อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: 18.

18

รถของคุณอารักษ์แล่นออกไปแล้ว เมื่อระลึกได้ว่ามีลูกน้องในร้านจ้องมองอยู่ สายบัวค่อยคลายยิ้มบนใบหน้าลง

“ฮึ้ย หายไปไหนมาตั้งสองคืนน่ะ พี่ต้นกับน้องฟ้ามารอเธอที่นี่สองวันแล้วนะ เกิดอะไรขึ้น เหรอ”

“อุบัติเหตุ” สายบัวตอบแค่นั้นแล้วก็เลี่ยงขึ้นห้องส่วนตัว เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

พอลงมาก็พบว่า คนที่เธอยังไม่มีอารมณ์จะเห็นหน้าก็มานั่งยิ้มแหย ๆ ให้

“น้องบัว”

“พี่บัว” คนทั้งคู่กรากเข้ามาหาทันที

“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่รู้ว่าผีป่าซาตานตนใดมันดลจิตดลใจพี่ให้คิดอ่านทำเช่นนั้น น้องบัวไม่โกรธพี่นะ”

“ไม่โกรธน้องฟ้าด้วยนะคะ”

คนทั้งคู่ล้อมหน้าล้อมหลังยกมือไหว้ปลก ๆ สำนึกผิดขอโทษเว้าวอนขอความเห็นใจ

“บัวไม่โกรธ ไม่เกลียดหรอกค่ะ แต่ต่อไปบัวก็คงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้ว”

ทั้งคู่ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“แล้วน้องบัวหายไปไหนมาตั้งหลายวัน เกิดอะไรขึ้นบ้างเล่าให้พี่รู้หน่อยได้ไหม”

“บัวอยู่ดีมีความสุขและก็ปลอดภัยประหนึ่งว่าคนดีผีคุ้ม”

“อุ๊ยตาย! เปรียบซะ” พี่ต้นทำเสียงตื่นเต้น สายบัวรู้ว่าท่าเกินจริงนั้นทำเพื่อเกลื่อนความผิดอันยิ่งใหญ่นึกอยากจะโกรธให้สะใจ แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณเก่าของอีกคน สายบัวจำต้องสงบคำ

มีศัตรูมีความสุขเสียที่ไหน

เมื่อเคลียร์กันเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เดินทางกลับไปด้วยทีท่าเหมือนถูกหวยเลขท้ายสองตัว พอสายบัวนั่งพัก วิลาวัลย์ก็ถือหนังสือประเภทซุบซิบ หากินกับเรื่องไม่ควรเป็นเรื่องมาหาทันทีเช่นกัน

“อ่านซะ หน้า 28”

แค่สายบัวดูโปรยประเด็นที่หน้าปก แทบจะตกจากเก้าอี้

“ว่าไงจ๊ะสายบัว-แหม มีหนุ่มไฮโซประคองขึ้นรถราคาหลายล้านด้วย”

สายบัวหมดเรี่ยวแรงในทันที

“เล่าให้ฟังได้ไหม”

สายบัวถอนหายใจออกมา มันเป็นเรื่องส่วนตัว เธอไม่เคยมีความลับกับวิลาวัลย์แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกสับสน ยากจะเล่าออกมา

ใจเมื่อสูญเสียความมั่นคงเป็นอย่างนี้นี่เอง


สายบัวพยายามที่จะนึกถึงหน้าคุณหมอโกมุท แต่มันก็นึกไม่ออก รอยยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ของคุณหมอ กลายเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นจนเห็นฟันเรียงเสมอกัน

“ในวงการแฟชั่น ใคร ๆ ก็ว่าเธอมันเสือยิ้มยาก ความสุขของเธอหายไปไหน”

“ดิฉันก็ว่า ดิฉันมีความสุขดี”

“ฉันว่าความสุขของเธอหายไปนะ ไหนลองยิ้มซิ นะ นิด หนึ่ง นะ นะ นะ คนดี”

