ป่าหนาวในเงารัก
หญิงสาวผู้ชอบหว่านเสน่ห์ ทั้งยังไม่เคยศรัทธาต่อคำว่ารักแท้ เมื่อมาพบกับหนุ่มที่ปราศจากความสนใจในตัวเธอ...อะไรจะเกิดขึ้น

Tags: กรยุพา , ยุพากร รักโรแมนติก

ตอน: 14 กรยุพา . ยุพากร

ความเดิมตอนที่แล้ว....
พระเอกและนางเอกของเราต้องหนีคนร้ายที่ไล่ล่า แต่คุณปลัดกลับมาทานอาหารที่ร้านกระทงทอง ตามคำเชิญของกำนันค่ะ พบกับตอนต่อไปได้เลยนะคะ


14

อารมณ์อันสุนทรีย์ของกำนันชะงักกะทันหัน เพราะสมุนคู่กายเข้ามากระซิบบางอย่าง
ห้องพิเศษที่กำนันเข้ามาตามคำเชิญจากใครบางคน แม้เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ แต่เหงื่อกาฬกลับแตกทั่วตัว นี่กระมังเขาถึงว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า


บุรุษวัยกลางคนที่นั่งหันหลัง โดยลูกน้องซึ่งเป็นชายฉกรรจน์อยู่ในชุดซาฟารีสีเข้มถึงสามคนบอกให้รู้ถึงอำนาจและวาสนา
“เรื่องที่นายให้ดำเนินการเรียบร้อยไปกว่าครึ่งแล้วครับ” พิรัชย์ประกบมือรายงาน อย่างนอบน้อม


“ผมกำลังหาฤกษ์ลงเสาเอก คาดว่าอีกสองวันก็คงจะได้แล้วล่ะครับ”
“แล้วเรื่องสำคัญที่ให้จัดการล่ะ” ถามระหว่างยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ
“ผมกำลังดำเนินการ เชื่อว่าน่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการเร็ววันนี้แน่ๆ ครับ”
“อย่าให้ช้านัก เพราะฉันไม่ชอบรออะไรนานๆ หากกำนันทำไม่ได้ฉันจะลงมือเอง”
น้ำเสียงเฉียบขาดกับควันซิการ์ที่ส่งกลิ่นอวลอยู่ในห้องทำให้กำนันถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นทันใด


“นายเชื่อฝีมือผมได้ ว่าแผนของผมจะทำให้เราได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้เป็นกอบเป็นกำ อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้นเท่านั้น”
“ขอให้สมกับราคาคุยก็แล้วกัน กลัวแต่ว่าจะได้ไม่เท่าเสียมากกว่า”
“ผมกล้าเอาหัวเป็นประกัน เพราะสืบรู้จนได้ความมาแล้วว่าทางนั้นการเงินง่อนแง่นเต็มทน อีกไม่นานทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่ๆ ครับ” ยังบอกอย่างมั่นใจ


“กำนันคิดมากไปหรือเปล่า หากว่าเราเสนอเงิน เพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ มันจะไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ” กล่าวอย่างคนใจร้อน
“นายก็ทราบ ว่าไอ้แก่นั่น มันไม่มีวันยอม ‘ปล่อยของ’ แล้วเราจะเสียเงินทำไมกันล่ะครับ”
“ในเมื่อ…วิธีแสนแยบยลของผม กว่าไอ้แก่มันจะทันรู้ตัว ของก็ตกอยู่ในมือเราเรียบร้อยแล้ว ผมว่ายังไงเสีย วิธีนี้ย่อมดีกว่าหลายเท่า” ยังบอกอย่างย่ามใจ
“หวังว่า ตอนจบกำนันจะไม่คิดหักหลังฉันหรอกนะ” พูดดักคอ
“โธ่…ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ เท่าที่มีวันนี้ได้ ก็เพราะนายแท้ๆ ผมไม่มีวันลืมบุญคุณของอย่างเด็ดขาด”


“คิดได้จริงๆ อย่างนั้นก็ดี รู้ใช่มั้ยว่า คนหักหลังฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
นาทีนั้นกำนันถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“จริงสิ ได้ข่าวว่ากำนันมีลูกสาวสวย” เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ดูเหมือนเรื่องนี้ต่างหากที่กำลังสนใจ
“จะไม่แนะนำให้ฉันรู้จักสักหน่อยหรือ”
คำพูดนั้นทำให้ผู้รับฟังต้องหาทางออกอย่างรวดเร็ว


“วันนี้เห็นทีจะไม่เหมาะหรอกครับ เพราะผม...มากับคุณปลัด”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นครั้งหน้า ฉันจะเป็นคนนัดก็แล้วกัน”
กำนันพูดไม่ออก รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการยากนักที่จะปฏิเสธได้ลง
ทว่าผู้ที่นั่งหน้าละห้อยยามนี้กลับเป็นร่างเจ้าเนื้อของอารียา เพราะเธอได้แต่ชะแง้มองปลัดหนุ่ม โดยไม่อาจทำสิ่งใดได้ เหตุเพราะวันนี้ ‘เตี่ย’นั่งประกบอยู่นั่นเอง


