ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่เจ็ด การตัดสินใจที่ไม่อาจเลี่ยง 100%
บทที่เจ็ด
“เจ้า!”เสียงทุ้มขาดห้วง
เมื่อสายตาปรับให้ชินกับความชื้นสีแดงที่ไหลรินผ่านดวงตาได้แล้ว ภาพที่เห็นก็ทำให้เขาเบิกตาโพล่ง!
ร่างบางนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขา เธอตัวสั่นร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาของเธอแดงก่ำพอๆกับหยดเลือดที่ติดอยู่บนใบหน้า เมื่อเธอรู้สึกตัวมาตนเองถูกจ้องมองจากสายตาตื่นตะลึงของคนด้านล่าง ดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็หม่นแสงลงแล้วหันมองไปทางอื่น
“ฉันขอโทษ”เธอกล่าวปนเสียงสะอื้น
มือบางที่เงื้อขึ้นเหนือหัวของเธอกำเศษแก้วไว้แน่นจนเลือดสีเข้มไหลรินผ่านข้อมือหยดลงที่ตัวเขา คาดเดาจากน้ำสีเข้มที่เอ่อท้วม แผลจากรอยบาดนั่นคงลึกน่าดู เธอไม่น่าจะต้องออกแรงเยอะขนาดนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าเศษแก้วมันก็เหมือนกับดาบสองคม แต่เธอก็ยังเลือกที่จะกำมันไว้เต็มแรง
“เจ้า…”
“ฮึก ฮึก!”เธอร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นท่าทีปฏิบัติของชายหนุ่ม แม้เธอจะคิดเกลียดเขา แต่ความรู้สึกผิดลึกๆมันก็บอกว่าเธอไม่ควรทำแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ผิด!
“เจ้ามันโง่รึไง! ถือยังไงให้มือตัวเองเป็นแผลลึกได้ขนาดนั้น!”เขาก็ไม่นึกเหมือนกันว่านี่คือประโยคแรกที่จะได้กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้า
เขารู้ตัวว่าตนเองเป็นพวกเจ้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ แต่น่าแปลกที่ตอนนี้เข้าไม่มีแรงโทสะกับคนตรงหน้าแม้แต่น้อย หรือเขาจะรู้ว่าที่เธอเลือกที่จะทำแบบนี้เพราะถูกบีบบังคับจากตัวเขา เขาเป็นคนต้อนให้เธอจนมุมจนต้องทำแบบนี้ ดังนั้นก็สมควรที่จะต้องได้รับความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
“ไปทำแผลก่อนเถอะนารา!”เสียงทุ้มเอ่ยแกมคำสั่ง
“ฉันไม่ไป…คุณสมควรตาย”หญิงสาวกัดฟันพูด
เธอภาวนาในใจว่าอย่าใจอ่อนกับคนตรงหน้า ใช่…เธอกลัวใจตนเอง หากเป็นเมื่อ
หลายวันก่อน พิมพ์นารา…คนอย่างเธอไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือปลิดชีวิตใครแน่ แต่ไม่ใช่สำหรับตอนนี้ เธออยากหลุดออกไปจากที่นี่จนสามารถทำได้ทุกวิธีทาง
โดยเฉพาะกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้!
อัลลัยล์รู้สึกเบาโหวง เขารู้อยู่แล้วว่าเธอยังอยากจะฆ่าเขาน่าดูแต่พอได้ยินจากปากบางนั่นกับรู้สึกเจ็บปวดไม่ใช่น้อย เธอจะรู้ไหมว่าเพียงแค่เขาพลิกตัว ไม่เกินสองวินาทีร่างบางนี่ก็คงนอนแน่นิ่งใต้ร่างเขาแน่ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเขาอยากให้เธอตัดสินเอง ให้มันจบที่ตรงนี้ วันนี้
บางสิ่งบางอย่างยืดเยื้อไปก็เท่านั้น!
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของหญิงสาวเพื่อดึงลงจ่อคอตนเองให้ใกล้ที่สุด แม้เธอจะแข็งขืนแต่ก็ไม่อาจต้านแรงเขาไว้ได้ ดวงตาสีดำมองมือขาวซีดพร้อมกับขมวดคิ้ว เลือดของเธอเยอะจนน่าตกใจ ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่รู้ตัวเป็นแน่
มือหนากำชับมือบางแน่นไม่ให้ดึงหนีไป
“เอาสินารา แค่กดลงมาที่นี่ ตรงนี่ เจ้าก็จะได้เป็นอิสระ”เขาส่งรอยยิ้มให้เธอ
พิมพ์นาราร้องไห้โฮ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง การที่เธออยู่บนนี้ไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นผู้กำชัยเลย เธอรู้สึกพ่ายแพ้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งกับตนเองและคนตรงหน้า
เธอรั้งมือต้านแรงของชายหนุ่ม เขาพยายามเอาเศษแก้วนี่เจาะคอตนเองและตอนนี้มันก็มีเลือดซึมออกมาแล้วด้วย
“หยุดนะอัลลัยล์ คุณเลือดออกแล้ว”น้ำเสียงของเธอตกใจไม่ใช่น้อย
เขาตรึงมือบางอันสั่นเทาของเธอให้นิ่งสงบ
“เอาสินารา เจ้าจะช้าอยู่ทำไม นี่ไงอิสระที่เจ้าต้องการ”ชายหนุ่มเอื้อมมืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาบนหน้าหญิงสาว
“หากเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าก็จะยังเป็นคนเห็นแก่ตัวรั้งเจ้าไว้ที่นี่ ในอ้อมแขนนี่ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปไหน เจ้าจะต้องเป็นของข้า…นารา”ชายหนุ่มกล่าว
“ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ”เธอบอกเสียงสั่น
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะโกรธหรือเกลียดข้า ขอเพียงมีเจ้าอยู่แค่นั้นก็เกินพอแล้ว”
เขารู้สึกว่าแผงอกของตนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาว เธอเพียงแต่ก้มหน้าลงร้องไห้เงียบๆ
“อะไรคือความปรารถนาของเจ้า”เขาปาดน้ำตาบนแก้มแดงระเรื่อก่อนจะเลยลงไปจับไหล่สั่นของเธอให้อยู่นิ่ง
“อะไรที่เจ้าเลือก ข้าก็จะยอมรับผลนั้นแต่โดยดี”
พิมพ์นาราร้องไห้หนักขึ้น หากคนตรงหน้ายังทำตัวร้ายกาจเช่นเคยเธอคงจะไม่รู้สึกผิดขนาดนี้ แต่ทำไมเขาจะต้องมาทำดีกับเธอด้วย ทั้งๆที่แค่เธอออกแรงนิดเดียวเศษแก้วนี่ก็คงทะลุคอเขาแล้ว แต่เขากลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใดๆ
“ฉันไม่อยากทำร้ายคุณ แค่อยากให้คุณปล่อยฉันกลับแค่นั้นเอง”หญิงสาวสะอื้นหนักจนแทบพูดจาไม่เป็นภาษา
อัลลัยล์ยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า
“ไม่ได้หรอกนารา ไม่มีอะไรจะง่ายดายสมบูรณ์แบบขนาดนั้น”เขากล่าว
“เจ้าต้องเลือก ชีวิตข้ากับอิสระที่เจ้าต้องการ หากเจ้าไม่ฆ่าข้าซะ ข้าก็จะยังรั้งเจ้าไม่ให้ไปไหน”
เขาให้ความจริงใจกับเธอและเขาก็หวังลึกๆว่าเธอจะตอบรับความจริงใจจากเขา ความหวังอันน้อยนิดที่อาจจะต้องแลกกับเลือดและความเจ็บปวด แต่เขาไม่ผิดใช่ไหมถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีเธออาจจะไม่กล้าลงมือ และเหตุผลนั้นแหละที่จะทำให้เขาสามารถรั้งเธอให้อยู่ข้างกายได้ตลอดไป
“คุณจะด่าฉันก็ได้ ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้ ฉันจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาแบบนี้”เธอพูดรัว
“ทำไมข้าจะต้องทำแบบนั้นด้วยละ”
“เพราะ…ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด!”
หญิงสาวเงื้อมือขึ้น อัลลัยล์หลับตาลงกับภาพตรงหน้า
ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนเขาก็ไม่สน หากเขาจะต้องมาตายเพราะฝีมือของเธอเขาก็ไม่เสียใจ เพราะเธอคือสิ่งที่เขาต้อนให้เธอใช้ทางเลือกสุดท้ายแบบนี้ สมควรแล้วที่เขาจะต้องได้รับผลกรรมซะบ้าง
ลึกๆในใจเขาก็เสียดายชีวิตของตนอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกว่า…
ฉึก!
“ฮือออ…”
เขาจะยังมีชีวิตอยู่!
“ฉันทำไม่ได้!”
หญิงสาวร้องไห้โฮออกมา เศษแก้วปักอยู่ที่ข้างที่นอนสีขาวแดงฉานไปด้วยเลือดของเธอ อัลลัยล์ลืมตามองภาพตรงหน้า เขาอยากจะตบหน้าตัวเองเสียจริง
นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย!
