เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 33 (ครึ่งแรก)
ตอนที่ 33
หนึ่งเดือนต่อมา
ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ไร่แสงตะวัน ไร่กาแฟที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ไอดิน และกลิ่นฝน ถูกเนรมิตรให้กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดโรแมนติกได้ย่างน่ามหัศจรรย์ หลายคนที่มาร่วมงานคงจะเคยเห็นการจัดงานแต่งงานกลางไร่องุ่น ไร่ส้มผ่านตามาบ้าง แต่คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนคิดจะจัดงานแต่งงานกันกลางไร่กาแฟ แต่นายหัวเมฆาก็เป็นผู้บุกเบิกมันในเมื่อไม่มีใครทำเขาจะทำเป็นคนแรก
ในเมื่อมาเยือนไร่กาแฟทั้งที เครื่องดื่มในงานหลักๆจึงเป็นกาแฟรสดีคั่วบดใหม่ หอมฟุ้งไปทั่วทั้งงาน ซึ่งคาดว่าคืนนี้แขกหลายรายอาจจะต้องตาค้างจนนอนไม่หลับไปตามๆกัน เพราะเผลอดื่มกาแฟรสดีกันไปหลายแก้วเพราะบริกรขยันเดินเสริฟไปทั่วพื้นที่การจัดงาน
เจ้าบ่าวรูปหล่อคมเข้มกับเจ้าสาวหน้าตาสะสวยเรือนร่างไม่ต่างจากนางแบบอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ตัดเย็บอย่างปราณีตเรียบหรูทันสมัยรอบๆงานประดับด้วยซุ้มดอกไม้ ช่อโบเก้ทำด้วยดอกไฮเดรนเยียถูกประดับไว้ตามมุมต่างๆ ดอกคาลล่า ลิลลี หลากสีถูกจัดในแจกันใบโตแซมด้วยดอกไม้ฝรั่งหลายชนิดนำมาประดับตกแต่งทั่วทั้งงาน แม้ว่างานแต่งงานครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นในเวลากระชั้นชิดด้วยความปราถนาอย่างแรงกล้าของเจ้าสาวคนสวยซึ่งเป็นคนขอเจ้าบ่าวแต่งงานเสียเอง รูปแบบงานแต่งเรียบง่ายแต่ถูกจัดออกมาได้น่ารักและดูอบอุ่นเป็นกันเอง คนที่ยิ้มไม่หุบในวันนี้คงหนีไม่พ้นนายหัวเมฆาซึ่งขยันยิ้มผิดปกติกว่าที่เคยเป็นจะไม่ให้เขาภาคภูมิใจได้อย่างไรเขายังจำวันนั้นได้ดีวันที่ถูกขอแต่งงาน
หลังจากที่เกิดเรื่องที่ไร่คืนนั้นลิลลีกระเทยสาวร่างยักษ์วางยาสลบนีรนารถ และหวังจะเคลมเขาด้วยการให้เขาดื่มยาชนิดหนึ่งซึ่งออกฤทธิ์คล้ายยาสั่ง เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาแทบอยากจะตามเอาปืนไปยิงกระเทยสาวนางนั้นให้สิ้นชีพถ้าสุชาวีไม่ขอร้องเอาไว้เสียก่อน เพราะลิลลีเองก็ได้รับโทษไปไม่น้อยจากผู้ชายนับสิบในคืนนั้นที่ช่วยกันรุมหล่อนด้วยเท้าหลายคู่และมือหลายข้าง ใช่ว่าจะเกิดแต่เรื่องร้ายที่เกือบจะทำให้เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนหากมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่สิ่งดีๆก็เกิดขึ้นเช่นกันสุชาวีเฝ้าดูอาการเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเขาฟื้นขึ้นมาแถมสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจจนแทบจะช็อกไปในวันนั้นเพราะสุชาวีถามเขาในทันทีที่เขาลืมตาขึ้นว่า
“คุณยินดีจะแต่งงานกับฉันไหมคะ” แน่นอนล่ะเขารีบตอบตกลงทันทีมันถึงมีวันนี้ยังไงล่ะ หลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดจะขอเธอแต่งงานแต่ไม่กล้าขอสักทีได้แต่ไปเขียนบรรยายในสมุดโน๊ต ใครจะคิดล่ะว่านายหัวหน้าคมคนมาดเข้มอย่างเขาจะชอบจดบันทึกอะไรต่อมิอะไรโดยเฉพาะเรื่องราวความรัก นี่โชคยังดีนะที่สมุดโน๊ตเล่มนั้นมันหายไปเสียก่อน ถึงเขาจะแอบเสียดายก็ตามแต่ก็ยังดีกว่ามีคนได้อ่านมันไม่อย่างนั้นเขาคงหมดมาด แต่ที่ยังนึกค้างคาใจยู่ไม่หายเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นสุชาวีหายไปไหนแล้วทำไมกลับมาหาเขาด้วยท่าทีแปลกไปเอาอกเอาใจเขาทุกอย่าเขาเคยถามว่าเพราะอะไรเธอก็เพียงแต่ยกมือขึ้นปิดปากและบอกว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตสงสัยระหว่างที่เธอคิดจะหนีเขาไปคงรู้ตัวละมั้งว่าน่าเสียดายแค่ไหนหากชาตินี้ไม่ได้เขาเป็นคู่ชีวิตนายหัวอมยิ้ม
แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาในไร่นายหัวเมฆาและสุชาวีต้อนรับทุคนด้วยสีหน้าแช่มชื่นและมองหาใครบางคนซึ่งเขาสองคนต้องการให้มาร่วมแสดงความยินดีในงานนี้ด้วย
ร่างบางนางแบบของพีระดากับภาคินัยเดินเข้ามาในงานพาให้สายตาของใครหลายต่อหลายคู่มองตามคนหล่อคนสวยที่สมกันดั่งเทพประทานด้วยสายตาแห่งความชื่นชม วันนี้พีระดอยู่ในชุดแซกสั้นสีเหลืองลายดอกไม้เล็กอวดเรียวขาสวยเธอดูน่ารกสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้มภาคินัยมองภรรยาสาวด้วยแววตาชื่นชม ชายหนุ่มหลายคนเหลียวมองพีระดจนตาค้างก็นะ นางแบบคนดังที่เพิ่งจะหันหลังให้วงการใครจะไม่ให้ความสนใจความสวยของเธอเขาตากระแทกใจจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองเหลียวหลังอย่างตะลึงงันนั่นยิ่งสร้างความภูมิใจให้คนทีเดินเคียงคู่มาด้วยกันซึ่งก็กำลังตกเป็นอาหารตาให้สาวๆในงานมองเช่นใคร แต่ถ้าใครมองพีระดามากไปจนเสียมารยาทภาคินัยก็จะส่งสายตาขู่กลับไปเช่นกัน เขาให้เหตุผลกับตนเองว่าอาการนี้ไม่ใช่นิสัยของสามีขี้หึงนะเขาแค่ห่วงเท่านั้นเอง ทั้งคู่มองเห็นคู่บ่าวสาวที่ยืนสิ่งยิ้มมาให้แต่ไกล
“ที่รักผมถามอะไรหน่อยสิคุณตอบผมตามตรงได้ไหม”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากรู้ว่าคุณไปพูดอะไรกับสุชาวีเธอถึงยอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาอย่างง่ายดาย” ตั้งแต่เขาได้ช่วยนายหัวเมฆาเอาไว้ให้รอดพ้นจากเงื้อมือกระเทยสาวร่างยักษ์ที่แอบหลงรักนายหัว เจอหน้ากันทีไรนายหัวเมฆาก็จะหาเรื่อพูดคุยกับเขาก่อนเสมอ เขารู้ว่าหมอนั่นคงอยากจะขอบคุณแต่ชอบทำเก๊กไม่ยอมพูดออกมา
