ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า

อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC

ตอน: บทที่สิบเอ็ด ธาตุเเท้ที่ซ่อนเร้น 100%

เพล้ง!

กระจกบานเล็กแตกเป็นเสี่ยงๆกระจายเต็มพื้นหินอ่อน หญิงสาวในชุดราตรีสีแดงสดยืนอ้าปากค้างมองชายหนุ่มผู้เป็น ‘บิดา’ อย่างตกใจ เธอรู้สึกว่าถึงแม้อากาศจะหนาวแต่ชุดโชว์แผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของเธอกลับมีเหงื่อเม็กเล็กๆผุดขึ้นมา มือบางทั้งคู่สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่

“อะ…อะไรนะ”เธอพูดงึมงำ

“วิคกี้ ลูกฟังไม่ผิดหรอกค่ะ”ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจ

แม้ ‘มาคัส เมอร์ติน’ จะอายุปาเข้าไปสี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่รูปร่างของเขายังดูดีผึ่งผายกำยำไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เลยทีเดียว มือหนาของเขากระชับหูกระต่ายบนชุดสูทราคาแพงของตน เมื่อดวงตาสีน้ำทะเลเหลือบมาเห็น ‘บุตรสาว’ ยืนอึ้งค้างกับคำพูดของตนเมื่อครู่ เสียงทุ้มจึงหัวเราะดังลั่นกับท่าทีเหล่านั้น

“วิคกี้ ยืนอ้าปากค้างแบบนี้เดี๋ยวปาปารัซซี่มาเห็นจะไม่ดีนะคนสวยของด่าด้า”เขาตบแขนเรียวเล็กของบุตรสาวเบาๆ

“ด่าด้าคะ…”

“อะไรคะลูกสาวคนดี”

มาคัสยืนพิงรถหรูหราด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง เขาโบกมือไล่บอดี้การ์ดชุดดำนับสิบคนให้ถอยออกไปห่างๆแล้วจึงหันกลับมามองบุตรสาวของตนอีกครั้ง

“ด่าด้าคนดีของลูกสาว”เธอเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นบิดาก่อนจะยิ้มเย็นออกมา

“ว่าไงคะ ด่าด้ารู้ว่าลูกสาวตื่นเต้นละสิ!”มือหนาทาบอกอ้าปากค้าง

“อื้อหือ….ตื่นเต้นมากๆเลยละค่ะ”เธอเก็บรอยยิ้มหวาน

“กรี๊ดดดดดดด! ด่าด้าทำบ้าอะไรไปค่ะ”

เธอกระแทกส้นสูงหลายทีพร้อมกับใช้มือบางทึ้งทรงผมสวยของตน ริมฝีปากสีแดงสดอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดอากาศหายใจ เธอสะบัดตัวไปมาจนร่างบางเซซ้ายขวาหลายทีก่อนที่ผู้เป็นบิดาจะเอื้อมมือมาดึงร่างบางให้หยุดอยู่กับที่

“ลูกสาวคนดีของด่าด้าสุดหล่ออออออออ….”

“ไม่ดีแล้ว!!!”เสียงหวานกรี๊ดลั่น

“ดีนิดเดียวก็ได้นะคะวิคกี้ของด่าด้า!”

“ด่าด้าฟังนะ วิคกี้จะไม่แต่งงานกับใครเด็ดขาด!”เธอย้ำเสียงหนักแน่น

“โอเคค่ะ”เขาชูนิ้วโป้งขึ้นเพื่อยืนยันความหนักแน่นของตน

“ห้ะ! อะไรนะ”เธอขมวดคิ้วกับท่าทางของผู้เป็นบิดา อะไรจะไปง่ายดายขนาดนั้น

“ด่าด้าเข้าใจวิคกี้แล้ว”เขาย้ำ

“เข้าใจว่าอะไรคะ บอกให้วิคกี้ฟังหน่อย”

เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

“หม่ามี้เคยสอนด่าด้าว่าถ้าผู้หญิงตอบว่าไม่แปลว่าใช่นะคะ ดังนั้นวิคกี้เตรียมตัวเข้าพิธีหมั้นได้เลย!”เขาพยักหน้าเออออตามความเข้าใจของตนเอง

“อ๊ากกกกกกกกก!”หญิงสาวใช้มือจับแก้มกรีดร้องโหยหวน

ปัง ปัง ปัง ปัง!

“อ๊ากกกกกก รถคันใหม่ของด่าด้า!!”

ขาเรียวขาวตกขึ้นตีเข่ารถลีมูนซีนไม่ยั้ง เธอทั้งเตะทั้งถีบทั้งต่อยพร้อมกับเหลือบตามองผู้เป็นบิดาที่ยืนจับแก้มอ้าปากค้างไม่ต่างจากอาการของเธอในตอนแรกเท่าใดนัก

“โอ้ววว! นางแบบสาวสุดฮอตทายาทของ ‘มาคัส เมอร์ติน’ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำไมทำตัวไม่คิดถึงภาพพจน์ตัวเองเลย”เสียงทุ้มลากยาว

“พึ่งรู้เหรอค่ะ”

ปัง!

