ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ

หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี

ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้

ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป

หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร

"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว

ตอน: ชะตาต้องรัก ตอนที่ 14.1

พาพี่สกายและน้องปลายมาแบบหืดขึ้นคอ


ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ
ปอรินทร์^^


เสียงร้องครวญครางของหญิงสาวและเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มที่ดังลั่นออกมาจากห้องนอน ไม่ต้องจินตนาการก็พอเดาออกว่าหนุ่มสาวสองคนในวัยเจริญพันธุ์กำลังทำอะไรกันอยู่ ทำให้สาวใช้ที่เดินผ่านถึงกับหน้าแดง แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเดินผ่านไปอีกห้องหนึ่ง เสียงเอะอะโวยวายพร้อมทั้งเสียงโครมครามบ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราด สาวใช้ไม่อยู่รอให้คนในห้องออกมาด่า ว่าแอบฟังเรื่องของเจ้านาย จึงรีบเดินผ่านห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว

ปัง! เสียงแฟ้มรายงานที่เฉียวหัวคนยืนรายงานไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรกระทบผนังห้อง ไม่ได้ทำให้ความโมโหนั้นลดลงเลยแม้แต่น้อย

“โง่! ไม่ได้เรื่อง! แค่ให้ตามผู้หญิงแค่คนเดียว ยังปล่อยให้คาดสายตาจนตามหาไม่เจอ พวกแกนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”

“พวกผมพยามตามแล้วครับ แต่พอรถคันนั้นออกจากรุงเทพฯ ได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีรถมาปาดหน้า พวกผมก็เลย...”

“ฉันไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวโง่ๆ ของพวกแก ไปสืบมาให้ได้ว่านังปลายข้าวมันอยู่ที่ไหน ถ้าหาไม่เจอไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้า ไป๊! ออกไปให้พ้นหน้าฉัน” นันทวรรณไล่อย่างไม่ไยดี พอทั้งห้องเหลือเธอเพียงคนเดียว เธอจึงเดินไปหยุดอยู่หน้ารูปภาพครอบครัวรูปใหญ่ใส่กรอบไว้อย่างสวยหรู ในรูปมีสี่คนพ่อ แม่ และลูกสาวทั้งสอง ภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่นที่ไม่มีเธอและลูกชายเป็นส่วนร่วมเลยแม้แต่น้อย แววตาอาฆาตมาดร้ายส่งตรงไปยังบุคคลที่อายุน้อยที่สุดในรูปภาพ

“อย่าคิดว่าแกจะหนีฉันพ้นนะ นังปลายข้าว!”




เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ธัญพัชรมาอยู่ที่ไร่จินดานุวัฒน์ แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของเธอ เริ่มจากทุกเช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับทุกคนในบ้านแล้ว กายนภัสนิ์ก็พาเธอขี่เจ้าท้องฟ้ามาให้นมเจ้าไอด้า จากนั้นก็พาเธอไปดูผลผลิตในไร่ พอใกล้เที่ยงก็พาเธอไปทานอาหารกลางวันที่กระท่อม วันแรกๆ แม่ครัวก็ทำมาให้ทาน แต่หลังจากที่กายนภัสนิ์ได้ทานกับข้าวฝีมือเธอในเย็นวันหนึ่ง ที่เธอไปเป็นลูกมือช่วยแม่ครัว กายนภัสนิ์ก็สั่งให้คนนำของสดของแห้งทั้งหลายมาไว้ที่กระท่อม พร้อมทั้งอ้อนเธอสารพัดให้ช่วยทำอาหารกลางวันให้ ซึ่งเธอก็เต็มใจทำเพราะเกรงใจแม่ครัวที่ต้องทำกับข้าวให้คนงานแล้วยังจะต้องเอามาส่งที่กระท่อมอีก

“วันนี้น้องปลายทำอะไรให้พี่กินคะเนี่ย” กายนภัสนิ์เดินเข้ามาในครัวทันที หลังจากเขาพาเจ้าท้องฟ้าไว้ที่คอกหลังกระท่อม

“ทำต้มยำรวมมิตร กับผัดผักสี่สหาย แล้วก็ไข่เจียวค่ะ” ธัญพัชรตอบ ส่วนมือก็ทำอาหารไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว

“ท่าทางจะน่าอร่อยนะคะเนี่ย กลิ่นงี้หอมฉุยเลย” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งสูดเอากลิ่นแก้มนวลเข้าเต็มปอด

