ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สิบ ยั่วยวน 100% NC++
บทที่สิบ
ดวงตาสีน้ำตาลฉายประกายขึ้นมาอีกครั้ง มือบางรวบชุดคาฟตานขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อเดินให้ทันร่างสูงข้างหน้า
เธอไม่เคยต้องมาใส่ชุดอะไรแบบนี้มาก่อน สำหรับเธอแล้วมันรุ่มร่ามและทำอะไรไม่สะดวก ในเมื่ออยู่กลาง ‘แหล่งขุดเจาะน้ำมัน’ อันร้อนระอุแห่งนี้ เธอก็อยากจะขอบคุณผู้ที่ออกแบบคิดค้นชุดนี้ขึ้นมากะทันหัน แม้ชุดคาฟตานมันจะ ‘เยอะ’ สำหรับเธอ แต่ด้วยเนื้อผ้าบางเบาก็ช่วยคลายร้อนจากแดดได้มากทีเดียว
“ถ้าเบื่อก็เข้าไปข้างในก่อนก็ได้นะนารา”ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าพร้อมกับหันกลับมามองร่างบางข้างหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ประเทศไทยก็อากาศร้อน”เธอตอบเสียงใส
“งั้นหรือ แต่ข้าว่ามันคงไม่ร้อนเท่ากลางทะเลทรายหรอกมั้ง”เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อคำตอบของหญิงสาว
“ร้อนจริงๆค่ะ ไม่งั้นคงไม่มีเทศกาลสาดน้ำใส่กันหรอก คุณเคยได้ยินมาบ้างมั้ย?”
“ไว้บางทีเราอาจจะไปเที่ยวประเทศเจ้าดูบ้างก็ได้”เขายิ้มให้กับร่างบางตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปยุ่งกับเอกสารปึกหนาและผู้ช่วยอีกสองสามคนที่เดินขนาบข้างกายเขา
เธอไม่ได้รู้สึกผิดกับคำตอบกึ่งโป้ปดของตัวเองนัก ก็ในความคิดของเธอประเทศไทยมันร้อนจริงนี่น่า แต่นั่นมันร้อนชื้น ต่างจากอากาศร้อนของที่นี้ มันร้อนแห้งแล้งชวนแสบผิวไปหมด ดังนั้นจึงไม่นับว่าเธอโกหก เธอแค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง
“คุณนาราเคยเห็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันมาก่อนรึเปล่าครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามจากด้านหลัง
พิมพ์นาราหันกลับไปยิ้มให้เขาเล็กน้อย
“ไม่เคยหรอกค่ะ นี่พึ่งครั้งแรก”
“ดูจากสีหน้าคุณแล้ว ผมเชื่อครับ”
“ฉันแค่ร้อนค่ะ”
เธอตอบพร้อมกับใช้มือบางยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าตัวเอง
“ถ้าคุณนาราสนใจอะไรให้ยะตีมอธิบายให้ฟังก็ได้นะครับ เขาค่อนข้างเก่งเรื่องการจัดการเลยทีเดียว”ฮาฟิซหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเหลือบไปเห็นไปหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นพี่ชาย
หญิงสาวเหลือบตามองผู้ถูกกล่าวถึงเล็กน้อยก่อนจะวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่มผู้เป็นแฝดน้องของเขา
“งั้นก็ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ฮาฟิซพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวเดินนำหน้าไปก่อนเพราะผู้เป็นเจ้านายได้เรียกใช้อีกครั้ง เธอมองร่างหนาของชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังยืนคุยอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเอกสารในมือ
ดูจากท่าของชายหนุ่มที่เดิมตามหลังเธอมาแล้ว เขาคงไม่ชวนเธอคุยแน่ สำหรับเธอแล้วการเริ่มบทสนทนากับใครก่อนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเอ่ยทักทายเขาก่อน
‘ผู้ติดตามจอมวางแผน’
“สวัสดีค่ะ”เสียงหวานกล่าวเปิดประเด็นการสนทนา
ร่างหนาของยะตีมเดินเข้ามาตีเทียบอยู่ด้านข้างของเธอ เขาเว้นระยะห่างไว้พอสมควรก่อนจะหันกลับมาทักทายเช่นเดียวกัน
“สวัสดีครับคุณนารา”เสียงทุ้มเอ่ย
รูปลักษณ์ภายนอกของยะตีมดูเหมือนฮาฟิซเกือบทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เธอคิดว่าแตกต่างกันเหลือหลาย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฮาฟิซฉายแววขี้เล่น สนุกสนาน เป็นมิตร ต่างจากผู้เป็นพี่ที่ดวงตาเรียวยาวเจ้าเล่ห์ ลักษณะเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ทุกเวลา
แต่ก็คงเป็นดวงตาอีกนั่นแหละที่เป็นเสน่ห์ของชายผู้นี้
“คุณสนใจส่วนไหนก็ถามมาได้เลยนะครับ จะให้ผมอธิบายทั้งหมดก็คงไม่ไหว”เขากล่าว
“ทำไมคุณมาหาน้ำมันกลางทะเลทรายแบบนี้ละคะ คนงานไม่ลำบากแย่เหรอ ร้อนก็ร้อน”
ยะตีมแทบจะหลุดขำกับคำถามของหญิงสาว สำหรับเขาแล้วเธอถามอะไรได้ไร้เดียงสามากเกินไปแล้ว เธอพูดเหมือนกับว่าแหล่งน้ำมันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้อย่างนั้นแหละ
“คุณเคยศึกษาทางด้านเคมีมาบ้างรึเปล่าครับ”
“ได้เรียนแค่พื้นฐานที่ควรรู้ค่ะ ฉันจบทางด้านภาษามา เลยไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่”เธอหัวเราะเบาๆ
ยะตีมพยักหน้ากับตนเองเมื่อเธอได้ตอบข้อสงสัยของเขา ถึงว่าเธอพูดภาษาอาหรับได้ค่อนข้างคล่อง และเขาเชื่อว่าบางทีเธอคงจะเขียนและแปลภาษาอาหรับได้ราวกับชนพื้นเมืองผู้หนึ่งเลยดีเดียว
“แหล่งน้ำมันดิบจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสามเงื่อนไขครับ คือ หินกำเนิดซึ่งอุดมไปด้วยสารไฮโดรคาร์บอนฝังอยู่ลึกเพียงพอที่ความร้อนใต้ พิภพจะเปลี่ยนให้เป็นน้ำมัน หินกักเก็บมีรูพรุนและซึมผ่านได้เพื่อให้น้ำมันไปสะสมได้ และหินครอบหรือหินปิดกั้น หรือกลไกอื่นซึ่งกันไม่ให้มันไหลออกสู่พื้นผิวภายนอกได้ ดังนั้นพวกเราจะสร้างหรือบอกไม่ได้หรอกครับว่าแหล่งน้ำมันจะไปเกิดที่ไหน ต้องอาศัยการสุ่มหลายๆที่ และคนที่ค้นพบที่นี่ก็คือ ‘ท่านชีคสุไลมาน’ ท่านปู่ของ ‘ท่านอัลลัยล์’ นั่นแหละครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ชีคงั้นเหรอ?”เธอขมวดคิ้ว
“ฉันนึกว่าอัลลัยล์จะเป็นนักธุรกิจซะอีก”
ยะตีมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะให้คำตอบกับเธอ
“ที่จริงแล้วต้องเรียก ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ มากกว่าครับ แต่เป็นคำสั่งของเจ้านายที่ไม่ให้เรียกยศฐาบรรดาศักดิ์เท่าไหร่”
“ฉันพึ่งรู้นะคะเนี่ย!”เธอเอ่ยเสียงสูง
“คุณนาราลองไปถามเจ้านายเองก็ได้ครับ”เขายิ้ม
พิมพ์นารากระพริบตาปริบฟัง ‘ความรู้’ ที่พรั่งพรูออกจากปากของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาพูดยาวขนาดนี้ แต่เหลือเชื่อว่ามันไม่น่าเบื่อเลย น้ำเสียงและท่าทางของเขาดึงดูดผู้ฟังได้ชะงักนัก
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวเขาจึงตอบข้อสงสัยให้เธอ
“ผมศึกษาทางด้านปิโตรเลียมมาโดยตรงครับ”
“แล้วยังไงต่อคะ”เธอเอ่ยถาม
“คุณนาราสนใจด้านนี้เหรอครับ”เขายิ้มเล็กน้อย