เธอเตะเข้าไปที่ประตูรถอีกหนึ่งครั้ง

“โอเคค่ะลูกสาว ด่าด้ารู้แล้ว”

“ด่าด้า…”หญิงสาวทำหน้าละห้อย

“อะไรค่ะคนดี”มาคัสลูบแขนบางของบุตรสาวอย่างเบามือ

“วิคกี้เจ็บขา เจ็บเข่า เจ็บมือ!”สิ้นเสียงเของร่างบางก็เบะปากร้องออกมาทันที

มาคัสหัวเราะน้อยๆก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอด ถึงวิคตรอเลียจะร้ายกาจ เจ้าอารมณ์ขนาดไหน แต่เขาก็รักเธอเหลือเกิน เธอเปรียบเสมือนตัวแทนภรรยาที่ล่วงลับของเขา ทั้งผมสีทองนุ่นสลวยนี่ ดวงตาสีฟ้าที่ถอดแบบมาจากแม่ของเธอเปะ เขาอยากให้เธอได้เจอแต่สิ่งดีๆจึงเลือกที่จะหาคู่ครองที่เหมาะสมทั้งฐานะและหน้าตาให้เธอโดยไม่สนใจว่าเธอจะปฏิเสธหรือไม่

“มันเป็นใครค่ะด่าด้า”เธอถามเสียงสั่น

“เจ้าของบ่อน้ำมันทางอียิปต์ค่ะวิคกี้ ด่าด้าคิดจะทำธุรกิจกับเขาอยู่”

“ไอ้พวกบ้ากามชอบสะสมผู้หญิงไว้ในฮาเร็มเหรอค่ะ? ด่าด้าจะให้วิคกี้ไปเผชิญชะตากรรมบัดซบแบบนั้นจริงเหรอ”น้ำเสียงของเธอยังเจือด้วยอารมณ์คุกกรุ่นอยู่ไม่น้อย

เธอไม่ชอบเลยพวกเศรษฐีแถวทะเลทรายนั่น ทั้งบ้ากาม โหดร้าย ชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำอยู่ตลอด ผู้หญิงสมัยใหม่แบบเธออยู่ร่วมกับคนแบบนั้นไม่ได้หรอก

“เขายังโสดค่ะวิคกี้ ไม่มีสาวในฮาเร็มหรอก คนของด่าด้าว่ามาแบบนี้”เขาอธิบาย

“แล้วยังไงค่ะ”

มาคัสดึงบุตรสาวออกจากอ้อมอก เขาสบตาและอธิบายให้เธอฟังในสิ่งที่เขาคิด

“วิคกี้ลองไปคิดดูนะคะ ถ้าเขาทำให้หนูไม่พอใจหนูก็ไม่ต้องหมั้นก็ได้ ด่าด้าไม่ได้บังคับ แค่อยากเสนอทางเลือกให้วิคกี้เฉยๆ”

“ชีวิตด่าด้ามีวิคกี้คนเดียวนะ หนูคือทุกอย่างของด่าด้า ที่ด่าด้าทำไปทั้งหมด เพื่อหนูคนเดียว”เขาลูบผมสีทองอย่างอ่อนโยน

“ไว้วิคกี้จะเก็บไปคิดนะคะ วิคกี้รู้ว่าด่าด้ารักวิคกี้”เธอยิ้มพร้อมกับสวมกอดผู้เป็นบิดาอย่างออดอ้อน

“รู้ไว้ก็ดีแล้ว คราวนี้จะมีข่าวไปเหวี่ยงใส่พวกนักข่าว ปาปารัซซี่ แฟนคลับ อีกรึเปล่า”เสียงทุ้มหัวเราะคิกคัก

“มันคนละเรื่องแล้วค่ะด่าด้า พวกนั้นมันน่ารำคาญนี่น่า”เธอตอบโบ้ย

“ถึงวิคกี้เป็นนางแบบ แต่ก็รักความสงบและความเป็นส่วนตัวค่ะ ไม่ชอบพวกมาจับจ้องอะไรมากมาย”

“หนูเป็นคนของประชาชนนี่คะ”

“ไม่สนใจค่ะ แล้วสรุปเราจะไม่ไปงานเลี้ยงบ้าบอคอแตกของท่านทูตนั่นแล้วใช่มั้ยคะ!”เธอผละออกจากอกหนาพร้อมกับเอี้ยวตัวไปส่องสภาพตนเองในกระจกรถ

