆก็คราวนี้แหละ
ชายหนุ่มคิดอย่างเพลิดเพลินโดยลืมนึกไปว่า เมื่อคืนตอนสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ของเล่น’ ไม่หายใจแล้วนั้นภายในใจเขาว้าวุ่นกระวนกระวายเนื้อตัวเย็นเฉียบและเป็นห่วงเป็นใยเธอมากขนาดไหน และเมื่อ ‘ของเล่น’ ฟื้นขึ้นมานั้นจิตใจแข็งแกร่งของเขารู้สึกอย่างไร แต่บางทีแล้วใจของเขานั่นแหละที่อาจจะสั่งให้ลืมทุกสิ่งไปก็ได้
แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสองก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่จะทำให้ผู้เป็นนายเสียหน้า ใครจะไปเชื่อเล่าว่าคนอย่างท่านชีคอัลลัยล์จะไปเป็นห่วงเป็นใยจนถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงพื้นให้กับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนั้น เผลอๆอาจจะยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ
ร่างของยะตีมเดินเข้ามาคำนับให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะรายงานคำสั่งที่ผู้เป็นนายใช้ให้ไปทำ
“หมอตรวจเสร็จแล้วครับ ผมให้คนไปส่งแล้ว ส่วนเธอก็ยังหลับไม่ได้สติครับ”ยะตีมกล่าวตามจริง
อัลลัยล์พยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านอัลลัยล์ไม่ขึ้นไปดูแม่หญิงหน่อยหรือครับ”ฮาฟิซกล่าวกลังจากที่ผู้เป็นพี่ถอยหลังออกมายืนเสมอตัวเขา
“ทำไมข้าจะต้องไปดูหล่อน”ผู้พูดตอบด้วยสำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
ช่วงนี้เขารู้สึกขัดใจกับสองผู้ติดตามเหลือเกิน รู้สึกพวกนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แถมยังชอบพูดหรือเสนอความคิดเห็นอะไรที่มันแทงใจดำซะเหลือเกิน
เธอยังหลับไม่ได้สติ ประโยคนี้เองทำให้เขาถึงกับนั่งไม่ติด ชีคหนุ่มกระวนกระวายชั่วครู่ก่อนจะวางหนังสือในมือลง
พุบ!
เมื่อเห็นว่าอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์ ชีคหนุ่มก็ลุกขึ้นสั่งคำสั่งที่ทำให้สองผู้ติดตามลอบยิ้มออกมาทันที
“ข้าจะไปเอาของที่ลืมไว้ที่ห้องทำงานซะหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องตามมาล่ะ!”
เมื่อร่างหนาของชีคหนุ่มออกไปแล้ว ฮาฟิซถึงกับหลุดขำออกมาทันที
ยะตีมยิ้มน้อยๆตามฉบับของเขาก่อนจะเอ่ยบางสิ่งที่ทำให้แฝดน้องถึงกับหยุดการขำและแปรเปลี่ยนสีหน้าตรงกันข้ามขึ้นมาทันที
“พนันกันครั้งก่อนเจ้าติดหนี้ข้าไว้ 1000 ปอนด์อียิปต์ คิดจะจ่ายเมื่อใดกัน!”
พิมพ์นาราค่อยๆยกเปลือกตาอันหนักหน่วงขึ้น เธอกระพริบตาถี่เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างก่อนจะหลับตาแช่อีกครั้ง ไม่นานที่เธอคิดว่าแสงตรงหน้าไม่สามารถทำให้แสบตาได้อีกเธอจึงลืมลืมตาขึ้นและกวาดตามองไปรอบตัว
นี่เธอยังไม่ตายแถมถูกจับให้กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ผีห่าซาตานหลังนี้อีกเหรอเนี่ย เธอคิดในใจเมื่อเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน
มีไม่กี่ที่หรอกที่จะตกแต่งห้องกว้างให้หรูหราอลังการขนาดนี้ ในห้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันราวกับโรงแรมหกดาวก็มิปาน หากเป็นเวลาปกติเธอก็คงอดตื่นเต้นไม่ได้ แต่ในเวลานี้ถ้าเลือกได้เธออยากจะกลับไปนอนห้องเล็กๆของเธอดีกว่า
เหมือนในสุภาษิตที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก!
“เห้อ!”
หลังจากที่เธอได้เห็นภาพรอบตัวสมใจแล้ว เธอจึงพยายามนึกว่าตัวเธอรอดจากสระโอเอซิสมาได้อย่างไร แต่อะไรบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวสมองของเธอแทน
ความทรงของเธอคือเธอผล็อยหลับไปกลางสระน้ำนั่นแบบไม่รู้ตัว เธอยังจำความทรมานจากอาการดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจได้ดี ร่างบางรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงความเย็นเฉียบของผิวน้ำนั่น เธอรู้สึกตัวสั่นเมื่อนึกถึงว่าตนเองอยู่ใกล้ความตายขนาดไหน
แอ๊ด…
เสียงประตูทำให้ร่างบางสะดุ้งและออกจากภวังค์ความคิด เธอหันไปมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครอาการสั่นของเธอก็หยุดชะงักราวกับดึงปลั๊กออก เธอหันหน้ากลับมาทางเดิมพร้อมกับถอนหายใจหนัก
“เสนอหน้ามาเยาะเย้ยละสิ”เธอบ่นงุบงิบเบาๆเป็นภาษาแม่
ชายในชุดกาลาไบยาสีดำก้าวเข้ามาด้วยท่าทางผึงผาย ในมือหนานั่นมีหนังสือสองสามเล่ม เขาเดินมาหยุดใกล้เธอและวางมันลงที่โต๊ะเล็กข้างหัวเตียงที่มีเหยือกน้ำสะอาดและยาเม็ดวางเรียงรายอยู่
“สวัสดี”เขาเอ่ยทักทาย
เธอเหลือบตาขึ้นไปมองชายตรงหน้าและอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งตู้เสื้อผ้าเขามีเสื้อผ้าอยู่แบบเดียวสีเดียวหรือไร เห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแต่แบบเดิมๆซ้ำๆไม่เจริญหูเจริญตาสำหรับเธอเอาเสียเลย
“ฮึ!”ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูกเมื่อเห็นเธอนอนนิ่ง
“อายุยืนดีนี่”อัลลัยล์กล่าวกับหญิงสาวบนเตียงที่ทำหน้าเบื่อโลก
“อย่าเอาความเงียบมาใช้กับข้า”เสียงทุ้มเอ่ยเตือน
พิมพ์นาราเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะตอบคนเผด็จการตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
อัลลัยล์มองหญิงสาวบนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเซียวไร้เลือดฝาด ร่างบางนั่นนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ถึงเขารู้ว่าเธอกำลังไม่สบายแต่ก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ เธอมันช่างแสนดื้อ สมควรแล้วที่จะต้องนอนซมแบบนี้ คราวหลังจะได้จำและไม่ทำอะไรยั่วโมโหเขาอีก
“ขอบคุณอย่างเดียวรึไง”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังอยากได้ยินอะไรจากปากของเธออีก
“คุณต้องการอะไรอีก”พิมพ์นาราหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าชื่ออัลลัยล์”ชายหนุ่มแนะนำตัวเพราะเบื่อเต็มทีกับเสียงของหญิงสาวที่เลือกเขาว่า
คุณ คุณ คุณ เขาอยากได้ยินว่าน้ำเสียงเธอเวลาเรียกชื่อเขามันเป็นยังไง จะหวานเพราะเหมือนเวลาเธอพูดหรือไม่
“ทำไมคุณไม่ถามว่าฉันอยากรู้มั้ย?”หญิงสาวถามเสียงสูง
