เทวทูตที่รัก
เปลือยกายล่อนจ้อน !
ประโยคท้ายวิ่งวนอยู่ในความคิด ภาพของราฟาเอลในสภาพเปลือยเปล่าผุดขึ้นมาในหัวเหมือนภาพยนต์ที่ฉายซ้ำไปมา หัวใจที่เพิ่งสงบลงกลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความแกร่งของแผ่นอกหรือมัดกล้ามอันงดงามบนหน้าท้อง หากแต่เป็นตำแหน่งประจำกายที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของลำตัว น้ำทิพย์นึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ศึกษาค้นคว้ามาไม่ว่าจะเป็นตำรา นิยายหรือแม้แต่กระทั่งสิ่งที่อาจารย์เพิ่งบอกไปเมื่อวันวาน ทุกคนล้วนกล่าวตรงกันว่าเทวดาทางฝั่งตะวันตกนั้นไม่มีเพศ
โกหกชัดๆ แล้วสิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่ล่ะ มันคืออะไร !
ประโยคท้ายวิ่งวนอยู่ในความคิด ภาพของราฟาเอลในสภาพเปลือยเปล่าผุดขึ้นมาในหัวเหมือนภาพยนต์ที่ฉายซ้ำไปมา หัวใจที่เพิ่งสงบลงกลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความแกร่งของแผ่นอกหรือมัดกล้ามอันงดงามบนหน้าท้อง หากแต่เป็นตำแหน่งประจำกายที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของลำตัว น้ำทิพย์นึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ศึกษาค้นคว้ามาไม่ว่าจะเป็นตำรา นิยายหรือแม้แต่กระทั่งสิ่งที่อาจารย์เพิ่งบอกไปเมื่อวันวาน ทุกคนล้วนกล่าวตรงกันว่าเทวดาทางฝั่งตะวันตกนั้นไม่มีเพศ
โกหกชัดๆ แล้วสิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่ล่ะ มันคืออะไร !
Tags: ราฟาเอล
ตอน: บทที่ 3 ราฟาเอล
บทที่ 3 ราฟาเอล
เสียงขับขานอันไพเราะของนกกางเขนที่บินลงมาอาหารบนสนามหญ้าปลุกน้ำทิพย์ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่พบว่าตัวเองนั่งหลับอยู่ในห้องรับแขกแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นเธอจึงรีบหันไปมองเก้าอี้ด้านตรงกันข้ามและถอนหายใจยาวเมื่อเห็นบุรุษลึกลับยังคงนอนหลับไม่ได้สติ ความเป็นห่วงทำให้เธอรีบลุกขึ้นไปดูแต่ต้องหยุดชะงักในทันทีเพราะเห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ที่เธอเชื่อว่าเป็นเทวดา
แสงสว่างเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากร่างของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า มันเป็นแสงที่สวยงามอย่างที่น้ำทิพย์ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อน แม้จะเต็มไปด้วยความแจ่มจรัสแต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนละมุนให้ความรู้สึกอบอุ่นและสุขสงบได้อย่างน่าประหลาดใจ หญิงสาวแน่ใจว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นคือรัศมีของเทวดา ความงดงามของมันทำให้เธอเผลอมองอย่างลืมตัวไปครู่ใหญ่ เมื่อนึกขึ้นได้น้ำทิพย์จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพเก็บเอาไว้ แต่ความประทับใจในสิ่งที่เห็นก่อให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างท่วมท้น น้ำทิพย์จึงหยิบสมุดวาดภาพกับดินสอขึ้นมาและลงมือร่างภาพเทวดาที่กำลังหลับใหลอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว เสียงเพลงจากนาฬิกาปลุกทำให้น้ำทิพย์หลุดจากภวังค์ เธอนั่งมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจแต่ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดแผกไปจากเมื่อคืน
“มีบางอย่างแปลกไป” หญิงสาวพึมพำพลางเลื่อนสายตาไปยังราฟาเอลซึ่งบัดนี้รัศมีที่เปล่งประกายได้จางหายไปจนหมด ร่างกึ่งเปลือยที่นอนทอดกายอยู่ตรงหน้าสร้างความดึงดูดใจได้อย่างประหลาด น้ำทิพย์วางสมุดในมือลงและก้าวเข้าไปหาเขาราวต้องมนต์ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งเธอจึงพบว่าตนเองกำลังลูบไล้แผ่นอกที่เต็มแน่นไปด้วยมัดกล้าม ความตกใจทำให้เธอเตรียมจะดึงมือกลับแต่สัมผัสแกร่งของผิวเนื้อบนปลายนิ้วช่างมีมนต์เสน่ห์จนเธอไม่อาจตัดใจละมือไปจากกายของเทวดาผู้นี้ได้ น้ำทิพย์จึงเลื่อนมือไปตามโครงสร้างอันแสนงดงามพลางจินตนาการไปถึงการบ้านที่เธอกำลังทำ ภาพเทวดาแสนเท่ในชุดนักรบอวดแผงอกกำยำ มือข้างหนึ่งกุมดาบในท่าเตรียมรุกในขณะที่มืออีกข้างชูธงอันเป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ที่กำลังสะพัดพลิ้วไปข้างหน้า หากเธอวาดได้ตามที่คิดคงเป็นภาพเทวดาที่สวยงามยิ่งกว่าภาพวาดใด
