โฮ่งเหมียวเกี่ยวรัก (จบแล้วค่ะ)
ท่ามกลางความต่างและเกลียดชัง...อาจพบความหวานที่เติมเต็มหัวใจ
เมื่อคนรักหมาต้องมาเลี้ยงแมว...และคนรักแมวต้องมาเลี้ยงมา เพื่อ
ชิงแชมป์ตำแหน่งสุดยอดครูฝึกสัตว์เลี้ยง คู่อริตลอดกาลต้องมาเป็นคู่แข่ง
จะน่ารัก อลหม่าน แมวๆโฮ่งๆ ขนาดไหนต้องติดตามค่ะ
Tags: แมว,หมา,รักหวานแหวว,สัตว์เลี้ยง

ตอน: 4 :: วันแห่งการแข่งขัน

“โพล่า เบอร์สี่จากฟาร์มซูพีเรีย กำลังจะกระโดดข้ามห่วง ขอเสียงปรบมือด้วยครับ” เสียงประกาศของโฆษกเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมที่นั่งบนอัฒจันทร์อย่างสนั่นหวั่นไหว ทำให้กันธิชาประหม่าจนต้องสูดลมหายใจลึกๆ แม้จะพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า แต่เมื่อเจอฝูงชนที่จับตามองหล่อนเป็นตาเดียวกัน ก็ทำให้มือไม้เย็นเหงื่อซึมผุดขึ้นมาเต็มฝ่ามือเสียอย่างนั้น

สู้โว้ย! มาถึงขนาดนี้แล้วจะถอยได้ยังไง

กันธิชาบอกตัวเองว่าวันนี้หล่อนจะต้องชนะให้ได้ และจะต้องลบคำสบประมาทของคนที่เคยดูถูกหล่อนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนัมจา โฮยอน รวมทั้งศรัณย์ที่พร้อมจะเหยียบย่ำเมื่อหล่อนพ่ายแพ้
เหตุการณ์เมื่อวาน หลังจากที่หล่อนกลับมาถึงบ้านพร้อมด้วยผมทรงใหม่และเสื้อผ้าจากร้านดังที่คงซูซื้อให้หล่อนยังคงครุกรุ่นรบกวนจิตใจไม่หาย

“แกไปตัดผมทรงอะไรมา คิดว่าสวยแล้วรึไง” โฮยอนซึ่งเพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสภาพชุ่มเหงื่อหลังจากออกกำลังกาย จ้องมองหล่อนอย่างพิจารณา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันระคนริษยาว่าผมทรงใหม่ของหล่อนดูไม่เข้าท่าและสิ้นคิด แต่กันธิชาก็ปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน โฮยอนก็คิดว่าหล่อนดูไม่เข้าท่าอยู่ดี ปล่อยให้โฮยอนวิจารณ์ให้จบๆจะได้สิ้นเรื่องดีกว่าต่อความให้เป็นปัญหา แม้กันธิชาจะพยายามสงบคำ แต่สายตาเหยี่ยวที่พร้อมจะจับผิดของโฮยอนก็พุ่งตรงแน่วไปยังถุงเสื้อที่คงซูซื้อให้หล่อน

“โมลิต้า ร้านนี้มันร้านเสื้อดังนี่นา แกมีปัญญาซื้อได้ยังไง”

โฮยอนอ่านชื่อร้านเสื้อที่ปรากฏอยู่บนถุงกระดาษแล้วมองหล่อนอย่างคาดคั้น กันธิชานิ่งคิดอย่างชั่งใจว่าหล่อนควรจะตอบตามความจริงว่าคงซูซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้ให้หรือว่าจะตอบว่าหล่อนเป็นคนซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้เองดี แต่ไม่ว่าหล่อนจะตอบยังไง โฮยอนก็ไม่มีทางพอใจกับคำตอบอยู่ดี

“พรุ่งนี้ฉันจะต้องพาโพล่าไปแข่ง พี่คงซูก็เลยพาไปทำผมและซื้อเสื้อผ้าให้ก็เท่านั้นเองค่พ” กันธิชาตอบด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว แต่โฮยอนก็ยังขัดขึ้นมาจนได้ แล้วแย่งถุงเสื้อจากมือหล่อน พลางถือวิสาสะหยิบชุดในถุงนั้นมาดู