อัลลัยล์กดอารมณ์ของตนให้นิ่งสงบ เขายังไม่อยากเถียงอะไรกับคนตรงหน้า ปล่อยให้เธอพูดกวนต่อไปนั่นแหละ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเธอยังพอมีเรี่ยวแรงขัดกับใบหน้าซีดเซียวนั่น จะได้ไม่น่าเป็นห่วง
“เจ้าชื่ออะไรล่ะ”ชายหนุ่มดึงเก้าอี้มาเพื่อนั่งลงสนทนากับคนป่วยตรงหน้า
“ศรีสมร”เธอกล่าว
“ศรีสมร เธออายุเท่าไหร่กัน”
พิมพ์นาราแทบหลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าเชื่อจริงๆว่าเธอชื่อศรีสมร เสียงของชาวต่างชาติเวลาออกเสียงสูงของภาษาไทยมันช่างตลกได้น่ารักจริงๆ แต่ขอยกเว้นให้คนๆนี้ได้คำว่าตลกไปอย่างเดียวพอ อย่างเขาไม่เหมาะกับคำว่าน่ารักหรอก
“พิมพ์นารา”เธอบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า
“พิมพ์นาราคืออะไร”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเธอ
“ชื่อฉันไง ฉันชื่อพิมพ์นารา”
“แล้วเจ้าไม่ได้ชื่อศรีสมรหรอกหรือ”
“ก็ฉันชื่อพิมพ์นาราไง”
“แล้วศรีสมรล่ะ”
“ฉันโกหกคุณ”
อัลลัยล์อยากจะบีบคอเธอให้ตายนักแต่บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เขาชะงัก เธอหลุดหัวเราะเสียงใสออกมา ท่าทางนั่นบอกได้ว่าเธอคงจะตลกขบขันที่หลอกเขาได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา เธอราวกับเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่เล่นอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มันก็น่าเอ็นดูยิ่งนัก
“แค่ก แค่ก!”อาจจะเป็นเพราะเธอใช้เสียงกับคนตรงหน้ามากไปเลยทำให้รู้สึกเจ็บคออันแห้งผากนี้
“ข้าชื่ออะไร”เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นพลางยกเหยือกน้ำรินใส่แก้ว
รินน้ำให้กับสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ของเล่น’
“คุณชื่ออัลลัยล์”เธอตอบ ชื่อของเขาแปลกแต่เพราะติดหูนั่นมันทำให้เธอจำได้
ชายหนุ่มส่งแก้วน้ำให้ เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆก่อนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อรับแก้วน้ำจากมือหนานั่นมา
ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงอีกละเนี่ย อยู่ๆก็มาพูดดีทำดีกับเธอ จะว่ารู้สึกผิดก็คงไม่ใช่ หนังหน้าหนาๆแบบนี้ถ้าจะรู้สึกผิดก็คงจะรู้สึกตั้งแต่ที่จับตัวเธอมาแล้ว
คนอะไรผีเข้าผีออก พิมพ์นาราคิดในใจ
“ได้ยินรึเปล่า ฉันตอบว่าคุณชื่ออัลลัยล์”เธอย้ำ
เขาคิดไม่ผิด เสียงของเธอที่เอ่ยออกมาไพเราะจริงๆ น้ำเสียงของเธอไม่มีความประชดประชันเช่นทุกครั้ง เขาอยากให้เธอสิ้นฤทธิ์แบบนี้ไปตลอดเสียจริง
“พิมพ์นารา คนประเทศเจ้าชอบตั้งชื่อยาวๆกันหรือ”
การออกเสียงชื่อเธอไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย มันสูงต่ำแปลกพิกล ตั้งแต่ศรีสมรอะไรนั่นแล้ว
“คุณเรียกฉันว่านาราก็ได้”
พิมพ์นาราวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างเบามือ หากผีตนนี้เขาสิงเขานานๆก็ดีสิ มันน่าคุยด้วยกว่าตั้งเยอะ และเมื่อเขาพูดคุยดีไม่ได้มีท่าทีคุกคามเธอเช่นทุกครั้ง เธอก็พร้อมจะคุยกับเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน
“นารา นารา”เขาทวนชื่อเธอไปมา
“นั่นแหละ”เธอตอบพลางยิ้มจนตาหยี
“นารา”เขาเรียกชื่อเธอ
“คุณทำเหมือนเด็กหัดพูดเลย”
“นารา”เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง
“อะไรอีกล่ะ”น่าแปลกที่ถึงแม้เขาจะถามอะไรมากแต่เธอกลับไม่รู้สึกรำคาญเลย บางทีนี่อาจจะเป็นฝาแฝดของเขาเหมือนกับสองแฝดผู้ติดตามนั้นก็ได้ นิสัยคนละเรื่องกับคนที่ผลักเธอตกน้ำเมื่อวันก่อนอยู่มากโข
“เปล่า ข้าอยากเรียก”ชายหนุ่มกล่าว
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยตรึงตราอะไรขนาดนั้น แต่ยิ้มของเธอดูมีเสน่ห์ เธอเป็นมิตรกับทุกคน เธอใจดีแม้กระทั่งช่วยเหลือคนแปลกหน้า
จะผิดไหมหากเขาอยากยึดครองเธอไว้คนเดียว อยากครอบครองรอยยิ้มนั่น ความใจดีนั่นเพียงคนเดียว
แต่พอนึกถึงคำตอบที่เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากอยู่ร่วมกับเขา ใบหน้าคมสันก็ปรากฏรอยกรามนูนขึ้นชัดเจน เมื่อรู้ตัวเขาจึงปรับกลับให้เป็นปกติ
ยังดีที่เมื่อครู่อีกฝ่ายหันหน้ามองไปทางอื่น เขาคิด
นานๆทีจะได้พูดคุยดีๆด้วยกันซักครั้ง เขาก็อยากจะคุยกับเธอให้ได้นานที่สุด
พิมพ์นาราลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายหลายครั้ง เขาจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลหน้าตาดี จมูกโด่งเป็นสันกำแพงนั่นรับกับดวงตาสีดำสนิทและริมฝีปากได้รูป เธอยังจำได้ว่าเขามีผมสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอ แม้จะมีเคราบนใบหน้าแต่ก็ให้ความหล่อเหลาแบบเถื่อนๆ หากเขาโกนเคราออกดีๆให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาละก็คงไปเป็นดาราได้สบายเลย เคราของเขาหนาพอๆกับขนบนแผงอกกำยำนั่น เอ้ะ! นี่เธอคิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!
หญิงสาวสะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดบ้าๆออกจากสมอง
“นารา เจ้าไม่อยากเป็นเมียข้าหรือ”เขาอดถามออกมาไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาในใจ หากถามไปก็จะได้จบๆ
คำถามของเขาทำให้เธอถึงกับสำลักออกมา เขานึกอะไรอยู่กันแน่ หากเธอตอบไม่ดีเขาจะลากเธอลงจากเตียงนุ่มสบายนี่รึเปล่า
ทั้งห้องตกอยู่ใบความเงียบก่อนที่หญิงสาวจะตอบออกมา
“ที่บ้านเมืองฉัน การที่คนสองคนจะแต่งงาน จะอยู่ด้วยกันจะต้องเรียนรู้นิสัยใจคอว่าเข้ากันได้รึเปล่า”เธอตอบเลี่ยง
“ข้าหมายถึงเจ้า ไม่ใช่คนที่บ้านเมืองเจ้า”
“ข้าหมายถึงเจ้านารา ไม่ใช่คนที่บ้านเมืองของเจ้า”ชายหนุ่มย้ำเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ
“ฉันไม่ชอบคุณ ฉันไม่ชอบที่คุณทำร้ายฉัน บังคับฉัน”
อัลลัยล์นั่งฟังหญิงสาวอย่างสงบ เหตุผลนี่เองหรือที่ทำให้เธอไม่อยากเป็นเมียเขา
“ผู้ชายที่ประเทศฉันจะให้เกียรติผู้หญิงมาก”
เพล้ง!
ร่างบางสะดุ้ง ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิด ชายหนุ่มหยิบแก้วขึ้นมาเหวี่ยงลงไปที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาเผยโทสะออกมา ใบหน้าคมสันกัดฟันกรอดขึ้นรอยชัดเจน
“เจ้า!”เขาชี้หน้าเธอ
ก่อนที่เธอจะได้พูดหรือถามอะไร มือหนานั่นก็ดึงเธอให้ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา!
