พรางนิมิต
ความลับของเธออยู่ภายใต้ถุงมือที่ไม่เคยถอดออก แต่ทว่าในเช้าวันหนึ่งที่เผลอดึงมันออกมา เธอจึงรู้ว่าหลังจากวินาทีนี้ต่อไปเธอจะไม่ได้ชีวิตปกติกลับคืนมาอีก เมื่อมีปีศาจหนุ่มรูปงามยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า...

Tags: พรางนิมิต ปีศาจ

ตอน: 5. ศพที่สอง



ได้ยินดังนั้นมายาก็อ้าปากค้าง ไอ้การที่จะต้องมารับหน้าที่พี่เลี้ยงปีศาจก็เสี่ยงจนจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ไหนยังจะต้องมาแบ่งห้องให้ปีศาจได้พักผ่อนอีก เห็นทีคราวนี้เธอคงไม่ได้อยู่จนแก่แน่

“แล้วฉันจะต้องทำยังไงเนี่ย” มายาโอดครวญ

“ข้าต้องการแค่ที่สงบ” ชาบอกเสียงนุ่ม แต่ก็นั่นแหละ...จะหาที่สงบที่ไหนได้เล่า!

“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาดังๆ เกือบจะยอมแพ้แบ่งห้องให้ปีศาจอยู่ร่วมด้วยแล้ว แต่สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นอีกห้องเสียก่อน

“ฉันว่าฉันมีที่อยู่ให้คุณแล้วนะ” พูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องเล็กๆ ที่คั่นกลางระหว่างห้องเธอและห้องพ่อแม่เอาไว้

ชาเดินขึ้นบันไดตามแผ่นหลังเล็กๆ ไปด้วยความใคร่รู้ ก่อนจะจบลงที่ห้องหนังสือที่ทั้งพ่อแม่และเธอต่างช่วยกันรวบรวมสะสมเอาไว้มายมายจนต้องยกห้องให้มันไปหนึ่งห้อง

ด้านในเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือติดฝาทั้งสี่ด้านสูงจรดเพดาน มีหนังสือหลายหลายแนวแบ่งเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ชาเดินเข้าไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างสนใจ หน้าปกมันเขียนเอาไว้ว่า ‘พิศวาสทาสรักซาตานชีค’

มายาเห็นดังนั้นก็รีบกระโดดตะครุบ แม้จะรู้ว่าเขาอ่านไม่ออก แต่หน้าปกนี่มันก็ล่อแหลมพอจะเอาออกว่าด้านในมันมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

“เอ่อ...อันที่จริงมันเป็นของเพื่อนฉันลืมเอาไว้น่ะ” มายาหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะรีบหยิบหนังสือติดเรทออกจากมือปีศาจหนุ่มรูปงาม

ชากระตุกยิ้ม ก่อนจะหันไปสนใจหนังสืออื่นๆ ต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาปีศาจที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย

“แล้วสรุปคุณจะนอนได้รึเปล่า” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นเขากำลังจมจ่อมกับหนังสือตรงหน้า

“ข้านอนได้” ชาตอบเสียงเบา เพราะกำลังตื่นตากับนิตยสารแนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกตอนภูเขาหิมาลัยที่อยู่ในมือ

“ต้องใช้ฟูก หมอน ผ้าผม หรืออะไรพวกนี้รึเปล่า”

“ไม่ต้อง” ปีศาจหนุ่มยังคงดื่มด่ำกับภาพอันสวยสดงดงามในหนังสือจนแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่ามีหญิงสาวอีกคนหนึ่งอยู่ในห้องด้วย

มายาเห็นดังนั้นจึงไหวไหล่เล็กน้อย ปล่อยให้เขาได้เปิดโลกอีกโลกหนึ่งผ่านตัวหนังสือและรูปภาพซึ่งเขาคงไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แล้วเธอก็เดินปิดประตูกลับออกมาแต่ก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าปีศาจเช่นเขาจะนอนหลับอย่างไร...