“เอาหูมานี่สิคะ” พีระดากระดิกนิ้วชี้ภาคินัยก็ก้มหน้าเอียงหูมาฟังความลับจากเธอ “เอาไว้คืนนี่ฉันจะบอกคุณ”
หญิงสาวส่งสายตาเจ้าเล่ห์แต่หวานฉ่ำมอบให้ภาคินัย นี่ถ้าเขาไม่ติดว่าตอนนี้อยู่ในงานแต่งงานกลางสวนที่มีสักขีพยานอยู่เพียบเขาจะดึงภรรยาสาวจอมเจ้าเล่ห์มาจูบเสียให้ฉ่ำปอด เห็นบรรยากาศแบบนึ้คืนนี้เขาต้องชวนเธอลำรึกถึงคืนส่งตัวเสียหน่อยแล้วภาคินัยมองเรือนร่างภรรยาคนสวยพร้อมลอบยิ้ม
เมื่อเห็นว่าพีระดากับภาคินัยกำลังเดินใกล้เข้ามาหา สุชาวีก็รีบจูงมือนายหัวเมฆาเข้ามาทักทายคนทั้งคู่อย่างเป็นกันเองราวกับว่าสนิทกันมาหลายสิบปี
“เราดีใจที่คุณสองคนมาร่วมงานแต่งของเราได้ และหวังว่าคุณทั้งคู่จะอยู่พักกับเราที่ไร่ก่อนหลังจากจบงานนี้นะครับผมให้คนจัดบ้านพักไว้ให้แล้ว”
“แน่นอนค่ะ เราจัดกระเป๋ามาอย่างเต็มที่ แหม…ก็ที่พักฟรี อาหารฟรี ให้อยู่สักเดือนก็ยังไหว” พีระดาหยอก และหัวเราะเบาๆส่งยิ้มน่ารัก
“อยู่นานกว่านั้นผมก็ไม่ว่า ผมยินดีต้อนรับเพื่อนที่ดีอย่างคุณทั้งสองเสมอ”
“ฉันดีใจมากนะคะที่เห็นคุณทั้งคู่มีความสุขและมีวันนี้ หวังว่าเราจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กน่ารักน่าชัง ออกมาวิ่งเล่นกันในไร่สักสามสี่คน พอไหวไม่คะนายหัว” พีระดาหันไปส่งยิ้มให้นายหัวเมฆา ซึ่งเขาพยักหน้ารับ
“ผมคิดว่าจะมีสักโหล จะได้ตั้งทีมฟุตบอลได้ ”เขามองสุชาวีตาพราว ซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขาจะต้องฝากลูกคนแรกเอาไว้กับเธอ เขาคำนวณเอาไว้แล้วถ้าเริ่มตั้งแต่วันนี้ประมาณกลางปีหน้าเขาก็จะได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก
“ว่าแต่พวกคุณเถอะแต่งงานก่อนผมยังไม่เห็นมีท่าที อย่าบอกนะว่าน้ำยาไม่ดี” นายหัวเมฆาหันไปยักคิ้วให้ภาคินัย
“ให้ตายเถอะถ้าวันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานของนายนะรับรองได้” ภาคินัยนึกอยากจะเตะเจ้าบ่าวสักทีสองที แต่เมื่อเริ่มสนิทกันแล้วก็พอจะคุ้นเคยกับอาการปากเสียของนายหัวเมฆาบ้างแล้ว
สุชาวียิ่งเห็นใบหน้านายหัวเมฆาที่คุยเรื่องลูกอย่างออกรส ก็ยิ่งสงสารจึงยิ้มรับอย่างเข้าใจ แม้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะมีลูก
ภาคินัยยื่นกล่องของขวัญให้คู่บ่าวสาวพร้อมกับคำอวยพร “ขอให้คุณทั้งคู่มีความสุขมากๆนี่ของขวัญจากเราสองคน”
สุชาวียื่นมือไปรับ และแบมือรออะไรบางอย่าง ภาคินัยทำสีหน้าสงสัย
“ไม่ใช่ของขวัญ ฉันทวงอย่างอื่นอย่าคิดว่าฉันจะลืมนะคะ”
ภาคินัยเกาศีรษะเบาและหัวเราะแหะๆ เธอไม่เคยลืมจริงๆเขาเชื่อเ หนังสือของเขาที่ตีพิมพ์แล้วหากเล่มไหนไม่ถึงมือเธอไม่ช้าไม่นานเขาก็จะได้รับโทรศัพท์ทวง ก็โทรได้รับโปรโมชั่นอ่านนิยายของเขาฟรีตลอดชีพนี่นา
“ผมลืมหยิบมา เดี๋ยวจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์ละกัน ส่งแบบอีเอ็มเอสให้เลยก็ได้”
“ส่งอะไรกันเหรอคุณ” นายหัวสงสัย
สุชาวีจึงกะซิบกลับ “ความลับค่ะเอาไว้คืนนี้ฉันจะบอกคุณ” พร้อมกับควงแขนนายหัวเอาไว้ไม่ห่างเธอกลัวว่าเขาจะเหนื่อยและอาจจะเป็นลมเอากลางงานก็ได้ ส่วนนายหัวเมฆาลอบยิ้มรู้สึกว่าพักหลังสุชาวีจะหวงเขามากขึ้น มันก็เป็นเรื่องปกติก็เขามันหน้าตาดี หล่อเสียขนาดนี้แฟนก็ต้องหวงเป็นธรรมดา
งานแต่งงานอันอบอุ่นแม้นายหัวเมฆาผู้กว้างขวางจะเชิญมาเฉพาะญาตสนิท มิตรสหายเท่านั้นแต่ก็รวมกันแล้วก็เกือบสามร้อยกว่าคนกว่าพิธีทั้งหมดกว่าจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนถึงช่วงเวลาสำคัญที่นายหัวเมฆารอคอย คืนนี้แล้วสินะเขาจะสิ้นสุดการรอคอยสักทีนื่องด้วยบ่าวสาวไม่มีพ่อและแม่อยู่แล้ว ญาติผู้ใหญ่ที่นายหัวให้การนับถือนั่นก็คือคุณลุงซึ่งเป็นอดีตนายพล กับคุณป้าสะใภ้ พ่อและแม่ของเลขาแก้มนั่นเอง เมื่อญาติผู้ใหญ่ปูที่นอนเสร็จสิ้นโรยข้าวตอก ดอกไม้หอม เงินทอง ตามประเพณีเสร็จและให้โอวาทให้ศิลให้พรแก่คู่บ่าวสาวก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีจากนั้นก็เป็นเวลาที่บ่าวสาวจะได้อยู่กันเพียงลำพัง
เมื่อผู้ใหญ่ออกไปแล้วภายในห้องนอนกว้างตกแต่งด้วยไสตล์เรียบหรูแต่ดูอบอุ่นโทนสีน้ำตาลภายในห้องหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกกุหลาบบวกกับบรรยากาศเย็นฉ่ำ แต่ทว่ามันกลับเงียบงันมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเบาๆสลับกัน ผ่านไปสักพักนายหัวเมฆาก็เริ่มขยับตัวเปลี่ยนมานั่งเคียงข้างสุชาวี ดึงมือเรียวขึ้นมากระชับและวางบนตักของเขา และลอบชำเลืองเนินอกขาวอวบอิ่มทีกระเพิ่มไหวขึ้นลงของสุชาวีตามการหายใจเข้าออก เขาสัมผัสอาการตื่นเต้นของเธอได้เป็นอย่างดีนายหัวเมฆาถอดเสื้อสูทออกที่จริงอยากถอดทั้งหมดเลยในเวลานี้ แต่กลัวสุชาวีจะรับไม่ทันเลยค่อยๆเป็นค่อยๆไป อดีตเสือที่ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวานเริ่มวาดลวดลายและน้ำลายก็เริ่มจะไหลออกมาก็คืนนี้สุชาวีสวยกระชากใจเขาอย่างแรงชุดวิวาห์เกาะอกตัวนี้มันคงจะอึดอัดน่าดูในช่วงบนเขาเพิ่งรู้ว่าคนที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องกลายมาเป็นภรรยาโดยสมบูรณ์จะมีสัดส่วนซ่อนรูปแบบนี้ คืนนี้แหละเขาคงได้ชมมันอย่างเต็มที่ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหื่น นายหัวเมฆาชะงักกับความคิดไม่ใช่สิใครว่าเขาหื่นเขาแค่ทำตามหน้าที่สามีที่ดีอะไรที่จะต้องทำก็ควรต้องทำไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
