ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่หก คำวิงวอนอันแสนหวาน 100%
บทที่หก
“ตั้งแต่เรื่องเมื่อคราวก่อน พวกผมก็ได้สืบมาเรียบร้อยแล้วครับว่าคนที่ส่ง ‘หมาลอบกัด’ เป็นใคร”
อัลลัยล์หยิบรูปถ่ายสองสามใบที่วางอยู่ตรงหนาขึ้นมาดู เขาขมวดคิ้วและถอนหายใจหนักก่อนจะนำรูปที่ผู้ติดตามนำมาเผากับเชิงเทียนข้างตัว
“หึ! ‘มัน’ อีกแล้วเหรอ”อัลลัยล์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เดือนหน้าจะมีการประมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันดิบที่อิหร่านครับ พวกเขาจะมาประชุมกันที่กรุงไคโร ผมไปหาข้อมูลคร่าวๆมาแล้ว คราวนี้มีคนอยากได้ประมูลครั้งนี้อยู่เยอะพอสมควร เพราะว่าผลตอบแทนที่จะได้จากการค้าขายครั้งนี้คือเม็ดเงินมหาศาลครับ”
“มันคงไม่พลาดการประมูลนี่สินะ”ชายหนุ่มปัดเศษขี้เถ้าออกจากมือของตน
“ไว้ข้าจะไปทักทายมันเสียหน่อย ดูท่าคงดีใจแย่ถ้าเห็นข้าเสนอหน้าไปหาถึงที่”เสียงทุ้มกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือก
ยะตีมกับฮาฟิซยืนสงบไร้ข้อคิดเห็น การบุกลอบสังหารเมื่อวันก่อนเขาสามารถจับชายชุดดำที่อ้างว่าเป็นหัวหน้ามาได้แบบเป็นๆ การสืบสวนเป็นไปอย่างลับๆเพราะอีกฝ่ายดูท่าจงรักภักดีต่อนายเหลือเกินจึงไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา ไม่ว่าจะทรมานขนาดไหนมันก็ยังอดทนนิ่งเงียบ พวกเขาคอยเฝ้าระวังไม่ให้แหล่งข้อมูลชิ้นดีตนนี้ฆ่าตัวตายตามที่หวัง เมื่อเวลายืดเยื้อไปมาสุดท้ายพวกเขาจึงต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดที่ไม่อยากทำเท่าไหร่
จับลูกเมียของมันมาเป็นตัวประกัน เพราะถ้าหากยังไม่ยอมเปิดปากละก็สงสัยคงได้ส่งไปเฝ้ายมบาลทีละคน
ในที่สุดมันจึงยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้สารภาพทุกอย่าง ใครเป็นผู้บงการในการลอบกัดครั้งนี้ และทำไปเพื่ออะไร เมื่อได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้วพวกเขาก็ปล่อยให้มันกลับไปฟ้องเจ้านายมัน มันเป็นแค่ลูกจ้างไม่ใช่ตัวบงการ ถึงฆ่าไปก็เปล่าประโยชน์ เสียเวลากำจัดศพอีกเปล่าๆ
“ฮาฟิซเตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้วกัน เดือนหน้าข้าจะไปเข้าร่วมประมูลที่ไคโรด้วย”เสียงทุ้มเว้นระยะ
“หาข้อมูลที่ข้าจำเป็นต้องรู้มาให้หมด ข้าจะต้องชนะในการประมูลครั้งนี้ ฝากเจ้าด้วยนะฮาฟิซ”
“ได้ครับ”ร่างหนาคำนับน้อมรับคำสั่ง
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะครับ ท่านอัลลัยล์จะลงไปที่โต๊ะอาหารเลยรึเปล่าครับ”ยะตีมเอ่ยถามหลังจากดูนาฬิกาข้อมือของตน
อัลลัยล์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้
“ไปตามนารามาพบฉันที่ห้องอาหารด้วย”ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้ติดตามก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานโดยมีฮาฟิซติดตามไปด้วย
“แล้วถ้าแม่หญิงไม่มาละครับ”
ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มมุมปากให้ผู้ติดตาม รอยยิ้มชนิดที่ว่าหากหญิงสาวนาม ‘พิมพ์นารา’ เห็นคงจะต้องบอกว่าเป็นรอยยิ้มปีศาจแน่ๆ
“ถ้าหล่อนขัดขืนก็จับมัดมาเลยแล้วกัน”
สิ้นคำสั่งร่างหนาก็เดินออกจากห้องไป
ยะตีมยืนใคร่ครวญอะไรบางอย่าง จะทำอย่างไรที่จะให้หญิงสาวผู้นั้นยอมมาด้วยกันแต่โดยดี ขนาดเจ้านายผู้ที่สามารถบังคับคนทุกคนให้อยู่ใต้อานัสได้สั่งเธอ เธอยังไม่ทำตามเลย แล้วกับเขาที่เธอเห็นว่าเป็นผู้ติดตามของเจ้านาย ชายผู้ที่เธออยากจะกรีดร้องใส่ทุกครั้งที่เจอ เธอจะยอมมากับเขาแต่โดยดีรึเปล่ากัน!
และก็เป็นไปตามที่คาด…
ยะตีมสั่งให้หญิงรับใช้ในห้องออกไปให้หมดก่อนจึงหันมาดูอากัปกิริยาของหญิงสาวบนเตียง
“ออกไป! ฉันไล่แล้วยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ไปบอกเจ้านายคุณว่าฉันไม่ไป ฉันไม่หิว ต่อให้หิวก็ไม่กิน ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันจะนอน”พิมพ์นาราตะโกนด้วยใบหน้าบึ้งตึง
สองนาทีก่อน ชายร่างหนาในชุดเดิมๆพอๆกันกับผู้เป็นเจ้านายของเขาได้มาเชื้อเชิญให้เธอไปห้องอาหารเพื่อทานมื้อเย็นร่วมกับไอ้ปีศาจนั่น ขนาดแค่อาหารที่หญิงรับใช้นำมาให้เช้าเย็นเธอยังไม่อยากจะแตะเลย แล้วนับอะไรจะให้เธอไปนั่งกินข้าวกับคนที่เธอพิศวาสจะจนขาดใจดิ้น โธ่…ต่อให้หิวจนกระเพาะขาดเป็นรูเธอก็ไม่ไป ฝันไปเถอะ!
“ท่านอัลลัยล์บอกว่าหากคุณไม่ยอมไปดีๆให้จับมัดไปครับ”ยะตีมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“ไหนเชือกละ ไปเอามาสิ ให้จะยืนรอคุณมาจับฉันมัดแล้วลากไปที่ห้องอาหาร ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจเดิน”พิมพ์นาราลุกลงจากเตียงก่อนจะเดินมาประจันหน้าอีกฝ่าย ริมฝีปากบางยิ้มเยาะเล็กน้อย
ไอ้ปีศาจนั่นมันโรคจิตหรือไงกัน ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้วที่สั่งให้คนนำอาหารมาให้พร้อมกับคำขู่ว่าหากเธอไม่ยอมกินดีๆก็ให้จับกรอกปากเลย ตอนแรกเธอนึกว่าหญิงรับใช้พวกนั้นคงจะใจดีเมตตาเธอ แต่เธอคิดผิด พวกนั้นจับเธอง้างปากกรอกข้าวจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับเอาเชือกมามัดลากไป จะมัดก็มัดไปสิ พื้นเรียบๆแบบนี้ลากแปปเดียวก็ถึง ดูสบายกว่าอาการสำลักข้าวตั้งเยอะ
“ไปเอามาสิ เอามาเล้ยยยยย”เธอยื่นมือให้ชายตรงหน้า
ยะตีมรู้สึกอยากทุบหญิงสาวตรงหน้าให้คอหักเสียจริง ฟังจากที่หลายคนพูดมาว่าเธอช่างยั่วโมโหได้ไม่ใช่น้อยนั่นไม่เป็นความจริงเอาเสียเลย เธอผู้นี่ยั่วโมโหได้มาก! มากถึงมากที่สุด! โดยเฉพาะรอยยิ้มแสยะนั่น ขนาดเขาไม่ใช่เจ้านายยังรู้สึกถึงแรงโทสะที่ค่อยๆประทุขึ้นมาในหัวเลย แล้วนับประสาอะไรกับเจ้านายผู้ได้ชื่อว่าอารมณ์ร้อนเป็นที่หนึ่ง หากทนคำพูดและท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าได้ก็นับว่าเก่งจริงๆ
ในเมื่อใช้เล่ห์ไม่ได้ก็ต้องใช้กลแล้วกัน
“ผมไม่อยากมัดคุณหรอกครับ แค่อยากขอร้องให้คุณไปดีๆ”ยะตีมแสร้งก้มหน้าสลด
พิมพ์นาราขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางของชายตรงหน้า
“ผมจะกลับไปหาท่านอัลลัยล์แล้วบอกว่าคุณต้องการพักผ่อนนะครับ แล้วทีนี้ผมก็คงจะต้องเก็บของออกจากที่นี่”
“ทำไม”
“ถ้าผมเป็นผู้รับใช้แล้วทำตามคำสั่งไม่ได้ก็คงจะต้องโดนปลดแน่ครับ ครอบครัวของผม ภรรยาและลูกตัวน้อยคงจะไม่มีใครส่งเสียเลี้ยงดู”ใบหน้าเข้มสลดลง
พิมพ์นารายกมือทาบอก ตานั่นใจร้ายใจดำจริงๆ แม้แต่กระทั่งคนติดตามก็ไม่เว้น!