แม้ว่าจะบอกตัวเองว่าการแอบเข้าห้องของผู้อื่นกลางดึกเป็นการเสียมารยาทอย่างที่สุด แต่ทว่าสาวร่างเล็กก็อดไม่ได้ อยากรู้เหลือเกินว่าปีศาจเช่นเขาจะนอนอย่างไร เพราะเธอจินตนาการไม่ออก ด้วยไม่เคยเจอปีศาจตัวเป็นๆ เช่นนี้มาก่อน

มายาค่อยๆ ย่องออกมาจากห้องตัวเองอย่างเงียบกริบ เธอยืนตัดสินใจอยู่นานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูห้องหนังสือ เสียงลูกบิดดังกริ๊กแต่เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วเธอก็ค่อยๆ ผลักบานประตูเข้าไปแง้มดูในห้องที่มืดสลัวมีเพียงแสงรำไรจากด้านนอกที่ส่องผ่านเข้ามา

แล้วสิ่งที่ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงขึ้นก็คือ ร่างสูงใหญ่ของปีศาจหนุ่มที่ลอยแน่นิ่งอยู่กลางห้องโดยมีปีกมหึมาคอยพยุงตัวเอาไว้ มายาถึงกับยืนนิ่งไปหลายอึดใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาเหมือนกับประติมากรรมชิ้นเอกของโลกชิ้นหนึ่งที่มีชีวิต เส้นผมดำขลับทิ้งตัวลงมาปรกหน้าไว้กึ่งหนึ่งทำให้ดูลึกลับน่าค้นหา แขนแข็งแรงทั้งสองข้างยกขึ้นประสานกันไว้บนอกแกร่ง และปีกใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวที่สยายออกด้านหลัง

มายามองภาพนั้นด้วยความทึ่งก่อนจะตัดสินใจปิดประตูที่แง้มไว้กลับเข้าที่ เพื่อไม่รบกวนเขาจนเกินไป แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่มีวันได้เห็นดวงตาสีแดงสุกก่ำที่ฉายขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดยามเธอปิดประตูไปแล้ว ชาไม่หลับ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในยามรัตติกาล หากเขาต้องออมแรงเอาไว้ เพราะพลังงานในร่างกายมันเริ่มหมดลงจนเขาหิวแทบทนไม่ได้เขานึกอยากจะสูบพลังชีวิตของเธอหรือของใครๆ ให้อิ่มหนำ แต่ทว่ามีบางอย่างในใจที่ยับยั้งตัวเขาอยู่ ชาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร และเหตุใดเขาจึงไม่ลงมือ?



แสงแดดยามบ่ายที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านสีน้ำตาลเข้มเข้ามาทำเอาคนที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงต้องยกมือขึ้นมายีตาเบาๆ มายาไม่ใช่สาวน้อยตื่นเช้า เธอมักจะตื่นเวลานี้เสมอแต่เมื่อวานที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเป็นเพราะนัดกับกินติศาไว้เลยต้องจำยอมทั้งๆ ที่ไม่อยากลุกออกจากเตียง หญิงสาวเปิดปากหาวออกมายกแขนขึ้นไปบิดขี้เกียจสองสามที เธอเกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเมื่อวานเธอเพิ่งได้เพื่อนใหม่เป็นปีศาจ ถ้าหากว่าเธอไม่สัมผัสโดนจี้รูปใบไม้คริสตัลเสียก่อน

เพียงเท่านั้นมายาก็ผุดลุกขึ้นความง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้งรีบดิ่งไปยังห้องหนังสืออีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่ามือน้อยกลับชะงักงันเมื่อกำลังจะบิดลูกหมุนประตูบานดังกล่าว

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอมายา” เสียงของอรุณฉายดังขึ้นมาจากด้านล่างเมื่อเห็นลูกสาวคนสวยยังสวมชุดนอนผมยุ่งเป็นรังนกยืนอยู่หน้าห้องหนังสือ

