เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์
ตอน: บทที่ 9
บทที่ 9
“เดี๋ยวอ้อนเอาดอกบัวไปวางที่โต๊ะหมู่บูชาให้ป้าทีนะ ส่วนดอกไม้ไปไว้บนโต๊ะตรงนู้น แล้ววานไปดูทีว่าจัดเก้าอี้เรียบร้อยกันหรือยัง” ป้าอรสั่งเด็กรับใช้ขณะที่ปักดอกกุหลาบสีขาวกับโอเอซิส
“...” อ้อน สาวอีสาน เด็กรับใช้ในบ้านอมรวัฒนกุลนั่งเหม่อ ไม่ได้ฟังว่าป้าอรพูดอะไร
“นังอ้อน” สะอิ้ง หัวหน้าแม่บ้านตะโกนเรียกอ้อน จนหญิงสาวสะดุ้งร้องว้าย “นั่งเหม่อแต่เช้าเลยนะนังอ้อน เป็นอะไรของเอ็งฮะ”
“อ้อน...อ้อนขอโทษจ้ะป้าอร พี่สะอิ้ง” อ้อนยกมือไหว้ขอโทษผู้สอนงานบ้านงานเรือนของตนทั้งสอง
“ดูละครจนดึกจนดื่นอีกแล้วสินังนี่ ไปๆ ไม่ไหวก็กลับบ้านไปนอนพัก อย่ามาเกะกะแถวนี้” สะอิ้งพูดอย่างคนปากร้ายใจดี
“อ้อนไหวจ้ะพี่สะอิ้ง ว่าแต่ป้าให้อ้อนทำอะไรคะ”
“ป้าอรบอกให้แกเอาดอกบัวนี่ไปถวายพระ ส่วนดอกกุหลาบนั่นก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วไปดูนังเด่นกับนังดาวว่าจัดเก้าอี้เสร็จหรือยัง อีกประเดี๋ยวแขกเหรื่อก็จะมาเต็มงานแล้ว” สะอิ้งละมือจากการเก็บกิ่งและใบกุหลาบที่ป้าอรลิดออก ชี้ดอกบัวนี่ และดอกกุหลาบนั่น แจกแจงเสียละเอียดว่าอ้อนต้องทำอะไรบ้าง
“แค่นี้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ก็เออสิวะนังอ้อน” สะอิ้งชักฉุนที่อ้อนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถามอะไรยุ่งยาก น่ารำคาญทำให้อ้อนรีบยกถาดดอกไม้ออกไป ก่อนที่จะโดนสะอิ้งว่าให้อีก
“ปากคอเราะร้ายเหลือเกินนะสะอิ้ง” ป้าอรว่าสะอิ้งขณะเจียนใบตอง
“ขอโทษจ้ะป้าที่ต้องฟังอะไรไม่เสนาะหู” สะอิ้งขอโทษผู้สูงวัย ด้วยรู้ดีว่าป้าอรเป็นคนนุ่มนิ่ม พูดเพราะ กิริยางดงามชวนมอง ตั้งแต่สะอิ้งทำงานกับป้าอรมา เธอยังไม่เคยเห็นป้าด่าใครสักคน
“ป้าว่าอ้อนมันดูแปลกๆ ไปตั้งแต่วันที่คุณภราดาตกบันไดนะ”
“สะอิ้งก็ว่าอย่างนั้นแหละป้า นังอ้อนเหมือนคนมีอะไรในใจ ถามอะไรมันก็ไม่ยอมบอกเหมือนกับคนกลัวอะไรอย่างนั้นแหละ”
“เอ็งว่าอ้อนมันเห็นอะไร”
“ไม่รู้สิป้า บางทีมันอาจเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็ได้ เฮ้อ...คุณเมก็เพิ่งเสียไป นังอ้อนเลยจิตตกไปด้วย” สะอิ้งพูดอย่างเห็นใจอ้อน ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองอ้อนให้พ้นจากอันตรายด้วย
ป้าอรวางกรรไกรลง หันไปถามสะอิ้งว่า “แล้วเอ็งว่าผู้หญิงที่ทะเลาะกับคุณภราดาก่อนที่คุณเมรยาจะมาพบว่าคุณภราดาเป็นใคร”
“ฉัน...ฉันไม่กล้าคิดหรอกป้า” สะอิ้งไม่กล้าสบตากับป้าอร
แม้จะมีคำตอบที่แน่ชัดในใจ แต่เธอก็กลัวที่จะตอบคำถาม ทันใดนั้นสะอิ้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คุ้นหู แล้วสะอิ้งก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ครั้นหันมามองป้าอรก็พบว่าป้าอรจุ๊ปาก ส่งสัญญาณว่าไม่ให้ทัก
เมศร์มาวัดช่วยป้าอรจัดเตรียมสถานที่แต่เช้า ส่วนการรับศพของเมรยานั้นบวร และชุติมาเป็นคนจัดการ เมศร์จะมาหาป้าอรถามหาดอกไม้หน้าศพ หากบทสนทนาของป้าอรกับสะอิ้งทำให้เขาหยุดฟังไม่ได้ การสนทนาของทั้งคู่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์เล็กๆ ให้เมศร์มาคิดปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน แล้วจู่ๆ เสียงแหลมเล็กโหยหวนทำให้เมศร์ต้องปิดหูด้วยความเจ็บปวด
“กรี๊ด!! ”
เสียงกรีดร้องเสียดแทงไปในหูทำให้เมศร์รู้สึกราวกับว่าแก้วหูของเขากำลังจะแตก เวลาเพียงเสี้ยวนาทีกว่าเสียงสยองขวัญนั้นจะหายไป แต่สำหรับเมศร์แล้วนานชั่วกัปชั่วกัลป์เลยทีเดียว
เมศร์หน้าแหย กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเลยทีเดียวหลังจากระลึกได้ว่าตนโดนคุกคามจากสิ่งลี้ลับธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจอธิบายได้
“งานนี้ทั้งคนทั้งผีเลยหรือวะเนี่ย”
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สักรินทร์ตรวจงานเสร็จก็เกือบเที่ยง เมื่อไม่เห็นวี่แววของภานุมาศว่าจะออกมาสักที เพราะความหิวทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวจึงเข้าไปปลุกหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้น
“ผู้หญิงอะไรนอนกินบ้านกินเมืองชะมัด”
ถ้าเมื่อคืนเขาไม่เผลอหลับไปก่อนคงไม่ว่าภานุมาศ เพราะเมื่อคืนหญิงสาวงอแงขอโน้ตบุ๊คพร้อมแอร์การ์ดมาเชื่อมต่อินเทอร์เน็ต สักรินทร์ต้องการพักผ่อนจึงสั่งให้ลูกน้องหามาให้ แล้วไม่สนใจภานุมาศเลยทั้งคืน
“ตื่นได้แล้วยัยลูกพลัมเน่า” สักรินทร์ใช้เท้าเขี่ยคนนอนอุตุ
“อืม...ขออีกสิบนาที” ภานุมาศงัวเงียลืมตามองคนรบกวนเวลาพักผ่อนเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงหลับตาดังเดิมพลางใช้หมอนปิดหู ไม่ฟังเสียงของสักรินทร์
“เที่ยงแล้ว ตื่นได้แล้วแม่คุณ ฉันหิวจนจะกินช้างได้เป็นตัวอยู่แล้ว ตื่นมาอาบนำ้แล้วไปหาอะไรกินกัน”
“อีกห้านาทีก็ได้” ภานุมาศว่าพลางกลิ้งตัวไปใต้เตียงเมื่อสักรินทร์เพิ่มนำ้หนักที่เท้า
“ไม่ได้ๆๆ เป็นสาวเป็นนาง นอนตื่นสายได้อย่างไร” อีกฝ่ายสวมมาดดุว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“ห้านาทีนะ...นะคะ” คนที่ใช้เวลานอนไปกับการแชทกับแฟนหนุ่มงี่เง่าต่อรองประวิงเวลา
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันไปเตรียมนำ้ให้เธออาบก็แล้วกัน แล้วถ้าฉันออกมาเธอต้องไปอาบน้ำ”
“อืมๆ ” ภานุมาศรับปากไปส่งๆ
