รังรัก (จบแล้วค่ะ)
เมื่อวันนึงต้องตื่นมาพบว่า
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้กระทั่งตัวของเราเอง
คุณจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่า
ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม อยู่ตรงหน้า
แต่ไม่สามารถเอื้อมคว้าหรือสัมผัสได้...


Tags: ดราม่า อากิโกะ เหยี่ยว ฑยาวีย์ นายรัก

ตอน: บทที่ 38 เห่กล่อม


บทนี้ต้องเตรียมทิชชูอีกแล้วค่ะ...เฮะๆ


บทที่38 เห่กล่อม


ณ ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่อยู่ในแถบชานเมือง ซึ่งในรับการตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา
แต่วันนี้กลับไม่มีแขกเหรื่อมาใช้บริการ แต่กลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย
ในชุดดำราวกับรอการมาของใครสักคน

ภายในห้องๆหนึ่งด้านในที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงามท่ามกลางบรรยากาศในยามบ่่ายของวัน
แต่ภายในห้องกลับใช้แสงไฟสีส้มเพื่อให้แสงสว่าง
ซึ่งตอนนี้มีหญิงสาวคนนึงกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
อนาถใจที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้มีโอกาสเลือก ถูกคนโน้นคนนี้จับวางตรงนั้นทีตรงโน้นที
ไม่มีสักครั้งจะได้เลือกเอง ตอนนี้ก็สุดแต่ฟ้าดินจะกำหนด
เธอไม่อยากต่อสู้ดิ้นรนอีกแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน…

แต่อยู่ๆก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้มาใหม่ ที่ถูกกุมตัวจากชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคน
หญิงสาวตะโกนเรียกทันทีก่อนจะโผเข้าหา

“แม่/ หงส์”สองเสียงประสานกันเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย

“ลูกมาทำอะไรที่นี่”ผู้เป็นมารดาถามด้วยน้ำเสียงเข้มจัด

“พ่อให้คนจับหนูมาวางเอาไว้ที่นี่ค่ะ”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ในขณะที่ชายฉกรรจ์สองคนออกไปจากห้องแล้ว
ก่อนจะจับมือมารดาแล้วพามานั่งยังโต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่น ทั้งห้องเปิดโล่งกว้าง จะมีก็แค่โต๊ะตัวนี้เท่านั้น
โดยมีเสื่อทาทามิปู แล้วมีแจกันสวยงามตามมุมต่างๆ ผู้เป็นมารดานั่งลงก่อนจะเริ่มซักต่อ

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงต้องจับลูกมาด้วย”

“แม่สบายดีรึเปล่่าคะ ดูแม่ผอมลงไปตั้งเยอะนะคะ”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องก่อนจะกุมมือมารดาเอาไว้ด้วยสีหน้าห่วงใย

“คราวนี้แม่จะว่าอะไรหนูอีกก็เชิญตามสบายเลยค่ะ แม่เองคงจะยิ่งเกลียดหนูเข้าไปอีกถ้าแม่รู้ว่า
อะไรกำลังจะเกิดต่อจากนี้ และแม่ก็จะประณามหนูอย่างทุกครั้งถ้ารู้ว่าเราคือเหยื่อล่อ”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ความรู้สึก เธอรู้ว่าพ่อกำลังจะทำอะไร
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น

เพราะเธอรู้ว่างานนี้พ่อไม่ปล่อยใครคนใดคนหนึ่งออกไปง่ายๆแน่ ถ้าพ่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ซึ่งเธอเองก็พอจะรู้ว่ามันคืออะไร

“แม่ก็คงคิดว่าหนูร่วมมือกับพ่อใช่มั้ยคะ หนูมันก็อย่างนี้แหล่ะค่ะ
ไม่เคยดีในสายตาแม่สักครั้ง”ผู้เป็นมารดาได้ฟังก็น้ำตาไหล

“ตอนนี้ลูกสาวที่แม่เฝ้ารอคอยมาตลอดสิบกว่าปีเขากลับมาแล้วนะคะ
และเขาก็กำลังจะเดินเข้ามาหากับดักที่พ่อกับหนูช่วยกันขุดเอาไว้ไงคะ”

ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าไปมาก่อนจะรั้งลูกสาวมากอดเอาไว้แน่น
ลูกสาวที่มีใบหน้าเฉยชาในขณะที่แววตาสั่นไหว

“ไม่หงส์ หนูไม่มีวันทำอยางนั้น แม่เชื่อ แม่ขอโทษ
ที่ผ่านมาแม่ผิดเอง แม่เอาแต่ถือฐิติจนไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ แม่รู้ว่าหนูก็เจ็บปวด”

“ทำไมแม่ถึงเชื่ออย่างนั้นล่ะคะ ในเมื่อตลอดมาแม่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะฟังลูกคนนี้
ตลอดชีวิตหนูไม่เคยรู้วาอ้อมอกอุ่นของคนเป็นพ่อเป็นแม่มันเป็นยังไง
มันอุ่นอย่างที่ใครๆเขาว่ากันจริงรึเปล่า

หลายครั้งที่หนูเคยเรียกร้องหาแม่ อยากให้แม่มานอนกอด
แต่ก็ต้องกอดหมอนนอนหลับไปทั้งน้ำตามาตั้งแต่เด็ก

หนูเคยใฝ่ฝันอยากมีโอกาสได้นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอย่างคนอื่นๆเขาสักครั้ง
แต่หนูไม่เคยได้มันเลยสักครั้ง พอหนูมีโอกาสได้กลับคืนสู่บ้าน แม่ก็หนีหนูไป

หนูรู้ว่าจริงๆแล้วก็ไม่มีใครต้องการหนูหรอก ถ้าหนูไม่ใช่เงาของเหยี่ยว
ไม่มีใครรักหนูหรอกถ้าหนูไม่ใช่เงาของเหยี่ยว”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงปวดร้าว ดวงตาสั่นไหวระริก

