ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สิบสอง ปิดบังหรือโกหก 100% NC+
บทที่สิบสอง
“ท่านมาคัสจะสนับสนุนให้คุณได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันดิบที่อิหร่านครับ”ชายวัยกลางคนดันแว่นทรงรีขึ้นพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างสบายอยู่ด้านหน้า
ห้องสวีทรูมดูแคบไปถนัดตาเมื่อมีร่างหนาของชายหนุ่มนับสิบยืนเรียงรายแบ่งเป็นสองฝั่ง บรรยากาศในห้องไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนการค้าธุรกิจ แต่เป็นบรรยากาศอึดอัดและกดดันจากความเงียบมากกว่า และบรรยากาศนั้นก็ดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นในฝั่งของ ‘ชีค’ หนุ่มอย่างเห็นได้ชัด
อัลลัยล์ครุ่นคิดกับข้อเสนอที่ได้รับ ก่อนหน้านั้นที่เขาเดินทางไปจัดการกับปัญหาบางอย่างที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันทางตอนเหนือของมุบาร็อก ทาง ‘ตระกูลเมอร์ติน’ ได้ส่งคนมาคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว แต่ในเวลานั้นเขายังมีเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ ให้จัดการอยู่ คำตอบที่เขาได้ให้ออกไปคือการ ‘ขอคิดดูก่อน’ และวันนี้ทางฝ่ายตระกูลเมอร์ตินจึงมาขอคำตอบที่ว่า
“พวกเจ้าถามฝ่ายหญิงดูรึยัง ไม่ใช่ให้หล่อนมาโวยวายใส่ข้านะ ปกติแล้วข้าไม่ชอบบังคับใครซะด้วย”เขากล่าวเสียงเรียบ
ฮาฟิซสะดุดกึกกับคำตอบของชายหนุ่ม จริงหรือที่ว่าผู้เป็นเจ้านาย ‘ไม่ชอบบังคับใคร’
“คุณหนูวิคตอเรียไม่ได้ปฏิเสธครับ เธออยากพบคุณมาก”ชายวัยกลางคนนาม ‘เดวิด’ กล่าว
อันที่จริงแล้วคำว่าอยากพบของหญิงสาวนามวิคตอเรีย สำหรับเขานั้นถือเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่น ฟังจากแหล่งข่าวที่ให้ไปสืบมา ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเจ้าอารมณ์พอสมควร กับคุณหนูวิคตอเรียที่เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจแล้วการอยู่ร่วมกันของสองคนนี้มองเป็นเรื่องยากทีเดียว
ฮาฟิซยืนกุมมืออย่างสงบข้างผู้เป็นนาย ข้อเสนอที่อีกฝ่ายยื่นมาทางเรามีแต่ได้กับได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่สิ…
“การ ‘หมั้น’ กับคุณหนูวิคตอเรีย ผมมองไม่เห็นข้อไหนที่จะทำให้คุณขาดทุนหรอกนะ”เดวิดกล่าวเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า
เขายังดูสงบนิ่งเช่นครั้งแรกที่มาถึง มีเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นที่ฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
อัลลัยล์สับสนกับคำตอบของตัวเองเหลือเกิน ทั้งๆที่ข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้นมันช่างน่าตะครุบไว้เสียจริง แต่คำตอบในใจมันก็เด่นชัดขึ้นมาอยู่แล้ว ‘ไม่’ เขาอยากบอกออกไปเช่นนั้น แต่สถานะที่ค้ำคออยู่ทำให้ไม่อาจทำตามในนึก การประชุมประมูลผู้ถือหุ้นนั้นเขาไม่อยากเสียมันไป โดยเฉพาะเสียให้กับ ‘คนนั้น!’
“เอาแบบนี้มั้ยครับ”เสียงทุ้มของผู้ติดตามดังขึ้นมา
เดวิดเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของชายผู้พูดพยักหน้าอนุญาตในสิ่งที่เขาจะแสดงความคิดเห็นออกมา เสียงทุ้มจึงเอ่ยต่อ
“ให้ท่านอัลลัยล์กับคุณวิคตอเรียได้เจอกันก่อนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ไตร่ตรองให้ดี”
“ทำไมต้องยื้อออกไปขนาดนั้น แค่ทางคุณให้คำตอบกับเรามาก็จบแล้ว”เดวิคกล่าว
“การหมั้นสำหรับฝ่ายชายแล้วถือเป็นเรื่องปกติ แต่กับคุณวิคตอเรียแล้วคงถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นนางแบบมีชื่อเสียงมาก ถ้าเกิดพวกคุณคิดแทนเธอในเรื่องหมั้นแล้วล่ะก็ หากข่าวรั่วออกไปแล้วแต่เธอไม่ชอบใจที่จะอยู่ร่วมกับท่านอัลลัยล์ เธอจะเป็นฝ่ายเสียหาย”เขาพูดยาว
“มากไปกว่านั้นคือ หากคุณวิคตอเรียไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจหมั้นกับท่านอัลลัยล์เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ พวกคุณว่าเธอจะมีความสุขรึเปล่าครับ”
สิ่งที่เขาเลือกที่จะทำลงไปมีผลต่อทุกคน เวลาที่เหลือให้ผู้เป็นเจ้านายได้ตัดสินใจในเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีผลต่อเจ้านายมากขนาดไหน มันเป็นโค้งสุดท้ายที่จะให้เจ้านายได้เลือกระหว่างฟังเสียงหัวใจกับผลประโยชน์มหาศาล ผู้เป็นเจ้านายย่อมรู้ดีว่าไม่อาจเลือกทั้งสองทางได้ เขามั่นใจว่าผู้หญิงอย่างพิมพ์นาราเลือกที่จะจบชีวิตของตนอย่างมีเกียรติดีกว่าต้องมาทนอยู่เป็นคนรองจากใคร
และที่สำคัญกว่านั้น…ถึงแม้พิมพ์นาราจะถูกฝืนบังคับให้ทนอยู่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอต้องทุกข์ระทมร้องไห้อย่างเจ็บปวดไม่มีวันจบสิ้น เธออ่อนไหวและบอบบางเหลือเกิน เขาสงสารเธอเกินกว่าที่จะให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ฮาฟิซมองอากัปกิริยาของชายวัยกลางคนและผู้ติดตามคนอื่นๆที่มาด้วยกัน พวกเขาชะงักและนิ่งเงียบ นั่นแสดงว่าคำพูดของเขามีผลจริงๆ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม
“ความหวังอันสูงสุดของผมและท่านมาคัสคืออย่างเดียวกัน”เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ
“พ่อบ้านเดวิค…”
เดวิคยกมือขึ้นปรามคำพูดของผู้ติดตามของตนอีกหลายคนข้างหลัง คนพวกนี้อยู่กับคุณหนูวิคตรอเลียมานานย่อมผูกพันกับเธอมากเป็นธรรมดา
แต่คงน้อยกว่าเขาที่เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ยังแบเบาะแน่!