สมองคิดภาพอย่างเพลิดเพลินขณะที่มือลูบไล้ไปบนร่างกายของราฟาเอล ตอนนั้นเองที่น้ำทิพย์พบว่ารอยช้ำทั่วร่างของเขาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงบาดแผลบนลำตัวซึ่งสาหัสที่สุด แต่จากสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้หญิงสาวเริ่มคิดว่าบางทีบาดแผลเหล่านั้นอาจจะหายสนิทดีแล้วด้วยเช่นกัน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความอยากรู้เพราะแผลทั้งหมดอยู่ภายใต้ผ้าที่เธอพันเอาไว้อย่างดี สิ่งเดียวที่สามารถพิสูจน์ข้อสงสัยนั้นมีเพียง
“ต้องแก้ผ้า”
มือขยับไปข้างหน้าพร้อมกับความคิด แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
“เจ้าจะทำอะไร”
ราฟาเอลซึ่งรู้สึกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยถาม ดวงตาสีฟ้าแกมเขียวมองมาอย่างฉงน
น้ำทิพย์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหดมือกลับและส่งรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรที่สุดให้กับเขา
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ” เธอถาม อีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับไล่สายตาสำรวจร่างกายของตัวเองและขมวดคิ้วเมื่อเห็นบริเวณลำตัวถูกพันด้วยผ้าสีขาว
“เจ้าทำแผลให้ข้า”
เขาถามพลางตวัดดวงตากลับมายังน้ำทิพย์อีกครั้ง ความที่ยังงงว่าทำไมเทวดาฝรั่งถึงพูดและฟังภาษาไทยออกทำให้หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ ราฟาเอลค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งและหันมองรอบตัว
“ข้าอยู่ที่ไหน”
“บ้านฉันเอง” น้ำทิพย์ตอบ เทวดาหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจ
“ตอนนั้นข้าตั้งสมาธิให้ตกลงมายังที่ปลอดภัย ทำไมถึงเป็นบ้านของเจ้า” เขามองเธอนิ่งราวกับต้องการจ้องทะลุเข้าไปให้ถึงจิตใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมคลายลงเล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์”
น้ำทิพย์ขมวดคิ้วพร้อมกับถามด้วยความสงสัย
“ท่านหมายถึงฉันอย่างนั้นหรือ”
ราฟาเอลผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึมพลางลุกขึ้นแต่สภาพของร่างกายทำให้เขายืนซวนเซและคงจะล้มลงกระแทกกับเก้าอี้หากน้ำทิพย์ไม่ถลาเข้าไปประคอง
“ท่านบาดเจ็บอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวจะดีกว่า”
หญิงสาวพูดพลางจัดหมอนให้ราฟาเอลได้หนุนหลังแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนักเพราะปีกขนาดใหญ่ของเขาค้ำเอาไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูผ่อนคลายลงแล้วเธอจึงตัดสินใจถาม
“ขออภัยหากสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เป็นการรบกวนท่าน แต่ฉันสงสัยว่าท่านเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง”
น้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจังของเธอทำให้ราฟาเอลอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องใช้คำพูดเป็นทางการถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าชื่อราฟาเอล หนึ่งในเจ็ดอัคเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์ ระหว่างที่กำลังนำทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพปิศาจข้าถูกพลังของลูซิเฟอร์ทำร้ายจนร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบน ส่วนทำไมถึงเป็นที่บ้านของเจ้าก็คงเพราะมันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนั้น”
น้ำทิพย์ตกตะลึงอ้าปากค้าง ถึงเธอจะรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเทวดาแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนึ่งในอัครเทวทูตอันสูงส่ง หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากเหมือนต้องการห้ามไม่ให้ตนเองเผลอส่งเสียงร้องออกมาพลางมองใบหน้าที่แม้จะเปรอะเปื้อนคราบเลือดและดินแต่ยังคงความหล่อเหลาในแบบสวยงาม เธอหวนคิดถึงเรื่องราวของเทวดาที่เพื่อนชาวตะวันตกของพ่อแม่มักจะเล่าให้ฟังตอนเป็นเด็กทั้งจากพระคัมภีร์หรือนิทาน แม้ตอนนี้เธอยังสนุกกับเรื่องราวแบบนี้อยู่แต่ก็คิดเสมอว่ามันเป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะสอนให้มนุษย์ทำความดี เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะมีจริง
ดูเหมือนราฟาเอลจะอ่านความคิดทั้งหมดของเธอได้เพราะเขาส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นพร้อมกับกล่าว
“มนุษย์มักจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเห็นหรือสัมผัสได้เท่านั้น ถึงจะมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพวกข้ามากมาย มันก็เป็นแค่สิ่งมหัศจรรย์เท่านั้น มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าเทวดามีจริง”