เป็นอีกเช้าที่ทุกคนในไร่เทพทัตยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ ผิดกับเจียระไนซึ่งห่วงหลานรักจนนอนไม่เต็มอิ่ม กระทั่งสุทธินัยเดินเข้ามาจนถึงตัวเธอก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น
“สวัสดีครับ”
เสียงนุ่มที่ทักทายทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“ทำให้คุณตกใจ ขอโทษด้วยนะครับ”
เจีนระไนได้แต่ฝืนยิ้มระหว่างส่ายหน้า


“จริงสิคะ เรื่องเคลียร์หินถล่มนั่นมีอะไรคืบหน้าบ้างหรือยังคะ”
“ครับ ผมตั้งใจมาบอกเรื่องนี้อยู่พอดี ว่าคงต้องรออีกวันสองวัน เพื่อให้ทางขึ้นดีกว่านี้”
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะภูมิรพีจะต้องดูแลคุณตาอย่างดีที่สุด ผมมั่นใจ” บอกน้ำเสียงหนักแน่น
“จะเข้าไปพบคุณพ่อมั้ยคะ”


“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ฝากเรียนท่านด้วยท่านด้วยก็แล้วกัน ว่าแต่ผู้การคงห่วงแย่”
เจียระไนพูดอะไรไม่ออก เพราะพี่ชายไม่ได้เป็นเช่นที่นายอำเภอคิดแม้แต่น้อย…
ภายในสวนสัตว์ขนาดเล็ก ผู้ที่กำลังสนุกกับการให้อาหารบรรดานกหลากหลายคือบุรุษที่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว…ปาร์ค ยอง ฮวา โดยมีพชรและบิดาของหญิงสาวคอยตามติด
“ผมตั้งใจมาสั่งเค้กคุณด้วยครับ” สุทธินัยเอ่ยทำลายความเงียบ
“ถ้าอย่างนั้นเชิญในร้านดีกว่าค่ะ จะได้ชมแคตตาล็อกว่าท่านนายอำเภอต้องการแบบไหน”


น้ำเสียงและสีหน้ากะตือรือล้นกว่าเมื่อครู่หลายเท่า
“เรียกผมว่า…สุทธินัยเฉยๆ จะดีกว่านะครับ”
ถึงเจียระไนจะรู้สึกถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย แต่เธอกลับไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ที่สำคัญหัวใจเธอมีใครคนหนึ่งจับจองไว้แล้วทุกห้อง
“จะสั่งสำหรับงานอะไรคะ”


“เอ่อ...ไม่มีโอกาสอะไรหรอกครับ แค่น้องสาวกับหลานจะมาเยี่ยมผมเท่านั้น”
สุทธินัยได้แต่ลอบมองอีกฝ่ายที่เดินไปยังหลังเค้าท์เตอร์ ไม่น่าเชื่อว่าอายุขนาดเธอจะยังคงสวยสะพรั่ง และหากไม่ใช่เพราะคำพูดนั้นของ ‘โทรโข่ง’ ประจำจังหวัดเขาคงยังไม่คิดมาถึงนี่


“นายอำเภอ ทราบเรื่องนี้แล้วต้องเหยี่ยบไว้ให้มิดเลยนะคะ เขาลือกันให้แซด ว่ากำนันกำลังเดินหน้าทำคะแนน จีบคุณเจียระไน”
เหตุเพราะวันนั้นเขามาตัดผมที่แฮร์ เลิฟ อะคาเดมี่ พอดิบพอดีจึงได้ยินเรื่องนี้เข้า
“อุ๊ย…พ่อก็หวังจะได้อา ส่วนลูกก็วาดหวังจะให้ได้กับหลาน อย่างนี้คงจะเข้าตำราเรือล่มในหนองทองจะไปไหน จริงมั้ยคะ”


เขาไม่ได้อุปาทานไปเองแน่ๆ ว่าทั้งน้ำเสียงและแววตาของผู้พูดแตกต่างจากทุกครั้งอย่างสิ้นเชิง
“แต่ที่แปลกก็คือเพราะอะไร กำนันถึงอยากได้ทั้งอา และลูกสะใภ้บ้านนี้ ทั้งที่รู้ๆ ว่ามีแต่ตัว”
ไม่น่าเชื่อว่าถึงเขาจะรับรู้ถึงหนี้สินของฟาร์มเทพทัต แต่กลับไม่อาจหยุดเขาได้ ที่สำคัญทั้งที่รู้ตัวว่าอย่างเขาไม่ใช่คู่แข่งกำนันที่มีทั้งอำนาจและทรัพย์สินเงินทอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดสู้
หรือเพราะเพิ่งนึกได้ว่าไม่น่าจะปล่อยคนที่ ‘ดี’ อย่างเธอต้องตกไปอยู่กับคนอย่างกำนันนั่นกันแน่


ในเวลาเดียวกัน…
ท่ามกลางสายหมอกหนาปรากฏหมู่บ้านกลางหุบเขาโดยแสงแรกของยามรุ่งอรุณเพิ่งส่องมาถึง
เด็กๆ ที่พากันวิ่งมาห้อมล้อมรถผู้มาใหม่ ทำให้หญิงสาวที่ยังสลึมสลือตาสว่างอย่างฉับพลัน
“ที่ไหนกันคะ” ถามอย่างงุนงง