“คือการเห็นคุณหนูวิคตอเรียมีความสุข”
บรรยากาศในห้องสวีทห้าดาวเงียบสงัด ทุกคนต่างพอใจกับการยืดเวลาออกไป โดยเฉพาะเขา…อัลลัยล์
“คุณยอมรับรึเปล่าอัลลัยล์”เดวิคเอ่ยถาม
“ข้ายอมรับ”
เห็นทีกลับไปต้องตบรางวัลให้ฮาฟิซอย่างงามเสียแล้ว ฝาแฝดคู่นี้นอกจากฝีมือด้านการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใคร สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นคือความคิดความอ่าน การวางแผนที่มีหลักการและเหตุผล ไม่เสียแรงที่เขาให้อยู่ข้างกายมาโดยตลอด!
ฮาฟิซ และ ยะตีม!
“แล้วถ้าคุณหนูวิคตอเรียตอบตกลง”
ประโยคนี้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
อัลลัยล์ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจ้องตาตอบอีกฝ่าย
“ถ้าวิคตอเรียตกลง ข้าก็จะหมั้นกับหล่อน!”
ในเมื่อได้เอ่ยออกไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูดไว้ให้ได้ เกมธุรกิจในครั้งนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสิน แต่เป็นเธอคนนั้นต่างหาก!
“อีกหนึ่งอาทิตย์คุณเตรียมตัวเป็นเจ้าของหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันที่อิหร่านได้เลย”เดวิคส่งเอกสารทั้งหมดให้กับชายหนุ่ม
“นั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอทั้งหมดของบรรดาคู่แข่งทางการค้าของคุณยื่นให้กับผู้ถือหุ้นรายเก่า มีครบทุกคน ยกเว้นของทางนักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศสคนนั้น เขาระวังตัวอย่างดีทีเดียว”
อัลลัยล์สะดุดกึก นักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศส…เป็นเรื่องที่ปกติมากที่ทางคนของตระกูลเมอร์ตินหาข้อมูลจากคนผู้นี้มาไม่ได้
“ไม่จำเป็น ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการข้าก็ไม่ขอรับสิทธิ์ในการช่วยเหลือนั้นเช่นกัน”
เดวิคยิ้มน้อยๆก่อนจะวางเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะ
“ในเมื่อคุณยอมตกลงหมั้นกับคุณหนูวิคตอเรียแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทางผมจะไม่ช่วยคุณ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณหนูเองว่าจะเลือกอะไร”
“พวกเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”อัลลัยล์เอ่ยถาม
ร่างของชายวัยกลางคนยืนขึ้นตอบคำถามสุดท้ายของชายหนุ่ม
“ในเมื่อทางผมรักษาสัญญากับคุณแล้ว หวังว่าผมจะได้สิ่งนั้นตอบแทนเช่นกัน”
อัลลัยล์มองตามกลุ่มคนจากตระกูลเมอร์ตินจนลับสายตา เขาพอจะรู้มาบ้างว่า ‘มาคัส เมอร์ติน’ มีอิทธิพลทางยุโรปมากขนาดไหน อสังหาริมทรัพย์ของเขามีอยู่ทุกที่ทั่วโลก เป็นนายหน้าคนสำคัญในการรับซื้อน้ำมันดิบเข้าจัดจำหน่ายที่ทางฝั่งยุโรป เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทางตัวมาคัสเองอยากจะรวมเป็นแผ่นเดียวกับเขาที่ครอบครองบ่อน้ำมันในมือ สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือการหมั้นครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจอย่างเดียว ชายผู้นั้นไม่ได้บีบบังคับให้ผู้อื่นลำบากกับการตัดสินใจของตน เขาเปิดโอกาสให้มีผู้เลือกทางเดินของเกมธุรกิจนี้
บางทีสำหรับมาคัสแล้วบ่อน้ำมันอาจจะเป็นผลพลอยได้ สิ่งสำคัญที่เขาต้องการคือความสุขของบุตรสาวคนเดียวจึงเปิดโอกาสให้เธอได้ตัดสินใจเช่นกัน
“ฮาฟิซ”ชายหนุ่มเรียกผู้ติดตามข้างกาย
“ไปสืบประวัติวิคตอเรียมา เอามาเยอะๆโดยเฉพาะสิ่งที่เธอเกลียด”
ฮาฟิซโน้มตัวรับคำสั่ง
“แล้วคุณนาราละครับ”เขาเอ่ยถามออกไป
อัลลัยล์ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ใช่คนโกหกตลบตะแลง เขารู้ดีว่าหากเธอรู้เรื่องนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาและเธอร่วมกันสร้างขึ้นมันจะพังทลายภายในพริบตา และเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น!
“อย่าให้นารารู้เรื่องนี้เด็ดขาด!”
อัลลัยล์พิงโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยล้า ความลับไม่มีในโลก แต่เขาก็ยังจะเสี่ยงกับมัน!
“ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้หญิงคนนั้น”เขาเอ่ยเบาหวิวก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ
ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งมันจะเป็นไปตามคาด
ทุกอย่างจะเรียบร้อย…
ท่ามกลางความเร่งรีบของผู้คนนับพันในท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ชายชุดดำติดเข็มกลัดสีทองนับสิบกระจายตัวเป็นวงล้อมหญิงสาวผู้หนึ่ง ทุกคนมีใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อจ้องมองหญิงสาวแว่นดำที่อยู่กลางวง วงสนทนาใหญ่แผ่รังสีตึงเครียดออกมาเป็นระยะ
เป็นเรื่องปกติหากเหล่าคนดังหรือเศรษฐีจะเดินทางไปไหนแล้วมีบอดี้การ์ดรอบล้อมเต็มไปหมด ความเร่งรีบในชีวิตประจำวันบวกกับวิถีชีวิตต่างคนต่างอยู่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าผู้คนจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากมายนัก จนกระทั่ง…
“คุณหนูวิคกี้ ได้โปรดเถอะครับ ไหนคุณหนูบอกว่าแค่จะมาส่งนายท่านขึ้นเครื่อง นี่ผ่านไปยังไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ คุณหนูจะขึ้นเครื่องหนีไปที่อื่นซะแล้ว!”