“ชุดนี้ไม่เห็นเหมาะกับคนฝึกหมาอย่างแกสักนิด ใส่ไปจะมีแต่คนหัวเราะเปล่าๆ ฉันว่าชุดแบบนี่น่าจะเหมาะกับคนสวยเริ่ดอย่างฉันมากกว่า...จริงสิ ฉันกำลังจะต้องหาชุดใส่ไปแคสติ้งงานถ่ายแบบพอดี แกจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอ”

โฮยอนเอ่ยปากขอชุดใหม่จากหล่อนตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อนางพญาของบ้านประกาศความต้องการเช่นนี้แล้ว หล่อนควรจะทำอย่างไร

กันธิชาสะกัดกั้นอารมณ์ไว้ได้อย่างยากเย็นเพื่อห้ามไม่ให้น้ำตาไหลรินลงมา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแล่นริ้วขึ้นมา พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหล ทำไมโฮยอนถึงต้องอยากได้ทุกอย่างที่เป็นของๆหล่อน ยิ่งหล่อนเป็นทุกข์มากเท่าไหร่โฮยอนก็ยิ่งยิ้มกระหย่องด้วยความสุขใจมากเท่านั้น เสื้อผ้าสวยๆเหล่านี้หากโฮยอนเอ่ยปากขอจากนัมจา แม่เลี้ยงของหล่อนก็คงยินดีซื้อให้โฮยอนอย่างแน่นอน แต่สำหรับหล่อนแล้ว โอกาสที่จะได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ดีๆสักชุดนี่ช่างแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“ฉันให้พี่ไม่ได้จริงๆ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่มีชุดใส่ไปแข่งวันพรุ่งนี้” หล่อนพยายามหาเหตุผลมาแย้ง

“แล้วชุดเก่าที่ฉันเพิ่งยกให้เธอล่ะ ชุดนั้นก็เหมาะกับเธอนะ แค่ไปแข่งหมา ไม่ได้ประกวดนางงาม จะแต่งตัวเว่อร์ไปทำไม” โฮยอนหมายถึงเดรสเก่าของเธอที่ใส่จนซีด แล้วโละมาให้หล่อนเมื่ออาทิตย์ก่อน ใครจะกล้าใส่ชุดนั้นกันเพราะสภาพดูดีกว่าผ้าขี้ริ้วเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่เป็นประจำยังดูดีกว่าเป็นไหนๆ

“ถึงจะเว่อร์ แต่มันก็เป็นชุดของฉันนะคะ” กันธิชาไม่เกรงใจโฮยอนอีกต่อไปจึงยื้อชุดคืนจากโฮยอน

“นังแฮซู เดี๋ยวนี้แกกล้าแย่งของจากมือชั้นแล้วเหรอ” โฮยอนแผดเสียงลั่นจนทำให้นัมจาถึงกับต้องเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น นังแฮซูมันทำอะไรลูก”นัมจาเดินมาสบทบ สายตาของนางปราดมองหล่อนอย่างเอาเรื่อง

“คุณแม่คะ นังนี่มันออดอ้อนให้พี่คงซูเสื้อผ้าแพงๆให้ หนูก็แค่พูดไปตามจริงว่าชุดหรูๆแบบนี้ไม่เหมาะจะใส่ไปประกวดหมา หนูเลยขอ มันไม่ยอมให้แถมยังจะแย่งจากมือหนูอีก แม่ต้องปรามมันหน่อยนะคะ ขืนไปทำกริยาแบบนี้นอกบ้าน เขาจะพูดได้ว่าบ้านเราไม่สั่งสอนอบรมกิริยามารยาท”

“ลูกจะไปเอาอะไรกับเด็กกำพร้าเก็บจากท่าเรือล่ะ ต่อให้เราสอนให้เป็นผู้ดิบผู้ดียังไงก็คงยาก ของแบบนี้มันอยู่ที่กำพืด”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นัมจาพูดจาเสียดสีปมกำเนิดของหล่อน หากเป็นวันอื่น หล่อนก็คงจะปล่อยให้คำพูดเหล่านี้ผ่านไป แต่วันนี้ความอดทนที่อัดแน่นเหมือนกับภูเขาไฟถึงเวลาที่จะระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่เสียแล้ว