แล้วเธอก็ต้องเบือนหน้าหันออกไปยิ้มจนได้

“คำพระท่านว่า ยิ้มไว้ใจสดชื่น อายุยืนไร้โรคา รูปร่างงามโสภาเป็นเสน่ห์แก่ปวงชน เมื่อไม่ยิ้มใครเห็นใครก็รักสายบัวอยู่แล้ว หากแต่ถ้าเธอยิ้มสักนิดเท่านั้น โลกก็จะเป็นสีชมพู”

เมื่อนึกถึงคำพูดนั้นสายบัวคลี่ยิ้มแล้วก็ต้องรีบหุบลง

“เฮ้ย!! เป็นไรว้า เออนี่ เสื้อผ้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของเธอ พี่ต้นฝากไว้”

เสียงของวิลาวัลย์ดึงสายบัวให้กลับมา

“วิลาวัลย์ ตกลงเธอกับดินไปถึงไหนกันแล้ว”

“ก็ อาจจะมีข่าวดี ๆ ในเร็ววันนี้แหละ เธอเตรียมหาผู้จัดการร้านคนใหม่เถอะบัว”

“หมายความว่าอย่างไร”

“ก็คุยกันไปคุยกันมา เขาก็เผยไต๋มาว่า จริง ๆ ก็ชอบฉันอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าฉันคงไม่เล่นด้วย อีกอย่างเขาก็ยังไม่รู้จักหัวใจตัวเองดีพอ คิดว่าชอบเธอ แต่จริง ๆ แล้ว คือฉัน”

“เป็นไปได้หรือ พูดเพื่อให้เธอสบายใจหรือเปล่า”

“ก็ไม่รู้นะ แต่ฉันก็เคยเป็นแบบนี้นะ คิดว่าชอบอีกคน แต่จริง ๆ มันก็ยังหวงยังห่วงอีกคน สองจิตสองใจเหมือนนางวันทอง ประมาณว่าเขาก็ดีทั้งคู่ แต่เอาเข้าจริง ๆ มันก็ต้องมีสักคนที่รู้ใจเรามากกว่าและก็รักเราจริง ๆ ก็ประมาณว่าคนที่หัวใจบอกว่าใช่เลยแหละ ประมาณว่า วันหนึ่งถ้าไม่มีเขาเมื่อไหร่ใจมันหายไปในอากาศประมาณนั้น”


“บัว”

สายบัวหันไปทางต้นเสียง พบคุณอารักษ์ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วกรากเข้ามาหา เมื่อถึงตัวก็ฉวยโอกาสดึงเธอให้เดินตามไปที่โต๊ะแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง

“นึกว่าเธอจะเบี้ยวเสียแล้ว” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่ามีความสุขเหลือกำลัง

“ก็บัวยังติดหนี้คุณนี่คะ”

สายบัวทำท่าจะเปิดกระเป๋าสตางค์แต่คุณอารักษ์แตะหลังมือเสียก่อน

“เรื่องเงินเอาไว้ทีหลังก็ได้ กินก่อน สั่งเลย อยากกินอะไรสั่ง ฉันเป็นเจ้ามือ” แล้วคุณอารักษ์ก็ยกมือเรียกบริกรผู้นอบน้อม

สายบัวเปิดเมนู ยิ้มเขิน ๆ แล้วยื่นเมนูกลับไปให้

“ตรง ๆ นะคะ อ่านไม่ค่อยออก กลัวออกเสียงผิด”

คุณอารักษ์ทำท่าประหลาดใจ

“เรียนจบมาแบบถูลู่ถูกัง อีกอย่างบัวก็ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรกับอะไรจึงจะเป็นชุดเข้ากัน”

พูดจบหญิงสาวก็ค่อย ๆ เหลียวมองซ้ายมองขวาดูการตบแต่งร้านให้ดูดีมีระดับ ครูพักลักจำ พร้อมจะนำไปใช้ หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เหมือนคุณอารักษ์จะรู้ใจ

“คิดว่าตัวเองต่ำต้อยอีกซิ สั่งอาหารฝรั่งเศสไม่ได้ ใช่ว่าเธอไม่ดีเสียเมื่อไหร่ ข้อดีของเธอมีอีกเยอะแยะ”

“อาทิเช่น”