สักรินทร์แกะกระดุมแขนเสื้อแล้วพับลวกๆ ไปถึงข้อศอกก่อนลงมือผสมนำ้ร้อนกับนำ้อุ่นให้อุณหภูมิของนำ้พอดี พร้อมทั้งเอาสบู่เหลวกลิ่นดอกไม้มาตีฟองให้อีกด้วย ชายหนุ่มไม่เข้าใจการกระทำของตนว่าเหตุไหนเขาต้องบริการเธอด้วย
“เอาน่า เพื่อมื้อเช้า” หากสักรินทร์ออกมาเรียกภานุมาศตามสัญญาก็โมโห เมื่อหญิงสาวขึ้นไปนอนหลับสบายบนเตียงของเขา
“ไม่ตื่นใช่ไหม...ได้” ว่าแล้วสักรินทร์ก็ดึงสองเท้าของภานุมาศทางปลายเตียง แล้วอุ้มร่างบางที่ใช้ผ้าห่มห่อตัวพาดบ่าไปโยนไว้ในอ่างอาบน้ำ เปิดฝักบัวรดศีรษะทันที ไม่ให้หญิงสาวทันตั้งตัว
“แค่กๆๆ ไอ้คุณรินบ้า” สักรินทร์สำลักนำ้ แสบหู แสบคอไปหมด
“ฉันคงจะใจดีกับเธอเกินไปสินะยัยลูกพลัมเน่า” สักรินทร์กอดอกพูดเสียงเย็น
“เมื่อคืนฉันนอนดึกนี่” หญิงสาวเถียงข้างๆ คูๆ แม้รู้ว่าตนทำไม่ถูกนัก
“แล้วทำอะไรทั้งคืน”
“แชทคุยกับแฟน”
สักรินทร์โมโหกับคำตอบของภานุมาศ เขาไม่ชอบคนโกหก แต่เขาก็อยากให้เธอโกหกเขาไม่ให้ต้องเจ็บชำ้ไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มถอนหายใจมองคนที่สร้างความพิเศษให้เกิดในจิตใจเพียงชั่วข้ามคืนอย่างผิดหวัง
“ฉันขอสั่งห้ามให้เธอติดต่อกับมันอีกเด็ดขาด แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ไม่ว่าเปล่า สักรินทร์เขย่าไหล่บางจนเธอหัวสั่นหัวคลอน “เธอมีหน้าที่ต้องทำ ต้องใช้หนี้แทนพ่อเธอที่โกงเงินฉันไป เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเธอทำให้ฉันพอใจ อ้อ ถ้าเธออดใจไม่ไหวอยากติดต่อกับมัน ก็ต้องรอให้ฉันเบื่อเธอก่อน ฉันปล่อยเธอไปแน่”
“ไอ้คนบ้าอำนาจ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน เพราะต่อไปนี้ฉันคือเจ้าชีวิตเธอ”
ภานุมาศอึกอัก เมื่อเขาพูดเสียงแข็ง ในแววตาของเขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเคยเป็นมา หากคล้ายกับแววตาของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะตะปบเหยื่อได้ทุกเมื่อ “...”
“อ้อ แล้วอีกอย่างนะ คืนนี้ฉันจะมาใช้บริการเธอ”
แล้วร่างสูงผละไปอย่างรวดเร็ว สักรินทร์ไม่อยากเผลอทำร้ายภานุมาศถ้าหญิงสาวยั่วโมโหเขาอีก พลันสายตาปะทะกับโน้ตบุ๊คเจ้าปัญหา ชายหนุ่มทุ่มมันกับพื้นจนแตกยับเยิน ไม่มีชิ้นดี
สักรินทร์เปลี่ยนใจสั่งกับข้าวมาให้หญิงสาวในห้องแทน พร้อมทั้งขังหญิงสาวไว้ไม่ให้ไปไหน
ภานุมาศกลั้นนำ้ตาไว้ไม่ให้ไหล ศักดิ์ศรีที่ตนมีได้ถูกสักรินทร์เหยียบยำ่อย่างไร้ค่า ภานุมาศทราบดีว่าต่อให้เธอมีปีกก็ไม่อาจหนีพ้นกรงเล็บของสักรินทร์ เจ้าพ่ออย่างเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ แน่นอนว่ารวมทั้งตัวของเธอด้วย หากว่าเธอต้องเป็นของเขา เธอคงไม่มีทางบากหน้ากลับไปหาน่านนำ้แน่ๆ แม้ว่าเขาจะไม่รังเกียจเธอ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องถูกทิ้งเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง คิดถึงตรงนี้ภานุมาศก็ยิ้มขื่นให้กับชะตาชีวิตของตน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ธนาดลปาก้อนหินไปบนผืนนำ้จนนำ้กระจายเป็นวง นำ้ใสเผยให้เห็นฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายต่างพากันหนีหายไปจนหมด ในเวลานี้คนเก่งธุรกิจ เก่งเลข เก่งคำนวนอย่างธนาดลต้องตกม้าตาย เพราะยังหาวิธีงอนง้อรัตติกาลไม่ได้ ในเมื่อตนเองไปหักหาญนำ้ใจหญิงสาว การกระทำของตนนั้นไม่ต่างกับการกลืนนำ้ลายตนเอง ตอนแรกว่าไม่คิดพิสวาส ไม่อยากจับหรือแตะต้อง ท้ายที่สุดแล้วเขากลับสัมผัส เชยชมเธออย่างอดใจไม่อยู่
ธนาดลอยากให้ก้อนหินที่เขาปาไปนั้นเป็นปัญาที่กำลังขบคิดอยู่ตอนนี้ เขาจะขว้างมันไปให้ไกลสุดสายตา แต่เขาลืมคิดไปว่าวันหนึ่งเขาก็ต้องพบเจอมันอยู่ดี
“อ๊ากกกกกก แกทำอะไรลงไปวะไอ้ดล...เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างคนสิ้นหวัง “เอาวะ ไหนๆ แกก็จับยัยคนสวยทำเมียแล้วนี่หว่า”
ธนาดลคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรับผิดชอบรัตติกาล กลับไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ เขาจะแต่งงานกับเธอทันที เพราะตอนนี้เขาหมดความคลางแคลงใจในตัวหญิงสาว เพราะหลักฐานที่เขาเห็นเมื่อครู่พิสูจน์แล้วว่ารัตติกาลไม่เคยมีอะไรกับบวร เธอมีเขาคนเดียว และต่อจากนี้เขาจะไม่สนใจตามหาว่าใครทำให้ภราดาประสบอุบัติเหตุ
การทำให้รัตติกาลยอมรับในตัวเขาได้นี่สิคือปัญหา
ธนาดลนึกถึงคำเตือนของสักรินทร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน ถ้าเขากลับไปปรึกษาเพื่อนรัก คงโดนสักรินทร์หัวเราะสมนำ้หน้าเป็นแน่แท้
“จะมีเมียทั้งทีทำไมมันยากเย็นอย่างนี้นะ”
ไม่ใช่่แค่ธนาดลที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี รัตติกาลก็เช่นกัน หญิงสาวไม่อาจดำเนินเมโลดราม่าบทเล็กของตนต่อไปได้ เพราะไม่แน่ใจว่าธนาดลพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำของตนหรือเปล่า
“อยากได้นำ้มะนาวสักแก้วจัง” รัตติกาลพึมพำ อยากบรรเทาอาการเจ็บคอของตน และเพิ่มความสดชื่นให้สมองได้แล่ฉิว “นำ้มันกิงโกะก็กิน นำ้มันตับปลาก็กิน ทำไมยังคิดไม่ออกนะ”
คนไม่มีแผนสำรองเริ่มกังวลว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน ถ้าโชคร้าย รัตติกาลจะต้องเจ็บตัวและเสียเลือดฟรีๆ แม้จะปลอบใจตนเองว่าคงไม่โชคร้ายเช่นนั้น แต่ก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าถ้าธนาดลเซย์โน เธอคงจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน แล้วต้องเอาเกรดเอทั้งวิชา Drama และ วิชา Introduction to Prose and Proetry ไปคืนอาจารย์เสีย