ร่างหนาพลิกตัวขึ้นเพื่อโอบร่างบางไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวร้องไห้และตัวสั่นมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
“นี่คือคำตอบของเจ้าใช่มั้ย”เขากดเธอแนบอก
“เจ้าเลือกแล้วใช่มั้ยนารา”เขาซุกหน้าลงกับผมหอมกรุ่นนี่ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความตื้นตันที่แผ่ซ่านขึ้นมาในอก มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ทุกสิ่งทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด
“นารา…”
อัลลัยล์จับมือบางที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมา เขาจุมพิตฝ่ามือเธออย่างทะนุทนอมพร้อมกับผละร่างบางออกจากตัว
“เจ็บมากมั้ย ข้าจะตามคนมาทำแผลให้นะ เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว”เขาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าหญิงสาวอย่างเบามือ
เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บแผล น้ำตาทุกหยดที่ไหลเพราะ ทำไมเธอไม่มีความกล้ามากกว่านี้ การกระทำของเขา การกระทำของคนตรงหน้ามันทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่โกรธ ไม่ฉุดกระชากทุบตีเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ เหตุใดต้องมาทะนุทนอมและปลอบโยนทำให้เธอรู้สึกผิด ทั้งๆที่เธอคือคนที่คิดจะฆ่าเขาแท้ๆ!
แม้บางทีมันอาจจะเป็นการแสดง ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับ เธอเชื่อในการแสดงครั้งนี้ของเขา!
“อัลลัยล์ ฉันขอโทษ”เธอโผเข้าหาชายหนุ่มพร้อมกับอาการสะอื้นตัวโยน
การกระทำของเขามันคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอในเวลานี้ เวลาที่เธอไม่มีใคร เธอคิดว่าเธอสามารถพักพิงและอิงแอบกับชายผู้นี้ได้ใช่มั้ย เขาทำให้เธอเชื่อแบบนั้น
อัลลัยล์เพียงแต่ลูบผมปลอบประโลมเธออย่างเงียบงัน
บางทีเขาอาจจะฝันไปก็ได้ คนดื้อรั้นอย่างหญิงสาวนี่นะจะโผเข้าหาที่พึ่งแบบนี้ แต่เมื่อได้สัมผัสแผ่นหลังเรียบเนียนนี่แล้วเขาก็รู้ว่าไม่ได้ฝันไป เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอใจดี มองโลกในแง่ดีเกินกว่าที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เรื่องที่เขาเป็นคนก่อมันขึ้นมา…
“คุณโกรธฉันใช่มั้ย? ฮือ…”
“ข้าไม่ได้โกรธเจ้า”
“ฮึก ฮึก! คุณโกหก”เธอกล่าวเสียงแข็ง
“ข้าไม่ได้โกหก ข้าไม่โกรธเจ้าเลยนารา”
“ข้าแค่อยากรั้งเจ้าไว้ให้นานที่สุดโดยไม่นึกถึงความต้องการของเจ้า”อัลลัยล์ผละออกจากหญิงสาวและมองหน้าเธออย่างจริงจัง
“และข้าก็ไม่สามารถทำอย่างที่เจ้าต้องการได้ ข้าทำให้ไม่ได้!”ดวงตาของเขาก้มมองต่ำอย่างสำนึกผิด
เธอร้องไห้กับคำพูดของคนตรงหน้า บางทีเธออาจจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าทำอะไรลงไป”
เขาดึงมือบางของเธอมาทาบอก
“เจ้าให้ความหวังข้า…นารา เจ้าให้ความหวังกับข้า ถึงแม้อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม”
เสียงหัวใจที่เต้นรัวของคนตรงหน้าถึงกับทำให้เธอชะงัก มันทั้งสั่นไหวและเต้นแรง
เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้หรือไม่กัน คำพูดแบบนี้มันเป็นจริงแน่หรือ…
“มันเป็นสิ่งที่ฉันตัดสินใจไปแล้วอัลลัยล์ อิสระของฉันหมดไปตั้งแต่ที่ฉันเลือกที่จะหันปลายคมนั่นไปทางอื่น”
อัลลัยล์กอดคนในอ้อมกอดแน่น เขากลัวเหลือเกินว่านี่คือความฝันและพอตื่นขึ้นมาเธอก็จะสลายหายไป
“นั่นก็หมายความว่าเจ้าเลือกข้า เลือกชีวิตที่นี่”เขาเกลี่ยผมทัดหูเธอพร้อมกับมองตาเศร้าสร้อยคู่นั้นอย่างหวานซึ้ง
“แม้เจ้าจะไม่เต็มใจแต่ข้าก็ขอเข้าข้างตัวเอง คำตอบที่ว่าคือเจ้าเลือกข้านะ…นารา”
เขาโน้มตัวลงบรรจงจูบริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบา แม้มันจะเย็นเฉียบแต่สุดท้ายเข้าเชื่อว่าซักวันจะจะต้องร้อนรุ่ม แม้เธอจะร้องไห้ทุกข์ระขมแต่เขาก็ขอสัญญากับตนว่าจะเช็ดน้ำตาเธอให้จางหาย แม้เธอจะแข็งขืนเขาก็จะทำทุกวิธีทางให้เธอตอบรับอย่างเต็มใจ
แม้จะยากแค่ไหน เขาก็จะต้องทำให้เจ้าของร่างบางผู้นี้เป็นของเขาทั้งตัวและใจให้จงได้!
หญิงสาวใช้มือป้องละอองทรายที่พัดมาตามลม เธอปิดหนังสือเล่มหนาบนตักและย้ายมันไปวางไว้ข้างตัวก่อนที่ร่างบางจะเอนกายลงบนพรมหนาที่ปูอยู่ริมสระโอเอซิสพร้อมกับหลับตาพักผ่อน
นี่ก็หลายวันแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอคิดอยู่เหมือนกันว่าหากตื่นเช้ามาจะทำหน้ายังไง เศร้าสร้อยเสียใจหรือยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เหมือนฟ้าเป็นใจที่ทำให้เธอได้มีเวลาคิด ไม่ต้องทนสู้หน้ากับชายหนุ่ม พอถึงรุ่งเช้าผู้ติดตามทั้งสองก็เข้ามาบอกว่าทางคนงานที่ตอนเหนือของมุบาร็อกได้แจ้งเข้ามาว่าโรงกลั่นน้ำมันเกิดมีปัญหาบางอย่างขึ้นมา ทำให้เจ้าของร่างหนานั้นต้องเกิดทางด่วนไปดูอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่ได้ชวนเธอไปและเธอก็ไม่ได้ร้องอยากจะไปซักเท่าใดนัก ก่อนไปเขาทิ้งผู้ติดตามไว้หนึ่งคนเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์และเพื่ออยู่ดูแลเธอ
หากเธออยากได้หรืออยากทำอะไรก็ให้จัดหามาทุกอย่าง อย่าขัดใจหรือทำให้
อารมณ์เสียเด็ดขาด… นี่เป็นคำประกาศิตจากชายหนุ่ม
“คุณนาราน่าจะเข้าไปด้านในกระโจมก่อนนะครับ ตอนนี้ลมก็พัดแรงขึ้นแล้ว”
พิมพ์นาราลืมตาหันหน้าไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มในชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลที่โพกศีรษะสีเดียวกันคำนับให้เธอเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์คล้ายเด็กหนุ่มวัยกำลังคะนองซึ่งต่างจากอีกคนที่มีใบหน้าเจ้าเล่ห์กว่ามาก ผิวของเขาขาวยิ่งกว่าผิวของเธอซะอีก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายอารมณ์ดี ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้รอยหนวดเคราส่งเสริมจมูกได้รูปที่รับกับริมฝีปากหนา เขาเป็นผู้ชายที่ใบหน้าหวานซึ้งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก แต่ถ้ามองรวมๆสิ่งที่ดูขัดกันก็คือร่างกายใหญ่โตนั่นเอง
ใช่แล้ว…เขาคือแฝดผู้น้องของผู้ติดตามอีกคนของอัลลัยล์
“ลมแค่นี้สบายมาก ครั้งก่อนฉันอยู่นานกว่านี้อีกแถมแช่น้ำด้วย คุณจำไม่ได้เหรอฮาฟิซ”เธอหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
ฮาฟิซได้รับคำสั่งให้มาคอยดูแลหญิงสาวผู้นี้ในระหว่างที่เจ้านายไปจัดการปัญหาทางตอนเหนือของมุบาร็อก หลายวันก่อนเขายังตกใจกับสภาพเตียงที่เต็มไปด้วยเลือดของทั้งหญิงสาวและผู้เป็นนาย รอยเย็บแผลตั้งแต่ปลายคิ้วของเจ้านายที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่น่าแปลกที่คราวนี้ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบ หญิงสาวก็ไม่ได้คิดหนีอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักว่าง่ายคนหนึ่งทีเดียว
หากมีเวทมนต์เขาคงจะย้อนเวลากลับไปดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเป็นแน่ ผู้เป็นเจ้านายปราบเธอด้วยวิธีใดกันจึงทำให้หญิงสาวสงบลงได้ขนาดนี้
“จำได้ครับ ผมถึงอยากให้คุณเข้าไปด้านในก่อน หากเจ้านายกลับมาแล้วคุณไม่สบาย ผมคงโดนเล่นงานหนักแน่”
“ฮาฟิซ…คุณบ่นตั้งแต่อยู่ที่บ้านจนมาถึงที่นี่แล้วนะ”เธอสาวหลุดขำออกมา
เธอไม่รู้จะเรียกคฤหาสน์หรูนั่นว่าอะไรดี แต่ในเมื่อชายหนุ่มบอกว่ามันเป็น ‘บ้าน’ ของเธอ เธอก็จะเชื่อแบบนั้น
“คุณขอให้ผมพาออกมาที่นี่ ผมก็พาคุณออกมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ผมจะขอคุณบ้างนะครับ เข้าไปข้างในเถอะครับ ลมทะเลทรายมันร้อนสิ้นดี คนไม่คุ้นชินกับพื้นที่แบบคุณอาจจะไม่สบายเอาก็ได้ อีกอย่างคุณใส่ชุดธรรมดาแบบนี้มันน่าเป็นห่วงนะครับ เกิดผิวของคุณไหม้แดดขึ้นมาผมจะมีหน้าไปพบเจ้านายได้อย่างไร”ชายหนุ่มบ่นยาว
“ใช่แล้วฮาฟิซ!”หญิงสาวเอ่ยเสียงสูงเมื่อเหลือบไปเห็นกระปุกยาอันเล็กที่วางอยู่ข้างตัว
“นี่เธอการขอครั้งที่สอง ครั้งแรกคุณบังคับให้ฉันทายาอะไรก็ไม่รู้ มันแสบนะ”
“มันช่วยสมานแผลครับ”เขาเอ่ยแก้
ร่างบางลุกขึ้นปัดละอองทรายออกจากตัว
“คุณกับยะตีมได้อยู่ด้วยกันรึเปล่า”
“อยู่ด้วยกันครับ ทำไมเหรอ”เขาตอบอย่างงงๆ
“งั้นดีเลย!”