“ถึงคุณแม่จะไม่พอใจที่หนูทำให้พี่โฮยอนขัดเคือง แต่คุณแม่ก็ไม่ควรพาดพิงถึงเรื่องกำเนิดของหนู หากเลือกได้ หนูก็คงไม่อยากเป็นกำพร้าและไม่ต้องเป็นภาระให้ใครต้องเลี้ยงดูหรอกนะคะ..แต่เสื้อนั่น มันเป็นของหนู ยังไงก็ขอคืน อ่อ...คนที่เป็นผู้ดีเขาไม่ตบตีแย่งของจากคนอื่นแบบนี้หรอก” หล่อนไม่ได้ตะคอกเสียงใส่นัมจาและโฮยอน หากพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทว่าจริงจัง

“คืนเสื้อมันไปโฮยอน คนอย่างลูกไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อแพงๆเพื่อยกระดับตัวเองเหมือนนังแฮซูหรอก” นัมจาหันมาสั่งโฮยอนด้วยน้ำเสียงห้วนกระชาก

“เอ้า...เอาไป ฉันก็ไม่อยากได้นักหรอก คนอย่างฉันมีปัญหาซื้อของดีกว่านี้ได้ร้อยเท่าพันเท่า”
ในขณะที่โฮยอนยื่นเสื้อผ้าคืนให้กับหล่อน เสื้อผ้าก็ไหลลื่นตกลงกองกับพื้น มือของหล่อนที่กำลังรอรับเสื้อจึงสัมผัสแต่ความว่างเปล่า แต่ก่อนที่กันธิชาจะก้มตัวลงเพื่อหยิบเสื้อที่หล่นขึ้นมา โฮยอนก็ใช้เท้าเหยียบขยี้ชุดงามนั้นอย่างจงใจ

“อุ๊บส์...ขอโทษนะแฮซู ชั้นไม่ได้ตั้งใจ ปกติฉันเคยชินกับการเช็ดเท้ากับผ้าขี้ริ้ว เวลามองเสื้อผ้าที่เธอใส่ทีไรก็พลอยทำให้นึกถึงผ้าขี้ริ้วเก่าๆเสียทุกที...จนลืมไปเลยว่าเสื้อผ้าแพงๆของเธอพวกนี้มันไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว ฉันก็เลยต้องช่วยสงเคราะห์ให้ กลัวว่าเดี๋ยวเธอเอาชุดๆดีไปใส่จะไม่ชิน” โฮยอนเอามือทาบอกแสร้งทำหน้าตกใจเหมือนกับหล่อนทำเรื่องนี้ลงไปโดยไม่ได้เจตนา ส่วนนัมจายิ้มเยาะและมองกันธิชาด้วยสายตาที่สะใจยิ่งนัก
น้ำตาของกันธิชาที่เก็บกักไว้ไม่อาจจะสกัดกั้นไว้ได้อีกต่อไป มันคือน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ที่ท้ายสุดแล้วหล่อนก็ต้องปล่อยให้มันไหลรินลงมาอาบแก้มนวล

“พี่เกลียดฉันมากเหรอคะถึงต้องทำกันขนาดนี้ ฉันไม่เคยเผยอทำตัวเทียบพี่เลย ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นใคร มีฐานะอะไรในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าแม่หรือพี่ต้องการให้ฉันทำอะไร ทำงานหนักแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยปริปาก เพราะหนี้บุญคุณที่พ่อจินโฮเก็บฉันมาเลี้ยงและฉันเองก็สำนึกที่แม่เลี้ยงดูฉันมาจนเติบใหญ่ ฉันไม่เคยคิดจะเรียกร้องขอความเห็นใจจากใคร แต่ฉันก็แอบหวังเพียงแค่ว่าวันหนึ่งแม่และพี่โฮยอนจะรักเมตตาฉันเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวบ้าง...แค่จะยินดีที่เห็นฉันมีความสุขบ้างไม่ได้เลยเหรอคะ”

กันธิชาร้องไห้จนตัวโยนพลางพูดตัดพ้ออย่างน้อยใจด้วยน้ำเสียงสะอื้น นี่คือตะกอนในจิตใจที่หล่อนเก็บไว้ในใจมานานตั้งแต่เยาว์วัยแต่ไม่เคยคิดจะพูดออกมา เพราะกันธิชาไม่อยากได้ยินคำตอบที่จะทำให้ใจของหล่อนแห้งเหี่ยว