“ความจริงแล้วฉันชอบด้านภาษามากกว่าค่ะ แต่เรื่องพวกนี้รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนี่คะ มันเป็นของใกล้ตัวที่ต้องใช้แทบทุกวันอยู่แล้ว”เธอกล่าวพร้อมกับยกมือบางขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า
“ภายในแหล่งน้ำมันเหล่านี้ จะจัดเรียงเป็นสามชั้น มีน้ำอยู่ข้างใต้ น้ำมันอยู่กลาง และแก๊สอยู่บนสุด”
พิมพ์นาราหลุดขำออกมาเมื่อเห็นเขาทำมือประกอบ
“ให้ผมช่วยขำดีมั้ยครับ”เขาลดมือลงเอ่ยถามกลับ
“ฉันขำคนเดียวพอแล้ว คุณเหมือนอาจารย์คนหนึ่งเลย ดังนั้นเล่าต่อเถอะค่ะ ลูกศิษย์คนนี้จะตั้งใจฟัง”เธอพูดติดตลก
“ชั้นต่างๆจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามแหล่งนะครับ ไฮโดรคาร์บอนส่วนใหญ่เบากว่าหินหรือน้ำ จึงมักไหลตัวขึ้นข้างบนผ่านชั้นหินที่อยู่ติดกันกระทั่งถึงพื้นผิวหรือถูกกักไว้ในหินรูพรุน”เขาเว้นระยะ
“ขอโทษนะคะ หินรูพรุนคืออะไร”เธอจำได้ว่าเขาได้บอกมาเมื่อครู่แล้ว แต่จะให้ทำยังไง ก็สมองเธอมันไม่รับเรื่องพวกนี้นี่น่า
“จะเรียกว่าที่กักเก็บน้ำมันก็ได้ครับ มันทำหน้าที่นั้น”
เธอพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วก็จะมีหินที่ผ่านไม่ได้อยู่ข้างบน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกมา”
“อืม…ค่ะ”
“เมื่อไฮโดรคาร์บอนเข้มข้นขึ้นในแหล่งกัก ก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำมัน ซึ่งของเหลวสามารถสกัดออกมาได้ด้วยการขุดเจาะและการปั๊ม”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่อยู่ออกไปไม่ไกลนัก
“ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ค่ะ เหมือนฉันกลับไปนั่งเรียนอีกรอบเลย”เธอเอ่ยชม
ในความจริงแล้วสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดแทบจะไม่เข้าหัวของเธอด้วยซ้ำ เธอไม่ชอบด้านพวกนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จะให้มาเปลี่ยนแปลงความชอบในตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้วล่ะ
“คุณนาราพูดได้กี่ภาษาครับ”เขาเอ่ยถามเธอ
“ที่ได้จริงๆ พูดได้ อ่านออก เขียนได้ ก็ 3 ภาษาค่ะ มีภาษาไทย ภาษาบ้านเกิดฉันเอง แล้วก็ภาษาอังกฤษกับภาษาอาหรับค่ะ”
“ผมรู้จักประเทศไทยครับ”เขากล่าว
“ถ้าคุณไปแล้วคุณจะชอบที่นั่น”เธอยิ้มบางๆนึกอะไรบางอย่าง
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ เป็นคนงานสองคนที่ถือขวดน้ำมา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรับพร้อมกับกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท
“อย่าลืมเอาไปให้ท่านอัลลัยล์ด้วยล่ะ”เขากล่าวกับคนงานทั้งสองก่อนจะหันหน้ามาหาเธอ
“น้ำครับคุณนารา”
“ขอบคุณค่ะ”เธอกล่าวก่อนจะรับน้ำเปล่าในขวดพลาสติกจากมือหนาของเขาแต่โดยดี สำหรับกลางทะเลทรายร้อนๆแบบนี้ การได้น้ำเย็นชื่นใจมันดูมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก
“ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้างละคะ ภรรยากับลูกของคุณสบายดีรึเปล่า”เธอกล่าวขึ้นลอยๆ
“ดูท่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วละครับ ผมยังไม่แต่งงาน”เขาตอบด้วยสีหน้าปกติเช่นเคย
พิมพ์นารานึกสงสัยเสียจริงว่าจะมีอะไรในโลกนี้บ้างที่ทำให้ชายหนุ่มด้านข้างหน้าเสียได้ เอ้ะ! อย่าว่าแต่หน้าเสียเลย ขอให้เขาแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะยิ้มอย่างจริงใจ ร้องไห้ เศร้าโศก บันดาลโทสะ
ใครกันนะจะได้เป็นผู้โชคดีนั้น เธอล่ะอยากรู้จริงๆ…
“คุณบอกฉันเองนะคะ เอ่อ…วันนั้น”เธอตอบกระอ้อมกระแอ้ม ก็เหตุการณ์วันนั้นมันน่าจำซักเท่าไหร่กันเชียว พอนึกขึ้นมาใจก็เต้นแรง มือเย็นเฉียบไปหมด
“ผมโกหกคุณครับ”เขายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะคะ คุณที่มันจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเลย ยะตีม”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะรับขวดน้ำพลาสติกจากมือบางกลับมา
“หลายคนก็ชมผมเช่นนี้บ่อยๆครับ ไม่ใช่คุณคนแรกหรอก”เขากล่าว
“คุณคิดว่ามันเป็นคำชมเหรอคะ!”
“ผมมองโลกในแง่ดีเสมอครับ”เขาตอบยิ้มแย้ม
“คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ!”เธอเอ่ยเสียงสูง ไม่นึกเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นไปได้ขนาดนี้
“ผมว่าคุณเข้าไปด้านในก่อนดีกว่านะครับ”เขาเปลี่ยนเรื่อง
แม้เธอจะอยากอยู่ดูร่างหนาที่อยู่ออกไปไม่ไกลนักทำงานต่อ แต่เธอรู้ตัวดีว่าถ้าหากยังคงฝืนอยู่ต่อไปคงได้มีการหน้ามืดเกิดขึ้นเป็นแน่ เธอไม่ได้อ่อนแอนะ แต่อากาศกลางทะเลทรายนี่ไม่ไหวจริงๆ และเธอก็ไม่อยากเป็นภาระผู้อื่นด้วย
“ขอบคุณค่ะ”เธอกล่าวพร้อมกับเดินตามร่างหนาของยะตีมไปอีกทาง
ห้องทำงานของเขาหรือที่จริงแล้วก็คือกระโจมกว้างหรูหราขนาดใหญ่ มีโซฟาบุหนังอย่างดีและโต๊ะเล็กเข้าคู่กันอยู่ด้านขวามือ ด้านซ้ายเป็นชั้นหนังสือกว้างและเก้าอี้นวมท่าทางนุ่มสบาย กลางกระโจมมีโต๊ะทำงานที่ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ บนนั้นประกอบด้วยแฟ้มเอกสารหลายเล่ม นาฬิกาตั้งโต๊ะแบรนหรู คอมพิวเตอร์โน๊คบุคที่พับปิดหน้าจอเรียบร้อย และกรอบรูปสีทองที่ตั้งไว้ ณ มุมโต๊ะกว้าง
“ผมจะให้คนนำอาหารมาให้นะครับ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เธอไปนั่งรอทางด้านโซฟา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่หิว ฉันขอไปนั่งอ่านหนังสือรอได้รึเปล่าคะ”เสียงหวานเอ่ยถาม
“ได้ครับ”
สิ้นประโยคร่างหนาก็คำนับน้อยๆพร้อมกับเดินออกไปจากกระโจมทันที การมาที่นี่หญิงสาวผู้นี้ก็เปรียบเสมือนแขกผู้มาเยือน อีกทั้งยัง ‘ต่างเพศ’ การอยู่ลำพังกับเธอในที่มิดชิดจึงเป็นเรื่องไม่สมควรแน่
แต่เขาก็แน่ใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีอยู่ ‘หนึ่งคน’ ที่รออยู่ในที่มิดชิดกับเธอผู้นี้เต็มแก่แล้ว
เมื่อเขาปิดม่านทางเข้าแล้วเธอก็รู้สึกว่าที่นี่มิดชิดและเป็นส่วนตัวมาก เธอหันกลับมาสังเกตสถานที่รอบตัวอีกครั้ง ด้านหลังสุดเป็นม่านยาวสีเดียวกับกระโจมปิดอยู่ เธอไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นทางออกรึเปล่าจึงเดินเข้าไปเปิดดูภายในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พึ่บ!