หญิงสาวก้มเก็บของทั้งหมดก่อนจะเสนอความคิดใหม่ๆให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ทำไมคุณไม่พาฉันไปเล่นกับเด็กๆที่บ้านคุณละ ฉันเลี้ยงเด็กได้นะ หรือไม่ก็พาฉันไปแวะชิมอาหารที่ร้านพี่สะใภ้ของคุณก็ได้ จะให้ทำงานช่วยก็ได้นะ ฉันเคยเป็นเด็กเสริฟ”เธอกล่าว
เธอจำได้ว่ายะตีมมีลูกเล็กๆต้องคอยดูแล อีกทั้งภรรยาสาวของเขาก็มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ แล้วแบบนี้จะให้เธอมานั่งทนเบื่อที่นี้ได้อย่างไรกัน อย่างน้อยก็น่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาที่ใหม่ๆบ้าง
ฮาฟิซงุนงงกับคำพูดของหญิงสาว ใครคือพี่สะใภ้? ใครคือเด็กๆที่บ้าน?
“ไม่ทราบว่าคุณนาราพูดถึงเรื่องอะไรครับ ผมพักอยู่ที่เดียวกับเจ้านาย นั่นก็คือที่คฤหาสน์นั่นแหละครับผม”
หญิงสาวขมวดคิ้ว
"คุณไม่ได้อยู่กับยะตีมเหรอค่ะ?”
“อยู่ด้วยกันครับ พวกผมเป็นพี่น้องกันนี่นะ”ฮาฟิซยกมือขึ้นเกาแก้มขาวๆของตน
“ก็ยะตีมบอกฉันว่า เขามีครอบครัวต้องดูแล มีลูกตัวน้อย มีภรรยาสาวที่เปิดร้านอาหารเล็กๆ”เธอกล่าว
เมื่อเห็นใบหน้างุงงงของอีกฝ่ายเธอก็เกิดความงุนงงไม่แพ้กัน สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่าเนี่ย!
“ฉันอาจจะฟังผิดก็ได้ฮาฟิซ แต่ยะตีมเขามีลูกกับภรรยาแล้วจริงๆนะ เขาบอกฉันเอง วันที่จะให้ฉันไปที่ห้องอาหารกับเจ้านายคุณไง คุณจำไม่ได้เหรอ”
“จำได้ครับ”ฮาฟิซกล่าว
“แล้วยะตีมเล่าให้คุณนาราฟังว่าอย่างไรครับ”บางทีเขาอาจจะจับต้นชนปลายถูกแล้วก็ได้
“เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ไป เขาจะโดนไล่ออกจากงาน คงไม่มีเงินจุนเจือครอบครัวแน่ มีลูกกับภรรยารออยู่”เธอกล่าวงงๆ
ว่าแล้วเชียว! เขานึกสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวันนั้นหญิงสาวจึงยอมมาง่ายจริง พอถามผู้เป็นพี่มันก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าหญิงสาวอยากมาเอง เขาจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก
นี่ไง…รู้แล้ว มันใช้วิธีนี้นี่เอง!
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเรียกสายตาจากหญิงสาว เขาหัวเราะลั่นไม่หยุด พอนานเข้าถึงกับกุมท้องเลยทีเดียว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”ฮาฟิซเช็ดน้ำตา
“คุณนาราครับ เจ้ายะตีมนะ…ได้ชื่อว่าเป็นจอมเล่ห์เชียวนะครับ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกันละ”
“ในเมื่อเจ้านายยังไม่ได้แต่งงาน พวกผมจะเสนอหน้าไปแต่งก่อนได้ยังไงครับ ภรรยาลูกอะไรนั่นนะ เจ้ายะตีมไม่มีหรอก ดูท่าคุณนาราจะโดนหลอกเต็มๆแล้ว!”เสียงทุ้มหัวเราะขึ้นอีก
เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขาดที่ขมับ ใบหน้าของเธอเหมือนจะร้าวไปครึ่งซีก เธอถอนหายใจและกัดฟันกรอด
พอกันเลยเจ้านายลูกน้อง!
“ยะตีมหลอกฉัน! โอ้ยยยย! ฉันอยากจะตีเข่าคู่ใส่พี่ชายคุณเสียจริง!”เธอวีดร้อง
“คุณไม่ใช่คนแรกหรอกครับ เจ้านี่มันปีศาจ ขนาดเจ้านายยังโดนมันหลอกเลย!”ฮาฟิซขำค้าง
“ถ้าอัลลัยล์กลับมา บางทีฉันอาจจะขออะไรจากเขาซักอย่าง”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอ
“ขออะไรครับ”ชายหนุ่มหยุดขำและรอฟังคำตอบจากเธอ
“ขอตีเข่าคู่ยะตีมไง!”เสียงหวานหัวเราะขึ้นผสมกับเสียงทุ้มข้างตัว
ท่าทางของเธอเป็นสิ่งที่ผู้ติดตามอย่างเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น เธอสดใสยิ้มง่ายเหมือนเด็กๆ ยากจะเชื่อว่าถ้าหากคนตรงหน้าคิดจะดื้อรั้นขึ้นมาอะไรก็เอาไม่อยู่
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด …
“เอ้! เสียงอะไรนะ!”หญิงสาวเงียบเพื่อฟังเพลงบางอย่าง
ฮาฟิซก็หยุดฟังเช่นกันก่อนจะยิ้มเห่ยๆออกมา
“เสียงโทรศัพท์ผมเองครับ ขอตัวนะครับ”
ร่างหนาเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยมีเสียงหวานหัวเราะไล่หลังมา
“ฮาฟิซ! นั่นเสียงโทรศัพท์จริงเหรอ! ฮ่าฮ่า!”