“โอ้ย! ฉันเจ็บนะ!!”เธอตีมือหนาของชายหนุ่ม เวลานี้เธอเหมือนตุ๊กตาผ้า อ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ปล่อยให้เขาเขย่าเธอตามอำเภอใจ
อัลลัยล์จ้องหน้าหญิงสาวด้วยรู้สึกกราดเกรี้ยว เขาไม่น่าเข้ามาคุยกับแม่นี่เลย เธอกล้ามากที่นำเขาไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น!
“อย่าเอ่ยชื่อผู้ชายคนไหนออกมาให้ข้าได้ยิน อย่าเปรียบเทียบข้ากับใคร เจ้าเป็นของเล่นของข้า ต้องมีข้าเป็นผู้ชายคนเดียวของเจ้า!”อัลลัยล์ตะโกนใส่หน้าเธอ
พิมพ์นาราตกใจกับเสียงดังลั่น ไม่นานเธอจึงน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อทบทวนคำพูดของชายหนุ่ม นี่ที่เขาเข้ามาพูดคุยทำดีเพราะเขาเห็นเธอเป็นของเล่นหรอกหรือ ความเป็นมนุษย์ของเธอไปอยู่ตรงไหนกัน!
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของใคร แกไม่มีสิทธิมาสั่งให้ฉันทำอะไร”เธอตะโกนกลับด้วยอารมณ์แพ้กัน
“ไม่มีสิทธิงั้นเหรอ!”เขาทวนคำถามของเธอก่อนโน้มตัวลงไปบดขยี้ริมฝีปากเก่งนั่น
เธอแทบไม่มีแรงดิ้นขัดขืนคนตรงหน้าจึงได้แต่ให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ ทำไมคนๆนี้ถึงได้น่ารังเกียจขนาดนี้!
เขาผละตัวออกมองหญิงสาวในมือที่ไม่ขัดขืนเช่นทุกครั้ง เธอร้องไห้และมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าใด ริมฝีปากที่ขึ้นเลือดของเธอแสยะยิ้มใบแบบที่เขาไม่ชอบ และคำพูดที่ออกจากปากเธอทำให้โทสะของเขาโหมกระพือหนัก!
“ผู้ชายคนก่อนของฉันเขาทั้งใจดีและอ่อนโยน เขาดีกว่าแกหลายขุม แกอย่าเสนอหน้าไปเทียบเขาเลย!”พิมพ์นาราไม่รู้ไปเอาผู้ชายที่ไหนมาอ้าง เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ชอบอะไรเธอก็อยากจะยั่วแรงโทสะนั่น ไหนๆชีวิตเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่ของเธออยู่แล้ว ในเมื่อเธอเจ็บตัวก็ขอให้คนตรงหน้าโกรธจนสมองระเบิดไปเลย!
“นารา!”เขาลากเธอลงจากเตียงโดยลืมนึกไปว่าตอนนี้เจ้าของร่างบางนั่นแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่ พิมพ์นาราหลุดออกจากผ้าห่มหนาเต็มตัวก่อนจะล้มคะมำลงบนพรมนุ่ม เขาปล่อยมือออกจากเธอก่อนจะมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ตอนนี้เธอใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวและกางเกงขายาวสีเดียวกัน แขนเรียบเนียนของเธอที่เขาจำได้ไม่มีอีกแล้ว แขนเปลือยเปล่าของเธอมีรอยช้ำสีม่วงเขียวเต็มไปหมด โดยเฉพาะต้นแขนเล็กนั่นปรากฏรอยช้ำนิ้วมืออย่างชัดเจน ที่ข้อมือทั้งสองของเธอมีเลือดไหลซิบออกมาเนื่องจากโดนเสียดสีกับผ้าหนา เธอยันตัวขึ้นมามองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยโฮออกมา
“ฮืออ…”เสียงร้องไห้ของเธอช่างน่าสงสารยิ่งนัก เขาคุกเข่าลงจับขาของเธอและค่อยๆเลิกชายกางเกงขึ้น
ข้อเท้าของเธอก็มีรอยช้ำปรากฏขึ้นจางๆ กระทั่งสูงขึ้นไปอีกคือหัวเข่าที่ช้ำเขียวกว่าทุกส่วนเนื่องจากทั้งล้มลุกคลุกคลาน โดนลากไปมา
“นี่มัน…”อัลลัยล์ถึงกับสะอึกเมื่อเห็นรอยต่างๆบนตัวเธอ
“ปล่อยฉัน ปล่อย”พิมพ์นารากลั้นเสียงสะอื้น เธอพยายามดึงขากลับและปัดมือของชายหนุ่มออกไปให้พ้นตัว
เมื่อเห็นท่าทางของเธออัลลัยล์จึงถอยออกมาพร้อมกับก้มมองหญิงสาวบนพื้น เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูพร้อมกับสะอื้นไม่หยุด
“นี่ฝีมือข้างั้นหรือ”เขาเอ่ยถามหญิงสาวทั้งๆที่ในใจของตนก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เสียงสะอื้นคือคำตอบของหญิงสาว
ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านั้นเธอยังยิ้มให้เขา พูดคุยกับเขา และเขาก็เป็นคนทำให้มันวนกลับมาแบบเดิมอีกครั้ง
“นารา หยุดร้องเถอะ”เขาคุกเข่าลงอีกครั้งพร้อมกับจะเอื้อมมือไปแตะหน้าเปื้อนน้ำตานั่น
เพี้ย!
เธอยกมือปัดออกอย่างไม่ใยดีพร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างถือโกรธ
“จะให้ข้าทำยังไง เจ้าจะตีข้ากลับก็ได้หากมันทำให้เจ้าพอใจ แต่เจ้าหยุดร้องได้ไหม”เขาจับมือเธอให้ตบใบหน้าของตัวเขาเอง หญิงสาวชักมือกลับก่อนจะมองอีกฝ่ายไม่วางตา
“อัลลัยล์”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ขอร้องนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันคิดถึงแม่ คิดถึงน้า คิดถึงบ้าน”เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มเพื่อวิงวอนร้องขอ
อัลลัยล์นิ่งเงียบมองภาพตรงหน้า เขาจะปฏิเสธเธออย่างไรดี เมื่อเห็นเห็นทั้งรอยเขียวช้ำที่เกิดจากฝีมือเขา ทั้งร่างบางที่นั่งยกมือไหว้เขาสั่นไปทั้งตัว และใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา
เขาจะปฏิเสธเธออย่างไรดี!
เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มเธอจึงปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ราวว่าชีวิตนี้ของเธอสูญเสียทุกอย่างไป เธอทั้งกรีดร้องตัวสั่น พรมหนาขึ้นรอยชื้นเป็นวงกว้าง เธอมองเขาอย่างวิงวอนก่อนจะสิ้นสติไป
อัลลัยล์ช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นแนบอกก่อนจะวางเธอกลับไปที่เตียงดังเดิมพร้อมกับห่มผ้าหนาให้
ร่างหนาของเขาทรุดลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ใบหน้าหลับตาพริ้มของเธอยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ภาพเมื่อครู่ตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
เขาจะปฏิเสธเธองั้นหรือ!