“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะแฮซู ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่คร่ำครวญทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น แกจะมาหวังอะไรกับความรักความเมตตาจากฉัน แค่ต้องเลี้ยงดูแกที่ไม่ใช่ลูกในไส้ ฉันก็เป็นแม่พระมากพอแล้ว แกสิที่โอหังลืมตัว อย่าลืมว่าถ้าบ้านเราไม่รับเลี้ยงดูแก พวกเราก็จะอยู่กันสบายขึ้น เพราะฉะนั้นหากโฮยอนเอ่ยปากอยากได้อะไร แกก็ไม่ควรปฎิเสธเพื่อตอบแทนสิ่งที่แกเบียดเบียนจากโฮยอนไป แล้วฉันก็ขอเตือนแกไว้ก่อนว่าอย่าริอาจหวังสูงเกินตัว คนอย่างคงซูไม่มีทางจริงจังกับคนอย่างแกแน่นอน ผู้หญิงที่คู่ควรและเหมาะสมกับคงซูที่สุดก็คือโฮยอน ฉันเตือนไว้เพราะหากมีวันนั้น ฉันจะไม่ปลอบแต่จะสมน้ำหน้าแกซ้ำ”
สิ้นคำนัมจาและโฮยอนก็ทิ้งหล่อนให้นั่งอยู่กับกองเสื้อที่ยับยู่เป็นรอยเท้าที่โฮยอนเหยียบย่ำ

ไม่มีความรักหรือความเมตตาจากน้ำเสียงและแววตาของนัมจาเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของนัมจา กันธิชาเป็นเพียงแค่วัชพืชที่มาเกาะอาศัยครอบครัวของนางเท่านั้น หากจินโฮหรือจุนซาอยู่ด้วยในเวลานี้ก็คงจะมีอ้อมแขนของใครสักคนที่กอดปลอบใจหล่อนให้มีที่ยึดเหนี่ยวเพื่อให้ได้รู้ว่าในบ้านหลังนี้หล่อนยังเป็นที่ต้องการ แต่จินโฮก็ไม่อยู่ไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ส่วนจุนซาก็ยังคงไม่รับรู้อยู่ในโลกที่เงียบงันของเขาเองตามลำพัง กันธิชาจึงได้แต่ยกแขนที่สั่นเทาทั้งสองของหล่อนเพื่อกอดตัวเอง ไม่มีใครรัก ไม่มีห่วง ไม่มีใครเห็นค่าก็ไม่เป็นไร หล่อนก็ต้องรักตัวเองและยืนหยัดพิสูจน์ให้ทุกคนที่เคยเหยียดหยามหล่อน ยอมก้มหัวให้หล่อนในวันหนึ่งให้จงได้
ท่ามกลางความเหน็บหนาวในจิตใจและความโดดเดี่ยว ด้านหลังของหล่อนก็มีร่างใหญ่แสนอบอุ่นและนุ่มนิ่มเบียดตัวเข้ามาใกล้ๆ โพล่ายื่นจมูกของมันแนบกับแก้มของหล่อนที่เย็นเยียบด้วยคราบน้ำตาประหนึ่งว่ามันต้องการปลอบใจหล่อน กันธิชาดึงร่างยักษ์ของโพล่ามากอด ความอบอุ่นและผ่อนคลายแผ่ซ่านในจิตใจเพราะอย่างน้อยในโลกใบนี้ ก็ยังมีโพล่าที่รักและพร้อมจะอยู่เคียงข้างหล่อนเสมอ

เสียงประกาศของกรรมการเรียกให้สมาธิของกันธิชากลับมาสู่การแข่งขันเบื้องหน้า รอบการโชว์ตัว โพล่าสามารถทำได้ดีและมีระดับคะแนนสูงเป็นที่น่าพอใจ แต่จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายหรือไม่ก็อยู่ที่การแข่งขันกระโดดห้ามสิ่งกีดขวางนี้แล้ว

