ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: บทที่ ๙ พรายปรารถนา / กรี๊ด ทำไมเว็บร้างๆ นักอ่านหายไปหนายหมดดดดดด!!!!

คุณหนูผักชี – เหอๆๆ มาอ่านเถ๊อะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนตัวน้อยๆ ที่จิตใจบอบบางสั่นสะท้านริกๆ

คุณซาอิ แกะตัวจิ๋วมินิหางฟู – หุหุ พี่พลจัดการณัฐไปคำรบใหญ่แล้ว ขอพี่นนท์จัดการน้องเพลงบ้างนะ

คุณหลิง – น้องเพลงต้องมีอันตรายแน่ๆ อยู่กับหนุ่มพราย อันตรายทั้งกายใจ อิอิ

คุณเฟอร์ – พี่นนท์อยากมีบทเยอะขึ้นบ้างอะไรบ้าง คืนนี้ขออยู่กับน้องเพลงอีกที งิๆๆ จะดูวแลเธอออ
หรือจะกินเธออออ โฮ้ลา

คุณเลิฟหมวย – นั่นสิน้า พี่นนท์น่าจะลองพยายามเอง แต่พี่นนท์มีปมไม่กล้ากับน้องสาวคนสวยคนเน้
พอลืมตัวก็อยากสะกดเธอทุกที ใจไม่ด้านพอๆๆ

คุณโกลเด้นซัน – ณัฐห้าวด้วยเหตุผลตลกมากค่ะ แต่ก็เคยเจอเพื่อนที่เป็นแบบนี้จริงๆ นะ ของหนูณัฐ
บวกกับความอยากเป็นหัวหน้าครอบครัวต่อจากพ่อด้วยละ ปะป๊าไม่ค่อยฉะบายอะจิ

คุณลูกหนู – มาโอ๋นางตานีทำมาย เค้ามีเจ้านายคอยโอ๋อยู่แล้วละ ไม่ต้องเป็นก้างเค้าหรอกนิ

คุณหมูอ้วน – พี่นนท์อยากใช้อำนาจพรายกะหนูเพลง(คนขี้โกง) แย่จริงเชียว...



บทที่ ๙ พรายปรารถนา

ย่ำค่ำ สรานนท์ปลีกตัวออกจากรั้วอารยกิจในวันนั้นด้วยจิตใจที่คำนึงถึงภาระหลายทาง
ในคืนเพ็ญที่ผ่านมา เขาได้ถามชายชื่อดนัยก่อนที่อีกฝ่ายจะหมดลมหายใจ ถึงเรื่องคนที่
เข้ามาเกี่ยวข้องกับบิดาเขาก่อนวาระสุดท้าย ชายผู้นั้นในห้วงคับขันแห่งชีวิตกลับรีบ
ละล่ำละลักบอกว่าตนเองไม่เกี่ยว ทั้งยังหลุดหลายชื่อออกมาให้เขาไปทวงถามความ
จากคนเหล่านั้นเอง

เท่านั้นดนัยก็หมดประโยชน์ที่เขาจะยุ่งด้วยต่อไปอีก เมื่อคนพบศพดนัย คนของทางตำรวจ
ติดต่อมายังเขาเช่นกัน แต่การใช้อำนาจพรายทำให้คนเหล่านั้นผละห่างไปก็เป็นเรื่องง่ายแสนง่าย
ทว่าข้อใหญ่ใจความสำคัญ

เขาไม่ได้ฆ่าดนัย...

คงเป็นผู้ครอบครองจิตพรายที่เขายังไม่รู้ว่าเป็นใครได้ลงมือกับชายผู้นั้น การทำให้เลือดหมดตัว
เขาทำได้เช่นกัน บังคับให้เลือดหลั่งรินจากทวารทั้งเก้า เพราะพรายสามารถควบคุมน้ำในกายมนุษย์

แต่นั่นไม่เกี่ยวกับสรานนท์ วันนี้เขามีเหยื่อของตนเองที่ต้องไปจัดการด้วยวิธีอันต่างออกไป

...ดนัยพูดถึงคนซึ่งว่ากันว่าเป็นเจ้าของสถานบันเทิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ได้ในเมืองหลวง
เปิดเป็นร้านอาหารหรู แต่ใต้ดินกลับจัดเป็นผับเล็กๆ กรุ่นกลิ่นอายที่อโคจร