“หนูรู้ว่ามันเป็นแค่ความฝัน ฝันที่หนูควรจะตื่นขึ้นมาสักที
เมื่อตอนนี้เจ้าของเขามาทวงคืนแล้ว แต่หนูก็อยากจะหลับฝันไปทั้งอย่างนี้
ไม่อยากตื่นมารับรู้ว่า ความรักที่หนูเคยได้มันเป็นแค่ภาพมายา
แม้แต่คนรักเขาก็ไม่รักหนูแล้ว หนูไม่มีอะไรสู้เหยี่ยวได้เลย

ทำไมคะแม่ ทำไมต้องเป็นหนู ทำไมคนที่พ่อเลือกคือหนูไม่ใช่เหยี่ยวู
แล้วทำไมแม่ถึงยกหนูให้คนอื่น แม่ไม่รักหนูใช่มั้ย พ่อกับแม่ไม่เคยรักหนูเลยใช่มั้ย”
หญิงสาวสะอื้นออกมามองมารดาด้วยสายตาตัดพ้อ

“ไม่ใช่หงส์ ไม่ใช่”ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าไปมาก่อนจะค่อยๆ
ลุกขึ้นขยับเข้าใกล้ลูกสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“แล้วทำไมพอหนูกลับมา แม่ถึงต้องหนีไป ทำไมล่ะคะ”

“พ่อกับแม่รักหนูมากนะหงส์ แต่มันจำเป็น ไม่เชื่อหนูก็ดูนี่สิ”

ผู้เป็นมารดาหยิบรูปถ่ายใบเดียวที่เธอเก็บเอาไว้กับตัวตลอดเวลา
ภาพถ่ายใบเดียวกับที่เคยยื่นมันให้ลูกสาวอีกคนดู

หญิงสาวมองภาพนั้นก่อนจะมองหน้ามารดานิ่ง สีหน้าไม่เข้าใจ
ผู้เป็นมารดายิ้มบางพร้อมอธิบาย

“คนนี้คือพ่อหินของลูก ส่วนคนที่พ่อหินอุ้มอยู่คือหนู พ่อหินเขารักหนูมากนะ
เขาถึงกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อให้ได้ตัวหนูคืนมา”

แล้วผู้เป็นมารดาก็เล่าเรื่องต่างๆในอดีตให้ลูกสาวตรงหน้าฟังอย่างใจเย็น
คนฟังนั่งร้องไห้สะอื้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากมารดา

ทำไมเมื่อก่อนเธอกับมารดาถึงไม่เคยเปิดใจคุยกัน
ต่างคนต่างใช้ฐิติมานะเข้าหากัน ไม่มีใครฟังใคร กลายเป็นทำร้ายตัวเองและคนที่รัก

“แม่ขอโทษ ที่เมื่อก่อนเอาแต่ไล่หนู ไม่ยอมฟังหนู
เพราะแม่ผิดหวังและเจ็บปวดกับเรื่องราวในครั้งนั้น”

“และแม่ก็คิดว่าหนูร่วมมือกับพ่อเพื่อทำร้ายเหยี่ยวและก็เอ่อ…พ่อหินใช่มั้ยคะ”
ผู้เป็นมารดานิ่งงัน หญิงสาวจึงถอนใจออกมา

“หนูยอมรับว่าหนูร่วมมือกับพ่อ เพื่อสวมรอยเหยี่ยว
แต่เรื่องทั้งหมดหนูไม่เคยรู้มาก่อน ทุกอย่างพ่อเป็นคนเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว
หนูมีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น หนูถูกฝึกมาให้เป็นหุ่นยนต์
ที่พร้อมจะทำงานตามคำสั่งของพ่อมาตลอด หุ่นยนต์ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก
แต่ไม่เคยกล้าแสดงออกไงคะแม่ หนูยอมรับว่าเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสุข”
หญิงสาวอธิบายด้วยสีหน้าเจ็บปวดจนมารดาต้องกอดแล้วลูบผมนุ่มนิ่มนั้นแผ่วเบา

“วันนี้เขากลับมาแล้ว แม่คงให้อภัยหนูได้แล้วใช่มั้ยคะ”

ผู้เป็นมารดายิ้มบางก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่เธออยากบอกลูกสาวมานาน

“แม่ให้อภัยหนูตั้งนานแล้วล่ะ เพราะอะไรรู้มั้ย”คนฟังมองหน้ามารดานิ่ง
ก่อนจะยิ้มมออกมาเมื่อได้ยินคำพูดถัดมา

“เพราะแม่รักหนู แม่รักหนูนะหงส์”

“หนูก็รักแม่ค่ะ รอคอยวันที่จะได้ยินคำนี้จากแม่มาตลอด หนูคิดว่าจะไม่มีวันนี้ซะแล้ว”
หญิงสาวกอดมารดาแน่น พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี

แต่ก่อนจะซาบซึ้งไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกมาพร้อมกับคนมาใหม่
ในมือถือดาบซามุไรเอาไว้มั่น หญิงสาวมองหน้าคนมาใหม่นิ่งก่อนจะอุทานออกมา

“พ่อ!!!”

“ว่าไง คงปรับความเข้าใจกันได้แล้วสินะ”คนพูดเหยียดยิ้มออกมา
ก่อนจะค่อยๆย่างเข้ามาหาทั้งสองอย่างช้าๆ จนผู้เป็นมารดาต้องกอดลูกสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นไว้แน่น

“เธอคงต้องขอบใจฉันนะนารา ที่ช่วยให้เธอกับลูกสาวได้เข้าใจกันสักที”

ชายสูงวัยหน้าตาขึงขังนั่งลงบนโต๊ะยกขาตั้งฉากกับพื้น
แล้วกุมดาบเอาไว้บนหน้าขา มองหน้าหญิงต่างวัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแวตาแวววาว

“คราวนี้ เธอคงต้องตอบแทนฉันบ้างแล้วล่ะ อีกไม่นานลูกสาวอีกคนของเธอก็คงจะบุกมาที่นี่
หวังว่ามันคงไม่หน้าโง่เหมือนพ่อของมันหรอกนะ…”ชายสูงวัยกระตุกยิ้มออกมาราวกับเย้ยหยัน