“เอางี้นะ คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไปกับคุณก็ได้”หญิงสาวกล่าว
ยะตีมลอบยิ้มในใจ สิ่งที่เขาคิดไว้ถูกต้องไม่มีผิด หญิงสาวตรงหน้าเป็นคนขี้สงสารน่าดู แค่โกหกปั้นเรื่องนิดๆหน่อยเธอก็ยอมแต่โดยดีแล้ว
ในเมื่อเจ้านายยังไม่มีเมียและลูก แล้วผู้ติดตามอย่างเขาและฮาฟิซจะไปกล้ามีเกินหน้าเกินตาเจ้านายได้อย่างไรกัน!
“หากคุณไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรครับ ครอบครัวของภรรยาผมยังมีร้านอาหารเล็กๆอยู่ ผมคงจะต้องไปทำงานที่นั่น”
“อย่าเลย อยู่ที่นี่คุณก็สุขสบายส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างดี ไม่เป็นไร แค่ไปนั่งกินของอร่อยๆมันก็ไม่ได้ยากตรงไหนหรอก”แค่ไปนั่งกินๆเคี้ยวๆให้เสร็จไป ดีกว่าต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาตกงานเพราะเธอ แถมเขายังมีครอบครัวต้องส่งเสียอีก เธอไม่อยากใช้ความเอาแต่ใจของตนมาทำให้คนอื่นเดือดร้อน
“แต่ถ้าไปแล้วคุณแสดงอาการหงุดหงิดประชดประชัน สุดท้ายผมก็ต้องโดนท่านอัลลัยล์ว่าอยู่ดี โทษฐานที่ไม่สามารถทำให้คุณไปได้อย่างเต็มใจ”ชายหนุ่มยังปั้นเรื่องไม่หยุด
“เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะนิ่งเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเจ้านายคุณนะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”เธอตบแขนปลอบใจคนตรงหน้า
ทีนี้เขาพอจะรู้จุดอ่อนของหญิงสาวแล้ว การเป็นคนขี้สงสารผู้อื่นนี่เองที่ทำให้เธอยอมทำตามเพราะสงสารเขาตามเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้น ไม่เห็นต้องใช้กำลังฉุดกระชากให้เสียแรงโดยใช่เหตุ
ยะตีมเดินนำร่างบางออกมา เขาซ่อนรอยยิ้มบนหน้าไม่ให้คนข้างหลังเห็น
เวลานี้เขารู้สึกว่าตนเองโกหกเก่งเสียจริง!
ตอนแรกเขานึกว่าหากเธอมาถึงต้องโวยวายเสียงดังใส่เขาแน่ แต่ไม่ใช่ เธอเดินมาแต่โดยดีไม่ได้มีท่าทีโดนบังคับหรือไม่พอใจอะไร เมื่อมาถึงแล้วเขาก็ให้ทั้งยะตีมและฮาฟิซออกไปก่อนเพื่อจะได้คุยอะไรกับหญิงสาวสะดวกๆ แต่เมื่อร่างบางได้นั่งก็กินนู่นนี่ไม่หยุด ไม่สนใจสิ่งรอบตัวใดๆนอกจากอาหาร เขาไม่หวังคำทักทายจากเธออยู่แล้ว นี่แม้แต่มองหน้าเธอยังไม่มองเลย เธอทำราวกับว่าตนเองอยู่คนเดียวในห้องอาหารแห่งนี้
“อาการดีขึ้นรึยัง”เขาเอ่ยถาม
พิมพ์นาราละสายตาจากสเต็กไก่ตรงหน้าเพื่อตอบคำถามจากชายหนุ่ม
“ยาดี คนดูแลดี”หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
“แต่จะไม่ดีขึ้นก็คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมนี่ละค่ะ มันแย่”เธอตอบด้วยใบหน้าใสซื่อก่อนจะก้มลงจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ
“เอ๊ะ!”ชายหนุ่มข่มความไม่พอใจไว้ในส่วนลึก วันนี้เขาอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะมาชวนคนตรงหน้าทะเลาะด้วย
ห้องอาหารอันกว้างขวางนี่เงียบสนิท โต๊ะยาวขนาดยี่สิบคนนั่งตั้งอยู่ใจกลางโดยมีเธอและเขานั่งอยู่หัวโต๊ะและถัดมาจึงเป็นที่นั่งของเธอ อาหารเลิศรสมากมายทั้งคาวหวานหรือผลไม้ชุ่มฉ่ำตั้งเต็มโต๊ะกว้างแห่งนี้ แสงไฟจากเชิงเทียนให้ความสว่างแทนโคมไฟระย้าด้านบน เธอนึกสงสัยว่าเพียงแต่บุคคลตรงหน้าจะกินข้าวเย็นต้องจัดให้มัน
อลังการมากขนาดนี้เลยเหรอ เงินทองเหลือเฟือจริงๆ
เธอยังจำเรื่องเมื่อวานได้ดีว่าคนผู้นี้ทำอะไรกับเธอไว้บ้าง แม้เธอยอมลดศักดิ์ศรียกมือไหว้อ้อนวอนให้ปล่อยเธอไป แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามความปรารถนาของตนเองคือรั้งให้เธอทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ เธอไม่เข้าใจเหตุผลของคนตรงหน้าเหมือนกันว่าจะให้เธออยู่ไปทำไม คำพูดจากปากนั่นบั่นทอนคุณค่าความเป็นคนของเธอจนลดฮวบ ‘ของเล่น’ งั้นหรือ? เธอไม่รู้ว่าของเล่นในความหมายของเขาคืออะไร คือสิ่งที่ให้ทรมานแก้เบื่อแบบเอาแซ่ฟาดเหมือนพวกซาดิสต์หรือต้องการสนองตันหาของตน หากเขาอยากมากขนาดนั้นก็ไปหาสาวในฮาเร็มสิ เงินทองขนาดนี้สาวๆพวกนั้นคงพร้อมยอมเสนอตัวให้โดยง่าย แต่ขอโทษนะ…หนึ่งในนั้นไม่ใช่เธอ
“เสื้อผ้าที่ให้คนหามาให้ใส่ได้ใช่มั้ย? เจ้าน่าจะขอบคุณข้านะที่จำ ‘สัดส่วน’ ของเจ้าได้ ทั้งอกพอดีมือนั่น เอวบางๆ และ…กางเกงในสีแดงตัวจิ๋วนั่น”เสียงทุ้มเอ่ยเย้า
เธอกำช้อนในมือแน่นเพื่อเตือนตัวเองว่าอย่าไปถือสาคำพูดสองแง่สองง่ามนั้น ในเมื่อเขาอยากจะพล่ามอะไรก็ปล่อยให้พล่ามไป พอเบื่อแล้วเดี๋ยวก็หยุดเองแหละ
“จะว่าไปเจ้านี่มัน…”
เธอพยายามคิดว่าเขาเป็นคนสติไม่สมประกอบ ชอบเรียกร้องความสนใจ
“รู้มั้ย เจ้ามันน่ากิน น่าเลียไปทั้งตัวเลย”
น่าแปลกที่วันนี้หญิงสาวไม่โต้ตอบอะไร เธอทำเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศไม่มีตัวตน คำพูดกระเซ้าต่างๆคล้ายลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เธอยังนั่งกินอาหารตรงหน้าต่อไปโดยไม่สนใจเขา
ความจริงเขาแค่อยากจะหยอกยั่วให้อีกฝ่ายโมโหแล้วลุกขึ้นด่าป่าวๆเช่นทุกครั้ง แต่กลับกัน กลับเป็นเขาที่รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาแทน!
ช่างน่าโมโหนัก ทำมาเป็นไม่สนใจ นี่เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไรกัน!
เคร้ง!
ชายหนุ่มกระแทกช้อนลงในจานกระเบื้องก่อนจะเอื้อมจับข้อมือบางนั่นให้หยุดกินเช่นกัน เธอออกแรงขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็วางลงแต่โดยดี
“อะไรอีกค่ะ!”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาเงียบใส่ข้า”ชายหนุ่มกลั้นโทสะไม่ให้บีบคนตรงหน้าแรงไปกว่านี้
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ฉันชื่อพิมพ์นาราค่ะ กล้าดียังไงมาเงียบใส่ข้า? อ๋อ…ฉันไม่อยากคุยกับคุณไงค่ะ แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ”หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“จะขอโทษกับคำพูดพล่อยๆนี่มั้ย”
“ไม่ค่ะ”ริมฝีปากบางยิ้มเยาะ
พึ่บ!
เธอรู้สึกว่าร่างของเธอถูกดึงเข้าไปหาร่างหนานั่นอย่างแรง ก่อนที่เธอจะได้ตั้งตัว ความรู้สึกชาก็แล่นเข้ามาที่ใบหน้าซีกล่างอย่างรวดเร็ว!
เพี้ย!
“โอ้ย!”หญิงสาวร้องลั่น
“แกกล้าดียังไงมาตบปากฉัน!”พิมพ์นารากรีดร้องใส่หน้าอีกฝ่าย เธอเงื้อมืออีกข้างไม่ไม่ได้ถูกจับขึ้นเพื่อเอาคืนชายตรงหน้า!
เพี้ย!
ความแรงจากมือผู้ชายและผู้หญิงมันต่างกันกว่าเห็นได้ชัด แรงของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมาก เจ้าของร่างหนายิ้มเย็นยะเยือกก่อนจะดึงมือเธอให้ลุกขึ้นตามเขาไป
“กรี๊ดดดดดด! อีตาบ้า ปล่อยฉัน!!”
เพล้ง!