มันคือเตียงนอนสี่เสาขนาดใหญ่ ผ้าม่านสีแดงถูกมันรวบเปิดให้เห็นว่าภายในยังว่างเปล่า
ดูท่าเขาจะเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมากทีเดียว เธอคิด
เมื่อไม่มีอะไรทำเธอจึงไปสนใจกับชั้นหนังสือต่อ ซึ่งเธอก็คิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องผิดหวังแน่ๆและมันก็เป็นไปตามคาด เมื่อใช้นิ้วไล่สันปกหนังสือดูก็เห็นว่ามีแต่หนังสือเกี่ยวกับการบริหาร ปิโตรเลียม รัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ซะส่วนใหญ่
เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าไปเอาหมอนนุ่มที่อยู่บนเตียงนอนของเขามา แต่เมื่อเลียบผ่านโต๊ะทำงานเธอก็สะดุดตากับรูปถ่ายในกรอบสีทองนั่น
มีคนอยู่สามคน หนึ่งคือชายผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาทีเดียว เขาใส่ชุดกาลาไบยาโพกศีรษะเรียบร้อย ใบหน้าของเขาประดับรอยแห่งความสุขทั้งบนดวงตาและรอยยิ้ม มือข้างขวาโอบไหล่หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดคาฟตาน ใบหน้าของเธอคมเข้มสวยงามแต่ทว่าอ่อนโยนยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองที่จ้องมาฉายความอบอุ่นชัดเจน และมือหนาอีกข้างของชายหนุ่ม…คือเด็กชายผู้หนึ่งในชุดประจำชาติของเขาเช่นกัน เด็กคนนี้คุ้นตาเธอยิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่ยังเยาว์แต่ฉายความดื้อดึงในตัวตั้งแต่อายุเท่านี้ มันทำให้เธอนึกถึงคนๆหนึ่ง…
“จะจ้องอะไรกับรูปถ่ายของข้ามากมายนักนารา”
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเอ่ยขัดจังหวะความคิดเธอ เธอวางกรอบรูปลงพร้อมกับหันไปยิ้มให้ผู้มาใหม่
“นี่คุณตอนเด็กเหรอค่ะ”
“แล้วจะทำไม”
ร่างหนาในชุดกาลาไบยายืนกอดอกมองอยู่ชั่วครู่แล้ว เมื่อเห็นเธอกำลังสนใจกับรูป ‘ครอบครัว’ เขาจึงไม่เรียกเธอตั้งแต่ทีแรก
“คุณน่าตีตั้งแต่เด็กเลย ดูท่าคงดื้อมากๆเลยสิ”
เสียงหัวเราะของเธอเรียกอาการขมวดคิ้วให้กับเขา ก่อนที่ใบหน้าบึ้งตึงนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าคิดว่ามีคนตีข้าได้ด้วยเหรอ”ร่างหนาสาวเท้าเข้ามาใกล้
“อ้ะ!”เธอร้องเมื่อเขาดึงเอวของเธอเข้าไปแนบชิด
เมื่ออยู่ภายนอกแล้วเขาต้องยับยั้งชั่งใจอารมณ์ประทุภายในจนแทบบ้า การแตะเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้ามในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ ดังนั้นเขาจึงรอเวลานี้มานาน!
ที่จะได้อยู่กับร่างบางนี่สองต่อสอง…
“หืม…คิดว่าไง”เขาเอ่ยถาม
“ค่ะ คุณคือผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครทำอะไรคุณได้”เธอกล่าวประชด
“มีอยู่คนเดียว”เสียงทุ้มจริงจังขึ้นมา เธอหันหลับไปมองด้วยความแปลกใจ
“คนนั้นไม่ได้ตีข้าหรอก แต่มันก็เจ็บพอๆกันเลยทีเดียว”
“มีด้วยเหรอค่ะ คุณฝันไปรึเปล่า”เธอหัวเราะเบาๆ
“มีสิ เจ้าไม่อยากรู้เหรอ”เขาส่งเสียงคล้ายหงุดหงิด
“ไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ค่ะ”
“แต่ข้าอยากบอกให้เจ้ารู้”เขาผละออกจากร่างบางพร้อมกับดึงเธอเข้ามาประจันหน้า
“คุณก็บอกมาสิคะ ฉันก็ยืนฟังอยู่นี่ไง”
“เจ้าไม่เต็มใจที่จะฟัง พูดไปก็เท่านั้น”
พิมพ์นาราอยากจะตีหัวคนตรงหน้าเสียจริง ตัวก็โต อายุก็ใช่น้อยแล้ว ยังจะมาทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆอยู่ได้ แต่เธอรู้ว่าถ้าหากพูดประโยคนี้ไป คนที่ถูกตีหัวคงจะกลายเป็นเธอแทนแน่ๆ
“ฉันเต็มใจฟังค่ะ อยากรู้มากด้วย ใครกันที่ตีคุณ ฉันจะไปตีคืนให้”เธอฉีกยิ้มกว้างอย่างเอาใจ
“อืม…”เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนก้มตัวลงมากระซิบประโยคที่ทำให้หญิงสาวใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย
“ดูข้างหลังข้าสิ ยังมีรอยเล็บของแม่นี่อยู่เลย!”
เพี้ย!
เธอตีท่อนแขนกำยำเต็มแรงก่อนจะต่อยรัวไปที่แผงอกกำยำนั่น
“คุณมันโรคจิตขนาดแท้เลย!”เธอเอ่ยทีละคำเพื่อให้เขาได้ยินชัดเจน
“พูดอีกทีสิ”เขาเอ่ย
“ฉันบอกว่าคุณมันโรคจิตไงค่ะ โรคจิต โรคจิต โรค…อ้ะ!”
เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงประจบริมฝีปากร้อนของเขาลงไป ตั้งแต่ที่ทางผู้ติดตามทั้งสองมารายงานว่าที่แหล่งน้ำมันเกิดปัญหา ‘บางอย่าง’ ขึ้น เขาก็ต้องมาที่นี่โดยพลัน ทั้งที่ใจอยากจะนอนกกกอดร่างบางนี่ให้สมใจอยากแต่ก็ไม่อาจทำได้ ทุกครั้งที่เขามองหาหญิงสาว ในใจก็ร้อนรุ่มอยากจะดึงเธอเข้ามากอดจูบให้หายอยาก แต่เมื่ออยู่ข้างนอกเขาก็รู้ดีว่าไม่อาจทำเช่นนั้นได้
“อืม…”เสียงหวานครางออกมาเบาๆ
เขาใช้ลิ้นสากเกี่ยวรุกเร้าเธอจนรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดเริ่มตัวสั่นระริก มือหนาลูบไล้แผ่นหลังของเธอไปมาก่อนจะเปลี่ยนมาลูบไล้ด้านหน้าแทน
“ความรู้สึกไวจังเลยนะ”เขาเอ่ยเย้า
ไม่ต้องรอให้หญิงสาวตอบอะไรมือหนาก็ช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอกเดินตรงไปยังที่ที่หญิงสาวพึ่งจากมา
เตียงนุ่มนั่น!
