พรางนิมิต
ความลับของเธออยู่ภายใต้ถุงมือที่ไม่เคยถอดออก แต่ทว่าในเช้าวันหนึ่งที่เผลอดึงมันออกมา เธอจึงรู้ว่าหลังจากวินาทีนี้ต่อไปเธอจะไม่ได้ชีวิตปกติกลับคืนมาอีก เมื่อมีปีศาจหนุ่มรูปงามยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า...

Tags: พรางนิมิต ปีศาจ

ตอน: 1. ชาปีศาจ


“คุณเป็นใคร!” หญิงสาวที่ล้มผงะไปด้านหลังตะโกนลั่น เนื้อตัวสั่นเทิ้ม แต่ทว่ามือก็ยังกำใบไม้คริสตัลแน่นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองสิ่งชีวิตตรงหน้าด้วยความกลัว เมื่อสิ่งที่ตระหง่านอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน!

“เจ้าเห็นข้า” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำทว่าแหบพร่า ริมฝีปากบางเฉียบของเขาเป็นสีแดงระเรื่อกำลังแสยะยิ้มออกมา สีเดียวกับดวงตา... เส้นผมยาวดำขลับสยายพลิ้วไหวไปพร้อมกับปีกสีดำดูราวกับปีกของซาตาน ท่อนบนเปลือยเปล่าทว่าแข็งแกร่งไปด้วยมัดกล้าม ร่างทั้งร่างมีเพียงผ้าสีหม่นพันเอวยาวคลุมเข่าลงมาเท่านั้น

“ผีแน่ๆ เลย!” คราวนี้มายากรี๊ดลั่น รีบยันตัวเองขึ้นยืนพร้อมกับออกวิ่ง แต่ทว่าขากลับไม่ยอมทำงาน มันตกใจจนร่างกายไม่ตอบสนอง

“ไอ้ขาบ้า! ขยับสิโว้ย!!” หญิงสาวกลัวจนน้ำตาเล็ด แต่ทว่าสิ่งที่เธอเข้าใจว่าผี กลับค่อยๆ ก้าวเข้าหาช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ พร้อมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ผี?” ดวงตาสีแดงคมกริบจ้องมองไปยังใบหน้าเหยเกของอีกฝ่าย ราวกับว่าเขาไม่เคยส่องกระจกดูสารรูปตัวเองมาก่อน

มันผีชัดๆ!

“ฮือๆ นโมตัสสะ ภควะโต อรหะโต สัมมาสัมพุธธัสสะ ไปที่ชอบๆ เถอะพ่อคุณ ฉันขอโทษที่ทำมารบกวน ปล่อยฉันไปเถอะ” มายาพร่ำสวดมนต์ที่พอจะนึกออก ขณะหลับตาปี๋ไม่กล้าจะมองภาพข้างหน้า

“เจ้าพูดสิ่งใด” ยัง...สิ่งมีชีวิตที่ถูกยัดเยียดว่าเป็นผี ยังไม่เข้าใจสักทีว่าเธอน่ะกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว ดันโดนผีหลอกได้กลางวันแสกๆ!

“สวดมนต์ไล่ผีอยู่!” หญิงสาวตวาดแว้ด ไอ้ผีบ้าอะไรสวดมนต์แล้วไม่ยักจะกลัว

“แล้วไล่ได้รึเปล่า” ผีหนุ่มเชิดหน้าน้อยๆ ด้วยท่าทางหยิ่งยะโส สาบานได้ว่าไอ้ผีนี่ไม่ได้พูดกวนเธออยู่ มายาเริ่มจะเดือดหน่อยๆ จึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมามอง เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“คุณไม่ได้เป็นผีแน่ๆ บอกฉันมาคุณมาจากรายการอะไร ไอ้รายการประเภทชอบแกล้งคนแล้วซ่อนกล้องน่ะ จะบอกให้ว่าฉันโคตรเกลียด ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ฉันฟ้องก็รีบบอกมา ไม่งั้นจบไม่สวยแน่” หญิงสาวยกแขนขึ้นมาเท้าสะเอว จ้องมองชายลึกลับตรงหน้าด้วยความโกรธ หมดแล้ว...อาการกลัวหัวหด ตอนนี้มันเหลืออยู่แค่ความโมโหเท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจ” ทว่าอีกฝ่ายก็ยังแสดงได้แนบเนียน จนเธอเกือบจะเชื่อจริงๆ แล้วว่าไม่ใช่การแสดง ถ้าไม่ติดตรงที่จู่ๆ เขาก็โผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อย่ามาแกล้งทำเป็นตีหน้าตายหน่อยเลย ขอบอกว่ามุกนี้ฉันไม่ขำนะ” มายาพูดพลางตวัดสายตาไปมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ถ้าตัดเรื่องปีก เรื่องผมยาวรุงรัง หรือเรื่องใส่คอนแทคเลนส์สีแดงออกไป ก็นับว่าเขาหล่อใช้ได้เลยทีเดียว หุ่นก็ดี ผิวก็สวย แถมหน้าก็หล่อได้รูป ไม่น่าจะมารับงานสิ้นคิดอย่างนี้เลย