คนที่ถูกทักรีบหันมายิ้มให้ ตัดสินใจผละมือจากลูกบิดประตู เดินลงมาหาแม่ที่กำลังง่วนทำอาหารกลางวันเอาไว้ให้ลูกสาวผู้ขี้เกียจ

“ค่ะแม่ กี่โมงแล้ว” พูดแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง เมื่อเห็นแม่เริ่มตั้งท่าจะสวดเรื่องตื่นสายอีกครั้ง

“อายุยี่สิบหกแล้วนะมายา อีกสี่ปีก็สามสิบแล้วยังนอนตื่นสายอีก แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงไม่ลองหัดตื่นเช้าเหมือนใครๆ เขาบ้าง รู้รึเปล่าว่าตื่นเช้าน่ะมีเวลาทำอะไรได้ตั้งเยอะ งานอย่างลูกไม่เห็นจำเป็นต้องทำถึงดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการตื่นสายเลย ลูกก็แค่เพียงปรับเวลาทำงานให้เป็นตอนกลางวัน แล้วทีนี้ก็...บลาๆๆๆ” อันที่จริงมายาแทบจะไม่ฟังตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แม่เธอก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรขอให้มีอะไรเข้ามาเถอะ เธอสามารถนำมันมาบ่นได้ทุกเรื่อง แต่ก็อย่างว่า...แม่ใครใครก็รัก ถึงแม้จะขี้บ่นไปหน่อย เธอก็ไม่เคยเถียงจะปล่อยให้แม่บ่นจนเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง ระหว่างนี้หญิงสาวจึงหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเรื่องของชา เมื่อคืนนี้เธอใช้เวลาทั้งคืนเพื่อหาว่าปีศาจสามารถกินอะไรทดแทนมนุษย์ได้บ้าง แต่ก็ไม่สบผลสำเร็จเท่าที่ควร อันที่จริงต้องพูดว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจที่สามารถนำมาใช้ได้เลย

“แม่ถามได้ยินรึเปล่า” เสียงดุๆ ของอรุณฉายดังขึ้นมาเรียกสติของลูกสาวอีกครั้ง มายารีบหันกลับไปมองผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าตื่นๆ

“อะไรนะคะแม่”

“แม่ถามว่าวันนี้จะออกไปไหนรึเปล่า”

“ไม่ค่ะ เอ่อ...ไม่แน่” จู่ๆ มายาก็กลับคำเพราะคิดได้ว่าน่าจะลองไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจในห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียนดูก่อน

“จะไปไหน” อรุณฉายขมวดคิ้วมุ่น เพราะนานทีปีหนมายาถึงจะออกนอกบ้านสักครั้ง และรับรองได้ว่าครั้งนั้นจะต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่

“ไปห้องสมุดมหา’ลัยหน่อยค่ะ อยากไปค้นงานเก่าๆ ที่เคยส่งไป พอดีมีรุ่นน้องโทรมาปรึกษาเรื่องงาน”

“จะให้แม่ไปส่งมั้ย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไปแป๊บเดียว เย็นๆ ก็กลับแล้ว แม่เตรียมตัวไปทำงานเถอะ กะดึกมันเหนื่อยนะ”

“งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าลืมใส่ถุงมือด้วยล่ะ”

“ค่ะ” พูดแล้วลูกสาวก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะอาหารในห้องครัว เพื่อจัดการกับอาหารเช้าควบเที่ยงฝีมือของแม่ โดยมีอรุณฉายทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนสองแม่ลูกจะคุยกันไปกินกันไปตามประสาครอบครัว



หอสมุดมหาวิทยาลัยที่เธอเคยมาใช้บ่อยๆ เมื่อหลายปีก่อนยังคงสภาพเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่แปลกไปจากทุกวันคือมีรถตำรวจเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด แถมยังล้อมรั้วเหลืองกันไม่ให้ไทยมุงที่ออกันอยู่หน้าหอสมุดได้เข้าไปยุ่มย่ามอีกต่างหาก