เธอพยายามจับขอบโต๊ะเพื่อไม่ให้ไปตามแรงกระชากของอีกฝ่าย จานชามหลายไปหล่นระนาวแต่ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ไม่หยุดการกระทำนั่น
“ไอ้เลว ปล่อยฉันนะ!”เธอตีมือหนาแต่ก็ไม่อาจขืนตัวต้านแรงเขาไว้ได้
ปัง!
“ปล่อยสิโว้ย!”
“สั่งให้พวกแม่บ้านเก็บกวาดข้างในด้วย คืนนี้พวกเจ้าไปพักได้แล้ว”เสียงทุ้มเอ่ยกับผู้ติดตามทั้งสองที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอาการก่อนจะลากร่างบางขึ้นบันไดไป
“กรี๊ด!!ใครก็ได้ช่วยฉันที”
ร่างบางล้มลุกคุกคลานไปกับพื้น เธอได้แต่ภาวนาให้ระยะทางมันยาวไกลกว่านี้แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่ ร่างหนาผลักประตูบานใหญ่และดันร่างเธอเข้าไป เมื่อเห็นว่าเป็นที่ไหนดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกโพล่ง
“กรี๊ด!! ไอ้บัดซบ ปล่อยฉันออกไปนะ!”
เธอจำได้ดี นี่คือห้องนอนในวันแรกที่เธอมาถึงที่นี่ ห้องนอนที่เขาใช้กำลังถอดกางเกงคู่ใจของเธอตัวนั้น!
อัลลัยล์เหวี่ยงร่างบางลงบนเตียงนุ่มก่อนจะล้มตัวลงไปคร่อมร่างบางของหญิงสาวไว้
“ตะกี้เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ไอ้บัดซบ ไอ้ชั่ว ไอ้ปีศาจ!!”เธอตะโกนใส่หน้าเขา
เพี้ย!
“โอ้ย!”
มือหนานั่นตบเข้าที่ปากเธออีกแล้ว!
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”เสียงทุ้มยังเอ่ยถามประโยคเดิมๆ
“ไอ้เลวไง หูหนวกรึไงไอ้บัดซบ!!”เธอกรีดร้องใส่หน้าของชายหนุ่ม
เพี้ย!
“ไอ้ชั่ว!”
เพี้ย!
“หน้าตัวเมีย!”
เพี้ย!
“ฮึก ฮึก!”เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่เธอด่าชายตรงหน้าเขาก็จะเงื้อมือตบปากเธออย่างไม่ปราณี และทุกครั้งที่เขาได้ตวัดมือหนาลงมาเธอรู้สึกได้ว่าเขาเพิ่มแรงขึ้นมากเรื่อยๆจนเธอรู้สึกแสบร้อนไปหมด!
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ข้าถามว่าเรียกว่าอะไร”ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาจากหางตาคู่นั้นอย่างเบามือ
“อัลลัยล์ อัลลัยล์”หญิงสาวตอบ กลั้นเสียงสะอื้น
“แค่เจ้าทำตัวดีๆว่าง่าย ตามใจข้าแค่นี้ก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว ถ้าเจ้าอยากได้อะไรก็บอกมา ข้าจะหาทุกอย่างมาให้เจ้า เด็กน้อยของข้า…”
พิมพ์นาราสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากมือหนานั่นเข้าไปในเสื้อของเธอ ร่างบางขยับหนีแต่ก็ถูกมืออีกข้างของเขาตรึงไว้ ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเธอไม่กระพริบ เธอไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ ดวงตาคู่นั้นมันช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด
เสน่ห์เหลือร้ายที่แฝงไปด้วยอันตราย!
“อัลลัยล์”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้น
“หืม”
เขารู้สึกเหมือนเด็กที่ได้แกะห่อของขวัญเพื่อเปิดดูของเล่นชิ้นใหม่ ร่างกายบางๆของเธอชวนให้ค้นหา ทุกซอก ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นลำคอยาวนั่น เอวบางๆที่ขยับไปมา หน้าอกทั้งคู่ที่หายใจหอบ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ พิมพ์นารา เขาอยากจะประทับตราจองทั้งหมด!
“คุณฟังฉันนะ”
“ไว้ก่อน”เขาบอกด้วยน้ำเสียงแกมรำคาญ
เธอจับไหล่หนาของอีกฝ่าย สายตาจริงจังของเธอทำให้ชายหนุ่มหยุดทุกการกระทำเพื่อจ้องมองเธอกลับและรอฟังสิ่งที่เธอต้องการ
“มีอะไร”
“ฉันอยากกลับบ้าน”หญิงสาวเม้มปากมองอีกฝ่ายด้วยแววตาวิงวอน
อัลลัยล์เลี่ยงที่จะหลบสายตาคู่นั้นของเธอ เขาปลดที่โพกหัวออกโยนไปข้างๆก่อนจะซุกไซร้เข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นนั้นอย่างหิวกระหาย
มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นไปจับยอดปทุมเต็มไม้เต็มมือนั่น เธอแอ่นขึ้นรับไอร้อนจากฝ่ามือเขาพร้อมส่งเสียงครางเบาๆ
ท่าทางของเธอปลุกสันดานดิบ ความกระหาย ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวชายร้อนรุ่มไปหมด ยิ่งเห็นว่าเธอไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้เต็มใจเขาก็ยิ่งอยากจะลุกล้ำเธอมากยิ่งขึ้น อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของร่างบางนี้!
พิมพ์นารารู้สึกเสียววาบที่ท้องน้อย เธอรู้ตัวดีว่าสถานการณ์นี้มันเสี่ยงมากขนาดไหน ร่างกายของเธอก็ตอบรับการปลุกเร้าจากเขา มันขึ้นอยู่ที่ว่าเธอจะทนต่อแรงปรารถนานี่ได้นานแค่ไหนกัน
“ฉันอยากกลับบ้าน”เพียงประโยคนี้เท่านั้นชายหนุ่มถึงกับหยุดการกระทำทุกอย่าง เขาลุกขึ้นปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
พิมพ์นาราจัดเสื้อผ้าให้กลับเป็นแบบเดิม ร่างบางลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่หนานั้นให้หันมาสบตาเธอ เธอยื่นนิ้วมืออันเย็นเฉียบเข้าที่ไปหน้าคมสันนั้นเพื่อบังคับไม่ให้เขาหันหน้าหลบเธอไปได้อีก
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉัน”
“เจ้าก็คิดว่ามันเป็นบ้านไปซะสิ”อัลลัยล์หลับตาอิงแอบกับมือบางที่แนบแก้มของเขา
“ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่บ้านของฉัน ไม่ใช่ที่ของฉัน ฉันอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุข ฉันคิดถึงสิ่งเดิมๆที่นั่น คิดถึงแม่ คิดถึงน้า คิดถึงหนังสือร้อยเล่มบนชั้นนั่น”
พึ่บ!
เขาดึงร่างบางเข้ามาแนบอกและกดหัวเธอให้อยู่แบบนั้น หญิงสาวแน่นิ่งไม่ได้ขัดขืนเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอเพียงแต่ร้องไห้เบาๆกับอกหนานี่เท่านั้น
“ฉันไม่ได้ร้องขอให้คุณทำดีกับฉันมากกว่านี้หรอก ฉันแค่อยากกลับไปสู่ที่เดิมๆ ที่ที่มันเป็นของฉัน”เธอกล่าวพร้อมกันเสียงสะอื้น
“ขอร้องนะคะ…ปล่อยฉันไปเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างฉันขอโทษ”
อัลลัยล์กดศีรษะได้รูปนั่นแนบชิดเข้าไปอีก มืออีกข้างกำหมัดแน่นจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกถึงแรงสั่น เขาไม่ได้อยากเห็นเธอร้องให้ไปมากกว่านี้แต่เขาก็ไม่มีสิทธิห้ามอะไรอีก เขาอยากให้เธอกลับมาเป็นหญิงสาวคนเดิมที่ช่วยเขาในวันแรก เธอช่างยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี เป็นมิตร ชีวิตของเธออยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่มีความสุข ชีวิตของเธอตอนนี้อยู่ในกำมือของเขา เขารู้ว่าเขาสามารถทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่เขาก็ทำให้เธอไม่ได้
เขาปล่อยเธอไปไม่ได้!
เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบของอีกฝ่ายเธอถึงกับจุกในอกก่อนจะปล่อยโฮออกมา ตั้งแต่มาอยู่ทีนี่ไม่มีวันไหนที่เธอจะอยู่อย่างมีความสุข แม้จะอยู่ในที่หรูหราสะดวกสบายแต่มันก็ไม่ใช่ที่ของเธอ เธออยากกลับไปที่เดิมๆวันเดิมๆ เขาเป็นคนกุมทุกอย่างของเธอเอาไว้ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาไม่ยอมให้เธอได้ออกไปตายที่อื่น แต่เลือกให้เธอตายในกำมือเขา ตายที่นี่ ตายตามเวลาที่เขาต้องการ
เขามันช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก!
ยิ่งคิดร่างบางก็ยิ่งสะอื้นจนตัวสั่น เธอไม่น่าไปช่วยเขาเลย ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอกับชายร่างหนาตรงหน้า อัลลัยล์! เธอไม่น่าไปช่วยเขาเลย เธอไม่น่ารู้จักตรอกแคบนั่น เธอไม่น่าเดินผ่านเขา เธอไม่น่าหยิบยื่นน้ำใจให้เขา เธอไม่น่าดึงเขาออกมาจากกองเลือดนั่น ทุกสิ่งคือความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ ความผิดพลาดที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้ ฟ้าเบื้องบนก็ช่างร้ายนัก เธอไม่เคยทำให้ใครต้องช้ำน้ำใจเจ็บแค้น
แต่ดูตอบแทน ลิขิตชะตาของเธอสิ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบไปมองดอกกุหลาบแดงในแจกันราคาแพง พวกมันสวยและดูมีราคา แม้จะมีหนามแหลมคมไว้ป้องกันตัวแต่ก็สามารถทำให้แจกันนั่นเป็นได้แค่รอยขูดเล็กๆเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกจองจำในแจกันแก้วนั่น ไร้ซึ่งอิสระ
หากพวกมันเลือกได้ก็คงอยากจะกลับคืนสู่ป่า สู่ที่ที่มันจากมามากกว่าต้องมาอยู่ในที่สวยงามแต่เจ็บปวดแบบนี้!