“อะไรกัน!”
เมื่อเห็นสถานที่ที่เขาวางเธอลง ใบหน้าสวยก็แดงซ่านขึ้นมาอีกอย่างควบคุมไม่อยู่
“คุณออกไปข้างนอกได้แล้ว ไม่คิดจะทำงานบ้างรึไง!”
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับปอดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออก
“ก็กำลังจะ ‘ทำ’ อยู่นี่ไง”
พิมพ์นาราอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายซะตรงนี้เสียจริง เหตุใดคนตรงหน้าถึงไม่รู้จักความอายบ้างหนอถึงได้เที่ยวมายืนแก้ผ้าโท่งๆแบบนี้!
“ฉันหมายถึงทำงาน ทำงานน่ะ!”เธอกล่าวรัวแต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ฟังเธอเลย
ร่างหนาใช้แรงทาบทับจนเธอต้องเอนตัวลงบนที่นอน เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่มันพาดอยู่บนเรียวขาของเธอ ทั้งที่ใจเธออยากจะผลักเขาออกไปเพราะทำอะไรไม่ดูเวลาแต่มือทั้งสองมันกลับไม่ยอมทำตามซะงั้น!
“ทำงานให้เมีย”เขาเอ่ยเย้าก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหาย
เธอได้แต่วางมือไว้บนหนาอกหนาเพราะไม่รู้จะขัดขืนยังไง
มือของเขาไวยิ่งกว่าปลาหมึกเสียอีก เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกปลดเปลื้องชุดรุ่มร่ามนี่ออกไปตอนไหน เหนือแต่เพียงชุดชั้นในตัวจิ๋วลายลูกไม้เท่านั้น
“ข้ากะขนาดถูกจริงๆ”
เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในของเธออย่างรวดเร็ว มือหนาฉวยข้อมือทั้งสองของเธอขึ้นรวบเหนือหัวเมื่อเห็นเธอทำท่าจะปิดทรวงอกทั้งสองข้าง
“นี่มันกลางวันนะอัลลัยล์!”เธอย้ำชัด
“ไม่สน”
สุดท้ายเธอก็ต้องขนลุกทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มก้มลงดูดเม้มทรวงอกทั้งคู่ของเธออย่างหิวกระหายไม่แพ้กัน เขาใช้ลิ้นเลียเน้นจนยอดของมันแข็งเป็นไตสู้ลิ้น เธอได้แต่บิดตัวไปมาอย่างเสียวซ่านเมื่อเขาทั้งกัด เม้ม ดูด เลีย ทรวงอกของเธออย่างไม่ปราณี
“อา อา”เธอครวญคราง
“ระวังคนงานข้างนอกได้ยินนะ”
พิมพ์นาราหุบปากแทบไม่ทันเมื่อได้ยินประโยคของเขา แต่เนื่องด้วยความสยิวที่เขามอบให้มันเกินต้านทานจริงๆ
“อ้ะ”
เธอสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงนิ้วเรียวยาวบีบที่เม็ดสวาทอย่างจงใจ เขาแยกขาทั้งสองของเธอออกให้แนบไปกับที่นอนหนาหนุ่มเพื่อดูสิ่งในร่องกลีบอย่างชัดเจน นิ้วกลางของเขาทำหน้าที่ของมันได้ดี เขาเขี่ยเม็ดสวาทเบาแรงสลับกันไปจนเธอรู้สึกเสียงวาปที่ช่องท้องอยู่เป็นระยะ
“อ๊า!”
เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงลิ้นสากของเขาที่เข้ามาทำหน้าที่แทนนิ้วเรียวยาวนั่น ปลายลิ้นแข็งแรงกวาดไปทั่วร่องกลีบสาวเพื่อดูดกินน้ำหวานที่ไหลพรั่งพรูออกมาก่อนจะฉกลิ้นเข้าไปในช่องสวาทของเธอ
“อา อา อา”
พิมพ์นารากำผ้าปูที่นอนแน่นพร้อมกับร้องครวญครางไม่หยุด เขาเหมือนยั่วเย้าเธอด้วยการฉกลิ้นเข้าออกอย่างชำนาญ มือบางทั้งกดและจิกศีรษะได้รูปเพื่อลดความเสียว เธอไม่อาจจะกลั้นเสียงร้องได้เมื่อเขาใช้มืออีกข้างตรึงสะโพกเธอไว้อยู่กับที่
หลายวันที่ผ่านมานี้เขาได้สอนอะไร ‘หลายอย่าง’ ให้เธอ และหนึ่งในนั้นก็คือสอนให้เธอถึงสุดสุขสมยังไง
ร่างบางเกร็งทั้งตัว เธอรู้สึกเหมือนล่องลอย อีกนิดเดียวเธอก็ได้ถึงมันแล้ว!
“อา อา”
ชายหนุ่มลงลิ้นรัว เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าร่างบางใกล้จะถึงส่วนที่เขาต้องการแล้ว ร่างหนาก็หยุดชะงักทุกอย่าง ล้มตัวนอนข้างๆร่างบางของหญิงสาว
“อ้ะ!”เธอมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
ร่างกายของเธอทรมานเพราะต้องการอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขาไม่ยอมทำต่อ ทำให้เธอค้างอยู่แบบนี้
เธอบิดตัวเร่าค่อยๆใช้ร่างบางซุกไซร้ร่างหนาอย่างเอาใจ
“เจ้าจะยั่วข้าหรือนารา”เขาเอ่ยเมื่อเห็นเธอกำลังเบียดเสียดร่างกายของเธอเข้ามาเรื่อยๆ
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำเพราะแรงรักเมื่อครู่ เธอรู้สึกทรมานไปทั้งร่างกาย เธออยากให้เขาทำต่อเหลือเกิน แต่ดูอีกฝ่ายสิ! เขานอนนิ่งสงบยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้น
“ได้โปรดเถอะอัลลัยล์”เธอกระซิบข้างหูเขา
ทั้งๆที่ความเป็นชายของเขาก็เรียกร้องเธอจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมา แต่เขากลับอดทนรอได้อย่างใจเย็น นี่เขาเป็นอะไรไป!
“เด็กน้อย ดูท่าหมดเวลาที่ข้าต้องบริการเจ้าแล้วละ!”
เมื่อสิ้นประโยคเธอก็รู้สึกไหววูบไปทั้งตัว เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแบนราบแต่ทว่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความเปียกชิ้นจากตัวเธอที่สัมผัสหน้าท้องของเขาทำให้เขาแทบสติแตกแต่ก็ต้องกลั้นทำเป็นใจแข็งไว้
เขาจะต้องสอนให้เธอเป็นฝ่ายบริการบ้างแล้วละ!
---------------------------------------
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่าน (TTwTT)\\
กี้ขอโทษด้วยนะคะที่อยู่ๆก็หายวับไปไม่มีบอกกล่าว
ช่วงนี้มันเริ่มเข้าสู่ เทศกาลสอบ ค่ะ!