“ไอ้หินมันอวดเก่ง คิดว่าฉันคงจะยกลูกสาวให้มันฟรีๆล่ะสิ
ฉันอุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งสิบห้าปี อยู่ๆมันจะมาขอคืน เธอคิดว่ามันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอนารา

และฉันก็ถือคติที่ว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอย่่าง ในเมื่อมันอยากให้ลูกสาวของมันคืน
มันก็ต้องมีอะไรแลกกันบ้างนิดๆหน่อยๆ”

คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงราวกับไม่แยแสอะไร ทำเอาคนฟังทนไม่ได้

“พี่มันบ้า ฆ่าได้แม้กระทั่งน้องชายแท้ๆ”

“ช่วยไม่ได้ มันอยากรนมาหาที่เอง ถ้ามันไม่โลภมากอยากได้ไปซะทุกอย่าง
มันคงไม่ต้องมามีจุดจบแบบนี้หรอก”

“ไม่ใช่ว่าพี่จัดฉากเอาไว้ทั้งหมดแล้วหรอกเหรอพี่เมฆ”

“ฉลาดนี่นารา หึ…เดี๋ยวเธอคงจะได้เห็นฉากเด็ดแน่ๆ”คนพูด
เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะกระตุกยิ้ม

“สงสัยลูกสาวตัวดีของเธอคงจะมาถึงแล้วล่ะ ได้ยินเสียงอะไรข้างนอกรึเปล่่านารา…
ฉันเองก็อยากจะเห็นฝีมือลูกไอ้หินมันเหมือนกัน ว่าจะแน่สักแค่ไหน”

สองคนที่ได้ยินนิ่งงันทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน ในเมื่อเสียงนั่นมันเป็นเสียงเหล็กกระทบกันดังระงมไปทั่ว
จนอยากจะออกไปดูให้เห็นกับตาแต่กลับถูกรั้งเอาไว้จากชายร่างยักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู

ก่อนจะหันมามองหน้า คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพร้อมกัน



และก็เป็นดังคาดเมื่อตอนนี้ข้างนอกกำลังมีหญิงสาว
ที่ตอนนี้กำลังฟาดฟันกับเหล่าพญามัจจุราชที่พยายามจะเอาชีวิตของเธอให้ได้
แต่มีเหรอที่เธอจะยอมยกให้พวกมันง่ายๆ
ในเมื่อวันนี้เธอตั้งใจจะมาล่าวิญญาณของอีกคนไปลงนรก

ดังนั้นหญิงสาวจึงสู้ไม่ถอย ดาบซามุไรของย่่าที่ฝากเพื่อนรักของเธอมากำลังทำงานของมัน
ได้อย่างดีเกินคาด

เมื่อศัตรูที่ก้าวเข้ามาล้มระเนระนาดไปทีละคน แต่พวกมันต่างก็กรูกันเข้ามาอีก…
หญิงสาวเลยได้จังหวะปล่อยมีดสั้นอาบยาพิษเข้าใส่

และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนเข้ามาทันเหตุการณ์นั้นพร้อมกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
ในเมื่อลักษณะท่าทางการปามีดนั้นมันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขาและน้องสาวเท่านั้น

และเวลานี้เขาคงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้วในเมื่อหลักฐานมันตำตา
อย่างที่เพื่อนเขาบอกมาก่อนหน้านี้

ชายหนุ่มเลยพุ่งมีดสั้นแบบเดียวกันเข้าหาศัตรูที่กำลังกรูกันเข้ามาทางน้องสาวของเขา
หญิงสาวหันมามองคนมาใหม่ เจ้าของมีดสั้นที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้อย่่างหวุดหวิด
ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ แล้วตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“พี่จะปล่อยให้เธอสู้คนเดียวได้ไง เหยี่ยวจะบินได้มันต้องมีสายลมคอยหนุนนำ…
ไปไหนเราก็ต้องไปด้วยกัน”

และด้วยคำพูดนั้น ทำให้หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวกลับมีพลัง

…ขอบคุณสายลมที่ยังพัด…

แค่นี้มันก็ส่งให้เธอมีแรงพอที่จะบินต่อไปข้างหน้าได้แล้ว

หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อคนตรงหน้ายกมือซ้ายขึ้นมาตั้งฉากส่งมายังเธอ
หญิงสาวยื่นมือซ้ายประสานมือหนานั่นไว้มั่นพร้อมกับเอ่ยคำพูดออกมาพร้อมกัน
คำพูดที่มีแค่เธอกับพี่ชายเท่านั้นที่รู้ เพราะมันคือรหัสลับของเธอกับพี่ชาย

“ลูกเสื่อเขาไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่น”แล้วทั้งสองก็ชูกำปั้นขวาเข้าหากัน
ก่อนจะพูดพร้อมกันอีกครั้งว่า

“สู้ สู้” สิ้นคำพูดนั้นทั้งสองก็ตะลุมบอนเข้าหากลุ่มชายฉกรรจ์ที่กรูเข้ามา
โดยที่ชายหนุ่มหยิบดาบที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่วันนี้ไม่มีคู่หูนักสู้อย่างเพื่อนซี้มาด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้สองคนนั้นจะรู้รึยัง
เขาเองจะโทรบอกไปก็หาจังหวะไม่ได้เลย แต่คิดว่าอีกไม่นานทั้งสองคงบุกมาช่วย

“เหยี่ยวเข้าไปช่วยแม่กับน้องก่อน ทางนี้พี่จัดการเอง”
คนเป็นพี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง หญิงสาวเลยพยักหน้า
ก่อนจะรีบฝ่าเข้าไปหามารดากับน้องในทันที


ทางด้านชายหนุ่มทั้งสองที่ตอนนี้ออกอาการร้อนรน
เพราะสถานที่ที่ๆพวกเขาไปกลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

ฑยาวีย์จึงกดโทรศัพท์หาพี่ชายทันที

“พี่รังว่าไง เจอเธอมั้ยครับ”