เขาผละร่างบางออกและเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ มือหนานั่นค่อยๆดันร่างบางนอนราบกับเตียง ดวงตาสีดำของเขาตราตรึงราวกับเสกมนต์ให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อ
พิมพ์นารารู้สึกขนลุกชันไปทั่วร่างเมื่อนิ้วมือหยาบของเขาลูบไล้แขนเธอไปมา แต่เพราะดวงตาที่จ้องมาทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“มาอยู่ที่นี่เจ้าต้องเสียแม่ เสียน้าไป แต่ข้าจะเป็นให้ยิ่งกว่านั้น จะเป็นคนที่โอบอุ้มเจ้ายามทุกข์ร้อน จะเป็นคนที่คอยปลอบใจไม่ให้เจ้ามีน้ำตา หากวันไหนเจ้าคิดถึงจนทนไม่ไหวข้าก็จะพาเจ้ากลับไปเยี่ยม”เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
“เจ้าจะต้องเสียบ้าน แต่ที่นี่ก็จะคือบ้านของเจ้า เจ้าจะเป็นเจ้าของที่นี่ตราบใดที่เจ้ายังต้องการมัน”
“ฮึก ฮึก!”หญิงสาวสะอื้น
เขาเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างเบามือ บางทีหล่อนอาจจะยังไม่เชื่อใจเขาก็ได้ ที่เขาพูดทุกอย่างล้วนเป็นความจริง กลั่นออกมาจากใจ
“หากเจ้าชอบหนังสือ ข้าก็จะยกห้องหนังสือของข้าให้เจ้า มันใหญ่มากนะ เจ้าจะต้องชอบมัน”มือหนาเกลี่ยไรผมบางขึ้นไป
“ขอเพียงเจ้าทำตัวดี อย่างยั่วโมโหข้าให้มากนัก”
“หากเจ้าทำให้ข้าได้ ข้าก็จะทำตัวดีตอบแทนเจ้าเช่นกัน จะไม่ทำร้าย จะตามใจและใส่ใจ จะหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้”
ชายหนุ่มโน้มตัวลงจุมพิตกับริมฝีปากสั่นระริกนั่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มออกมาจากตัวเธอ มันหวานเสียจนเขาไม่อาจหักห้ามใจให้เกี่ยวลิ้นน้อยๆในนั้น
เป็นจูบแรกของชายตรงหน้าที่เธอคิดว่ามันเป็นจูบจริงๆ มันช่างนุ่มนวล อ่อนหวาน ดุจดอกไม้หอมที่ใช้เกสรล่อลวงให้แมลงเล็กๆต้องหลงงงงวยไปกับมัน และสุดท้ายก็จะกักขังให้ตายภายใต้กลีบดอกอย่างช้าๆ
มือหยาบกร้านของเขาฉกฉวยเข้าไปในสาบเสื้อของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาดันสิ่งกีดขวางที่กั้นระหว่างยอดปทุมอวบกับมือหนาของเขาขึ้นไปก่อนจะจับหน้าอกเต่งตึงคู่นี้อย่างเต็มไม้เต็มมือ เขาบีบเค้นเบาๆและเขี่ยยอดปทุมจนรู้สึกว่ามันชูชันสู้กันมือหนาของเขา
หญิงสาวจับมือของชายหนุ่มคล้ายจะห้ามการกระทำอันรุกล้ำนี่ เขาเพียงแต่รวบมือทั้งคู่กลับไปไว้ที่ที่มันควรจะอยู่ก่อนจะจัดการกับสิ่งหอมหวานตรงหน้าต่อ
พิมพ์นารารู้สึกสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นได้ทุกอณูขน เธอไม่รู้ตัวว่าเสื้อแขนสั้นมันหลุดออกไปจากตัวเธอตอนไหน และเหตุใดด้านบนของเธอจึงเปลือยเปล่ารับสัมผัสจากชายหนุ่มเช่นนี้ สมองของเธอมันตื้อตันจนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้เขาชักนำเธอไปสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น
“ฉันเป็นของเล่นของคุณเหรอค่ะ”หญิงสาวถามเสียงสั่น
“เจ้าอยากจะเป็นมากกว่านั้นก็ได้ นารา”
เสียงทุ้มตอบคล้ายคำราม ร่างของหญิงสาวตรงหน้าทำให้สติของเขากระจัดกระเจิง ยิ่งเวลาที่เธอส่งเสียงหวานนั่นครวญครางและบิดกายตามแรงลิ้นที่ดูดเม้มยอดปทุมทั้งคู่นั้นแทบทำให้เขาบ้า ใบหน้าสวยนั่นแดงซ่านเวลาที่เขาจ้องตาเธอ เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชาย และ…
เธอช่างไร้เดียงสา แต่ทว่าเร่าร้อนยิ่งนัก!
พิมพ์นาราเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยังสาละวนกับเรือนร่างของเธออย่างพึงใจ มือของเธอเย็นเฉียบเนื่องจากของที่เธอกำไว้แน่น ตัวของเธอสั่นด้วยความกลัวเนื่องจากการตัดสินใจบางอย่างครั้งนี้ แต่ชายหนุ่มกลับคิดว่าเธอตัวสั่นด้วยแรงปรารถนาที่เขาปรนเปรอให้จึงไม่ได้เอะใจ เขาหลงเรือนร่างงดงามนี้จนไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มซ่อนเงื่อนจากเธอ!
นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายจากเธอ ไม่มีโอกาสไหนเหมาะไปมากกว่านี้แล้ว!
“อัลลัยล์ค่ะ…”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวใต้ร่าง เธอยิ้มแฝงความหมายให้เขา แม้มันจะสวยงามแต่ทว่าความรู้สึกส่วนลึกของเขามันบอกว่าอันตราย!
“ฉันขอบคุณที่คุณทำดีกับฉัน…แต่ฉันขอโทษ!”
เพล้ง!
เสียงแจกันแก้วฟาดเข้าที่ขมับของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างหนาเซถลาไปด้านข้างประจวบเหมาะกับที่เธอยกขาขึ้นถีบหน้าอกนั่นอย่างเต็มเหนี่ยวให้ไปไกลจากตัวเธอที่สุด!
มือบางคว้าเศษแก้วอันใหญ่ขึ้นมาและกระโดดขึ้นคร่อมร่างหนาของชายหนุ่ม!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมากจนเขาแทบไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น !!
“นารา! เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า!”เสียงทุ้มตะโกนถามอย่างห่วงใย
อัลลัยล์ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เธอปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวดกว่าทุกครั้ง เสียงสะอื้นของเธอบาดลึกไปในจิตใจของเขา เขาพยายามไล่เลือดที่ไหลเข้าตาเพื่อปรับภาพตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บางทีอาจจะมีคนลอบทำร้ายและเธอคงได้รับบาดเจ็บ เจ็บถึงได้ร้องไห้ออกมาขนาดนั้น!
“เจ้าอย่าร้อง”
มือหนาตวัดไปด้านข้างเพื่อหมายจะปลอบคนข้างตัว แต่เขากลับพบกับความว่างเปล่า สมองของเขามันยังมึนตึบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงไม่ได้นึกเอะใจกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นบนตัว
เมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกผิดจนแทบปาเศษแก้วอันนี้ทิ้งไปไกลๆ เขาเป็นห่วงเธอ เป็นห่วงเธองั้นเหรอ!
ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาทำให้เธอร้องไห้ไม่หยุด ทั้งหวาดกลัว เศร้าสร้อย รู้สึกผิด ปนกันไปหมด เหมือนหูทั้งสองข้างของเธอมีซาตานสีดำที่เป่าหูว่าคนอย่างเขามันสมควรโดนแบบนี้ เอาเศษแก้วนี่ปักอกหนาให้ตายๆไปซะ ให้สมกับที่ทำกับเธอ!
แต่อีกข้างกลับเป็นคำพูดของชายหนุ่มที่วนเวียนในสมอง
‘มาอยู่ที่นี่เจ้าต้องเสียแม่ เสียน้าไป แต่ข้าจะเป็นให้ยิ่งกว่านั้น จะเป็นคนที่โอบอุ้มเจ้ายามทุกข์ร้อน จะเป็นคนที่คอยปลอบใจไม่ให้เจ้ามีน้ำตา หากวันไหนเจ้าคิดถึงจนทนไม่ไหวข้าก็จะพาเจ้ากลับไปเยี่ยม’
‘เจ้าจะต้องเสียบ้าน แต่ที่นี่ก็จะคือบ้านของเจ้า เจ้าจะเป็นเจ้าของที่นี่ตราบใดที่เจ้ายังต้องการมัน’
เธอจะทำยังไงดี!