“มีอะไรกันรึเปล่าคะน้อง” มายาเอ่ยถามสาวน้อยในชุดนักศึกษาที่กำลังเดินออกมาจากกลุ่มไทยมุงด้านหน้า

“มีคนถูกฆ่าตายในหอสมุดค่ะ น่ากลัวมาก” น้องสาวผมยาวเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น

“ยังไงคะ” มายาถามต่อด้วยความอยากรู้

“ไม่รู้ค่ะพี่ แต่ศพดูไม่ได้เลย เหมือนมัมมี่ อึ๋ย” พูดพลางลูบแขนตัวเองที่ขนลุกชัน ก่อนจะขอตัวกลับไปเก็บของที่คณะเพื่อกลับบ้าน มายาพยักหน้าเข้าใจและไม่ห้ามรุ่นน้องหากจะกลับบ้าน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้หากใครเจอก็ต้องขวัญกระเจิงเป็นธรรมดา ว่าแล้วเธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เมื่อเคยได้ยินข่าวคล้ายๆ กันนี้ในทีวีเมื่อวาน

บางอย่างในตัวเธอบอกไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะเกิดเหตุฆาตกรรมพิสดารเช่นนี้ขึ้นถึงสองรายติดในเวลาไล่ๆ กัน มายาอยากเห็นศพเพื่อยืนยันด้วยตาของตัวเองว่าเหมือนกันจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง หญิงสาวร่างเล็กพยายามฝ่าวงล้อมของไทยมุงเข้าไปให้ใกล้ที่สุดเพื่อจะได้มีโอกาสได้เห็นบ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี แล้วความหวังก็เธอก็เรืองรองขึ้นเมื่อทีมนิติเวชกำลังเคลื่อนศพที่ถูกผ้าสีขาวออกมาจากหอสมุดท่ามกลางเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นทั่วบริเวณ

มายาคิดหาทางเข้าไปใกล้ศพนั้นให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอไม่กลัว แต่เธอต้องทำเพราะเธอมีพลังพิเศษที่ไม่เหมือนใคร บางทีพลังที่เธอเคยเกลียดนักหนามันกำลังจะช่วยให้ชีวิตของใครอีกหลายคนอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดจวบจนสิ้นอายุขัยของแต่ละคน

หญิงสาวมองซ้ายมองขวาก็เห็นว่ามีรถของทีมกู้ภัยจอดอยู่ จึงรีบเดินอ้อมไปอีกทางแล้วลัดเลาะไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล เดาเอาเองว่าคงจะขนศพขึ้นรถคันนี้แน่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับก้มตัวผ่านรถตำรวจที่จอดกั้นอยู่เข้าให้ใกล้ที่สุด

“เข้ามาทำอะไรน่ะคุณ” เสียงของตำรวจนายหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กที่สวมถุงมือสีดำกำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างรถมูลนิธิ

มายาสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปตีหน้าเศร้า “คุณตำรวจคะ นั่นน้องชายฉันเองค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่าจะส่งเขามาตาย ขอฉันได้ดูหน้าน้องชายฉันเป็นครั้งสุดท้ายจะได้มั้ยคะ”

“เห็นจะไม่ได้นะครับ” นายตำรวจผู้นั้นพูดเสียงเรียบ “เพราะคนที่ตายเป็นผู้หญิง คงไม่ใช่น้องชายคุณ” ได้ยินดังนั้นมายาก็เหวอไปวูบหนึ่งก่อนจะแสร้งทำเป็นร้องไห้หนักกว่าเดิม

“น้องฉันเป็นกะเทยค่ะ แปลงเพศมาเรียบร้อยแล้ว นี่คุณตำรวจจะใจดำไม่ให้ฉันเห็นหน้าน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เหรอคะ”

ตำรวจรุ่นดึกเริ่มทำหน้าไม่ถูก เมื่อเห็นมายาร้องไห้หนักขึ้น เขายืนมองทีมกู้ภัยที่กำลังขนศพห่อผ้ามาอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าให้หญิงสาวที่รอลุ้นด้วยความระทึก