หญิงสาวก้าวลงจากรถคันหรูที่ไม่น่าเชื่อว่าสามารถลุยทะเลทรายได้ เธอเคาะๆสองสามทีก่อนจะหัวไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่เดินตามอ้อมตัวรถมา
“คราวหลังให้ผมเปิดประตูให้ก็ได้นะครับ”ฮาฟิซกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกระโดดลงจากตัวรถแล้วเรียบร้อย
“เรื่องแค่นี้เอง ฉันไม่ได้เป็นง่อยนะ!”เธอขำ
ตลอดทางเธอคุยกับฮาฟิซหลายๆเรื่อง เขาเป็นคนสนุกและเป็นกันเองจึงทำให้เธอผ่อนคลายกับบรรยากาศทะเลทรายได้มากทีเดียว ตอนแรกเธอนึกว่าเขาคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่พอไปๆมาๆถึงได้รู้ว่าชายคนนี้อายุ 30 ปีแล้ว! ภาพลักษณ์ภายนอกมันช่างทำให้เธอไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ อายุของเขาไปเร็วกว่าใบหน้ามากทีเดียว
“คราวหน้าฉันอยากลองขี่ม้าไปที่โอเอซิสดูบ้าง คุณต้องสอนฉันนะ”เธอกล่าว
“ครับ ไว้ผมจะให้ยะตีมมาช่วยสอนด้วย”ชายหนุ่มขำขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเมื่อเอ่ยถึงแฝดผู้เป็นพี่
“ให้คุณสอนคนเดียวได้มั้ย เกิดเอายะตีมมาฉันอาจจะขี่ม้าตัวใหญ่ๆไล่ดีดเขาก็ได้นะ”หญิงสาวหัวเราะ
ฮาฟิซมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับยิ้มจางๆ เขานึกย้อนไปถึงยามตนเองเป็นเด็กๆ เหตุใดเขาจึงไม่บอกให้บิดามารดามีน้องสาวให้เขาซักคน ยิ่งถ้าน้องสาวของเขานิสัยเหมือนหญิงสาวเอเชียตรงหน้าแล้วก็ ดูท่าเขาคงจะเอ็นดูและหวงแหนเธอมากทีเดียว
และเมื่อคิดไปคิดมาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หากมีน้องสาวจริงๆยะตีมคงจะไล่ฆ่าชายหนุ่มจำนวนมากที่ริมายุ่งกับของของตนแน่ มีเขาคนเดียวที่รู้ดีว่าผู้เป็นพี่ชอบเด็กมาตั้งแต่ไหนตั้งแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ยะตีมคงจะถนอมเลี้ยงดูน่าดู
“คุณนาราขึ้นไปด้านบนเถอะครับ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว”เขาบอกกับหญิงสาวตรงหน้า
พิมพ์นารายิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะวิ่งไปเธอยกมือขอบคุณเขาตามแบบฉบับของคนไทย
“ขอบคุณสำหรับวันนี้ค่ะ”
“เอ้ะ!”ฮาฟิซตื่นตระหนก
“ที่ประเทศฉันสอนให้เคารพคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันไหว้คุณคนแรก…ไม่สิ คนที่สองเลยนะคะ”เธอกล่าว
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ ฉันจะให้คุณสอนขี่ม้า”
“ครับผม”
หญิงสาววิ่งเข้าไปในตัวคฤหาสน์ หญิงรับใช้จำนวนมากต่างเข้ามาห้อมล้อมเพื่อดึงร่างบาง ไม่นานร่างของหญิงสาวก็หายเข้าไปโดยไร้ร่องรอย
ฮาฟิซลอบยิ้มกับตนเอง เขาไม่แปลกใจเลยเหตุใดเจ้านายถึงหลงเสน่ห์เธอ
เขาไม่แปลกใจเลยจริงๆ…
“ไปทำอะไรมาเจ้าคะถึงได้เนื้อตัวมอมแมมแบบนี้!”หญิงรับใช้วัยกลางคนนาม ‘ละบัน’ เอ่ยถามกับหญิงสาวตรงหน้า มือหนาของเธอลูบเสื้อผ้าของหญิงสาวพร้อมกับปัดเศษทรายออกให้อย่างเบามือ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่โอเอซิสก็สนุกดี ถึงแม้จะร้อนไปนิดนึง”เธอทำหน้าตาที่เมื่อละบันเห็นครั้งแรกก็พูดโพล่งออกมาแทบจะทันที
ดื้อตาใส!
“ทะเลทรายไม่ได้ร้อน ‘นิด’ อย่างที่คุณบอกเลยนะเจ้าคะ”ละบันกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
ในฐานะที่เธอเป็นผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาหญิงรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะต้องมาดูแลหญิงสาวที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘ผู้หญิงของเจ้านาย’ ร้อยวันพันปีไม่เห็นท่านอัลลัยล์พาผู้หญิงที่ไหนมา แต่ในตอนนี้หญิงสาวผู้นี้ก็มายืนอยู่นี่แล้ว จึงไม่แปลกถ้าเธอจะต้องดูแลคนผู้นี้ให้ดี เพื่อให้เจ้านายพึงพอใจในตัวเธอให้มากที่สุด
“ตายแล้ว! ผิวก็ไหม้แดด เกิดท่านอัลลัยล์กลับมาจะทำยังไงค่ะคุณนารา”
“เฟาซี ไปเตรียมยาทามาด้วยนะ”หญิงรับใช้สั่งเด็กสาวอีกคนที่มาช่วย
ละบันช่วยหญิงสาวถอดเสื้อผ้าออก ผ้าขนหนูผืนนุ่มถูกเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
“วันนี้คุณนาราไปที่ห้องอาบน้ำใหญ่นะคะ ละบันผู้นี้จะขัดตัวให้คุณเอง!”เธอกล่าวหมายมั่น
“คุณนาราเดินไปแช่น้ำอุ่นรอก่อนเลยนะคะ ไว้ดิฉันจะเดินไปเอาของก่อนซักหน่อย”
พิมพ์นาราพยักหน้างึกงัก วันแรกที่อัลลัยล์ไม่อยู่เหล่าหญิงรับใช้ก็พาเธอเดินภายในนี้แทบจะครบทุกห้องอยู่แล้ว และที่เธอชอบที่สุดหนึ่งในนั้นก็คงจะเป็น ‘ห้องอาบน้ำใหญ่’ นั่นแหละ มันสมชื่ออยู่แล้วจึงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ถึงแม้ห้องทุกห้องจะมีห้องน้ำหรูหราในตัวแต่ก็เทียบไม่ได้กับห้องอาบน้ำใหญ่ที่ว่า มันเป็นอ่างหินขนาดใหญ่คล้ายสระว่ายน้ำขนาดย่อม น้ำแร่ในนั้นอุ่นเป็นพิเศษและช่วยเรื่องสมานรอยแผล(เห็นเขาว่ากันแบบนี้) วันที่สองเธอไปลองแช่มาแล้ว มันสบายอย่างเหลือเชื่อจริงๆ
เธอเปิดประตูหนาเข้าไปพร้อมกับยื่นใบหน้าประทะไอร้อนจากน้ำแร่ เธอถอดผ้าขนหนูออกพาดกับที่กั้นฉากไม้ตามความเคยชินก่อนจะนำเนื้อตัวเปลือยเปล่าเดินผ่านเข้าไปยังบ่อน้ำแร่…
ละบันหอบพวกสปาขัดผิวอย่างดีเดินตรงไปทางห้องน้ำใหญ่ทันที ระหว่างทางเธอก็เหลือบไปเห็นคนที่มีใบหน้าคุ้นตาเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย
“อ้าวฮาฟิซ เจ้ายังไม่ไปพักผ่อนอีกหรือ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม
ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมไปไปช่วยหญิงรับใช้ถือของในมือ
“ผมยะตีมครับ”เสียงทุ้มกล่าว
“ยะตีมเองเหรอ! ข้านี่ก็นะ…ไม่เคยแยกพวกเจ้าออกซักที”ละบันกล่าวปนน้ำเสียงหัวเราะ
“นี่แสดงว่าท่านอัลลัยล์ก็กลับมาเเล้วละสิ แล้วจะให้ข้าส่งหมอนวดไปให้ท่านอัลลัยล์เลยรึเปล่า”เธอเอ่ยถามตามความเคยชิน เพราะปกติหากเจ้านายกลับมาจากการเดินทางเขามักจะชอบไปนอนแช่น้ำแร่นานๆและพอเสร็จจากการแช่น้ำแร่ก็มักจะชอบนวดแก้ปวดเมื่อยมากเป็นพิเศษ
“ตอนนี้ท่านอัลลัยล์อยู่ที่ห้องน้ำใหญ่ครับ อีกพักใหญ่ๆค่อยไปตามหมอนวดมาก็ได้”ยะตีมยิ้มบางๆ
พุบ…
ละบันทำของในมือหล่น ดวงตาทั้งคู่ของเธอเบิกกว้าง
“อะไรนะ!! อยู่ในห้องอาบน้ำใหญ่!”เธอทวนประโยค
ยะตีมก้มลงเก็บของที่หล่นกระเด็นตามพื้นก่อนจะเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“ทำไมครับ มีอะไรเร่งด่วนรึเปล่า”
“ยิ่งกว่าด่วนอีกเจ้า! คุณนาราพึ่งเดินไปห้องน้ำใหญ่เมื่อครู่เอง ข้าต้องรีบไปตามเธอ
แล้ว!”ละบันยกมือทาบอกตกใจ
ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับขาเสียงทุ้มของชายหนุ่มรุ่นลูกก็ทักท้วงขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกครับ”เสียงทุ้มกล่าว
“ท่านอัลลัยล์ไม่ชอบให้คนนอกไปยุ่งที่ห้องอาบน้ำใหญ่เสียด้วย แล้วนี่ท่านอยู่ในห้องน้ำเสียเอง โอ้ย…ตายคุณนารา!!”
“บางทีคนนี้ๆอาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้นะครับ”ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอาเถอะครับละบัน ผมจะช่วยถือของไปส่งที่ห้องพักนะครับ”ยะตีมเอ่ยตัดประโยคของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมกับดันให้เธอเดินไปยังทางที่จากมา
ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตนเอง
เจ้านายที่กลับจากงานเหนื่อยๆ ดูท่าจะได้ยาชูกำลังชั้นดีแล้วสิ!
“เจ้า!”เสียงทุ้มขาดห้วง
เมื่อสายตาปรับให้ชินกับความชื้นสีแดงที่ไหลรินผ่านดวงตาได้แล้ว ภาพที่เห็นก็ทำให้เขาเบิกตาโพล่ง!