“หมู่บ้านชาวม้งครับ” บอกก่อนกระโดดลงจากรถอย่างว่องไว
คำตอบของเขาทำให้เธอยันตัวขึ้นมองทัศนียภาพรอบๆ
ท่ามกลางกลิ่นควันไฟซึ่งลอยอวลในอากาศ บ้านซึ่งปลูกสร้างด้วยไม้และอิฐบล็อกเรียงรายให้ได้เห็น
เด็กๆ ที่ห้อมล้อมแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า ผิวขาวจนเห็นพวงแก้มแดงระเรื่อบ่งบอกถึงสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี


“ปลอดภัยดีนะครับ”
เสียงที่ดังมาทำให้เธอต้องหันไปมอง
ชายร่างสูงใหญ่พอๆ กับภูมิรพี ผิวดำแดงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีน ผมยาวประบ่าถูกรวบไว้เรียบร้อย ขณะที่หนวดเคราก็ถูกเล็มอย่างดี
“เชิญที่บ้านดีกว่าครับ คุณผู้หญิงคงเหนื่อยแย่” บอกระหว่างจับจ้องมายังเธอ
“คุณรู้จักครู ‘ไกรเลิศ’ สิ ครูครับ นี่คุณฐิตารีย์” ภูมิรพีแนะนำ
หญิงสาวรีบไหว้ทันท่วงที


“เรียกตาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” บอกพร้อมรอยยิ้ม
สายตาเป็นมิตรของอีกฝ่ายทำให้เธออุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
บ้านหลังเล็กที่มาถึงห่างไกลจากชุมชน ล้อมรอบด้วยต้นชาสายพันธุ์อู่หลง ตัวบ้านสร้างตามแบบฉบับของชาวเขาแท้ๆ โดยปลูกคล่อมดินซึ่งทุบแน่น และหลังคามุงด้วยหญ้า
ผนังล้อมรอบคือแผ่นไม้ ปราศจากหน้าต่างเพื่อป้องกันความหนาวเย็น ซึ่งด้านในก็มีเพียงมู่ลี่ไม้ไผ่กั้นห้องเท่านั้น


ที่น่าแปลกเห็นจะเป็นเตาอั้งโล่จัดวางไว้มุมห้อง บนแคร่ไม้ไผ่ปรากฎหม้อ กะทะตลอดจนกาน้ำ ไม่เว้นทั้งจานชาม
“นายพักผ่อนก่อนนะครับ มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน”
เสียงที่ได้ยินจากภายนอก ทำให้เธอรู้สึกว่าบุรุษทั้งสองเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง
และเมื่อในบ้านพักเหลือเพียงเธอและเขาทำให้ฐิตารีย์ตกประหม่าอย่างปัจจุบันทันด่วน


“คุณทนอีกหน่อยแล้วกัน วันมะรืนถึงจะมีรถโดยสารเข้ามารับ เราจะติดรถนั่นออกไป”
ภูมิรพีอดไม่ได้ที่จะสงสาร ยามนี้เธอมอมแมมจนแทบจำสภาพเดิมแทบไม่ได้
“แล้วทำไมเราถึงไม่ออกไปด้วยรถที่เราเข้ามานั่นล่ะคะ”
“เพราะเรายังไม่รู้ว่าทางนั้นรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเราบ้างน่ะสิครับ กันไว้ดีกว่าแก้” ที่เขาไม่ได้พูดออกมาก็คือ สิ่งที่เขากลัวอยู่ในใจนี่ต่างหาก


“แล้วคนขับรถล่ะคะ” เธอยังมีปัญหาอีกจนได้
“เขาเป็นคนที่นี่ คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ พักผ่อนก่อนดีกว่า มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน ยังไงเสียเรายังต้องเจอกันอีกหลายวันแน่ๆ”
เธอได้แต่ยอมจำนนในเหตุผลของเขา ทั้งที่ใจยังมีคำถามอีกมากมายนัก
“ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง คุณจะใช้ก่อนก็เชิญเลย” ครั้งนี้เขาบอกเหมือนรู้ใจ
“คุณนอนห้องด้านในนั่นก็แล้วกัน ผมนอนตรงนี้เอง”


เธอไม่เอ่ยว่าอะไร รู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจจนอยากนอนที่สุด แต่เมื่อเข้ามายังส่วนของตัวเองกลับต้องประหลาดใจ เพราะมีชุดของชนเผ่าแขวนไว้ให้เสร็จสรรพ มีกระทั่งผ้าขนหนู รองเท้าแตะ กระจกขาตั้งบานจิ๋วที่นอนเอ้เตเคียงข้างกระดาษชำระ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะชุดสำหรับบุรุษก็มีแขวนไว้เช่นกัน
สิ่งที่เห็นจึงนำความกระปรี้กระเปร่าให้กลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ


“ทำไมที่นี่มีชุดแบบนี้ให้ด้วยล่ะคะ” กล่าวระหว่างนำมาทาบกับตัว
ถึงภูมิรพีไม่เห็นเจ้าของเสียงใสๆ แต่ผู้รับฟังอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ดูเหมือนเธอจะไม่อนาทรร้อนใจกับเรื่องที่ผ่านมานั่นแม้แต่น้อย
“ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ คุณใช้ชุดนั้นได้เลยนะ”
ไม่ต้องให้พูดซ้ำ เพราะเจ้าหล่อนผลุนผลันออกไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