“นั่นสินะ”น้ำทิพย์พึมพำแต่เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เทวดาหนุ่มร่วงลงมาจากสวรรค์แล้วเธอจึงเบิกตาโพลง
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าถูกลูซิเฟอร์ทำร้าย แล้วฉันจะทำยังไงถ้าเขาตามมาถึงที่นี่”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลแต่ราฟาเอลกลับส่ายหน้าพร้อมกับเหยียดปีกข้างที่เป็นปรกติออก
“ข้าปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้และสร้างม่านบังตารอบบ้านของเจ้า ต่อให้มีปิศาจหลุดหลงเข้ามาก็ไม่มีวันหาพบ”
น้ำทิพย์กะพริบตาปริบ ๆถึงจะเชื่อในเหตุผลที่อีกฝ่ายอธิบายแต่จากที่เห็นเขาสิ้นสติมาตลอดทั้งคืน แล้วเทวดารูปหล่อคนนี้สร้างพลังที่ว่าตอนไหน อีกครั้งที่ราฟาเอลอ่านความคิดของเธอออกเพราะเขาอมยิ้มน้อย ๆ
“ข้าสร้างพลังที่ว่านั่นทันทีที่ตกลงมา”
น้ำทิพย์ขมวดคิ้วยุ่งและจ้องปีกของราฟาเอลเขม็ง
“เอาเป็นว่าพวกปิศาจหาท่านไม่พบ แต่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์แบบนี้เกิดมีใครมาเห็นเข้ามีหวังจับท่านออกทีวีแน่”
เทวดาหนุ่มมองเธออย่างงุนงง แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องเขม็งมายังปีกของเขาแล้ว
ราฟาเอลจึงผงกศีรษะและหลับตาลง ชั่วพริบตาเดียวปีกขนาดใหญ่ทั้งคู่ก็เลือนหายไป
“แค่นี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เขาพูดเสียงนุ่มในขณะที่น้ำทิพย์นั่งอ้าปากค้าง เมื่อตั้งสติได้เธอจึงรีบถาม
“อย่าบอกนะว่าท่านคิดจะอยู่ที่นี่”
“ตอนนี้ข้าอ่อนแอมาก พลังที่มีอยู่ตอนนี้ก็ใช้ไปกับการสร้างอาณาเขตและลบปีกออกจากสายตาของมนุษย์จนหมด ความจริงก็ไม่อยากจะรบกวนเจ้านักหรอกแต่ขืนออกไปตอนนี้ลูซิเฟอร์ต้องเจอข้าแน่”
น้ำทิพย์อยากจะบอกว่าไม่ถือเป็นการรบกวนเลยสักนิด ดีเสียอีกที่จู่ๆมีเทวดาหล่อกระชากใจหล่นเข้ามาในบ้าน แต่ความกลัวทำให้เธอไม่กล้าที่จะตอบตกลงเพราะจากเรื่องเล่าและสิ่งที่ได้ยินมาทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าลูซิเฟอร์มีความน่ากลัวมากเพียงใด
“ฉันก็อยากจะให้ท่านอยู่หรอกนะ แต่ว่า...”น้ำทิพย์เตรียมจะแย้งแต่คำพูดทั้งหมดกลับถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อดวงตาสีฟ้าแสนสวยมองกลับมาเป็นเชิงอ้อนวอน
“หากเจ้ากลัวลูซิเฟอร์ ข้าก็จะยอมจากไป”
ปล่อยให้เทวดาหนุ่มรูปงามออกจากบ้านไปโดยมีแผลเหวอะหวะไปทั้งตัวแบบนี้นะหรือ น้ำทิพย์ถามตัวเองและรีบโพล่งคำตอบออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัว
“ฉันไม่ยอมให้ท่านไปไหนทั้งนั้น” เสียงดังจนอีกฝ่ายต้องหยุดชะงักและมองด้วยความแปลกใจ หญิงสาวจึงเม้มปากและลดน้ำเสียงของตัวเองลง
“ฉันหมายถึงท่านอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะหายดี”
คำพูดของเธอเหมือนจะตรงกับสิ่งที่ราฟาเอลคาดเอาไว้ล่วงหน้าเพราะเขาส่งยิ้มให้กับเธอพร้อมกับกล่าวสั้นๆ
“ขอบใจเจ้ามาก”
พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้และทำท่าจะเอนตัวลงนอน น้ำทิพย์ร้องถามเสียงหลง
“ท่านจะทำอะไร”
“ก็เจ้าบอกว่าให้ข้าพักที่นี่” ราฟาเอลตอบตามตรง หญิงสาวคว้าข้อมือเขาและดึงให้ลุกขึ้น
“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ท่านจะนอนตรงนี้ไม่ได้”
“ทำไม”
“ก็” น้ำทิพย์ชะงักคำพูดค้างเพราะขืนบอกไปว่าเพราะเธอเป็นหญิงสาวตัวคนเดียว คงไม่เหมาะนักหากมีใครเห็นว่ามีผู้ชายอยู่ร่วมชายคาบ้าน ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเทวดาฝรั่งที่เธอเคยได้ยินมาว่าไม่มีเพศก็เถอะ แต่พูดไปก็คงไม่ใครฟัง ก็แน่ละใครเขาจะเชื่อกันว่าเทวดามีจริง
ดูเหมือนความคิดทุกอย่างของน้ำทิพย์จะถูกราฟาเอลอ่านออก เพราะเขาพยักหน้าอย่างแช่มช้าพร้อมกับถาม
“แล้วเจ้าจะให้ข้าไปอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวนิ่งคิด ความจริงบ้านของเธอมีถึงห้าห้อง ห้องหนึ่งเป็นของบิดามารดา ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นของเธอ ที่เหลือเป็นห้องทำงานของคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเก็บสิ่งของสำคัญเอาไว้มากมาย ห้องสุดท้ายอยู่ชั้นล่างนอกจากจะเอาไว้เก็บข้าวของเครื่องใช้ในการเรียนแล้วบางครั้งก็จะให้แขกนอนพักค้างคืน หลังจากคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วน้ำทิพย์จึงตัดสินใจ
“ท่านนอนห้องข้างล่างก็แล้วกัน”