เสียงปรบมือเพื่อเอาใจช่วยโพล่าดังกึกก้องทั่วสนาม กันธิชาก้มลงมองชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่หล่อนสวมใส่อยู่ในเวลานี้แทนที่จะเป็นชุดหรูที่คงซูซื้อให้ หล่อนจะใส่ได้อย่างไรในเมื่อโฮยอนเหยียบย่ำชุดสวยจนยับและเป็นรอยจนต้องส่งซักแห้ง แต่เมื่อมาถึงตอนนี้หล่อนก็คิดว่าเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นเพียงเปลือกนอกที่ช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้บางส่วน ทว่าสิ่งที่สำคัญก็คือความหนักแน่นในจิตใจของหล่อนมากกว่า

กันธิชาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเอามือแตะที่หลังของโพล่าอย่างแผ่วเบาเพื่อให้กำลังใจ โพล่าไม่มีอาการตื่นเลยสักนิด สายตาของมันจ้องแน่วแน่ไปยังห่วงและรั้วกีดขวางที่ตั้งอยู่เป็นแนวด้านหน้า

“สาม สอง หนึ่ง เริ่มได้” สิ้นสัญญาน โพล่าก็ย่อข้างหน้าก่อนจะพุ่งทะยานและรวบรวมกำลังพุ่งตัวผ่านห่วงอันแรกไปได้อย่างสวยงาม ตามมาด้วยการกระโดดข้ามรั้ว โพล่ากระโดดลอยตัวได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อว่าสุนัขตัวโตจะดูปราดเปรียวและลอยตัวได้สูงอย่างหมาร่างเล็ก

จนกระทั่งมาถึงรั้วกีดขวางอันสุดท้าย โพล่าหยุดนิ่งและทำท่าชะงัก สายตาของมันไม่ได้เพ่งมองไปที่รั้วแต่กลับเบนสายตาไปเพ่งพินิจที่ร่างเล็กป้อมขนฟูสีเทาซึ่งยื่นหน้ามามองโพล่าอย่างเย้ยหยันเช่นเดียวกับชายหนุ่มเจ้าของมัน

นี่เขาคิดที่จะเยาะหล่อนถึงสนามหรืออย่างไร ไม่ได้นะ โพล่า อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด มุทิตาได้ร้องเตือนโพล่าอยู่ในใจ แต่โพล่ายังคงไม่สามารถรวบรวมสมาธิ กันธิชาจึงตัดสินใจร้องเชียร์โพล่าเสียงดังให้เกิดแรงฮึดกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอันสุดท้ายนี้ให้ได้

“โพล่ากระโดดเลย” กันธิชาตะโกน

คุณพระ คุณเจ้า ช่วยลูกด้วยเถิด มือของกันธิชาเย็นเฉียบและรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดเพิ่มขึ้นที่ฝ่ามือ ใจของหล่อนตุ๊มๆ ต๊อมๆอย่างบอกไม่ถูก ทุกสายตาในสนามกำลังจับจ้องที่โพล่าเป็นสายตาเดียวกัน เมื่อโพล่าได้ยินเสียงร้องของหล่อนจึงเหลียวหลังมามองหล่อนชั่วครู่หนึ่งราวกับกำลังชั่งใจ แล้วจึงค่อยๆย่อขาเพื่อรวบรวมกำลังทะยานข้ามรั้วกีดขวางอันสุดท้าย

กันธิชาเอามือทั้งสองข้างปิดตาแล้วค่อยๆแหวกนิ้ว หรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยอาการลุ้นสุดขีด เสียงโห่ร้องอื้ออึงดังทั่วบริเวณ กันธิชาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็น และเหมือนว่าร่างของหล่อนในเวลานี้จะไร้น้ำหนัก เสียงปรบมือที่ดังสนั่นทั่วบริเวณและเสียงชื่นชมจากคนรอบข้างคือสิ่งที่ยืนยันว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นคือความจริง

โพล่าทำได้ มันสามารถกระโดดข้ามรั้วอันสุดท้ายที่ยากที่สุดได้สำเร็จ!