“พี่สกาย! อย่ามาทำอะไรรุ่มร่ามสิคะ ปลายจะทำกับข้าว” หญิงสาวต่อว่าเสียงเขียว แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะไอร้อนจากกะทะหรือการกระทำของชายหนุ่มเมื่อครู่กันแน่

“พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่ามนี่คะ แค่ดมกลิ่นอาหารแค่นั้นเอง” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“ออกไปจากครัวเดี๋ยวนี้เลยนะคะพี่สกาย ไม่งั้นไม่ต้องกินข้าวกลางวัน ปลายจะเอาไปให้เจ้าท้องฟ้ากินให้หมด ชอบกวนปลายอยู่เรื่อยเลย” เมื่อเจอสายตาพิฆาตใจของหญิงสาว ชายหนุ่มจำต้องออกไปจากห้องครัว แต่ก็ไม่วายยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนวลอีกรอบ

“พี่ว่าแก้มน้องปลายหอมกว่ากับข้าเสียอีก” พูดจบชายหนุ่มก็รีบเผ่นออกจากห้องครัวทันที ทิ้งให้หญิงสาวหน้าแดงอยู่ในห้องครัวแต่เพียงผู้เดียว

“พะ...พี่สกายบ้า”

อาหารมื้อเที่ยงในวันนี้ จากไข่เจียวจึงกลายมาเป็นไข่เจียวนิโกรแทน เพราะกายนภัสนิ์เป็นสาเหตุ แต่เจ้าตัวก็ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ แถมยังตักไข่เจียวไหม้ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยอีกต่างหาก พอทานอาหารกลางวันกันเสร็จ ทั้งคู่ก็ย้ายมานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่นแทน โซฟาตัวยาวถูกจับจองด้วยหนุ่มสาวที่นั่งกุมมือกันตลอดระยะเวลาที่หนังฉาย

“อุ้ย! พี่สกาย ถ้าอยากนอนก็ไปนอนในห้องสิคะ” ธัญพัชรอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยูดีๆ ชายหนุ่มก็เอนตัวลงมานอนหนุนตักเธอ

“พี่แค่อยากพักสายตาเท่านั้นเองค่ะ นอนในห้องนอคนเดียวเหงาจะตาย สู้นอนตักน้องปลายก็ไม่ได้ แล้วที่สำคัญพี่จะได้อ้อนน้องปลายด้วยไงคะ” กายนภัสนิ์ไม่พูดเปล่า ยกมือของหญิงสาวที่กุมอยู่ขึ้นมาบรรจงจูบ แล้วเอามาวางที่อกด้านซ้าย...ตำแหน่งของหัวใจ

จังหวะการเต้นของหัวใจที่มือเรียวสัมผัสได้นั้น มันช่างต่างกับเสียงเต้นหัวใจของเธอในตอนนี้โดยสิ้นเชิง แต่หัวใจของเขากับเต้นเป็นจังหวะอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ แต่หัวใจของเธอเนี่ยสิ มันเต้นรัวกระหน่ำราวกับกลองศึก

หญิงสาวมองร่างที่หลับตาพริ้มบนตักด้วยแววตาหวั่นไหวปนสับสน เธอรู้ว่ากระทำหลายๆ อย่างของเขาคือการแสดงความรัก ไม่ใช่การฉวยโอกาสแบบผู้ชายบางคน เพราะเธอเคยเห็นบิดามารดาของเขาแสดงความรักกันแบบนี้บ่อยๆ จนบางทีเธอยังรู้สึกเขินอายแทน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ากายนภัสนิ์รักเธอมากแค่ไหน และเธอก็ไม่เคยรังเกียจสัมผัสของเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้เธอยังกลัว กลัวการเปลี่ยนแปลง จากความทรงจำในอดีตทำให้เธอกลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนพ่อ ที่มักจะพร่ำพูดเสมอว่ารักและเทิดทูนแม่พิมพ์ของเธอ ทำทุกอย่างที่บ่งบอกว่ารักแม่พิมพ์ แต่สุดท้าย...พอแม่พิมพ์ตายได้ไม่กี่วันพ่อกลับพาแม่ใหม่เข้าในบ้าน เธอไม่อยากจะมีสภาพแบบนั้น เธอคงทนไม่ได้

มือที่ไม่ได้ถูกชายหนุ่งเกาะกุมยกขึ้นลูบไล้เส้นผมของบนตักอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม พยายามเก็บเกี่ยวความสุขและช่วงเวลาดีๆ ที่มีเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ตามที่กายนภัสนิ์เคยบอกเธอเอาไว้ เธอต้องเข้มแข็ง ต้องมีความสุขกับปัจจุบัน เผื่อว่าในอนาตค หากเธอต้องทุกข์ใจหรือเสียใจ เธอจะได้มีภาพของเขาในตอนนี้ เวลานี้ มาหล่อเลี้ยงหัวใจดวงนี้