ร่างบางนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขา เธอตัวสั่นร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาของเธอแดงก่ำพอๆกับหยดเลือดที่ติดอยู่บนใบหน้า เมื่อเธอรู้สึกตัวมาตนเองถูกจ้องมองจากสายตาตื่นตะลึงของคนด้านล่าง ดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็หม่นแสงลงแล้วหันมองไปทางอื่น
“ฉันขอโทษ”เธอกล่าวปนเสียงสะอื้น
มือบางที่เงื้อขึ้นเหนือหัวของเธอกำเศษแก้วไว้แน่นจนเลือดสีเข้มไหลรินผ่านข้อมือหยดลงที่ตัวเขา คาดเดาจากน้ำสีเข้มที่เอ่อท้วม แผลจากรอยบาดนั่นคงลึกน่าดู เธอไม่น่าจะต้องออกแรงเยอะขนาดนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าเศษแก้วมันก็เหมือนกับดาบสองคม แต่เธอก็ยังเลือกที่จะกำมันไว้เต็มแรง
“เจ้า…”
“ฮึก ฮึก!”เธอร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นท่าทีปฏิบัติของชายหนุ่ม แม้เธอจะคิดเกลียดเขา แต่ความรู้สึกผิดลึกๆมันก็บอกว่าเธอไม่ควรทำแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ผิด!
“เจ้ามันโง่รึไง! ถือยังไงให้มือตัวเองเป็นแผลลึกได้ขนาดนั้น!”เขาก็ไม่นึกเหมือนกันว่านี่คือประโยคแรกที่จะได้กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้า
เขารู้ตัวว่าตนเองเป็นพวกเจ้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ แต่น่าแปลกที่ตอนนี้เข้าไม่มีแรงโทสะกับคนตรงหน้าแม้แต่น้อย หรือเขาจะรู้ว่าที่เธอเลือกที่จะทำแบบนี้เพราะถูกบีบบังคับจากตัวเขา เขาเป็นคนต้อนให้เธอจนมุมจนต้องทำแบบนี้ ดังนั้นก็สมควรที่จะต้องได้รับความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
“ไปทำแผลก่อนเถอะนารา!”เสียงทุ้มเอ่ยแกมคำสั่ง
“ฉันไม่ไป…คุณสมควรตาย”หญิงสาวกัดฟันพูด
เธอภาวนาในใจว่าอย่าใจอ่อนกับคนตรงหน้า ใช่…เธอกลัวใจตนเอง หากเป็นเมื่อ
หลายวันก่อน พิมพ์นารา…คนอย่างเธอไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือปลิดชีวิตใครแน่ แต่ไม่ใช่สำหรับตอนนี้ เธออยากหลุดออกไปจากที่นี่จนสามารถทำได้ทุกวิธีทาง
โดยเฉพาะกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้!
อัลลัยล์รู้สึกเบาโหวง เขารู้อยู่แล้วว่าเธอยังอยากจะฆ่าเขาน่าดูแต่พอได้ยินจากปากบางนั่นกับรู้สึกเจ็บปวดไม่ใช่น้อย เธอจะรู้ไหมว่าเพียงแค่เขาพลิกตัว ไม่เกินสองวินาทีร่างบางนี่ก็คงนอนแน่นิ่งใต้ร่างเขาแน่ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเขาอยากให้เธอตัดสินเอง ให้มันจบที่ตรงนี้ วันนี้
บางสิ่งบางอย่างยืดเยื้อไปก็เท่านั้น!
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของหญิงสาวเพื่อดึงลงจ่อคอตนเองให้ใกล้ที่สุด แม้เธอจะแข็งขืนแต่ก็ไม่อาจต้านแรงเขาไว้ได้ ดวงตาสีดำมองมือขาวซีดพร้อมกับขมวดคิ้ว เลือดของเธอเยอะจนน่าตกใจ ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่รู้ตัวเป็นแน่
มือหนากำชับมือบางแน่นไม่ให้ดึงหนีไป
“เอาสินารา แค่กดลงมาที่นี่ ตรงนี่ เจ้าก็จะได้เป็นอิสระ”เขาส่งรอยยิ้มให้เธอ
พิมพ์นาราร้องไห้โฮ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง การที่เธออยู่บนนี้ไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นผู้กำชัยเลย เธอรู้สึกพ่ายแพ้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งกับตนเองและคนตรงหน้า
เธอรั้งมือต้านแรงของชายหนุ่ม เขาพยายามเอาเศษแก้วนี่เจาะคอตนเองและตอนนี้มันก็มีเลือดซึมออกมาแล้วด้วย
“หยุดนะอัลลัยล์ คุณเลือดออกแล้ว”น้ำเสียงของเธอตกใจไม่ใช่น้อย
เขาตรึงมือบางอันสั่นเทาของเธอให้นิ่งสงบ
“เอาสินารา เจ้าจะช้าอยู่ทำไม นี่ไงอิสระที่เจ้าต้องการ”ชายหนุ่มเอื้อมมืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาบนหน้าหญิงสาว
“หากเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าก็จะยังเป็นคนเห็นแก่ตัวรั้งเจ้าไว้ที่นี่ ในอ้อมแขนนี่ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปไหน เจ้าจะต้องเป็นของข้า…นารา”ชายหนุ่มกล่าว
“ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ”เธอบอกเสียงสั่น
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะโกรธหรือเกลียดข้า ขอเพียงมีเจ้าอยู่แค่นั้นก็เกินพอแล้ว”
เขารู้สึกว่าแผงอกของตนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาว เธอเพียงแต่ก้มหน้าลงร้องไห้เงียบๆ
“อะไรคือความปรารถนาของเจ้า”เขาปาดน้ำตาบนแก้มแดงระเรื่อก่อนจะเลยลงไปจับไหล่สั่นของเธอให้อยู่นิ่ง
“อะไรที่เจ้าเลือก ข้าก็จะยอมรับผลนั้นแต่โดยดี”
พิมพ์นาราร้องไห้หนักขึ้น หากคนตรงหน้ายังทำตัวร้ายกาจเช่นเคยเธอคงจะไม่รู้สึกผิดขนาดนี้ แต่ทำไมเขาจะต้องมาทำดีกับเธอด้วย ทั้งๆที่แค่เธอออกแรงนิดเดียวเศษแก้วนี่ก็คงทะลุคอเขาแล้ว แต่เขากลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใดๆ
“ฉันไม่อยากทำร้ายคุณ แค่อยากให้คุณปล่อยฉันกลับแค่นั้นเอง”หญิงสาวสะอื้นหนักจนแทบพูดจาไม่เป็นภาษา
อัลลัยล์ยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า
“ไม่ได้หรอกนารา ไม่มีอะไรจะง่ายดายสมบูรณ์แบบขนาดนั้น”เขากล่าว
“เจ้าต้องเลือก ชีวิตข้ากับอิสระที่เจ้าต้องการ หากเจ้าไม่ฆ่าข้าซะ ข้าก็จะยังรั้งเจ้าไม่ให้ไปไหน”
เขาให้ความจริงใจกับเธอและเขาก็หวังลึกๆว่าเธอจะตอบรับความจริงใจจากเขา ความหวังอันน้อยนิดที่อาจจะต้องแลกกับเลือดและความเจ็บปวด แต่เขาไม่ผิดใช่ไหมถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีเธออาจจะไม่กล้าลงมือ และเหตุผลนั้นแหละที่จะทำให้เขาสามารถรั้งเธอให้อยู่ข้างกายได้ตลอดไป
“คุณจะด่าฉันก็ได้ ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้ ฉันจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาแบบนี้”เธอพูดรัว
“ทำไมข้าจะต้องทำแบบนั้นด้วยละ”
“เพราะ…ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด!”
หญิงสาวเงื้อมือขึ้น อัลลัยล์หลับตาลงกับภาพตรงหน้า
ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนเขาก็ไม่สน หากเขาจะต้องมาตายเพราะฝีมือของเธอเขาก็ไม่เสียใจ เพราะเธอคือสิ่งที่เขาต้อนให้เธอใช้ทางเลือกสุดท้ายแบบนี้ สมควรแล้วที่เขาจะต้องได้รับผลกรรมซะบ้าง
ลึกๆในใจเขาก็เสียดายชีวิตของตนอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกว่า…
ฉึก!
“ฮือออ…”
เขาจะยังมีชีวิตอยู่!
“ฉันทำไม่ได้!”
หญิงสาวร้องไห้โฮออกมา เศษแก้วปักอยู่ที่ข้างที่นอนสีขาวแดงฉานไปด้วยเลือดของเธอ อัลลัยล์ลืมตามองภาพตรงหน้า เขาอยากจะตบหน้าตัวเองเสียจริง
นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย!