สู่โถงใต้ดินที่ราวกับมีหมอกอ้อยอิ่งลอยเรี่ย ท่ามกลางสีสันอันเคลื่อนคล้อยผ่านและเงาร่าง
ซึ่งแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ร่างสูงในชุดดำเดินแทรกผู้คนไปจนถึงโซฟาครึ่งวงกลมโอบรอบโต๊ะ
เป็นทำเลที่มองเห็นไปทั่วห้อง ณ ที่นั้นหนุ่มวัยกลางคนกำลังโอบกอดสาวสวยผู้ซื้อได้ด้วยเงินตรา
เคล้าเคลียแนบชิด สรานนท์ไม่สนใจทั้งสองคน เขาหย่อนกายนั่งลงตรงที่ว่างอีกส่วนบนโซฟา
ชายเจ้าของโต๊ะชะงัก หันมาเตรียมผรุสวาท แต่สรานนท์ก็สบตาด้วยอย่างเยือกเย็น

“ลุกไปซะ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบา

ชายกลางคนและหญิงสาวมองดวงตาสวยใต้กรอบแว่นซึ่งแลบประกายประหลาด
พลันเย็นวาบไปตลอดสันหลัง พวกเขาค่อยๆ ลุกไปจากที่นั่นด้วยอาการปกติ
คล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อำนาจของจิตพราย ทำให้พลังจิตสรานนท์เพิ่มขึ้นหลายเท่าทวีคูณ
เพื่อสะกดใจคนให้คล้อยตาม

เด็กเสิร์ฟเดินมาหาว่องไวเมื่อเขาส่งสัญญาณเรียก

“เฮียประพจน์เข้าหรือเปล่าวันนี้”

ใช่ เขาหมายถึงประพจน์เดียวกับที่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อสื่อ บิดาของนายปราชญ์
คู่หมั้นของอรดี อ้อ แต่จากที่รู้มา ตอนนี้ต้องเรียกว่า...อดีตคู่หมั้น

“ตอนนี้เฮียไปเที่ยวต่างประเทศยาว เขาว่ากันอย่างนั้นครับ” เด็กหนุ่มตอบนอบน้อม
ก่อนเดินจากไปเมื่อสรานนท์พยักหน้า
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ไม่เชื่อคำพูดของเด็กเสิร์ฟเมื่อครู่แม้แต่น้อย

เขาเอื้อมไปคว้าแก้วเหล้าที่ถูกวางทิ้งไว้มาใกล้ตัว ประคองมันไว้ในมือ ปลายนิ้วจุ่มลงในน้ำ หลับตาลง...

ผู้ชายคนนั้นอยู่ไหน หากมันอยู่ใกล้แหล่งน้ำหรือที่ใดที่มีน้ำอยู่ใกล้ น้ำพวกนั้นจะบอกเขา
และเป็นสื่อให้ติดตามไป

น่าแปลก...ใกล้ตัวของผู้ชายที่ชื่อประพจน์ไม่มีแหล่งน้ำใดเลย นี่แปลว่ามันรู้ว่าสิ่งใดกำลัง
ติดตามคุกคามตนอยู่ และรู้เรื่องจิตพราย หรือว่ามันจะเป็นเจ้าของจิตเสียเอง ถ้าเช่นนั้น
จะกลัวทำไม หรือเพียงแค่ตั้งรับเพื่อรอดูทางหนีทีไล่ ไม่หรอก มันมิได้มีจิตพราย
ผู้ชายคนนี้ยังรู้ไม่หมด...