ร่างหนาปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะหันหลังยืนพิงประตูหนานั่นเพื่อครุ่นคิดอะไรต่างๆ
เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนท่าหรือหันไปสนใจ ชายหนุ่ม
เพียงแต่กล่าวกับผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าบอกไม่ต้องตามมาไม่ใช่เหรอ”เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ
ยะตีมกับฮาฟิซคำนับและยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นนาย ยะตีมคิดอยู่แล้วว่าหากไม่เจอผู้เป็น
นายที่ห้องทำงานก็ต้องเจอที่นี่ และก็เป็นไปอย่างที่คาดจริงๆ
ยะตีมรู้สึกดีที่ลางสังหรณ์ของตนยังแม่นยำ ต่างจากฮาฟิซที่รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองจะดวงไม่ดีในเรื่องการพนันเลย หนี้ 1000 ปอนด์อียิปต์ครั้งก่อนก็ยังไม่ได้จ่าย 1000 ปอนด์อียิปต์ครั้งใหม่ก็ตามมาเสียแล้ว
พวกเขาสบตากันเมื่อเห็นร่างหนาของเจ้านายพิงประตูครุ่นคิด ดูท่าเจ้านายกับแม่หญิงนั่นคงจะมีปากเสียงกันอีกแล้ว ตัวก็แค่นั้นแถมยังไม่สบายอีก ทำไมไม่ยอมๆเจ้านายไปนะ
แต่ถ้ายอมง่ายขนาดนั้น เจ้านายก็คงไม่สนใจเธอหรอก…
“ฮาฟิซ ข้าไม่เพียบพร้อมตรงไหน สู้คนอื่นไม่ได้ตรงไหน เหตุใดหล่อนจึงรังเกียจข้าขนาดนั้น”เสียงทุ้มกล่าว
ฮาฟิซมองหน้าผู้เป็นเจ้านายก่อนจะนิ่งเงียบ บางคำถามก็เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหรอก
“ข้าไม่รู้ใจหล่อนจริงๆ หล่อนโกรธข้าเพราะข้าว่าหล่อนเป็นของเล่น แต่ในเมื่อข้าจะยกให้หล่อนเป็นเมีย หล่อนก็ไม่เอา”
“หล่อนชอบทำให้ข้าโมโห”
“และข้าก็ชอบทำให้หล่อนเจ็บตัว”อัลลัยล์หัวเราะเบาๆ
“เนื้อตัวก็ชอกช้ำไปหมด แต่ก็ยังไม่เข็ดซักที มันจะมีมั้ย หนังสือเล่มไหนที่สอนวิธีปราบพยศน่ะ”
ยะตีมเหลือบมองเจ้านายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูท่าเจ้านายจะยังไม่รู้ว่าเธอผู้นั้นเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเจ้านายเองเสียแล้ว หากเป็นทั่วไปจะปล่อยผ่านโดยไม่สนใจก็ได้ แต่นี่เล่นเก็บเอาทุกคำพูดของแม่หญิงนั่นมาใส่ใจ แม่หญิงนั้นเจ็บตัวส่วนเจ้านายก็เจ็บหัว
พอกันทั้งคู่
“เจ้านายคิดอย่างไรกับแม่หญิงล่ะครับ”ฮาฟิซที่ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนโพล่งถามออกมา
อัลลัยล์ถึงกับสะอึกในลำคอก่อนจะตอบผู้ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติของตน
“หล่อนก็เป็นของเล่นใหม่สำหรับข้า ข้าเพียงชอบที่หล่อนไม่ยอมอะไรง่ายๆ ท่าทางพยศนั่นมันน่าปราบดีออก”เขาตอบพร้อมกับมองอีกฝ่ายตาขวาง
“คงจะรู้สึกดีไม่น้อยหากทำให้หล่อนยอมสยบ”ชายหนุ่มกล่าวต่อตามความรู้สึกจริง หากทำให้เธอยอมสยบและส่งเสียงหวานนั่นครวญครางใต้ร่างเขาได้ก็คงให้ความรู้สึกดีไม่น้อย
“คนรักของแม่หญิงนั่นจะไม่ตามหาตัวแม่หญิงแย่เลยเหรอครับ”ยะตีมกล่าวลอยๆ
ฮาฟิซมองหน้าพี่ชาย เขาแทบไม่เชื่อหูของตนเอง่าแฝดผู้พี่จะกล้าพูดอะไรอย่างนั้นออกมา!
ได้ผลเกินควรสำหรับยะตีมเมื่อเห็นใบหน้าคมสันของผู้เป็นเจ้านายดุดันขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นนายทำให้ฮาฟิซนึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะหันกลับไปมองผู้เป็นพี่ชายที่ลอบยิ้มอยู่ด้านหลัง
เจ้านี่มันจอมวางแผนชัดๆ!
“ให้มันรู้ไปว่าข้าจะแพ้ผู้ชายคนอื่น!”อัลลัยล์กัดฟันกรอด มือหนากำหมัดแน่น
ต่อไปนี้เขาคงจะต้องแสดงให้เธอรู้เสียทีว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอจะมาล้อเล่นด้วย หากขอเป็นเมียดีๆไม่ยอมก็จงเป็นของเล่นแก้เบื่อไปเสียเถอะ!
หมอชราเก็บเครื่องมือต่างๆลงกล่อง เมื่อคืนอยู่ๆเขาก็โดนเรียกตัวอย่างกะทันหัน ตอนแรกก็นึกว่า ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ เป็นอะไร แต่พอมาถึงโอเอซิสส่วนตัวของท่านชีคแล้วเขาก็คลายกังวลลงได้เยอะทีเดียว
‘ผู้หญิงของท่านชีคจมน้ำ’
ท่านชีคอัลลัยล์ล้วนเป็นที่รักใคร่ของทุกคน เขามีคนงานมากมายแต่ก็เลี้ยงดูเหล่าคนงานให้อยู่ดีกินดี เวลาปกติจะเป็นคนที่ใจดีและรักสงบ แต่เวลาที่ท่านผู้นี้บันดาลโทสะขึ้นมาก็อารมณ์ร้ายไม่ใช่น้อย และดูท่าอารมณ์ร้ายๆคงจะเกิดกับจำพวกของรักของหวงมากกว่าปกติ เข้าทำนองที่ว่ายิ่งรักเท่าใดยิ่งร้ายเท่านั้น
ตัวเขานั้นก็เป็นหมอประจำตระกูลนี้มาตั้งแต่ตอนที่ ‘ท่านชีคอิลสลา’ ผู้ปกครองคนก่อนยังอยู่ ท่านชีคอิลสลาเป็นคนที่ใจดี เยือกเย็นต่างจากบุตรชายยิ่งนัก ท่านสามารถปกครองผู้คนจำนวนมากได้อย่างดี ถึงแม้เขาอาจจะเคยได้ยินว่าพวกชีคหนุ่มชอบสะสมสาวไว้ในฮาเร็ม แต่ท่านชีคอิลสสากลับไม่ใช่เช่นนั้น ถึงแม้จะมีผู้หญิงมากมายมาเสนอตัวในตอนที่ผู้เป็นภรรยาท่านได้เสียชีวิตลงใหม่ๆ ท่านก็ประกาศก้องให้ผู้คนได้รับรู้
‘ชีวิตข้าขอรักผู้หญิงเพียงคนเดียว ถึงแม้นางจะจากข้าไปไกลสุดขอบฟ้า แต่มันเป็นวิธีเดียวที่ข้าจะตอบแทนความรักมากมายของนางที่มอบให้ข้า ความรักมากมายที่นางรักข้าเพียงคนเดียวเช่นกัน!’