ราฟาเอลผงกศีรษะรับอย่างว่าง่ายและขยับตัวลุกขึ้นแต่ความอ่อนแรงทำให้เขาซวนเซจนเกือบจะล้ม ดีที่น้ำทิพย์ระวังอยู่แล้วจึงพยุงเขาไว้ได้ทัน เธอดึงแขนเทวดาหนุ่มมาพาดบ่าเอาไว้พร้อมกับพูด
“เกาะไหล่ฉันก็ได้”
ราฟาเอลยอมทำตามคำแนะนำแต่โดยดี ระหว่างเดินไปด้วยกันหญิงสาวสังเกตว่าแม้เนื้อตัวของเทวดาหนุ่มจะเปรอะเปื้อนมอมแมม แต่เธอกลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ลงมือทำความสะอาดร่างกายให้เขา แม้จะมีบาดแผลเหวอะหวะเลือดไหลโกรกราวกับน้ำ แต่เธอกลับไม่สัมผัสถึงกลิ่นคาวเลยสักนิด หญิงสาวแอบชำเลืองมองอีกฝ่ายพลางคิดว่าอาจจะเพราะเขาเป็นเทวดาซึ่งไม่มีเหงื่อไคลแบบมนุษย์จึงทำให้ร่างกายของเขาผุดผ่องปราศจากกลิ่นเหม็นสาบหรืออะไรทำนองนั้น ที่น่าอัศจรรย์ก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยออกมาจากกายของเทวดาหนุ่ม มันไม่ใช่ความหอมแบบปรุงแต่งเฉกเช่นมนุษย์ หากเป็นกลิ่นหอมอันแสนบริสุทธิ์ราวกับกลิ่นของไอหมอกบนยอดเขาสูงยามเช้า
กลิ่นหอมที่ทำให้น้ำทิพย์ต้องเผลอตัวสูดลมหายใจเข้าไปด้วยความหลงใหลอยู่หลายครั้งและคงจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปหากทั้งคู่ไม่ไปถึงหน้าห้องซึ่งถูกใช้เป็นที่พักเสียก่อน
“ขอโทษที่ห้องรกไปหน่อย”น้ำทิพย์ออกตัวขณะเก็บอุปกรณ์การเรียนออกจากเตียงจากนั้นจึงเปิดเครื่องปรับอากาศและเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มออกจากตู้ส่งให้กับราฟาเอล เขาอมยิ้มน้อยๆ
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำมาให้เผื่อตอนไม่อยู่ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากออกจากห้อง” พูดจบหญิงสาวก็ทำท่าจะเดินออกไปทันทีแต่เทวดาหนุ่มกลับร้องห้าม
“ไม่ต้องหรอก”
เธอมองหน้าเขาเหมือนจะถามย้ำ เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ต้องการตามที่พูดแล้วน้ำทิพย์จึงพยักหน้าและผายมือไปยังด้านข้าง
“ห้องน้ำอยู่ด้านนี้ จะให้ฉันเปิดไฟไว้ไหมคะ”เธอถามด้วยความหวังดีเพราะห้องที่เธอนำราฟาเอลมาพักมีผ้าม่านที่หนาทึบ หากปิดเอาไว้จะทำให้ห้องค่อนข้างมืดแม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม แต่อีกฝ่ายกลับสั่นศีรษะ
“ข้ามองเห็นทุกอย่างได้ตลอดเวลา”
คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวต้องนิ่งไปเล็กน้อยแต่เพราะเข้าใจว่าเขาหมายถึงดวงตาของเทวดาที่สามารถมองเห็นทุกอย่างแม้ในความมืด เธอจึงละความสงสัยและเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องหญิงสาวก็หันกลับมาส่งยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
“ฉันต้องรีบไปเรียน ท่านนอนพักรักษาตัวให้สบาย ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพยายามออกจากห้องเดี๋ยวพวกปิศาจจะมาเจอ ตอนเย็นค่อยพบกัน”
เธอเผลอโบกมือให้กับเขาอย่างลืมตัว อีกฝ่ายได้แต่ส่งยิ้มให้และนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นแม้หญิงสาวจะออกจากห้องไปนานแล้ว ราฟาเอลรอจนกระทั่งเสียงรถยนต์เคลื่อนออกจากบ้านจึงสยายปีกทั้งคู่ออกมาและคลายผ้าพันแผลออก เขาวางมือลงบนจุดที่หักด้วยสีหน้าหนักใจ
“สาหัสขนาดนี้คงต้องใช้เวลารักษานานกว่าที่คิด” เขาหันไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านทึบ แม้จะถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดแต่ด้วยดวงตาของเทวดาทำให้ราฟาเอลสามารถมองทะลุผ่านออกไปด้านนอกได้ เขาเลื่อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งบัดนี้ปลอดโปร่งแจ่มใสไร้เมหา เทวดาหนุ่มจึงรู้ว่าบัดนี้กองทัพทั้งฝ่ายเทพและปิศาจต่างถอยร่นกลับไปจนหมดแล้ว แต่ความสงบจะคงอยู่ได้นานเพียงใด มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้
“ข้าต้องรีบกลับไปก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” ราฟาเอลพึมพำพลางลดสายตากลับลงมายังห้องที่ตนเองพำนัก “และก่อนที่พวกปิศาจจะรู้ว่าเวลานี้ข้าอยู่ที่ใด เพื่อความปลอดภัยของสตรีผู้มีจิตใจอันงดงาม”
คิดดังนั้นแล้วเทวดาหนุ่มจึงหลับตาลงและรวบรวมจิตเพื่อดึงพลังแห่งความศรัทธาออกมารักษาบาดแผลของตัวเอง
*/*/*/*/*/*/*
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทักทายกันในบทที่ 3 นะคะ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมมูนนี่เขียนเรื่องนี้ให้พระเอกเป็นเทวดาฝรั่ง เพราะมันดูไม่เข้ากับคนไทยแถมให้ความรู้สึกไม่คุ้นเอาเสียเลย