“ตอนเรียนว่าตั้งใจเรียนแล้วนะ ทำไมมันอีลุงตุงนังอย่างนี้” รัตติกาลไม่ทราบว่าตนคิดถูกหรือผิดที่ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินมาแบบนี้ แล้วรัตติกาลเงี่ยหูฟังเพราะเสียงจ๋อมของก้อนหินกับพื้นนำ้เงียบไปแล้ว เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักของธนาดลเข้ามาใกล้ หญิงสาวจึงแสร้งว่าหลับอยู่
ธนาดลเอาผมสีดำขลับของเธอทัดหู มองว่าที่เจ้าสาวอย่างครุ่นคิด โดยหารู้ไม่ว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก แล้วธนาดลก็ก้มลงสูดกลิ่นหอมจากไรผมนั้น
“คุณ” รัตติกาลลืมตาโพลงแล้วผลักอกธนาดล
ชายหนุ่มชะงักกับท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอ หากรั้งหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด “ผมขอโทษนะ”
“ขอโทษ แล้วมันนกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“เราแต่งงานกันนะ”
เสียงทุ้มบอกอย่างแผ่วเบาทำให้นำ้ตาคลอหน่วย หญิงสาวแอบหยิกตัวเองว่าไม่ได้ฝันไป แต่งงาน...สำเร็จแล้ว หากคนตีบทโศกชอบบทบาทนางร้ายมากกว่านางเอกกรีดน้ำตาไหลเป็นทาง
“คุณไม่ต้องรับผิดชอบฉันก็ได้ ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฮึก...ฉันไม่อยากฝืนใจคุณ” เธอว่าอย่างถือตัว
คำพูดของรัตติกาลทำให้ธนาดลรู้สึกราวกับโดนน็อคกลางอากาศ ชายหนุ่มก้มมองหน้ามน คิดว่าเธอยังงอน หรือโกรธเขาจึงพูดด้วยอารมณ์
“โธ่นิกซ์ คุณยังงอนผมอีกหรือ”
“ฉันไม่งอนนะคะคุณดล เราต้องพูดกันด้วยเหตุผล ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากคุณ” รัตติกาลไม่หลบสายตาคมที่จ้องมา “มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”
ธนาดลเห็นดวงตาของรัตติกาลหลุบตำ่ลงซ่อนความน้อยเนื้อตำ่ใจก็ใจหายวาบ “มันไม่ใช่ความสงสาร แต่เป็นความรักต่างหาก...เด็กโง่”
“หึ ความรักหรือคะ คุณเก็บไว้หลอกผู้หญิงคนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าคุณทำเพราะคุณเกลียดฉัน” เมื่อธนาดลอ้างถึงความรัก รัตติกาลก็ขืนตัวไม่ให้เขาได้แตะต้อง นึกเกลียดคนใจง่ายแสนหลอกลวงคนนี้เสียจริง
“คุณไม่เชื่อผม ไม่ให้โอกาสผมเลยนิกซ์” ธนาดลโอดครวญ ขอความเห็นใจแต่อีกฝ่ายไม่คล้อยตามเลยสักนิด
“ความรักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แค่วันหรือสองวันนะคะ มันต้องใช้เวลา...แล้วที่ฉันเห็น คุณเกลียดฉันจะตายไป ทั้งว่าฉันทั้งทำร้ายร่างกายฉันสารพัด” รัตติกาลเริ่มนอกบทเพราะเหลืออดกับการกระทำของเขาเมื่อวานที่ให้เธออดข้าว แถมยังผลักเธอเสียจุก
“โธ่ ผมขอโทษจริงๆ ที่รัก ผมยังเข้าใจผิดคุณนี่” ธนาดลยอมรับว่าผิดจริง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เขาไม่อยากปล่อยเธอไกลตัว
“ไม่ต้องมาที่รก ที่รักเลยนะ ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ รู้จักกันไม่กี่วันก็เรียกฉันว่าที่รักเสียแล้ว หึ ผู้ชาย”
“คุณอาจรู้จักผมแค่ไม่กี่วัน แต่ผมรู้จักคุณมาสองเดือนแล้ว” ธนาดลไม่ยอมให้รัตติกาลปรามาสว่าเป็นคนใจง่าย ดีเสียอีกที่เขาจะรักเธอได้อย่างไม่มีข้อแม้
“ไม่จริง...คุณโกหก” รัตติกาลตกใจกับความจริงที่ได้ทราบ “แสดงว่าที่ผ่านมาคุณให้คนสะกดรอยตามฉันตลอดเลยหรือเนี่ย”
“ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ผมก็แค่อยากรู้จักคุณมากขึ้นเลยให้คนไปตามสืบประวัติคุณแค่นั้นเอง” ธนาดลไม่อยากให้หญิงสาวตกใจไปมากกว่านี้จึงไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด
“ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเห็นๆ แล้วคุณอยากรู้จักฉันทำไมไม่ทราบ” รัตติกาลได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรงที่มาถูกทาง เมื่อธนาดลยินดีตอบคำถามที่เธอข้องใจอยู่ทุกข้อ
“ผมมีเหตุผลส่วนตัว ยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าผมแอบรักคุณข้างเดียวมานานแล้ว”
“คุณไม่บอกเหตุผลของคุณแสดงว่าคุณไม่จริงใจ”
หัวใจของรัตติกาลพองโตตั้งแต่ธนาดลสารภาพว่าให้คนตามสืบประวัติเธอ หัวใจดวงน้อยแกว่งอีกนิดเมื่อชายหนุ่มสารภาพว่าแอบรักเธอ แล้วถ้าหญิงสาวได้ยินคำพูดหวานๆ ของเขาอีกคงหัวใจวายตาย
“ผมบอกคุณแน่ ถ้าคุณให้โอกาสผมแก้ตัว” นักธุรกิจอย่างธนาดลเก่งนักในเรื่องของการต่อรอง เขาจะยอมเผยข้อมูลให้กับคู่แข่งก็ต่อเมื่อเขาได้ประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
“โอกาส? โอกาสอะไร ถ้าเรื่องบนเตียงล่ะก็ ฝันไปเถอะ...คุณมีสิทธิ์เห็นขาอ่อนฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคุณดล” รัตติกาลเหน็บแนมเขาด้วยคำพูดที่เจ็บแสบ
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย ผมหมายถึงเรื่องของเรา” ธนาดลมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม “นะ...นะครับ ให้โอกาสผมหน่อยเถอะ แล้วผมจะบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้”
รัตติกาลอ้าปากค้างเมื่อธนาดลกระพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจ เสียงออดอ้อนของเขาทำให้เธอใจร้ายปฏิเสธเขาไม่ลง ไม่รู้ว่างานนี้เธอจะแถไปได้สักกี่นำ้
“อือ ก็ได้” รัตติกาลตอบเพื่อให้เขาหยุดทำท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของเสียที เพราะเธออาจจับเขาปลำ้ได้!!