“คงไม่ไปแล้วละ สภาพของด่าด้ากับวิคกี้ไม่ค่อยต่างกันเลย”เสียงทุ้มตอบ

“กล้าพูดออกมาได้นะคะด่าด้า วิคกี้สภาพแย่เหมือนโดนฉุดมาเลย”เธอเก็บไรผมของตัวเองเพื่อรวบไปข้างหลัง

“วิคกี้มีอะไรจะถามค่ะ”เธอขยับตัวมายืนชิดผู้เป็นบิดา

“คนที่ด่าด้าจะให้วิคกี้ไปดูตัวน่ะ ชื่ออะไรนะคะ”หญิงสาวถามเสียงเรียบ

เธอก็อยากรู้จริงว่ามันเป็นใคร ช่วงที่ด่าด้าต้องไปติดต่องานที่จีนในอีกสองวัน เธอจะได้มีอะไรสนุกๆทำบ้าง

คิดแล้วหญิงสาวก็ลอบหัวเราะในใจ

“สนใจแล้วเหรอคะ”

“วิคกี้จะสนใจบ้างไม่ได้เลยเหรอคะ”

“ชีคอัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด”มาคัสตอบเสียงเรียบ

“หึ!”หญิงสาวส่งเสียงในลำคอ

“มีอะไรรึเปล่า”เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“ไม่มีหรอกค่ะ”เธอยิ้มพร้อมกับเขย่งตัวหอมแก้มผู้เป็นบิดาฟอดใหญ่หลายที

บอดี้การ์ดต่างเดินกลับมาประจำในหน้าที่ของตนเมื่อถูกเจ้าของมือหนาเรียก วิคตรอเลียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ของตน

เธอเบ้ปากบอกถึงความไม่พอใจ

“แค่ชื่อก็ไม่น่าคบแล้ว!”







หญิงสาวมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตนเองในกระจกเงา เธอสัมผัสร่องรอยของ ‘ผู้ชาย’ คนนั้นอย่างเบามือก่อนจะออกแรงขยี้ถูไปมาจนไหล่บางปรากฏรอยแดงเป็นปื้น

ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทั้งสองข้างทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟแขวนราคาแพงบนเพดานห้องน้ำเพื่อไล่น้ำใสๆที่พร้อมจะเอ่อล้นกลับไปที่เดิม

“พิมพ์นารา หมดเวลาที่คนอย่างเธอจะร้องไห้แล้ว”เธอกล้ำกลืนก้อนสะอึกในลำคอ

หลังจากตอนนั้นที่เขา ‘รัก’ กับเธอ ฮาฟิซก็เข้ามาบอกเรื่องด่วนบางอย่างที่ทำให้เขาต้องไปที่เมืองไคโรโดยทันที แม้เธอจะเอ่ยขอตามไปด้วยแต่ก็ได้คำปฏิเสธกลับมา เธออยากกลับบ้านเหลือเกิน บ้านที่ไม่ได้หรูหราแต่เต็มไปด้วยความสุขและความสบายใจ ดีกว่าต้องมาอยู่โดดเดี่ยวในโรงแรมหรูใจกลางเมืองมุบาร็อกเช่นนี้

หลายวันมานี้เธอต้องปั้นหน้ายิ้มระรื่นหลอกทุกคนแม้กระทั่งตัวเธอเอง จนบางครั้งเธอหลงลืมคิดว่าเธออาจจะอยากอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริงๆก็ได้ แต่มันก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบก่อนจะถูกดึงกลับมายังโลกแห่งความจริงว่าแม้จะอยากอยู่กับเขามากเท่าใดแต่มันก็คงไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ ถึงเขาและเธอจะเหยียบผืนดินเดียวกันแต่ก็เหมือนอยู่คนละโลก มันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

มือบางหยิบผ้าเช็ดตัวห่อหุ้มร่างกายเดินออกจากห้องน้ำ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ไหล่เล็กๆห่อขึ้นด้วยความหนาวเหน็บ เธอรีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีชุดคาฟตานพร้อมผ้าคลุมหน้าแขวนไว้หลายชุด เธอเลือกที่จะใส่ชุด ‘สีดำ’ ให้กับค่ำคืนนี้

ร่างบางนั่งบนปลายเตียงอย่างเหม่อลอย โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กก็ถูกตัดสัญญาณ ในตอนนี้เธอยังไม่มีสิทธิ์ที่จะติดต่ออะไรกับโลกภายนอกเลยใช่มั้ย?

ก๊อก ก๊อก ก็อก!