สารภาพตามตรงว่าในตอนแรกมูนนี่เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นแนว Yaoi โดยตัวละครเป็นเด็กญี่ปุ่น แต่บก.ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าลองปรับให้เป็นแนวปรกติและเปลี่ยนให้นางเอกเป็นคนไทย มูนนี่จึงผูกเรื่องขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นเทวทูตที่รัก
บทเปิดอาจจะมีคำบรรยายมากไปนิด เพราะจำต้องอธิบายอะไรหลายอย่าง แต่บทหลังๆจะมีลูกเล่นสนุกสนานเฮฮาแทรกเข้ามาเป็นระยะ รับรองได้ว่าจะทำให้ทุกท่านได้อมยิ้มระหว่างอ่านแน่ค่ะ
ขอฝากเรื่องนี้กับผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ ^^
เสียงขับขานอันไพเราะของนกกางเขนที่บินลงมาอาหารบนสนามหญ้าปลุกน้ำทิพย์ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่พบว่าตัวเองนั่งหลับอยู่ในห้องรับแขกแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นเธอจึงรีบหันไปมองเก้าอี้ด้านตรงกันข้ามและถอนหายใจยาวเมื่อเห็นบุรุษลึกลับยังคงนอนหลับไม่ได้สติ ความเป็นห่วงทำให้เธอรีบลุกขึ้นไปดูแต่ต้องหยุดชะงักในทันทีเพราะเห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ที่เธอเชื่อว่าเป็นเทวดา
แสงสว่างเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากร่างของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า มันเป็นแสงที่สวยงามอย่างที่น้ำทิพย์ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อน แม้จะเต็มไปด้วยความแจ่มจรัสแต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนละมุนให้ความรู้สึกอบอุ่นและสุขสงบได้อย่างน่าประหลาดใจ หญิงสาวแน่ใจว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นคือรัศมีของเทวดา ความงดงามของมันทำให้เธอเผลอมองอย่างลืมตัวไปครู่ใหญ่ เมื่อนึกขึ้นได้น้ำทิพย์จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพเก็บเอาไว้ แต่ความประทับใจในสิ่งที่เห็นก่อให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างท่วมท้น น้ำทิพย์จึงหยิบสมุดวาดภาพกับดินสอขึ้นมาและลงมือร่างภาพเทวดาที่กำลังหลับใหลอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว เสียงเพลงจากนาฬิกาปลุกทำให้น้ำทิพย์หลุดจากภวังค์ เธอนั่งมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจแต่ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดแผกไปจากเมื่อคืน
“มีบางอย่างแปลกไป” หญิงสาวพึมพำพลางเลื่อนสายตาไปยังราฟาเอลซึ่งบัดนี้รัศมีที่เปล่งประกายได้จางหายไปจนหมด ร่างกึ่งเปลือยที่นอนทอดกายอยู่ตรงหน้าสร้างความดึงดูดใจได้อย่างประหลาด น้ำทิพย์วางสมุดในมือลงและก้าวเข้าไปหาเขาราวต้องมนต์ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งเธอจึงพบว่าตนเองกำลังลูบไล้แผ่นอกที่เต็มแน่นไปด้วยมัดกล้าม ความตกใจทำให้เธอเตรียมจะดึงมือกลับแต่สัมผัสแกร่งของผิวเนื้อบนปลายนิ้วช่างมีมนต์เสน่ห์จนเธอไม่อาจตัดใจละมือไปจากกายของเทวดาผู้นี้ได้ น้ำทิพย์จึงเลื่อนมือไปตามโครงสร้างอันแสนงดงามพลางจินตนาการไปถึงการบ้านที่เธอกำลังทำ ภาพเทวดาแสนเท่ในชุดนักรบอวดแผงอกกำยำ มือข้างหนึ่งกุมดาบในท่าเตรียมรุกในขณะที่มืออีกข้างชูธงอันเป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ที่กำลังสะพัดพลิ้วไปข้างหน้า หากเธอวาดได้ตามที่คิดคงเป็นภาพเทวดาที่สวยงามยิ่งกว่าภาพวาดใด
สมองคิดภาพอย่างเพลิดเพลินขณะที่มือลูบไล้ไปบนร่างกายของราฟาเอล ตอนนั้นเองที่น้ำทิพย์พบว่ารอยช้ำทั่วร่างของเขาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงบาดแผลบนลำตัวซึ่งสาหัสที่สุด แต่จากสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้หญิงสาวเริ่มคิดว่าบางทีบาดแผลเหล่านั้นอาจจะหายสนิทดีแล้วด้วยเช่นกัน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความอยากรู้เพราะแผลทั้งหมดอยู่ภายใต้ผ้าที่เธอพันเอาไว้อย่างดี สิ่งเดียวที่สามารถพิสูจน์ข้อสงสัยนั้นมีเพียง
“ต้องแก้ผ้า”
มือขยับไปข้างหน้าพร้อมกับความคิด แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
“เจ้าจะทำอะไร”
ราฟาเอลซึ่งรู้สึกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยถาม ดวงตาสีฟ้าแกมเขียวมองมาอย่างฉงน
น้ำทิพย์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหดมือกลับและส่งรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรที่สุดให้กับเขา