“นอนลงเถอะค่ะฉันจะปรนนิบัติคุณเอง”
“ว้าว! ให้ตายผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ในคืนแต่งงานของเรา” จะไม่ให้ช็อคได้ไงเมื่อสุชาวีหวงเนื้อหวงตัวกับเขามาโดยตลอดแต่ดูสิคืนเข้าหอเธอขอจะเป็นคนปรนนิบัติเขาเอง นายหัวเมฆาลอบยิ้มเอาก็เอาอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรกับเขาบ้าง นายหัวเมฆานอนลงหลับตานิ่ง สักพักหญิงสาวก็ค่อยๆ บรรจงมาปลดกระดุมเสื้อของเขาออกจนหมด จากนั้นเธอก็ทำให้เขาหวาดเสียวด้วยการเลื่อนต่ำไปปลดกระดุมกางเกง นายหัวแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าสุชาวีค่อยๆก้มตัวต่ำลงไปจากนั้นสองมือของเธอก็เลื่อนตามลงไปผ่านจุดหวาดเสียวและบีบนวดให้เขาอย่างเบามือนายหัวเมฆารู้สึกผ่อนคลายแต่ทว่าคืนนี้เขาไม่ต้องการนวดนี่นาอยากจะนาบ..เอ้ยอยากจะทำตามหน้าทีมากว่า
“ที่รักจ๋า” คำแบบนี้เขาไม่เคยหลุดพูดให้ใครฟัง
“อะไรเหรอคะ” สุชาวียังคงบรรจงนวดเฟ้นไปตามร่างกายเพื่อให้เขาผ่อนคลายความเครียด
“อันที่จริงผมว่าคุณนวดได้ดีและสบายมากเลยนะ”เขาลุกขึ้นมานั่ง “แต่ผมว่าคืนนี้เราควรทำอย่างอื่นกันมากกว่าการนวดนะ” เขามองร่างบางสายตาหวานเยิ้มและเริ่มคืบขยับ ฝ่ามือหนาวางไปที่เอวบางและรวบร่างเธอมานั่งบนตักเขา
สุชาวีร้องว้ายด้วยความตกใจ เธอรู้สึกถึงความแข็งขืนบนพื้นที่เธอนักทับอยู่ “นายหัวจะทำอะไรคะ” เขาพลิกร่างบางลงไปบนที่นอนอย่างรวดเร็ว จนแผ่นหลังของเธอสัมผัสที่นอนนุ่ม “ผมรอมานานแล้วนะที่รัก ผมรอคืนนี้ คืนที่เราจะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยังไงล่ะ” สายตาของเขามองเจ้าสายคนสวยแสดงความปราถนาอย่างเปิดเผย
สุชาวีดันเขาออกเบาๆ “ฉันไม่อยากจะพูดอะไรที่ไม่ดีในคืนสำคัญของเรา แต่นายหัวก็ต้องรู้ตัวสิคะว่าอะไรที่นายหัวทำได้และอะไรที่นายหัวทำไม่ได้”
นายหัวเมฆาที่ทาบทับร่างสุชาวีเปลี่ยนท่าทางลงมานอนเคียงข้างเอามือท้าวที่นอน ส่วนมืออีกด้านเชยคางสุชาวีขึ้นและมองหน้าสวยด้วยสายตาสงสัย “ผมทำอะไรไม่ได้เหรอสุชาวี”
“ก็ เอ่อ...” สุชาวีหน้าแดงจัดแต่ก็ต้องเตือนเขา “ก็นายหัวร่วมหลับนอนกับฉันไม่ได้นี่คะ นายหัวก็รู้ดีมันจะทำให้อาการกำเริบหากว่าคุณออกแรงมากไป”
“อาการ” เขาทวนคำพูดของเธอและขมวดคิ้วเข้มบนใบหน้ามีเครื่องหมายเควชเช่นมาร์ค “คุณทำให้ผมงงนะที่รัก ผมร่างกายแข็งแรงดีไม่ได้ป่วยเป็นอะไรสักหน่อย”
“หมายความว่ายังไงคะ”สุชาวีตาโตและลุกขึ้นมานั่ง “ก็นายหัวเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ”
นายหัวเมฆาลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับสุชาวี “คุณจะแช่งสามีตั้งแต่คืนเข้าหอเชียวเหรอ ผมยังไม่เป็นโรคอะไรง่ายๆหรอก ภรรยายังสวย ลูกก็ยังไม่มีจะรีบตายไปทำไมกัน คุณไปเอาเรื่องแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”
“ก็คุณพีระดา...” สุชีวีหน้าเสีย แต่ยังไม่เท่ากับเสียรู้เล่ห์เหลี่ยมของสาวนักวางแผน
+++++++++++++++++
บ้านพักรับรองหลังเล็กกระทัดรัดตกแต่งไสตล์น่ารัก ภายในไร่แสงตะวันยามค่ำคืนฝนพรำ ผู้ชายผิวขาวร่างกายกำยำกำลังกอดก่ายพัวพันอยู่กับร่างบางเพียวระหงสมส่วนราวกับเทพสร้าง ภาคินัยรู้แล้วว่าจะคืนไหนๆพีระดาก็ให้ความสุขเขาได้อย่างล้นหัวใจไม่ว่าจะเป็นคืนเข้าหอ ช่วงข้าวใหม่ปลามัน และไม่ว่าอีกกี่คืนอีกกี่วันมันก็เป็นเช่นนี้ หลังจากจบศึกรักไปหลายภาคทำให้เธอและเขาต้องเสียทั้งเหงื่อและพลังงานไปมากแต่ก็ได้รับความสุขชื่นฉ่ำจนแทบจะสำลักความสุข
ภาคินัยพลิกร่างบางขึ้นมาทาบทับบนอกเปลือยของเขาจากนั้นดึงผ้านวมสีขาวผืนใหญ่มาห่มทับร่างของเธอเพราะกลัวว่าภรรยาคนสวยจะหนาว พีระดาตาปรือแต่ภาคินัยสะกิดเธอไม่ให้หลับไปเสียก่อน
“ที่รักคุณจะหลับไม่ได้นะ เด็กดื้อคุณสัญญาอะไรกับผมเอาไว้จำได้ไหม”
“แต่ตอนนี้ฉันง่วงมากจริงๆนะ” พีระดาหลับตาพริ้มทำทีว่าจะหลับลงจริงๆ
“ถ้าคุณแกล้งหลับ ผมจะปลุกคุณให้ตื่นด้วยวิธีการแบบของผม” พีระดาปรือตาขึ้นก็เธอรู้ว่าเขาจะปลุกด้วยวิธีไหนแต่ว่าคืนนี้เธอหมดเรี่ยวแรงเสียแล้ว จึงต้องยอมลืมตาขึ้น
“ดีมาก ทีนี้ช่วยบอกผมทีว่าคุณทำยังไงสุชาวีถึงยอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาอย่างง่ายดาย แถมยังเอาอกเอาใจขนาดกินข้าวก็ยังแทบจะป้อนกันเลย”
พีระดาอมยิ้มและนึกภาพในวันนั้น หลังจากนายหัวเมฆาออกไปจากไร่พีระดาก็ไปตามเก็บสมุดบันทึกของนายหัวเมฆา เธอไม่ได้เสียมารยาทนะแค่อยากรู้เฉยๆว่านายหัวเมฆาเขียนอะไรไว้ในนั้นบ้าง เธอนึกและยังขำอยู่เลยกับข้อความที่คนหุ่นล่ำ ผิวคล้ำเขียนไม่คิดเลยว่านายหัวเมฆาจะกล้าเขียนอะไรแบบนั้น
ตัวอย่างในสมุดบันทึก เท่าที่พีระดาพอจะจำได้
วันที่ 01 เม.ย 2554
ยัยพยาบาลคนนี้หน้าตาก็สวย หุ่นก็ดี แต่ทำทำไม หรือผมจ่ายเงินเดือนคุณน้อยไป ถึงได้ใส่เสื้อผ้าเชยๆเก่าๆ นี่ถ้าจับมานุ่งบิกินี่คงจะเจริญหูเจริญตาดีไม่น้อย 555
วันที่05 เม.ย 2554