“ไม่มีอะไรผิดสังเกตเลย ไอ้ลมก็ขาดการติดต่อไป
รึว่ามันจะเจอดีเข้าให้แล้วก็ไม่รู้ พี่ว่าเรารีบไปที่นั่นกันดีกว่า
เพราะพี่เองชักจะสังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนกัน”

“ครับ”

คนเป็นน้องรับปากก่อนจะดึงหูฟังแล้วรีบบึ่งรถออกไปยังจุดหมายที่ว่าทันที
เขาเองก็รู้สึกใจไม่ดีเช่นกัน มันหวิวๆตั้งแต่รู้ว่าคนรักถูกจับตัวไปแล้ว



อากิโกะรีบมุ่งหน้าไปยังห้องที่อยู่ชั้นบนสุดทันที
แต่กว่าจะฝ่าด่านลูกน้องของคนเป็นลุงไปได้ก็ทำเธอได้แผลไปไม่น้อยเช่นกัน
แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ก่อนจะหันไปดูพี่ชายที่ตอนนี้ท่าจะแย่น่าดู
แต่เธอไม่มีเวลาและคิดว่าคนเป็นลุงคงไม่ใจดำฆ่าหลานตัวเองได้…

แม้จะเป็นความคิดที่มีความเป็นไปได้น้อยเต็มทีก็ตาม

แล้วในที่สุดเธอก็เข้ามายังห้องที่ตอนนี้มีน้องสาวและมารดาถูกชายร่างยักษ์จับเอาไว้
โดยที่คนเป็นลุงนั่งอยู่บนโต๊ะเตี้ยด้วยรอยยิ้มหยัน

“ช่างกล้าหาญชาญชัยจริงๆ ลูกไอ้หิน…”เสียงนั้นราวกับเย้ยหยันมากกว่าจะชื่นชมด้วยใจจริง

“แกคิดว่ามาคนเดียวอย่างนี้แล้วแกจะรอดกลับไปได้อย่างนั้นน่ะเหรอหลานรัก”
หญิงสาวเจ้าของชื่อกระตุกยิ้มด้วยแววตาแข็งกร้าวก่อนจะตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ฉันก็ไม่คิดว่าจะรอด เพราะที่มาก็ตั้งใจจะมาลากคนบางคนไปลงนรกพร้อมๆกัน”
หญิงสาวเหยียดยิ้มออกมาอย่างท้าทาย

“ฮึ…แกดูให้ดีซะก่อนแล้วค่อยพูด แกเห็นมั้ยว่าสองคนนั่นน่ะใคร ใช่แม่กับน้องสาวแกรึเปล่า”

คนฟังหันไปมองหน้ามารดากับน้องสาวก่อนจะตวัดสายตาคมจ้องมองคนเป็นลุงอย่างอาฆาต

“ฉันล่ะเกลียดสายตาคู่นี้ของแกจริงๆ” ใช่ สายตาที่ถอดมาจากบิดาของเขา
สายตาคมกล้าที่ต่อว่าเขา ไล่เขา ผลักใสเขาให้พ้นไปจากชีวิต
สายตาแบบนี้แหล่ะที่ผู้เป็นบิดาใช้มองเขาก่อนที่เขาจะไม่ได้เห็นมันอีกเลย

แต่วันนี้ เด็กคนนี้กลับตอกย้ำอดีตที่เขาไม่คิดอยากจะจำ ทำให้เขากัดฟัน กำหมัดแน่น

“คุณจะเอายังไงว่ามา”

“อย่าไปฟังเขานะลูก มันคือหลุมพราง”ผู้เป็นมารดาเอ่ยขัดออกมาทันที
เพราะเธอรู้ว่าพี่ชายของสามีนั้นเล่ห์เหลี่ยมเยอะแค่ไหน เธอไม่ไว้ใจ

“คิดเอาเองแล้วกัน ว่าจะจากไปแต่โดยดี โดยที่แม่แกกับน้องสาวแกยังปลอดภัยอยู่
เพราะยังไงๆสองคนนี้ก็คุมง่าย และคงไม่กล้าหือกับฉันแน่”

ชายสูงวัยลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นข้อเสนอ ที่หญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจ
ว่าที่เขาทำทั้งหมด วางแผนมาทั้งหมด ก็แค่ต้องการให้เธอไปเท่านั้นจริงๆน่ะเหรอ

“ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าถ้าฉันไปแล้ว คุณจะไม่ทำอะไรคนในครอบครัวของฉันอีก”

“ถึงฉันจะเป็นคนเลว แต่ฉันก็เป็นคนรักษาสัญญาเสมอ ไม่เชื่อ เธอก็ถามแม่เธอดูสิ”
หญิงสาวหันไปมองมารดาที่เอาแต่นิ่ง

“ได้ ถ้ามันจะยุติเรื่องทุกอย่างลงได้จริงๆ ฉันก็จะไป
ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนในตระกูลอีก ฉันก็จะไป
และจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่มารดาที่ได้ฟังกลับรับไม่ได้

“ไม่นะเหยี่ยว อย่าไป แม่ไม่ยอม”หญิงสาวไม่สนใจคำคัดค้านนั้น
ก่อนจะหันหน้ามาหาคนเป็นลุง

“คุณสัญญามาสิว่าถ้าฉันไป คุณจะไม่ทำร้ายใครอีก”
หญิงสาวหันมาจ้องหน้าคนเป็นลุงด้วยแววตาจริงจัง

“ได้…ฉันสัญญา”

หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หันหลังเตรียมจะก้าวออกจากห้องไป

“แกรู้เหรอว่าที่ที่ฉันจะให้แกไปน่ะมันที่ไหน”

หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีว่าภัยกำลังมาเยือน
ก่อนจะตวัดดาบขวางดาบที่กำลังเงื้อขึ้นหมายจะคร่าชีวิตเธอ
ก่อนจะหันหน้ามาสู้กับคนเป็นลุงที่ตอนนี้กำลังข่มดาบที่อยู่บนดาบของเธอให้จมลง

หญิงสาวพลิกดาบนั่นก่อนจะฟาดไปข้างหน้าแต่คนเป็นลุงกลับรับมันได้ทัน
แล้วทั้งสองก็ผลัดกันรับผลัดกันรุกจนคนที่ดูทนไม่ได้พยายามดิ้น
ให้หลุดพ้นจากวงแขนของเจ้ายักษ์ที่ตรึงเอาไว้

แล้วหญิงสาวอีกคนต้องตะเบ็งเสียงออกมาเมื่อเห็นพี่สาวฝาแฝดกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ
โดยที่คนที่เธอเรียกว่าพ่อกำลังพุ่งดาบออกไปข้างหน้าหมายจะเอาชีวิตพี่สาวฝาแฝดของเธอ

“เหยี่ยว!!!”

หญิงสาวใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนของชายร่างยักษ์
ก่อนจะวิ่งเข้าหาพี่สาวฝาแฝดด้วยท่าทางทุลักทุเลเพราะยังเดินได้ไม่คล่อง
เรียกสายตาทุกคู่มองภาพนั้นราวกับโลกหยุดนิ่ง


แม้กระทั่งคนที่จับดาบอยู่ก็ยังอดมือสั่นในสิ่งที่เห็นไม่ได้เช่นกัน

“หงส์/หงส์”สองเสียงประสานกันก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นพี่จะรับร่างของน้องสาวเอาไว้
ก่อนจะทรุดลงไปกองบนพื้นด้วยกันพร้อมกับดาบที่ปักอยู่ที่หลังของน้องสาว
ด้วยแววตาระริกไหวก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“หงส์ เธอทำอย่างนี้ทำไม ทำไม”หญิงสาวร้องถามน้องสาวที่ตอนนี้มาสีหน้าเจ็บปวด
เธอจึงค่อยๆดึงดาบนั้นออกมา ก่อนจะหันไปมองหน้าคนทำที่ตอนนี้ยืนนิ่งมองภาพนั้น

แล้วคนเป็นมารดารีบถลาเข้ามากอดลูกสาวเอาไว้ด้วยอีกคน
จับใบหน้าลูกสาวด้วยมือสั่นเทาพร้อมกับเรียกชื่อลูกสาวด้วยแววตาร้าวราน

“หงส์”

“แม่ หนูขอโทษ หนูขอชดใช้ในสิ่งที่หนูเคยทำเอาไว้ทั้งหมด”

เสียงสั่นพร่าพร้อมกับมือที่พยายามยกขึ้น
ผู้เป็นมารดาจึงกุมมือบางๆของลูกสาวเอาไว้พร้อมกับหยาดน้ำตา

“ไม่ลูก หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”ผู้เป็นมารดาส่ายหน้า
หญิงสาวจึงหันมามองพี่สาวฝาแฝดที่กำลังกอดเธออยู่ในตอนนี้

“ฉันเป็นตัวแทนเธอมาทั้งชีวิต วันนี้ฉันขอตายแทนเธอบ้าง เธอคงไม่ว่านะเหยี่ยว”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
ต่างกับใบหน้าที่ตอนนี้มีแต่รอยยิ้มเปื้อนน้ำตา

“ฉันควรเป็น…หงส์…ที่อยู่บนวิมานของฉัน…ไม่ใช่รังรักของเธอ”
คนเป็นพี่น้ำตาตกเมื่อได้ยินคำนั้น ก่อนจะส่ายหน้าพัลวัล

“ไม่ เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ไม่จำเป็นเลยหงส์”

“ชีวิตเธอมืดมนมานาน เพราะมีเงาของฉันคอยบดบังดวงอาทิตย์ไม่ให้เธอได้สัมผัสกับมัน…
ฉันขอโทษ…”

เสี่ยงสั่นเทาพยายามเอ่ยออกมา เรียกน้ำตาของคนฟังทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนไร้หัวใจที่เธอเรียกว่าพ่อ

แม้เขาจะโหดร้ายแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้เขาอดสะเทือนใจไม่ได้
ในเมื่อเขาเป็นคนลงมือพรากชีวิตเด็กที่เขาเลี้ยงมาเองตั้งแต่แบเบาะ
ที่เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาก็รักเด็กคนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

แต่มันคงสาย กว่าจะรู้มันก็สายไปแล้ว


แล้วภาพวันเก่าๆเมื่อตอนลูกสาวของเขายังเป็นเด็กตัวน้อยๆก็พัดเข้ามาในความทรงจำ
เด็กที่น่ารัก ว่่านอนสอนง่าย ไม่เคยดื้อกับเขา ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด

เขาทำร้ายเด็กบริสุทธิ์ที่เขาเลี้ยงดูฟูมฟักมาเองกับมือ
เด็กที่รักเขา เด็กที่เรียกเขาว่่าพ่อ

ชายสูงวัยเบือนหน้าจากภาพตรงหน้า หันหลังให้กับสิ่งที่ตัวเองทำ


“แม่คะ หนูรักแม่นะ หนูจะรอแม่ รอทุกคน รอวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนะคะ
อย่างน้อยที่นั่นคงไม่เหงา เพราะมีพ่อหินกับยัยฟ้ารออยู่”

หญิงสาวจับมือมารดาแน่นก่อนจะหันมามองหน้าพี่สาวฝาแฝดนิ่งนานก่อนจะส่งยิ้มไปให้

“เหยี่ยว…ฉันฝากลารักด้วย…ฉันเป็นได้…แค่เพียง…คู่รัก…
แต่ไม่สามารถ…เป็นคู่…ชีวิต…ของเขาได้…”

คนพูดหอบหายใจแผ่วเบา ก่อนจะสำลักเลือดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อไหล
จนคนเป็นพี่ได้แต่ปาดน้ำตานั้นให้ โดยไม่สนใจของตัวเอง

“แต่…เธอ…เธอ…ทำได้…”คนเป็นพี่ส่ายหน้าไปมา

“เพราะ…เธอรักเขา…และเขา…ก็รักเธอ…”

ที่เธอเชื่ออย่างนั้น เพราะเธอได้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น
วันที่คนรักกอดกับพี่สาวฝาแฝดของเธอที่บ้านหลังนั้น