แต่เพราะความเย็นจัดของน้ำเสียงร้องของหญิงสาวจึงดังทุกครั้งที่ตักน้ำจากแท็งค์ขึ้นอาบ ทำให้ภูมิรพีเผลอหัวเราะอย่างไม่อาจเก็บกลั้นไว้ได้
ร่างของหญิงสาวที่ตัวสั่นงันงก ก้าวเข้ามาภายในบ้านกลับทำให้รอยยิ้มของเขาจางหายอย่างฉับพลัน เหลือไว้เพียงความรู้สึกหนึ่ง...ซึ่งสมควรจะเก็บไว้ให้ลึกที่สุดของหัวใจ


นาทีนี้เธอช่างแตกต่างกับคนที่เขาเคยรู้จัก เพราะชุดประจำเผ่าซึ่งทอจากใยกันชงพืชประจำถิ่น
กระโปรงเสมอเข่า กับเสื้อเอวลอยผ่าหน้าสีน้ำเงินอมดำ อีกทั้งใบหน้าซึ่งปราศจากเครื่องสำอางใดๆ ผุดผาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แม้เส้นผมจะถูกผ้าขนหนูปกคลุมแต่หากไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ย่อมต้องคิดว่านี่คือคนพื้นที่นี้จริงๆ


ดวงตาทั้งคู่ที่จับจ้องใบหน้าของเธอ ทำให้ฐิตารีย์ตกประหม่าอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก่อนจ้ำอ้าวเข้าไปยังส่วนของเธอทันท่วงที
“คืนนี้จะมีการแสดงต้อนรับเราด้วย” ภูมิรพีกล่าวไล่หลัง ตัดความรู้สึกหนึ่งซึ่งแทรกตัวเข้ามาในหัวใจเขาออกไปฉับพลัน
“ต้อนรับเรางั้นเหรอคะ” ถามด้วยความประหลาดใจ


“แต่...เรามากันเพียงสองคน ที่สำคัญเราก็ไม่ใช่นักท่องเที่ยวด้วย” เอ่ยระหว่างซับน้ำจากเส้นผมอยู่บนแคร่
“ในเมื่อคนที่นี่นึกว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว เราก็ทำตัวให้สมกับเข้าเมืองหลิ่วต้องหลิ่วตาตามไม่ดีกว่าหรือครับ”
ฐิตารีย์ถึงกับพูดไม่ออกกับเหตุผลนั้นของเขา


“คุณพักผ่อนก่อนก็ได้ อาหารมาผมจะปลุกคุณเอง”
ถึงได้ยินเพียงคำพูดอีกฝ่ายโดยไม่ได้เห็นหน้าแต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดถึง กระนั้นเธอก็ไม่อาจหลับตาได้ลง ทั้งความเงียบสงบกลับมาเยือนอีกครั้งเมื่อเสียงของใครบางคนที่จับพอได้ใจความว่านำถ่านมาใส่ให้ยังเตาไฟจางหายไป


วูบหนึ่งที่เธอคิดถึงฟาร์มเทพทัต เหนือสิ่งอื่นใดคือความสะดวกสบายซึ่งเคยได้รับ
ที่พักปราศจากฟูก มีเพียงแคร่ไม้ไผ่กับผ้ารองนอนผืนบางเฉียบ พร้อมผ้าห่มผืนจ้อย สุดท้ายคือหมอนแข็งโป๊กใบเล็กนี่เท่านั้น
ซ้ำภายในห้องน้ำก็ปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ อย่างสิ้นเชิง นอกจากแชมพูซองจิ๋ว กับสบู่ยี่ห้อพื้นบ้าน


แต่มาคิดอีกที ก็ยังดีกว่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่กลางป่าเป็นไหนๆ ที่สำคัญคือมีเขาคนนี้อยู่เคียงข้าง เธอก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงใดๆ มิใช่หรือ
ทว่าคำถามยังมีอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือข้าวของที่เขาขนเข้าไปยังกระท่อมแสงจันทร์นั่น…ยังคงคาใจเธอจนบัดนี้


จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นก่อนนำกล้องถ่ายรูปมาเปิดดูภาพที่บันทึกไว้เมื่อกลางดึก...
มือสังหารหน้าเหี้ยมทั้งสอง ถึงจะไม่ได้ลืมตารับรู้สิ่งใด แต่ก็ทำให้ได้ภาพอย่างชัดเจนที่สุด ไวเท่าความคิด เจ้าตัวออกมาหาชายหนุ่มทันท่วงที
ภาพของภูมิรพีที่บัดนี้ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่กลับปรากฏรอยฟกช้ำให้ได้เห็นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะลอบถอนใจ
จะมีใครเหมือนเขาผู้นี้บ้างมั้ยนะ ยอมที่จะลำบากโดยปราศจากผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น