ผิวน้ำ ภาพมายาของอีกมิติ ทางผ่านสู่อีกโลกหนึ่ง แล้วในที่สุดเขาก็รู้สึกว่ายังมีโอกาส
เข้าถึงตัวมันได้...แต่ต้องขยับเข้าไปใกล้กว่านี้


เจ้าของร่างบอบบางแอบมองอยู่ไม่ห่างเมื่อเงาร่างสูงที่คุ้นตาเดินลงไปยังช่องทางอันแลดู
คล้ายว่าทอดลงสู่ใต้ดินซึ่งซ่อนอยู่ภายในสวนร่มครึ้ม เธอพยายามกดโทรศัพท์หาเขาก็แล้ว
อยากถามว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ แต่กลับไม่เป็นอย่างใจเมื่อพี่นนท์ไม่ยอมรับสาย

เป็นความบังเอิญเหลือเกินที่เพลงพิณมีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อนห้องเดียวกันสมัยมัธยมปลาย
แบบที่ทำกันมาเสมอทุกปี หลายคนเสนอร้านอาหารแห่งนี้ หญิงสาวซึ่งเคยมาที่นี่หลายครั้ง
เพื่อรับประทานเลี้ยงกับคู่ธุรกิจพอจะรู้ว่าภายในบริเวณกว้างขวางยังมีผับกึ่งเลานจ์อยู่ใต้ดิน

สถานเริงรมย์ที่ซ่อนอยู่มิได้เปิดเพลงแรงๆ และไม่ได้เป็นจุดขายเนื่องจากไม่ต้องการรับคนนอก
เรียกว่าอาจเป็นส่วนซึ่งเจ้าของร้านทำเสริมขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่นั่งเล่นระหว่างคนวงในซึ่งคุ้นเคยกัน

หรือบางทีมันอาจมีเรื่องของธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่...
เพลงพิณยิ่งสงสัยนักว่าพี่นนท์พาตัวเองมาในที่แบบนี้ทำไม

รออยู่ราวสิบห้านาทีหลังจากเขาลงไป จนแทบจะหมดความอดทนรออยู่แล้ว
ดีว่าเพื่อนๆ ที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่วัยเด็กมัวแย่งกันร้องคาราโอเกะในห้องอาหารเดี่ยวๆ
ที่จับจองกันไว้ แม้มีใครหายไปเข้าห้องน้ำหรือโทรศัพท์สักนานๆ ก็ยังไม่มีคนสนใจออกมาตาม
อาจคิดว่าเบื่อหรือหนวกหูมากกว่าจะหายไปไหน

วันนี้ลมพัดแรงเป็นพิเศษจนน่าขนลุก แม้มุมมืดมิดก็ยังไม่ต้องกลัวกับการถูกยุงหาม
ในการรอคอยอันน่าอึดอัดขณะที่เพลงพิณกำลังตัดสินใจว่าจะรอดูต่อหรือกลับไปสมทบกับเพื่อนๆ
เธอก็เห็นร่างของสรานนท์โผล่ขึ้นมาจากช่องทางสลัว แต่แทนที่ชายหนุ่มจะออกมาสู่แสงสว่าง
เข้ากลับก้าวไปสู่มุมมืดยิ่งกว่าอันอยู่ลึกเข้าไปในสวนอย่างน่าฉงน

เขาจะไปไหน ที่ตรงนั้นมีอะไร หรือว่าพี่นนท์กำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย... ยิ่งเมื่อคิดอย่างนั้น
ก็ยิ่งเป็นห่วงเขา ตั้งแต่อีกฝ่ายแปลกเปลี่ยนไปเขาก็ดูมีลับลมคมในมากมาย ทั้งเรื่องที่
ขอเวลาไปสะสางภาระ มันจะปลอดภัยต่อตัวพี่นนท์เองจริงละหรือ เท้าทั้งสอง
ของเพลงพิณก็ยิ่งก้าวตามไปในเงามืด ไม่รอให้เขาคลาดสายตา



ประพจน์ซ่อนตัวเงียบงัน ชายกลางคนรู้ตัวว่าเขากำลังถูกตามล่า
จากมัน...พราย อาจจะมากกว่าหนึ่ง เขารู้จักสิ่งมีชีวิตพวกนี้
ตอนสมัยยังหนุ่มเขาเคยเผชิญหน้ากับมันครั้งหนึ่ง

จากเคยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เมื่อรอดชีวิตมาได้ครานั้น ไม่สิ
ต้องเรียกว่ามันละเว้นชีวิตเขา ประพจน์กลายเป็นเซียนพระ ห้อยพระเครื่องเต็มตัว
แม้รู้ว่าไม่อาจป้องกันมันได้ เพราะมันคือสิ่งมีชีวิต หาใช่ภูติผี
ผิวกายใต้ร่มผ้าของเขาเต็มไปด้วยรอยสัก ขัดกับภาพลักษณ์เจ้าพ่อสื่อหลากหลายลู่ทาง
ที่ควรเป็นพวกหัวสมัย แต่เขาก็เลือกจะแสดงท่าไม่สนเสียงใคร ที่สุดก็ผ่านมาได้จนจุดนี้
บางครั้งเขาอยากลืมว่าบนร่างมีรอยสักเพราะอะไร รอบตัวมีเครื่องรางของขลังไว้ทำไม

แต่ข่าวเรื่องศพลอยน้ำพวกนั้นเสมือนเป็นการเตือนย้ำถึงความตายอย่างพิเศษที่มันเคย
เกิดขึ้นต่อหน้าเขา และในระลอกใหม่นี้ผู้ตายล้วนอยู่ในวงการที่เขาเกี่ยวพัน ธุรกิจมืด
ของเสี่ยกำธร เขารู้ว่าสิ่งนั้นคงจะมาถึงตัวเขา ไม่ช้าก็เร็ว...

ความตายที่มากับน้ำ ดังนั้นรอบตัวเขาจึงระวังไม่ให้มีแหล่งน้ำ มือสั่นเทาของชายกลาง
คนรินไวน์สีเข้มลงแก้วทรงสูง ยกขึ้น จิบแล้ว... จิบเล่า...
เริ่มเมามาย ประสาทเขม็งเกลียวเครียด
เมื่อจ้องมองไปยังแก้วบนโต๊ะตรงหน้า ประพจน์กลับเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่ใช่ตาของเขา
ดวงตาในกรอบแว่นของใครบางคน !

อารามตกใจ มือหนาอูมพลันปัดแก้วจากโต๊ะปลิวกหล่นแตกกระจาย น้ำสีแดงคล้ำ
ไหลเนืองนองขยายเป็นวงกว้างขึ้น ก่อนจะเห็นเป็นร่างของใครบางคนกำลังผุดขึ้นมา
จากร่องรอยไวน์ที่หกเรี่ยพื้น

“ปัดโธ่โว้ย !!! จะตามจองเวรฉันไปถึงไหน พวกแกมีกี่ตัวกันแน่ ฉันนึกว่ามัน... เป็น
เป็นแค่ฝันร้ายที่ฉันเลอะเลือนไปเองในอดีต เรื่องของพวกแกมันเงียบหายไปนานแล้ว
ไอ้ผีนรก ผีพราย”

“พรายที่คุณเคยเจอก่อนหน้านี้ หน้าตายังไง” สรานนท์ถามราวกระซิบ ดวงตาเขาแน่วนิ่ง เย็นเยียบ

ในสายตาของประพจน์ ชายกลางคนได้กลิ่นอายความตายโชยชายจากคนผู้มาเยือน
มัจจุราชในคราบหนุ่มรูปงาม เขาปากคอสั่น ได้แต่ส่ายหน้าดิก ไม่มีสติพอจะตอบออกไป

“คุณทำอะไรไว้ถึงต้องกลัวว่ามีพวกพรายจะมาฆ่า รู้จักคนชื่อสมภพ ศาสตร์ศศิน รึเปล่า
ที่เป็นเพื่อนรักของเสี่ยกำธร”

“ไม่ ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่แกว่า จะไปไหนก็ไป”

“แต่คุณรู้เรื่องจิตพราย ถึงได้พยายามป้องกันตัวเองโดยการออกห่างจากน้ำ
ผมไม่ทำอะไรคุณ ถ้าคุณยอมบอกว่าเสี่ยกำธรรู้เรื่องนี้ไหม แล้วในวันที่เขาตาย
ได้ข่าวว่ามีคนหลายคนอยู่ในบ้านหลังนั้น คุณก็อยู่ด้วยใช่หรือเปล่า รู้ไหม เขาตายยังไง...”