“คุณหนูจะรอนายท่านกลับมาก่อนดีกว่า ถ้าเกิดคุณหนูหายตัวไปพวกผมต้องโดนหนักแน่ๆ”
ชายหนุ่มร่างยักษ์ในชุดสูทสีดำนับสิบโอดครวญอยู่แทบเท้าของหญิงสาวหุ่นนางแบบ เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาในแอร์พอร์ตต่างเริ่มให้ความสนใจกับการกระทำของเหล่าชายชุดสูทน่าแกรงขาม จนกระทั่งมีคนสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่นั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับนางแบบบนจอภาพเคลื่อนไหวกลางแอร์พอร์ตขนาดไหน!
“หุบปากได้มั้ย ขอร้องเถอะ จะโวยวายเสียงดังไปทำไม ฉันจะไปเที่ยวเข้าใจมั้ย พวกโง่เง่า”เสียงแหลมตะโกนลั่นพร้อมกับฟาดกระเป๋าราคาเกือบหมื่นดอลลาห์ของตัวเองตีเหล่าบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างไม่ยั้ง
“งั้นไปเครื่องบินส่วนตัวก็ได้นี่ครับ!”
“ฉันจะใช้ชีวิตติดดินแบบคนธรรมดาบ้างไม่ได้เลย?”
เหล่าผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อหญิงสาวถอดแว่นดำออก มือเรียวถือขาแว่นไว้แน่นพร้อมกับหันมองรอบตัว
“อีกละ”เธองึมงำกับตนเอง
“นั่นมัน ‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ นี่น่า!”
เมื่อมีคนจุดประเด็นขึ้นมาเหล่าผู้คนจึงให้ความสนใจมากขึ้น บางคนถึงกับเปิดกระเป๋าหยิบนิตยสารออกมาดูนางแบบหน้าปกเพื่อเทียบหับหญิงสาวตรงหน้า ใครที่ไม่มีก็เงยหน้ามองภาพเคลื่อนไหวของโฆษณาแบรนดังบนจอภาพกลางแอร์พอร์ต
เหมือน!
ที่คือสิ่งที่ทุกคนคิด เหล่าฝูงชนต่างวิ่งเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว เหล่าบอดี้การ์ดต่างลุกขึ้นสร้างวงล้อมป้องกันหญิงสาวคนสำคัญ แรงดันจำนวนมหาศาลของเหล่าผู้คนนับร้อยทำให้วงล้อมเคลื่อนไหวไปมายากที่จะต้านทาน!
‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ คือดารานักแสดง นางแบบชื่อดัง ที่ถูกโหวตว่ามีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศติดอันดับ 3 ของโลก เธอมาจากตระกูลดังของเหล่าอดีตขุนนางชาวอังกฤษ ใบหน้าสวยสง่ากับดวงตาสีฟ้าเหลือบเงินเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ เหล่านิตยสารต่างให้สัมภาษณ์กันว่าหากใครเผลอจ้องตาสวยคู่นี้แล้วคงยากที่จะหันมองไปทางอื่น!
“ขอโทษครับ กรุณาอย่าดัน!”เสียงของเหล่าบอดี้การ์ดเอ่ยห้ามเหล่าแฟนคลับจำนวนมากที่จะเข้ามาขอลายเซ็นต์หรือขอจับมือกับหญิงสาวตรงหน้า
วิคตอเรียถอนหายใจหนักก่อนจะปิดหูกรี๊ดเสียงดัง
ความสงบกับมาอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว
สมกับคำล่ำลือตามหน้าหนังสือพิมพ์!
“โอ้ย! มันจะอะไรหนักหนา!”
หญิงสาวโยนแว่นดำของตนทิ้งไปที่พื้นพร้อมกับใช้ส้นสูงสีสดเหยียบไม่ยั้ง ด้วยความที่รองเท้าคู่โปรดของเธอคู่นี้ทำมาจากวัสดุคงทนชั้นดี จึงไม่แปลกเลยหากใช้เวลาเพียงไม่นานในการย่ำแว่นราคาแพงให้กลายเป็นซากที่เหลือแต่กระจก
“ไอ้แว่นเฮงซวย บัดซบ ซังกระบ๊วย ไหนบอกว่าปิดบังหน้าตาได้ยังไง”เธอกระทืบๆพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
นิ้วสีขาวที่โผล่ออกมาจากเสื้อแขนยาวตัดกับเล็บสีแดงสด เธอกวาดตามองพร้อมกับชี้หน้าเหล่าบรรดาแฟนคลับอย่างไม่กลัวเสียภาพพจน์
“ฉันอยากได้เวลาส่วนตัว พวกโง่ ช่วยถอยออกไปไกลๆจะได้มั้ย!!!”เธอกรีดร้องกระทืบเท้าไปมาราวกับเด็กเล็กที่ถูกขัดใจ
เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลชระดมใส่ตัวเธอไม่หยุด วิคตอเรียเท้าเอวมองเหล่าบรรดาปาปารัซซี่ที่มีอยู่ทุกที่แทบจะทั่วทั้งโลกด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย พวกบ้านี่มันยุ่งเรื่องคนอื่นได้ตลอดเวลาสินะ
“นี่ ไม่เบื่อบ้างรึไงกับข่าวเดิมๆ นางแบบสาวชื่อดังเหวี่ยงแฟนคลับ พ่นคำพูดหยาบคาย จอมเหวี่ยง นังบ้าขี้วีน”มือบางยกขึ้นพัดที่ใบหน้าของตน
“หยุดยุ่งกับเวลาส่วนตัวของฉันซักแปปนึงจะตายมั้ยห๊า!”
ยิ่งพูดแสงแฟลชก็ยิ่งทิ่มตาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแว่นดำจากเสื้อสูทของบอดี้การ์ดมาใส่แก้ขัด
“โจชัว ฉันมีตั๋วเครื่องสองใบสำหรับการเดินทางครั้งนี้”เธอบอกบอดี้การ์ดคนสนิท
“แล้วยังไงครับ”ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกลั้นใจตอบ
“เฮ้! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ โจชัวก็ไปกับฉันสิ จะปล่อยให้ฉันไปเดินกลางทะเลทรายคนเดียวรึไง!”เสียงแหลมกรีดร้องขึ้นมา
“คุณวิคกี้ดูสถานการณ์ก่อนมั้ยครับ นี่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้รึเปล่า!”เขาเอ่ยกับหญิงสาวข้างหลัง
เขาต้องคอยกันเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่หญิงสาวได้ทุกเมื่อจึงไม่สามารถยืนบังแสงแฟลชให้เธอได้ เหล่าผู้คนในที่นี่ต่างเคร่งเครียด เบียดเสียดและแออัด ต่างจากหญิงสาวที่ยืนพัดมืออยู่กลางวงด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“โถ่! ก็โจชัวเป็นเพื่อนกับวิคกี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว วิคกี้เลยชวนโจชัวไง…เอ้ะ! ไอ้บ้าหยุดตะโกนเรียกชื่อฉันซักที ฉันรำคาญเสียงแกโว้ย!”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานในตอนต้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกรีดร้องใส่ชายหนุ่มที่ร่ำร้องเรียกชื่อเธออยู่อีกฝั่ง
“โจชัวขา! ถ้าเกิดวิคกี้โดนพวกบ้ากามฉุดไปล่ะ!”เธอทำน้ำเสียงตกใจ
“โจชัวขา! จะทิ้งวิคกี้คนนี้ได้ลงคอ!”