เธอออกจากภวังค์พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาใหม่ ร่างหนาของชายหนุ่มนามยะตีมยืนสงบรอเธออยู่ก่อนหน้านี่แล้ว เธอไม่แน่ใจกับคำสั่งของอัลลัยล์ที่ส่งให้ชายผู้นี้มา ‘ดูแล’ หรือจับตามองกันแน่

ใบหน้าสวยปรับเป็นปกติและยิ้มกว้างให้กับชายตรงหน้า

“สวัสดียามดึกค่ะยะตีม”เธอกล่าวเสียงหวาน

ชายหนุ่มถอยห่างออกจากประตูห้องของหญิงสาวยิ่งขึ้นไปอีก ในยามค่ำคืนเช่นนี้เขาไม่ควรอยู่ในที่ลับตากับหญิงสาวที่ไม่ใช่ ‘ของตน’ สองต่อสอง ถึงแม้เธอจะเป็นชาวต่างชาติที่ไม่ถือเรื่องแบบนี้ แต่สำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม

“สวัสดีครับคุณนารา”เขาเอ่ยตอบ

“เข้ามาข้างในก่อนสิค่ะ”เธอเอ่ยชวน

“ผมว่าคุณช่วยออกมาคุยด้านนอกจะดีกว่านะครับ”

“คงไม่ให้ฉันคลุมหน้าคลุมตาด้วยหรอกนะคะ”หญิงสาวเอ่ยประชด

“ทำแบบนั้นได้ก็ดีครับ”เชาตอบเสียงเรียบ

พิมพ์นาราหันหลังกลับไปเอาผ้าคลุมหน้าที่เธอวางไว้บนเตียงนอน เธอเดินหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเดินออกมายืนหน้าห้องตามคำขอของชายหนุ่ม

“พอใจแล้วใช่มั้ยค่ะ?”

ชายหนุ่มในชุดกาลาไบยาเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อย คืนนี้เธออยู่ในชุดคาฟตานสีดำปกปิดทุกส่วน เหลือแต่เพียงดวงตาสีน้ำตาลเท่านั้นที่กะพริบปริบๆอยู่ อันที่จริงเป็นความต้องการของเจ้านายที่อยากให้เธอใส่ชุดแบบนี้ตั้งนานแล้ว เวลาไปไหนมาไหนผู้คนโดยเฉพาะคนต่างเพศจะได้ให้เกียรติไม่จ้องเธอมากไป

“คุณไม่ต้องจ้องฉันมากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ถึงมันอาจดูตลกก็เถอะ”เธอกล่าวเมื่อเห็นเขาเหลือบมองเป็นระยะ

“ลงไปข้างล่างได้แล้วครับ นี่ก็ดึกแล้ว จะได้รีบทานอาหารให้เสร็จ”เขาเอ่ยตัดบท

เธอเก็บรอยยิ้มไว้ในผ้าผืนบางๆนี้พร้อมกับเดินตามร่างหนาไปอย่างสงบ







ภายในห้องอาหารยามดึกเช่นนี้ผู้คนจึงบางตาอย่างที่คิดไว้ ยะตีมเลือกที่นั่งโต๊ะมุมอับสายตาด้านในสุดให้เธอ ร่างหนาของเขายืนกุมมือสงบอยู่ด้านข้างแทนที่จะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน

เขาเอ่ยสั่งอาหารหลายอย่างกับพนักงานบริการโดยไม่ถามถึงความต้องการของเธอเลยสักนิด สิ่งที่เธอได้รู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างคือ พอเวลาออกมาด้านนอกเช่นนี้แล้วชายหนุ่มดูขึงขังจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งกริยาท่าทางและใบหน้าที่ดูสงบนิ่งจนเธอไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก

เสียงเอะอะโวยวายทำให้เธอเลิกสนใจชายหนุ่มข้างตัวแล้วหันไปมองผู้มาใหม่แทน ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินโอบกอดมากับหญิงสาวในสุดวาบหวิวสองคนโดยมีชายหัวล้านในชุดสูทเดินคล้ายผู้ติดตามเดินเว้นระยะห่างตามมาอีกหลายคน

เสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงหัวเราะมันดังเสียจนทำให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่มองทั้งสามด้วยสายตาตำหนิ แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่รับรู้อะไรเลย ยังคงทำกริยาเช่นเดิมต่อไป

“ไงจ้ะเบบี๋!”เขาตะโกนก้องโบกมือทักทายผู้คนที่อยู่ในห้องอาหาร

“เฮ้ ตอบกันหน่อยสิ เอ้ะ! ฉันพูดอังกฤษนี่หว่า หรือฉันต้องพูดภาษาอาหรับกัน”ชายหนุ่มพูดรัวพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด

“เบบี๋ของฉัน พวกเธอพูดภาษาอาหรับได้มั้ย”เขาก้มถามหญิงสาวข้างตัวแต่ก็ได้คำตอบเป็นเสียงกรี๊ดกร๊าดกลับมาแทน