ตาต่อตาที่ประสานกันโดยบังเอิญ ผู้ถอนสายตาก่อนกลับเป็นเธอ
“ขอโทษค่ะ” กล่าวระหว่างยิ้มเก้อๆ
“นอนไม่หลับหรือครับ”
ครั้งนี้เธอได้แต่พยักหน้ารับ
“คุณจะชงอะไรรองท้องก่อนก็ได้นะ เสบียงผมยังมี” กล่าวระหว่างลุกขึ้นเปิดเป้พลางนำกาแฟซองและแก้วกระดาษตลอดจนขนมปังกรอบออกมากอง
“ตาทำเองดีกว่าค่ะ” รีบบอกอย่างเกรงใจ


น่าแปลก…ร่างเปลือยเพียงท่อนบนของอีกฝ่ายกลับสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรืออาจเป็นเพราะช่วงอกอันผึ่งผาย เต็มไปด้วยมัดกร้ามอันแข็งแกร่งนั่นก็เป็นได้ ที่ทำให้ความรู้สึกหนึ่งก่อตัวได้เช่นนี้
“คุณจะทานด้วยมั้ยคะ” ถามทั้งที่ไม่มองหน้า
“เชิญเถอะครับ อีกเดี๋ยว ทางนี้ก็คงจะเอาอาหารมาให้แล้ว”


ฐิตารีย์ได้แต่จดจ้องยังหน้าเตาไฟ กาน้ำใบมโหฬารกำลังเดือดได้ที่ส่งควันฉุยออกจากปากพวย ปัญหาของเธอยามนี้คือจะทำอย่างไรถึงสามารถเทน้ำออกจากกาใบยักษ์ได้ต่างหาก
ทว่านาทีนั้นบุรุษที่ก้าวเข้ามาช่วยอย่างไม่ให้สุ้มเสียงกลับชนกับหญิงสาวซึ่งหันหลังกลับเข้าอย่างจัง!


อ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่ยึดร่างของหญิงสาวไว้มั่นเพราะเกรงเธอจะล้มกลับกลายเป็นพันธนาการอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลาก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะเกิดในยามนี้ ที่ริมฝีปากของเธอกลับจดจ่ออยู่ตรงกับริมฝีปากเขาได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้


อ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่โอบกระชับยิ่งปลุกเร้าความตื่นตระหนกให้กับดวงตาอันวาววามจนไม่อาจปกปิดความรู้สึกนั้นไว้ได้
ต่างฝ่ายต่างเสมือนถูกตรึงให้อยู่กับที่ไปชั่วขณะ ไม่น่าเชื่อว่ายามนี้เธอถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“…เอ่อ…ผม ต้องขอโทษด้วย”


ภูมิรพีชิงยุติสถานการณ์อันจวนเจียน คลายออ้มแขนออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปไกลเกินกว่านี้


เขาฉวยแก้วในมือเธอไปเติมน้ำร้อนๆ ให้เสียเอง ครั้งนี้หญิงสาวกลับกล่าวคำขอบคุณเพียงเบาๆ เมื่อรับมาก่อนเดินกลับเข้ายังส่วนของเธออย่างเงียบเชียบ
ภูมิรพีอดคิดไม่ได้ว่านี่น่ะหรือคือคนเดียวกับที่มารดาเคยปรารภกับเขา


“ยัยตากำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก…พอแม่ของเธอคลอดลูกคนเล็กได้ไม่เท่าไหร่ ก็ทิ้งลูกไปอยู่กับคนรักเก่า
ยัยตาก็เลยเหมือนจะติดอยู่กับความรู้สึกที่ฝังใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเปลี่ยนแฟนบ่อยจนน่าตกใจ”


ในเมื่อที่เขาเห็นอยู่ขณะนี้ มันไม่ใช่อย่างที่เคยได้ยิน ซ้ำใบหน้าแดงระเรื่องเมื่อครู่ ก็บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนตกอยู่ในความรู้สึกเช่นใด
นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกกับใครได้เช่นเวลานี้ รู้สึกเหมือนหัวใจเสมือนได้หยาดฝนจากฟากฟ้ามาชโลมไม่มีผิด
เจ้าตัวหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวอย่างตัดใจ บางทีน้ำเย็นๆ ก็อาจดับอารมณ์ที่ราวมีไฟรุมอยู่ยามนี้ให้กลับเป็นปกติก็อาจเป็นได้


ผิดกับหญิงสาวที่กลับซุกตัวในผ้าห่ม เพราะบัดนี้กลับหนาวๆ ร้อนๆ คล้ายจะเป็นไข้ หรือเป็นเพราะน้ำเย็นเฉียบที่อาบเมื่อครู่สำแดงฤทธิ์แล้วกันแน่
ทั้งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ทั้งไม่ใช่จูบแรกอีกเช่นกัน แต่...เพราะเหตุใด เธอถึงหัวใจสั่นไหวได้ถึงขนาดนี้


เขาทำให้เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะยังคงความเป็นสุภาพบุรุษจนวินาทีนี้ ก็ในเมื่อที่ผ่านมาเธอเจอแต่ประเภทปากว่ามือถึงด้วยกันทั้งนั้น