“ไม่ได้ทิ้งครับ!”เขาตะโกนตอบหญิงสาว แต่ดูท่าเธอจะฟังคำพูดของเขามากเลย…
“โอ้ววว!”มือบางทั้งสองข้างจับแก้มพร้อมกับอ้าปากค้าง
“โจชัวจะทิ้งวิคกี้!”เธอบ่นซ้ำไปซ้ำมา
เหล่าบรรดาแฟนคลับต่างหัวเราะกับท่าทางตลกของหญิงสาว เสียงชัตเตอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเพื่อบันทึกทุกอย่างไว้ไม่ให้ขาดตอน
“เออ ถ่ายเข้าไปนะคะ วิคกี้สรรหาคำไหนมาด่าพวกหนังหน้าหนาอย่างพวกคุณไม่ออกแล้ว”เธอกอดอก
“โจชัวรีบตอบมาเลยจะไปกับวิคกี้มั้ย ถ้าไม่ไปก็จบ วิคกี้จะบินเดี่ยวแล้ว!”น้ำเสียงหวานเริ่มคุกกรุ่น
ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของหญิงสาว ไร้ซึ่งปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
เสียงเป่านกหวีดราวกับสัญญาณช่วยชีวิต รปภ.มากกว่า 20 นายวิ่งกรูเข้ามาช่วยแยกระหว่างกลุ่มของหญิงสาวและแฟนคลับ เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วบริเวณ แสงแฟลชต่างรุมสาดใส่หญิงสาวที่เดินทำหน้าเซ็งออกจากแอร์พอร์ต
“ไอ้พวกทำงานช้าเหมือนเต่า กว่าจะมานะ ไม่รอให้ฉันตะโกนด่าจนเสียงแหบก่อนละ!”เธอกรี๊ดใส่พวกรปภ.
วิคตอเรียขึ้นรถลีมูซีนติดฟิล์มเข้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อปิดประตูเสียงทั้งหมดจึงเงียบสงัดอย่างที่ต้องการ เธอถอนหายใจหนักพร้อมถอดแว่นดำปาไปด้านหน้า
“กลับบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
“ครับ”
“คันเร่งมีเท่าไหร่เหยียบไปให้สุด เร็วสิ!”เธอวีดใส่เมื่อเห็นรถออกตัวช้า
มือบางค้นกระเป๋าราคาแพงของคน เธอหยิบกระดาษแผ่นยาวขึ้นมาสองแผ่นฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนสาแก่ใจ ร่างบางกระแทกเบาะนุ่มด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด
“ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้ารอเวลาแล้วกัน ถ้าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแต่พวกแกยังเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ฉันไม่พร้อมละก็ เตรียมตัวเงาหัวขาดได้เลย”เธอสั่งเสียงเข้ม
“ครับ”
“ไอ้พวกเลวเอ้ย! เปลืองตังค่าตั๋วเครื่องบินฉันมั้ย”หญิงสาวบ่นงุบงิบ
“ฉันจะเก็บของให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงทันทีที่ถึงบ้าน และหวังว่าเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะถึงนี้ฉันจะได้ไปนั่งจิบชาร้อนๆบนเครื่องบินเตรียมตัวไปอียิปต์นะคะ”
“ครับ”
“ฝากบอกพวกโจชัวด้วยแล้วกัน ใครจะไปอียิปต์กับฉันก็มาได้เลย จะขนบอดี้การ์ดมาสองคนหรือสองร้อยคนก็เอามา หรือว่าจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ครับ”
“แล้วถ้าฉันรู้ว่าใครฟ้องด่าด้านะ…”
“ครับ”
“ฉันจะเอาเข็มพันเล่มปักที่ลิ้นมัน เข้าใจมั้ย!”
“ครับ”
“นี่แก๊!”
“ครับ”
“ครับอยู่นั่นแหละ! น่ารำคาญจริง!”
“….”
หญิงสาววีดร้องก่อนจะเอนตัวพิงเบาะมองดูทิวทัศน์ซ้ำซากที่เห็นจนชินตา ริมฝีปากอวบอิ่มแสยะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต
อีกไม่นานเธอก็จะได้เจอคู่หมั้นที่ว่าแล้ว
อยากเห็นหนังหน้าจริงๆ!
“อา อา อา!”หญิงสาวกรีดร้องครวญคราง
ชายหนุ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงใหญ่ เขาเอื้อมมือหนาบีบเค้นทรวงอกของหญิงสาวใต้ร่างอย่างมันส์มือ เขาผ่อนหายใจหนักก่อนจะจับเอวคิดกิ่วของหญิงสาวตรึงไว้กับที่เพื่อให้สัมผัสจากความแกร่งได้ถนัดถนี่
ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองร่างอวบอึ๋มของนางแบบสาวที่นอนดิ้นไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงด้วยสายตาพึงพอใจ เขาดึงความแกร่งออกมาเกือบสุดและกระแทกลงไปจนสุดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงร้องของหญิงสาวมันดุจยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เขามีอารมณ์อยากจะจัดการกับร่างของเธอนานๆ
“ร้องดังกว่านี้อีกสิ”เสียงทุ้มแหบพร่า
ผิวขาวเนียนละเอียอดของลอรองซ์มีรอยแดงจากเล็บยาวของหญิงสาวเต็มไปหมด ลำแขนแข็งแกร่งของเขาปรากฏเส้นเลือดขึ้นมาเมื่อออกแรงบีบยกสะโพกผายของเธอในลอยขึ้น เขายันตัวขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่าก่อนจะเริ่มสานต่อบทเพลงรักอันเร่าร้อนต่อ
“อา! ลอรองซ์!”หญิงสาวจิกผ้าปูที่นอนแน่น
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างของหญิงสาวสั่นตามแรงที่ได้รับจากชายหนุ่ม ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าท้องแบนราบที่บัดนี้ขนลุกชันจากความเสี่ยวซ่านของเธอ
“เจน อา”เขาเงยหน้าสูดหายใจลึก
“อา อา อา เข้ามาในตัวฉันเลยค่ะที่รัก!”