กี้ต้องเคลียร์งานสารพัด กับ อ่านหนังสือ ท่องตำรากองเท่าเทือกเขาหิมาลัย
ดังนั้นรีดเดอร์ทุกท่านอย่าโกรธกี้เลยน้า
กี้จะพยายามเข้ามาให้เกือบทุกวันนะคะ
อาจจะดึกหน่อย หรือไม่หน่อย
เเต่กี้จะพยายามค่ะ
รักรีดเดอร์ทุกท่านน้า
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ (>\\\\\\\<)\\
คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ
ดวงตาสีน้ำตาลฉายประกายขึ้นมาอีกครั้ง มือบางรวบชุดคาฟตานขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อเดินให้ทันร่างสูงข้างหน้า
เธอไม่เคยต้องมาใส่ชุดอะไรแบบนี้มาก่อน สำหรับเธอแล้วมันรุ่มร่ามและทำอะไรไม่สะดวก ในเมื่ออยู่กลาง ‘แหล่งขุดเจาะน้ำมัน’ อันร้อนระอุแห่งนี้ เธอก็อยากจะขอบคุณผู้ที่ออกแบบคิดค้นชุดนี้ขึ้นมากะทันหัน แม้ชุดคาฟตานมันจะ ‘เยอะ’ สำหรับเธอ แต่ด้วยเนื้อผ้าบางเบาก็ช่วยคลายร้อนจากแดดได้มากทีเดียว
“ถ้าเบื่อก็เข้าไปข้างในก่อนก็ได้นะนารา”ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าพร้อมกับหันกลับมามองร่างบางข้างหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ประเทศไทยก็อากาศร้อน”เธอตอบเสียงใส
“งั้นหรือ แต่ข้าว่ามันคงไม่ร้อนเท่ากลางทะเลทรายหรอกมั้ง”เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อคำตอบของหญิงสาว
“ร้อนจริงๆค่ะ ไม่งั้นคงไม่มีเทศกาลสาดน้ำใส่กันหรอก คุณเคยได้ยินมาบ้างมั้ย?”
“ไว้บางทีเราอาจจะไปเที่ยวประเทศเจ้าดูบ้างก็ได้”เขายิ้มให้กับร่างบางตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปยุ่งกับเอกสารปึกหนาและผู้ช่วยอีกสองสามคนที่เดินขนาบข้างกายเขา
เธอไม่ได้รู้สึกผิดกับคำตอบกึ่งโป้ปดของตัวเองนัก ก็ในความคิดของเธอประเทศไทยมันร้อนจริงนี่น่า แต่นั่นมันร้อนชื้น ต่างจากอากาศร้อนของที่นี้ มันร้อนแห้งแล้งชวนแสบผิวไปหมด ดังนั้นจึงไม่นับว่าเธอโกหก เธอแค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง
“คุณนาราเคยเห็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันมาก่อนรึเปล่าครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามจากด้านหลัง
พิมพ์นาราหันกลับไปยิ้มให้เขาเล็กน้อย
“ไม่เคยหรอกค่ะ นี่พึ่งครั้งแรก”
“ดูจากสีหน้าคุณแล้ว ผมเชื่อครับ”
“ฉันแค่ร้อนค่ะ”
เธอตอบพร้อมกับใช้มือบางยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าตัวเอง
“ถ้าคุณนาราสนใจอะไรให้ยะตีมอธิบายให้ฟังก็ได้นะครับ เขาค่อนข้างเก่งเรื่องการจัดการเลยทีเดียว”ฮาฟิซหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเหลือบไปเห็นไปหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นพี่ชาย
หญิงสาวเหลือบตามองผู้ถูกกล่าวถึงเล็กน้อยก่อนจะวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่มผู้เป็นแฝดน้องของเขา
“งั้นก็ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ฮาฟิซพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวเดินนำหน้าไปก่อนเพราะผู้เป็นเจ้านายได้เรียกใช้อีกครั้ง เธอมองร่างหนาของชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังยืนคุยอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเอกสารในมือ
ดูจากท่าของชายหนุ่มที่เดิมตามหลังเธอมาแล้ว เขาคงไม่ชวนเธอคุยแน่ สำหรับเธอแล้วการเริ่มบทสนทนากับใครก่อนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเอ่ยทักทายเขาก่อน
‘ผู้ติดตามจอมวางแผน’
“สวัสดีค่ะ”เสียงหวานกล่าวเปิดประเด็นการสนทนา
ร่างหนาของยะตีมเดินเข้ามาตีเทียบอยู่ด้านข้างของเธอ เขาเว้นระยะห่างไว้พอสมควรก่อนจะหันกลับมาทักทายเช่นเดียวกัน
“สวัสดีครับคุณนารา”เสียงทุ้มเอ่ย
รูปลักษณ์ภายนอกของยะตีมดูเหมือนฮาฟิซเกือบทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เธอคิดว่าแตกต่างกันเหลือหลาย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฮาฟิซฉายแววขี้เล่น สนุกสนาน เป็นมิตร ต่างจากผู้เป็นพี่ที่ดวงตาเรียวยาวเจ้าเล่ห์ ลักษณะเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ทุกเวลา
แต่ก็คงเป็นดวงตาอีกนั่นแหละที่เป็นเสน่ห์ของชายผู้นี้
“คุณสนใจส่วนไหนก็ถามมาได้เลยนะครับ จะให้ผมอธิบายทั้งหมดก็คงไม่ไหว”เขากล่าว
“ทำไมคุณมาหาน้ำมันกลางทะเลทรายแบบนี้ละคะ คนงานไม่ลำบากแย่เหรอ ร้อนก็ร้อน”
ยะตีมแทบจะหลุดขำกับคำถามของหญิงสาว สำหรับเขาแล้วเธอถามอะไรได้ไร้เดียงสามากเกินไปแล้ว เธอพูดเหมือนกับว่าแหล่งน้ำมันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้อย่างนั้นแหละ
“คุณเคยศึกษาทางด้านเคมีมาบ้างรึเปล่าครับ”
“ได้เรียนแค่พื้นฐานที่ควรรู้ค่ะ ฉันจบทางด้านภาษามา เลยไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่”เธอหัวเราะเบาๆ
ยะตีมพยักหน้ากับตนเองเมื่อเธอได้ตอบข้อสงสัยของเขา ถึงว่าเธอพูดภาษาอาหรับได้ค่อนข้างคล่อง และเขาเชื่อว่าบางทีเธอคงจะเขียนและแปลภาษาอาหรับได้ราวกับชนพื้นเมืองผู้หนึ่งเลยดีเดียว
“แหล่งน้ำมันดิบจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสามเงื่อนไขครับ คือ หินกำเนิดซึ่งอุดมไปด้วยสารไฮโดรคาร์บอนฝังอยู่ลึกเพียงพอที่ความร้อนใต้ พิภพจะเปลี่ยนให้เป็นน้ำมัน หินกักเก็บมีรูพรุนและซึมผ่านได้เพื่อให้น้ำมันไปสะสมได้ และหินครอบหรือหินปิดกั้น หรือกลไกอื่นซึ่งกันไม่ให้มันไหลออกสู่พื้นผิวภายนอกได้ ดังนั้นพวกเราจะสร้างหรือบอกไม่ได้หรอกครับว่าแหล่งน้ำมันจะไปเกิดที่ไหน ต้องอาศัยการสุ่มหลายๆที่ และคนที่ค้นพบที่นี่ก็คือ ‘ท่านชีคสุไลมาน’ ท่านปู่ของ ‘ท่านอัลลัยล์’ นั่นแหละครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ชีคงั้นเหรอ?”เธอขมวดคิ้ว
“ฉันนึกว่าอัลลัยล์จะเป็นนักธุรกิจซะอีก”
ยะตีมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะให้คำตอบกับเธอ
“ที่จริงแล้วต้องเรียก ‘ท่านชีคอัลลัยล์’ มากกว่าครับ แต่เป็นคำสั่งของเจ้านายที่ไม่ให้เรียกยศฐาบรรดาศักดิ์เท่าไหร่”
“ฉันพึ่งรู้นะคะเนี่ย!”เธอเอ่ยเสียงสูง
“คุณนาราลองไปถามเจ้านายเองก็ได้ครับ”เขายิ้ม
พิมพ์นารากระพริบตาปริบฟัง ‘ความรู้’ ที่พรั่งพรูออกจากปากของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาพูดยาวขนาดนี้ แต่เหลือเชื่อว่ามันไม่น่าเบื่อเลย น้ำเสียงและท่าทางของเขาดึงดูดผู้ฟังได้ชะงักนัก
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวเขาจึงตอบข้อสงสัยให้เธอ