ร่างหนาพลิกตัวขึ้นเพื่อโอบร่างบางไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวร้องไห้และตัวสั่นมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
“นี่คือคำตอบของเจ้าใช่มั้ย”เขากดเธอแนบอก
“เจ้าเลือกแล้วใช่มั้ยนารา”เขาซุกหน้าลงกับผมหอมกรุ่นนี่ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความตื้นตันที่แผ่ซ่านขึ้นมาในอก มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ทุกสิ่งทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด
“นารา…”
อัลลัยล์จับมือบางที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมา เขาจุมพิตฝ่ามือเธออย่างทะนุทนอมพร้อมกับผละร่างบางออกจากตัว
“เจ็บมากมั้ย ข้าจะตามคนมาทำแผลให้นะ เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว”เขาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าหญิงสาวอย่างเบามือ
เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บแผล น้ำตาทุกหยดที่ไหลเพราะ ทำไมเธอไม่มีความกล้ามากกว่านี้ การกระทำของเขา การกระทำของคนตรงหน้ามันทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่โกรธ ไม่ฉุดกระชากทุบตีเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ เหตุใดต้องมาทะนุทนอมและปลอบโยนทำให้เธอรู้สึกผิด ทั้งๆที่เธอคือคนที่คิดจะฆ่าเขาแท้ๆ!
แม้บางทีมันอาจจะเป็นการแสดง ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับ เธอเชื่อในการแสดงครั้งนี้ของเขา!
“อัลลัยล์ ฉันขอโทษ”เธอโผเข้าหาชายหนุ่มพร้อมกับอาการสะอื้นตัวโยน
การกระทำของเขามันคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอในเวลานี้ เวลาที่เธอไม่มีใคร เธอคิดว่าเธอสามารถพักพิงและอิงแอบกับชายผู้นี้ได้ใช่มั้ย เขาทำให้เธอเชื่อแบบนั้น
อัลลัยล์เพียงแต่ลูบผมปลอบประโลมเธออย่างเงียบงัน
บางทีเขาอาจจะฝันไปก็ได้ คนดื้อรั้นอย่างหญิงสาวนี่นะจะโผเข้าหาที่พึ่งแบบนี้ แต่เมื่อได้สัมผัสแผ่นหลังเรียบเนียนนี่แล้วเขาก็รู้ว่าไม่ได้ฝันไป เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอใจดี มองโลกในแง่ดีเกินกว่าที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เรื่องที่เขาเป็นคนก่อมันขึ้นมา…
“คุณโกรธฉันใช่มั้ย? ฮือ…”
“ข้าไม่ได้โกรธเจ้า”
“ฮึก ฮึก! คุณโกหก”เธอกล่าวเสียงแข็ง
“ข้าไม่ได้โกหก ข้าไม่โกรธเจ้าเลยนารา”
“ข้าแค่อยากรั้งเจ้าไว้ให้นานที่สุดโดยไม่นึกถึงความต้องการของเจ้า”อัลลัยล์ผละออกจากหญิงสาวและมองหน้าเธออย่างจริงจัง
“และข้าก็ไม่สามารถทำอย่างที่เจ้าต้องการได้ ข้าทำให้ไม่ได้!”ดวงตาของเขาก้มมองต่ำอย่างสำนึกผิด
เธอร้องไห้กับคำพูดของคนตรงหน้า บางทีเธออาจจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าทำอะไรลงไป”
เขาดึงมือบางของเธอมาทาบอก
“เจ้าให้ความหวังข้า…นารา เจ้าให้ความหวังกับข้า ถึงแม้อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม”
เสียงหัวใจที่เต้นรัวของคนตรงหน้าถึงกับทำให้เธอชะงัก มันทั้งสั่นไหวและเต้นแรง
เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้หรือไม่กัน คำพูดแบบนี้มันเป็นจริงแน่หรือ…
“มันเป็นสิ่งที่ฉันตัดสินใจไปแล้วอัลลัยล์ อิสระของฉันหมดไปตั้งแต่ที่ฉันเลือกที่จะหันปลายคมนั่นไปทางอื่น”
อัลลัยล์กอดคนในอ้อมกอดแน่น เขากลัวเหลือเกินว่านี่คือความฝันและพอตื่นขึ้นมาเธอก็จะสลายหายไป
“นั่นก็หมายความว่าเจ้าเลือกข้า เลือกชีวิตที่นี่”เขาเกลี่ยผมทัดหูเธอพร้อมกับมองตาเศร้าสร้อยคู่นั้นอย่างหวานซึ้ง
“แม้เจ้าจะไม่เต็มใจแต่ข้าก็ขอเข้าข้างตัวเอง คำตอบที่ว่าคือเจ้าเลือกข้านะ…นารา”
เขาโน้มตัวลงบรรจงจูบริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบา แม้มันจะเย็นเฉียบแต่สุดท้ายเข้าเชื่อว่าซักวันจะจะต้องร้อนรุ่ม แม้เธอจะร้องไห้ทุกข์ระขมแต่เขาก็ขอสัญญากับตนว่าจะเช็ดน้ำตาเธอให้จางหาย แม้เธอจะแข็งขืนเขาก็จะทำทุกวิธีทางให้เธอตอบรับอย่างเต็มใจ
แม้จะยากแค่ไหน เขาก็จะต้องทำให้เจ้าของร่างบางผู้นี้เป็นของเขาทั้งตัวและใจให้จงได้!
หญิงสาวใช้มือป้องละอองทรายที่พัดมาตามลม เธอปิดหนังสือเล่มหนาบนตักและย้ายมันไปวางไว้ข้างตัวก่อนที่ร่างบางจะเอนกายลงบนพรมหนาที่ปูอยู่ริมสระโอเอซิสพร้อมกับหลับตาพักผ่อน
นี่ก็หลายวันแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอคิดอยู่เหมือนกันว่าหากตื่นเช้ามาจะทำหน้ายังไง เศร้าสร้อยเสียใจหรือยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เหมือนฟ้าเป็นใจที่ทำให้เธอได้มีเวลาคิด ไม่ต้องทนสู้หน้ากับชายหนุ่ม พอถึงรุ่งเช้าผู้ติดตามทั้งสองก็เข้ามาบอกว่าทางคนงานที่ตอนเหนือของมุบาร็อกได้แจ้งเข้ามาว่าโรงกลั่นน้ำมันเกิดมีปัญหาบางอย่างขึ้นมา ทำให้เจ้าของร่างหนานั้นต้องเกิดทางด่วนไปดูอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่ได้ชวนเธอไปและเธอก็ไม่ได้ร้องอยากจะไปซักเท่าใดนัก ก่อนไปเขาทิ้งผู้ติดตามไว้หนึ่งคนเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์และเพื่ออยู่ดูแลเธอ
หากเธออยากได้หรืออยากทำอะไรก็ให้จัดหามาทุกอย่าง อย่าขัดใจหรือทำให้
อารมณ์เสียเด็ดขาด… นี่เป็นคำประกาศิตจากชายหนุ่ม
“คุณนาราน่าจะเข้าไปด้านในกระโจมก่อนนะครับ ตอนนี้ลมก็พัดแรงขึ้นแล้ว”
พิมพ์นาราลืมตาหันหน้าไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มในชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลที่โพกศีรษะสีเดียวกันคำนับให้เธอเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์คล้ายเด็กหนุ่มวัยกำลังคะนองซึ่งต่างจากอีกคนที่มีใบหน้าเจ้าเล่ห์กว่ามาก ผิวของเขาขาวยิ่งกว่าผิวของเธอซะอีก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายอารมณ์ดี ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้รอยหนวดเคราส่งเสริมจมูกได้รูปที่รับกับริมฝีปากหนา เขาเป็นผู้ชายที่ใบหน้าหวานซึ้งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก แต่ถ้ามองรวมๆสิ่งที่ดูขัดกันก็คือร่างกายใหญ่โตนั่นเอง
ใช่แล้ว…เขาคือแฝดผู้น้องของผู้ติดตามอีกคนของอัลลัยล์
“ลมแค่นี้สบายมาก ครั้งก่อนฉันอยู่นานกว่านี้อีกแถมแช่น้ำด้วย คุณจำไม่ได้เหรอฮาฟิซ”เธอหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
ฮาฟิซได้รับคำสั่งให้มาคอยดูแลหญิงสาวผู้นี้ในระหว่างที่เจ้านายไปจัดการปัญหาทางตอนเหนือของมุบาร็อก หลายวันก่อนเขายังตกใจกับสภาพเตียงที่เต็มไปด้วยเลือดของทั้งหญิงสาวและผู้เป็นนาย รอยเย็บแผลตั้งแต่ปลายคิ้วของเจ้านายที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่น่าแปลกที่คราวนี้ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบ หญิงสาวก็ไม่ได้คิดหนีอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักว่าง่ายคนหนึ่งทีเดียว
หากมีเวทมนต์เขาคงจะย้อนเวลากลับไปดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเป็นแน่ ผู้เป็นเจ้านายปราบเธอด้วยวิธีใดกันจึงทำให้หญิงสาวสงบลงได้ขนาดนี้
“จำได้ครับ ผมถึงอยากให้คุณเข้าไปด้านในก่อน หากเจ้านายกลับมาแล้วคุณไม่สบาย ผมคงโดนเล่นงานหนักแน่”
“ฮาฟิซ…คุณบ่นตั้งแต่อยู่ที่บ้านจนมาถึงที่นี่แล้วนะ”เธอสาวหลุดขำออกมา
เธอไม่รู้จะเรียกคฤหาสน์หรูนั่นว่าอะไรดี แต่ในเมื่อชายหนุ่มบอกว่ามันเป็น ‘บ้าน’ ของเธอ เธอก็จะเชื่อแบบนั้น
“คุณขอให้ผมพาออกมาที่นี่ ผมก็พาคุณออกมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ผมจะขอคุณบ้างนะครับ เข้าไปข้างในเถอะครับ ลมทะเลทรายมันร้อนสิ้นดี คนไม่คุ้นชินกับพื้นที่แบบคุณอาจจะไม่สบายเอาก็ได้ อีกอย่างคุณใส่ชุดธรรมดาแบบนี้มันน่าเป็นห่วงนะครับ เกิดผิวของคุณไหม้แดดขึ้นมาผมจะมีหน้าไปพบเจ้านายได้อย่างไร”ชายหนุ่มบ่นยาว
“ใช่แล้วฮาฟิซ!”หญิงสาวเอ่ยเสียงสูงเมื่อเหลือบไปเห็นกระปุกยาอันเล็กที่วางอยู่ข้างตัว
“นี่เธอการขอครั้งที่สอง ครั้งแรกคุณบังคับให้ฉันทายาอะไรก็ไม่รู้ มันแสบนะ”
“มันช่วยสมานแผลครับ”เขาเอ่ยแก้
ร่างบางลุกขึ้นปัดละอองทรายออกจากตัว
“คุณกับยะตีมได้อยู่ด้วยกันรึเปล่า”
“อยู่ด้วยกันครับ ทำไมเหรอ”เขาตอบอย่างงงๆ
“งั้นดีเลย!”