“เธอใจบุญสุนทาน ฉันรู้นะ ในกองถ่ายถ้ามีใครเอาซองกฐิน ผ้าป่ามาบอกบุญ เธอต้องเสนอตัวก่อน ใส่เยอะด้วยนะ แต่ถ้ามีใครชวนไปต่อที่ไหน ๆ ที่สิ้นเปลือง แพง ๆ เธอก็จะเงียบ เธอไม่เคยมาร้านแบบนี้ แต่เธอไม่อายที่จะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปเดินหาอะไรกินตามข้างถนน ฉันยังทำอย่างเธอไม่ได้เลยนะ”

“บัวโตมากับเรื่องอย่างนี้ มันก็ชิน ส่วนคุณโตมากับการนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วมีคนมาบริการ ก็ไม่แปลกที่คุณจะเป็นแบบนี้”

“มันไม่ใช่ช่องว่างระหว่างเรานะบัว”

สายบัวมองหน้า จ้องดวงตา นี่คุณอารักษ์คิดกับเธอไปไกลถึงเพียงไหน เล่นหรือจริงจัง

ยังไม่ทันที่จะต่อปากต่อคำ พอดีกับที่บริกรยก ฟัวกรา และคาเวียร์ มาเสิร์ฟ

“ความโก้หรู บางทีนาน ๆ ที มันก็ดี แต่ถ้าบ่อย ๆ มันกลายเป็นความฟุ่มเฟือย บัวคิดว่าส่วนต่างของความอิ่มต่อมื้อหากเรานำตรงนี้ไปเผื่อแผ่คนอื่นได้มันก็น่าจะดีกว่า ก็เท่านั้น”

คุณอารักษ์นิ่งฟัง

“ส่วนความสุขของเรา ก็คือ พยายามทำใจให้ได้ว่า แค่อิ่ม แล้วเราก็จะมีความสุข”

“ฉันคงไม่ต้องเหนื่อยมาก” คุณอารักษ์พูดกลั้วหัวเราะอย่างเป็นต่อ

“คุณอารักษ์” สายบัวเสียงเขียวเข้าใส่

“คนสองคนก่อนจะมาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้รู้ไหม ระหว่างเรานะ เรียกว่ากำลังดูใจกันนะ”

สายบัวจ้องหน้า แต่คุณอารักษ์หาหลบสายตาไม่

ยิ่งจ้องยิ่งรู้ในลึก
ยิ่งตรึกยิ่งเห็นความหมาย
ยิ่งใกล้ใจแทบละลาย
เผลอใจรับเธอเต็มทรวง


“โอ๊ะ โอ๊ะ อ้าว คุณอารักษ์ สายบัว มาด้วยกันสองคนหรือคะ”

สายบัวรีบหันไปหาต้นเสียงด้วยนั่งหันหลังให้ แต่ก็ช้ากว่าที่เจ้าหล่อนปรี่ไปยืนจนชิดกับคุณอารักษ์เสียแล้ว

“คุณเนตรนภัส มาคนเดียวหรือครับ” คุณอารักษ์พยายามมองหาคนอื่น แล้วก็ชักสีหน้าแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้สายบัวได้รับรู้

“คือผมกับคุณสาย”

“แค่สองคน งั้นขอเนตรนั่งด้วยแล้วกัน มาคนเดียวกินคนเดียวคงไม่อร่อย คุณไม่ว่าอะไรนะคะ”

“พอดีดิฉันอิ่มแล้วค่ะ ตั้งใจมาแค่เอาเงินที่ยืมมาคืนเท่านั้น” รู้ว่าคนทั้งคู่เคยเป็นข่าวว่ารักกัน แล้วเธอจะนั่งเป็นตอไม้อยู่ทำไม สายบัวก็ควักเงินแบงก์ 500 บาทวางไว้

“ขอบคุณนะคะ สำหรับเงินต้นไร้ดอกเบี้ย แล้วก็อาหารมื้อนี้”

สายบัวลุกออกมา โดยไม่ได้หันไปมองว่า พ่อขุนแผนแสนสะท้านทำหน้าหรือแกะหนวดปลาหมึกออกจากตัวได้อย่างไร