“ขอบคุณครับ” ธนาดลหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ แล้วกระโดดลงจากเตียง “เดี๋ยวผมจะทำอะไรอร่อยๆ ให้ทานนะ”
รัตติกาลมองตามร่างใหญ่ที่ฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี มือเรียวจับแก้มของตนอย่างอึ้งๆ ไม่คิดมาก่อนว่าธนาดลจะปฏิบัติกับตนอย่างอ่อนโยน
อะฮ้า ธนาดลเวอร์ชั่นใหม่
“ผู้ชายแบบนี้ใครได้เป็นแฟนโชคดีตายเลย” คนหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวงึมงำกับตนเอง
แฟน...ก็แกไงนิกซ์ รถด่วนขบวนสุดท้ายมาแล้ว รีบคว้าไว้เลย
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมศร์ไม่ได้ทำตัวเป็นคู่สนทนาที่ดีของบวรนัก เพราะมัวแต่ลอบสังเกตหญิงสาวที่นั่งพับเพียบหน้าโลงศพ ธูปหนึ่งดอกที่มือบางพนมอยู่นั้นหมดไปครึ่งหนึ่งแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าเธอผู้นั้นจะขยับตัว เมศร์แอบมองสาวชุดดำที่สวมตามหลักสากลเพื่อไว้ทุกข์แก่ผู้ตายหากใบหน้าของหญิงสาวไร้ความหมองเศร้า มิหนำซำ้ยังแต่งหน้าจัดจ้านด้วยเครื่องสำอางสีสวยราวกับว่าไม่ได้เสียใจกับการจากไปของเมรยาเลยสักนิด
ใครกัน
เมศร์คุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก
ในห้วงความคิดของหญิงสาวกำลังคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นขณะควันธูปสีเทาลอยเป็นริ้วราวกับรับรู้ความคิดของเธอ “เกิดชาติหน้าฉันใดอย่าได้เจอกันอีกเลย” คำพูดสุดท้ายของเธอที่บอกคนเคยกินแหนงแคลงใจกัน
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” บวรยกมือขึ้นดูนาฬิกา
“ครับ”
“น้องเอ้ กลับบ้านได้แล้วค่ะ” บวรเรียกลูกสาว เพราะเขาเหนื่อยมาทั้งวันจึงอยากกลับไปพักผ่อนเต็มแก่ ที่สำคัญเขาต้องเข้าไปทำงานแทนธนาดลในวันพรุ่งนี้
น้องเอ้ ชุติมา หลานสาวคุณดลนี่เอง
“คุณพ่อส่งแขกเรียบร้อยแล้วหรือคะ” ชุติมาถามบิดาอย่างเห็นใจ
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“งั้นกลับกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้านะคุณเลขาฯ ” บวรเย้าชุติมาอย่างอารมณ์ดี
“ทราบแล้วค่ะท่านประธานฯ ” ชุติมาเดินไปคล้องแขนบิดา พากันเดินออกไปจากศาลาวัดอย่างอารมณ์ดี
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เรื่องราวกำลังเข้มข้นนะคะ ไม่ชอบตรงไหนก็ติชมได้นะคะ
@ คุณ pattisa แก้ตัวใหม่แล้วค่ะ ไม่โกรธกันนะคะ ต้องขอโทษจริงๆ ช่วงนี้นุ่นหัวตันไปหน่อยค่ะ
@ คุณ angle101 ขอบคุณนะคะที่ชอบ นุ่นหวังว่าคงจะติดตามนิยายของนุ่นตลอดไปนะคะ
@ คุณ lovemuay คุณดลดูเหมือนจะร้าย แต่จริงๆ แล้วเป็นคนดี ออกจะซื่อๆ บื้อๆ ด้วยซำ้ พอเจอมารยาหญิงเลยตามไม่ทัน ต้องให้นิกซ์ช่วยสอนค่ะ
@ คุณปูสีน้ำเงิน นุ่นก็ชอบนางเอกร้ายๆ ค่ะ ดูละคร อ่านนิยายมาหลายเรื่องไม่ค่อยถูกใจนางเอก เลยเขียนเองเลย หวังว่าคงชอบนะคะ
“เดี๋ยวอ้อนเอาดอกบัวไปวางที่โต๊ะหมู่บูชาให้ป้าทีนะ ส่วนดอกไม้ไปไว้บนโต๊ะตรงนู้น แล้ววานไปดูทีว่าจัดเก้าอี้เรียบร้อยกันหรือยัง” ป้าอรสั่งเด็กรับใช้ขณะที่ปักดอกกุหลาบสีขาวกับโอเอซิส
“...” อ้อน สาวอีสาน เด็กรับใช้ในบ้านอมรวัฒนกุลนั่งเหม่อ ไม่ได้ฟังว่าป้าอรพูดอะไร
“นังอ้อน” สะอิ้ง หัวหน้าแม่บ้านตะโกนเรียกอ้อน จนหญิงสาวสะดุ้งร้องว้าย “นั่งเหม่อแต่เช้าเลยนะนังอ้อน เป็นอะไรของเอ็งฮะ”
“อ้อน...อ้อนขอโทษจ้ะป้าอร พี่สะอิ้ง” อ้อนยกมือไหว้ขอโทษผู้สอนงานบ้านงานเรือนของตนทั้งสอง
“ดูละครจนดึกจนดื่นอีกแล้วสินังนี่ ไปๆ ไม่ไหวก็กลับบ้านไปนอนพัก อย่ามาเกะกะแถวนี้” สะอิ้งพูดอย่างคนปากร้ายใจดี
“อ้อนไหวจ้ะพี่สะอิ้ง ว่าแต่ป้าให้อ้อนทำอะไรคะ”
“ป้าอรบอกให้แกเอาดอกบัวนี่ไปถวายพระ ส่วนดอกกุหลาบนั่นก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วไปดูนังเด่นกับนังดาวว่าจัดเก้าอี้เสร็จหรือยัง อีกประเดี๋ยวแขกเหรื่อก็จะมาเต็มงานแล้ว” สะอิ้งละมือจากการเก็บกิ่งและใบกุหลาบที่ป้าอรลิดออก ชี้ดอกบัวนี่ และดอกกุหลาบนั่น แจกแจงเสียละเอียดว่าอ้อนต้องทำอะไรบ้าง
“แค่นี้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ก็เออสิวะนังอ้อน” สะอิ้งชักฉุนที่อ้อนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถามอะไรยุ่งยาก น่ารำคาญทำให้อ้อนรีบยกถาดดอกไม้ออกไป ก่อนที่จะโดนสะอิ้งว่าให้อีก
“ปากคอเราะร้ายเหลือเกินนะสะอิ้ง” ป้าอรว่าสะอิ้งขณะเจียนใบตอง
“ขอโทษจ้ะป้าที่ต้องฟังอะไรไม่เสนาะหู” สะอิ้งขอโทษผู้สูงวัย ด้วยรู้ดีว่าป้าอรเป็นคนนุ่มนิ่ม พูดเพราะ กิริยางดงามชวนมอง ตั้งแต่สะอิ้งทำงานกับป้าอรมา เธอยังไม่เคยเห็นป้าด่าใครสักคน
“ป้าว่าอ้อนมันดูแปลกๆ ไปตั้งแต่วันที่คุณภราดาตกบันไดนะ”
“สะอิ้งก็ว่าอย่างนั้นแหละป้า นังอ้อนเหมือนคนมีอะไรในใจ ถามอะไรมันก็ไม่ยอมบอกเหมือนกับคนกลัวอะไรอย่างนั้นแหละ”