ตั้งแต่ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่ยัยพยาบาลขาวีน ขี้งอนคนนี้ก็ดูสวยวันสวยคืน กลิ่นตัวก็หอม เมื่อหั่วค่ำแกล้งทำเป็นเจ็บแผลเธอรีบเข้ามาดูและทำแผลให้ใหม่ทันที มือก็นิ่ม ผมก็หอม ผิวก็เนียน ยิ่งตอนที่เธอก้มลงมาวัดไข้และผมแกล้งหลับตาพอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหละ ส้มโอ นครชัยศรียังชิดซ้าย อยากจะบอกว่าคืนนี้เธอทำให้ผมหัวใจสั่นมาก สงสัยผมจะเป็นโรคหัวใจช่วงนี้ทำไมหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และเหนื่อยง่ายมากเป็นพิเศษเวลาที่พยาบาลตาคมคนนี้เฉียดเข้ามาใกล้
วันที่ 14 พ.ค 2554
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมรู้สึกแปลกๆเวลาใกล้คุณใจมันสั่นแบบไม่รู้ตัว หลายวันที่เราอยู่ด้วยกันผมแอบมองคุณตลอดไม่ว่าคุณจะเดินไปไหนและทำอะไร ตอนที่คุณมองมาผมก็แค่แกล้งเอาหนังสือบังหน้า ใครจะไปรู้ว่าผมแอบมอง ผมชักสงสัยแล้วว่าผมคิดอะไรกับคุณหรือเปล่า
วันที่ 16 พ.ค 2554
ผมเพิ่งจะรู้วันนี้ว่าผมคิดอะไรกับคุณเกินเลยไปโดยที่ไม่รู้ตัวสุชาวี ผมสาบานได้เลยถ้าไอ้แก่นั้นแตะต้องคุณแม้แต่ปลายก้อย ผมจะตัดน้องชายมันเอาไปทิ้งในบ่อจรเข้ แต่ผมว่าไม่รู้พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาจะมีข่าวของมันหรือเปล่าเพราะเมื่อคืนก่อนออกจากโรงแรม ผมโทรไปหาภรรยาของมันและบอกที่อยู่กับเบอร์ห้อง และที่สำคัญผมบอกว่ามันพาผู้หญิงเข้าไปในห้องด้วย หวังว่าพรุ่งนี้ผมคงตื่นมาและพบข่าวดีในหนังสือพิมพ์ คืนนี้ผมได้กอดคุณไปหนึ่งครั้งตอนไฟดับ ไม่รู้ทำไมหัวใจสั่นมาก
วันที่ 17 พ.ค 2554
วันนี้ไม่มีอะไรจะเขียนบังเอิญว่าผมเพิ่งค้นพบหัวใจตัวเองขอเขียนสั้น ผมรักคุณสุชาวี
วันที่ 25 พ.ค 2554
ตั้งแต่เรากลับมาที่ไร่คุณชักจะทำตัวห่างเหินกับผมมากไปแล้วนะสุชาวีท่าทางของคุณเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกหัวใจโหวงเหวง เหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ช่วงนี้รู้สึกว่าหัวใจตัวเองอ่อนแอ ไอ้พวกผู้ชายที่มันชอบแกล้งป่วยไปให้คุณตรวจบ่อยๆสักวันเถอะผมทนไม่ได้ขึ้นมา.....
วันที่ 10 ต.ค. 2554
สุชาวีผมมีอะไรอยากจะบอกคุณแต่ไม่กล้าบอก แต่งงานกันไหม ผมอยากมีลูกแล้ว ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองอายุมากขึ้น ถ้าเกิดผมหัวใจวายตายไปก่อน ยมพบาลจะเอาผิดผมได้ที่อายุสามสิบยังรักษาความโสดเอาไว้ไม่ยอมแต่งงาน นอกเรื่องน่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ตอนอยู่ใกล้คุณถ้าใจไม่สั่นจนทนไม่ไหวไปเสียก่อน ผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณ
วันที่ 31 ธ.ค 2554
จนแล้วจนเล่าผมก็ยังไม่กล้าขอคุณแต่งงานสักที มีอะไรบ้างในโลกนี้ที่คนอย่างนายหัวเมฆาจะทำไม่ได้ก็มีเรื่องนี้แหละ ผมไม่กล้าขอคุณแต่งงาน ก็คุณไม่เหมือนใครที่ผ่านมา ถ้าคุณปฏิเสธผมและผมเกิดทนไม่ได้หัวใจวายตายไปจะทำยังไง ผมก็อดเห็นหน้าสวยของคุณน่ะสิที่รัก
เมื่อพีระดาเล่าจบภาคินัยก็ลุกขึ้นมาขำจนท้องแข็ง “ไอ้หมอนี่มันเน่าสนิทเลยนะคุณ เห็นหน้าตาขึงขังแบบนั้นไม่น่าเชื่อจริง” แต่พอหัวเราะจบเขาก็แอบตำหนิภรรยาเล็กน้อยที่ไปเปิดอ่านบันทึกส่วนตัวของคนอื่น
“แหม...ภาคินัยคะฉันยอมรับว่าผิดที่ไปแอบอ่านบันทึกของนายหัวแต่ฉันอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาก็เท่านั้น”
“แล้วมันเกี่ยวกับการที่สุชาวียอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาง่ายๆ ได้ยังไงล่ะคุณยังเล่าไม่หมดเฉลยมาเสียดีๆจอมเจ้าเล่ห์”
หนึ่งเดือนต่อมา
ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ไร่แสงตะวัน ไร่กาแฟที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ไอดิน และกลิ่นฝน ถูกเนรมิตรให้กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดโรแมนติกได้ย่างน่ามหัศจรรย์ หลายคนที่มาร่วมงานคงจะเคยเห็นการจัดงานแต่งงานกลางไร่องุ่น ไร่ส้มผ่านตามาบ้าง แต่คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนคิดจะจัดงานแต่งงานกันกลางไร่กาแฟ แต่นายหัวเมฆาก็เป็นผู้บุกเบิกมันในเมื่อไม่มีใครทำเขาจะทำเป็นคนแรก
ในเมื่อมาเยือนไร่กาแฟทั้งที เครื่องดื่มในงานหลักๆจึงเป็นกาแฟรสดีคั่วบดใหม่ หอมฟุ้งไปทั่วทั้งงาน ซึ่งคาดว่าคืนนี้แขกหลายรายอาจจะต้องตาค้างจนนอนไม่หลับไปตามๆกัน เพราะเผลอดื่มกาแฟรสดีกันไปหลายแก้วเพราะบริกรขยันเดินเสริฟไปทั่วพื้นที่การจัดงาน
เจ้าบ่าวรูปหล่อคมเข้มกับเจ้าสาวหน้าตาสะสวยเรือนร่างไม่ต่างจากนางแบบอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ตัดเย็บอย่างปราณีตเรียบหรูทันสมัยรอบๆงานประดับด้วยซุ้มดอกไม้ ช่อโบเก้ทำด้วยดอกไฮเดรนเยียถูกประดับไว้ตามมุมต่างๆ ดอกคาลล่า ลิลลี หลากสีถูกจัดในแจกันใบโตแซมด้วยดอกไม้ฝรั่งหลายชนิดนำมาประดับตกแต่งทั่วทั้งงาน แม้ว่างานแต่งงานครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นในเวลากระชั้นชิดด้วยความปราถนาอย่างแรงกล้าของเจ้าสาวคนสวยซึ่งเป็นคนขอเจ้าบ่าวแต่งงานเสียเอง รูปแบบงานแต่งเรียบง่ายแต่ถูกจัดออกมาได้น่ารักและดูอบอุ่นเป็นกันเอง คนที่ยิ้มไม่หุบในวันนี้คงหนีไม่พ้นนายหัวเมฆาซึ่งขยันยิ้มผิดปกติกว่าที่เคยเป็นจะไม่ให้เขาภาคภูมิใจได้อย่างไรเขายังจำวันนั้นได้ดีวันที่ถูกขอแต่งงาน