“ห้านาทีนะครับ ลองดูอีกทีว่าใช่น้องคุณรึเปล่า” สิ้นเสียงนายตำรวจ ทีมกู้ภัยก็มาถึงพร้อมกับเปิดห่อผ้าที่คลุมศพให้หญิงสาวผมสั้นดู ทันทีที่เห็นสภาพศพมายก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะมันเหมือนมัมมี่อย่างที่น้องผู้หญิงคนนั้นพูดไว้จริงๆ อะไรกันที่ทำให้เธอผู้นี้ตายในสภาพนี้ได้

ไวเท่าความคิด มายาก็รีบถอดถุงมือของตัวเองออก ก่อนจะยื่นมันเข้าไปหาใบหน้าซูบซีดของศพด้วยความหวาดกลัว แต่เพียงแค่ชั่วอึดใจที่นิ้วมือเธอกำลังจะแตะถูกหน้าศพ เสียงกรีดร้องร่ำไห้ของหญิงนางหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมร่างอ้วนท้วนของเธอที่ฝ่าวงล้อมของตำรวจเข้ามาด้วยน้ำตานองหน้า

“เจี๊ยบลูกแม่! ฮือๆๆๆ!!”ได้ยินดังนั้นมายาจึงต้องรีบชักมือกลับ เพราะทุกคนต่างจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย

“ขอบคุณค่ะคุณตำรวจ แต่คนนี้ไม่ใช่น้องฉัน” ว่าแล้วมายาก็ปลีกตัวออกมาให้ห่างเรื่องราวน่าสลดใจระหว่างแม่กับลูกที่กำลังเกิดขึ้น

ถึงแม้เธอจะไม่ได้สัมผัสร่างไร้วิญญาณของสาวผู้นั้นอย่างที่ตั้งใจ แต่มายาก็กำลังเดินเลียบตัวอาคารหอสมุดไปยังด้านหลัง เมื่อก่อนเธอชอบใช้เส้นทางนี้เพราะคนไม่พลุกพล่านแถมยังใกล้กับคณะที่เธอเรียนอยู่ มันเป็นเส้นทางที่แยกออกมาจากเส้นทางหลัก เป็นบันไดหนีไฟที่มีทางเข้าอยู่ด้านหลังของห้องน้ำ มายาพยายามทำตัวไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ก่อนจะแฝงตัวเข้าไปยังหอสมุดแห่งนั้นด้วยความชำนาญ

สาวร่างเล็กค่อยๆ เดินลัดเลาะเข้าไปยังโถงหน้าของหอสมุด มันเป็นอะไรที่เสี่ยงมากเธอรู้ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความเสี่ยงได้เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ได้รู้ว่าน้องนักศึกษาคนนั้นมุ่งตรงไปยังชั้นไหน

มายาก้มหลบสายตาของตำรวจที่กำลังจะหันเข้ามามองยังหอสมุดด้านใน อาศัยความตัวเล็กของตนเองจึงลัดเลาะมาถึงทางเข้าด้านหน้าได้ ที่หอสมุดแห่งนี้จำกัดทางเข้าทางเดียวไว้ด้านหน้าสำหรับเด็กใหม่ที่ยังไม่รู้ทางหนีทีไล่ มันเป็นแท่งเหล็กที่ยื่นออกมากั้นผู้คนเอาไว้เพื่อตรวจตรามีทั้งหมดสามช่องสำหรับทางเข้าและอีกสามช่องสำหรับทางออก และเธอก็ภาวนาว่าขอให้น้องสาวผู้นั้นใช้ทางเข้านี้เพราะหากว่าใช้ทางเดียวกับที่เธอใช้มาเมื่อสักครู่นี้ เธอคว้าน้ำเหลวแน่นอน...