“เหตุใดเจ้าต้องขำ?” คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ยิ่งทำให้ใบหน้าเข้มๆ งดงามน่ามองแลดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเท่าตัว

“เฮ้อ...ยังจะแถอีก” หญิงสาวกรอกตาไปมาด้วยความอิดหนาระอาใจ “ถามหน่อย...ไอ้ปีกข้างหลังที่ติดอยู่น่ะ หาซื้อที่ไหน ฉันว่ามันเก๋ดีอยากใส่ไปงานแฟนซีของเพื่อน”

“ปีกนี่นะเหรอ” สิ้นเสียงทุ้มของเขา ปีกที่หุบอยู่ก็กางสยายออกมาราวกับถูกสั่ง
“เฮ้ย...เท่ห์อ่ะ ขยับได้ด้วย แล้วตอนถอดยากรึเปล่า ดูมันใหญ่เทอะทะจัง” มายาโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น รู้สึกรายการนี้ลงทุนสูงดีจริงๆ

“ข้าไม่เคยถอด แต่หากไม่จำเป็นต้องใช้ปีก ก็สามารถทำให้มันหายไปได้” พูดแล้วปีกที่สยายอยู่ก็หุบลง แล้วค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา

ซวยแล้ว...หญิงสาวคิดในใจ รู้สึกว่ามันจะไม่ใช่รายการทุนหนาเหมือนอย่างที่คิดไว้ซะแล้ว แต่ทว่ามันเป็นของจริง...จริงแท้แน่นอน!

“ฉันว่าฉันไปก่อนดีกว่านะ” สาวผมสั้นพูดเสียงแปร่ง อันที่จริง...ความกลัวหัวหดมันเริ่มกลับคืนสู่จิตสำนึกอีกครั้ง

“ข้าไปด้วย” แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าผี กลับขอติดตามเธอไปเสียอย่างนั้น

“ไปได้ยังไง! เราอยู่คนละโลกกัน ต่างคนต่างอยู่เถอะ”

“แต่เจ้าเห็นข้า” ชายลึกลับยืนยันคำเดิม

“มันเป็นความซวยของฉันเอง ขอร้อง...ไปหาคนอื่นเถอะ ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ” มายาตอบกลับทันควัน ใครอยากจะให้ผีตามเป็นเงาอยู่ตลอดล่ะ

“ไม่เคยมีใครเห็นข้า” ได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็ได้สติเพราะระดับเสียงที่เธอใช้คุยกับผีตนนี้นั้นมันก็ดังใช้ได้อยู่ทีเดียว หญิงสาวกลั้นใจค่อยๆ หันหน้าไปมองเบื้องหลังก็พบกับชายสองสามคนที่ยืนเมียงมองอยู่สีหน้าอดสูพิกล

โดนมองว่าเป็นคนบ้าอีกแล้ว...

“เข้ามาทำอะไรน่ะหนู” หนึ่งในนั้นตะโกนถามด้วยความสงสัยที่เห็นหญิงสาวอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้ายี่สิบหก ยืนพูดอยู่คนเดียวมานานสองนาน จนต้องเรียกเพื่อนมาดูเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

มายาส่ายหน้าไปมาด้วยความหน่ายใจ ก่อนจะตวัดสายตามองผีผู้ชายผมยาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยอารมณ์สับสน บางทีเขาอาจจะไม่ใช่ผี เพราะผีไม่สามารถดำรงตนอยู่ในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ได้ ถ้างั้น...เขาเป็นอะไรล่ะ?