พิมพ์นารารู้สึกอยากจะทุ่มเก้าอี้ใส่หัวคนในกลุ่มนั้นเสียจริง พวกเขาไม่รู้จักคำว่ามารยาทกันหรือไง แม้ดูจากภายนอกแล้วน่าจะมีฐานะไม่ใช่น้อยถึงได้กล้าทำกร่างขนาดนั้น แต่ก็ช่วยเกรงใจคนอื่นบ้างเถอะ

“ขอโทษนะครับ กรุณาลดเสียงลงหน่อยได้รึเปล่าครับ มันเป็นการรบกวนแขกผู้อื่นนะครับ”ชายหนุ่มในชุดพนักงานบริการก้มศีรษะขออภัยกับชายหนุ่มในชุดสูทพร้อมกับผายมือเชิญเขาไปอีกทาง เขาเหลือบตามองด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะสะบัดมือเรียกผู้ติดตามจากด้านหลัง

ชายผู้ติดตามกระซิบบางอย่างกับพนักงานบริการ เขาตาโตหน้าเสียพร้อมกับน้อมศีรษะขอโทษชายหนุ่มก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง

วางอำนาจจังเลย… เธอคิดในใจ

“วันนี้สาวๆหายไปไหนกันหมดแหะ”ผู้พูดกล่าวพร้อมกับกวาดตามองไปทั่วจนสุดท้ายก็มาหยุดที่โต๊ะหนึ่ง

“สาวๆ ไปไหนกันหมดเอ่ย”

เขาพูดย้ำไปย้ำมาจนเธอต้องหันกลับมามองด้วยความรำคาญใจแต่ก็ต้องชะงัก

ชั่วครู่แต่ทำให้เธอขนลุกชันได้ไม่ยาก สายตาคมกริบเรียวยาวสีเขียวเหลือบน้ำเงินคล้ายน้ำทะเลคู่นั้นจ้องมองเธอไม่วางตา เขาใช้มือขาวๆของตนเสยผมยาวสีดำที่ปรกหน้าขึ้นเผยให้เห็นถึงใบหน้าขาวซีดแต่หล่อเหลาราวกับเจ้าชายในภาพวาด ปากสีแดงปลั่งเหมือนเลือดนั้นกระตุกยิ้มจนเห็นเขี้ยวแหลมทั้งสองข้างของเขา เธอรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตาคู่นั้น

“คุณนารา อย่าไปตอบอะไรกับผู้ชายคนนั้นนะครับ”ยะตีมเอ่ยเสียงเข้ม

“ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอย่าไปสนใจ”

ไม่มีเวลาให้เธอได้ถามเหตุผลจากชายหนุ่ม ร่างหนาในชุดสูทสีดำเดินตรงมาทางโต๊ะเธอโดยไม่คิดอะไรให้มากความ เขาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงหน้าเธอออกพร้อมกับนั่งลงโดยไม่ได้รอให้มีใครเชื้อเชิญ

“สวัสดี วันนี้พาสาวมาดินเนอร์รึไงกัน”เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตลกขบขัน

“สวัสดีครับ ‘มิสเตอร์มาร์แตง’”ยะตีมเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในเพิ่มขึ้นอีก แผงอกขาวเรียบเนียนนั้นมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉัน ‘ลอรองซ์’”

“ขอบคุณที่เตือนครับ ผมลืมทุกครั้งเลย ปกติผมจะเรียกแต่ชื่อคนที่ ‘สนิทและน่าไว้วางใจ’ เท่านั้นครับ”เสียงทุ้มของยะตีมย้ำเฉพาะบางคำ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะยะตีม ฮาฟิซไปไหนซะล่ะ”ชายหนุ่มคู่สนทนาหัวเราะในลำคอ

พิมพ์นาราสะดุดกึกกับคำถามของชายหนุ่มผู้มาใหม่

“ผมไม่จำเป็นต้องเฝ้าฮาฟิซตลอดเวลา ถึงแม้เขาจะเป็นน้องชายผมก็เถอะ”เขาตอบเสียงเรียบ

“อืมนะ…ฉันชอบฮาฟิซมากกว่านาย”

เขาหมุนแก้วน้ำวนไปวนมาพร้อมกับจ้องเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ

ผู้ชายคนนี้รู้จักทั้งฮาฟิซและยะตีม! แต่ดูจากท่าทางของยะตีมแล้วคงไม่อยากรู้จักผู้ชายคนนี้มากเท่าใดนัก ถึงแม้ชายหนุ่มที่ยืนข้างเธอภายนอกจะนิ่งสงบเหมือนไม่รับรู้อะไร แต่เธอรู้สึกถึงความอึดอัดที่ค่อยๆเพิ่มพูดได้เป็นอย่างดี

“ฮาฟิซเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้วครับ เขาค่อนข้างมนุษย์สัมพันธ์ดี ไม่แปลกที่คุณจะชอบเขามากกว่าผม”

สำหรับเขาแล้วมันเหมือนว่าพระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรซักอย่าง โรงแรมมีตั้งมากมายแต่กลับต้องมาเจอคนอย่าง ‘ลอรองซ์ มาร์แตง’ ในเวลาเช่นนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้มากนอกจากนิ่งสงบ กิตติศัพท์ลูกเล่ห์ของชายผู้นั้นมันเยอะจนเขาไม่อาจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ที่รู้ๆคือ สิ่งที่ชายคนนี้คิดจะทำต้องไม่เป็นผลดีแน่!

“ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเลยเหรอ ผู้หญิงคนนี้น่ะ”เขายิ้มกริ่ม ถามเปลี่ยนเรื่อง

สายตาผู้หญิงที่ยืนลูบไล้ร่างกายของชายหนุ่มนามลอรองซ์ต่างมองเธออย่างไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก ทั้งสองกวาดตามองเธอพร้อมกับยิ้มมุมปาก

“คุณชื่ออะไร”เขาเอ่ยถาม

พิมพ์นารากุมมือทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกันพร้อมกับแสร้งมองไปทางอื่นราวกับฟังที่เขาพูดไม่เข้าใจ

ความรู้สึกของเธอแน่ใจทีเดียวว่าชายคนนี้ไม่ใช่มิตรสหายของอัลลัยล์แน่นอน แม้เขาจะไม่ได้คุกคามอย่างเปิดเผยแต่ดูจากท่าทางของยะตีมผู้นิ่งสงบแล้วมันช่วยตอบความคิดเธอได้เป็นอย่างดี

“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมชื่อ ลอรองซ์ มาร์แตง”เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ตอบเขาจึงเริ่มแนะนำตัวเองก่อน มือหนาของเขายื่นมาตรงหน้าเธอเพื่อทักทาย

“ผู้หญิงที่นี่จับตัวผู้ชายไม่ได้นะคะคุณลอรองซ์”หญิงสาวชุดแดงกระซิบข้างใบหูของชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

“พวกเธอชอบทำเป็นหวงตัว”น้ำเสียงยั่วยวนเพิ่มขึ้นอีกเสียงพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในแผงอกของชายหนุ่ม

“งั้นเหรอ ฉันลืมไป”ชายหนุ่มชักมือกลับ

“ว้าย! มันแข็งสู้มือฉัน”หญิงสาวกระซิบข้างหูของชายหนุ่ม

พิมพ์นาราไม่เข้าใจว่าสาวๆพวกนี้จะทำเป็นกระซิบทำไม ในเมื่อการกระซิบของพวกเธอเบากว่าเสียงตะโกนนิดเดียว

“หืม…ขึ้นไปข้างบนเถอะค่ะ”หญิงสาวชุดสีม่วงไซร้คอของลอรองซ์พร้อมกับมองหน้าเธออย่างเย้ยหยัน

ด้วยความที่เธอเติบโตมาในสังคมที่มีจารีตประเพณีอย่างประเทศไทย ความเคยชินของเธอคือแม้คนรักกันจะแสดงออกด้วยการโอบกอด กุมมือกันได้ แต่ก็ไม่ควรถึงขนาดต้องมานั่งล้วงนู่นล้วงนี่กันหรอกนะ ยิ่งเห็นสายตาผู้หญิงพวกนั้นแล้วยิ่งทำให้เธออารมณ์เสีย คิดจะทำให้เธออิจฉางั้นเหรอ?

“ยะตีม นายไม่คิดจะให้ผู้หญิงของนายตอบฉันซักหน่อยเหรอ ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะ”

พิมพ์นาราอยากจะหัวเราะดังๆ เขารู้จักคำว่ามารยาทด้วยเหรอถึงได้กล้ามาใช้คำว่าเสียมารยาทกับคนอื่น แล้วการกระทำเสียงดังเมื่อครู่นั้นกับการกระทำในตอนนี้นับเป็นมารยาทที่ดีมากเลยสิ

“เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ครับ”ยะตีมตอบตัดบท

“ผู้หญิงที่นี่ไม่มีการศึกษาขนาดคำว่า What is your name? ยังไม่รู้จักเลยเหรอค่ะ!”หญิงสาวชุดสีม่วงอีกคนยกมือทาบอกคล้ายตกใจอะไรบางอย่าง เสียงสูงของเธอมันช่างยั่วฝ่ามือให้ไปกระแทกปากยิ่งนัก

“แต่หน้าตาเธอไม่ได้มีความเป็นอาหรับเลยนะ เอเชียชัดๆ”เขาเอ่ย

“ลอรองซ์คุณพูดอะไร ไหนหน้าตาหล่อน? คุณมองทะลุผ้าได้เหรอค่ะ?”หญิงสาวเอ่ยขัด

“ฉันเห็นก็เหมือนๆกันหมด ปิดหน้าปิดตา”อีกเสียงช่วยเสริม

“ฉันจำดวงตาแบบนี้ได้ เวลาที่พวกหล่อนมองฉันด้วยสายตาหยาดเยิ้มดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างฉัน มันเร้าอารมณ์สุดๆไปเลยล่ะ”ลอรองซ์กระตุกยิ้ม