มายาหมอบต่ำลงกับพื้นขณะเคลื่อนตัวเข้าไปยังทางเข้าช่องที่หนึ่ง หญิงสาวยื่นมือออกไปสัมผัสแท่งเหล็กพร้อมกับหลับตานิ่ง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมก่อนจะปล่อยมือออกมาอย่างผิดหวัง ก่อนจะเริ่มคลานเข้าไปหาช่องที่สอง คราวนี้มายาเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นภาพนักศึกษาสาวผู้หนึ่งกำลังหอบหนังสือประวัติศาสตร์กรุงโยนกเข้ามาเพื่อเอามาคืน สาวผมสั้นมั่นใจว่าจะต้องใช่คนเดียวกับที่นอนเป็นศพอยู่ด้านนอก เพราะเธอเห็นไฝเม็ดโตที่อยู่ตรงขมับซ้ายมันเหมือนกันกับของศพไม่ผิดเพี้ยน

คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคลานเข้าไปยังเคาน์เตอร์รับหนังสือที่อยู่เลยเข้าไปด้านในของหอสมุด มายารีบกวาดสายตามองหาหนังสือที่เธอเห็นในหัว มันวางอยู่ตรงนั้น...ตรงชั้นหนังสือสำหรับส่งคืนที่ยังไมได้เอากลับไปวางบนชั้น หญิงสาวรีบเอื้อมมือไปหยิบอย่างดีใจ แล้วภาพเกี่ยวกับน้องนักศึกษาก็ประเดประดังเข้ามาในหัวอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเธอชื่อเจี๊ยบเหมือนกับที่แม่ของเธอเรียกเมื่อสักครู่นี้ เจี๊ยบเป็นนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ปีที่สอง กำลังทำรายงานเกี่ยวกับสภาพสังคมของไทยเมื่อครั้งอดีต และเธอมีโครงการจะยืมหนังสือพงศาวดารไทยแทนหนังสือเล่มนี้ด้วย

เพียงเท่านี้จิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายก็เริ่มต่อกันเป็นรูปร่าง มายารีบสืบค้นจากโปรแกรมของหอสมุดว่าหนังสือเล่มดังกล่าวอยู่ชั้นไหนและหมวดหมู่อะไร เมื่อได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้วเธอก็รีบแจ้นไปยังปลายทางเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทันที

แต่สิ่งที่ทำให้มายาหนักใจอีกหนึ่งสิ่งก็คือ...เหล่าทีมนิติเวชที่กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ที่ชั้นสามของหอสมุด มันเป็นปลายทางของคำตอบ เพราะหมวดหมู่ของหนังสือพงศาวดารเล่มนั้นอยู่ที่นี่ หญิงสาวแอบอยู่หลังชั้นหนังสืออีกฝั่งหนึ่ง คอยมองหาจังหวะเพื่อเข้าไปค้นหาหนังสือเล่มดังกล่าว

“เดี๋ยวค่อยไปเก็บรายนิ้วมือบนศพอีกทีนึงแล้วกัน ส่วนหนังสือของผู้ตายที่อ่านอยู่ก่อนเสียชีวิต ก็ทำเรื่องไว้เป็นหลักฐานแล้วส่งเข้าหน่วยเพื่อเช็คร่องรอยอีกครั้งนะ” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ที่ที่หญิงสาวซ่อนตัวอยู่ มายารีบหมอบต่ำลงกับพื้น หญิงสาวเกือบขาดใจตายเพราะกลั้นหายใจไว้ด้วยความตื่นเต้น ร่างเล็กๆ นอนราบกับพื้นรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของชายสองคนที่เดินพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการชันสูตรห่างออกไปไกล เธอจึงพ่นลมออกมาอย่างโล่งใจ แต่ในวินาทีนั้นเองที่เธอเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น เมื่อมีเศษขนนกสีดำสนิทถูกขาเก้าอี้ตัวหนึ่งทับอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเธอนัก

เพียงแค่เห็นขนนกที่ตกอยู่บนพื้น มายาก็ชาวาบลงไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพราะเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปเอาได้เพราะผู้คนยังคงพลุกพล่าน หญิงสาวนั่งครุ่นคิดอยู่นานก่อนคลานออกไปอย่างรีบเร่ง ทันทีที่พ้นสายตาของบรรดาตำรวจ ทีมกู้ภัย และเหล่านิติเวชมาแล้ว หญิงสาวก็จ้ำอ้าวชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อน ตรงไปยังถนนหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้านด้วยความร้อนใจ

มือถือที่เคยคิดว่าเร็วที่สุดกลับเชื่องช้าจนเธออยากจะโยนทิ้ง ทันทีที่ปลดล็อกได้เธอก็รีบโทรหาอรุณฉายแต่ทว่าปลายทางกลับไม่มีคนรับ มันสร้างความร้อนใจให้มายาขึ้นอีกหลายเท่าตัว หญิงสาวจึงเปลี่ยนเบอร์โทรโทรกลับไปที่บ้านแต่ก็ยังไม่มีคนรับสายเช่นเดิม

มายาใจว้าวุ่นจนคุมสติแทบไม่อยู่ ทันทีที่รถแท็กซี่ชะลอตัวเพื่อจอดรับ เธอก็พรวดขึ้นไปนั่งขณะบอกปลายทางให้แก่คนขับ พร้อมกำชับเสียงสั่นว่าต้องให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพียงแค่เห็นหลังคาบ้านอยู่ด้านหน้าหญิงสาวก็แทบจะบอกให้คนขับแท็กซี่เหาะไปจอดเสียให้ได้ เธอกระโจนลงจากรถด้วยความเร่งรีบ กลัวเหลือเกินว่าแม่จะตกอยู่ในอันตราย แต่ทว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามันทำให้คนที่รีบเดินทางมาอย่างหูดับตับไหม้ต้องชะงักไปครู่หนึ่ง

“แม่! ทำอะไรอยู่คะ” มายาตะโกนเรียกคนที่กำลังนั่งกลบดินอยู่ข้างบ้านหลังจากเอาต้นไม้ที่คุณพิรัลซื้อมาให้ใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลงปลูก อรุณฉายในชุดอยู่บ้านขณะกำลังฮัมเพลงเมื่อสมัยสามสิบปีที่แล้วหยุดกึ่ก หันมามองหน้าลูกสาวที่ซีดเปิดด้วยความแปลกใจ

“อะไรมายา? แม่ก็แค่เอาต้นไม้ที่พ่อซื้อมาลงดิน มีอะไรรึเปล่า”

“แล้วทำไมแม่ไม่รับโทรศัพท์” ลูกสาวกระหืบกระหอบขณะเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่

“มายาโทรหาแม่เหรอ? สงสัยแม่คงไม่ได้ยินชาร์ตแบตเอาไว้ในบ้านน่ะ” ได้ยินดังนั้นสาวผมสั้นที่ยุ่งเหยิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบขับไล่ไสส่งแม่ให้พ้นออกไปจากบ้านหลังนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

“แม่รีบไปทำงานได้แล้ว นี่มันจะบ่ายสี่แล้วนะคะ เดี๋ยวออกไปเจอรถติดก็สายอีกหรอก”

“ไม่สายหรอก วันนี้อุตส่าห์ไม่รับจ๊อบตอนเช้ากะว่าจะอยู่พักให้หายเมื่อยซักหน่อย อะไรจะไล่แม่ไปทำงานแล้วเหรอ นานๆ จะได้อยู่ด้วยกันซักที” อรุณาฉายบ่นอุบ เมื่อเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของลูกสาว

“น่าแม่ รีบไปเถอะเพราะเมื่อกี้ตอนมายานั่งรถเข้าบ้านมาเห็นมีรถชนกันข้างนอก รถติดยาวเป็นสิบกิโลเลยค่ะ”