“ผมศึกษาทางด้านปิโตรเลียมมาโดยตรงครับ”
“แล้วยังไงต่อคะ”เธอเอ่ยถาม
“คุณนาราสนใจด้านนี้เหรอครับ”เขายิ้มเล็กน้อย
“ความจริงแล้วฉันชอบด้านภาษามากกว่าค่ะ แต่เรื่องพวกนี้รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนี่คะ มันเป็นของใกล้ตัวที่ต้องใช้แทบทุกวันอยู่แล้ว”เธอกล่าวพร้อมกับยกมือบางขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า
“ภายในแหล่งน้ำมันเหล่านี้ จะจัดเรียงเป็นสามชั้น มีน้ำอยู่ข้างใต้ น้ำมันอยู่กลาง และแก๊สอยู่บนสุด”
พิมพ์นาราหลุดขำออกมาเมื่อเห็นเขาทำมือประกอบ
“ให้ผมช่วยขำดีมั้ยครับ”เขาลดมือลงเอ่ยถามกลับ
“ฉันขำคนเดียวพอแล้ว คุณเหมือนอาจารย์คนหนึ่งเลย ดังนั้นเล่าต่อเถอะค่ะ ลูกศิษย์คนนี้จะตั้งใจฟัง”เธอพูดติดตลก
“ชั้นต่างๆจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามแหล่งนะครับ ไฮโดรคาร์บอนส่วนใหญ่เบากว่าหินหรือน้ำ จึงมักไหลตัวขึ้นข้างบนผ่านชั้นหินที่อยู่ติดกันกระทั่งถึงพื้นผิวหรือถูกกักไว้ในหินรูพรุน”เขาเว้นระยะ
“ขอโทษนะคะ หินรูพรุนคืออะไร”เธอจำได้ว่าเขาได้บอกมาเมื่อครู่แล้ว แต่จะให้ทำยังไง ก็สมองเธอมันไม่รับเรื่องพวกนี้นี่น่า
“จะเรียกว่าที่กักเก็บน้ำมันก็ได้ครับ มันทำหน้าที่นั้น”
เธอพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วก็จะมีหินที่ผ่านไม่ได้อยู่ข้างบน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกมา”
“อืม…ค่ะ”
“เมื่อไฮโดรคาร์บอนเข้มข้นขึ้นในแหล่งกัก ก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำมัน ซึ่งของเหลวสามารถสกัดออกมาได้ด้วยการขุดเจาะและการปั๊ม”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่อยู่ออกไปไม่ไกลนัก
“ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ค่ะ เหมือนฉันกลับไปนั่งเรียนอีกรอบเลย”เธอเอ่ยชม
ในความจริงแล้วสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดแทบจะไม่เข้าหัวของเธอด้วยซ้ำ เธอไม่ชอบด้านพวกนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จะให้มาเปลี่ยนแปลงความชอบในตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้วล่ะ
“คุณนาราพูดได้กี่ภาษาครับ”เขาเอ่ยถามเธอ
“ที่ได้จริงๆ พูดได้ อ่านออก เขียนได้ ก็ 3 ภาษาค่ะ มีภาษาไทย ภาษาบ้านเกิดฉันเอง แล้วก็ภาษาอังกฤษกับภาษาอาหรับค่ะ”
“ผมรู้จักประเทศไทยครับ”เขากล่าว
“ถ้าคุณไปแล้วคุณจะชอบที่นั่น”เธอยิ้มบางๆนึกอะไรบางอย่าง
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ เป็นคนงานสองคนที่ถือขวดน้ำมา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรับพร้อมกับกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท
“อย่าลืมเอาไปให้ท่านอัลลัยล์ด้วยล่ะ”เขากล่าวกับคนงานทั้งสองก่อนจะหันหน้ามาหาเธอ
“น้ำครับคุณนารา”
“ขอบคุณค่ะ”เธอกล่าวก่อนจะรับน้ำเปล่าในขวดพลาสติกจากมือหนาของเขาแต่โดยดี สำหรับกลางทะเลทรายร้อนๆแบบนี้ การได้น้ำเย็นชื่นใจมันดูมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก
“ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้างละคะ ภรรยากับลูกของคุณสบายดีรึเปล่า”เธอกล่าวขึ้นลอยๆ
“ดูท่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วละครับ ผมยังไม่แต่งงาน”เขาตอบด้วยสีหน้าปกติเช่นเคย
พิมพ์นารานึกสงสัยเสียจริงว่าจะมีอะไรในโลกนี้บ้างที่ทำให้ชายหนุ่มด้านข้างหน้าเสียได้ เอ้ะ! อย่าว่าแต่หน้าเสียเลย ขอให้เขาแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะยิ้มอย่างจริงใจ ร้องไห้ เศร้าโศก บันดาลโทสะ
ใครกันนะจะได้เป็นผู้โชคดีนั้น เธอล่ะอยากรู้จริงๆ…
“คุณบอกฉันเองนะคะ เอ่อ…วันนั้น”เธอตอบกระอ้อมกระแอ้ม ก็เหตุการณ์วันนั้นมันน่าจำซักเท่าไหร่กันเชียว พอนึกขึ้นมาใจก็เต้นแรง มือเย็นเฉียบไปหมด
“ผมโกหกคุณครับ”เขายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะคะ คุณที่มันจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเลย ยะตีม”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะรับขวดน้ำพลาสติกจากมือบางกลับมา
“หลายคนก็ชมผมเช่นนี้บ่อยๆครับ ไม่ใช่คุณคนแรกหรอก”เขากล่าว
“คุณคิดว่ามันเป็นคำชมเหรอคะ!”
“ผมมองโลกในแง่ดีเสมอครับ”เขาตอบยิ้มแย้ม
“คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ!”เธอเอ่ยเสียงสูง ไม่นึกเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นไปได้ขนาดนี้
“ผมว่าคุณเข้าไปด้านในก่อนดีกว่านะครับ”เขาเปลี่ยนเรื่อง
แม้เธอจะอยากอยู่ดูร่างหนาที่อยู่ออกไปไม่ไกลนักทำงานต่อ แต่เธอรู้ตัวดีว่าถ้าหากยังคงฝืนอยู่ต่อไปคงได้มีการหน้ามืดเกิดขึ้นเป็นแน่ เธอไม่ได้อ่อนแอนะ แต่อากาศกลางทะเลทรายนี่ไม่ไหวจริงๆ และเธอก็ไม่อยากเป็นภาระผู้อื่นด้วย
“ขอบคุณค่ะ”เธอกล่าวพร้อมกับเดินตามร่างหนาของยะตีมไปอีกทาง
ห้องทำงานของเขาหรือที่จริงแล้วก็คือกระโจมกว้างหรูหราขนาดใหญ่ มีโซฟาบุหนังอย่างดีและโต๊ะเล็กเข้าคู่กันอยู่ด้านขวามือ ด้านซ้ายเป็นชั้นหนังสือกว้างและเก้าอี้นวมท่าทางนุ่มสบาย กลางกระโจมมีโต๊ะทำงานที่ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ บนนั้นประกอบด้วยแฟ้มเอกสารหลายเล่ม นาฬิกาตั้งโต๊ะแบรนหรู คอมพิวเตอร์โน๊คบุคที่พับปิดหน้าจอเรียบร้อย และกรอบรูปสีทองที่ตั้งไว้ ณ มุมโต๊ะกว้าง
“ผมจะให้คนนำอาหารมาให้นะครับ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เธอไปนั่งรอทางด้านโซฟา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่หิว ฉันขอไปนั่งอ่านหนังสือรอได้รึเปล่าคะ”เสียงหวานเอ่ยถาม
“ได้ครับ”
สิ้นประโยคร่างหนาก็คำนับน้อยๆพร้อมกับเดินออกไปจากกระโจมทันที การมาที่นี่หญิงสาวผู้นี้ก็เปรียบเสมือนแขกผู้มาเยือน อีกทั้งยัง ‘ต่างเพศ’ การอยู่ลำพังกับเธอในที่มิดชิดจึงเป็นเรื่องไม่สมควรแน่
แต่เขาก็แน่ใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีอยู่ ‘หนึ่งคน’ ที่รออยู่ในที่มิดชิดกับเธอผู้นี้เต็มแก่แล้ว
เมื่อเขาปิดม่านทางเข้าแล้วเธอก็รู้สึกว่าที่นี่มิดชิดและเป็นส่วนตัวมาก เธอหันกลับมาสังเกตสถานที่รอบตัวอีกครั้ง ด้านหลังสุดเป็นม่านยาวสีเดียวกับกระโจมปิดอยู่ เธอไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นทางออกรึเปล่าจึงเดินเข้าไปเปิดดูภายในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พึ่บ!