สายบัวยอมรับกับตัวเองว่านั่งรถกลับมาบ้านคุณหมอโกมุทด้วยใจไม่ปกตินัก พยายามสลัดเหตุผลที่ไม่น่าจะใช่ออกจากหัวใจ หญิงสาวหยุดที่หน้ารั้วแล้วยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ มันเคยไกลสุดเอื้อมมือถึง แต่วันนี้เธอมีสิทธิ์ที่จะเดินไปบนถนนของคนเป็นเจ้าของบ้านแล้ว

อาการของคุณหมอดีขึ้นเป็นลำดับ เริ่มพูดประโยคยาว ๆ ได้ เริ่มฟื้นความทรงจำในหนหลังได้มากขึ้น และทางคณะแพทย์ที่ทำการรักษาก็จะผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมข้างที่บ๋อมให้สมบูรณ์อีกรอบ แล้วคุณหมอก็จะกลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง

“ทำใจไว้บ้างนะแม่สายบัว เพราะบางที เขาอาจจะรีเทิร์นกันก็ได้”

ช่วงหลังคุณดุจเดือน ปฏิบัติต่อคุณหมอด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป ยิ่งคุณหมอรู้ความเดิมมากเท่าไหร่ คุณดุจเดือนเหมือนต้องการทำดีเพื่อให้คุณหมออภัยกับสิ่งที่ขาดและเกินในชีวิตของคนสองคน

คุณหมอเองก็มีพฤติกรรม และคำพูดที่เปลี่ยนไป คล้ายคิดอะไรได้

เมื่อเป็นดังนั้น สายบัวก็จำต้องถอยออกมายืนดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ล่วงล้ำไปใกล้ชิดเหมือนเมื่อรู้ว่าเขาทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

สายบัวถามใจตัวเองว่า รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนเมื่อรู้ว่าคุณหมอโกมุทแต่งงานกับคุณดุจเดือนไหม

ไม่มี เธอรู้สึกสบายใจเสียด้วยซ้ำ แล้วทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะหัวใจของเธอก็จะได้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ตัวเองเป็นคนก่อไว้ด้วยความโง่งม

“คุณหมอถามว่าทำไมไม่เห็นสายบัวไปเยี่ยมบ้าง”

“คุณชวนชมตอบไปว่าอย่างไรคะ”

“ก็บอกว่าไปตามจริงว่า ก็ไม่อยากเจ็บกระมัง คุณดุจเดือนกลับมาแล้ว กลับมาทำหน้าที่ของภรรยา เรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่ผ่านมา มันก็คงเป็นเพียงความฝันของแม่สาวหลงยุคคนหนึ่งใช่ไหม”

“มั้งคะ”

“คุณหมอเธอว่า เธอเสียใจนะที่ทำให้เธอเสียเวลา”

“ใครว่าคะ เวลาทำให้ดิฉันเข้าใจโลก เข้าใจคน เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นคะ”

“พูดอย่างนี้แสดงว่า คุณอารักษ์ก็มีสิทธิ์”

“คนเจ้าชู้อย่างนั้น ใครจะกล้าเล่นกับไฟ” สายบัวยังยืนกรานความคิดเดิม



“หลังจากผ่าตัดใส่กะโหลกคุณหมอจะบวชนะ”

สายบัวตกใจ แต่ก็เต็มตื้นเหลือกำลัง

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“คุณหญิงท่าน ได้บอกกับรูปหล่อทองคำหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ที่คุณหญิงท่านนับถือ ว่าถ้าลูกชายท่านกลับมาเป็นปกติได้จะบวชพระให้ เพราะเรียนหนักมากเธอยังไม่ได้บวชเลย”

สายบัวรู้สึกว่าขนที่แขนของเธอตั้งชันขึ้นมา หากคุณหมอได้ครองผ้าเหลือง คงเป็นอีกวันที่เธอจะได้ปลาบปลื้ม ผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตที่ดีงาม พบเจอแต่สิ่งที่ดีที่สุด ได้เรียนได้ทำงานกับอาชีพที่ใคร ๆ ก็อิจฉาและกริ่งเกรง แล้ววันหนึ่งก็ต้องมาเจียนตาย กลายเป็นคนเกือบจะพิการ จะด้วยบุญหรือฝีมือของแพทย์ก็ตาม วันนี้คุณหมอสามารถกลับมาเป็นปกติ ถ้าสิ่งที่คุณนันทพรเคยเล่าเป็นความจริง อดีตชาติ เป็นผู้กระทำเขาไว้แต่กลับใจรักษา ทำให้สามารถฟื้นคืนกลับมาได้