ทุกคนต่างทราบกันดีว่าท่านอิลสลารักภรรยามากขนาดไหน เมื่อภรรยาท่านเสียชีวิตลงประอุบัติเหตุทางรถ เพียงไม่กี่ปีต่อมาที่ท่านจัดการกับปัญหาทุกอย่างเพื่อเตรียมให้บุตรชายคนเดียวได้ขึ้นครองตระกูลแทนแล้ว ท่านก็จากไปอย่างสงบ
และบุตรช่ายคนเดียวของท่าน ‘อัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด’ ก็ได้ขึ้นปกครองตระกูลใหญ่พร้อมขุมทรัพย์นี้แทน
“ให้เธอกินยาตามที่หมอจัดไว้อย่าให้ขาด พยายามรักษาร่างกายให้อุ่นอยู่ตลอด”หมอชรากล่าว
“ถ้ามีไข้ขึ้นสูงก็ไม่ต้องตกใจ ให้เช็ดตัวแล้วห่มผ้าหนาๆแล้วกัน อีกไม่เกินอาทิตย์เธอคงจะดีขึ้น”เขาสั่งกับหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงของผู้ป่วยสาว
หมอชรามองไปที่ผู้ป่วยของตนก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาได้ยินเรื่องของหญิงสาวผู้นี้มาบ้างจากเหล่าคนงานที่โอเอซิส เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธคำสั่งของชายหนุ่มผู้เป็นถึงท่านชีค และเธอก็ไม่ใช่คนที่เก่งแต่ปาก ร่างบางนี่ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงคำพูดของตน ว่าพูดจริงทำจริงได้ขนาดไหน
“พยายามอย่าให้ออกแรงเยอะแล้วกัน สภาพร่างกายของเธอยังไม่เต็มร้อยนัก แล้วก็อย่าลืมหมั่นทายา ‘ที่รอยพวกนั้น’ ให้ด้วยละ”
“ได้เจ้าค่ะ”หญิงรับใช้พยักหน้ารับรู้ก่อนจะอาสาช่วยถือกล่องเครื่องตามไปส่งหมอชราซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ
อันที่จริงแล้วเธอได้รับมอบหมายจากท่านอัลลัยล์ให้มาดูแลหญิงสาวหน้าตาสละสวยนี่ให้ดีที่สุด อย่าให้เธอขุ่นข้องหมองใจหรืออารมณ์เสียเด็ดขาด แต่เวลานี้หญิงสาวผู้นี้ยังคงหลับอยู่ และดูท่าแล้วคงจะหลับอีกนาน เมื่อไปส่งท่านหมอเสร็จเธอก็ขอเดินเล่นชมวิวซักครู่ก่อนจะต้องขึ้นมาเฝ้าผู้ป่วยสาวซึ่งอาการก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงมากนี่ก่อนแล้วกัน หญิงรับใช้คิดพลางหัวเราะคิกคักกับตนเอง
แม้หอสมุดกว้างนี้จะมีหนังสือน่าสนใจให้อ่านมากมาย แต่น่าแปลกที่ไม่ว่าจะหยิบอะไรขึ้นมาอ่านก็ไม่มีอะไรเข้าหัวเลย จิตใจเขายังจดจ่อกับร่างบางที่นอนซมอยู่ในห้องพักนั่น ใจหนึ่งก็อยากจะไปเยี่ยมเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอยังสบายและหายใจอยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าหากถ้าไปเยี่ยมเธอจะอาการทรุดหนักกว่าเดิมรึเปล่า ยิ่งเมื่อคำตอบที่เธอแสดงออกมาแน่ชัดก็ให้คำตอบในเวลานี้กับเขาอยู่แล้วว่าเธอคงไม่อยากเจอเขาเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็ไม่อยากเสนอหน้าไป
ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขามากมายขนาดนั้นหรอก เพียงแค่ชีวิตนี้ที่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ใดที่ดื้อด้านและกล้าขัดใจผู้มีพร้อมทุกอย่างเช่นเขา เธอจึงเป็นของเล่นใหม่ที่น่าสนใจ ใช้ฆ่าเวลาเบื่อได้อย่างดี ไม่แปลกที่เขาจะห่วงของเล่นชิ้นนี้ เพราะกว่าจะเจอมันก็ใช้เวลานานเหลือเกิน และหากเธอยังคิดจะหนีไปไหนอีก เขาก็คงจะล่ามโซ่เธอจริงๆก็คราวนี้แหละ
ชายหนุ่มคิดอย่างเพลิดเพลินโดยลืมนึกไปว่า เมื่อคืนตอนสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ของเล่น’ ไม่หายใจแล้วนั้นภายในใจเขาว้าวุ่นกระวนกระวายเนื้อตัวเย็นเฉียบและเป็นห่วงเป็นใยเธอมากขนาดไหน และเมื่อ ‘ของเล่น’ ฟื้นขึ้นมานั้นจิตใจแข็งแกร่งของเขารู้สึกอย่างไร แต่บางทีแล้วใจของเขานั่นแหละที่อาจจะสั่งให้ลืมทุกสิ่งไปก็ได้
แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสองก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่จะทำให้ผู้เป็นนายเสียหน้า ใครจะไปเชื่อเล่าว่าคนอย่างท่านชีคอัลลัยล์จะไปเป็นห่วงเป็นใยจนถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงพื้นให้กับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนั้น เผลอๆอาจจะยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ
ร่างของยะตีมเดินเข้ามาคำนับให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะรายงานคำสั่งที่ผู้เป็นนายใช้ให้ไปทำ
“หมอตรวจเสร็จแล้วครับ ผมให้คนไปส่งแล้ว ส่วนเธอก็ยังหลับไม่ได้สติครับ”ยะตีมกล่าวตามจริง
อัลลัยล์พยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านอัลลัยล์ไม่ขึ้นไปดูแม่หญิงหน่อยหรือครับ”ฮาฟิซกล่าวกลังจากที่ผู้เป็นพี่ถอยหลังออกมายืนเสมอตัวเขา
“ทำไมข้าจะต้องไปดูหล่อน”ผู้พูดตอบด้วยสำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
ช่วงนี้เขารู้สึกขัดใจกับสองผู้ติดตามเหลือเกิน รู้สึกพวกนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แถมยังชอบพูดหรือเสนอความคิดเห็นอะไรที่มันแทงใจดำซะเหลือเกิน
เธอยังหลับไม่ได้สติ ประโยคนี้เองทำให้เขาถึงกับนั่งไม่ติด ชีคหนุ่มกระวนกระวายชั่วครู่ก่อนจะวางหนังสือในมือลง
พุบ!
เมื่อเห็นว่าอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์ ชีคหนุ่มก็ลุกขึ้นสั่งคำสั่งที่ทำให้สองผู้ติดตามลอบยิ้มออกมาทันที
“ข้าจะไปเอาของที่ลืมไว้ที่ห้องทำงานซะหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องตามมาล่ะ!”
เมื่อร่างหนาของชีคหนุ่มออกไปแล้ว ฮาฟิซถึงกับหลุดขำออกมาทันที
ยะตีมยิ้มน้อยๆตามฉบับของเขาก่อนจะเอ่ยบางสิ่งที่ทำให้แฝดน้องถึงกับหยุดการขำและแปรเปลี่ยนสีหน้าตรงกันข้ามขึ้นมาทันที
“พนันกันครั้งก่อนเจ้าติดหนี้ข้าไว้ 1000 ปอนด์อียิปต์ คิดจะจ่ายเมื่อใดกัน!”
พิมพ์นาราค่อยๆยกเปลือกตาอันหนักหน่วงขึ้น เธอกระพริบตาถี่เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างก่อนจะหลับตาแช่อีกครั้ง ไม่นานที่เธอคิดว่าแสงตรงหน้าไม่สามารถทำให้แสบตาได้อีกเธอจึงลืมลืมตาขึ้นและกวาดตามองไปรอบตัว
นี่เธอยังไม่ตายแถมถูกจับให้กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ผีห่าซาตานหลังนี้อีกเหรอเนี่ย เธอคิดในใจเมื่อเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน
มีไม่กี่ที่หรอกที่จะตกแต่งห้องกว้างให้หรูหราอลังการขนาดนี้ ในห้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันราวกับโรงแรมหกดาวก็มิปาน หากเป็นเวลาปกติเธอก็คงอดตื่นเต้นไม่ได้ แต่ในเวลานี้ถ้าเลือกได้เธออยากจะกลับไปนอนห้องเล็กๆของเธอดีกว่า
เหมือนในสุภาษิตที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก!
“เห้อ!”