หลังจากที่เกิดเรื่องที่ไร่คืนนั้นลิลลีกระเทยสาวร่างยักษ์วางยาสลบนีรนารถ และหวังจะเคลมเขาด้วยการให้เขาดื่มยาชนิดหนึ่งซึ่งออกฤทธิ์คล้ายยาสั่ง เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาแทบอยากจะตามเอาปืนไปยิงกระเทยสาวนางนั้นให้สิ้นชีพถ้าสุชาวีไม่ขอร้องเอาไว้เสียก่อน เพราะลิลลีเองก็ได้รับโทษไปไม่น้อยจากผู้ชายนับสิบในคืนนั้นที่ช่วยกันรุมหล่อนด้วยเท้าหลายคู่และมือหลายข้าง ใช่ว่าจะเกิดแต่เรื่องร้ายที่เกือบจะทำให้เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนหากมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่สิ่งดีๆก็เกิดขึ้นเช่นกันสุชาวีเฝ้าดูอาการเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเขาฟื้นขึ้นมาแถมสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจจนแทบจะช็อกไปในวันนั้นเพราะสุชาวีถามเขาในทันทีที่เขาลืมตาขึ้นว่า
“คุณยินดีจะแต่งงานกับฉันไหมคะ” แน่นอนล่ะเขารีบตอบตกลงทันทีมันถึงมีวันนี้ยังไงล่ะ หลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดจะขอเธอแต่งงานแต่ไม่กล้าขอสักทีได้แต่ไปเขียนบรรยายในสมุดโน๊ต ใครจะคิดล่ะว่านายหัวหน้าคมคนมาดเข้มอย่างเขาจะชอบจดบันทึกอะไรต่อมิอะไรโดยเฉพาะเรื่องราวความรัก นี่โชคยังดีนะที่สมุดโน๊ตเล่มนั้นมันหายไปเสียก่อน ถึงเขาจะแอบเสียดายก็ตามแต่ก็ยังดีกว่ามีคนได้อ่านมันไม่อย่างนั้นเขาคงหมดมาด แต่ที่ยังนึกค้างคาใจยู่ไม่หายเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นสุชาวีหายไปไหนแล้วทำไมกลับมาหาเขาด้วยท่าทีแปลกไปเอาอกเอาใจเขาทุกอย่าเขาเคยถามว่าเพราะอะไรเธอก็เพียงแต่ยกมือขึ้นปิดปากและบอกว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตสงสัยระหว่างที่เธอคิดจะหนีเขาไปคงรู้ตัวละมั้งว่าน่าเสียดายแค่ไหนหากชาตินี้ไม่ได้เขาเป็นคู่ชีวิตนายหัวอมยิ้ม
แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาในไร่นายหัวเมฆาและสุชาวีต้อนรับทุคนด้วยสีหน้าแช่มชื่นและมองหาใครบางคนซึ่งเขาสองคนต้องการให้มาร่วมแสดงความยินดีในงานนี้ด้วย
ร่างบางนางแบบของพีระดากับภาคินัยเดินเข้ามาในงานพาให้สายตาของใครหลายต่อหลายคู่มองตามคนหล่อคนสวยที่สมกันดั่งเทพประทานด้วยสายตาแห่งความชื่นชม วันนี้พีระดอยู่ในชุดแซกสั้นสีเหลืองลายดอกไม้เล็กอวดเรียวขาสวยเธอดูน่ารกสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้มภาคินัยมองภรรยาสาวด้วยแววตาชื่นชม ชายหนุ่มหลายคนเหลียวมองพีระดจนตาค้างก็นะ นางแบบคนดังที่เพิ่งจะหันหลังให้วงการใครจะไม่ให้ความสนใจความสวยของเธอเขาตากระแทกใจจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองเหลียวหลังอย่างตะลึงงันนั่นยิ่งสร้างความภูมิใจให้คนทีเดินเคียงคู่มาด้วยกันซึ่งก็กำลังตกเป็นอาหารตาให้สาวๆในงานมองเช่นใคร แต่ถ้าใครมองพีระดามากไปจนเสียมารยาทภาคินัยก็จะส่งสายตาขู่กลับไปเช่นกัน เขาให้เหตุผลกับตนเองว่าอาการนี้ไม่ใช่นิสัยของสามีขี้หึงนะเขาแค่ห่วงเท่านั้นเอง ทั้งคู่มองเห็นคู่บ่าวสาวที่ยืนสิ่งยิ้มมาให้แต่ไกล
“ที่รักผมถามอะไรหน่อยสิคุณตอบผมตามตรงได้ไหม”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากรู้ว่าคุณไปพูดอะไรกับสุชาวีเธอถึงยอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาอย่างง่ายดาย” ตั้งแต่เขาได้ช่วยนายหัวเมฆาเอาไว้ให้รอดพ้นจากเงื้อมือกระเทยสาวร่างยักษ์ที่แอบหลงรักนายหัว เจอหน้ากันทีไรนายหัวเมฆาก็จะหาเรื่อพูดคุยกับเขาก่อนเสมอ เขารู้ว่าหมอนั่นคงอยากจะขอบคุณแต่ชอบทำเก๊กไม่ยอมพูดออกมา
“เอาหูมานี่สิคะ” พีระดากระดิกนิ้วชี้ภาคินัยก็ก้มหน้าเอียงหูมาฟังความลับจากเธอ “เอาไว้คืนนี่ฉันจะบอกคุณ”
หญิงสาวส่งสายตาเจ้าเล่ห์แต่หวานฉ่ำมอบให้ภาคินัย นี่ถ้าเขาไม่ติดว่าตอนนี้อยู่ในงานแต่งงานกลางสวนที่มีสักขีพยานอยู่เพียบเขาจะดึงภรรยาสาวจอมเจ้าเล่ห์มาจูบเสียให้ฉ่ำปอด เห็นบรรยากาศแบบนึ้คืนนี้เขาต้องชวนเธอลำรึกถึงคืนส่งตัวเสียหน่อยแล้วภาคินัยมองเรือนร่างภรรยาคนสวยพร้อมลอบยิ้ม
เมื่อเห็นว่าพีระดากับภาคินัยกำลังเดินใกล้เข้ามาหา สุชาวีก็รีบจูงมือนายหัวเมฆาเข้ามาทักทายคนทั้งคู่อย่างเป็นกันเองราวกับว่าสนิทกันมาหลายสิบปี
“เราดีใจที่คุณสองคนมาร่วมงานแต่งของเราได้ และหวังว่าคุณทั้งคู่จะอยู่พักกับเราที่ไร่ก่อนหลังจากจบงานนี้นะครับผมให้คนจัดบ้านพักไว้ให้แล้ว”
“แน่นอนค่ะ เราจัดกระเป๋ามาอย่างเต็มที่ แหม…ก็ที่พักฟรี อาหารฟรี ให้อยู่สักเดือนก็ยังไหว” พีระดาหยอก และหัวเราะเบาๆส่งยิ้มน่ารัก
“อยู่นานกว่านั้นผมก็ไม่ว่า ผมยินดีต้อนรับเพื่อนที่ดีอย่างคุณทั้งสองเสมอ”
“ฉันดีใจมากนะคะที่เห็นคุณทั้งคู่มีความสุขและมีวันนี้ หวังว่าเราจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กน่ารักน่าชัง ออกมาวิ่งเล่นกันในไร่สักสามสี่คน พอไหวไม่คะนายหัว” พีระดาหันไปส่งยิ้มให้นายหัวเมฆา ซึ่งเขาพยักหน้ารับ
“ผมคิดว่าจะมีสักโหล จะได้ตั้งทีมฟุตบอลได้ ”เขามองสุชาวีตาพราว ซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขาจะต้องฝากลูกคนแรกเอาไว้กับเธอ เขาคำนวณเอาไว้แล้วถ้าเริ่มตั้งแต่วันนี้ประมาณกลางปีหน้าเขาก็จะได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก
“ว่าแต่พวกคุณเถอะแต่งงานก่อนผมยังไม่เห็นมีท่าที อย่าบอกนะว่าน้ำยาไม่ดี” นายหัวเมฆาหันไปยักคิ้วให้ภาคินัย