พิมพ์นาราหันกลับมาจ้องหน้าผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเธอ ผู้ชายคนนี้กล้าพ่นคำพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน การที่เธอใส่ชุดแบบผู้หญิงอาหรับไม่ได้ช่วยทำให้เขาคิดจะให้เกียรติเธอเลยใช่มั้ย อารมณ์ของเธอเริ่มคุกกรุ่นเพราะหมั่นไส้ผู้หญิงพวกนั้นและคำพูดจ้าบจ้วงของชายหนุ่ม ดวงตาสีน้ำตาลของเธอฉายความไม่พอใจออกมาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ

เธอหารู้ไม่ว่าการกระทำของเธอมันอยู่ในสายตาของลอรองซ์ตลอดเวลา เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ฟังภาษาอังกฤษออก! เขาไปเที่ยวทางเอเชียบ่อยจนพอจะรู้ว่าหญิงเอเชียไม่ชอบคำพูดลวนลามจากคนแปลกหน้า พวกหล่อนค่อนข้างถือตัวพอสมควร ซึ่งดูจากอาการไม่พอใจของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว มันย้ำคำตอบให้กับเขาจริงๆ

“เธอเป็นแขกของผม”ยะตีมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“คุณควรให้เกียรติเธอมากกว่านี้นะครับมิสเตอร์มาร์แตง”

“แหม…”หญิงสาวชุดสีแดงเลียปาก

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ มันทำให้ใจฉันเต้นนะ”เธอทอดน้ำเสียงยั่วยวนเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอีกคน

“เจน เธอดูแผงอกเขาสิ”เธอเรียกเพื่อนชุดม่วง

“อา…ฉันอยากเห็นเขาขนลุก!”เจนตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ

เธออยากจะกล่าวขอบคุณผ้าปิดหน้าซัก 20 รอบ มันช่วยซ่อนรอยยิ้มแสยะของเธอได้ดีทีเดียว ชายผู้นี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง เขานั่งฟังผู้หญิงที่มาด้วยกันชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อหน้า เธอคิดในใจก่อนจะเหลือบตากลับไปมองผู้ถูกกล่าวถึง

ร่างบางชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลานั่นจ้องเธออย่างหิวกระหาย และเธอก็รู้ดีว่าเขาต้องการอะไร!

“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกคุณ หวังว่าคุณคงมียางอายพอที่จะหยุดคำพูดพวกนั้นหากคนที่พวกคุณกล่าวถึงเขาไม่เล่นด้วย”เขาตอบเสียงเรียบพร้อมกับยิ้มเยาะที่มุมปาก

“ไปหาใหม่เถอะ”เขากล่าวตัดบท

หญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกถึงความชาที่แล่นขึ้นบนใบหน้า พวกเธอถูกปฏิเสธ!

“ลอรองซ์ เขาว่าฉัน!”หญิงสาวชุดแดงขึ้นเสียง

“ฉันไม่ยอมนะ!”ตามด้วยเสียงจากหญิงสาวนามว่าเจน

ทั้งสองกรี๊ดกร๊าดอย่างเอาแต่ใจ พิมพ์นาราอยากจะหัวเราะร่า สมน้ำหน้า อยากเล่นกับใครไม่เล่น เธอเชิดหน้ามองหญิงสาวทั้งสองอย่างผู้ชนะ

ถือว่าเป็นการตอบแทนที่พวกหล่อนมองเธอเมื่อครู่แล้วกัน!

“นังผู้หญิงปิดหน้าปิดตา”เจนชี้หน้าเธอ

“แกมองฉันแบบนั้นหมายความว่ายังไง!”

“ลอรองซ์! ทำอะไรซักอย่างสิ”เธอกรีดร้อง

“เจน ลิลลี่ ก็จัดการเองสิ”ลอรองซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“ทั้งยะตีมแล้วก็ผู้หญิงคนนี้เขาฟังพวกเธอออกนะ”

“นังบ้า แกยังไม่เลิกใช่มั้ย รู้มั้ยฉันเป็นใคร!”