“มายาแค่...เอ่อ...แค่....ข่างมันเถอะค่ะ ขอโทษด้วย” มายาหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเดินกลับมาหาชายที่ถามเธอเมื่อสักครู่ด้วยสีหน้าปั้นยาก

“เอ้อ...เป็นอะไร อ้ำๆ อึ้งๆ มีอะไรก็บอกมาสิ” ชายคนดังกล่าวถามย้ำอีกครั้งด้วยความอยากรู้

“ลุงไม่เห็นจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวนิ่วหน้า ก็ผีตัวโตกำลังยืนด้อมๆ มองๆ ลุงอยู่ข้างๆ นี่เอง

“เห็นอะไร?” คราวนี้ชายวัยเกือบหกสิ บเริ่มร้อนๆ หนาวๆ เพราะดูท่าทางแล้วสาวน้อยผู้นี้คงบังเอิญเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น

มายามองชายสูงวัยตรงหน้าแล้วก็ต้องเก็บงำคำพูดไว้ เพราะหากจะบอกความจริงออกไปก็คงไม่เกิดผลดีกับใครทั้งนั้น

“เปล่าค่ะ พอดีมายาตาฝาด ช่วงนี้ทำงานเครียดไปหน่อยเลยเป็นอย่างนี้ประจำ” หญิงสาวยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเหลือบไปมองผีหนุ่มที่ยืนกอดอกจ้องมองเธออยู่

“อ่ะๆ ไม่เห็นอะไรก็แล้วไป คราวหน้าก็อย่าแอบเข้ามาในเขตก่อสร้างอย่างนี้อีกล่ะ มันอันตรายรู้รึเปล่า ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาโครงการเขาไม่รับผิดชอบหรอกนะ”

“ค่ะ มายาต้องขอโทษด้วยจริงๆ” สาวตัวเล็กก้มหัวลงเพื่อขออภัย ก่อนจะเดินออกไปเพียงลำพังตามสายตาของคุณลุงหัวหน้าช่างและลูกน้อง แต่ทว่าตามสายตาของเธอนั้นมันกลับมีอีกหนึ่งสิ่งที่กำลังเดินตามเธอมาไม่ห่าง



“คุณตามฉันกลับบ้านไม่ได้” มายาพูดขึ้น เมื่อมั่นใจแล้วว่าระหว่างทางกลับบ้านนั้นไม่มีเงาของผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา

“แต่เจ้าเห็นข้า” เขาตอบพลาง ‘ลอย’ มาอยู่ตรงหน้าเธอ ถูกแล้ว...ต้องบอกว่าลอย เพราะปีกใหญ่ของเขามันสยายออกโบกโบยไปมาราวกับปีกนก

“ไม่เคยมีใครเห็นข้ามาก่อน”

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะเห็น” หญิงสาวพูดพลางนึกขึ้นได้ จึงชูใบไม้คริสตัลที่อยู่ในมือ “อันนี้ของคุณสินะที่ทำให้ฉันเห็นคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันจะคืนให้คุณแล้วเราก็คงจะไม่ต้องได้พบกัน”

“ข้าไม่รู้จะต้องทำสิ่งไหน ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวข้าเอง ข้า...” จู่ๆ เขาก็หยุดไป ดวงตาสีแดงสดหม่นลงทันตาเห็น ใบหน้าคมคายที่เคยดูหยิ่งยโสมันฉายแววของความไม่มั่นใจออกมาจนเธอรู้สึกได้

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณเป็นผีความจำเสื่อมงั้นเหรอ” มายาเลิกคิ้วสูง

“ข้าตอบเจ้าไม่ได้ ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวข้าเป็นผีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ หรือไม่” ฟังดูจากน้ำเสียงของเขาคงกังวลเรื่องนี้มานานพอดู

“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง” ในที่สุดเธอก็เอ่ยคำนี้ออกมา

“เจ้าช่วยเรียกความทรงจำของข้าคืนมาได้หรือไม่”