“ให้ตายเถอะถ้าวันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานของนายนะรับรองได้” ภาคินัยนึกอยากจะเตะเจ้าบ่าวสักทีสองที แต่เมื่อเริ่มสนิทกันแล้วก็พอจะคุ้นเคยกับอาการปากเสียของนายหัวเมฆาบ้างแล้ว
สุชาวียิ่งเห็นใบหน้านายหัวเมฆาที่คุยเรื่องลูกอย่างออกรส ก็ยิ่งสงสารจึงยิ้มรับอย่างเข้าใจ แม้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะมีลูก
ภาคินัยยื่นกล่องของขวัญให้คู่บ่าวสาวพร้อมกับคำอวยพร “ขอให้คุณทั้งคู่มีความสุขมากๆนี่ของขวัญจากเราสองคน”
สุชาวียื่นมือไปรับ และแบมือรออะไรบางอย่าง ภาคินัยทำสีหน้าสงสัย
“ไม่ใช่ของขวัญ ฉันทวงอย่างอื่นอย่าคิดว่าฉันจะลืมนะคะ”
ภาคินัยเกาศีรษะเบาและหัวเราะแหะๆ เธอไม่เคยลืมจริงๆเขาเชื่อเ หนังสือของเขาที่ตีพิมพ์แล้วหากเล่มไหนไม่ถึงมือเธอไม่ช้าไม่นานเขาก็จะได้รับโทรศัพท์ทวง ก็โทรได้รับโปรโมชั่นอ่านนิยายของเขาฟรีตลอดชีพนี่นา
“ผมลืมหยิบมา เดี๋ยวจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์ละกัน ส่งแบบอีเอ็มเอสให้เลยก็ได้”
“ส่งอะไรกันเหรอคุณ” นายหัวสงสัย
สุชาวีจึงกะซิบกลับ “ความลับค่ะเอาไว้คืนนี้ฉันจะบอกคุณ” พร้อมกับควงแขนนายหัวเอาไว้ไม่ห่างเธอกลัวว่าเขาจะเหนื่อยและอาจจะเป็นลมเอากลางงานก็ได้ ส่วนนายหัวเมฆาลอบยิ้มรู้สึกว่าพักหลังสุชาวีจะหวงเขามากขึ้น มันก็เป็นเรื่องปกติก็เขามันหน้าตาดี หล่อเสียขนาดนี้แฟนก็ต้องหวงเป็นธรรมดา
งานแต่งงานอันอบอุ่นแม้นายหัวเมฆาผู้กว้างขวางจะเชิญมาเฉพาะญาตสนิท มิตรสหายเท่านั้นแต่ก็รวมกันแล้วก็เกือบสามร้อยกว่าคนกว่าพิธีทั้งหมดกว่าจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนถึงช่วงเวลาสำคัญที่นายหัวเมฆารอคอย คืนนี้แล้วสินะเขาจะสิ้นสุดการรอคอยสักทีนื่องด้วยบ่าวสาวไม่มีพ่อและแม่อยู่แล้ว ญาติผู้ใหญ่ที่นายหัวให้การนับถือนั่นก็คือคุณลุงซึ่งเป็นอดีตนายพล กับคุณป้าสะใภ้ พ่อและแม่ของเลขาแก้มนั่นเอง เมื่อญาติผู้ใหญ่ปูที่นอนเสร็จสิ้นโรยข้าวตอก ดอกไม้หอม เงินทอง ตามประเพณีเสร็จและให้โอวาทให้ศิลให้พรแก่คู่บ่าวสาวก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีจากนั้นก็เป็นเวลาที่บ่าวสาวจะได้อยู่กันเพียงลำพัง
เมื่อผู้ใหญ่ออกไปแล้วภายในห้องนอนกว้างตกแต่งด้วยไสตล์เรียบหรูแต่ดูอบอุ่นโทนสีน้ำตาลภายในห้องหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกกุหลาบบวกกับบรรยากาศเย็นฉ่ำ แต่ทว่ามันกลับเงียบงันมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเบาๆสลับกัน ผ่านไปสักพักนายหัวเมฆาก็เริ่มขยับตัวเปลี่ยนมานั่งเคียงข้างสุชาวี ดึงมือเรียวขึ้นมากระชับและวางบนตักของเขา และลอบชำเลืองเนินอกขาวอวบอิ่มทีกระเพิ่มไหวขึ้นลงของสุชาวีตามการหายใจเข้าออก เขาสัมผัสอาการตื่นเต้นของเธอได้เป็นอย่างดีนายหัวเมฆาถอดเสื้อสูทออกที่จริงอยากถอดทั้งหมดเลยในเวลานี้ แต่กลัวสุชาวีจะรับไม่ทันเลยค่อยๆเป็นค่อยๆไป อดีตเสือที่ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวานเริ่มวาดลวดลายและน้ำลายก็เริ่มจะไหลออกมาก็คืนนี้สุชาวีสวยกระชากใจเขาอย่างแรงชุดวิวาห์เกาะอกตัวนี้มันคงจะอึดอัดน่าดูในช่วงบนเขาเพิ่งรู้ว่าคนที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องกลายมาเป็นภรรยาโดยสมบูรณ์จะมีสัดส่วนซ่อนรูปแบบนี้ คืนนี้แหละเขาคงได้ชมมันอย่างเต็มที่ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหื่น นายหัวเมฆาชะงักกับความคิดไม่ใช่สิใครว่าเขาหื่นเขาแค่ทำตามหน้าที่สามีที่ดีอะไรที่จะต้องทำก็ควรต้องทำไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
“นอนลงเถอะค่ะฉันจะปรนนิบัติคุณเอง”
“ว้าว! ให้ตายผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ในคืนแต่งงานของเรา” จะไม่ให้ช็อคได้ไงเมื่อสุชาวีหวงเนื้อหวงตัวกับเขามาโดยตลอดแต่ดูสิคืนเข้าหอเธอขอจะเป็นคนปรนนิบัติเขาเอง นายหัวเมฆาลอบยิ้มเอาก็เอาอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรกับเขาบ้าง นายหัวเมฆานอนลงหลับตานิ่ง สักพักหญิงสาวก็ค่อยๆ บรรจงมาปลดกระดุมเสื้อของเขาออกจนหมด จากนั้นเธอก็ทำให้เขาหวาดเสียวด้วยการเลื่อนต่ำไปปลดกระดุมกางเกง นายหัวแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าสุชาวีค่อยๆก้มตัวต่ำลงไปจากนั้นสองมือของเธอก็เลื่อนตามลงไปผ่านจุดหวาดเสียวและบีบนวดให้เขาอย่างเบามือนายหัวเมฆารู้สึกผ่อนคลายแต่ทว่าคืนนี้เขาไม่ต้องการนวดนี่นาอยากจะนาบ..เอ้ยอยากจะทำตามหน้าทีมากว่า
“ที่รักจ๋า” คำแบบนี้เขาไม่เคยหลุดพูดให้ใครฟัง
“อะไรเหรอคะ” สุชาวียังคงบรรจงนวดเฟ้นไปตามร่างกายเพื่อให้เขาผ่อนคลายความเครียด
“อันที่จริงผมว่าคุณนวดได้ดีและสบายมากเลยนะ”เขาลุกขึ้นมานั่ง “แต่ผมว่าคืนนี้เราควรทำอย่างอื่นกันมากกว่าการนวดนะ” เขามองร่างบางสายตาหวานเยิ้มและเริ่มคืบขยับ ฝ่ามือหนาวางไปที่เอวบางและรวบร่างเธอมานั่งบนตักเขา
สุชาวีร้องว้ายด้วยความตกใจ เธอรู้สึกถึงความแข็งขืนบนพื้นที่เธอนักทับอยู่ “นายหัวจะทำอะไรคะ” เขาพลิกร่างบางลงไปบนที่นอนอย่างรวดเร็ว จนแผ่นหลังของเธอสัมผัสที่นอนนุ่ม “ผมรอมานานแล้วนะที่รัก ผมรอคืนนี้ คืนที่เราจะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยังไงล่ะ” สายตาของเขามองเจ้าสายคนสวยแสดงความปราถนาอย่างเปิดเผย