หญิงสาวก้มเก็บของทั้งหมดก่อนจะเสนอความคิดใหม่ๆให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ทำไมคุณไม่พาฉันไปเล่นกับเด็กๆที่บ้านคุณละ ฉันเลี้ยงเด็กได้นะ หรือไม่ก็พาฉันไปแวะชิมอาหารที่ร้านพี่สะใภ้ของคุณก็ได้ จะให้ทำงานช่วยก็ได้นะ ฉันเคยเป็นเด็กเสริฟ”เธอกล่าว
เธอจำได้ว่ายะตีมมีลูกเล็กๆต้องคอยดูแล อีกทั้งภรรยาสาวของเขาก็มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ แล้วแบบนี้จะให้เธอมานั่งทนเบื่อที่นี้ได้อย่างไรกัน อย่างน้อยก็น่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาที่ใหม่ๆบ้าง
ฮาฟิซงุนงงกับคำพูดของหญิงสาว ใครคือพี่สะใภ้? ใครคือเด็กๆที่บ้าน?
“ไม่ทราบว่าคุณนาราพูดถึงเรื่องอะไรครับ ผมพักอยู่ที่เดียวกับเจ้านาย นั่นก็คือที่คฤหาสน์นั่นแหละครับผม”
หญิงสาวขมวดคิ้ว
"คุณไม่ได้อยู่กับยะตีมเหรอค่ะ?”
“อยู่ด้วยกันครับ พวกผมเป็นพี่น้องกันนี่นะ”ฮาฟิซยกมือขึ้นเกาแก้มขาวๆของตน
“ก็ยะตีมบอกฉันว่า เขามีครอบครัวต้องดูแล มีลูกตัวน้อย มีภรรยาสาวที่เปิดร้านอาหารเล็กๆ”เธอกล่าว
เมื่อเห็นใบหน้างุงงงของอีกฝ่ายเธอก็เกิดความงุนงงไม่แพ้กัน สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่าเนี่ย!
“ฉันอาจจะฟังผิดก็ได้ฮาฟิซ แต่ยะตีมเขามีลูกกับภรรยาแล้วจริงๆนะ เขาบอกฉันเอง วันที่จะให้ฉันไปที่ห้องอาหารกับเจ้านายคุณไง คุณจำไม่ได้เหรอ”
“จำได้ครับ”ฮาฟิซกล่าว
“แล้วยะตีมเล่าให้คุณนาราฟังว่าอย่างไรครับ”บางทีเขาอาจจะจับต้นชนปลายถูกแล้วก็ได้
“เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ไป เขาจะโดนไล่ออกจากงาน คงไม่มีเงินจุนเจือครอบครัวแน่ มีลูกกับภรรยารออยู่”เธอกล่าวงงๆ
ว่าแล้วเชียว! เขานึกสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวันนั้นหญิงสาวจึงยอมมาง่ายจริง พอถามผู้เป็นพี่มันก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าหญิงสาวอยากมาเอง เขาจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก
นี่ไง…รู้แล้ว มันใช้วิธีนี้นี่เอง!
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเรียกสายตาจากหญิงสาว เขาหัวเราะลั่นไม่หยุด พอนานเข้าถึงกับกุมท้องเลยทีเดียว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”ฮาฟิซเช็ดน้ำตา
“คุณนาราครับ เจ้ายะตีมนะ…ได้ชื่อว่าเป็นจอมเล่ห์เชียวนะครับ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกันละ”
“ในเมื่อเจ้านายยังไม่ได้แต่งงาน พวกผมจะเสนอหน้าไปแต่งก่อนได้ยังไงครับ ภรรยาลูกอะไรนั่นนะ เจ้ายะตีมไม่มีหรอก ดูท่าคุณนาราจะโดนหลอกเต็มๆแล้ว!”เสียงทุ้มหัวเราะขึ้นอีก
เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขาดที่ขมับ ใบหน้าของเธอเหมือนจะร้าวไปครึ่งซีก เธอถอนหายใจและกัดฟันกรอด
พอกันเลยเจ้านายลูกน้อง!
“ยะตีมหลอกฉัน! โอ้ยยยย! ฉันอยากจะตีเข่าคู่ใส่พี่ชายคุณเสียจริง!”เธอวีดร้อง
“คุณไม่ใช่คนแรกหรอกครับ เจ้านี่มันปีศาจ ขนาดเจ้านายยังโดนมันหลอกเลย!”ฮาฟิซขำค้าง
“ถ้าอัลลัยล์กลับมา บางทีฉันอาจจะขออะไรจากเขาซักอย่าง”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอ
“ขออะไรครับ”ชายหนุ่มหยุดขำและรอฟังคำตอบจากเธอ
“ขอตีเข่าคู่ยะตีมไง!”เสียงหวานหัวเราะขึ้นผสมกับเสียงทุ้มข้างตัว
ท่าทางของเธอเป็นสิ่งที่ผู้ติดตามอย่างเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น เธอสดใสยิ้มง่ายเหมือนเด็กๆ ยากจะเชื่อว่าถ้าหากคนตรงหน้าคิดจะดื้อรั้นขึ้นมาอะไรก็เอาไม่อยู่
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด …
“เอ้! เสียงอะไรนะ!”หญิงสาวเงียบเพื่อฟังเพลงบางอย่าง
ฮาฟิซก็หยุดฟังเช่นกันก่อนจะยิ้มเห่ยๆออกมา
“เสียงโทรศัพท์ผมเองครับ ขอตัวนะครับ”
ร่างหนาเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยมีเสียงหวานหัวเราะไล่หลังมา
“ฮาฟิซ! นั่นเสียงโทรศัพท์จริงเหรอ! ฮ่าฮ่า!”