“ฉันเนี่ยนะ” มายาร้องเสียงหลง “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่...เอ่อ..ไม่ค่อยกลัวคุณเท่าไหร่แล้ว แต่จู่ๆ จะขอให้ฉันมาช่วยฟื้นความทรงจำ ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร เป็นอะไร เป็นผี หรือว่าเป็นปีศา...” ยังไม่ทันจะพูดให้จบ มายาก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งสุดท้ายที่เธอพูดมันอาจจะใช่สำหรับคำถามที่เธอกำลังตามหา

ทั้งปีก ทั้งผม ทั้งดวงตา ทั้งรูปร่าง และที่สำคัญคือ เสน่ห์อันเหลือร้ายนั่น มันคือปีศาจที่เธอเคยเห็นผ่านมาไม่ว่าจะในหนังสือหรือในโทรทัศน์ชัดๆ

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีสิ่งที่ปกปิดผู้อื่นอยู่” เขาพูดพลางแสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะใช้ดวงตาสีแดงคมกริบตวัดไปมองมือน้อยที่ถือใบไม้คริสตัลอยู่อย่างรู้ทัน

“คุณคือปีศาจ คุณไม่ใช่ผี!” ในที่สุดมายาก็มั่นใจกับคำตอบของตัวเอง รู้สึกเสียววูบในช่องท้องขึ้นมาดื้อๆ

“ข้าไม่รู้ว่าปีศาจที่เจ้าพูดถึงคือสิ่งใด แต่เจ้ามีพลังพิเศษที่น่าจะช่วยข้าได้”

“ฉะ ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยคุณยังไง สาบานได้ว่าฉันไม่เคยคิดซักนิดว่าบนโลกนี้จะมีปีศาจอยู่จริงๆ” มายาปฏิเสธลั่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังขึ้นเสียงกับปีศาจตัวเป็นๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ระหว่างซอยกลับบ้านที่เธอเคยเดินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

“จงใช้มัน” น้ำเสียงของเราคล้ายคำราม แต่ทว่าก็ไม่ได้ฟังดูข่มขวัญ มันออกจะกังวานน่าฟังเสียมากกว่า

“ฉันทำไม่ได้ มะ มันไม่เห็น” มายาส่ายหัวไปมา นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดครั้งนี้พลังพิเศษของเธอมันถึงไม่ทำงาน ทั้งๆ ที่มันเคยใช้ได้ดีทุกครั้ง

“แต่จะว่าก็ว่าเถอะ แล้วก่อนมาเจอฉันคุณอยู่มาได้ยังไงตั้งนาน” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าปีศาจตัวใหญ่อย่างงุนงง

“มันคล้ายกับข้าเพิ่งฟื้นจากความฝัน” ปีศาจหนุ่มละสายตาไปมองยังเวิ้งฟ้าเบื้องบนอย่างไม่เข้าใจ เขาน่ะหรือฝัน?...เท่าที่เขาจำได้เหมือนกับเขาเพิ่งตื่นจากการจองจำอันยาวนานต่างหาก เหมือนร่างเขาถูกจองจำไว้ที่ไหนสักแห่ง แล้วจู่ๆ มันมืดดำไร้ซึ่งแสงสว่าง แล้วจู่ๆ ก็ถูกกระตุกขึ้นมาพบกับแสงสว่างที่มีหญิงสาวผู้นี้นั่งตกตะลึงอยู่เบื้องหน้า

มายาขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าที่เขาว่ามาสักนิด และถ้าคุณไม่รู้อะไร...อันที่จริงมายาไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป และที่เธอชื่อมายาก็ไม่ได้มาจากความเห่อตั้งชื่อลูกของผู้เป็นพ่อแม่สักเท่าไหร่ มันมาจากความสามารถพิเศษที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดล้วนๆ มายาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่ทำให้ใครหลายคนต้องหวาดผวา เพราะเมื่อเธอได้สัมผัสกับสิ่งใดๆ เธอก็จะเห็นภาพที่เคยเกิดขึ้นกับมันทั้งหมด ความสามารถนี้ไม่ได้หยุดอยู่กับแค่สิ่งของ แต่มันรวมถึงทุกๆ สิ่งที่อยู่บนโลกนี้ที่เธอสามารถสัมผัสได้อีกด้วย และนั่นก็คือสาเหตุที่มายาต้องใส่ถุงมือเอาไว้ตลอด เพราะเธอยังไม่อยากรับรู้เหตุการณ์ที่นอกเหนือจากที่ตาเห็นอยู่ทุกวันนั่นเอง

แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับแตกต่าง ไม่มีภาพนิมิตใดๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวเลย ทั้งๆ ที่เธอก็จับมันเอาไว้ในมือ เกือบลืมมันไปด้วยซ้ำว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองหากปีศาจตนนี้ไม่พูดถึงพลังพิเศษของเธอขึ้นมา

“มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่” ว่าแล้วมายาก็เอื้อมมือไปจับเสาไฟที่อยู่ใกล้ๆ ทันใดนั้นภาพก็บังเกิดขึ้นมาในหัว มันเป็นภาพของสุนัขยืนฉี่ใส่เสาไฟ ลุงเจ้าของร้านขายของมายืนพิงอ้วกไว้ข้างๆ หรือแม้กระทั่งแม่ของเธอเองที่ออกมาวิ่งตอนเช้าแล้วเผลอเอาหลังพิงเสาไฟไว้เพื่อหลบรถที่สวนมาด้วยความเร็ว

“ก็ยังใช้ได้นี่” หญิงสาวถอนมือออกมาพลางสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อตั้งสติ ภาพเหล่านี้มันจะปรากฏขึ้นมาผสมปนเปกันไปหมด หากว่าไม่ตั้งสติดีๆ ก็อาจจะทำให้มึนหัวบ้างเล็กน้อย

“หรือว่าพลังของเจ้าจะใช้ไม่ได้กับสิ่งนี้” น้ำเสียงของเขาดูเครียดขึงขึ้น

“ไม่รู้สิ ฉันลองแล้วมันก็ยังเหมือนเดิม แต่กับไอ้ใบไม้นี่...” พูดพลางก้มลงไปมองใบไม้แก้วในมือด้วยความแปลกใจ “มันอาจจะผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย เดี๋ยวก็คงกลับมาดีเอง”

“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็ควรจะพาข้ากลับไปยังที่พักได้แล้ว” น้ำเสียงกังวานของเขาฟังดูคล้ายกับสั่งกลายๆ

“นี่ๆ น้อยๆ หน่อย คุณเป็นคนมาขอความช่วยเหลือนะ อย่ามาเบ่ง” หญิงสาวเชิดหน้ามองปีศาจที่ตัวสูงกว่าอย่างขัดใจ

หากแต่อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับแหงนหน้าไปมองฟ้ากว้าง ก่อนจะหลับตาพริ้มปล่อยให้ผมยาวของตนปลิวไปตามแรงลมที่พัดผ่านมา มองเผินๆ คล้ายกับรูปวาดอันงดงามที่เธอเคยเห็นมานักต่อนัก

“สรุปว่าฉันคนต้องเป็นฝ่ายทนใช่มั้ย” มายาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วคุณสัญญาได้มั้ยล่ะว่าจะไม่ทำให้ฉันต้องลำบากใจ จะไม่สร้างความรำคาญให้ฉัน และจะต้องให้ความเป็นส่วนตัวกับฉันด้วย เพราะฉันก็ต้องทำงานไม่ได้เกิดมารวยเหมือนนางเอกนิยาย”

ได้ยินดังนั้นปีศาจหนุ่มก็ตวัดดวงตาสีทับทิมวาววับมามองคนตัวเล็กตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่แสนจะน่ามองเถอะให้ตาย

“ข้าสัญญา” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นดังกังวาน

“เอาเป็นว่าฉันจะพยายามช่วยคุณก็แล้วกัน ว่าแต่...คุณชื่ออะไร พอจะจำชื่อตัวเองได้รึเปล่า” สิ้นคำถามของเธอ เขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ

“ถ้างั้นอย่างแรกก็คงต้องมีชื่อล่ะนะ” มายายิ้มมุมปากน้อยๆ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกำลังจะได้ตั้งชื่อให้อะไรสักอย่างที่เธอเลี้ยงอยู่