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ” เธอถาม อีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับไล่สายตาสำรวจร่างกายของตัวเองและขมวดคิ้วเมื่อเห็นบริเวณลำตัวถูกพันด้วยผ้าสีขาว
“เจ้าทำแผลให้ข้า”
เขาถามพลางตวัดดวงตากลับมายังน้ำทิพย์อีกครั้ง ความที่ยังงงว่าทำไมเทวดาฝรั่งถึงพูดและฟังภาษาไทยออกทำให้หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ ราฟาเอลค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งและหันมองรอบตัว
“ข้าอยู่ที่ไหน”
“บ้านฉันเอง” น้ำทิพย์ตอบ เทวดาหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจ
“ตอนนั้นข้าตั้งสมาธิให้ตกลงมายังที่ปลอดภัย ทำไมถึงเป็นบ้านของเจ้า” เขามองเธอนิ่งราวกับต้องการจ้องทะลุเข้าไปให้ถึงจิตใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมคลายลงเล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์”
น้ำทิพย์ขมวดคิ้วพร้อมกับถามด้วยความสงสัย
“ท่านหมายถึงฉันอย่างนั้นหรือ”
ราฟาเอลผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึมพลางลุกขึ้นแต่สภาพของร่างกายทำให้เขายืนซวนเซและคงจะล้มลงกระแทกกับเก้าอี้หากน้ำทิพย์ไม่ถลาเข้าไปประคอง
“ท่านบาดเจ็บอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวจะดีกว่า”
หญิงสาวพูดพลางจัดหมอนให้ราฟาเอลได้หนุนหลังแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนักเพราะปีกขนาดใหญ่ของเขาค้ำเอาไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูผ่อนคลายลงแล้วเธอจึงตัดสินใจถาม
“ขออภัยหากสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เป็นการรบกวนท่าน แต่ฉันสงสัยว่าท่านเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง”
น้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจังของเธอทำให้ราฟาเอลอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องใช้คำพูดเป็นทางการถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าชื่อราฟาเอล หนึ่งในเจ็ดอัคเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์ ระหว่างที่กำลังนำทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพปิศาจข้าถูกพลังของลูซิเฟอร์ทำร้ายจนร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบน ส่วนทำไมถึงเป็นที่บ้านของเจ้าก็คงเพราะมันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนั้น”
น้ำทิพย์ตกตะลึงอ้าปากค้าง ถึงเธอจะรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเทวดาแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนึ่งในอัครเทวทูตอันสูงส่ง หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากเหมือนต้องการห้ามไม่ให้ตนเองเผลอส่งเสียงร้องออกมาพลางมองใบหน้าที่แม้จะเปรอะเปื้อนคราบเลือดและดินแต่ยังคงความหล่อเหลาในแบบสวยงาม เธอหวนคิดถึงเรื่องราวของเทวดาที่เพื่อนชาวตะวันตกของพ่อแม่มักจะเล่าให้ฟังตอนเป็นเด็กทั้งจากพระคัมภีร์หรือนิทาน แม้ตอนนี้เธอยังสนุกกับเรื่องราวแบบนี้อยู่แต่ก็คิดเสมอว่ามันเป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะสอนให้มนุษย์ทำความดี เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะมีจริง
ดูเหมือนราฟาเอลจะอ่านความคิดทั้งหมดของเธอได้เพราะเขาส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นพร้อมกับกล่าว
“มนุษย์มักจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเห็นหรือสัมผัสได้เท่านั้น ถึงจะมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพวกข้ามากมาย มันก็เป็นแค่สิ่งมหัศจรรย์เท่านั้น มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าเทวดามีจริง”
“นั่นสินะ”น้ำทิพย์พึมพำแต่เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เทวดาหนุ่มร่วงลงมาจากสวรรค์แล้วเธอจึงเบิกตาโพลง
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าถูกลูซิเฟอร์ทำร้าย แล้วฉันจะทำยังไงถ้าเขาตามมาถึงที่นี่”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลแต่ราฟาเอลกลับส่ายหน้าพร้อมกับเหยียดปีกข้างที่เป็นปรกติออก
“ข้าปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้และสร้างม่านบังตารอบบ้านของเจ้า ต่อให้มีปิศาจหลุดหลงเข้ามาก็ไม่มีวันหาพบ”
น้ำทิพย์กะพริบตาปริบ ๆถึงจะเชื่อในเหตุผลที่อีกฝ่ายอธิบายแต่จากที่เห็นเขาสิ้นสติมาตลอดทั้งคืน แล้วเทวดารูปหล่อคนนี้สร้างพลังที่ว่าตอนไหน อีกครั้งที่ราฟาเอลอ่านความคิดของเธอออกเพราะเขาอมยิ้มน้อย ๆ