“ตั้งแต่เรื่องเมื่อคราวก่อน พวกผมก็ได้สืบมาเรียบร้อยแล้วครับว่าคนที่ส่ง ‘หมาลอบกัด’ เป็นใคร”
อัลลัยล์หยิบรูปถ่ายสองสามใบที่วางอยู่ตรงหนาขึ้นมาดู เขาขมวดคิ้วและถอนหายใจหนักก่อนจะนำรูปที่ผู้ติดตามนำมาเผากับเชิงเทียนข้างตัว
“หึ! ‘มัน’ อีกแล้วเหรอ”อัลลัยล์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เดือนหน้าจะมีการประมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันดิบที่อิหร่านครับ พวกเขาจะมาประชุมกันที่กรุงไคโร ผมไปหาข้อมูลคร่าวๆมาแล้ว คราวนี้มีคนอยากได้ประมูลครั้งนี้อยู่เยอะพอสมควร เพราะว่าผลตอบแทนที่จะได้จากการค้าขายครั้งนี้คือเม็ดเงินมหาศาลครับ”
“มันคงไม่พลาดการประมูลนี่สินะ”ชายหนุ่มปัดเศษขี้เถ้าออกจากมือของตน
“ไว้ข้าจะไปทักทายมันเสียหน่อย ดูท่าคงดีใจแย่ถ้าเห็นข้าเสนอหน้าไปหาถึงที่”เสียงทุ้มกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือก
ยะตีมกับฮาฟิซยืนสงบไร้ข้อคิดเห็น การบุกลอบสังหารเมื่อวันก่อนเขาสามารถจับชายชุดดำที่อ้างว่าเป็นหัวหน้ามาได้แบบเป็นๆ การสืบสวนเป็นไปอย่างลับๆเพราะอีกฝ่ายดูท่าจงรักภักดีต่อนายเหลือเกินจึงไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา ไม่ว่าจะทรมานขนาดไหนมันก็ยังอดทนนิ่งเงียบ พวกเขาคอยเฝ้าระวังไม่ให้แหล่งข้อมูลชิ้นดีตนนี้ฆ่าตัวตายตามที่หวัง เมื่อเวลายืดเยื้อไปมาสุดท้ายพวกเขาจึงต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดที่ไม่อยากทำเท่าไหร่
จับลูกเมียของมันมาเป็นตัวประกัน เพราะถ้าหากยังไม่ยอมเปิดปากละก็สงสัยคงได้ส่งไปเฝ้ายมบาลทีละคน
ในที่สุดมันจึงยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้สารภาพทุกอย่าง ใครเป็นผู้บงการในการลอบกัดครั้งนี้ และทำไปเพื่ออะไร เมื่อได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้วพวกเขาก็ปล่อยให้มันกลับไปฟ้องเจ้านายมัน มันเป็นแค่ลูกจ้างไม่ใช่ตัวบงการ ถึงฆ่าไปก็เปล่าประโยชน์ เสียเวลากำจัดศพอีกเปล่าๆ
“ฮาฟิซเตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้วกัน เดือนหน้าข้าจะไปเข้าร่วมประมูลที่ไคโรด้วย”เสียงทุ้มเว้นระยะ
“หาข้อมูลที่ข้าจำเป็นต้องรู้มาให้หมด ข้าจะต้องชนะในการประมูลครั้งนี้ ฝากเจ้าด้วยนะฮาฟิซ”
“ได้ครับ”ร่างหนาคำนับน้อมรับคำสั่ง
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะครับ ท่านอัลลัยล์จะลงไปที่โต๊ะอาหารเลยรึเปล่าครับ”ยะตีมเอ่ยถามหลังจากดูนาฬิกาข้อมือของตน
อัลลัยล์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้
“ไปตามนารามาพบฉันที่ห้องอาหารด้วย”ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้ติดตามก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานโดยมีฮาฟิซติดตามไปด้วย
“แล้วถ้าแม่หญิงไม่มาละครับ”
ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มมุมปากให้ผู้ติดตาม รอยยิ้มชนิดที่ว่าหากหญิงสาวนาม ‘พิมพ์นารา’ เห็นคงจะต้องบอกว่าเป็นรอยยิ้มปีศาจแน่ๆ
“ถ้าหล่อนขัดขืนก็จับมัดมาเลยแล้วกัน”
สิ้นคำสั่งร่างหนาก็เดินออกจากห้องไป
ยะตีมยืนใคร่ครวญอะไรบางอย่าง จะทำอย่างไรที่จะให้หญิงสาวผู้นั้นยอมมาด้วยกันแต่โดยดี ขนาดเจ้านายผู้ที่สามารถบังคับคนทุกคนให้อยู่ใต้อานัสได้สั่งเธอ เธอยังไม่ทำตามเลย แล้วกับเขาที่เธอเห็นว่าเป็นผู้ติดตามของเจ้านาย ชายผู้ที่เธออยากจะกรีดร้องใส่ทุกครั้งที่เจอ เธอจะยอมมากับเขาแต่โดยดีรึเปล่ากัน!
และก็เป็นไปตามที่คาด…
ยะตีมสั่งให้หญิงรับใช้ในห้องออกไปให้หมดก่อนจึงหันมาดูอากัปกิริยาของหญิงสาวบนเตียง
“ออกไป! ฉันไล่แล้วยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ไปบอกเจ้านายคุณว่าฉันไม่ไป ฉันไม่หิว ต่อให้หิวก็ไม่กิน ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันจะนอน”พิมพ์นาราตะโกนด้วยใบหน้าบึ้งตึง
สองนาทีก่อน ชายร่างหนาในชุดเดิมๆพอๆกันกับผู้เป็นเจ้านายของเขาได้มาเชื้อเชิญให้เธอไปห้องอาหารเพื่อทานมื้อเย็นร่วมกับไอ้ปีศาจนั่น ขนาดแค่อาหารที่หญิงรับใช้นำมาให้เช้าเย็นเธอยังไม่อยากจะแตะเลย แล้วนับอะไรจะให้เธอไปนั่งกินข้าวกับคนที่เธอพิศวาสจะจนขาดใจดิ้น โธ่…ต่อให้หิวจนกระเพาะขาดเป็นรูเธอก็ไม่ไป ฝันไปเถอะ!
“ท่านอัลลัยล์บอกว่าหากคุณไม่ยอมไปดีๆให้จับมัดไปครับ”ยะตีมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“ไหนเชือกละ ไปเอามาสิ ให้จะยืนรอคุณมาจับฉันมัดแล้วลากไปที่ห้องอาหาร ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจเดิน”พิมพ์นาราลุกลงจากเตียงก่อนจะเดินมาประจันหน้าอีกฝ่าย ริมฝีปากบางยิ้มเยาะเล็กน้อย
ไอ้ปีศาจนั่นมันโรคจิตหรือไงกัน ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้วที่สั่งให้คนนำอาหารมาให้พร้อมกับคำขู่ว่าหากเธอไม่ยอมกินดีๆก็ให้จับกรอกปากเลย ตอนแรกเธอนึกว่าหญิงรับใช้พวกนั้นคงจะใจดีเมตตาเธอ แต่เธอคิดผิด พวกนั้นจับเธอง้างปากกรอกข้าวจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับเอาเชือกมามัดลากไป จะมัดก็มัดไปสิ พื้นเรียบๆแบบนี้ลากแปปเดียวก็ถึง ดูสบายกว่าอาการสำลักข้าวตั้งเยอะ
“ไปเอามาสิ เอามาเล้ยยยยย”เธอยื่นมือให้ชายตรงหน้า
ยะตีมรู้สึกอยากทุบหญิงสาวตรงหน้าให้คอหักเสียจริง ฟังจากที่หลายคนพูดมาว่าเธอช่างยั่วโมโหได้ไม่ใช่น้อยนั่นไม่เป็นความจริงเอาเสียเลย เธอผู้นี่ยั่วโมโหได้มาก! มากถึงมากที่สุด! โดยเฉพาะรอยยิ้มแสยะนั่น ขนาดเขาไม่ใช่เจ้านายยังรู้สึกถึงแรงโทสะที่ค่อยๆประทุขึ้นมาในหัวเลย แล้วนับประสาอะไรกับเจ้านายผู้ได้ชื่อว่าอารมณ์ร้อนเป็นที่หนึ่ง หากทนคำพูดและท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าได้ก็นับว่าเก่งจริงๆ
ในเมื่อใช้เล่ห์ไม่ได้ก็ต้องใช้กลแล้วกัน
“ผมไม่อยากมัดคุณหรอกครับ แค่อยากขอร้องให้คุณไปดีๆ”ยะตีมแสร้งก้มหน้าสลด
พิมพ์นาราขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางของชายตรงหน้า
“ผมจะกลับไปหาท่านอัลลัยล์แล้วบอกว่าคุณต้องการพักผ่อนนะครับ แล้วทีนี้ผมก็คงจะต้องเก็บของออกจากที่นี่”
“ทำไม”
“ถ้าผมเป็นผู้รับใช้แล้วทำตามคำสั่งไม่ได้ก็คงจะต้องโดนปลดแน่ครับ ครอบครัวของผม ภรรยาและลูกตัวน้อยคงจะไม่มีใครส่งเสียเลี้ยงดู”ใบหน้าเข้มสลดลง
พิมพ์นารายกมือทาบอก ตานั่นใจร้ายใจดำจริงๆ แม้แต่กระทั่งคนติดตามก็ไม่เว้น!
“เอางี้นะ คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไปกับคุณก็ได้”หญิงสาวกล่าว
ยะตีมลอบยิ้มในใจ สิ่งที่เขาคิดไว้ถูกต้องไม่มีผิด หญิงสาวตรงหน้าเป็นคนขี้สงสารน่าดู แค่โกหกปั้นเรื่องนิดๆหน่อยเธอก็ยอมแต่โดยดีแล้ว
ในเมื่อเจ้านายยังไม่มีเมียและลูก แล้วผู้ติดตามอย่างเขาและฮาฟิซจะไปกล้ามีเกินหน้าเกินตาเจ้านายได้อย่างไรกัน!
“หากคุณไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรครับ ครอบครัวของภรรยาผมยังมีร้านอาหารเล็กๆอยู่ ผมคงจะต้องไปทำงานที่นั่น”
“อย่าเลย อยู่ที่นี่คุณก็สุขสบายส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างดี ไม่เป็นไร แค่ไปนั่งกินของอร่อยๆมันก็ไม่ได้ยากตรงไหนหรอก”แค่ไปนั่งกินๆเคี้ยวๆให้เสร็จไป ดีกว่าต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาตกงานเพราะเธอ แถมเขายังมีครอบครัวต้องส่งเสียอีก เธอไม่อยากใช้ความเอาแต่ใจของตนมาทำให้คนอื่นเดือดร้อน
“แต่ถ้าไปแล้วคุณแสดงอาการหงุดหงิดประชดประชัน สุดท้ายผมก็ต้องโดนท่านอัลลัยล์ว่าอยู่ดี โทษฐานที่ไม่สามารถทำให้คุณไปได้อย่างเต็มใจ”ชายหนุ่มยังปั้นเรื่องไม่หยุด
“เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะนิ่งเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเจ้านายคุณนะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”เธอตบแขนปลอบใจคนตรงหน้า
ทีนี้เขาพอจะรู้จุดอ่อนของหญิงสาวแล้ว การเป็นคนขี้สงสารผู้อื่นนี่เองที่ทำให้เธอยอมทำตามเพราะสงสารเขาตามเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้น ไม่เห็นต้องใช้กำลังฉุดกระชากให้เสียแรงโดยใช่เหตุ
ยะตีมเดินนำร่างบางออกมา เขาซ่อนรอยยิ้มบนหน้าไม่ให้คนข้างหลังเห็น
เวลานี้เขารู้สึกว่าตนเองโกหกเก่งเสียจริง!
ตอนแรกเขานึกว่าหากเธอมาถึงต้องโวยวายเสียงดังใส่เขาแน่ แต่ไม่ใช่ เธอเดินมาแต่โดยดีไม่ได้มีท่าทีโดนบังคับหรือไม่พอใจอะไร เมื่อมาถึงแล้วเขาก็ให้ทั้งยะตีมและฮาฟิซออกไปก่อนเพื่อจะได้คุยอะไรกับหญิงสาวสะดวกๆ แต่เมื่อร่างบางได้นั่งก็กินนู่นนี่ไม่หยุด ไม่สนใจสิ่งรอบตัวใดๆนอกจากอาหาร เขาไม่หวังคำทักทายจากเธออยู่แล้ว นี่แม้แต่มองหน้าเธอยังไม่มองเลย เธอทำราวกับว่าตนเองอยู่คนเดียวในห้องอาหารแห่งนี้
“อาการดีขึ้นรึยัง”เขาเอ่ยถาม
พิมพ์นาราละสายตาจากสเต็กไก่ตรงหน้าเพื่อตอบคำถามจากชายหนุ่ม
“ยาดี คนดูแลดี”หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
“แต่จะไม่ดีขึ้นก็คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมนี่ละค่ะ มันแย่”เธอตอบด้วยใบหน้าใสซื่อก่อนจะก้มลงจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ
“เอ๊ะ!”ชายหนุ่มข่มความไม่พอใจไว้ในส่วนลึก วันนี้เขาอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะมาชวนคนตรงหน้าทะเลาะด้วย
ห้องอาหารอันกว้างขวางนี่เงียบสนิท โต๊ะยาวขนาดยี่สิบคนนั่งตั้งอยู่ใจกลางโดยมีเธอและเขานั่งอยู่หัวโต๊ะและถัดมาจึงเป็นที่นั่งของเธอ อาหารเลิศรสมากมายทั้งคาวหวานหรือผลไม้ชุ่มฉ่ำตั้งเต็มโต๊ะกว้างแห่งนี้ แสงไฟจากเชิงเทียนให้ความสว่างแทนโคมไฟระย้าด้านบน เธอนึกสงสัยว่าเพียงแต่บุคคลตรงหน้าจะกินข้าวเย็นต้องจัดให้มัน
อลังการมากขนาดนี้เลยเหรอ เงินทองเหลือเฟือจริงๆ
เธอยังจำเรื่องเมื่อวานได้ดีว่าคนผู้นี้ทำอะไรกับเธอไว้บ้าง แม้เธอยอมลดศักดิ์ศรียกมือไหว้อ้อนวอนให้ปล่อยเธอไป แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามความปรารถนาของตนเองคือรั้งให้เธอทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ เธอไม่เข้าใจเหตุผลของคนตรงหน้าเหมือนกันว่าจะให้เธออยู่ไปทำไม คำพูดจากปากนั่นบั่นทอนคุณค่าความเป็นคนของเธอจนลดฮวบ ‘ของเล่น’ งั้นหรือ? เธอไม่รู้ว่าของเล่นในความหมายของเขาคืออะไร คือสิ่งที่ให้ทรมานแก้เบื่อแบบเอาแซ่ฟาดเหมือนพวกซาดิสต์หรือต้องการสนองตันหาของตน หากเขาอยากมากขนาดนั้นก็ไปหาสาวในฮาเร็มสิ เงินทองขนาดนี้สาวๆพวกนั้นคงพร้อมยอมเสนอตัวให้โดยง่าย แต่ขอโทษนะ…หนึ่งในนั้นไม่ใช่เธอ
“เสื้อผ้าที่ให้คนหามาให้ใส่ได้ใช่มั้ย? เจ้าน่าจะขอบคุณข้านะที่จำ ‘สัดส่วน’ ของเจ้าได้ ทั้งอกพอดีมือนั่น เอวบางๆ และ…กางเกงในสีแดงตัวจิ๋วนั่น”เสียงทุ้มเอ่ยเย้า
เธอกำช้อนในมือแน่นเพื่อเตือนตัวเองว่าอย่าไปถือสาคำพูดสองแง่สองง่ามนั้น ในเมื่อเขาอยากจะพล่ามอะไรก็ปล่อยให้พล่ามไป พอเบื่อแล้วเดี๋ยวก็หยุดเองแหละ
“จะว่าไปเจ้านี่มัน…”
เธอพยายามคิดว่าเขาเป็นคนสติไม่สมประกอบ ชอบเรียกร้องความสนใจ
“รู้มั้ย เจ้ามันน่ากิน น่าเลียไปทั้งตัวเลย”
น่าแปลกที่วันนี้หญิงสาวไม่โต้ตอบอะไร เธอทำเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศไม่มีตัวตน คำพูดกระเซ้าต่างๆคล้ายลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เธอยังนั่งกินอาหารตรงหน้าต่อไปโดยไม่สนใจเขา
ความจริงเขาแค่อยากจะหยอกยั่วให้อีกฝ่ายโมโหแล้วลุกขึ้นด่าป่าวๆเช่นทุกครั้ง แต่กลับกัน กลับเป็นเขาที่รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาแทน!
ช่างน่าโมโหนัก ทำมาเป็นไม่สนใจ นี่เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไรกัน!
เคร้ง!
ชายหนุ่มกระแทกช้อนลงในจานกระเบื้องก่อนจะเอื้อมจับข้อมือบางนั่นให้หยุดกินเช่นกัน เธอออกแรงขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็วางลงแต่โดยดี
“อะไรอีกค่ะ!”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาเงียบใส่ข้า”ชายหนุ่มกลั้นโทสะไม่ให้บีบคนตรงหน้าแรงไปกว่านี้
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ฉันชื่อพิมพ์นาราค่ะ กล้าดียังไงมาเงียบใส่ข้า? อ๋อ…ฉันไม่อยากคุยกับคุณไงค่ะ แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ”หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“จะขอโทษกับคำพูดพล่อยๆนี่มั้ย”
“ไม่ค่ะ”ริมฝีปากบางยิ้มเยาะ
พึ่บ!
เธอรู้สึกว่าร่างของเธอถูกดึงเข้าไปหาร่างหนานั่นอย่างแรง ก่อนที่เธอจะได้ตั้งตัว ความรู้สึกชาก็แล่นเข้ามาที่ใบหน้าซีกล่างอย่างรวดเร็ว!
เพี้ย!
“โอ้ย!”หญิงสาวร้องลั่น
“แกกล้าดียังไงมาตบปากฉัน!”พิมพ์นารากรีดร้องใส่หน้าอีกฝ่าย เธอเงื้อมืออีกข้างไม่ไม่ได้ถูกจับขึ้นเพื่อเอาคืนชายตรงหน้า!
เพี้ย!
ความแรงจากมือผู้ชายและผู้หญิงมันต่างกันกว่าเห็นได้ชัด แรงของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมาก เจ้าของร่างหนายิ้มเย็นยะเยือกก่อนจะดึงมือเธอให้ลุกขึ้นตามเขาไป
“กรี๊ดดดดดด! อีตาบ้า ปล่อยฉัน!!”
เพล้ง!
เธอพยายามจับขอบโต๊ะเพื่อไม่ให้ไปตามแรงกระชากของอีกฝ่าย จานชามหลายไปหล่นระนาวแต่ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ไม่หยุดการกระทำนั่น
“ไอ้เลว ปล่อยฉันนะ!”เธอตีมือหนาแต่ก็ไม่อาจขืนตัวต้านแรงเขาไว้ได้
ปัง!
“ปล่อยสิโว้ย!”