และสายตาแบบนั้น ทำไมเธอจะมองไม่ออก

ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หัวใจของคนรักไม่ได้อยู่ที่เธออีกต่อไปแล้ว
เธอถึงเลือกอย่างนี้

และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอมีโอกาสได้เลือกเอง เลือกทำเพื่อคนที่รัก

“ไม่ใช่ เขาไม่เคยรักฉัน เขารักเธอ”คนเป็นพี่ปฏิเสธเสียงแข็ง

“เชื่อฉัน…เชื่อฉัน…”แล้วมือบางก็ร่วงตกลงสู่หน้าตักของผู้เป็นมารดา
พร้อมกับเสียงกู่ร้องของทั้งสอง

“ไม่จริง ไม่จริง”หญิงสาวร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดน้องสาวเอาไว้แน่น
โดยที่ผู้เป็นมารดาลุกขึ้นก่อนจะหยิบปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวของลูกสาว
เดินเข้าไปหาคนที่มันพรากดวงใจของเธอไป
พร้อมกับตะเบ็งเสียงราวกับแม่เสือที่สูญเสียลูกรักไป

“แก แกฆ่าลูกฉัน”แล้วมือบางก็ยกปืนขึ้นหมายจะยิงอีกคน
แต่กลับโดนชายสูงวัยจับเอาไว้ก่อนแล้วทั้งสองก็แย่งปืนกันไปมา
โดยที่หญิงสาวอีกคนนั่งกอดน้องสาวราวคนไร้สติ

ภาพน้องสาวที่เธอขับรถชนเข้ามาแทรก ภาพแววตาของพ่อท่ามกลางกองเพลิง
ที่จากเธอไปต่อหน้าต่อตาผุดขึ้นมาจากความทรงจำ ราวกับโลกหยุดหมุนทุกอย่างหยุดนิ่ง

แต่เสียงปืนกลับเรียกสติของเธอขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมองไปยังที่มาของเสียงนั่น
แล้วสิ่งที่เธอเห็นกลับทำให้หัวใจที่สั่นไหวกลับกระตุกหนัก

ก่อนจะวางน้องสาวเอาไว้แล้วรีบวิ่งเข้าไปรับร่างของมารดาที่ทรุดลง
โดยที่คนเป็นลุงยืนนิ่งพร้อมกับปืนที่ตกลงสู่พื้น

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ปืนมันลั่นเอง”

คนเป็นลุงเอ่ยออกมาได้แค่นั้น ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องทันที
โดยที่สวนกับสามหนุ่มที่วิ่งตามเสียงปืนมาหลังจากที่ปะทะกับพวกยากุซ่า
พร้อมกับบาดแผลเต็มตัว

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนนิ่งงันคือภาพของคนในห้อง


ฑยาวีย์วิ่งเข้าไปคุกเข่าลงพร้อมกับช้อนตัวของคนรักเข้าสู่อ้อมแขน
ก่อนจะเรียกชื่อนั้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด เมื่อมันไม่มีเสียงตอบรับจากคนในอ้อมแขน

...นี่เขามาช้าไปใช่มั้ย เขามาไม่ทันได้ลาเธอใช่มั้ย เธอสิ้นใจก่อนเห็นหน้าเขาใช่มั้ย...

ทำไม แม้แต่คำขอโทษจากเขาเธอก็ไม่ต้องการจะได้ยินเลยใช่มั้ย เธอถึงได้หนีเขาไปแบบนี้…



ชายหนุ่มกอดร่างไร้วิญญาณนั้นนิ่ง สองปีที่ได้รักเธอมันคือวันเวลาที่แสนดีของเขา
เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ ไม่เคยมีสักวันที่จะละสายตาจากใบหน้านี้ได้

จนวันที่เขาได้เจอกับอีกคน ทุกอย่างมันก็ดูเปลี่ยนไป

ทุกวันนี้เขาก็ยังสับสน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเกิดอะไร

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เขารับรู้คือไม่มีเธอคนนี้อีกแล้ว
เธอจากเขาไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดจากัน ยังไม่ทันได้บอกลากันสักคำ
เธอคงโกรธเขา เธอคงไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้วถึงได้จากไปทั้งอย่างนี้


รังสิมันต์แตะมือลงบ่นบ่าของน้องชายพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวอีกคน
ที่ตอนนี้กำลังกอดมารดาแน่นโดยมีพี่ชายนั่งอยู่ข้างๆ

“แม่ แม่อย่าทิ้งเหยี่ยวไปนะ เหยี่ยวทนไม่ได้ แม่อย่าทำอย่างนี้เลยนะ
อย่าจากไปเลยนะคะ เหยี่ยวขอร้อง”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาก่อนจะกุมมือมารดามาแนบแก้มตัวเองเอาไว้แน่น

“ไม่ลูก อย่าร้องไห้ แม่ไม่ได้ไปไหนเลย แม่จะยังอยู่ตรงนี้”

ผู้เป็นมารดาเอื้อมมือไปประทับตรงอกข้างซ้ายของลูกสาว
พร้อมกับมองหน้าลูกชายที่ตอนนี้น้ำตาคลอเต็มสองตา

“ลม…แม่ฝากดูแลน้องด้วย แม่ขอโทษที่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับลูกๆมาสิบกว่าปี”
คนเป็นลูกชายส่ายหน้า

“ไม่เลยครับแม่ แม่เป็นแม่ที่น่ารัก เป็นแม่ที่ดีของพวกเราเสมอมา
แม่อย่าจากพวกเราไปเลยนะครับ”ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยิ้มออกมา

“แม่จะไม่ไปไหน แม่จะอยู่กับลูกๆของแม่เสมอ แม่รอคอยเวลานี้มาแสนนาน
รอว่าเมื่อไหร่จะได้พบกับพ่อหินของลูกๆ เราจากกันมานานร่วมสิบปี
วันนี้มันได้เวลาที่แม่กับพ่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันสักที

ลูกอย่าร้องไห้ อย่่าเสียใจ แม่กับพ่อยังจะรอดูลูกๆอยู่เสมอ
แล้ววันนึงเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง”

ชายหนุ่มจับมืออีกข้างของมารดามากุมเอาไว้แน่น

“ไม่ แม่ต้องไม่ทำอย่างนี้ เหยี่ยวยังไม่ทันได้บอกรักแม่เลย
เรายังไม่ได้นอนด้วยกัน ทานข้าวด้วยกันเลย”

“ใครบอก ลูกจำวันลอยกระทงได้มั้ย วันนั้นแม่่มีความสุขที่สุดในชีวิต
เหยี่ยวต้องอยู่ต่อไปนะลูก อยู่เพื่อแม่ อยู่เพื่อพี่ๆน้องๆ”

“ไม่ เหยี่ยวจะไปด้วย แม่ให้เหยี่ยวไปด้วยนะ”

“ไม่ได้ ลูกต้องอยู่เพื่อคนที่รักลูก”

แล้วสายลมเย็นยามบ่ายก็พัดโชยมาทำให้ม่่านตรงหน้าต่างพริ้วไหว

หญิงสาวแว่วได้ยินเสียงก้องกังวานเมื่อยามวัยเยาว์ผ่านเข้ามาในความทรงจำ
ก่อนจะยิ้มให้มารดาทั้งน้ำตา

“แม่จำตอนพวกเรายังเด็กๆได้มั้ยคะ ที่เวลาที่พวกเราวิ่งเล่นกัน
ก็จะเห็นแม่นั่งอยู่บนเปลร้องเพลงกล่อมยัยฟ้า โดยมีนายดินนอนออเซาะอยู่ข้างๆ

ตอนดึกๆพวกเราก็จะมาออกันที่ห้อง ให้แม่เล่านิทานให้ฟัง ร้องเพลงให้ฟัง
จนหลับไปพร้อมๆกัน เดือดร้อนพ่อต้องอุ้มไปส่งที่ห้อง

แม้ว่าจะนานแค่ไหนแต่เหยี่ยวไม่เคยลืมเสียงกล่อมนั้นเลย
สิบกว่าปีที่ผ่านมาเหยี่ยวก็ได้บทเพลงในความทรงจำนั้นช่วยให้เหยี่ยวนอนหลับ
เวลาตื่นจากภาพฝันร้าย วันนี้มันคงได้เวลาที่ลูกคนนี้จะทำหน้าที่นั้นให้แม่บ้าง”

หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะท้อน ผู้เป็นมารดายิ้มออกมา
ก่อนจะหนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้ลูกสาว
พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หญิงสาวจึงกอดมารดาแน่น
ก่อนจะร้องเพลงกล่อมให้แม่ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“อื้ออือ อืออือ…ลมโชยโรยแผ่ว นานแล้วแม่จ๋า
ลูกไม่ได้กลับมา นั่งชิงช้าอันเก่า

ชิงช้าหน้าบาน วันนี้มันดูเหงา
เฟื่องฟ้าลาต้นหล่นกราว อกเรา…สะท้อน”

หญิงสาวโยกมารดาไปมาพร้อมกับเสียงเพลงกล่อม
โดยที่มารดาหลับตานิ่งฟังบทเพลงของลูกด้วยรอยยิ้มปริ่มน้ำตา

“วันเวลาติดปีกหลีกบิน หูยังแว่วได้ยินเสียงแม่กล่อมนอน

โอละเห่…ลูกเอ๋ย…เอย…ลูกเอ๋ย…จงนอน…

กระโปรงยังอยู่ ในตู้ทรงจำ เสื้อนักเรียนด่างดำ กระติกน้ำวันก่อน
หิงห้อยจับได้ แอบไว้ที่ใต้หมอน
คืนไหนอากาศรุมร้อน แม่นอนพัดไกว

มือยังกำของเล่นทำเอง หูยังแว่วเป็นเพลง หวานจับหัวใจ

โอละเห่…ลูกเอ๋ย…เอย…ลูกเอ๋ย…จงหลับไหล…”หญิงสาว

ก้มหน้ามองมารดาก่อนจะร้องเพลงไปเรื่อยๆ


“เหนื่อยไหมแม่…ร่างกายคงอ่อนแอ พักผ่อนบ้างไหม

ห่วงหนาแม่ เห็นแม่ดูอ่อนแอ แล้วลูกใจหาย

ไม่เคยบอกแม่เลยว่ารักเท่าใด ปากแข็งเหมือนใคร...แม่ก็รู้…ตัวดี

เหนื่อยมานักแม่พักเสียที ต่อจากวันนี้ ลูกจะกล่อมแม่นอน…

แม่เอ๋ย นอนเถิดนอนเสียแม่ ให้ลูกดูแล ลูกจะกล่อมแม่นอน

แม่เอ๋ย นอนเถิดนอนเสียแม่ ให้ลูกดูแล ลูกจะกล่อมแม่นอน

โอละเห่…แม่เอ๋ย…ฮึม…แม่เอ๋ย…จงนอน…
โอละเห่…แม่เอ๋ย…ฮึม…แม่เอ๋ย…จงนอน…

(เพลงกล่อมแม่ ของปาน ธนพร)

หญิงสาวรู้ว่ามารดาหลับไปนานแล้ว แต่เธอก็ยังอยากจะร้องเพลงให้ท่านฟังอย่างนี้
ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดแรง

เพราะนี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำให้แม่ได้

สิ่งสุดท้ายที่คนเป็นลูกอย่างเธอจะทำให้ได้
หลังจากที่จากกันมานานร่วมสิบปี ได้เจอกันไม่เท่าไหร่ ก็ต้องมาจากกันชั่วชีวิต


หญิงสาวร้องเพลงนั้นจนหมดสติไปในท่ากอดมารดา
โดยที่มือนั้นยังกุมมือมารดาเอาไว้แนบแก้มไม่ยอมปล่อย
โดยมีสายตาสามคู่ที่มองภาพนั้นด้วยความสงสารสุดขั้วหัวใจ...