“ข้าสร้างพลังที่ว่านั่นทันทีที่ตกลงมา”
น้ำทิพย์ขมวดคิ้วยุ่งและจ้องปีกของราฟาเอลเขม็ง
“เอาเป็นว่าพวกปิศาจหาท่านไม่พบ แต่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์แบบนี้เกิดมีใครมาเห็นเข้ามีหวังจับท่านออกทีวีแน่”
เทวดาหนุ่มมองเธออย่างงุนงง แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องเขม็งมายังปีกของเขาแล้ว
ราฟาเอลจึงผงกศีรษะและหลับตาลง ชั่วพริบตาเดียวปีกขนาดใหญ่ทั้งคู่ก็เลือนหายไป
“แค่นี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เขาพูดเสียงนุ่มในขณะที่น้ำทิพย์นั่งอ้าปากค้าง เมื่อตั้งสติได้เธอจึงรีบถาม
“อย่าบอกนะว่าท่านคิดจะอยู่ที่นี่”
“ตอนนี้ข้าอ่อนแอมาก พลังที่มีอยู่ตอนนี้ก็ใช้ไปกับการสร้างอาณาเขตและลบปีกออกจากสายตาของมนุษย์จนหมด ความจริงก็ไม่อยากจะรบกวนเจ้านักหรอกแต่ขืนออกไปตอนนี้ลูซิเฟอร์ต้องเจอข้าแน่”
น้ำทิพย์อยากจะบอกว่าไม่ถือเป็นการรบกวนเลยสักนิด ดีเสียอีกที่จู่ๆมีเทวดาหล่อกระชากใจหล่นเข้ามาในบ้าน แต่ความกลัวทำให้เธอไม่กล้าที่จะตอบตกลงเพราะจากเรื่องเล่าและสิ่งที่ได้ยินมาทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าลูซิเฟอร์มีความน่ากลัวมากเพียงใด
“ฉันก็อยากจะให้ท่านอยู่หรอกนะ แต่ว่า...”น้ำทิพย์เตรียมจะแย้งแต่คำพูดทั้งหมดกลับถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อดวงตาสีฟ้าแสนสวยมองกลับมาเป็นเชิงอ้อนวอน
“หากเจ้ากลัวลูซิเฟอร์ ข้าก็จะยอมจากไป”
ปล่อยให้เทวดาหนุ่มรูปงามออกจากบ้านไปโดยมีแผลเหวอะหวะไปทั้งตัวแบบนี้นะหรือ น้ำทิพย์ถามตัวเองและรีบโพล่งคำตอบออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัว
“ฉันไม่ยอมให้ท่านไปไหนทั้งนั้น” เสียงดังจนอีกฝ่ายต้องหยุดชะงักและมองด้วยความแปลกใจ หญิงสาวจึงเม้มปากและลดน้ำเสียงของตัวเองลง
“ฉันหมายถึงท่านอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะหายดี”
คำพูดของเธอเหมือนจะตรงกับสิ่งที่ราฟาเอลคาดเอาไว้ล่วงหน้าเพราะเขาส่งยิ้มให้กับเธอพร้อมกับกล่าวสั้นๆ
“ขอบใจเจ้ามาก”
พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้และทำท่าจะเอนตัวลงนอน น้ำทิพย์ร้องถามเสียงหลง
“ท่านจะทำอะไร”
“ก็เจ้าบอกว่าให้ข้าพักที่นี่” ราฟาเอลตอบตามตรง หญิงสาวคว้าข้อมือเขาและดึงให้ลุกขึ้น
“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ท่านจะนอนตรงนี้ไม่ได้”
“ทำไม”
“ก็” น้ำทิพย์ชะงักคำพูดค้างเพราะขืนบอกไปว่าเพราะเธอเป็นหญิงสาวตัวคนเดียว คงไม่เหมาะนักหากมีใครเห็นว่ามีผู้ชายอยู่ร่วมชายคาบ้าน ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเทวดาฝรั่งที่เธอเคยได้ยินมาว่าไม่มีเพศก็เถอะ แต่พูดไปก็คงไม่ใครฟัง ก็แน่ละใครเขาจะเชื่อกันว่าเทวดามีจริง
ดูเหมือนความคิดทุกอย่างของน้ำทิพย์จะถูกราฟาเอลอ่านออก เพราะเขาพยักหน้าอย่างแช่มช้าพร้อมกับถาม
“แล้วเจ้าจะให้ข้าไปอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวนิ่งคิด ความจริงบ้านของเธอมีถึงห้าห้อง ห้องหนึ่งเป็นของบิดามารดา ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นของเธอ ที่เหลือเป็นห้องทำงานของคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเก็บสิ่งของสำคัญเอาไว้มากมาย ห้องสุดท้ายอยู่ชั้นล่างนอกจากจะเอาไว้เก็บข้าวของเครื่องใช้ในการเรียนแล้วบางครั้งก็จะให้แขกนอนพักค้างคืน หลังจากคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วน้ำทิพย์จึงตัดสินใจ
“ท่านนอนห้องข้างล่างก็แล้วกัน”
ราฟาเอลผงกศีรษะรับอย่างว่าง่ายและขยับตัวลุกขึ้นแต่ความอ่อนแรงทำให้เขาซวนเซจนเกือบจะล้ม ดีที่น้ำทิพย์ระวังอยู่แล้วจึงพยุงเขาไว้ได้ทัน เธอดึงแขนเทวดาหนุ่มมาพาดบ่าเอาไว้พร้อมกับพูด
“เกาะไหล่ฉันก็ได้”
ราฟาเอลยอมทำตามคำแนะนำแต่โดยดี ระหว่างเดินไปด้วยกันหญิงสาวสังเกตว่าแม้เนื้อตัวของเทวดาหนุ่มจะเปรอะเปื้อนมอมแมม แต่เธอกลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ลงมือทำความสะอาดร่างกายให้เขา แม้จะมีบาดแผลเหวอะหวะเลือดไหลโกรกราวกับน้ำ แต่เธอกลับไม่สัมผัสถึงกลิ่นคาวเลยสักนิด หญิงสาวแอบชำเลืองมองอีกฝ่ายพลางคิดว่าอาจจะเพราะเขาเป็นเทวดาซึ่งไม่มีเหงื่อไคลแบบมนุษย์จึงทำให้ร่างกายของเขาผุดผ่องปราศจากกลิ่นเหม็นสาบหรืออะไรทำนองนั้น ที่น่าอัศจรรย์ก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยออกมาจากกายของเทวดาหนุ่ม มันไม่ใช่ความหอมแบบปรุงแต่งเฉกเช่นมนุษย์ หากเป็นกลิ่นหอมอันแสนบริสุทธิ์ราวกับกลิ่นของไอหมอกบนยอดเขาสูงยามเช้า