สุชาวีดันเขาออกเบาๆ “ฉันไม่อยากจะพูดอะไรที่ไม่ดีในคืนสำคัญของเรา แต่นายหัวก็ต้องรู้ตัวสิคะว่าอะไรที่นายหัวทำได้และอะไรที่นายหัวทำไม่ได้”
นายหัวเมฆาที่ทาบทับร่างสุชาวีเปลี่ยนท่าทางลงมานอนเคียงข้างเอามือท้าวที่นอน ส่วนมืออีกด้านเชยคางสุชาวีขึ้นและมองหน้าสวยด้วยสายตาสงสัย “ผมทำอะไรไม่ได้เหรอสุชาวี”
“ก็ เอ่อ...” สุชาวีหน้าแดงจัดแต่ก็ต้องเตือนเขา “ก็นายหัวร่วมหลับนอนกับฉันไม่ได้นี่คะ นายหัวก็รู้ดีมันจะทำให้อาการกำเริบหากว่าคุณออกแรงมากไป”
“อาการ” เขาทวนคำพูดของเธอและขมวดคิ้วเข้มบนใบหน้ามีเครื่องหมายเควชเช่นมาร์ค “คุณทำให้ผมงงนะที่รัก ผมร่างกายแข็งแรงดีไม่ได้ป่วยเป็นอะไรสักหน่อย”
“หมายความว่ายังไงคะ”สุชาวีตาโตและลุกขึ้นมานั่ง “ก็นายหัวเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ”
นายหัวเมฆาลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับสุชาวี “คุณจะแช่งสามีตั้งแต่คืนเข้าหอเชียวเหรอ ผมยังไม่เป็นโรคอะไรง่ายๆหรอก ภรรยายังสวย ลูกก็ยังไม่มีจะรีบตายไปทำไมกัน คุณไปเอาเรื่องแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”
“ก็คุณพีระดา...” สุชีวีหน้าเสีย แต่ยังไม่เท่ากับเสียรู้เล่ห์เหลี่ยมของสาวนักวางแผน
+++++++++++++++++
บ้านพักรับรองหลังเล็กกระทัดรัดตกแต่งไสตล์น่ารัก ภายในไร่แสงตะวันยามค่ำคืนฝนพรำ ผู้ชายผิวขาวร่างกายกำยำกำลังกอดก่ายพัวพันอยู่กับร่างบางเพียวระหงสมส่วนราวกับเทพสร้าง ภาคินัยรู้แล้วว่าจะคืนไหนๆพีระดาก็ให้ความสุขเขาได้อย่างล้นหัวใจไม่ว่าจะเป็นคืนเข้าหอ ช่วงข้าวใหม่ปลามัน และไม่ว่าอีกกี่คืนอีกกี่วันมันก็เป็นเช่นนี้ หลังจากจบศึกรักไปหลายภาคทำให้เธอและเขาต้องเสียทั้งเหงื่อและพลังงานไปมากแต่ก็ได้รับความสุขชื่นฉ่ำจนแทบจะสำลักความสุข
ภาคินัยพลิกร่างบางขึ้นมาทาบทับบนอกเปลือยของเขาจากนั้นดึงผ้านวมสีขาวผืนใหญ่มาห่มทับร่างของเธอเพราะกลัวว่าภรรยาคนสวยจะหนาว พีระดาตาปรือแต่ภาคินัยสะกิดเธอไม่ให้หลับไปเสียก่อน
“ที่รักคุณจะหลับไม่ได้นะ เด็กดื้อคุณสัญญาอะไรกับผมเอาไว้จำได้ไหม”
“แต่ตอนนี้ฉันง่วงมากจริงๆนะ” พีระดาหลับตาพริ้มทำทีว่าจะหลับลงจริงๆ
“ถ้าคุณแกล้งหลับ ผมจะปลุกคุณให้ตื่นด้วยวิธีการแบบของผม” พีระดาปรือตาขึ้นก็เธอรู้ว่าเขาจะปลุกด้วยวิธีไหนแต่ว่าคืนนี้เธอหมดเรี่ยวแรงเสียแล้ว จึงต้องยอมลืมตาขึ้น
“ดีมาก ทีนี้ช่วยบอกผมทีว่าคุณทำยังไงสุชาวีถึงยอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาอย่างง่ายดาย แถมยังเอาอกเอาใจขนาดกินข้าวก็ยังแทบจะป้อนกันเลย”
พีระดาอมยิ้มและนึกภาพในวันนั้น หลังจากนายหัวเมฆาออกไปจากไร่พีระดาก็ไปตามเก็บสมุดบันทึกของนายหัวเมฆา เธอไม่ได้เสียมารยาทนะแค่อยากรู้เฉยๆว่านายหัวเมฆาเขียนอะไรไว้ในนั้นบ้าง เธอนึกและยังขำอยู่เลยกับข้อความที่คนหุ่นล่ำ ผิวคล้ำเขียนไม่คิดเลยว่านายหัวเมฆาจะกล้าเขียนอะไรแบบนั้น
ตัวอย่างในสมุดบันทึก เท่าที่พีระดาพอจะจำได้
วันที่ 01 เม.ย 2554
ยัยพยาบาลคนนี้หน้าตาก็สวย หุ่นก็ดี แต่ทำทำไม หรือผมจ่ายเงินเดือนคุณน้อยไป ถึงได้ใส่เสื้อผ้าเชยๆเก่าๆ นี่ถ้าจับมานุ่งบิกินี่คงจะเจริญหูเจริญตาดีไม่น้อย 555
วันที่05 เม.ย 2554
ตั้งแต่ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่ยัยพยาบาลขาวีน ขี้งอนคนนี้ก็ดูสวยวันสวยคืน กลิ่นตัวก็หอม เมื่อหั่วค่ำแกล้งทำเป็นเจ็บแผลเธอรีบเข้ามาดูและทำแผลให้ใหม่ทันที มือก็นิ่ม ผมก็หอม ผิวก็เนียน ยิ่งตอนที่เธอก้มลงมาวัดไข้และผมแกล้งหลับตาพอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหละ ส้มโอ นครชัยศรียังชิดซ้าย อยากจะบอกว่าคืนนี้เธอทำให้ผมหัวใจสั่นมาก สงสัยผมจะเป็นโรคหัวใจช่วงนี้ทำไมหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และเหนื่อยง่ายมากเป็นพิเศษเวลาที่พยาบาลตาคมคนนี้เฉียดเข้ามาใกล้
วันที่ 14 พ.ค 2554
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมรู้สึกแปลกๆเวลาใกล้คุณใจมันสั่นแบบไม่รู้ตัว หลายวันที่เราอยู่ด้วยกันผมแอบมองคุณตลอดไม่ว่าคุณจะเดินไปไหนและทำอะไร ตอนที่คุณมองมาผมก็แค่แกล้งเอาหนังสือบังหน้า ใครจะไปรู้ว่าผมแอบมอง ผมชักสงสัยแล้วว่าผมคิดอะไรกับคุณหรือเปล่า
วันที่ 16 พ.ค 2554
ผมเพิ่งจะรู้วันนี้ว่าผมคิดอะไรกับคุณเกินเลยไปโดยที่ไม่รู้ตัวสุชาวี ผมสาบานได้เลยถ้าไอ้แก่นั้นแตะต้องคุณแม้แต่ปลายก้อย ผมจะตัดน้องชายมันเอาไปทิ้งในบ่อจรเข้ แต่ผมว่าไม่รู้พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาจะมีข่าวของมันหรือเปล่าเพราะเมื่อคืนก่อนออกจากโรงแรม ผมโทรไปหาภรรยาของมันและบอกที่อยู่กับเบอร์ห้อง และที่สำคัญผมบอกว่ามันพาผู้หญิงเข้าไปในห้องด้วย หวังว่าพรุ่งนี้ผมคงตื่นมาและพบข่าวดีในหนังสือพิมพ์ คืนนี้ผมได้กอดคุณไปหนึ่งครั้งตอนไฟดับ ไม่รู้ทำไมหัวใจสั่นมาก
วันที่ 17 พ.ค 2554
วันนี้ไม่มีอะไรจะเขียนบังเอิญว่าผมเพิ่งค้นพบหัวใจตัวเองขอเขียนสั้น ผมรักคุณสุชาวี
วันที่ 25 พ.ค 2554
ตั้งแต่เรากลับมาที่ไร่คุณชักจะทำตัวห่างเหินกับผมมากไปแล้วนะสุชาวีท่าทางของคุณเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกหัวใจโหวงเหวง เหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ช่วงนี้รู้สึกว่าหัวใจตัวเองอ่อนแอ ไอ้พวกผู้ชายที่มันชอบแกล้งป่วยไปให้คุณตรวจบ่อยๆสักวันเถอะผมทนไม่ได้ขึ้นมา.....