ลอรองซ์เร่งจังหวะรุนแรง เพียงไม่นานลำเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่มันพร้อมจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ
“โอ้วว!”เสียงแหลมกรีดร้อง
ร่างหนากระตุกเล็กน้อย เขาขยับตัวเข้าออกในตัวของหญิงสาวเน้นหนักอีกหลายครั้งก่อนจะดึงความเป็นชายของจากร่างของเธอ
เจนมองดูน้ำเหนี่ยวเหนอะที่ไหลเปรอะเปื้อนตัวเธอด้วยความเสียดาย เหตุใดเขาถึงไม่ปล่อยของอุ่นนี้เข้าไปในร่างเธอหนอ สงสัยที่ลือมาท่าจะจริงเรื่องที่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ผูกมัดใคร กลัวผู้หญิงที่เป็นคู่นอนจะท้องแล้วต้องมานั่งรับผิดชอบนะสิ
เธอพลักร่างหนาให้นอนราบพร้อมกับขึ้นคร่อมลูบไล้แผงอกหนาของเขาอย่างหลงไหล
เจนกดสะโพกที่เปียกชื้นถูไปมาแนบหน้าท้องของเขา เม็ดสวาทถูไถไปมาจนเสียงแหลมต้องร้องซี้ด
“ลอรองซ์ค่ะ ฉันรักคุณจังเลย”เธอกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า
ชายหนุ่มมองปฏิกิริยายั่วยวนของอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเรียบ เขายิ้มมุมปากก่อนจะใช้สองมือบีบเค้นหน้าอกไซส์ใหญ่
“ขอโทษนะเจน ตะกี้ผมผิดไปแล้ว”เขาใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาที่หน้าท้องเธอ
“ผิดอะไรค่ะ”เธอก้มหน้าลงซุกไซร้กับซอกคอของชายหนุ่ม
“บอกไปคุณต้องโมโหแน่ๆเลย”
“เจนไม่โกรธคุณหรอก”หญิงสาวเลียปากยั่วยวน
“อืม…”เขาทำหน้าครุ่นคิด
“ตะกี้ผมนึกถึงผู้หญิงคนอื่นน่ะ”
“!!!”
“จำผู้หญิงคนเมื่อคืนได้มั้ย ที่คลุมหน้าคลุมตาน่ะ ผมนึกถึงคนนั้นน่ะ”เขาเอ่ยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางของคุณ ผมก็ยิ่งอยากจะไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นมารักบนเตียงด้วยกันซะตอนนี้เลย!”
เพี้ย!
เจนสะบัดมือใส่หน้าชายหนุ่มสุดแรง ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ เธอลุกขึ้นออกจากร่างหนาของเขาก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง! รักกับเธอแต่นึกถึงผู้หญิงคนอื่น! แถมยังกล้าพูดออกมาอย่างหน้าด้านๆด้วย
“เจนครับ จะไปไหนซะละ ผมยังมีอารมณ์อยู่เลยนะ”ลอรองซ์เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวคู่นอนรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“คุณมันเลวจริงๆลอรองซ์”เธอวีดร้องใส่เขา
“อ้าว ผมพูดความจริงคุณก็รับไม่ได้อีก”
ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งพร้อมกับเหลือบไปมองความแกร่งของตนที่บัดนี้มันชูชันขึ้นมาอีกครั้ง
“น่านะ ขออีกรอบนะครับ ผมอยากอีกแล้ว”
เจนหันกลับมามองร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียง อีกใจก็นึกเสียดายท่อนแกร่งนั้น แต่พอเห็นหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเขาแล้วอารมณ์เดือดพล่านของเธอมันมีมากกว่าอารมณ์สยิว
“คุณก็ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมานอนด้วยกันเลยสิ!”
“หาวิธีอยู่ครับ แต่ตอนนี้อยากแล้ว คุณมาแก้ขัดก่อนได้มั้ย”
เจนอ้าปากหวอ พระเจ้า! คนแบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย!
“ลอรองซ์!!”
“เร็วๆเจน ผมปวดไปหมดแล้ว คุณแค่ขึ้นคร่อมแล้วขย่มๆแค่นี้เอง ไม่ยากหรอกครับ”เขาทำหน้าน่าสงสารราวกับเด็กถูกทรมาน แต่คำพูดที่พูดออกมามันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“ลาก่อนผู้ชายเฮงซวย!”เธอตะโกนเสียงดังก่อนจะสะบัดผมเดินออกไปจากห้องสุดหรูทันที
“อ้าว! ทำไมทำแบบนี้ละ!”เสียงทุ้มตะโกนตามหลังก่อนจะลุกขึ้นก้มลงมองความแกร่งของตนอีกครั้ง
“อดทนแปปเดียวนะครับลูกรัก เดี๋ยวป๋าหาวิธีลากตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ลูกก่อน!”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว เขาล้วงกระเป๋าเสื้อสูทคว้านหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเหล่าผู้ติดตามที่กระจายตัวพักอยู่ในห้องสุดหรูตลอดทั้งชั้นนี้
“แอนดริว! เอาประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด่วนๆเลย!”
“ท่านมาคัสจะสนับสนุนให้คุณได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันดิบที่อิหร่านครับ”ชายวัยกลางคนดันแว่นทรงรีขึ้นพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างสบายอยู่ด้านหน้า
ห้องสวีทรูมดูแคบไปถนัดตาเมื่อมีร่างหนาของชายหนุ่มนับสิบยืนเรียงรายแบ่งเป็นสองฝั่ง บรรยากาศในห้องไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนการค้าธุรกิจ แต่เป็นบรรยากาศอึดอัดและกดดันจากความเงียบมากกว่า และบรรยากาศนั้นก็ดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นในฝั่งของ ‘ชีค’ หนุ่มอย่างเห็นได้ชัด
อัลลัยล์ครุ่นคิดกับข้อเสนอที่ได้รับ ก่อนหน้านั้นที่เขาเดินทางไปจัดการกับปัญหาบางอย่างที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันทางตอนเหนือของมุบาร็อก ทาง ‘ตระกูลเมอร์ติน’ ได้ส่งคนมาคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว แต่ในเวลานั้นเขายังมีเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ ให้จัดการอยู่ คำตอบที่เขาได้ให้ออกไปคือการ ‘ขอคิดดูก่อน’ และวันนี้ทางฝ่ายตระกูลเมอร์ตินจึงมาขอคำตอบที่ว่า
“พวกเจ้าถามฝ่ายหญิงดูรึยัง ไม่ใช่ให้หล่อนมาโวยวายใส่ข้านะ ปกติแล้วข้าไม่ชอบบังคับใครซะด้วย”เขากล่าวเสียงเรียบ
ฮาฟิซสะดุดกึกกับคำตอบของชายหนุ่ม จริงหรือที่ว่าผู้เป็นเจ้านาย ‘ไม่ชอบบังคับใคร’
“คุณหนูวิคตอเรียไม่ได้ปฏิเสธครับ เธออยากพบคุณมาก”ชายวัยกลางคนนาม ‘เดวิด’ กล่าว
อันที่จริงแล้วคำว่าอยากพบของหญิงสาวนามวิคตอเรีย สำหรับเขานั้นถือเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่น ฟังจากแหล่งข่าวที่ให้ไปสืบมา ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเจ้าอารมณ์พอสมควร กับคุณหนูวิคตอเรียที่เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจแล้วการอยู่ร่วมกันของสองคนนี้มองเป็นเรื่องยากทีเดียว
ฮาฟิซยืนกุมมืออย่างสงบข้างผู้เป็นนาย ข้อเสนอที่อีกฝ่ายยื่นมาทางเรามีแต่ได้กับได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่สิ…
“การ ‘หมั้น’ กับคุณหนูวิคตอเรีย ผมมองไม่เห็นข้อไหนที่จะทำให้คุณขาดทุนหรอกนะ”เดวิดกล่าวเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า
เขายังดูสงบนิ่งเช่นครั้งแรกที่มาถึง มีเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นที่ฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
อัลลัยล์สับสนกับคำตอบของตัวเองเหลือเกิน ทั้งๆที่ข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้นมันช่างน่าตะครุบไว้เสียจริง แต่คำตอบในใจมันก็เด่นชัดขึ้นมาอยู่แล้ว ‘ไม่’ เขาอยากบอกออกไปเช่นนั้น แต่สถานะที่ค้ำคออยู่ทำให้ไม่อาจทำตามในนึก การประชุมประมูลผู้ถือหุ้นนั้นเขาไม่อยากเสียมันไป โดยเฉพาะเสียให้กับ ‘คนนั้น!’