แล้วเธอกับเขา เคยทำกรรมอะไรกันไว้ ไยเธอจึงได้รู้สึกผูกพัน รักตั้งแต่แรกเจอ รอว่าเมื่อไหร่เขาจะรู้ว่าเธอรักเขา และจู่ ๆ เธอก็หมดรักสิ้นเสน่หา เหลือเพียงความเมตตาสงสาร ผูกพันกันอย่างผู้มีพระคุณคนหนึ่งที่ทำให้เธอเดินมาถึงวันนี้ได้


พอรู้ว่าคุณหมอโกมุท จะออกจากบ้านมารักษาศีลแปดที่วัด เพื่อเตรียมบวช สายบัวจึงได้ถือดอกไม้ธูปเทียนใส่พานไปขอขมา

“เรื่องอะไร”

“ก็สายบัวอาจจะเคยทำให้คุณหมอ ทุกข์ใจ ไม่สบายใจ ทั้งระลึกได้และระลึกไม่ได้ ทั้งต่อหน้าและก็ลับหลัง ทั้งชาตินี้และชาติก่อน ๆ”

“ฉันไม่เข้าใจ”

“อย่างน้อยสายบัวก็ทำให้คุณหมอกับคุณดุจเดือนมีปัญหากัน”

“เรามีปัญหากันก่อนที่จะได้พบกับเธอนะสายบัว”

“ค่ะ แต่สายบัวเองทำให้คุณหมอยุ่งยากใจ สายบัว คิดว่าที่คุณหมอเดินทางกลับไปหาสายบัวในวันนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบอาจจะเป็นเพราะแรงยุ”

คุณหมอโกมุททำท่าครุ่นคิด แล้วก้มหน้าลง

“เธอพูดถูก ในวันนั้นจริง ๆ ฉันไม่มีใครในหัวใจสักคน แม้แต่ตัวเธอเอง เมื่อคุณชวนชมมาเล่า ฉันก็คิดว่า อยากทำให้ความหวังของเธอสมปรารถนา ตัวฉันเอง ถึงวันนั้นแล้วอะไรก็ได้ ทำงานไป หรือจะเป็นสามีใครสักคน หรือถ้าได้เธอเป็นภรรยา อยู่กับคนที่เขารักเรา ก็คงดีกว่า คนที่รักเราแต่เงิน และรูป”

คุณหมอหยุดคิด แล้วก็พูดต่อ

“ฉัน เองก็ผิดนะ อีกหนึ่งเหตุผลคือ ฉันรู้ว่าถ้าเธอแต่งกับฉัน คนที่แพ้ก็คือ นายอารักษ์”

“คุณหมอ” สายบัวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“เขาชอบเธอ เขาสารภาพกับฉัน แต่เขาก็อยากให้เธอได้สมปรารถนานะ เขาพูดว่าเห็นคนที่เรารักมีความสุขมันก็มีความสุข ก็เลยอยากจะแกล้งแต่งกับเธอให้มันช้ำเล่น ๆ แต่เวรกรรม มาเป็นอย่างนี้เสียก่อน ขอบคุณเธอนะที่ทำให้รู้ว่า ความรักนั้นมีค่ายิ่งและควรทะนุถนอมมันไว้ ขอบคุณที่ทำให้เห็นรายละเอียดปลีกย่อยของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกัน ถ้าฉันไม่เจ็บ ถ้าเธอไม่เข้ามา ดุจเดือนเองเขาก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาก็ยังรักและห่วงฉัน เขาสารภาพออกมาแบบนี้ ฉันเองเมื่อฟื้นความทรงจำได้ เมื่อเห็นหน้าเขา คนเคยอยู่ด้วยกันตั้งเกือบสี่ปี มันก็ผูกพันกันนะ ฉันเองก็เอาแต่ใจตัวเอง เขาก็เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าเหตุผลของตนเองดีกว่า ไม่ได้ดูว่าที่เขาทำอย่างนั้นเพราะอะไร ฉันต้องขอขมาเขาก่อนบวชด้วยไหม”