ชายคนนี้อาจรู้จักพรายรุ่นก่อนเขา
ตอนปู่เข้าไปในป่า มีคนได้จิตพรายไปอีก รวมทั้งจิตของปู่ก็ยังไม่รู้ว่าส่งต่อให้ใคร
หากปู่ตั้งใจตายเสียก่อนได้ให้จิตพรายกับใคร มันก็จะสลายไป กลับคืนสู่ธรรมชาติ...
แต่เขาไม่คิดว่าคนอย่างปู่ที่พยายามมากกว่าใครในทุกสิ่งจะปล่อยวาง
หรือตัดสินใจในลักษณะสูญเปล่าขนาดนั้น

“แก... แก... ดะได้อำนาจผีพรายเวรนี่มาจากมะ มัน ใช่ไหม” ประพจน์ชี้นิ้วสั่นเทามายังสรานนท์

“มันที่คุณว่าน่ะหมายถึงใครล่ะ ผมไม่ได้สืบทอดอำนาจมาจากใคร ผมค้นหาสิ่งนี้มาด้วยกำลังของตัวเอง”

“แล้วทำไมแกถามถึงไอ้สมภพ อ่อ จะ จำได้แล้วฉันรู้จักแก... แกมันไอ้เด็กขี้แพ้ลูกชายมัน
ไอ้ขี้แพ้ ฉันไม่เคยสนใจแกมาก่อน แต่ทำไมวันนี้แกถึงกลับมาในสภาพของไอ้สิ่งมีชีวิต
ผีพรายพรรค์นี้ หา ! ”
ความกลัวของประพจน์คล้ายจะเริ่มถดถอยลงเมื่อจำสรานนท์ได้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้
ว่าชายหนุ่มปรากฏกายขึ้นในสภาพใดก็กลับลนลานถอยหนีไปอีก

ชายหนุ่มก้าวตามช้าๆ เห็นชายกลางคนแข้งขาสั่นถอยหลังจนเสียจังหวะล้มลงนั่งกับพื้น
กระนั้นก็ยังกระถดตัวหนีเขาโดยตาเบิกโพลงยังจับจ้องมาไม่คลาดสายตา

คำพูดจากอีกฝ่ายเหมือนคมมีดบาดใจเขา และคนที่เถือมันลงมา จะต้องได้ความทรมาน
กลับไปเป็นสองเท่า ฝ่ามือแข็งแกร่งของสรานนท์เอื้อมไปจับใบหน้าที่กำลังเหลือกลานไว้

“ในเมื่อไม่ยอมบอก ผมจะให้บทเรียนทิ้งไว้ เผื่อว่าผมกลับมาคราวหน้า...คุณอาจเปลี่ยนใจ
จากนี้ไปคุณจะนึกถึงแต่ความกลัวที่สุดในหัวใจ ความเศร้า ความผิดหวัง ความทุกข์
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ระลึกถึงมัน ทุกลมหายใจที่เหลือ” สรานนท์กระซิบเงียบงัน
ตาเขาประสานกับตาของชายกลางคนที่มองมาผ่านร่องนิ้วมือซึ่งทาบบนใบหน้า

แปลกที่อำนาจพรายมีในทางทำลายมากกว่ารังสรรค์ กับอำนาจสะกดจิตผูกพัน
อาจทำได้ไม่มาก แต่กับทางทำลาย การดึงจิตฝ่ายต่ำทั้งความทรงจำอันเลวร้ายออกมา
ดูเหมือนว่าพลังนั้นจะรุนแรงและมีผลเกือบถาวร อาจแก้ไขได้
ทว่ายากนักถ้าหากเขาไม่กลับมาช่วย

มัน...ที่ชายคนนี้หมายถึง อาจเป็นใครที่ปู่มอบรอยลิขิตให้ เขาเชื่อว่าพ่อไม่ได้รับจิตพรายมา
ไม่เช่นนั้นพ่อคงจัดการชีวิตได้ดีกว่าที่เป็น

กับเหยื่อบางราย เขากลับไปหาและแก้ไขให้ แลกกับคำตอบบางอย่างมา บางรายชิงตายไปเสียง่ายๆ
ส่วนบางรายกลับถูกมือลึกลับฆ่า ฝีมือของผู้มีจิตพรายที่กำลังตามรอยเดียวกับเขา แต่บางทีสรานนท์
ก็คิดว่าคนที่ตนลงมือนั้นสมควรตาย เพราะชีวิตของพวกมันก็แทบไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว
อยู่ไปรังแต่จะหนักโลก เขาก็แค่คิดด้วยเหตุผลของตัวเอง ไม่ใช่เหตุผลของส่วนรวม