“ชื่ออะไรดีล่ะ” เธอเปรยขึ้นมา ก่อนจะใช้สายตาสำรวจปีศาจหนุ่มที่กำลังลอยอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วจู่ๆ เธอก็เกิดไอเดียใหม่ขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นอะไรบางอย่าง

“กลิ่นตัวของคุณหอม...หอมเหมือนดินที่ชุ่มน้ำ แต่บางทีก็หอมเหมือนใบชา งั้นฉันจะเรียกคุณว่า ‘ชา’ ก็แล้วกันนะ”

“ชา...” เขาเปรยขึ้นมาเบาๆ ดวงตาคมกริบตวัดไปมองบนฟากฟ้าอีกครั้ง ก่อนริมฝีปากบางสีเรื่อจะแย้มออกมาเป็นรอยยิ้มที่พึงใจ

มายามองภาพเบื้องหน้าด้วยอาการกึ่งเชื่อกึ่งสับสน แม้จะรู้ว่าปีศาจรูปงามที่ลอยอยู่ตรงหน้าเธอมีอยู่จริง ทว่าจิตใต้สำนึกมันก็ยังแย้งขึ้นมาว่านี่อาจจะเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่เธอจินตนาการไปเองเพราะพลังพิเศษที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างไร เธอก็เผลอตั้งชื่อให้เขา...ปีศาจผู้สูญสิ้นความทรงจำ ปีศาจหนุ่มรูปงามที่ต่อแต่นี้ไปเธอจะขานเรียกเขาว่า

ชา...



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ

เรื่องนี้ต้องบอกก่อนนะคะว่านางเอกนิสัยเด็ก เหมือนคนเขียน 5555
ซักพักจะเริ่มเกรียนแล้วค่ะ อิอิ

ขอบคุณ
คุณgingfara : เย้ๆ มีคนรอด้วย ขอบคุณค่ะ กลับมาแล้ววว ขอกอดหน่อย ม๊วฟฟฟ อิอิ

คุณpat : อัพทุกวันแน่นอนค่ะ แต่ยาวรึเปล่านั้น ก็ต้องดูกันอีกที อิอิ

คุณพี่แหม่ม : อารายยยย แวะเข้ามาส่งยิ้มหราาาาาพี่ เดี๋ยวเจอกันปีหน้านะ 55

คุณgoldensun : ยินดีค่ะ เดี๋ยวทำขนมไว้รอ

คุณsai : ต้องตามต่อค่ะ อิอิ

คุณZephyr : โหยยย ขอบคุณค่ะ แต่ในเว็บนี้จะเป็นฉบับแก้ไขค่ะ ช่วงแรกแก้เยอะเหมือนกัน แหะๆๆ

คุณพี่อสิตา : เดี๋ยวเค้าจะแซงแล้วนะ อิอิ

คุณBarby : ยินดีค่ะ ^^


( ดารานิล )
www.facebook.com/daranilday

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2555, 11:55:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2555, 22:18:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1789





<< บทนำ   2. เพื่อนใหม่ฉันเป็นปีศาจ >>
lookAme 2 ก.ย. 2555, 13:37:59 น.
ว้าวๆ ตั้งชื่อปิศาจว่า ชา แปลกๆดี จะตามต่อไปค่ะ


Gingfara 2 ก.ย. 2555, 13:56:40 น.
ค้างงงงงงงงงงงงงงงง อยากอ่านต่อแล้วค่าาาา ชา...หุหุ เริ่มอยากกินชาขึ้นมาตงิดๆ


Pat 2 ก.ย. 2555, 20:26:58 น.
ดูท่าแล้ว ไรเตอร์จะชอบชื่อ " ชา" ชื่อคุ้นๆแฮะ


goldensun 2 ก.ย. 2555, 20:27:24 น.
ปีศาจความจำเสื่อม!!??
เจออะไรเข้าแล้วนี่ แถมตามกลับบ้านด้วย ตั้งชื่อให้เท่ากับเป็นเจ้าของเค้าแล้ว


Barby 3 ก.ย. 2555, 12:51:21 น.
ชื่อชา น่ารักดีนะ


Zephyr 4 ก.ย. 2555, 22:47:04 น.
อ่านกี่ทีๆก็คิดถึง น้ำชาตลอดๆ สำหรับชื่อตอนนี้นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account