“ขอขมาต่อกัน เพื่อความสะอาดต่อเพศพรหมจรรย์”

“ทำไมเธอรู้เยอะจัง “

“ฟังรายการธรรมะทางวิทยุ ตั้งแต่เด็ก ๆ”

“เราคงไม่มีอะไรติดค้างกันนะ เธอดีขึ้นแล้วนะ”

“บัวเป็นน้องคุณหมออีกคนนะคะ”

“ได้ แต่เธอต้องแต่งงานกับน้องชายฉันก่อนจึงจะสมบูรณ์”

“คุณหมอ”

“จริง ๆ นะ ถึงเขาจะเรียนไม่เก่ง แต่เขาก็เป็นคนที่มีสุนทรียภาพทางอารมณ์ เขาชอบไปดูนิทรรศการงานศิลปะ ชอบไปดูคอนเสิร์ต ชอบไปเที่ยวตามต่างจังหวัด ชอบสังคม เขาเอนเตอร์เทนคนเป็น ผิดกับฉันลิบลับ พูดเป็นแต่อธิบายเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ”

“แต่เขาก็เจ้าชู้เหลือเกิน”

“เป็นธรรมดาของผู้ชายโสด ฉันเองเมื่อก่อนแต่งงานก็ใช่ย่อย มีโอกาสมันก็น่าลองดู แต่ก่อนแต่งงานก็คิดว่า จะหยุดตรงที่ภรรยาของเราเท่านั้น เขาก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน ให้โอกาสเขาเถอะ”

“ทั้งที่คุณสองคนว่าไม่ค่อยชอบหน้ากัน แต่ทำไมรู้จักกันดีจัง”

“เรามองกันตลอดแหละสายบัว ในความอิจฉากัน ก็มีความรักแบบพี่น้องปะปนอยู่ด้วย ฝากดูแลเขาด้วยนะ เพราะเขานี่แหละจะเป็นคนที่คอยดูแลบ้านหลังนี้แทนฉัน”

“ทำไมหรือ”

“สายบัวเธอคิดรึว่า คนที่เฉียดตายอย่างฉันจะไม่คิดอะไรบ้าง ฉันเป็นหมอ ฉันเห็นความตายมาเยอะ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเฉียดตายด้วยเรื่องง่าย ๆ ในวัยเท่านั้น ถ้าฉันจะเล่าเธอก็คงไม่เชื่อ”

“คือ”

“ญาติข้างแม่ของฉันคนหนึ่งตายตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่ม เราสนิทกัน ตอนที่ฉันสลบอยู่ในโรงพยาบาลเขามาชวนฉันไป แต่ฉันว่ายังมีภาระอีกเยอะ ยังห่วงคุณแม่ ฉันยังไปไม่ได้ ฉันคุยกับเขาแค่แป๊บเดียวนะ แต่บนโลกใบนี้ปาเข้าไปหนึ่งเดือน ฉันก็เพิ่งจะเชื่อเรื่องภพชาติ แล้วก็มีคำถามขึ้นมาว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน คุณแม่ท่านว่า หลวงพ่อที่วัดจะช่วยไขความกระจ่างนี้ได้ หากฉันไปบวชศึกษาและปฏิบัติธรรม”


ในวันบวชนายแพทย์โกมุท ผู้เป็นลูกชายนายแพทย์กมล คุณศิรินทิพย์ และคุณนันทพร ร้องไห้นองหน้า คุณอารักษ์กับคุณอาภัสวรรณและคุณจารุวรรณนั้นก็มีน้ำตาคลอหน่วยตา ด้วยรู้ว่าของรักที่เกือบเสียไปแล้วได้คืนกลับมาเป็นอย่างไร