เป็นเวลาเท่าไหร่ไม่อาจรู้ แต่เมื่อฐิตารีย์ลืมตาตื่น บ้านทั้งหลังก็เงียบเชียบราวร้างผู้คน กระทั่งเมื่อเดินออกมาจึงได้เห็นชายหนุ่มกำลังดูภาพจากกล้องของเธอ
“คุณพอจะรู้จักมือปืนสองคนนั่นมั้ยคะ” เธอเฉไฉไปยังเรื่องอื่นเสีย
ภูมิรพีได้แต่ส่ายหน้า


“อาหารมานานแล้ว เห็นคุณเหนื่อย ผมเลยไม่อยากปลุก” กล่าวเรียบๆ ทั้งไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“อุ่นเสียหน่อยจะได้ทานคล่องๆ คอ” เหมือนเขากำลังพูดกับตัวเองมากกว่า
เตายังมีไฟอ่อนๆ เมื่อภูมิรพีนำหม้ออลูมีเนียมใบจิ๋วไปตั้ง
“เรามาโดยไม่ได้บอกกล่าว เลยมีแต่อาหารพื้นบ้านเท่านั้น ผมเลยขอไข่เจียวให้คุณด้วย” บอกเรื่อยๆ ระหว่างคดข้าวจากหม้อให้


“ไม่ทานด้วยกันหรือคะ” ถามเมื่อพบว่าเขาตักข้าวมาจานเดียว
“เชิญตามสบายเถอะครับ ผมเรียบร้อยตั้งแต่เขายกมาให้แล้ว” นำกาน้ำชามาวางข้างๆ เธอ
ไม่น่าเชื่อว่าต้มจืดร้อนๆ จะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด ทั้งที่ในหม้อไม่มีอะไรนอกจากเนื้อหมูสองสามชิ้นและผักกวางตุ้งเท่านั้น
“อร่อยดีเหมือนกันนะคะ” บอกอีกฝ่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย


ครั้งนี้ภูมิรพีได้แต่หัวเราะหึหึ
“เขาเรียก ‘เห่า-สัง-ยั๊ว-เส่า-ยั่ว-เห่า-ไค่-บั่ว ครับ”
เธอถึงกับตาค้างก่อนยิ้มแหยๆ ในสิ่งที่ได้ยิน
“ฟังยากจังค่ะ คุณเก่งจัง” ชมจากใจจริง
“ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ อาศัยคลุกคลี มาบ่อยๆ ก็จำไปได้เอง” ยังคงกล่าวเรื่อยๆ


“ทำก็ไม่ยาก เพียงแค่เอาหมูลงต้มในน้ำเดือด ต่อด้วยผัก เกลือและผงชูรสเท่านั้น”
“เมนูนี้ตารู้จักค่ะ ผัดยอดฟักแม้ว” บอกอย่างภูมิใจตัวเอง
“จริงๆ แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้...ถือเสียว่าเป็นอีกประสบการณ์ก็ไม่เลวหรอกนะคะ” กล่าวอย่างนึกสนุก


ทว่าผู้รับฟังกลับกังวลอย่างบอกไม่ถูก รู้อยู่เต็มอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมไม่จบเพียงเท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเธอผู้นี้ต้องเข้ามาร่วมชะตากรรมกับเขาด้วยต่างหาก
ฐิตารีย์มีหรือจะไม่รู้สึกถึงใบหน้าเคร่งเครียดอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทั้งยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง สู้เดินหน้าต่อไม่ดีกว่าหรอกหรือ


ค่ำคืนนั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นตาสำหรับเธอ เหนือสิ่งอื่นใดคือการแต่งกายชุดประจำเผ่าที่ทำให้ต้องมองซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน
ลานกว้างที่ใช้แสดงกิจกรรมประจำหมู่บ้านคึกคักด้วยผู้คน เสียงปะทุจากกองไฟที่ก่อไว้ ตลอดจนกลิ่นเนื้อย่าง ที่เรียกว่า ‘จี่ไก๊หยู่’จากเตาซึ่งก่อด้วยหินก็ทำให้รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาสู่ห้วงอดีต


ยังมี ‘เห่าไค่บั่ว’ หม้อใหญ่ซึ่งก็คือเนื้อหมูต้มกับเกลือให้เหลือน้ำเพียงขลุกขลิก ที่ขาดไม่ได้ทุกเมนูเห็นจะเป็นผงชูรส โดยรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ
การแสดงแรกเริ่มต้นขึ้นระหว่างสำรับอาหารนำมาตั้ง ซึ่งครูไกรเลิศมาร่วมวงด้วย


บทเพลงแรกคือการขับร้องเพลงจากจากทำนองที่เธอคุ้นหูในทำนองเดียวกับบทเพลงพิราบขาวแต่ร้องด้วยภาษาถิ่น แล้วจึงต่อด้วยระบำเก็บใบชา
ชุดประจำเผ่าบนร่างของสาวน้อยแสนจะงดงาม โดยแขวนกระบุงทรงสูงไว้เก็บใบชาที่ด้านหลัง
“ปกติการแสดงที่คุณได้เห็น จะใช้เล่นในช่วงปีใหม่หรือวันสำคัญเท่านั้นครับ” ไกรเลิศอธิบายให้แขกผู้มาใหม่ได้รับฟัง