“เอ็งว่าอ้อนมันเห็นอะไร”
“ไม่รู้สิป้า บางทีมันอาจเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็ได้ เฮ้อ...คุณเมก็เพิ่งเสียไป นังอ้อนเลยจิตตกไปด้วย” สะอิ้งพูดอย่างเห็นใจอ้อน ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองอ้อนให้พ้นจากอันตรายด้วย
ป้าอรวางกรรไกรลง หันไปถามสะอิ้งว่า “แล้วเอ็งว่าผู้หญิงที่ทะเลาะกับคุณภราดาก่อนที่คุณเมรยาจะมาพบว่าคุณภราดาเป็นใคร”
“ฉัน...ฉันไม่กล้าคิดหรอกป้า” สะอิ้งไม่กล้าสบตากับป้าอร
แม้จะมีคำตอบที่แน่ชัดในใจ แต่เธอก็กลัวที่จะตอบคำถาม ทันใดนั้นสะอิ้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คุ้นหู แล้วสะอิ้งก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ครั้นหันมามองป้าอรก็พบว่าป้าอรจุ๊ปาก ส่งสัญญาณว่าไม่ให้ทัก
เมศร์มาวัดช่วยป้าอรจัดเตรียมสถานที่แต่เช้า ส่วนการรับศพของเมรยานั้นบวร และชุติมาเป็นคนจัดการ เมศร์จะมาหาป้าอรถามหาดอกไม้หน้าศพ หากบทสนทนาของป้าอรกับสะอิ้งทำให้เขาหยุดฟังไม่ได้ การสนทนาของทั้งคู่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์เล็กๆ ให้เมศร์มาคิดปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน แล้วจู่ๆ เสียงแหลมเล็กโหยหวนทำให้เมศร์ต้องปิดหูด้วยความเจ็บปวด
“กรี๊ด!! ”
เสียงกรีดร้องเสียดแทงไปในหูทำให้เมศร์รู้สึกราวกับว่าแก้วหูของเขากำลังจะแตก เวลาเพียงเสี้ยวนาทีกว่าเสียงสยองขวัญนั้นจะหายไป แต่สำหรับเมศร์แล้วนานชั่วกัปชั่วกัลป์เลยทีเดียว
เมศร์หน้าแหย กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเลยทีเดียวหลังจากระลึกได้ว่าตนโดนคุกคามจากสิ่งลี้ลับธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจอธิบายได้
“งานนี้ทั้งคนทั้งผีเลยหรือวะเนี่ย”
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สักรินทร์ตรวจงานเสร็จก็เกือบเที่ยง เมื่อไม่เห็นวี่แววของภานุมาศว่าจะออกมาสักที เพราะความหิวทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวจึงเข้าไปปลุกหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้น
“ผู้หญิงอะไรนอนกินบ้านกินเมืองชะมัด”
ถ้าเมื่อคืนเขาไม่เผลอหลับไปก่อนคงไม่ว่าภานุมาศ เพราะเมื่อคืนหญิงสาวงอแงขอโน้ตบุ๊คพร้อมแอร์การ์ดมาเชื่อมต่อินเทอร์เน็ต สักรินทร์ต้องการพักผ่อนจึงสั่งให้ลูกน้องหามาให้ แล้วไม่สนใจภานุมาศเลยทั้งคืน
“ตื่นได้แล้วยัยลูกพลัมเน่า” สักรินทร์ใช้เท้าเขี่ยคนนอนอุตุ
“อืม...ขออีกสิบนาที” ภานุมาศงัวเงียลืมตามองคนรบกวนเวลาพักผ่อนเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงหลับตาดังเดิมพลางใช้หมอนปิดหู ไม่ฟังเสียงของสักรินทร์
“เที่ยงแล้ว ตื่นได้แล้วแม่คุณ ฉันหิวจนจะกินช้างได้เป็นตัวอยู่แล้ว ตื่นมาอาบนำ้แล้วไปหาอะไรกินกัน”
“อีกห้านาทีก็ได้” ภานุมาศว่าพลางกลิ้งตัวไปใต้เตียงเมื่อสักรินทร์เพิ่มนำ้หนักที่เท้า
“ไม่ได้ๆๆ เป็นสาวเป็นนาง นอนตื่นสายได้อย่างไร” อีกฝ่ายสวมมาดดุว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“ห้านาทีนะ...นะคะ” คนที่ใช้เวลานอนไปกับการแชทกับแฟนหนุ่มงี่เง่าต่อรองประวิงเวลา
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันไปเตรียมนำ้ให้เธออาบก็แล้วกัน แล้วถ้าฉันออกมาเธอต้องไปอาบน้ำ”
“อืมๆ ” ภานุมาศรับปากไปส่งๆ
สักรินทร์แกะกระดุมแขนเสื้อแล้วพับลวกๆ ไปถึงข้อศอกก่อนลงมือผสมนำ้ร้อนกับนำ้อุ่นให้อุณหภูมิของนำ้พอดี พร้อมทั้งเอาสบู่เหลวกลิ่นดอกไม้มาตีฟองให้อีกด้วย ชายหนุ่มไม่เข้าใจการกระทำของตนว่าเหตุไหนเขาต้องบริการเธอด้วย
“เอาน่า เพื่อมื้อเช้า” หากสักรินทร์ออกมาเรียกภานุมาศตามสัญญาก็โมโห เมื่อหญิงสาวขึ้นไปนอนหลับสบายบนเตียงของเขา
“ไม่ตื่นใช่ไหม...ได้” ว่าแล้วสักรินทร์ก็ดึงสองเท้าของภานุมาศทางปลายเตียง แล้วอุ้มร่างบางที่ใช้ผ้าห่มห่อตัวพาดบ่าไปโยนไว้ในอ่างอาบน้ำ เปิดฝักบัวรดศีรษะทันที ไม่ให้หญิงสาวทันตั้งตัว
“แค่กๆๆ ไอ้คุณรินบ้า” สักรินทร์สำลักนำ้ แสบหู แสบคอไปหมด
“ฉันคงจะใจดีกับเธอเกินไปสินะยัยลูกพลัมเน่า” สักรินทร์กอดอกพูดเสียงเย็น
“เมื่อคืนฉันนอนดึกนี่” หญิงสาวเถียงข้างๆ คูๆ แม้รู้ว่าตนทำไม่ถูกนัก
“แล้วทำอะไรทั้งคืน”
“แชทคุยกับแฟน”
สักรินทร์โมโหกับคำตอบของภานุมาศ เขาไม่ชอบคนโกหก แต่เขาก็อยากให้เธอโกหกเขาไม่ให้ต้องเจ็บชำ้ไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มถอนหายใจมองคนที่สร้างความพิเศษให้เกิดในจิตใจเพียงชั่วข้ามคืนอย่างผิดหวัง