“เอาแบบนี้มั้ยครับ”เสียงทุ้มของผู้ติดตามดังขึ้นมา
เดวิดเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของชายผู้พูดพยักหน้าอนุญาตในสิ่งที่เขาจะแสดงความคิดเห็นออกมา เสียงทุ้มจึงเอ่ยต่อ
“ให้ท่านอัลลัยล์กับคุณวิคตอเรียได้เจอกันก่อนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ไตร่ตรองให้ดี”
“ทำไมต้องยื้อออกไปขนาดนั้น แค่ทางคุณให้คำตอบกับเรามาก็จบแล้ว”เดวิคกล่าว
“การหมั้นสำหรับฝ่ายชายแล้วถือเป็นเรื่องปกติ แต่กับคุณวิคตอเรียแล้วคงถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นนางแบบมีชื่อเสียงมาก ถ้าเกิดพวกคุณคิดแทนเธอในเรื่องหมั้นแล้วล่ะก็ หากข่าวรั่วออกไปแล้วแต่เธอไม่ชอบใจที่จะอยู่ร่วมกับท่านอัลลัยล์ เธอจะเป็นฝ่ายเสียหาย”เขาพูดยาว
“มากไปกว่านั้นคือ หากคุณวิคตอเรียไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจหมั้นกับท่านอัลลัยล์เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ พวกคุณว่าเธอจะมีความสุขรึเปล่าครับ”
สิ่งที่เขาเลือกที่จะทำลงไปมีผลต่อทุกคน เวลาที่เหลือให้ผู้เป็นเจ้านายได้ตัดสินใจในเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีผลต่อเจ้านายมากขนาดไหน มันเป็นโค้งสุดท้ายที่จะให้เจ้านายได้เลือกระหว่างฟังเสียงหัวใจกับผลประโยชน์มหาศาล ผู้เป็นเจ้านายย่อมรู้ดีว่าไม่อาจเลือกทั้งสองทางได้ เขามั่นใจว่าผู้หญิงอย่างพิมพ์นาราเลือกที่จะจบชีวิตของตนอย่างมีเกียรติดีกว่าต้องมาทนอยู่เป็นคนรองจากใคร
และที่สำคัญกว่านั้น…ถึงแม้พิมพ์นาราจะถูกฝืนบังคับให้ทนอยู่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอต้องทุกข์ระทมร้องไห้อย่างเจ็บปวดไม่มีวันจบสิ้น เธออ่อนไหวและบอบบางเหลือเกิน เขาสงสารเธอเกินกว่าที่จะให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ฮาฟิซมองอากัปกิริยาของชายวัยกลางคนและผู้ติดตามคนอื่นๆที่มาด้วยกัน พวกเขาชะงักและนิ่งเงียบ นั่นแสดงว่าคำพูดของเขามีผลจริงๆ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม
“ความหวังอันสูงสุดของผมและท่านมาคัสคืออย่างเดียวกัน”เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ
“พ่อบ้านเดวิค…”
เดวิคยกมือขึ้นปรามคำพูดของผู้ติดตามของตนอีกหลายคนข้างหลัง คนพวกนี้อยู่กับคุณหนูวิคตรอเลียมานานย่อมผูกพันกับเธอมากเป็นธรรมดา
แต่คงน้อยกว่าเขาที่เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ยังแบเบาะแน่!
“คือการเห็นคุณหนูวิคตอเรียมีความสุข”
บรรยากาศในห้องสวีทห้าดาวเงียบสงัด ทุกคนต่างพอใจกับการยืดเวลาออกไป โดยเฉพาะเขา…อัลลัยล์
“คุณยอมรับรึเปล่าอัลลัยล์”เดวิคเอ่ยถาม
“ข้ายอมรับ”
เห็นทีกลับไปต้องตบรางวัลให้ฮาฟิซอย่างงามเสียแล้ว ฝาแฝดคู่นี้นอกจากฝีมือด้านการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใคร สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นคือความคิดความอ่าน การวางแผนที่มีหลักการและเหตุผล ไม่เสียแรงที่เขาให้อยู่ข้างกายมาโดยตลอด!
ฮาฟิซ และ ยะตีม!
“แล้วถ้าคุณหนูวิคตอเรียตอบตกลง”
ประโยคนี้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
อัลลัยล์ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจ้องตาตอบอีกฝ่าย
“ถ้าวิคตอเรียตกลง ข้าก็จะหมั้นกับหล่อน!”
ในเมื่อได้เอ่ยออกไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูดไว้ให้ได้ เกมธุรกิจในครั้งนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสิน แต่เป็นเธอคนนั้นต่างหาก!