“ชาเป็นพืชที่อยู่คู่กับผู้คนในเผ่ามาหลายชั่วอายุคน นิยมดื่มเป็นกิจวัตร ระบำนี้จึงเป็นการสื่อถึงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รำลึกถึงคุณค่าของใบชา”
ฐิตารีย์ได้แต่ยิ้มรับคำบอกเล่า ก่อนการแสดงเป่าแคนจะเริ่มต้นขึ้น


“แคน หรือ ‘เฆ่น’ ในภาษาม้ง ที่คุณเห็นเป็นเครื่องดนตรีคู่กายของชายหนุ่มเช่นเดียวกับขลุ่ย ที่ใช้บอกรักหญิงสาว ยังใช้ในพิธีกรรมอื่นๆ ด้วยเช่นงานแต่งและงานศพ”
ไกรเลิศยังคงให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง


และก่อนที่จะปิดฉากการต้อนรับอันสนอบอุ่นนั้น ยังมีการแสดงรำพัดและรำกระด้งส่งท้ายอีกด้วย


สองหนุ่มสาวเดินออกมาไกล ทิ้งค่ำคืนอันแสนสุขไว้เบื้องหลัง ความเงียบที่เข้ามาแทรกพาให้ต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนทาง
บนฟากฟ้า...หมู่ดวงดาวพากันส่องแสงแข่งกับดวงจันทราที่วันนี้ทอแสงนวลจ้าอยู่กลางฟ้าไกลอุณหภูมิเริ่มลดต่ำจนรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น


ไฟฉายดวงเล็กที่ภูมิรพีถือติดมือกลับทำให้สองหนุ่มสาวราวหิ่งห้อยตัวน้อยๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาล
ท่ามกลางกลิ่นป่าลอยอวลอยู่ในอากาศนั้น ฐิตารีย์รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและจิตใจจนไม่อยากให้ค่ำคืนอันแสนสุขนี้ผ่านพ้นไปแม้แต่น้อย


“ครูบอกว่าเราโชคดีที่มาวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีการจัดพิธีแต่งงาน เราจะได้ดูประเภณีของเขาด้วย”
ภูมิรพีเอ่ยทำลายความเงียบ
“พิธีแต่งงานงั้นหรือคะ” ถามน้ำเสียงประหลาดใจ
“ครับ สำหรับชาวม้งจะแต่งงานเฉพาะข้างขึ้นเท่านั้น พรุ่งนี้ก็ขึ้นสิบห้าค่ำพอดี จึงถือว่าเป็นวันดีที่สุด”


“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าที่นี่จะคือส่วนหนึ่งของแสนดาว” กล่าวระหว่างแหงนมองฟากฟ้าเบื้องบน
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นยังริมฝีปากของภูมิรพี ดูเหมือนวันเวลาได้พาให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อหญิงสาวก่อตัวขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้


สำหรับเขาบุคคลที่เคียงข้างอยู่นี่ก็งดงามกว่าธรรมชาติรอบข้างหลายเท่านัก
“ไม่ใช่หรอกครับ เราข้ามแสนดาวมาตั้งแต่คุณหลับในรถนั่นแล้ว”
ทว่าหากหญิงสาวมีญาณล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าคงไม่มีแก่ใจชื่นชมธรรมชาติรอบข้างอย่างเวลานี้เป็นแน่


ในเวลาเดียวกัน ณ ชั้นบนสุดของสปาสุดหรู
กลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่คละเคล้าด้วยเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ และแสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศอันรันจวนใจได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับแรงราคะที่เมื่อจุดประกายปรารถนาแล้วก็ยากนักที่จะจืดจางลงได้...


“คุณจะรีบไปไหน” ชายหนุ่มถามทั้งที่ยังหลับตา มือเกาะเกี่ยวเรือนร่างอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบา
เจ้าหล่อนเพียงปรายตามองระหว่างสวมเสื้อคลุม
“ไหนว่าอยากทานเบียร์เย็นๆ ไงคะ แช่จนเป็นวุ้นแล้ว นานกว่านี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง”


ชายหนุ่มยังคงแนบหน้ากับหมอนนุ่มปราศจากการตอบสนองใดๆ
ชิดชไมกลับมาอีกครั้งพร้อมเบีย์เย็นเฉียบ
“คุณอาจยังไม่ทราบ ว่าคนที่คุณหมายปอง กำลังมีข่าวที่คุณอาจนึกไม่ถึง” จู่ๆ เธอก็เปิดประเด็น ระหว่างไล้มือลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างเอาใจ


“เจ้าของฟาร์มเทพทัตนั่นไงคะ อย่าบอกนะคะ ว่าคุณยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น” กระซิบก่อนเหยียดยิ้ม
ยามนั้น...สีหน้าชายหนุ่มเรียบเฉยก็จริง แต่ในใจกลับคุกรุ่นอย่างประหลาด เพราะเขาเองเพิ่งถูกบิดาต่อว่าด้วยเรื่องนี้มาหยกๆ


“แกมัวแต่ช้า ดีไม่ดีโดนไอ้ภูนั่นมันเอาไปกินจะหาว่าไม่เตือน ป่านนี้คงรู้กันทั้งจังหวัดว่าสองคนนั่นไปติดอยู่กลางป่าด้วยกัน แถมยังมีไอ้หนุ่มเกาหลีนั่นอีก เขาลือกันให้แซด ว่าหมอนั่นก็แฟนเก่ามาขอคืนดี”


เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านแท้ๆ เรื่องร้อนก็ตามมาติดๆ
“เอาเป็นว่ากลับมาคราวนี้ แกรวบรัดตัดความไปพูดกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย ส่วนฉันจะกำหนดฤกษ์หมั้น ฤกษ์แต่งให้เร็วที่สุด” พิรัชย์บอกอย่างมีอารมณ์


“ก็แล้วพ่อยังอยากจะได้สะใภ้ที่ไปค้างอ้างแรมกับนายภูนั่นมาแล้ว แถมยังมีแฟนเก่ามาขอคืนดีนั่นทำไมอีก อย่างที่พ่อว่า คนเขารู้กันทั้งจังหวัด ลูกกำนันพิรัชจะมีเมียทั้งทีแต่กลับต้องไปคว้าเอา…ผู้หญิงอย่างนั้น”


“ฉันสั่ง แกก็ทำ ไม่ต้องมีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ข้อตกลงระหว่างฉันกับแก เรื่องที่ดินนั่นก็ยังเหมือนเดิม ส่วนแกจะไปกกแม่ช่างเสริมสวยฉันก็ไม่ว่า ให้งานฉันเสร็จเท่านี้ก็พอแล้ว”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่” กลับมาถามน้ำเสียงเข้ม


“ก็…สาวนักเรียนนอกนั่นไงคะ ข่าวว่าไปค้างกับเจ้าของชาเล่ต์ ฮิลล์ กลางป่าหลายคืนมาแล้ว” กล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจ
“ที่สำคัญ คนที่เดินเท้าขึ้นไปตามก็กลับไม่พบแม้แต่เงาของทั้งสอง”
อาการไม่โต้ตอบใดๆของอีกฝ่ายกลับเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้เธออีกหลายเท่า
“คุณอย่าบอกนะคะ ว่าพ่อกำนันยังจะดันทุรังให้คุณแต่งงานกับแม่นั่นอยู่”


ชิดชไมหึงหวงจนไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกที่พลุ่งขึ้นมาไว้ได้อีกต่อไป
“คุณยังเห็นดี เห็นงามด้วยงั้นหรือคะ ในเมื่อ…เรื่องมาถึงขนาดนี้” ถามน้ำเสียงเครือ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
“คุณจะพูดเพื่อให้มันได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบ” ถามน้ำเสียงกระด้าง
“ก็ในเมื่อเรื่องของเรา กับเรื่องที่พ่อต้องการ มันคนละเรื่องกันตั้งแต่ต้น ผมคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก”


ชิดชไมได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไว้ให้ลึกที่สุด ทั้งที่แค้นแสนแค้น จนเลือดแทบกระอักออกจากอก ทว่ามือทั้งสองยังคงบีบนวดร่างที่นอนคว่ำราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“คุณก็อยู่ส่วนคุณ ส่วนผมก็ยังเหมือนเดิม เท่านี้คุณเองก็น่าจะพอใจแล้วไม่ใช่หรือ”


นี่น่ะหรือคือคำพูดของคนที่เธอรักปานดวงใจ
“เอาไว้ผมติดนาวาอากาศเอกเมื่อไหร่ เราค่อยแต่งงานกันนะไหม ถึงตอนนั้นคุณจะได้เป็นคุณนายของผม”


ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหลงลืมเรื่องที่เคยสัญญากับเธอได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
ดวงตาที่เต้นระริกแฝงไว้ด้วยความอาฆาตซึ่งฉายชัดจนร่างเบื้องหน้าแทบมอดไหม้ไปเดี๋ยวนั้น


ทว่าคนต้นเหตุกลับไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น ว่าทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
และอาจหลงลืมไปว่าหินเพียงก้อนเดียวยามเมื่อตกลงในน้ำ แรงกระเพื่อมก็สามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลได้เช่นกัน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะ
พบกับ ตอนที่ 14 กันแล้วนะคะ ^^
หวังว่าคงจะชอบกับตอนนี้กันนะคะ
ขอขอบคุณ ทุกๆ กำลัวงใจมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านที่ยังคงติดตามกันอยู่ด้วยค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ
แล้วพบกันในตอนต่อไปนะคะ

ด้วยรักจากใจค่ะ
ยุพากร




ยุพากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2555, 13:41:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2555, 16:47:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1632





<< กรยุพา . ยุพากร   กรยุพา ยุพากร >>
จิรารัตน์ 12 ก.ย. 2555, 11:46:04 น.
เอากำลังใจมาฝากก่อน เด๋ววันเสาร์มาอ่านค่ะ


ยุพากร 12 ก.ย. 2555, 14:06:41 น.
ขอบคุณ คุณจิรารัตน์มากมายค่ะ


อัปสรา 12 ก.ย. 2555, 23:39:17 น.
สู้ๆค่ะเราตามอ่านอยู่นะ


ยุพากร 13 ก.ย. 2555, 13:41:36 น.
ขอบคณ คุณอัปสรามากค่ะ อิอิ... ช้าอย่างเต่าค่ะ แต่จะลงจนจบแน่นอนค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account