“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปทำบุญที่วัด น้องปลายไปด้วยกันนะคะ” คนบนตักพูดทั้งที่ยังหลับตาพริ้มอยู่ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ในทันที

“อะ...เอ่อ...ไปสิคะ...ไป...” หญิงสาวชะงักมือที่กำลังลูบผม ตอบอย่างตะกุกตะกัก

“พรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ นะคะ พอทำบุณเสร็จ พี่จะพาไปหาคนสำคัญของพี่” พูดจบชายหนุ่มก็เงียบไป เสียงหายใจเขาออกสม่ำเสมอ อีกทั้งมือที่กำมือเธอแน่นเริ่มคลายออกเล็กน้อย ทำให้เธอรู้ว่าชายหนุ่มหลับไปแล้ว ปล่อยให้เธอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย โดยสิ่งที่คิดก็หนีไม่พ้นสิ่งที่ชายหนุ่มบอกเมื่อครู่

...คนสำคัญของพี่สกายคือใครกันนะ...



หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณยุพเรศก็รีบชิงตัวธัญพัชรมาจากพ่อลูกชายตัวดี ที่เกาะติดหญิงสาวยิ่งกว่าตุ๊กแก ถ้าหากเธอไม่ประกาศิตเอาไว้ว่าห้ามย่องเข้าห้องนอนของหญิงสาวอีก ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน พ่อลูกชายตัวดีคงได้ตามเข้าไปกล่อมหญิงสาวถึงในห้องนอนทุกคืนแล้ว

“สกายคงบอกเรื่องที่พ่อกับแม่จะไปทำบุญวันพรุ่งนี้กับหนูปลายแล้วใช่ไหมจ๊ะ” คุณยุพเรศพาหญิงสาวเข้าไปในห้องแต่งตัวของเธอ ที่แยกต่างหากมาจากห้องนอน

“บอกแล้วค่ะ คุณผะ...คุณแม่” ธัญพัชรรีบเปลี่ยนคำเรียกคุณยุพเรศทันที เมื่อสบสายตาที่ไม่พอใจของคุณยุพเรศเข้า

“แม่บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกแม่ น่าตีจริงๆ เชียว หนูปลายนี่ เอาล่ะ! แม่ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แม่ว่าหนูมาเลือกชุดที่จะไปทำบุญวันพรุ่งนี้ดีกว่า” คุณยุพเรศบอกขณะเปิดตู้เสื้อผ้าบานใหญ่

“ยะ...อย่าลำบากเลยค่ะคุณแม่ ปลายมีชุดใส่ไปวัดแล้วค่ะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรจ๊ะหนูปลาย แม่ไม่ได้ลำบากอะไร แม่ชอบ...” คุณยุพเรศบอก พลางหยิบชุดออกมาจากตู้หลายชุด

“เอ่อ...คือว่าปลาย” หญิงสาวพยายามปฏิเสธ แต่ก็ถูกขัดเสียก่อน

“เอาน่า! หนูปลาย คิดซะว่าเป็นนางแบบลองเสื้อให้แม่หน่อยก็แล้วกัน เอาชุดนี้ไปลองให้แม่ดูหน่อยสิ ว่าดูดีหรือเปล่า” คุณยุพเรศบอกก่อนจะหยิบชุดแรกยื่นให้หญิงสาวเอาไปเปลี่ยน



จากใจปอรินทร์ :ตอนนี้ลงแค่ 50%ก่อนนะคะ แล้วจะพยายามเค้นเอาอีก 50% ที่เหลือมาลงก่อนหกโมงเย็นนะคะ

ปล.ตอนนี้จะมีคนมากด like ถึง 10 คนไหมนะ >"<





ปอรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2555, 01:50:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2555, 01:51:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1654





<< ชะตาต้องรัก ตอนที่ 13   ชะตาต้องรัก ตอนที่ 14.2 >>
ทองหลาง 2 ก.ย. 2555, 11:45:17 น.
แวะมาให้กำลังใจจ้ะ


anOO 2 ก.ย. 2555, 14:51:21 น.
สู้ๆ คะ สี่โมงจะเข้ามาดูอีกรอบ
ใครกันนะ คนสำคัญของพี่สกาย


หมวยจ้า 2 ก.ย. 2555, 15:46:45 น.
like ให้ แม้จะสั้น


Pat 2 ก.ย. 2555, 18:52:45 น.
18.52น.แล้วค่า รออีก 50%


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account