ปู่เคยบอกไว้ การเป็นคนมีเหตุมีผล ใช้สมองซีกใดซีกหนึ่งยังไม่พอ ต้องใช้ทั้งสอง
หากใช้แค่นั้นก็ยังไม่พออยู่ดี... จำต้องใช้จิตใจในการวิเคราะห์ด้วย

ทว่าเมื่อมีอำนาจ เหตุและผลยิ่งห่างหาย จนคิดไปว่าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องมี



สรานนท์ออกมาพ้นจากที่ซุ่มซ่อนของประพจน์ มาโผล่ยังแหล่งน้ำถัดไปจากนั้นไกลโข
เป็นกระถางบัวเล็กๆ ซึ่งถูกพุ่มไม้ใบบังไว้จนมิดชิด

ท่ามกลางความมืดที่เขาไม่คิดว่าจะมีใคร กลับมีเสียงร้องของคนที่คล้ายกำลังโดนจับตัวไว้
ทั้งถูกอุดปาก ได้แต่ดิ้นและร้องอึกอักในคอ

...เขาไม่อยากยุ่งกับคนที่ตนไม่เกี่ยวข้อง แต่พวกมันกำลังทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า
...อ่อนแอ เหยื่อ สิ่งที่เขาเคยเป็น สรานนท์จึงทนปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้

ชายร่างใหญ่หนากำลังกระหยิ่มกับร่างบางหอมละไมที่ตนจับได้โดยละม่อมพลันถูกมือลึกลับ
เอื้อมมากระชากผมจนหน้าหงาย มันหันไปหมายจะทำร้ายคืน แต่มืออีกข้างของผู้จู่โจมกลับ
เอื้อมคว้าหมับเข้าที่หน้า

ความรู้สึกตกต่ำจู่โจ่มเข้าสู่จิตของผู้ที่เพิ่งคิดว่าตนอยู่ในฐานะนักล่ากำลังขย้ำเหยื่อ
มันค่อยๆ ทรุดลงหมดสติ

ร่างสูงเกือบจะจากไปโดยปล่อยผู้หญิงที่กำลังฟุบหน้าไอค่อกแค่กไว้ เพราะเห็นว่า
อีกฝ่ายคงไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเขาจะไม่ได้ยินเสียงครางที่ฟังคุ้นๆ ลอดมาจากลำคอเจ้าของร่างบางนั้น

ชายหนุ่มหันขวับ ถลาไปจับตัวของคนที่กำลังทำท่าหมดแรงไว้ทันที

“เพลง !! นี่เพลงมาที่นี่ได้ยังไง”

“พี่นนท์” เพลงพิณอุทาน สีหน้าตระหนก ตากลมเรียวสวยเบิกกว้างมองเขาราวกับ
ตัวอะไรเล็กๆ ที่ต้องการคนปกป้องและกำลังดีใจที่เจอเจ้าของ สรานนท์รวบร่างบาง
ที่พยายามเซซังลุกขึ้นยืนมากอดไว้แน่น

“บ้าที่สุดเลยเพลง มาทำอะไรตรงนี้...”

“เพลง เพลงบังเอิญเห็นพี่นนท์ ก็เลยแอบตามมาดูว่าพี่นนท์หลบมาทำอะไรแถวนี้”
หญิงสาวตอบหอบๆ ซุกตัวเข้าหาพี่ชายอีกคนของเธออย่างไม่เกี่ยงงอน

“โธ่เอ๊ย เพลง” ชายหนุ่มหลับตา ถ้าเขาออกมาไม่ทันเจอแล้วสาวน้อยของเขาถูกลากหายไปเงียบๆ
สรานนท์ที่เป็นต้นเหตุจะอยู่เป็นผู้เป็นคนได้ยังไง ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
แขนแข็งแกร่งกอดร่างบางแน่นอย่างแสนกังวลใจ แม้ว่าเรื่องที่กลัวจะผ่านไปแล้วก็ตาม

อีกแล้ว ความรู้สึกเจ็บที่อก ยิ่งเมื่อคิดกลัวว่าจะต้องสูญเสียสิ่งมีค่าอย่างเพลงพิณไป...