“เธอยังมีบุญได้ห่มผ้าเหลือง” คุณชวนชมก็เช็ดน้ำตาที่หลั่งรินพร้อม ๆ กับคุณนันทพรที่ร้องไห้ฮัก ๆ

สายบัวกลับรู้สึกนิ่ง คงเป็นด้วยภาพพ่อนาคนุ่งขาวห่มขาวหลายร้อยรูป ทำให้ตื้อ และแวบนั้นคิดถึงตากับยายและพ่อแม่ บุญจากการมาร่วมอนุโมทนาบวชพระ อุทิศได้

ให้กี่ปีเธอก็ไม่ลืมพ่อลืมแม่ ตากับยาย เพราะความกตัญญู เป็นบุญฤทธิ์ที่จะดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาหา และสายบัวก็มั่นใจว่า ที่มีวันกินอิ่ม นอนหลับ มีงานทำ มีเงินใช้ มีหน้ามีตาทางสังคม ก็เพราะบุญกุศลที่เพียรทำไว้มาแต่เล็กแต่น้อยและคุณธรรมที่สร้างสมจากคนรอบ ๆ ข้าง

เมื่อคุณหมอนุ่งห่มผ้าเหลืองเรียบร้อย สายบัวมีโอกาสตามคุณศิรินทิพย์ไปที่วัดอีกหลาย ๆ ครั้ง

“โยมสายบัว อาตมารู้แล้วว่าคนเราเกิดมาทำไม”

“เจ้าคะ” สายบัวนั่งพับเพียบพนมมืออยู่ที่ต่ำกว่า

“สร้างบารมี เข้าใจโยมแม่แล้วว่าทำไมถึงต้องรักษาศีล ให้ทาน และเจริญภาวนาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้เรามีความสุข สุขโดยไม่ต้องพึ่งพาอะไรมากมาย”

“แล้วอะไรคือบารมี” อดถามไม่ได้

“การกระทำที่ดี ๆ เรียกว่าบุญ บุญที่สะสมไว้ มาก ๆ เรียกว่าบารมี มีบารมีจึงจะช่วยเหลือตนและคนอื่นได้ ดั่งเช่นพระพุทธเจ้า จู่ ๆ พระองค์ท่านไม่ได้นึกอยากเป็นพระพุทธเจ้าแล้วเดินออกจากวัง มีการสะสมอุปนิสัยต่าง ๆ ข้ามภพข้ามชาติมาด้วยจิตที่มุ่งมั่นว่า เนกขัมมะ วิริยะ ขันติ เมตตา อธิษฐาน ปัญญา ศีล ขันติ อุเบกขา สัจจะ และทาน นั่นเป็นเครื่องช่วยให้ตบะเดชะ ใจและกายกล้าแข็ง จึงจะสามารถผจญกับปัญหานานัปการทั้งที่ใช้ตามองเห็นและมองไม่เห็น ฯลฯ”

สายบัวนิ่งฟัง พุทธประวัติ นิทานชาดก เรื่องกิจวัตรประจำวันเพื่อฝึกใจ แม้แต่การขัดห้องน้ำ ที่ใคร ๆ เห็นว่าเป็นของต่ำ เป็นสิ่งโสโครกน่ารังเกียจ แต่แท้จริงแล้ว หากใครขัดห้องน้ำสาธารณะได้ นั่นก็เป็นการทำลายทิฐิมานะ ว่าตนดีกว่าเขา แน่กว่าเขา โดยเฉพาะคุณหมอ จะว่าไปเธอนั้นถือว่ามาจากที่สูงทีเดียว อยู่ที่บ้านทำอะไรเองแทบไม่เป็น แต่เมื่ออยู่วัด เธอต้องซักผ้า ทำความสะอาดเสนาสนะ และต้องทำตัวให้เหมือนคนที่ไม่มีความรู้ใด ๆ ทุกอย่างจะต้องเรียนใหม่หมด ต้องรู้ว่า มาอยู่วัดทีหลัง ฟังคนที่มาอยู่ก่อน นับถือกันตาม อาวุโส ภันเต ต้องหัดเป็นผู้ตาม เพื่อที่งานในพระพุทธศาสนาจะได้เจริญก้าวหน้า และคนที่ทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้วย่อมมีโอกาสได้อะไรเพิ่มเติม พระหมอโกมุทเล่าไปด้วยสีหน้าคล้ายกับค้นพบอะไรบางอย่างในชีวิต มันได้อยู่นิ่ง ๆ แต่มันเป็นการเคลื่อนไหวอย่างคนที่มีทิศทางให้กับตัวเอง สายบัวรู้สึกปลาบปลื้ม นี่กระมังที่ยายกับตาว่าเป็นญาติกับพระศาสนาอย่างแท้จริง คือบวชแล้วนำความรู้ทางธรรมมาบอกกล่าวให้ญาติพี่น้องได้รับรู้