“สั่งให้พวกแม่บ้านเก็บกวาดข้างในด้วย คืนนี้พวกเจ้าไปพักได้แล้ว”เสียงทุ้มเอ่ยกับผู้ติดตามทั้งสองที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอาการก่อนจะลากร่างบางขึ้นบันไดไป
“กรี๊ด!!ใครก็ได้ช่วยฉันที”
ร่างบางล้มลุกคุกคลานไปกับพื้น เธอได้แต่ภาวนาให้ระยะทางมันยาวไกลกว่านี้แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่ ร่างหนาผลักประตูบานใหญ่และดันร่างเธอเข้าไป เมื่อเห็นว่าเป็นที่ไหนดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกโพล่ง
“กรี๊ด!! ไอ้บัดซบ ปล่อยฉันออกไปนะ!”
เธอจำได้ดี นี่คือห้องนอนในวันแรกที่เธอมาถึงที่นี่ ห้องนอนที่เขาใช้กำลังถอดกางเกงคู่ใจของเธอตัวนั้น!
อัลลัยล์เหวี่ยงร่างบางลงบนเตียงนุ่มก่อนจะล้มตัวลงไปคร่อมร่างบางของหญิงสาวไว้
“ตะกี้เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ไอ้บัดซบ ไอ้ชั่ว ไอ้ปีศาจ!!”เธอตะโกนใส่หน้าเขา
เพี้ย!
“โอ้ย!”
มือหนานั่นตบเข้าที่ปากเธออีกแล้ว!
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”เสียงทุ้มยังเอ่ยถามประโยคเดิมๆ
“ไอ้เลวไง หูหนวกรึไงไอ้บัดซบ!!”เธอกรีดร้องใส่หน้าของชายหนุ่ม
เพี้ย!
“ไอ้ชั่ว!”
เพี้ย!
“หน้าตัวเมีย!”
เพี้ย!
“ฮึก ฮึก!”เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่เธอด่าชายตรงหน้าเขาก็จะเงื้อมือตบปากเธออย่างไม่ปราณี และทุกครั้งที่เขาได้ตวัดมือหนาลงมาเธอรู้สึกได้ว่าเขาเพิ่มแรงขึ้นมากเรื่อยๆจนเธอรู้สึกแสบร้อนไปหมด!
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ข้าถามว่าเรียกว่าอะไร”ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาจากหางตาคู่นั้นอย่างเบามือ
“อัลลัยล์ อัลลัยล์”หญิงสาวตอบ กลั้นเสียงสะอื้น
“แค่เจ้าทำตัวดีๆว่าง่าย ตามใจข้าแค่นี้ก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว ถ้าเจ้าอยากได้อะไรก็บอกมา ข้าจะหาทุกอย่างมาให้เจ้า เด็กน้อยของข้า…”
พิมพ์นาราสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากมือหนานั่นเข้าไปในเสื้อของเธอ ร่างบางขยับหนีแต่ก็ถูกมืออีกข้างของเขาตรึงไว้ ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเธอไม่กระพริบ เธอไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ ดวงตาคู่นั้นมันช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด
เสน่ห์เหลือร้ายที่แฝงไปด้วยอันตราย!
“อัลลัยล์”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้น
“หืม”
เขารู้สึกเหมือนเด็กที่ได้แกะห่อของขวัญเพื่อเปิดดูของเล่นชิ้นใหม่ ร่างกายบางๆของเธอชวนให้ค้นหา ทุกซอก ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นลำคอยาวนั่น เอวบางๆที่ขยับไปมา หน้าอกทั้งคู่ที่หายใจหอบ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ พิมพ์นารา เขาอยากจะประทับตราจองทั้งหมด!
“คุณฟังฉันนะ”
“ไว้ก่อน”เขาบอกด้วยน้ำเสียงแกมรำคาญ
เธอจับไหล่หนาของอีกฝ่าย สายตาจริงจังของเธอทำให้ชายหนุ่มหยุดทุกการกระทำเพื่อจ้องมองเธอกลับและรอฟังสิ่งที่เธอต้องการ
“มีอะไร”
“ฉันอยากกลับบ้าน”หญิงสาวเม้มปากมองอีกฝ่ายด้วยแววตาวิงวอน
อัลลัยล์เลี่ยงที่จะหลบสายตาคู่นั้นของเธอ เขาปลดที่โพกหัวออกโยนไปข้างๆก่อนจะซุกไซร้เข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นนั้นอย่างหิวกระหาย
มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นไปจับยอดปทุมเต็มไม้เต็มมือนั่น เธอแอ่นขึ้นรับไอร้อนจากฝ่ามือเขาพร้อมส่งเสียงครางเบาๆ
ท่าทางของเธอปลุกสันดานดิบ ความกระหาย ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวชายร้อนรุ่มไปหมด ยิ่งเห็นว่าเธอไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้เต็มใจเขาก็ยิ่งอยากจะลุกล้ำเธอมากยิ่งขึ้น อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของร่างบางนี้!
พิมพ์นารารู้สึกเสียววาบที่ท้องน้อย เธอรู้ตัวดีว่าสถานการณ์นี้มันเสี่ยงมากขนาดไหน ร่างกายของเธอก็ตอบรับการปลุกเร้าจากเขา มันขึ้นอยู่ที่ว่าเธอจะทนต่อแรงปรารถนานี่ได้นานแค่ไหนกัน
“ฉันอยากกลับบ้าน”เพียงประโยคนี้เท่านั้นชายหนุ่มถึงกับหยุดการกระทำทุกอย่าง เขาลุกขึ้นปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
พิมพ์นาราจัดเสื้อผ้าให้กลับเป็นแบบเดิม ร่างบางลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่หนานั้นให้หันมาสบตาเธอ เธอยื่นนิ้วมืออันเย็นเฉียบเข้าที่ไปหน้าคมสันนั้นเพื่อบังคับไม่ให้เขาหันหน้าหลบเธอไปได้อีก
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉัน”
“เจ้าก็คิดว่ามันเป็นบ้านไปซะสิ”อัลลัยล์หลับตาอิงแอบกับมือบางที่แนบแก้มของเขา
“ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่บ้านของฉัน ไม่ใช่ที่ของฉัน ฉันอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุข ฉันคิดถึงสิ่งเดิมๆที่นั่น คิดถึงแม่ คิดถึงน้า คิดถึงหนังสือร้อยเล่มบนชั้นนั่น”
พึ่บ!
เขาดึงร่างบางเข้ามาแนบอกและกดหัวเธอให้อยู่แบบนั้น หญิงสาวแน่นิ่งไม่ได้ขัดขืนเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอเพียงแต่ร้องไห้เบาๆกับอกหนานี่เท่านั้น
“ฉันไม่ได้ร้องขอให้คุณทำดีกับฉันมากกว่านี้หรอก ฉันแค่อยากกลับไปสู่ที่เดิมๆ ที่ที่มันเป็นของฉัน”เธอกล่าวพร้อมกันเสียงสะอื้น
“ขอร้องนะคะ…ปล่อยฉันไปเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างฉันขอโทษ”
อัลลัยล์กดศีรษะได้รูปนั่นแนบชิดเข้าไปอีก มืออีกข้างกำหมัดแน่นจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกถึงแรงสั่น เขาไม่ได้อยากเห็นเธอร้องให้ไปมากกว่านี้แต่เขาก็ไม่มีสิทธิห้ามอะไรอีก เขาอยากให้เธอกลับมาเป็นหญิงสาวคนเดิมที่ช่วยเขาในวันแรก เธอช่างยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี เป็นมิตร ชีวิตของเธออยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่มีความสุข ชีวิตของเธอตอนนี้อยู่ในกำมือของเขา เขารู้ว่าเขาสามารถทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่เขาก็ทำให้เธอไม่ได้
เขาปล่อยเธอไปไม่ได้!
เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบของอีกฝ่ายเธอถึงกับจุกในอกก่อนจะปล่อยโฮออกมา ตั้งแต่มาอยู่ทีนี่ไม่มีวันไหนที่เธอจะอยู่อย่างมีความสุข แม้จะอยู่ในที่หรูหราสะดวกสบายแต่มันก็ไม่ใช่ที่ของเธอ เธออยากกลับไปที่เดิมๆวันเดิมๆ เขาเป็นคนกุมทุกอย่างของเธอเอาไว้ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาไม่ยอมให้เธอได้ออกไปตายที่อื่น แต่เลือกให้เธอตายในกำมือเขา ตายที่นี่ ตายตามเวลาที่เขาต้องการ
เขามันช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก!
ยิ่งคิดร่างบางก็ยิ่งสะอื้นจนตัวสั่น เธอไม่น่าไปช่วยเขาเลย ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอกับชายร่างหนาตรงหน้า อัลลัยล์! เธอไม่น่าไปช่วยเขาเลย เธอไม่น่ารู้จักตรอกแคบนั่น เธอไม่น่าเดินผ่านเขา เธอไม่น่าหยิบยื่นน้ำใจให้เขา เธอไม่น่าดึงเขาออกมาจากกองเลือดนั่น ทุกสิ่งคือความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ ความผิดพลาดที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้ ฟ้าเบื้องบนก็ช่างร้ายนัก เธอไม่เคยทำให้ใครต้องช้ำน้ำใจเจ็บแค้น
แต่ดูตอบแทน ลิขิตชะตาของเธอสิ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบไปมองดอกกุหลาบแดงในแจกันราคาแพง พวกมันสวยและดูมีราคา แม้จะมีหนามแหลมคมไว้ป้องกันตัวแต่ก็สามารถทำให้แจกันนั่นเป็นได้แค่รอยขูดเล็กๆเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกจองจำในแจกันแก้วนั่น ไร้ซึ่งอิสระ
หากพวกมันเลือกได้ก็คงอยากจะกลับคืนสู่ป่า สู่ที่ที่มันจากมามากกว่าต้องมาอยู่ในที่สวยงามแต่เจ็บปวดแบบนี้!