วันที่ 10 ต.ค. 2554
สุชาวีผมมีอะไรอยากจะบอกคุณแต่ไม่กล้าบอก แต่งงานกันไหม ผมอยากมีลูกแล้ว ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองอายุมากขึ้น ถ้าเกิดผมหัวใจวายตายไปก่อน ยมพบาลจะเอาผิดผมได้ที่อายุสามสิบยังรักษาความโสดเอาไว้ไม่ยอมแต่งงาน นอกเรื่องน่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ตอนอยู่ใกล้คุณถ้าใจไม่สั่นจนทนไม่ไหวไปเสียก่อน ผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณ
วันที่ 31 ธ.ค 2554
จนแล้วจนเล่าผมก็ยังไม่กล้าขอคุณแต่งงานสักที มีอะไรบ้างในโลกนี้ที่คนอย่างนายหัวเมฆาจะทำไม่ได้ก็มีเรื่องนี้แหละ ผมไม่กล้าขอคุณแต่งงาน ก็คุณไม่เหมือนใครที่ผ่านมา ถ้าคุณปฏิเสธผมและผมเกิดทนไม่ได้หัวใจวายตายไปจะทำยังไง ผมก็อดเห็นหน้าสวยของคุณน่ะสิที่รัก
เมื่อพีระดาเล่าจบภาคินัยก็ลุกขึ้นมาขำจนท้องแข็ง “ไอ้หมอนี่มันเน่าสนิทเลยนะคุณ เห็นหน้าตาขึงขังแบบนั้นไม่น่าเชื่อจริง” แต่พอหัวเราะจบเขาก็แอบตำหนิภรรยาเล็กน้อยที่ไปเปิดอ่านบันทึกส่วนตัวของคนอื่น
“แหม...ภาคินัยคะฉันยอมรับว่าผิดที่ไปแอบอ่านบันทึกของนายหัวแต่ฉันอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาก็เท่านั้น”
“แล้วมันเกี่ยวกับการที่สุชาวียอมแต่งงานกับนายหัวเมฆาง่ายๆ ได้ยังไงล่ะคุณยังเล่าไม่หมดเฉลยมาเสียดีๆจอมเจ้าเล่ห์”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2555, 16:53:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ย. 2555, 18:45:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 5998
<< ตอนที่ 32 | ตอนที่ 33 ครึ่งหลัง (อวสาน) >> |

tam 6 ก.ย. 2555, 17:06:09 น.
555 ขำบันทึกนายหัวมากก น่ารักดีค่ะ
555 ขำบันทึกนายหัวมากก น่ารักดีค่ะ

อัปสรา 6 ก.ย. 2555, 18:09:37 น.
นายหัวเขาขี้อายน่ะค่ะ 555 เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว คนอ่านคิดว่าชื่อนี้เหมาะสมกับเนื้อหารึเปล่าคะ คนเขียนยังไม่มีชื่อในใจเลย ถ้าใช้ชื่อนี้จะเหมาะไหม
นายหัวเขาขี้อายน่ะค่ะ 555 เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว คนอ่านคิดว่าชื่อนี้เหมาะสมกับเนื้อหารึเปล่าคะ คนเขียนยังไม่มีชื่อในใจเลย ถ้าใช้ชื่อนี้จะเหมาะไหม


lovemuay 6 ก.ย. 2555, 18:12:00 น.
อย่าบอกนะคะ ว่าบันทึกรักของนายหัวมาดเข้ม จะทำให้พยาบาลสาวนึกว่าเป็นโรคหัวใจ +55
อย่าบอกนะคะ ว่าบันทึกรักของนายหัวมาดเข้ม จะทำให้พยาบาลสาวนึกว่าเป็นโรคหัวใจ +55


konhin 6 ก.ย. 2555, 23:07:53 น.
ฮ่าๆๆ น่ารักฮ่ะ
ฮ่าๆๆ น่ารักฮ่ะ

goldensun 7 ก.ย. 2555, 06:40:51 น.
บันทึกนายหัวนี่ เขียนคล่องผิดการแสดงออกนะคะ ถ้าสุชาวีไม่เอ่ยปาก คงยังไม่ถึงไหน
ฝีมือพีระดาอย่างนี้ นายหัวต้องขอบคุณแล้ว สุชาวีรู้ความจริงแล้วไม่ต้องสงสารนายหัวแล้ว
บันทึกนายหัวนี่ เขียนคล่องผิดการแสดงออกนะคะ ถ้าสุชาวีไม่เอ่ยปาก คงยังไม่ถึงไหน
ฝีมือพีระดาอย่างนี้ นายหัวต้องขอบคุณแล้ว สุชาวีรู้ความจริงแล้วไม่ต้องสงสารนายหัวแล้ว


กรยุพา 7 ก.ย. 2555, 09:01:20 น.
ชื่อเรื่องเป็นอะไรที่ยากมากๆ สำหรับตัวเองกว่าจะคิดก็แย่เหมือนกันค่ะ คณอัปสราค่อยๆ คิดน่าจะได้ชื่อดีๆ นะคะ จะว่าไปชื่อนี้ก็โอแล้วนะคะ
ชื่อเรื่องเป็นอะไรที่ยากมากๆ สำหรับตัวเองกว่าจะคิดก็แย่เหมือนกันค่ะ คณอัปสราค่อยๆ คิดน่าจะได้ชื่อดีๆ นะคะ จะว่าไปชื่อนี้ก็โอแล้วนะคะ


kaero 7 ก.ย. 2555, 13:07:48 น.
ได้อยู่คุณนก
ได้อยู่คุณนก

อัปสรา 7 ก.ย. 2555, 14:17:40 น.
ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ
ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ

violette 7 ก.ย. 2555, 16:31:56 น.
โอ้ ลืมไปแล้ว ทำไมภาคินัยมีลูกไม่ได้ล่ะคะ
โอ้ ลืมไปแล้ว ทำไมภาคินัยมีลูกไม่ได้ล่ะคะ