กลิ่นหอมที่ทำให้น้ำทิพย์ต้องเผลอตัวสูดลมหายใจเข้าไปด้วยความหลงใหลอยู่หลายครั้งและคงจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปหากทั้งคู่ไม่ไปถึงหน้าห้องซึ่งถูกใช้เป็นที่พักเสียก่อน
“ขอโทษที่ห้องรกไปหน่อย”น้ำทิพย์ออกตัวขณะเก็บอุปกรณ์การเรียนออกจากเตียงจากนั้นจึงเปิดเครื่องปรับอากาศและเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มออกจากตู้ส่งให้กับราฟาเอล เขาอมยิ้มน้อยๆ
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำมาให้เผื่อตอนไม่อยู่ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากออกจากห้อง” พูดจบหญิงสาวก็ทำท่าจะเดินออกไปทันทีแต่เทวดาหนุ่มกลับร้องห้าม
“ไม่ต้องหรอก”
เธอมองหน้าเขาเหมือนจะถามย้ำ เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ต้องการตามที่พูดแล้วน้ำทิพย์จึงพยักหน้าและผายมือไปยังด้านข้าง
“ห้องน้ำอยู่ด้านนี้ จะให้ฉันเปิดไฟไว้ไหมคะ”เธอถามด้วยความหวังดีเพราะห้องที่เธอนำราฟาเอลมาพักมีผ้าม่านที่หนาทึบ หากปิดเอาไว้จะทำให้ห้องค่อนข้างมืดแม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม แต่อีกฝ่ายกลับสั่นศีรษะ
“ข้ามองเห็นทุกอย่างได้ตลอดเวลา”
คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวต้องนิ่งไปเล็กน้อยแต่เพราะเข้าใจว่าเขาหมายถึงดวงตาของเทวดาที่สามารถมองเห็นทุกอย่างแม้ในความมืด เธอจึงละความสงสัยและเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องหญิงสาวก็หันกลับมาส่งยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
“ฉันต้องรีบไปเรียน ท่านนอนพักรักษาตัวให้สบาย ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพยายามออกจากห้องเดี๋ยวพวกปิศาจจะมาเจอ ตอนเย็นค่อยพบกัน”
เธอเผลอโบกมือให้กับเขาอย่างลืมตัว อีกฝ่ายได้แต่ส่งยิ้มให้และนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นแม้หญิงสาวจะออกจากห้องไปนานแล้ว ราฟาเอลรอจนกระทั่งเสียงรถยนต์เคลื่อนออกจากบ้านจึงสยายปีกทั้งคู่ออกมาและคลายผ้าพันแผลออก เขาวางมือลงบนจุดที่หักด้วยสีหน้าหนักใจ
“สาหัสขนาดนี้คงต้องใช้เวลารักษานานกว่าที่คิด” เขาหันไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านทึบ แม้จะถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดแต่ด้วยดวงตาของเทวดาทำให้ราฟาเอลสามารถมองทะลุผ่านออกไปด้านนอกได้ เขาเลื่อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งบัดนี้ปลอดโปร่งแจ่มใสไร้เมหา เทวดาหนุ่มจึงรู้ว่าบัดนี้กองทัพทั้งฝ่ายเทพและปิศาจต่างถอยร่นกลับไปจนหมดแล้ว แต่ความสงบจะคงอยู่ได้นานเพียงใด มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้
“ข้าต้องรีบกลับไปก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” ราฟาเอลพึมพำพลางลดสายตากลับลงมายังห้องที่ตนเองพำนัก “และก่อนที่พวกปิศาจจะรู้ว่าเวลานี้ข้าอยู่ที่ใด เพื่อความปลอดภัยของสตรีผู้มีจิตใจอันงดงาม”
คิดดังนั้นแล้วเทวดาหนุ่มจึงหลับตาลงและรวบรวมจิตเพื่อดึงพลังแห่งความศรัทธาออกมารักษาบาดแผลของตัวเอง
*/*/*/*/*/*/*
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทักทายกันในบทที่ 3 นะคะ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมมูนนี่เขียนเรื่องนี้ให้พระเอกเป็นเทวดาฝรั่ง เพราะมันดูไม่เข้ากับคนไทยแถมให้ความรู้สึกไม่คุ้นเอาเสียเลย
สารภาพตามตรงว่าในตอนแรกมูนนี่เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นแนว Yaoi โดยตัวละครเป็นเด็กญี่ปุ่น แต่บก.ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าลองปรับให้เป็นแนวปรกติและเปลี่ยนให้นางเอกเป็นคนไทย มูนนี่จึงผูกเรื่องขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นเทวทูตที่รัก
บทเปิดอาจจะมีคำบรรยายมากไปนิด เพราะจำต้องอธิบายอะไรหลายอย่าง แต่บทหลังๆจะมีลูกเล่นสนุกสนานเฮฮาแทรกเข้ามาเป็นระยะ รับรองได้ว่าจะทำให้ทุกท่านได้อมยิ้มระหว่างอ่านแน่ค่ะ
ขอฝากเรื่องนี้กับผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ ^^
มุนีรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2555, 08:54:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2555, 08:54:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1270
<< บทที่ 2 ขนนกที่ร่วงลงจากสวรรค์ | บทที่ 4 ความเปลี่ยนแปลง >> |