....โปรดติดตามตอนต่อไป...........


เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะคะ...นักอ่านท่านใดที่อยากส่งเสียงทักทายเต่าโย
ก็ส่งเสียงกันมาได้เลยนะคะ...

เต่าโยอยากได้ยินดังๆว่า รักกัน...

อยากรู้ว่ามีนักอ่านท่านใดติดตามอ่าน "รังรัก"อยู่บ้าง
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่โยเขียน และเขียนจบมานานแล้ว
ซ้ำยังโพสต์เป็นรอบที่สามแล้วค่ะ...

ขอเสียงนิดนึงนะคะ...

ปล. เรื่องนี้อาจทำให้คนอ่านสะเทือนใจ เศร้าและรู้สึกหนักไปบ้าง...
ซึ่งโยเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการฝากให้คนอ่านคิดถึงและให้ความสำคัญกับครอบครัว
ให้ความสำคัญกับคนที่เรารัก...และอยากให้ดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด
ในช่วงเวลาที่เรายังมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน...เพราะเราไม่มีวันรู้ได้เลยว่า
วันสุดท้ายของเรา กับของคนที่เรารัก จะมาถึงเมื่อไหร่...
อาจจะวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าก็เป็นได้...

การได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วค่ะ...
เพราะโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกัน อาจไม่ได้มีมาบ่อยๆ...
บางคน...ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรให้คนที่เรารักและรักเรา
ทั้งๆที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแล้วแท้ๆก็มี...ซึ่งโยถือว่า นั่นคือความขาดทุน...


เลยอยากฝากไว้...ฝากรังรักเอาไว้ในใจของคนอ่าน...
ก่อนที่เราจะต้องมานั่งร้องไห้ เสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้กับคนที่เรารักอย่างเต็มที่พอ

อากิหรือเหยี่ยว เป็นตัวแทนของคนๆหนึ่งที่พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่รัก
ต่อสู้เพื่อให้ได้กลับคืนสู่รังรัก...เพราะท้องฟ้าไม่อาจเป็นที่พักพิงให้แก่ชีวิตใดได้...
เราอาจอยากบินขึ้นสู่ฟ้าสูง...แต่เราก็ไม่อาจบินอยู่บนนั้นได้ตลอดไป
เราทุกคนต่างก็มีรังที่ต้องกลับ...เหมือนนกที่จะบินออกไปในตอนเช้า
และบินกลับรังในตอนเย็น เป้าหมายก็เพื่อหากิน และนำอาหารกลับมาป้อนให้ลูกรักในรัง...


เพราะบางครั้ง เราอาจจะมัวแต่ยุ่งกับงาน กับเรื่องเรียน กับชื่อเสียงและผู้คนที่รายล้อมเรา
อีกทั้งภาระหน้าที่มากมายที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน
จนไม่มีเวลาใส่ใจคนที่เรารักและคนที่รักเรา...

กว่าจะรู้อีกที...เขาก็ไม่อยู่ให้เราดูแลใส่ใจเสียแล้ว...

...รักษาความรักที่มีให้ดีก่อนจะสายนะคะ...

"เต่าโย"

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ...









yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2555, 18:58:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2555, 18:58:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 2403





<< บทที่ 37 น้ำใจแม่   บทที่ 39 น้ำตาทะเล (นามิ นามิดะ) >>
mallow 16 ก.ย. 2555, 19:29:48 น.
เศร้ากันไปตามระเบียบ อ่านกี่ครั้งก็เศร้าทุกครั้ง


บัวขาว 16 ก.ย. 2555, 19:52:54 น.
น้ำตาร่วง .. ไปตามๆ กัน ..
สนุกและแฝงข้อคิดที่ดีค่ะ ..
คอยติดตามตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ ...


หนอนฮับ 16 ก.ย. 2555, 20:00:23 น.
ปกติเป็นคนที่ไม่เสพดราม่านะคะ...แต่เพราะหลวมตัวอ่านเรื่องนี้เข้าไปเมื่อนานนนนนนนน มาแล้ว แต่...ไม่ได้อ่านตอนจบ T^T จึงรออออ มาตลอด จนตอนนี้ได้อ่านสมใจแระ เฮ้ออออ เศร้าแต่คุ้ม ปล. พี่โย หนอนขอจัดหนัก อิตาลุงหน่อย ชริ คนอาไร ใจด้ามมมมมมมมมมม ดำ


Pat 16 ก.ย. 2555, 20:55:37 น.
น่าสงสารกันทุกตัวละครเลยค่ะ


ตามหาฝัน 16 ก.ย. 2555, 21:55:49 น.
เศร้า ชอบน ะค่ะ ตามอ่านมานาน กลับมาอ่านอีกครั้งก็ต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง


sai 17 ก.ย. 2555, 08:42:14 น.
T^T แค่นี้น้ำก็เยอะแล้ว ดันมาทำให้คนอ่านน้ำตาท่วมจออีกอ่ะใจร้ายยยย


MDDC 17 ก.ย. 2555, 09:46:15 น.
ยังตามอ่านอยู่ค่ะ


goldensun 17 ก.ย. 2555, 13:48:29 น.
เศร้า ซึ้ง แต่ก็ได้เห็นหัวใจของลุงอยู่แว๊บนึง ที่เหมือนจะสำนึก แต่ก็อีกศพ
เหยี่ยวมาช่วยงานนี้ สูญเสียไปหมดเลย ทั้งน้อง ทั้งแม่ แล้วยังจับลุงไม่ได้อีก
ถ้าไม่ได้ลมมาช่วย เหยี่ยวก็อาจไปไม่ถึงแม่ด้วยมั้งคะ


pookza 17 ก.ย. 2555, 16:10:21 น.
อ่านเมื่อคืนตอน 5 ทุ่ม เศร้าก่อนนอนเลยอ่ะ


บัวขาว 17 ก.ย. 2555, 20:50:45 น.
มะไหร่ตอนใหม่จะมาค้ะ ... รอ .. รอ ... รออยู่นะคะ
=^_^=


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account