“ฉันขอสั่งห้ามให้เธอติดต่อกับมันอีกเด็ดขาด แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ไม่ว่าเปล่า สักรินทร์เขย่าไหล่บางจนเธอหัวสั่นหัวคลอน “เธอมีหน้าที่ต้องทำ ต้องใช้หนี้แทนพ่อเธอที่โกงเงินฉันไป เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเธอทำให้ฉันพอใจ อ้อ ถ้าเธออดใจไม่ไหวอยากติดต่อกับมัน ก็ต้องรอให้ฉันเบื่อเธอก่อน ฉันปล่อยเธอไปแน่”
“ไอ้คนบ้าอำนาจ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน เพราะต่อไปนี้ฉันคือเจ้าชีวิตเธอ”
ภานุมาศอึกอัก เมื่อเขาพูดเสียงแข็ง ในแววตาของเขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเคยเป็นมา หากคล้ายกับแววตาของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะตะปบเหยื่อได้ทุกเมื่อ “...”
“อ้อ แล้วอีกอย่างนะ คืนนี้ฉันจะมาใช้บริการเธอ”
แล้วร่างสูงผละไปอย่างรวดเร็ว สักรินทร์ไม่อยากเผลอทำร้ายภานุมาศถ้าหญิงสาวยั่วโมโหเขาอีก พลันสายตาปะทะกับโน้ตบุ๊คเจ้าปัญหา ชายหนุ่มทุ่มมันกับพื้นจนแตกยับเยิน ไม่มีชิ้นดี
สักรินทร์เปลี่ยนใจสั่งกับข้าวมาให้หญิงสาวในห้องแทน พร้อมทั้งขังหญิงสาวไว้ไม่ให้ไปไหน
ภานุมาศกลั้นนำ้ตาไว้ไม่ให้ไหล ศักดิ์ศรีที่ตนมีได้ถูกสักรินทร์เหยียบยำ่อย่างไร้ค่า ภานุมาศทราบดีว่าต่อให้เธอมีปีกก็ไม่อาจหนีพ้นกรงเล็บของสักรินทร์ เจ้าพ่ออย่างเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ แน่นอนว่ารวมทั้งตัวของเธอด้วย หากว่าเธอต้องเป็นของเขา เธอคงไม่มีทางบากหน้ากลับไปหาน่านนำ้แน่ๆ แม้ว่าเขาจะไม่รังเกียจเธอ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องถูกทิ้งเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง คิดถึงตรงนี้ภานุมาศก็ยิ้มขื่นให้กับชะตาชีวิตของตน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ธนาดลปาก้อนหินไปบนผืนนำ้จนนำ้กระจายเป็นวง นำ้ใสเผยให้เห็นฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายต่างพากันหนีหายไปจนหมด ในเวลานี้คนเก่งธุรกิจ เก่งเลข เก่งคำนวนอย่างธนาดลต้องตกม้าตาย เพราะยังหาวิธีงอนง้อรัตติกาลไม่ได้ ในเมื่อตนเองไปหักหาญนำ้ใจหญิงสาว การกระทำของตนนั้นไม่ต่างกับการกลืนนำ้ลายตนเอง ตอนแรกว่าไม่คิดพิสวาส ไม่อยากจับหรือแตะต้อง ท้ายที่สุดแล้วเขากลับสัมผัส เชยชมเธออย่างอดใจไม่อยู่
ธนาดลอยากให้ก้อนหินที่เขาปาไปนั้นเป็นปัญาที่กำลังขบคิดอยู่ตอนนี้ เขาจะขว้างมันไปให้ไกลสุดสายตา แต่เขาลืมคิดไปว่าวันหนึ่งเขาก็ต้องพบเจอมันอยู่ดี
“อ๊ากกกกกก แกทำอะไรลงไปวะไอ้ดล...เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างคนสิ้นหวัง “เอาวะ ไหนๆ แกก็จับยัยคนสวยทำเมียแล้วนี่หว่า”
ธนาดลคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรับผิดชอบรัตติกาล กลับไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ เขาจะแต่งงานกับเธอทันที เพราะตอนนี้เขาหมดความคลางแคลงใจในตัวหญิงสาว เพราะหลักฐานที่เขาเห็นเมื่อครู่พิสูจน์แล้วว่ารัตติกาลไม่เคยมีอะไรกับบวร เธอมีเขาคนเดียว และต่อจากนี้เขาจะไม่สนใจตามหาว่าใครทำให้ภราดาประสบอุบัติเหตุ
การทำให้รัตติกาลยอมรับในตัวเขาได้นี่สิคือปัญหา
ธนาดลนึกถึงคำเตือนของสักรินทร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน ถ้าเขากลับไปปรึกษาเพื่อนรัก คงโดนสักรินทร์หัวเราะสมนำ้หน้าเป็นแน่แท้
“จะมีเมียทั้งทีทำไมมันยากเย็นอย่างนี้นะ”
ไม่ใช่่แค่ธนาดลที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี รัตติกาลก็เช่นกัน หญิงสาวไม่อาจดำเนินเมโลดราม่าบทเล็กของตนต่อไปได้ เพราะไม่แน่ใจว่าธนาดลพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำของตนหรือเปล่า
“อยากได้นำ้มะนาวสักแก้วจัง” รัตติกาลพึมพำ อยากบรรเทาอาการเจ็บคอของตน และเพิ่มความสดชื่นให้สมองได้แล่ฉิว “นำ้มันกิงโกะก็กิน นำ้มันตับปลาก็กิน ทำไมยังคิดไม่ออกนะ”
คนไม่มีแผนสำรองเริ่มกังวลว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน ถ้าโชคร้าย รัตติกาลจะต้องเจ็บตัวและเสียเลือดฟรีๆ แม้จะปลอบใจตนเองว่าคงไม่โชคร้ายเช่นนั้น แต่ก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าถ้าธนาดลเซย์โน เธอคงจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน แล้วต้องเอาเกรดเอทั้งวิชา Drama และ วิชา Introduction to Prose and Proetry ไปคืนอาจารย์เสีย
“ตอนเรียนว่าตั้งใจเรียนแล้วนะ ทำไมมันอีลุงตุงนังอย่างนี้” รัตติกาลไม่ทราบว่าตนคิดถูกหรือผิดที่ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินมาแบบนี้ แล้วรัตติกาลเงี่ยหูฟังเพราะเสียงจ๋อมของก้อนหินกับพื้นนำ้เงียบไปแล้ว เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักของธนาดลเข้ามาใกล้ หญิงสาวจึงแสร้งว่าหลับอยู่
ธนาดลเอาผมสีดำขลับของเธอทัดหู มองว่าที่เจ้าสาวอย่างครุ่นคิด โดยหารู้ไม่ว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก แล้วธนาดลก็ก้มลงสูดกลิ่นหอมจากไรผมนั้น