หญิงสาวก้าวลงจากรถคันหรูที่ไม่น่าเชื่อว่าสามารถลุยทะเลทรายได้ เธอเคาะๆสองสามทีก่อนจะหัวไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่เดินตามอ้อมตัวรถมา
“คราวหลังให้ผมเปิดประตูให้ก็ได้นะครับ”ฮาฟิซกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกระโดดลงจากตัวรถแล้วเรียบร้อย
“เรื่องแค่นี้เอง ฉันไม่ได้เป็นง่อยนะ!”เธอขำ
ตลอดทางเธอคุยกับฮาฟิซหลายๆเรื่อง เขาเป็นคนสนุกและเป็นกันเองจึงทำให้เธอผ่อนคลายกับบรรยากาศทะเลทรายได้มากทีเดียว ตอนแรกเธอนึกว่าเขาคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่พอไปๆมาๆถึงได้รู้ว่าชายคนนี้อายุ 30 ปีแล้ว! ภาพลักษณ์ภายนอกมันช่างทำให้เธอไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ อายุของเขาไปเร็วกว่าใบหน้ามากทีเดียว
“คราวหน้าฉันอยากลองขี่ม้าไปที่โอเอซิสดูบ้าง คุณต้องสอนฉันนะ”เธอกล่าว
“ครับ ไว้ผมจะให้ยะตีมมาช่วยสอนด้วย”ชายหนุ่มขำขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเมื่อเอ่ยถึงแฝดผู้เป็นพี่
“ให้คุณสอนคนเดียวได้มั้ย เกิดเอายะตีมมาฉันอาจจะขี่ม้าตัวใหญ่ๆไล่ดีดเขาก็ได้นะ”หญิงสาวหัวเราะ
ฮาฟิซมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับยิ้มจางๆ เขานึกย้อนไปถึงยามตนเองเป็นเด็กๆ เหตุใดเขาจึงไม่บอกให้บิดามารดามีน้องสาวให้เขาซักคน ยิ่งถ้าน้องสาวของเขานิสัยเหมือนหญิงสาวเอเชียตรงหน้าแล้วก็ ดูท่าเขาคงจะเอ็นดูและหวงแหนเธอมากทีเดียว
และเมื่อคิดไปคิดมาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หากมีน้องสาวจริงๆยะตีมคงจะไล่ฆ่าชายหนุ่มจำนวนมากที่ริมายุ่งกับของของตนแน่ มีเขาคนเดียวที่รู้ดีว่าผู้เป็นพี่ชอบเด็กมาตั้งแต่ไหนตั้งแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ยะตีมคงจะถนอมเลี้ยงดูน่าดู
“คุณนาราขึ้นไปด้านบนเถอะครับ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว”เขาบอกกับหญิงสาวตรงหน้า
พิมพ์นารายิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะวิ่งไปเธอยกมือขอบคุณเขาตามแบบฉบับของคนไทย
“ขอบคุณสำหรับวันนี้ค่ะ”
“เอ้ะ!”ฮาฟิซตื่นตระหนก
“ที่ประเทศฉันสอนให้เคารพคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันไหว้คุณคนแรก…ไม่สิ คนที่สองเลยนะคะ”เธอกล่าว
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ ฉันจะให้คุณสอนขี่ม้า”
“ครับผม”
หญิงสาววิ่งเข้าไปในตัวคฤหาสน์ หญิงรับใช้จำนวนมากต่างเข้ามาห้อมล้อมเพื่อดึงร่างบาง ไม่นานร่างของหญิงสาวก็หายเข้าไปโดยไร้ร่องรอย
ฮาฟิซลอบยิ้มกับตนเอง เขาไม่แปลกใจเลยเหตุใดเจ้านายถึงหลงเสน่ห์เธอ
เขาไม่แปลกใจเลยจริงๆ…
“ไปทำอะไรมาเจ้าคะถึงได้เนื้อตัวมอมแมมแบบนี้!”หญิงรับใช้วัยกลางคนนาม ‘ละบัน’ เอ่ยถามกับหญิงสาวตรงหน้า มือหนาของเธอลูบเสื้อผ้าของหญิงสาวพร้อมกับปัดเศษทรายออกให้อย่างเบามือ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่โอเอซิสก็สนุกดี ถึงแม้จะร้อนไปนิดนึง”เธอทำหน้าตาที่เมื่อละบันเห็นครั้งแรกก็พูดโพล่งออกมาแทบจะทันที
ดื้อตาใส!
“ทะเลทรายไม่ได้ร้อน ‘นิด’ อย่างที่คุณบอกเลยนะเจ้าคะ”ละบันกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
ในฐานะที่เธอเป็นผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาหญิงรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะต้องมาดูแลหญิงสาวที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘ผู้หญิงของเจ้านาย’ ร้อยวันพันปีไม่เห็นท่านอัลลัยล์พาผู้หญิงที่ไหนมา แต่ในตอนนี้หญิงสาวผู้นี้ก็มายืนอยู่นี่แล้ว จึงไม่แปลกถ้าเธอจะต้องดูแลคนผู้นี้ให้ดี เพื่อให้เจ้านายพึงพอใจในตัวเธอให้มากที่สุด
“ตายแล้ว! ผิวก็ไหม้แดด เกิดท่านอัลลัยล์กลับมาจะทำยังไงค่ะคุณนารา”
“เฟาซี ไปเตรียมยาทามาด้วยนะ”หญิงรับใช้สั่งเด็กสาวอีกคนที่มาช่วย
ละบันช่วยหญิงสาวถอดเสื้อผ้าออก ผ้าขนหนูผืนนุ่มถูกเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
“วันนี้คุณนาราไปที่ห้องอาบน้ำใหญ่นะคะ ละบันผู้นี้จะขัดตัวให้คุณเอง!”เธอกล่าวหมายมั่น
“คุณนาราเดินไปแช่น้ำอุ่นรอก่อนเลยนะคะ ไว้ดิฉันจะเดินไปเอาของก่อนซักหน่อย”
พิมพ์นาราพยักหน้างึกงัก วันแรกที่อัลลัยล์ไม่อยู่เหล่าหญิงรับใช้ก็พาเธอเดินภายในนี้แทบจะครบทุกห้องอยู่แล้ว และที่เธอชอบที่สุดหนึ่งในนั้นก็คงจะเป็น ‘ห้องอาบน้ำใหญ่’ นั่นแหละ มันสมชื่ออยู่แล้วจึงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ถึงแม้ห้องทุกห้องจะมีห้องน้ำหรูหราในตัวแต่ก็เทียบไม่ได้กับห้องอาบน้ำใหญ่ที่ว่า มันเป็นอ่างหินขนาดใหญ่คล้ายสระว่ายน้ำขนาดย่อม น้ำแร่ในนั้นอุ่นเป็นพิเศษและช่วยเรื่องสมานรอยแผล(เห็นเขาว่ากันแบบนี้) วันที่สองเธอไปลองแช่มาแล้ว มันสบายอย่างเหลือเชื่อจริงๆ
เธอเปิดประตูหนาเข้าไปพร้อมกับยื่นใบหน้าประทะไอร้อนจากน้ำแร่ เธอถอดผ้าขนหนูออกพาดกับที่กั้นฉากไม้ตามความเคยชินก่อนจะนำเนื้อตัวเปลือยเปล่าเดินผ่านเข้าไปยังบ่อน้ำแร่…
ละบันหอบพวกสปาขัดผิวอย่างดีเดินตรงไปทางห้องน้ำใหญ่ทันที ระหว่างทางเธอก็เหลือบไปเห็นคนที่มีใบหน้าคุ้นตาเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย
“อ้าวฮาฟิซ เจ้ายังไม่ไปพักผ่อนอีกหรือ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม
ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมไปไปช่วยหญิงรับใช้ถือของในมือ
“ผมยะตีมครับ”เสียงทุ้มกล่าว
“ยะตีมเองเหรอ! ข้านี่ก็นะ…ไม่เคยแยกพวกเจ้าออกซักที”ละบันกล่าวปนน้ำเสียงหัวเราะ
“นี่แสดงว่าท่านอัลลัยล์ก็กลับมาเเล้วละสิ แล้วจะให้ข้าส่งหมอนวดไปให้ท่านอัลลัยล์เลยรึเปล่า”เธอเอ่ยถามตามความเคยชิน เพราะปกติหากเจ้านายกลับมาจากการเดินทางเขามักจะชอบไปนอนแช่น้ำแร่นานๆและพอเสร็จจากการแช่น้ำแร่ก็มักจะชอบนวดแก้ปวดเมื่อยมากเป็นพิเศษ
“ตอนนี้ท่านอัลลัยล์อยู่ที่ห้องน้ำใหญ่ครับ อีกพักใหญ่ๆค่อยไปตามหมอนวดมาก็ได้”ยะตีมยิ้มบางๆ
พุบ…
ละบันทำของในมือหล่น ดวงตาทั้งคู่ของเธอเบิกกว้าง
“อะไรนะ!! อยู่ในห้องอาบน้ำใหญ่!”เธอทวนประโยค
ยะตีมก้มลงเก็บของที่หล่นกระเด็นตามพื้นก่อนจะเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“ทำไมครับ มีอะไรเร่งด่วนรึเปล่า”
“ยิ่งกว่าด่วนอีกเจ้า! คุณนาราพึ่งเดินไปห้องน้ำใหญ่เมื่อครู่เอง ข้าต้องรีบไปตามเธอ
แล้ว!”ละบันยกมือทาบอกตกใจ
ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับขาเสียงทุ้มของชายหนุ่มรุ่นลูกก็ทักท้วงขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกครับ”เสียงทุ้มกล่าว
“ท่านอัลลัยล์ไม่ชอบให้คนนอกไปยุ่งที่ห้องอาบน้ำใหญ่เสียด้วย แล้วนี่ท่านอยู่ในห้องน้ำเสียเอง โอ้ย…ตายคุณนารา!!”
“บางทีคนนี้ๆอาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้นะครับ”ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอาเถอะครับละบัน ผมจะช่วยถือของไปส่งที่ห้องพักนะครับ”ยะตีมเอ่ยตัดประโยคของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมกับดันให้เธอเดินไปยังทางที่จากมา
ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตนเอง
เจ้านายที่กลับจากงานเหนื่อยๆ ดูท่าจะได้ยาชูกำลังชั้นดีแล้วสิ!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2555, 21:48:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 21:48:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 14322
<< บทที่หก คำวิงวอนอันแสนหวาน 100% | บทที่แปด ไฟราระที่โหมกระพือ 100% NC++ >> |

pkka 3 ก.ย. 2555, 22:59:39 น.
อ้าวๆ
อ้าวๆ

nunoi 4 ก.ย. 2555, 16:26:58 น.
เดินเข้าไปให้เสือขย้ำเลยนะนั่นหนูนารา
เดินเข้าไปให้เสือขย้ำเลยนะนั่นหนูนารา

mhengjhy 4 ก.ย. 2555, 16:48:03 น.
55 สงสัยนาราจะไม่รอด
55 สงสัยนาราจะไม่รอด