“เยส” กันธิชาร้องออกมาดังๆพลางอดไม่ได้ที่กระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความยินดีโดยไม่อายสายตาใคร ก่อนจะวิ่งไปหาโพล่าที่ทำท่าตื่นๆกับเสียงปรบมือที่ยังคงดังต่อเนื่องอยู่เป็นเวลานานสลับกับเสียงประกาศของโฆษกที่กล่าวชมเชยผลงานของโพล่าไม่ขาดปาก โพล่าทำคะแนนได้สูงจึงผ่านเข้ารอบฉลุย กันธิชาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วสวมกอดโพล่าที่ยืนลิ้นห้อยและหอบแหกๆด้วยความรักใคร่

“ทำได้ดีนี่ กันธิชา” เสียงทุ้มๆคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังจนกันธิชาต้องหันไปมอง นี่หล่อนไม่ได้ตาฝาดหรือถูกผีหลอกใช่ไหมที่เห็นศรัณย์อุ้มแมวตัวแสบยืนอยู่ กันธิชาตกใจกับคำพูดของศรัณย์ที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คาดคิดว่าศรัณย์จะเอ่ยคำพูดที่เป็นมิตรกับหล่อนได้

“เอ่อ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” กันธิชาถามซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างศรัณย์จะญาติดีกับหล่อนง่ายๆ

“หูหนวกรึไง ผมพูดว่าคุณทำได้ดี” ถึงแม้ศรัณย์จะพูดกับหล่อนด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทแต่น้ำเสียงที่เขาเอ่ยชมหล่อนนั้นจริงใจจนสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้โกหก

“มันก็แน่อยู่แล้ว ว่าแต่แมวของคุณเถอะ แข่งไปแล้วหรือยังล่ะ หวังว่าคงจะไม่รีบตกรอบไปก่อนซะล่ะ” กันธิชาไม่วายถามกลับด้วยน้ำเสียงรวนๆ

“ลีน่าไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน ที่ผมพาลีน่ามาดูหมาของคุณแข่งก็กะว่าจะให้ลีน่าดูเป็นตัวอย่างว่าถ้าเกิดแพ้จะน่าเศร้าขนาดไหน แต่เจ้าหมาของคุณดันฟลุคเข้ารอบซะงั้น” ชายหนุ่มยิ้มอย่างกวนประสาท ก่อนที่อุ้มเจ้าแมวขนฟูไปเตรียมตัวแข่ง

อีตาบ้า ทุเรศที่สุด นี่คิดจะแช่งหมาของฉันเหรอ! มุทิตาได้แต่นึกคำรามในใจ

นี่ถ้าหากโพล่าเกิดแพ้ขึ้นมา เขาจะคงหัวเราะงอหายสะใจกับความพ่ายแพ้ของหล่อนอย่างแน่นอน ยิ่งคิดกันธิชาก็ยิ่งแค้น ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเปิดศึกกับหล่อนก่อน หล่อนก็จะไม่ยอมให้เขาเป็นฝ่ายระรานหล่อนเพียงแค่ฝ่ายเดียว

“นายศรัณย์ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน โพล่า ไหนๆเราก็เสร็จธุระกันแล้ว ลองไปดูเจ้าแมวลีน่าตัวแสบกันหน่อยดีกว่าว่าจะทำได้ดีสมกับท่าเชิดหยิ่งสักแค่ไหน”

โพล่าไกวหางเป็นเชิงแสดงว่าเห็นดีด้วย สาวร่างเล็กกับหมาตัวโตจึงพากันเดินฝ่าฝูงชนไปยังสนามแข่งความสามารถของแมวที่จัดอยู่ด้านในเพื่อข่มขวัญศัตรูคืนบ้าง



นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2555, 09:01:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2555, 09:01:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1548





<< 3 :: เจ้าแมวแสนงอน   5 :: ลีน่าสู้ๆ ลีน่าสู้ตาย ไว้ลายสู้ๆ >>
ดารานิล 7 ก.ย. 2555, 14:56:03 น.
เย้ๆๆ โพล่าทำได้ด้วย แต่นังสองแม่ลูกเกาหลีคู่นั้นน่าตบมากค่ะ ขอฉากจัดหนักให้สองคนนี้มั่งนะคะ จะสะใจมาก 555


นภาสรร 7 ก.ย. 2555, 16:24:47 น.
เดี่ยวจัดการยายสองแม่ลูกนั่นให้แน่นอนค่า 555555555555


อัปสรา 10 ก.ย. 2555, 12:45:25 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account