“คุณ” รัตติกาลลืมตาโพลงแล้วผลักอกธนาดล
ชายหนุ่มชะงักกับท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอ หากรั้งหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด “ผมขอโทษนะ”
“ขอโทษ แล้วมันนกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“เราแต่งงานกันนะ”
เสียงทุ้มบอกอย่างแผ่วเบาทำให้นำ้ตาคลอหน่วย หญิงสาวแอบหยิกตัวเองว่าไม่ได้ฝันไป แต่งงาน...สำเร็จแล้ว หากคนตีบทโศกชอบบทบาทนางร้ายมากกว่านางเอกกรีดน้ำตาไหลเป็นทาง
“คุณไม่ต้องรับผิดชอบฉันก็ได้ ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฮึก...ฉันไม่อยากฝืนใจคุณ” เธอว่าอย่างถือตัว
คำพูดของรัตติกาลทำให้ธนาดลรู้สึกราวกับโดนน็อคกลางอากาศ ชายหนุ่มก้มมองหน้ามน คิดว่าเธอยังงอน หรือโกรธเขาจึงพูดด้วยอารมณ์
“โธ่นิกซ์ คุณยังงอนผมอีกหรือ”
“ฉันไม่งอนนะคะคุณดล เราต้องพูดกันด้วยเหตุผล ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากคุณ” รัตติกาลไม่หลบสายตาคมที่จ้องมา “มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”
ธนาดลเห็นดวงตาของรัตติกาลหลุบตำ่ลงซ่อนความน้อยเนื้อตำ่ใจก็ใจหายวาบ “มันไม่ใช่ความสงสาร แต่เป็นความรักต่างหาก...เด็กโง่”
“หึ ความรักหรือคะ คุณเก็บไว้หลอกผู้หญิงคนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าคุณทำเพราะคุณเกลียดฉัน” เมื่อธนาดลอ้างถึงความรัก รัตติกาลก็ขืนตัวไม่ให้เขาได้แตะต้อง นึกเกลียดคนใจง่ายแสนหลอกลวงคนนี้เสียจริง
“คุณไม่เชื่อผม ไม่ให้โอกาสผมเลยนิกซ์” ธนาดลโอดครวญ ขอความเห็นใจแต่อีกฝ่ายไม่คล้อยตามเลยสักนิด
“ความรักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แค่วันหรือสองวันนะคะ มันต้องใช้เวลา...แล้วที่ฉันเห็น คุณเกลียดฉันจะตายไป ทั้งว่าฉันทั้งทำร้ายร่างกายฉันสารพัด” รัตติกาลเริ่มนอกบทเพราะเหลืออดกับการกระทำของเขาเมื่อวานที่ให้เธออดข้าว แถมยังผลักเธอเสียจุก
“โธ่ ผมขอโทษจริงๆ ที่รัก ผมยังเข้าใจผิดคุณนี่” ธนาดลยอมรับว่าผิดจริง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เขาไม่อยากปล่อยเธอไกลตัว
“ไม่ต้องมาที่รก ที่รักเลยนะ ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ รู้จักกันไม่กี่วันก็เรียกฉันว่าที่รักเสียแล้ว หึ ผู้ชาย”
“คุณอาจรู้จักผมแค่ไม่กี่วัน แต่ผมรู้จักคุณมาสองเดือนแล้ว” ธนาดลไม่ยอมให้รัตติกาลปรามาสว่าเป็นคนใจง่าย ดีเสียอีกที่เขาจะรักเธอได้อย่างไม่มีข้อแม้
“ไม่จริง...คุณโกหก” รัตติกาลตกใจกับความจริงที่ได้ทราบ “แสดงว่าที่ผ่านมาคุณให้คนสะกดรอยตามฉันตลอดเลยหรือเนี่ย”
“ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ผมก็แค่อยากรู้จักคุณมากขึ้นเลยให้คนไปตามสืบประวัติคุณแค่นั้นเอง” ธนาดลไม่อยากให้หญิงสาวตกใจไปมากกว่านี้จึงไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด
“ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเห็นๆ แล้วคุณอยากรู้จักฉันทำไมไม่ทราบ” รัตติกาลได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรงที่มาถูกทาง เมื่อธนาดลยินดีตอบคำถามที่เธอข้องใจอยู่ทุกข้อ
“ผมมีเหตุผลส่วนตัว ยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าผมแอบรักคุณข้างเดียวมานานแล้ว”
“คุณไม่บอกเหตุผลของคุณแสดงว่าคุณไม่จริงใจ”
หัวใจของรัตติกาลพองโตตั้งแต่ธนาดลสารภาพว่าให้คนตามสืบประวัติเธอ หัวใจดวงน้อยแกว่งอีกนิดเมื่อชายหนุ่มสารภาพว่าแอบรักเธอ แล้วถ้าหญิงสาวได้ยินคำพูดหวานๆ ของเขาอีกคงหัวใจวายตาย
“ผมบอกคุณแน่ ถ้าคุณให้โอกาสผมแก้ตัว” นักธุรกิจอย่างธนาดลเก่งนักในเรื่องของการต่อรอง เขาจะยอมเผยข้อมูลให้กับคู่แข่งก็ต่อเมื่อเขาได้ประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
“โอกาส? โอกาสอะไร ถ้าเรื่องบนเตียงล่ะก็ ฝันไปเถอะ...คุณมีสิทธิ์เห็นขาอ่อนฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคุณดล” รัตติกาลเหน็บแนมเขาด้วยคำพูดที่เจ็บแสบ
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย ผมหมายถึงเรื่องของเรา” ธนาดลมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม “นะ...นะครับ ให้โอกาสผมหน่อยเถอะ แล้วผมจะบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้”
รัตติกาลอ้าปากค้างเมื่อธนาดลกระพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจ เสียงออดอ้อนของเขาทำให้เธอใจร้ายปฏิเสธเขาไม่ลง ไม่รู้ว่างานนี้เธอจะแถไปได้สักกี่นำ้
“อือ ก็ได้” รัตติกาลตอบเพื่อให้เขาหยุดทำท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของเสียที เพราะเธออาจจับเขาปลำ้ได้!!