“ขนาดนั้นเชียวเหรอ” คุณแม่วัยห้าสิบตกใจเล็กน้อย

“ค่ะ ขนาดนั้นเลยล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นแม่คงต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวไปสายไม่ดีๆ” พูดพลางร่างท้วมสมวัยของอรุณฉายก็รีบเดินหายเข้าไปในบ้าน ตามด้วยร่างเล็กๆ ของลูกสาวที่เงยหน้าขึ้นไปจ้องมองประตูห้องหนังสือด้วยความหวาดหวั่น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปีศาจที่ดูไม่มีพิษมีภัยเท่าไหร่ แต่ทว่าเขาก็มีปีกที่มีขนนกสีดำเหมือนกับที่เธอเจอในหอสมุดไม่ผิดเพี้ยน

ทันทีที่เห็นรถของแม่พ้นจากบ้านออกไป มายาก็รวบรวมความกล้าเดินไปยืนอยู่หน้าห้องหนังสือ หัวใจเธอเต้นระทึกด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าเธอจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าใช่ก็คือให้หยุดอยู่ที่เธอก็พอ คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก กลิ่นหอมของใบชาพุ่งออกมากระทบจมูกของเธอจนสั่นสะท้าน เธอเคยชอบกลิ่นนี้ของเขา แต่ทว่าวินาทีนี้มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับกลิ่นของความตายที่กำลังจะมาเยือนเธอในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...






ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2555, 12:15:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2555, 16:27:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1741





<< 4. กรุ่นกลิ่นกาย   ตอนพิเศษ (จบจริงๆ แว้วๆๆๆๆๆ ค่ะ ฮี่ๆๆ) >>
อสิตา 7 ก.ย. 2555, 12:57:00 น.
สู้เค้านะ เจ๊ยังรีไรท์ตาเหลือกอยู่เลย... เพื่อความสนุกกกก โอ๊ส


กาซะลองพลัดถิ่น 7 ก.ย. 2555, 13:21:46 น.
ลุ้น ๆ ...ว่าชาเป็นปีศาจประเภทไหน แต่ผู้ต้องสงสัย 2 คดีน่าจะเป็นชาก่อนตามความคิดของผู้อ่าน


bow 7 ก.ย. 2555, 14:33:49 น.
เพิ่งมาอ่าน.. แล้วช้อบชอบค่ัะ..
รอตอนต่อนะค้าา :)

(ชอบแนวแฟนตาซีเป็นทุนเดิม :P)


นภาสรร 7 ก.ย. 2555, 15:28:57 น.
ตื่นเต้นจังค่า...จะคอยติดตามอ่านนะคะ คุณดารานิล ^__^


มุนีรัตน์ 7 ก.ย. 2555, 15:33:03 น.
มันต้องมีปิศาจอีกตัวแน่ๆ
ชาต้องไม่กินคน เพราะหล่อ


wii 7 ก.ย. 2555, 20:00:43 น.
อย่าบอกนะว่าพี่ชายข้างบ้านคือปีศาจร้ายตัวนั้นที่ออกมากินชาวบ้าน เอ๊ะหรือว่าออกมาจากก้อนหินเก่าเเก่ก้อนนั้น


Gingfara 7 ก.ย. 2555, 21:31:01 น.
ผูกปมให้อยากแล้วจากไปอีกแล้วอ๊าาาาาา
ตั้งตาคอยตอนต่อไปอยู่ค่าาาาาาา


goldensun 7 ก.ย. 2555, 21:37:09 น.
ชายังหิวอยู่เลย ถ้าสูบแห้งไปถึงสองคนคงหายหิวแล้ว
น่าคิดนะ เพราะกวินเพิ่งกลับเมืองไทยด้วย
ส่วนชา เปิดตัวมาเหมือนอยู่มานาน สงสัยเหมือน ก่อนเจอมายา ติดต่อใครไม่ได้นี่ กินอะไร


Zephyr 10 ก.ย. 2555, 18:11:16 น.
โห มุกน้องเป็นกะเทย เอิ่ม
อ่านสองครั้งก็ยังขำ อ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account