มันคือเตียงนอนสี่เสาขนาดใหญ่ ผ้าม่านสีแดงถูกมันรวบเปิดให้เห็นว่าภายในยังว่างเปล่า
ดูท่าเขาจะเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมากทีเดียว เธอคิด
เมื่อไม่มีอะไรทำเธอจึงไปสนใจกับชั้นหนังสือต่อ ซึ่งเธอก็คิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องผิดหวังแน่ๆและมันก็เป็นไปตามคาด เมื่อใช้นิ้วไล่สันปกหนังสือดูก็เห็นว่ามีแต่หนังสือเกี่ยวกับการบริหาร ปิโตรเลียม รัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ซะส่วนใหญ่
เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าไปเอาหมอนนุ่มที่อยู่บนเตียงนอนของเขามา แต่เมื่อเลียบผ่านโต๊ะทำงานเธอก็สะดุดตากับรูปถ่ายในกรอบสีทองนั่น
มีคนอยู่สามคน หนึ่งคือชายผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาทีเดียว เขาใส่ชุดกาลาไบยาโพกศีรษะเรียบร้อย ใบหน้าของเขาประดับรอยแห่งความสุขทั้งบนดวงตาและรอยยิ้ม มือข้างขวาโอบไหล่หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดคาฟตาน ใบหน้าของเธอคมเข้มสวยงามแต่ทว่าอ่อนโยนยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองที่จ้องมาฉายความอบอุ่นชัดเจน และมือหนาอีกข้างของชายหนุ่ม…คือเด็กชายผู้หนึ่งในชุดประจำชาติของเขาเช่นกัน เด็กคนนี้คุ้นตาเธอยิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่ยังเยาว์แต่ฉายความดื้อดึงในตัวตั้งแต่อายุเท่านี้ มันทำให้เธอนึกถึงคนๆหนึ่ง…
“จะจ้องอะไรกับรูปถ่ายของข้ามากมายนักนารา”
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเอ่ยขัดจังหวะความคิดเธอ เธอวางกรอบรูปลงพร้อมกับหันไปยิ้มให้ผู้มาใหม่
“นี่คุณตอนเด็กเหรอค่ะ”
“แล้วจะทำไม”
ร่างหนาในชุดกาลาไบยายืนกอดอกมองอยู่ชั่วครู่แล้ว เมื่อเห็นเธอกำลังสนใจกับรูป ‘ครอบครัว’ เขาจึงไม่เรียกเธอตั้งแต่ทีแรก
“คุณน่าตีตั้งแต่เด็กเลย ดูท่าคงดื้อมากๆเลยสิ”
เสียงหัวเราะของเธอเรียกอาการขมวดคิ้วให้กับเขา ก่อนที่ใบหน้าบึ้งตึงนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าคิดว่ามีคนตีข้าได้ด้วยเหรอ”ร่างหนาสาวเท้าเข้ามาใกล้
“อ้ะ!”เธอร้องเมื่อเขาดึงเอวของเธอเข้าไปแนบชิด
เมื่ออยู่ภายนอกแล้วเขาต้องยับยั้งชั่งใจอารมณ์ประทุภายในจนแทบบ้า การแตะเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้ามในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ ดังนั้นเขาจึงรอเวลานี้มานาน!
ที่จะได้อยู่กับร่างบางนี่สองต่อสอง…
“หืม…คิดว่าไง”เขาเอ่ยถาม
“ค่ะ คุณคือผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครทำอะไรคุณได้”เธอกล่าวประชด
“มีอยู่คนเดียว”เสียงทุ้มจริงจังขึ้นมา เธอหันหลับไปมองด้วยความแปลกใจ
“คนนั้นไม่ได้ตีข้าหรอก แต่มันก็เจ็บพอๆกันเลยทีเดียว”
“มีด้วยเหรอค่ะ คุณฝันไปรึเปล่า”เธอหัวเราะเบาๆ
“มีสิ เจ้าไม่อยากรู้เหรอ”เขาส่งเสียงคล้ายหงุดหงิด
“ไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ค่ะ”
“แต่ข้าอยากบอกให้เจ้ารู้”เขาผละออกจากร่างบางพร้อมกับดึงเธอเข้ามาประจันหน้า
“คุณก็บอกมาสิคะ ฉันก็ยืนฟังอยู่นี่ไง”
“เจ้าไม่เต็มใจที่จะฟัง พูดไปก็เท่านั้น”
พิมพ์นาราอยากจะตีหัวคนตรงหน้าเสียจริง ตัวก็โต อายุก็ใช่น้อยแล้ว ยังจะมาทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆอยู่ได้ แต่เธอรู้ว่าถ้าหากพูดประโยคนี้ไป คนที่ถูกตีหัวคงจะกลายเป็นเธอแทนแน่ๆ
“ฉันเต็มใจฟังค่ะ อยากรู้มากด้วย ใครกันที่ตีคุณ ฉันจะไปตีคืนให้”เธอฉีกยิ้มกว้างอย่างเอาใจ
“อืม…”เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนก้มตัวลงมากระซิบประโยคที่ทำให้หญิงสาวใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย
“ดูข้างหลังข้าสิ ยังมีรอยเล็บของแม่นี่อยู่เลย!”
เพี้ย!
เธอตีท่อนแขนกำยำเต็มแรงก่อนจะต่อยรัวไปที่แผงอกกำยำนั่น
“คุณมันโรคจิตขนาดแท้เลย!”เธอเอ่ยทีละคำเพื่อให้เขาได้ยินชัดเจน
“พูดอีกทีสิ”เขาเอ่ย
“ฉันบอกว่าคุณมันโรคจิตไงค่ะ โรคจิต โรคจิต โรค…อ้ะ!”
เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงประจบริมฝีปากร้อนของเขาลงไป ตั้งแต่ที่ทางผู้ติดตามทั้งสองมารายงานว่าที่แหล่งน้ำมันเกิดปัญหา ‘บางอย่าง’ ขึ้น เขาก็ต้องมาที่นี่โดยพลัน ทั้งที่ใจอยากจะนอนกกกอดร่างบางนี่ให้สมใจอยากแต่ก็ไม่อาจทำได้ ทุกครั้งที่เขามองหาหญิงสาว ในใจก็ร้อนรุ่มอยากจะดึงเธอเข้ามากอดจูบให้หายอยาก แต่เมื่ออยู่ข้างนอกเขาก็รู้ดีว่าไม่อาจทำเช่นนั้นได้
“อืม…”เสียงหวานครางออกมาเบาๆ
เขาใช้ลิ้นสากเกี่ยวรุกเร้าเธอจนรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดเริ่มตัวสั่นระริก มือหนาลูบไล้แผ่นหลังของเธอไปมาก่อนจะเปลี่ยนมาลูบไล้ด้านหน้าแทน
“ความรู้สึกไวจังเลยนะ”เขาเอ่ยเย้า
ไม่ต้องรอให้หญิงสาวตอบอะไรมือหนาก็ช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอกเดินตรงไปยังที่ที่หญิงสาวพึ่งจากมา
เตียงนุ่มนั่น!