“ขอบคุณครับ” ธนาดลหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ แล้วกระโดดลงจากเตียง “เดี๋ยวผมจะทำอะไรอร่อยๆ ให้ทานนะ”
รัตติกาลมองตามร่างใหญ่ที่ฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี มือเรียวจับแก้มของตนอย่างอึ้งๆ ไม่คิดมาก่อนว่าธนาดลจะปฏิบัติกับตนอย่างอ่อนโยน
อะฮ้า ธนาดลเวอร์ชั่นใหม่
“ผู้ชายแบบนี้ใครได้เป็นแฟนโชคดีตายเลย” คนหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวงึมงำกับตนเอง
แฟน...ก็แกไงนิกซ์ รถด่วนขบวนสุดท้ายมาแล้ว รีบคว้าไว้เลย
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมศร์ไม่ได้ทำตัวเป็นคู่สนทนาที่ดีของบวรนัก เพราะมัวแต่ลอบสังเกตหญิงสาวที่นั่งพับเพียบหน้าโลงศพ ธูปหนึ่งดอกที่มือบางพนมอยู่นั้นหมดไปครึ่งหนึ่งแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าเธอผู้นั้นจะขยับตัว เมศร์แอบมองสาวชุดดำที่สวมตามหลักสากลเพื่อไว้ทุกข์แก่ผู้ตายหากใบหน้าของหญิงสาวไร้ความหมองเศร้า มิหนำซำ้ยังแต่งหน้าจัดจ้านด้วยเครื่องสำอางสีสวยราวกับว่าไม่ได้เสียใจกับการจากไปของเมรยาเลยสักนิด
ใครกัน
เมศร์คุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก
ในห้วงความคิดของหญิงสาวกำลังคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นขณะควันธูปสีเทาลอยเป็นริ้วราวกับรับรู้ความคิดของเธอ “เกิดชาติหน้าฉันใดอย่าได้เจอกันอีกเลย” คำพูดสุดท้ายของเธอที่บอกคนเคยกินแหนงแคลงใจกัน
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” บวรยกมือขึ้นดูนาฬิกา
“ครับ”
“น้องเอ้ กลับบ้านได้แล้วค่ะ” บวรเรียกลูกสาว เพราะเขาเหนื่อยมาทั้งวันจึงอยากกลับไปพักผ่อนเต็มแก่ ที่สำคัญเขาต้องเข้าไปทำงานแทนธนาดลในวันพรุ่งนี้
น้องเอ้ ชุติมา หลานสาวคุณดลนี่เอง
“คุณพ่อส่งแขกเรียบร้อยแล้วหรือคะ” ชุติมาถามบิดาอย่างเห็นใจ
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“งั้นกลับกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้านะคุณเลขาฯ ” บวรเย้าชุติมาอย่างอารมณ์ดี
“ทราบแล้วค่ะท่านประธานฯ ” ชุติมาเดินไปคล้องแขนบิดา พากันเดินออกไปจากศาลาวัดอย่างอารมณ์ดี
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เรื่องราวกำลังเข้มข้นนะคะ ไม่ชอบตรงไหนก็ติชมได้นะคะ
@ คุณ pattisa แก้ตัวใหม่แล้วค่ะ ไม่โกรธกันนะคะ ต้องขอโทษจริงๆ ช่วงนี้นุ่นหัวตันไปหน่อยค่ะ
@ คุณ angle101 ขอบคุณนะคะที่ชอบ นุ่นหวังว่าคงจะติดตามนิยายของนุ่นตลอดไปนะคะ
@ คุณ lovemuay คุณดลดูเหมือนจะร้าย แต่จริงๆ แล้วเป็นคนดี ออกจะซื่อๆ บื้อๆ ด้วยซำ้ พอเจอมารยาหญิงเลยตามไม่ทัน ต้องให้นิกซ์ช่วยสอนค่ะ
@ คุณปูสีน้ำเงิน นุ่นก็ชอบนางเอกร้ายๆ ค่ะ ดูละคร อ่านนิยายมาหลายเรื่องไม่ค่อยถูกใจนางเอก เลยเขียนเองเลย หวังว่าคงชอบนะคะ
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2554, 20:10:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2554, 20:27:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 2392
<< บทที่ 8 | บทที่ 10 >> |
angle101 13 พ.ค. 2554, 10:22:24 น.
อัพอีกสักตอนได้ป่าวววว กะลังเข้มข้นอ่ะ รอ รอ รอ น๊า
อัพอีกสักตอนได้ป่าวววว กะลังเข้มข้นอ่ะ รอ รอ รอ น๊า
lovemuay 13 พ.ค. 2554, 10:38:23 น.
จะรอดูว่านางเอกจะแถไปได้สักกี่น้ำ ก่อนจะจมในบ่อพระเอก อิอิ
ส่วนคุณสักรินทร์ หึงหน้ามืดตามัวนะเนี่ย ไม่บอกสาวเจ้าแล้วเค้าจะรู้ได้ไงคะ ^^
จะรอดูว่านางเอกจะแถไปได้สักกี่น้ำ ก่อนจะจมในบ่อพระเอก อิอิ
ส่วนคุณสักรินทร์ หึงหน้ามืดตามัวนะเนี่ย ไม่บอกสาวเจ้าแล้วเค้าจะรู้ได้ไงคะ ^^
pattisa 14 พ.ค. 2554, 09:40:16 น.
ไม่เป็นไรค่ะ ;) ว่าแต่ตอนแรกพระเอกจะแก้แค้นนางเอกมิใช่รึ ไหงกลายเป็นว่าตกหลุมมารยานางเอกซะแล้วว 55555
ไม่เป็นไรค่ะ ;) ว่าแต่ตอนแรกพระเอกจะแก้แค้นนางเอกมิใช่รึ ไหงกลายเป็นว่าตกหลุมมารยานางเอกซะแล้วว 55555
ปูสีน้ำเงิน 14 พ.ค. 2554, 14:46:32 น.
รู้สึกเหมือนอ่านไม่สะใจยังไงไม่รู้
มาอัพให้อ่านอีกสักตอนได้ไหม๊คะ
รู้สึกเหมือนอ่านไม่สะใจยังไงไม่รู้
มาอัพให้อ่านอีกสักตอนได้ไหม๊คะ