สายบัวนึกถึงอีกคน หากเขามาด้วย

หลังจากที่เธอเอาเงินไปคืน เธอแทบจะไม่ได้พบเห็นคุณอารักษ์เต็มตาอีกเลย แค่เพียง เฉียด ๆ กันไปมา เธอไปถึงบ้าน เขาออกไปข้างนอก เธอไปทำงานเห็นเขานั่งให้กำลังใจเธออยู่ไกล ๆ ด้วยเธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะวิ่งแล่นทำอะไรตามอำเภอใจ เป็นคนโง่ ๆ ซื่อ ๆ รักความถูกต้องดีงาม ภาวะแห่งสตรีเพศ มากกว่าจะปล่อยให้อำนาจของจิตใจพาไป แล้วเป็นอย่างไร เขาก็คง เป็นเขาไปเรื่อย ๆ

นารีมีมากมายก่ายกองจะมัวมาเสียเวลางอนง้อเธออยู่ได้อย่างไร



วันหนึ่งสายบัวกลับไปเยี่ยมคุณชวนชมและคุณนันทพร จึงได้พบกับคุณดุจเดือน นั่งน้ำตารินอยู่ที่ม้านั่งริมสระน้ำ

“สายบัว”

“เป็นอะไรหรือคะ”

“หลวงพี่ เซ็นใบหย่าให้ฉันแล้ว พร้อมกับให้ทนายจัดการเรื่องหุ้นให้กับฉันด้วย”

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ท่านว่าจะไม่สึก”

“จริงหรือ”

“ใจหายนะบัว เหมือนตายจากกัน มันยิ่งกว่าครั้งที่ท่านเจ็บ”

แล้วคุณดุจเดือนก็พร่ำรำพันอะไรอีกมากมาย

แล้วสายบัวก็ฉุกคิด ถ้าเธอเป็นคุณดุจเดือนล่ะ ยอมไหม สามีทั้งคน และฝันที่จะเดินไปข้างหน้ามีลูก มีหลาน วงศ์วานว่านเครือ แต่จริง ๆ สุดท้ายชีวิตมันก็ต้องพรากจากกัน

หรืออย่างเป็นดั่งที่หลวงพี่ท่านว่า

“ฝึกตายจากกันไว้บ้าง เพราะถ้าตายจากกันจริง ๆ จะได้ไม่ทุกข์โศกมากนัก”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2554, 11:57:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2554, 11:57:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 2556





<< 17.   19. >>
คุณแม่ลูกสอง 12 พ.ค. 2554, 13:30:16 น.
ชอบจังเลยค่ะคุณเฟื่อง


chat 12 พ.ค. 2554, 13:36:56 น.
ชอบค่ะ สนุก


คิมหันตุ์ 12 พ.ค. 2554, 14:57:53 น.
โห....คุณหมอ......หนักแน่นเสียจริง


innam 12 พ.ค. 2554, 15:54:13 น.
ตามเป็นกำลังใจ


ก้อนอิฐ 12 พ.ค. 2554, 18:12:27 น.
ตอนนี้ ธรรมมะเยอะจังคะ...ติดมาจาก อีกเรื่องหรือป่าว?อิอิ
ลึกซึ้งมากเลยอ่ะ "ฝึกตายจากกันไว้บ้าง เพราะถ้าตายจากกันจริงๆ จะได้ไม่ทุกข์โศกมากนัก"


pattisa 14 พ.ค. 2554, 09:27:28 น.
like like like like :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account