หลังจากที่เธอได้เห็นภาพรอบตัวสมใจแล้ว เธอจึงพยายามนึกว่าตัวเธอรอดจากสระโอเอซิสมาได้อย่างไร แต่อะไรบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวสมองของเธอแทน
ความทรงของเธอคือเธอผล็อยหลับไปกลางสระน้ำนั่นแบบไม่รู้ตัว เธอยังจำความทรมานจากอาการดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจได้ดี ร่างบางรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงความเย็นเฉียบของผิวน้ำนั่น เธอรู้สึกตัวสั่นเมื่อนึกถึงว่าตนเองอยู่ใกล้ความตายขนาดไหน
แอ๊ด…
เสียงประตูทำให้ร่างบางสะดุ้งและออกจากภวังค์ความคิด เธอหันไปมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครอาการสั่นของเธอก็หยุดชะงักราวกับดึงปลั๊กออก เธอหันหน้ากลับมาทางเดิมพร้อมกับถอนหายใจหนัก
“เสนอหน้ามาเยาะเย้ยละสิ”เธอบ่นงุบงิบเบาๆเป็นภาษาแม่
ชายในชุดกาลาไบยาสีดำก้าวเข้ามาด้วยท่าทางผึงผาย ในมือหนานั่นมีหนังสือสองสามเล่ม เขาเดินมาหยุดใกล้เธอและวางมันลงที่โต๊ะเล็กข้างหัวเตียงที่มีเหยือกน้ำสะอาดและยาเม็ดวางเรียงรายอยู่
“สวัสดี”เขาเอ่ยทักทาย
เธอเหลือบตาขึ้นไปมองชายตรงหน้าและอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งตู้เสื้อผ้าเขามีเสื้อผ้าอยู่แบบเดียวสีเดียวหรือไร เห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแต่แบบเดิมๆซ้ำๆไม่เจริญหูเจริญตาสำหรับเธอเอาเสียเลย
“ฮึ!”ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูกเมื่อเห็นเธอนอนนิ่ง
“อายุยืนดีนี่”อัลลัยล์กล่าวกับหญิงสาวบนเตียงที่ทำหน้าเบื่อโลก
“อย่าเอาความเงียบมาใช้กับข้า”เสียงทุ้มเอ่ยเตือน
พิมพ์นาราเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะตอบคนเผด็จการตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
อัลลัยล์มองหญิงสาวบนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเซียวไร้เลือดฝาด ร่างบางนั่นนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ถึงเขารู้ว่าเธอกำลังไม่สบายแต่ก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ เธอมันช่างแสนดื้อ สมควรแล้วที่จะต้องนอนซมแบบนี้ คราวหลังจะได้จำและไม่ทำอะไรยั่วโมโหเขาอีก
“ขอบคุณอย่างเดียวรึไง”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังอยากได้ยินอะไรจากปากของเธออีก
“คุณต้องการอะไรอีก”พิมพ์นาราหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าชื่ออัลลัยล์”ชายหนุ่มแนะนำตัวเพราะเบื่อเต็มทีกับเสียงของหญิงสาวที่เลือกเขาว่า
คุณ คุณ คุณ เขาอยากได้ยินว่าน้ำเสียงเธอเวลาเรียกชื่อเขามันเป็นยังไง จะหวานเพราะเหมือนเวลาเธอพูดหรือไม่
“ทำไมคุณไม่ถามว่าฉันอยากรู้มั้ย?”หญิงสาวถามเสียงสูง
อัลลัยล์กดอารมณ์ของตนให้นิ่งสงบ เขายังไม่อยากเถียงอะไรกับคนตรงหน้า ปล่อยให้เธอพูดกวนต่อไปนั่นแหละ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเธอยังพอมีเรี่ยวแรงขัดกับใบหน้าซีดเซียวนั่น จะได้ไม่น่าเป็นห่วง
“เจ้าชื่ออะไรล่ะ”ชายหนุ่มดึงเก้าอี้มาเพื่อนั่งลงสนทนากับคนป่วยตรงหน้า
“ศรีสมร”เธอกล่าว
“ศรีสมร เธออายุเท่าไหร่กัน”
พิมพ์นาราแทบหลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าเชื่อจริงๆว่าเธอชื่อศรีสมร เสียงของชาวต่างชาติเวลาออกเสียงสูงของภาษาไทยมันช่างตลกได้น่ารักจริงๆ แต่ขอยกเว้นให้คนๆนี้ได้คำว่าตลกไปอย่างเดียวพอ อย่างเขาไม่เหมาะกับคำว่าน่ารักหรอก
“พิมพ์นารา”เธอบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า
“พิมพ์นาราคืออะไร”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเธอ
“ชื่อฉันไง ฉันชื่อพิมพ์นารา”
“แล้วเจ้าไม่ได้ชื่อศรีสมรหรอกหรือ”
“ก็ฉันชื่อพิมพ์นาราไง”
“แล้วศรีสมรล่ะ”
“ฉันโกหกคุณ”
อัลลัยล์อยากจะบีบคอเธอให้ตายนักแต่บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เขาชะงัก เธอหลุดหัวเราะเสียงใสออกมา ท่าทางนั่นบอกได้ว่าเธอคงจะตลกขบขันที่หลอกเขาได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา เธอราวกับเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่เล่นอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มันก็น่าเอ็นดูยิ่งนัก
“แค่ก แค่ก!”อาจจะเป็นเพราะเธอใช้เสียงกับคนตรงหน้ามากไปเลยทำให้รู้สึกเจ็บคออันแห้งผากนี้
“ข้าชื่ออะไร”เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นพลางยกเหยือกน้ำรินใส่แก้ว
รินน้ำให้กับสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ของเล่น’
“คุณชื่ออัลลัยล์”เธอตอบ ชื่อของเขาแปลกแต่เพราะติดหูนั่นมันทำให้เธอจำได้
ชายหนุ่มส่งแก้วน้ำให้ เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆก่อนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อรับแก้วน้ำจากมือหนานั่นมา
ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงอีกละเนี่ย อยู่ๆก็มาพูดดีทำดีกับเธอ จะว่ารู้สึกผิดก็คงไม่ใช่ หนังหน้าหนาๆแบบนี้ถ้าจะรู้สึกผิดก็คงจะรู้สึกตั้งแต่ที่จับตัวเธอมาแล้ว
คนอะไรผีเข้าผีออก พิมพ์นาราคิดในใจ
“ได้ยินรึเปล่า ฉันตอบว่าคุณชื่ออัลลัยล์”เธอย้ำ
เขาคิดไม่ผิด เสียงของเธอที่เอ่ยออกมาไพเราะจริงๆ น้ำเสียงของเธอไม่มีความประชดประชันเช่นทุกครั้ง เขาอยากให้เธอสิ้นฤทธิ์แบบนี้ไปตลอดเสียจริง
“พิมพ์นารา คนประเทศเจ้าชอบตั้งชื่อยาวๆกันหรือ”
การออกเสียงชื่อเธอไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย มันสูงต่ำแปลกพิกล ตั้งแต่ศรีสมรอะไรนั่นแล้ว
“คุณเรียกฉันว่านาราก็ได้”
พิมพ์นาราวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างเบามือ หากผีตนนี้เขาสิงเขานานๆก็ดีสิ มันน่าคุยด้วยกว่าตั้งเยอะ และเมื่อเขาพูดคุยดีไม่ได้มีท่าทีคุกคามเธอเช่นทุกครั้ง เธอก็พร้อมจะคุยกับเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน
“นารา นารา”เขาทวนชื่อเธอไปมา
“นั่นแหละ”เธอตอบพลางยิ้มจนตาหยี
“นารา”เขาเรียกชื่อเธอ
“คุณทำเหมือนเด็กหัดพูดเลย”
“นารา”เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง
“อะไรอีกล่ะ”น่าแปลกที่ถึงแม้เขาจะถามอะไรมากแต่เธอกลับไม่รู้สึกรำคาญเลย บางทีนี่อาจจะเป็นฝาแฝดของเขาเหมือนกับสองแฝดผู้ติดตามนั้นก็ได้ นิสัยคนละเรื่องกับคนที่ผลักเธอตกน้ำเมื่อวันก่อนอยู่มากโข
“เปล่า ข้าอยากเรียก”ชายหนุ่มกล่าว
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยตรึงตราอะไรขนาดนั้น แต่ยิ้มของเธอดูมีเสน่ห์ เธอเป็นมิตรกับทุกคน เธอใจดีแม้กระทั่งช่วยเหลือคนแปลกหน้า
จะผิดไหมหากเขาอยากยึดครองเธอไว้คนเดียว อยากครอบครองรอยยิ้มนั่น ความใจดีนั่นเพียงคนเดียว
แต่พอนึกถึงคำตอบที่เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากอยู่ร่วมกับเขา ใบหน้าคมสันก็ปรากฏรอยกรามนูนขึ้นชัดเจน เมื่อรู้ตัวเขาจึงปรับกลับให้เป็นปกติ
ยังดีที่เมื่อครู่อีกฝ่ายหันหน้ามองไปทางอื่น เขาคิด
นานๆทีจะได้พูดคุยดีๆด้วยกันซักครั้ง เขาก็อยากจะคุยกับเธอให้ได้นานที่สุด
พิมพ์นาราลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายหลายครั้ง เขาจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลหน้าตาดี จมูกโด่งเป็นสันกำแพงนั่นรับกับดวงตาสีดำสนิทและริมฝีปากได้รูป เธอยังจำได้ว่าเขามีผมสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอ แม้จะมีเคราบนใบหน้าแต่ก็ให้ความหล่อเหลาแบบเถื่อนๆ หากเขาโกนเคราออกดีๆให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาละก็คงไปเป็นดาราได้สบายเลย เคราของเขาหนาพอๆกับขนบนแผงอกกำยำนั่น เอ้ะ! นี่เธอคิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!
หญิงสาวสะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดบ้าๆออกจากสมอง
“นารา เจ้าไม่อยากเป็นเมียข้าหรือ”เขาอดถามออกมาไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาในใจ หากถามไปก็จะได้จบๆ
คำถามของเขาทำให้เธอถึงกับสำลักออกมา เขานึกอะไรอยู่กันแน่ หากเธอตอบไม่ดีเขาจะลากเธอลงจากเตียงนุ่มสบายนี่รึเปล่า
ทั้งห้องตกอยู่ใบความเงียบก่อนที่หญิงสาวจะตอบออกมา
“ที่บ้านเมืองฉัน การที่คนสองคนจะแต่งงาน จะอยู่ด้วยกันจะต้องเรียนรู้นิสัยใจคอว่าเข้ากันได้รึเปล่า”เธอตอบเลี่ยง
“ข้าหมายถึงเจ้า ไม่ใช่คนที่บ้านเมืองเจ้า”
“ข้าหมายถึงเจ้านารา ไม่ใช่คนที่บ้านเมืองของเจ้า”ชายหนุ่มย้ำเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ
“ฉันไม่ชอบคุณ ฉันไม่ชอบที่คุณทำร้ายฉัน บังคับฉัน”
อัลลัยล์นั่งฟังหญิงสาวอย่างสงบ เหตุผลนี่เองหรือที่ทำให้เธอไม่อยากเป็นเมียเขา
“ผู้ชายที่ประเทศฉันจะให้เกียรติผู้หญิงมาก”
เพล้ง!
ร่างบางสะดุ้ง ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิด ชายหนุ่มหยิบแก้วขึ้นมาเหวี่ยงลงไปที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาเผยโทสะออกมา ใบหน้าคมสันกัดฟันกรอดขึ้นรอยชัดเจน
“เจ้า!”เขาชี้หน้าเธอ
ก่อนที่เธอจะได้พูดหรือถามอะไร มือหนานั่นก็ดึงเธอให้ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา!
“โอ้ย! ฉันเจ็บนะ!!”เธอตีมือหนาของชายหนุ่ม เวลานี้เธอเหมือนตุ๊กตาผ้า อ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ปล่อยให้เขาเขย่าเธอตามอำเภอใจ
อัลลัยล์จ้องหน้าหญิงสาวด้วยรู้สึกกราดเกรี้ยว เขาไม่น่าเข้ามาคุยกับแม่นี่เลย เธอกล้ามากที่นำเขาไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น!
“อย่าเอ่ยชื่อผู้ชายคนไหนออกมาให้ข้าได้ยิน อย่าเปรียบเทียบข้ากับใคร เจ้าเป็นของเล่นของข้า ต้องมีข้าเป็นผู้ชายคนเดียวของเจ้า!”อัลลัยล์ตะโกนใส่หน้าเธอ
พิมพ์นาราตกใจกับเสียงดังลั่น ไม่นานเธอจึงน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อทบทวนคำพูดของชายหนุ่ม นี่ที่เขาเข้ามาพูดคุยทำดีเพราะเขาเห็นเธอเป็นของเล่นหรอกหรือ ความเป็นมนุษย์ของเธอไปอยู่ตรงไหนกัน!
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของใคร แกไม่มีสิทธิมาสั่งให้ฉันทำอะไร”เธอตะโกนกลับด้วยอารมณ์แพ้กัน
“ไม่มีสิทธิงั้นเหรอ!”เขาทวนคำถามของเธอก่อนโน้มตัวลงไปบดขยี้ริมฝีปากเก่งนั่น
เธอแทบไม่มีแรงดิ้นขัดขืนคนตรงหน้าจึงได้แต่ให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ ทำไมคนๆนี้ถึงได้น่ารังเกียจขนาดนี้!
เขาผละตัวออกมองหญิงสาวในมือที่ไม่ขัดขืนเช่นทุกครั้ง เธอร้องไห้และมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าใด ริมฝีปากที่ขึ้นเลือดของเธอแสยะยิ้มใบแบบที่เขาไม่ชอบ และคำพูดที่ออกจากปากเธอทำให้โทสะของเขาโหมกระพือหนัก!
“ผู้ชายคนก่อนของฉันเขาทั้งใจดีและอ่อนโยน เขาดีกว่าแกหลายขุม แกอย่าเสนอหน้าไปเทียบเขาเลย!”พิมพ์นาราไม่รู้ไปเอาผู้ชายที่ไหนมาอ้าง เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ชอบอะไรเธอก็อยากจะยั่วแรงโทสะนั่น ไหนๆชีวิตเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่ของเธออยู่แล้ว ในเมื่อเธอเจ็บตัวก็ขอให้คนตรงหน้าโกรธจนสมองระเบิดไปเลย!
“นารา!”เขาลากเธอลงจากเตียงโดยลืมนึกไปว่าตอนนี้เจ้าของร่างบางนั่นแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่ พิมพ์นาราหลุดออกจากผ้าห่มหนาเต็มตัวก่อนจะล้มคะมำลงบนพรมนุ่ม เขาปล่อยมือออกจากเธอก่อนจะมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ตอนนี้เธอใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวและกางเกงขายาวสีเดียวกัน แขนเรียบเนียนของเธอที่เขาจำได้ไม่มีอีกแล้ว แขนเปลือยเปล่าของเธอมีรอยช้ำสีม่วงเขียวเต็มไปหมด โดยเฉพาะต้นแขนเล็กนั่นปรากฏรอยช้ำนิ้วมืออย่างชัดเจน ที่ข้อมือทั้งสองของเธอมีเลือดไหลซิบออกมาเนื่องจากโดนเสียดสีกับผ้าหนา เธอยันตัวขึ้นมามองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยโฮออกมา
“ฮืออ…”เสียงร้องไห้ของเธอช่างน่าสงสารยิ่งนัก เขาคุกเข่าลงจับขาของเธอและค่อยๆเลิกชายกางเกงขึ้น
ข้อเท้าของเธอก็มีรอยช้ำปรากฏขึ้นจางๆ กระทั่งสูงขึ้นไปอีกคือหัวเข่าที่ช้ำเขียวกว่าทุกส่วนเนื่องจากทั้งล้มลุกคลุกคลาน โดนลากไปมา
“นี่มัน…”อัลลัยล์ถึงกับสะอึกเมื่อเห็นรอยต่างๆบนตัวเธอ
“ปล่อยฉัน ปล่อย”พิมพ์นารากลั้นเสียงสะอื้น เธอพยายามดึงขากลับและปัดมือของชายหนุ่มออกไปให้พ้นตัว
เมื่อเห็นท่าทางของเธออัลลัยล์จึงถอยออกมาพร้อมกับก้มมองหญิงสาวบนพื้น เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูพร้อมกับสะอื้นไม่หยุด
“นี่ฝีมือข้างั้นหรือ”เขาเอ่ยถามหญิงสาวทั้งๆที่ในใจของตนก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เสียงสะอื้นคือคำตอบของหญิงสาว
ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านั้นเธอยังยิ้มให้เขา พูดคุยกับเขา และเขาก็เป็นคนทำให้มันวนกลับมาแบบเดิมอีกครั้ง
“นารา หยุดร้องเถอะ”เขาคุกเข่าลงอีกครั้งพร้อมกับจะเอื้อมมือไปแตะหน้าเปื้อนน้ำตานั่น
เพี้ย!