“นังผู้หญิงโง่เง่าไม่ได้รับการสั่งสอน”ลิลลี่ด่ากราด

พิมพ์นาราลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นพนักงานยกอาหารจำนวนมากมาเสริฟ เธอคล้องแขนของยะตีมหลวมๆพร้อมกับมองหญิงสาวทั้งสองด้วยแววตาเย้ยหยัน

“ฉันได้รับการสั่งสอนจากครอบครัวว่าไม่ควรแสดงกิริยาบอกชาติตระกูลในที่สาธารณะให้คนเขาดูถูกเอาได้”เธอกล่าวเสียงเรียบ

“และฉันไม่รู้ด้วยว่าพวกคุณเป็นใคร แต่พวกคุณมายุ่งกับผู้ชายของฉันก่อน เสียใจด้วยนะที่เขาไม่สนใจพวกคุณ นั่นแสดงว่า…”เธอละคำพร้อมกับกวาดสายตามองหญิงสาวทั้งสองไล่จากปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้าของพวกเธอ

“ฉันยังมีดีกว่าพวกคุณ! เก็บเศษหน้าด้วยนะเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเอา ไปกันเถอะค่ะยะตีม ฉันเริ่มง่วงนอนแล้ว”เธอวางมือที่ท่อนแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มพร้อมกับทำเสียงออดอ้อน

“กู๊ดไนท์ค่ะลอรองซ์”ไม่ต้องรอให้เขาตอบกลับ เธอรีบดึงแขนของยะตีมออกจากสถานที่ทันที

“กรี๊ดด!!”

เสียงสาปส่งจากด้านหลังทำให้เธอหัวเราะร่าออกมา เมื่อพ้นสายตาผู้คนแล้วเธอจึงปล่อยแขนของชายหนุ่มและยกมือไหว้ขอโทษ

“ขอโทษนะคะยะตีม”เธอโน้มตัวลงอย่างอ่อนช้อยตามหลักการไหว้ที่ถูกต้องของคนไทย

“ฉันอดไม่ได้จริงๆยะตีม ผู้หญิงไม่ชอบให้ใครมาจ้องหน้าท้าทายหรอกนะค่ะ!”เสียงหวานเอ่ยอธิบาย

“ผมพึ่งบอกไปว่าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น”เขาเอ่ยเสียงเรียบ

“ฉันเรียนรู้ไว ฟังจากพวกนั้นฉันก็จับใจความพูดได้แล้ว”เธอตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“คราวหน้าคุณไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายแบบนี้นะครับ ผมเสียหาย”เสียงทุ้มตอบกลับ

“โอเคค่ะ คุณเสียหาย ส่วนฉันที่หิวจนกะเพราะจะทะลุคือผู้ได้ผลประโยชน์”หญิงสาวหัวเราะเบาๆ

“เอาเป็นว่าคืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ”

“ครับ”

เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวหายเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็กระตุกยิ้มออกมาพร้อมกับพูดกับตนเองเบาๆ

“ถ้าเจ้านายรู้ว่าคุณมาคล้องแขน ทำเสียงแบบนั้นกับผม ผมก็จะได้เป็นผู้ ‘เสียหาย’ สิครับ ส่วนคุณคือผู้ได้รับ ‘ผลประโยชน์’ เต็มๆ”

เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว



-------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่าน (>w<)\\

เเฮ่....ขอบคุณทุกคนที่่เข้ามาติดตามนะคะ

นิยายเรื่องนี้อาจจะมีข้อผิดพลาดเยอะ ซึ่งบางครั้งกี้ก็ไม่รู้ตัว

ได้เเต่ดูว่ารีดเดอร์ว่ายังไงบ้างเเล้วพยายามเเก้ไขมันออกมาให้ดีที่สุด

กี้อาจจะทำได้ไม่ดีนักเเต่ว่ากี้ก็จะพยายามทำออกมาให้เต็มที่

ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามา ทุกคนที่อ่าน ทุกคนที่ติดตาม ทุกคอมเม้นต์ ทุกโหวต

ทุกๆอย่างมันเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ


เเล้วก็ ...วันนี้ 12 กันยา เป็นวันเกิดของกี้นะคะ เเหะ ๆ

ขอให้รีดเดอร์ทุกท่านมีความสุขในทุกๆวันไปเลย

ที่สำคัญ ...อย่าพึ่งทิ้งกี้ไปไหนน้า อยู่กับกี้ก่อนน

มีอะไรก็เเนะนำกี้มาได้เสมอนะคะ

รักรีดเดอร์ทุกท่านค่ะ ....

คืนนี้นอนหลับฝันหวานน้า (>\\\\\\<)\\


































เสี้ยวเดือนเเรม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2555, 01:35:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2555, 01:35:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 15133





<< บทที่สิบ ยั่วยวน 100% NC++   บทที่สิบสอง ปิดบังหรือโกหก 100% NC+ >>
oikkw 12 ก.ย. 2555, 19:13:32 น.
มาอีกวันไหนค่ะ


เสี้ยวเดือนเเรม 13 ก.ย. 2555, 20:03:49 น.
สวัสดีค่ะ ....กี้มาจะอัพ 2-3 วันค่ะ (>w<)\\


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account