“แล้วนี่มากับใคร มายังไง”

เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวมาพบปะเพื่อนและจะต้องขับรถกลับไปเองชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่า
เขาคงไม่อาจสะกดเธอทั้งอย่างนี้ เพลงพิณกำลังตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกคนแปลกหน้ารวบตัวไว้
เพราะมาลับๆ ล่อๆ ตามหาเขาในความมืด ทั้งยังเป็นทำเลที่คนนอกไม่น่าเข้ามา
ถ้าสะกดเธอตอนนี้ เขาจะปล่อยให้เธอขับรถเองได้ยังไง

“คงไม่สนุกแล้วนะที่จะอยู่ต่อ เอางี้ เพลงโทรบอกเพื่อนว่าขอตัวกลับ เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2555, 11:45:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:38:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1400





<< บทที่ ๘ คนที่ใจไม่อยากยอมรับ(ต่อ-จบบท)   บทที่ ๙ พรายปรารถนา (ต่อ-จบบท) >>
อสิตา 7 ก.ย. 2555, 11:46:48 น.
ขอไลค์มารดใจเหี่ยวๆของคนเขียนสักนิดเถอะ แม่คุณคนหน้าตาดีทั้งหลาย...


Chii 7 ก.ย. 2555, 12:39:04 น.
ไวน์ไม่นับเป็นน้ำหรือ?
หรือหมายถึงว่า จิตพราย ใช้ได้แต่กับน้ำ ไม่ใช่ของเหลว?


ใบบัวน่ารัก 7 ก.ย. 2555, 12:44:17 น.
น้อยใจอะไร เค้าซ้อมหนีน้ำ ฝนตก
เน็ตช้านิดเดียวน่า
มีคนได้พรายหลายคนก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป
อะดิ


อสิตา 7 ก.ย. 2555, 12:59:18 น.
โผกอดชีจังกับคุณใบบัวน่ารัก...
อิอิ บ้านคนเขียนก็กลัวน้ำท่วมจะแย่แล้วค่ะ
บางบัวทองน้ำนองเต็มตลิ่ง -_-


ling 7 ก.ย. 2555, 13:07:52 น.
เกือบไปแล้วน้องเพลง โชคดีพี่นนท์มาทัน


หมูอ้วน 7 ก.ย. 2555, 13:11:44 น.
เกือบไปแล้วหนูเพลง


มุนีรัตน์ 7 ก.ย. 2555, 15:35:36 น.
อาราย คนอ่านเยอะแยะบกว่าร้าง ภูตหนุ่มของพี่ตะหากที่อ้างว้างเดียวดาย เหอๆ


Zephyr 7 ก.ย. 2555, 16:17:49 น.
คิดภาพพี่นนท์โผล่จากอ่างบัวแล้วมัน อืมมมมม เอิ่ม.....
ชักอยากจะรู้ว่าครายมีพรายอีกตน พี่พลเหรอ
ไม่จริงงงงงงงงงง
น้องเพลงเจ็บตัวเพราะพี่นนท์เลยนะ ปลอบกันซะดีๆ


lovemuay 7 ก.ย. 2555, 17:18:10 น.
แหมๆ พี่นนท์ช่างโชคดีจริงๆ แทนที่สาวจะจับผิดได้ กลับได้ช่วยสาวเจ้าแทนซะนี่


sai 7 ก.ย. 2555, 21:43:03 น.
อ๊ายยยย พี่นนท์ดูแลหนูเพลงดีกว่านี้หน่อยสิค่ะ


goldensun 7 ก.ย. 2555, 22:17:26 น.
ไวน์อยู่ในขวดเลยเห็นไม่ชัดมั้งคะ พอใส่แก้วกิน ก็โป๊ะเชะเลย
มีพรายตัวอื่นด้วย ขนาดเข้าไปเอายากนะ น่าคิดเหมือนกัน จิตพรายปู่อยู่กับใคร
เพลงเกือบไปแล้ว


ดารานิล 8 ก.ย. 2555, 11:30:15 น.
แวะเข้ามาเกรียนซักหน่อย หวังว่าเราจะลงตอนจบพร้อมๆ กันนะคะพี่ อิอิ


SunSeed 8 ก.ย. 2555, 16:03:14 น.
ต่อเลยๆ พี่แป้งกำลังหนุก ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account