เธอยกมือปัดออกอย่างไม่ใยดีพร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างถือโกรธ
“จะให้ข้าทำยังไง เจ้าจะตีข้ากลับก็ได้หากมันทำให้เจ้าพอใจ แต่เจ้าหยุดร้องได้ไหม”เขาจับมือเธอให้ตบใบหน้าของตัวเขาเอง หญิงสาวชักมือกลับก่อนจะมองอีกฝ่ายไม่วางตา
“อัลลัยล์”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ขอร้องนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันคิดถึงแม่ คิดถึงน้า คิดถึงบ้าน”เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มเพื่อวิงวอนร้องขอ
อัลลัยล์นิ่งเงียบมองภาพตรงหน้า เขาจะปฏิเสธเธออย่างไรดี เมื่อเห็นเห็นทั้งรอยเขียวช้ำที่เกิดจากฝีมือเขา ทั้งร่างบางที่นั่งยกมือไหว้เขาสั่นไปทั้งตัว และใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา
เขาจะปฏิเสธเธออย่างไรดี!
เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มเธอจึงปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ราวว่าชีวิตนี้ของเธอสูญเสียทุกอย่างไป เธอทั้งกรีดร้องตัวสั่น พรมหนาขึ้นรอยชื้นเป็นวงกว้าง เธอมองเขาอย่างวิงวอนก่อนจะสิ้นสติไป
อัลลัยล์ช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นแนบอกก่อนจะวางเธอกลับไปที่เตียงดังเดิมพร้อมกับห่มผ้าหนาให้
ร่างหนาของเขาทรุดลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ใบหน้าหลับตาพริ้มของเธอยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ภาพเมื่อครู่ตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
เขาจะปฏิเสธเธองั้นหรือ!
ร่างหนาปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะหันหลังยืนพิงประตูหนานั่นเพื่อครุ่นคิดอะไรต่างๆ
เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนท่าหรือหันไปสนใจ ชายหนุ่ม
เพียงแต่กล่าวกับผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าบอกไม่ต้องตามมาไม่ใช่เหรอ”เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ
ยะตีมกับฮาฟิซคำนับและยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นนาย ยะตีมคิดอยู่แล้วว่าหากไม่เจอผู้เป็น
นายที่ห้องทำงานก็ต้องเจอที่นี่ และก็เป็นไปอย่างที่คาดจริงๆ
ยะตีมรู้สึกดีที่ลางสังหรณ์ของตนยังแม่นยำ ต่างจากฮาฟิซที่รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองจะดวงไม่ดีในเรื่องการพนันเลย หนี้ 1000 ปอนด์อียิปต์ครั้งก่อนก็ยังไม่ได้จ่าย 1000 ปอนด์อียิปต์ครั้งใหม่ก็ตามมาเสียแล้ว
พวกเขาสบตากันเมื่อเห็นร่างหนาของเจ้านายพิงประตูครุ่นคิด ดูท่าเจ้านายกับแม่หญิงนั่นคงจะมีปากเสียงกันอีกแล้ว ตัวก็แค่นั้นแถมยังไม่สบายอีก ทำไมไม่ยอมๆเจ้านายไปนะ
แต่ถ้ายอมง่ายขนาดนั้น เจ้านายก็คงไม่สนใจเธอหรอก…
“ฮาฟิซ ข้าไม่เพียบพร้อมตรงไหน สู้คนอื่นไม่ได้ตรงไหน เหตุใดหล่อนจึงรังเกียจข้าขนาดนั้น”เสียงทุ้มกล่าว
ฮาฟิซมองหน้าผู้เป็นเจ้านายก่อนจะนิ่งเงียบ บางคำถามก็เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหรอก
“ข้าไม่รู้ใจหล่อนจริงๆ หล่อนโกรธข้าเพราะข้าว่าหล่อนเป็นของเล่น แต่ในเมื่อข้าจะยกให้หล่อนเป็นเมีย หล่อนก็ไม่เอา”
“หล่อนชอบทำให้ข้าโมโห”
“และข้าก็ชอบทำให้หล่อนเจ็บตัว”อัลลัยล์หัวเราะเบาๆ
“เนื้อตัวก็ชอกช้ำไปหมด แต่ก็ยังไม่เข็ดซักที มันจะมีมั้ย หนังสือเล่มไหนที่สอนวิธีปราบพยศน่ะ”
ยะตีมเหลือบมองเจ้านายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูท่าเจ้านายจะยังไม่รู้ว่าเธอผู้นั้นเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเจ้านายเองเสียแล้ว หากเป็นทั่วไปจะปล่อยผ่านโดยไม่สนใจก็ได้ แต่นี่เล่นเก็บเอาทุกคำพูดของแม่หญิงนั่นมาใส่ใจ แม่หญิงนั้นเจ็บตัวส่วนเจ้านายก็เจ็บหัว
พอกันทั้งคู่
“เจ้านายคิดอย่างไรกับแม่หญิงล่ะครับ”ฮาฟิซที่ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนโพล่งถามออกมา
อัลลัยล์ถึงกับสะอึกในลำคอก่อนจะตอบผู้ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติของตน
“หล่อนก็เป็นของเล่นใหม่สำหรับข้า ข้าเพียงชอบที่หล่อนไม่ยอมอะไรง่ายๆ ท่าทางพยศนั่นมันน่าปราบดีออก”เขาตอบพร้อมกับมองอีกฝ่ายตาขวาง
“คงจะรู้สึกดีไม่น้อยหากทำให้หล่อนยอมสยบ”ชายหนุ่มกล่าวต่อตามความรู้สึกจริง หากทำให้เธอยอมสยบและส่งเสียงหวานนั่นครวญครางใต้ร่างเขาได้ก็คงให้ความรู้สึกดีไม่น้อย
“คนรักของแม่หญิงนั่นจะไม่ตามหาตัวแม่หญิงแย่เลยเหรอครับ”ยะตีมกล่าวลอยๆ
ฮาฟิซมองหน้าพี่ชาย เขาแทบไม่เชื่อหูของตนเอง่าแฝดผู้พี่จะกล้าพูดอะไรอย่างนั้นออกมา!
ได้ผลเกินควรสำหรับยะตีมเมื่อเห็นใบหน้าคมสันของผู้เป็นเจ้านายดุดันขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นนายทำให้ฮาฟิซนึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะหันกลับไปมองผู้เป็นพี่ชายที่ลอบยิ้มอยู่ด้านหลัง
เจ้านี่มันจอมวางแผนชัดๆ!
“ให้มันรู้ไปว่าข้าจะแพ้ผู้ชายคนอื่น!”อัลลัยล์กัดฟันกรอด มือหนากำหมัดแน่น
ต่อไปนี้เขาคงจะต้องแสดงให้เธอรู้เสียทีว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอจะมาล้อเล่นด้วย หากขอเป็นเมียดีๆไม่ยอมก็จงเป็นของเล่นแก้เบื่อไปเสียเถอะ!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2555, 08:50:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2555, 08:50:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 14821
<< บทที่สี่ ข้าขอโทษที่ไม่อาจปล่อยเจ้าไป 100% | บทที่หก คำวิงวอนอันแสนหวาน 100% >> |