เขาผละร่างบางออกและเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ มือหนานั่นค่อยๆดันร่างบางนอนราบกับเตียง ดวงตาสีดำของเขาตราตรึงราวกับเสกมนต์ให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อ
พิมพ์นารารู้สึกขนลุกชันไปทั่วร่างเมื่อนิ้วมือหยาบของเขาลูบไล้แขนเธอไปมา แต่เพราะดวงตาที่จ้องมาทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“มาอยู่ที่นี่เจ้าต้องเสียแม่ เสียน้าไป แต่ข้าจะเป็นให้ยิ่งกว่านั้น จะเป็นคนที่โอบอุ้มเจ้ายามทุกข์ร้อน จะเป็นคนที่คอยปลอบใจไม่ให้เจ้ามีน้ำตา หากวันไหนเจ้าคิดถึงจนทนไม่ไหวข้าก็จะพาเจ้ากลับไปเยี่ยม”เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
“เจ้าจะต้องเสียบ้าน แต่ที่นี่ก็จะคือบ้านของเจ้า เจ้าจะเป็นเจ้าของที่นี่ตราบใดที่เจ้ายังต้องการมัน”
“ฮึก ฮึก!”หญิงสาวสะอื้น
เขาเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างเบามือ บางทีหล่อนอาจจะยังไม่เชื่อใจเขาก็ได้ ที่เขาพูดทุกอย่างล้วนเป็นความจริง กลั่นออกมาจากใจ
“หากเจ้าชอบหนังสือ ข้าก็จะยกห้องหนังสือของข้าให้เจ้า มันใหญ่มากนะ เจ้าจะต้องชอบมัน”มือหนาเกลี่ยไรผมบางขึ้นไป
“ขอเพียงเจ้าทำตัวดี อย่างยั่วโมโหข้าให้มากนัก”
“หากเจ้าทำให้ข้าได้ ข้าก็จะทำตัวดีตอบแทนเจ้าเช่นกัน จะไม่ทำร้าย จะตามใจและใส่ใจ จะหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้”
ชายหนุ่มโน้มตัวลงจุมพิตกับริมฝีปากสั่นระริกนั่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มออกมาจากตัวเธอ มันหวานเสียจนเขาไม่อาจหักห้ามใจให้เกี่ยวลิ้นน้อยๆในนั้น
เป็นจูบแรกของชายตรงหน้าที่เธอคิดว่ามันเป็นจูบจริงๆ มันช่างนุ่มนวล อ่อนหวาน ดุจดอกไม้หอมที่ใช้เกสรล่อลวงให้แมลงเล็กๆต้องหลงงงงวยไปกับมัน และสุดท้ายก็จะกักขังให้ตายภายใต้กลีบดอกอย่างช้าๆ
มือหยาบกร้านของเขาฉกฉวยเข้าไปในสาบเสื้อของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาดันสิ่งกีดขวางที่กั้นระหว่างยอดปทุมอวบกับมือหนาของเขาขึ้นไปก่อนจะจับหน้าอกเต่งตึงคู่นี้อย่างเต็มไม้เต็มมือ เขาบีบเค้นเบาๆและเขี่ยยอดปทุมจนรู้สึกว่ามันชูชันสู้กันมือหนาของเขา
หญิงสาวจับมือของชายหนุ่มคล้ายจะห้ามการกระทำอันรุกล้ำนี่ เขาเพียงแต่รวบมือทั้งคู่กลับไปไว้ที่ที่มันควรจะอยู่ก่อนจะจัดการกับสิ่งหอมหวานตรงหน้าต่อ
พิมพ์นารารู้สึกสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นได้ทุกอณูขน เธอไม่รู้ตัวว่าเสื้อแขนสั้นมันหลุดออกไปจากตัวเธอตอนไหน และเหตุใดด้านบนของเธอจึงเปลือยเปล่ารับสัมผัสจากชายหนุ่มเช่นนี้ สมองของเธอมันตื้อตันจนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้เขาชักนำเธอไปสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น
“ฉันเป็นของเล่นของคุณเหรอค่ะ”หญิงสาวถามเสียงสั่น
“เจ้าอยากจะเป็นมากกว่านั้นก็ได้ นารา”
เสียงทุ้มตอบคล้ายคำราม ร่างของหญิงสาวตรงหน้าทำให้สติของเขากระจัดกระเจิง ยิ่งเวลาที่เธอส่งเสียงหวานนั่นครวญครางและบิดกายตามแรงลิ้นที่ดูดเม้มยอดปทุมทั้งคู่นั้นแทบทำให้เขาบ้า ใบหน้าสวยนั่นแดงซ่านเวลาที่เขาจ้องตาเธอ เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชาย และ…
เธอช่างไร้เดียงสา แต่ทว่าเร่าร้อนยิ่งนัก!
พิมพ์นาราเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยังสาละวนกับเรือนร่างของเธออย่างพึงใจ มือของเธอเย็นเฉียบเนื่องจากของที่เธอกำไว้แน่น ตัวของเธอสั่นด้วยความกลัวเนื่องจากการตัดสินใจบางอย่างครั้งนี้ แต่ชายหนุ่มกลับคิดว่าเธอตัวสั่นด้วยแรงปรารถนาที่เขาปรนเปรอให้จึงไม่ได้เอะใจ เขาหลงเรือนร่างงดงามนี้จนไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มซ่อนเงื่อนจากเธอ!
นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายจากเธอ ไม่มีโอกาสไหนเหมาะไปมากกว่านี้แล้ว!
“อัลลัยล์ค่ะ…”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวใต้ร่าง เธอยิ้มแฝงความหมายให้เขา แม้มันจะสวยงามแต่ทว่าความรู้สึกส่วนลึกของเขามันบอกว่าอันตราย!
“ฉันขอบคุณที่คุณทำดีกับฉัน…แต่ฉันขอโทษ!”
เพล้ง!
เสียงแจกันแก้วฟาดเข้าที่ขมับของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างหนาเซถลาไปด้านข้างประจวบเหมาะกับที่เธอยกขาขึ้นถีบหน้าอกนั่นอย่างเต็มเหนี่ยวให้ไปไกลจากตัวเธอที่สุด!
มือบางคว้าเศษแก้วอันใหญ่ขึ้นมาและกระโดดขึ้นคร่อมร่างหนาของชายหนุ่ม!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมากจนเขาแทบไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น !!
“นารา! เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า!”เสียงทุ้มตะโกนถามอย่างห่วงใย
อัลลัยล์ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เธอปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวดกว่าทุกครั้ง เสียงสะอื้นของเธอบาดลึกไปในจิตใจของเขา เขาพยายามไล่เลือดที่ไหลเข้าตาเพื่อปรับภาพตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บางทีอาจจะมีคนลอบทำร้ายและเธอคงได้รับบาดเจ็บ เจ็บถึงได้ร้องไห้ออกมาขนาดนั้น!
“เจ้าอย่าร้อง”
มือหนาตวัดไปด้านข้างเพื่อหมายจะปลอบคนข้างตัว แต่เขากลับพบกับความว่างเปล่า สมองของเขามันยังมึนตึบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงไม่ได้นึกเอะใจกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นบนตัว
เมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกผิดจนแทบปาเศษแก้วอันนี้ทิ้งไปไกลๆ เขาเป็นห่วงเธอ เป็นห่วงเธองั้นเหรอ!
ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาทำให้เธอร้องไห้ไม่หยุด ทั้งหวาดกลัว เศร้าสร้อย รู้สึกผิด ปนกันไปหมด เหมือนหูทั้งสองข้างของเธอมีซาตานสีดำที่เป่าหูว่าคนอย่างเขามันสมควรโดนแบบนี้ เอาเศษแก้วนี่ปักอกหนาให้ตายๆไปซะ ให้สมกับที่ทำกับเธอ!
แต่อีกข้างกลับเป็นคำพูดของชายหนุ่มที่วนเวียนในสมอง
‘มาอยู่ที่นี่เจ้าต้องเสียแม่ เสียน้าไป แต่ข้าจะเป็นให้ยิ่งกว่านั้น จะเป็นคนที่โอบอุ้มเจ้ายามทุกข์ร้อน จะเป็นคนที่คอยปลอบใจไม่ให้เจ้ามีน้ำตา หากวันไหนเจ้าคิดถึงจนทนไม่ไหวข้าก็จะพาเจ้ากลับไปเยี่ยม’
‘เจ้าจะต้องเสียบ้าน แต่ที่นี่ก็จะคือบ้านของเจ้า เจ้าจะเป็นเจ้าของที่นี่ตราบใดที่เจ้ายังต้องการมัน’
เธอจะทำยังไงดี!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2555, 16:41:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2555, 16:41:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 13046
<< บทที่ห้า คำยุยงของผู้อยู่เบื้องหลัง 100% | บทที่เจ็ด การตัดสินใจที่ไม่อาจเลี่ยง 100% >> |

mhengjhy 3 ก.ย. 2555, 19:16:32 น.
เอ่อ...อัล โหดไปป่าวเนี่ยยยยย
เอ่อ...อัล โหดไปป่าวเนี่ยยยยย

แมวสีหมอก 3 ก.ย. 2555, 19:57:20 น.
สงสารนาราจังคะ แต่ชอบเรื่องนี้มากเลย
สงสารนาราจังคะ แต่ชอบเรื่องนี้มากเลย