“อะไรกัน!”
เมื่อเห็นสถานที่ที่เขาวางเธอลง ใบหน้าสวยก็แดงซ่านขึ้นมาอีกอย่างควบคุมไม่อยู่
“คุณออกไปข้างนอกได้แล้ว ไม่คิดจะทำงานบ้างรึไง!”
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับปอดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออก
“ก็กำลังจะ ‘ทำ’ อยู่นี่ไง”
พิมพ์นาราอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายซะตรงนี้เสียจริง เหตุใดคนตรงหน้าถึงไม่รู้จักความอายบ้างหนอถึงได้เที่ยวมายืนแก้ผ้าโท่งๆแบบนี้!
“ฉันหมายถึงทำงาน ทำงานน่ะ!”เธอกล่าวรัวแต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ฟังเธอเลย
ร่างหนาใช้แรงทาบทับจนเธอต้องเอนตัวลงบนที่นอน เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่มันพาดอยู่บนเรียวขาของเธอ ทั้งที่ใจเธออยากจะผลักเขาออกไปเพราะทำอะไรไม่ดูเวลาแต่มือทั้งสองมันกลับไม่ยอมทำตามซะงั้น!
“ทำงานให้เมีย”เขาเอ่ยเย้าก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหาย
เธอได้แต่วางมือไว้บนหนาอกหนาเพราะไม่รู้จะขัดขืนยังไง
มือของเขาไวยิ่งกว่าปลาหมึกเสียอีก เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกปลดเปลื้องชุดรุ่มร่ามนี่ออกไปตอนไหน เหนือแต่เพียงชุดชั้นในตัวจิ๋วลายลูกไม้เท่านั้น
“ข้ากะขนาดถูกจริงๆ”
เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในของเธออย่างรวดเร็ว มือหนาฉวยข้อมือทั้งสองของเธอขึ้นรวบเหนือหัวเมื่อเห็นเธอทำท่าจะปิดทรวงอกทั้งสองข้าง
“นี่มันกลางวันนะอัลลัยล์!”เธอย้ำชัด
“ไม่สน”
สุดท้ายเธอก็ต้องขนลุกทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มก้มลงดูดเม้มทรวงอกทั้งคู่ของเธออย่างหิวกระหายไม่แพ้กัน เขาใช้ลิ้นเลียเน้นจนยอดของมันแข็งเป็นไตสู้ลิ้น เธอได้แต่บิดตัวไปมาอย่างเสียวซ่านเมื่อเขาทั้งกัด เม้ม ดูด เลีย ทรวงอกของเธออย่างไม่ปราณี
“อา อา”เธอครวญคราง
“ระวังคนงานข้างนอกได้ยินนะ”
พิมพ์นาราหุบปากแทบไม่ทันเมื่อได้ยินประโยคของเขา แต่เนื่องด้วยความสยิวที่เขามอบให้มันเกินต้านทานจริงๆ
“อ้ะ”
เธอสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงนิ้วเรียวยาวบีบที่เม็ดสวาทอย่างจงใจ เขาแยกขาทั้งสองของเธอออกให้แนบไปกับที่นอนหนาหนุ่มเพื่อดูสิ่งในร่องกลีบอย่างชัดเจน นิ้วกลางของเขาทำหน้าที่ของมันได้ดี เขาเขี่ยเม็ดสวาทเบาแรงสลับกันไปจนเธอรู้สึกเสียงวาปที่ช่องท้องอยู่เป็นระยะ
“อ๊า!”
เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงลิ้นสากของเขาที่เข้ามาทำหน้าที่แทนนิ้วเรียวยาวนั่น ปลายลิ้นแข็งแรงกวาดไปทั่วร่องกลีบสาวเพื่อดูดกินน้ำหวานที่ไหลพรั่งพรูออกมาก่อนจะฉกลิ้นเข้าไปในช่องสวาทของเธอ
“อา อา อา”
พิมพ์นารากำผ้าปูที่นอนแน่นพร้อมกับร้องครวญครางไม่หยุด เขาเหมือนยั่วเย้าเธอด้วยการฉกลิ้นเข้าออกอย่างชำนาญ มือบางทั้งกดและจิกศีรษะได้รูปเพื่อลดความเสียว เธอไม่อาจจะกลั้นเสียงร้องได้เมื่อเขาใช้มืออีกข้างตรึงสะโพกเธอไว้อยู่กับที่
หลายวันที่ผ่านมานี้เขาได้สอนอะไร ‘หลายอย่าง’ ให้เธอ และหนึ่งในนั้นก็คือสอนให้เธอถึงสุดสุขสมยังไง
ร่างบางเกร็งทั้งตัว เธอรู้สึกเหมือนล่องลอย อีกนิดเดียวเธอก็ได้ถึงมันแล้ว!
“อา อา”
ชายหนุ่มลงลิ้นรัว เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าร่างบางใกล้จะถึงส่วนที่เขาต้องการแล้ว ร่างหนาก็หยุดชะงักทุกอย่าง ล้มตัวนอนข้างๆร่างบางของหญิงสาว
“อ้ะ!”เธอมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
ร่างกายของเธอทรมานเพราะต้องการอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขาไม่ยอมทำต่อ ทำให้เธอค้างอยู่แบบนี้
เธอบิดตัวเร่าค่อยๆใช้ร่างบางซุกไซร้ร่างหนาอย่างเอาใจ
“เจ้าจะยั่วข้าหรือนารา”เขาเอ่ยเมื่อเห็นเธอกำลังเบียดเสียดร่างกายของเธอเข้ามาเรื่อยๆ
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำเพราะแรงรักเมื่อครู่ เธอรู้สึกทรมานไปทั้งร่างกาย เธออยากให้เขาทำต่อเหลือเกิน แต่ดูอีกฝ่ายสิ! เขานอนนิ่งสงบยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้น
“ได้โปรดเถอะอัลลัยล์”เธอกระซิบข้างหูเขา
ทั้งๆที่ความเป็นชายของเขาก็เรียกร้องเธอจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมา แต่เขากลับอดทนรอได้อย่างใจเย็น นี่เขาเป็นอะไรไป!
“เด็กน้อย ดูท่าหมดเวลาที่ข้าต้องบริการเจ้าแล้วละ!”
เมื่อสิ้นประโยคเธอก็รู้สึกไหววูบไปทั้งตัว เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแบนราบแต่ทว่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความเปียกชิ้นจากตัวเธอที่สัมผัสหน้าท้องของเขาทำให้เขาแทบสติแตกแต่ก็ต้องกลั้นทำเป็นใจแข็งไว้
เขาจะต้องสอนให้เธอเป็นฝ่ายบริการบ้างแล้วละ!
---------------------------------------
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่าน (TTwTT)\\
กี้ขอโทษด้วยนะคะที่อยู่ๆก็หายวับไปไม่มีบอกกล่าว
ช่วงนี้มันเริ่มเข้าสู่ เทศกาลสอบ ค่ะ!
กี้ต้องเคลียร์งานสารพัด กับ อ่านหนังสือ ท่องตำรากองเท่าเทือกเขาหิมาลัย
ดังนั้นรีดเดอร์ทุกท่านอย่าโกรธกี้เลยน้า
กี้จะพยายามเข้ามาให้เกือบทุกวันนะคะ
อาจจะดึกหน่อย หรือไม่หน่อย
เเต่กี้จะพยายามค่ะ
รักรีดเดอร์ทุกท่านน้า
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ (>\\\\\\\<)\\
คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2555, 01:51:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2555, 01:51:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 17190
<< บทที่เก้า อ้อมกอดอันร้อนเร่า 100% NC++ | บทที่สิบเอ็ด ธาตุเเท้ที่ซ่อนเร้น 100% >> |

mhengjhy 11 ก.ย. 2555, 08:30:05 น.
แหม่ เจ้าเล่ห์นะ ท่านชีค
แหม่ เจ้าเล่ห์นะ ท่านชีค