“อีกหนึ่งอาทิตย์คุณเตรียมตัวเป็นเจ้าของหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันที่อิหร่านได้เลย”เดวิคส่งเอกสารทั้งหมดให้กับชายหนุ่ม
“นั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอทั้งหมดของบรรดาคู่แข่งทางการค้าของคุณยื่นให้กับผู้ถือหุ้นรายเก่า มีครบทุกคน ยกเว้นของทางนักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศสคนนั้น เขาระวังตัวอย่างดีทีเดียว”
อัลลัยล์สะดุดกึก นักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศส…เป็นเรื่องที่ปกติมากที่ทางคนของตระกูลเมอร์ตินหาข้อมูลจากคนผู้นี้มาไม่ได้
“ไม่จำเป็น ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการข้าก็ไม่ขอรับสิทธิ์ในการช่วยเหลือนั้นเช่นกัน”
เดวิคยิ้มน้อยๆก่อนจะวางเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะ
“ในเมื่อคุณยอมตกลงหมั้นกับคุณหนูวิคตอเรียแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทางผมจะไม่ช่วยคุณ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณหนูเองว่าจะเลือกอะไร”
“พวกเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”อัลลัยล์เอ่ยถาม
ร่างของชายวัยกลางคนยืนขึ้นตอบคำถามสุดท้ายของชายหนุ่ม
“ในเมื่อทางผมรักษาสัญญากับคุณแล้ว หวังว่าผมจะได้สิ่งนั้นตอบแทนเช่นกัน”
อัลลัยล์มองตามกลุ่มคนจากตระกูลเมอร์ตินจนลับสายตา เขาพอจะรู้มาบ้างว่า ‘มาคัส เมอร์ติน’ มีอิทธิพลทางยุโรปมากขนาดไหน อสังหาริมทรัพย์ของเขามีอยู่ทุกที่ทั่วโลก เป็นนายหน้าคนสำคัญในการรับซื้อน้ำมันดิบเข้าจัดจำหน่ายที่ทางฝั่งยุโรป เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทางตัวมาคัสเองอยากจะรวมเป็นแผ่นเดียวกับเขาที่ครอบครองบ่อน้ำมันในมือ สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือการหมั้นครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจอย่างเดียว ชายผู้นั้นไม่ได้บีบบังคับให้ผู้อื่นลำบากกับการตัดสินใจของตน เขาเปิดโอกาสให้มีผู้เลือกทางเดินของเกมธุรกิจนี้
บางทีสำหรับมาคัสแล้วบ่อน้ำมันอาจจะเป็นผลพลอยได้ สิ่งสำคัญที่เขาต้องการคือความสุขของบุตรสาวคนเดียวจึงเปิดโอกาสให้เธอได้ตัดสินใจเช่นกัน
“ฮาฟิซ”ชายหนุ่มเรียกผู้ติดตามข้างกาย
“ไปสืบประวัติวิคตอเรียมา เอามาเยอะๆโดยเฉพาะสิ่งที่เธอเกลียด”
ฮาฟิซโน้มตัวรับคำสั่ง
“แล้วคุณนาราละครับ”เขาเอ่ยถามออกไป
อัลลัยล์ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ใช่คนโกหกตลบตะแลง เขารู้ดีว่าหากเธอรู้เรื่องนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาและเธอร่วมกันสร้างขึ้นมันจะพังทลายภายในพริบตา และเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น!
“อย่าให้นารารู้เรื่องนี้เด็ดขาด!”
อัลลัยล์พิงโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยล้า ความลับไม่มีในโลก แต่เขาก็ยังจะเสี่ยงกับมัน!
“ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้หญิงคนนั้น”เขาเอ่ยเบาหวิวก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ
ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งมันจะเป็นไปตามคาด
ทุกอย่างจะเรียบร้อย…
ท่ามกลางความเร่งรีบของผู้คนนับพันในท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ชายชุดดำติดเข็มกลัดสีทองนับสิบกระจายตัวเป็นวงล้อมหญิงสาวผู้หนึ่ง ทุกคนมีใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อจ้องมองหญิงสาวแว่นดำที่อยู่กลางวง วงสนทนาใหญ่แผ่รังสีตึงเครียดออกมาเป็นระยะ
เป็นเรื่องปกติหากเหล่าคนดังหรือเศรษฐีจะเดินทางไปไหนแล้วมีบอดี้การ์ดรอบล้อมเต็มไปหมด ความเร่งรีบในชีวิตประจำวันบวกกับวิถีชีวิตต่างคนต่างอยู่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าผู้คนจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากมายนัก จนกระทั่ง…
“คุณหนูวิคกี้ ได้โปรดเถอะครับ ไหนคุณหนูบอกว่าแค่จะมาส่งนายท่านขึ้นเครื่อง นี่ผ่านไปยังไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ คุณหนูจะขึ้นเครื่องหนีไปที่อื่นซะแล้ว!”
“คุณหนูจะรอนายท่านกลับมาก่อนดีกว่า ถ้าเกิดคุณหนูหายตัวไปพวกผมต้องโดนหนักแน่ๆ”
ชายหนุ่มร่างยักษ์ในชุดสูทสีดำนับสิบโอดครวญอยู่แทบเท้าของหญิงสาวหุ่นนางแบบ เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาในแอร์พอร์ตต่างเริ่มให้ความสนใจกับการกระทำของเหล่าชายชุดสูทน่าแกรงขาม จนกระทั่งมีคนสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่นั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับนางแบบบนจอภาพเคลื่อนไหวกลางแอร์พอร์ตขนาดไหน!
“หุบปากได้มั้ย ขอร้องเถอะ จะโวยวายเสียงดังไปทำไม ฉันจะไปเที่ยวเข้าใจมั้ย พวกโง่เง่า”เสียงแหลมตะโกนลั่นพร้อมกับฟาดกระเป๋าราคาเกือบหมื่นดอลลาห์ของตัวเองตีเหล่าบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างไม่ยั้ง
“งั้นไปเครื่องบินส่วนตัวก็ได้นี่ครับ!”
“ฉันจะใช้ชีวิตติดดินแบบคนธรรมดาบ้างไม่ได้เลย?”
เหล่าผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อหญิงสาวถอดแว่นดำออก มือเรียวถือขาแว่นไว้แน่นพร้อมกับหันมองรอบตัว
“อีกละ”เธองึมงำกับตนเอง
“นั่นมัน ‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ นี่น่า!”
เมื่อมีคนจุดประเด็นขึ้นมาเหล่าผู้คนจึงให้ความสนใจมากขึ้น บางคนถึงกับเปิดกระเป๋าหยิบนิตยสารออกมาดูนางแบบหน้าปกเพื่อเทียบหับหญิงสาวตรงหน้า ใครที่ไม่มีก็เงยหน้ามองภาพเคลื่อนไหวของโฆษณาแบรนดังบนจอภาพกลางแอร์พอร์ต
เหมือน!
ที่คือสิ่งที่ทุกคนคิด เหล่าฝูงชนต่างวิ่งเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว เหล่าบอดี้การ์ดต่างลุกขึ้นสร้างวงล้อมป้องกันหญิงสาวคนสำคัญ แรงดันจำนวนมหาศาลของเหล่าผู้คนนับร้อยทำให้วงล้อมเคลื่อนไหวไปมายากที่จะต้านทาน!
‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ คือดารานักแสดง นางแบบชื่อดัง ที่ถูกโหวตว่ามีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศติดอันดับ 3 ของโลก เธอมาจากตระกูลดังของเหล่าอดีตขุนนางชาวอังกฤษ ใบหน้าสวยสง่ากับดวงตาสีฟ้าเหลือบเงินเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ เหล่านิตยสารต่างให้สัมภาษณ์กันว่าหากใครเผลอจ้องตาสวยคู่นี้แล้วคงยากที่จะหันมองไปทางอื่น!
“ขอโทษครับ กรุณาอย่าดัน!”เสียงของเหล่าบอดี้การ์ดเอ่ยห้ามเหล่าแฟนคลับจำนวนมากที่จะเข้ามาขอลายเซ็นต์หรือขอจับมือกับหญิงสาวตรงหน้า
วิคตอเรียถอนหายใจหนักก่อนจะปิดหูกรี๊ดเสียงดัง
ความสงบกับมาอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว
สมกับคำล่ำลือตามหน้าหนังสือพิมพ์!
“โอ้ย! มันจะอะไรหนักหนา!”
หญิงสาวโยนแว่นดำของตนทิ้งไปที่พื้นพร้อมกับใช้ส้นสูงสีสดเหยียบไม่ยั้ง ด้วยความที่รองเท้าคู่โปรดของเธอคู่นี้ทำมาจากวัสดุคงทนชั้นดี จึงไม่แปลกเลยหากใช้เวลาเพียงไม่นานในการย่ำแว่นราคาแพงให้กลายเป็นซากที่เหลือแต่กระจก
“ไอ้แว่นเฮงซวย บัดซบ ซังกระบ๊วย ไหนบอกว่าปิดบังหน้าตาได้ยังไง”เธอกระทืบๆพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
นิ้วสีขาวที่โผล่ออกมาจากเสื้อแขนยาวตัดกับเล็บสีแดงสด เธอกวาดตามองพร้อมกับชี้หน้าเหล่าบรรดาแฟนคลับอย่างไม่กลัวเสียภาพพจน์
“ฉันอยากได้เวลาส่วนตัว พวกโง่ ช่วยถอยออกไปไกลๆจะได้มั้ย!!!”เธอกรีดร้องกระทืบเท้าไปมาราวกับเด็กเล็กที่ถูกขัดใจ
เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลชระดมใส่ตัวเธอไม่หยุด วิคตอเรียเท้าเอวมองเหล่าบรรดาปาปารัซซี่ที่มีอยู่ทุกที่แทบจะทั่วทั้งโลกด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย พวกบ้านี่มันยุ่งเรื่องคนอื่นได้ตลอดเวลาสินะ
“นี่ ไม่เบื่อบ้างรึไงกับข่าวเดิมๆ นางแบบสาวชื่อดังเหวี่ยงแฟนคลับ พ่นคำพูดหยาบคาย จอมเหวี่ยง นังบ้าขี้วีน”มือบางยกขึ้นพัดที่ใบหน้าของตน
“หยุดยุ่งกับเวลาส่วนตัวของฉันซักแปปนึงจะตายมั้ยห๊า!”
ยิ่งพูดแสงแฟลชก็ยิ่งทิ่มตาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแว่นดำจากเสื้อสูทของบอดี้การ์ดมาใส่แก้ขัด
“โจชัว ฉันมีตั๋วเครื่องสองใบสำหรับการเดินทางครั้งนี้”เธอบอกบอดี้การ์ดคนสนิท
“แล้วยังไงครับ”ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกลั้นใจตอบ
“เฮ้! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ โจชัวก็ไปกับฉันสิ จะปล่อยให้ฉันไปเดินกลางทะเลทรายคนเดียวรึไง!”เสียงแหลมกรีดร้องขึ้นมา
“คุณวิคกี้ดูสถานการณ์ก่อนมั้ยครับ นี่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้รึเปล่า!”เขาเอ่ยกับหญิงสาวข้างหลัง
เขาต้องคอยกันเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่หญิงสาวได้ทุกเมื่อจึงไม่สามารถยืนบังแสงแฟลชให้เธอได้ เหล่าผู้คนในที่นี่ต่างเคร่งเครียด เบียดเสียดและแออัด ต่างจากหญิงสาวที่ยืนพัดมืออยู่กลางวงด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“โถ่! ก็โจชัวเป็นเพื่อนกับวิคกี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว วิคกี้เลยชวนโจชัวไง…เอ้ะ! ไอ้บ้าหยุดตะโกนเรียกชื่อฉันซักที ฉันรำคาญเสียงแกโว้ย!”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานในตอนต้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกรีดร้องใส่ชายหนุ่มที่ร่ำร้องเรียกชื่อเธออยู่อีกฝั่ง
“โจชัวขา! ถ้าเกิดวิคกี้โดนพวกบ้ากามฉุดไปล่ะ!”เธอทำน้ำเสียงตกใจ
“โจชัวขา! จะทิ้งวิคกี้คนนี้ได้ลงคอ!”
“ไม่ได้ทิ้งครับ!”เขาตะโกนตอบหญิงสาว แต่ดูท่าเธอจะฟังคำพูดของเขามากเลย…
“โอ้ววว!”มือบางทั้งสองข้างจับแก้มพร้อมกับอ้าปากค้าง
“โจชัวจะทิ้งวิคกี้!”เธอบ่นซ้ำไปซ้ำมา
เหล่าบรรดาแฟนคลับต่างหัวเราะกับท่าทางตลกของหญิงสาว เสียงชัตเตอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเพื่อบันทึกทุกอย่างไว้ไม่ให้ขาดตอน
“เออ ถ่ายเข้าไปนะคะ วิคกี้สรรหาคำไหนมาด่าพวกหนังหน้าหนาอย่างพวกคุณไม่ออกแล้ว”เธอกอดอก
“โจชัวรีบตอบมาเลยจะไปกับวิคกี้มั้ย ถ้าไม่ไปก็จบ วิคกี้จะบินเดี่ยวแล้ว!”น้ำเสียงหวานเริ่มคุกกรุ่น
ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของหญิงสาว ไร้ซึ่งปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
เสียงเป่านกหวีดราวกับสัญญาณช่วยชีวิต รปภ.มากกว่า 20 นายวิ่งกรูเข้ามาช่วยแยกระหว่างกลุ่มของหญิงสาวและแฟนคลับ เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วบริเวณ แสงแฟลชต่างรุมสาดใส่หญิงสาวที่เดินทำหน้าเซ็งออกจากแอร์พอร์ต
“ไอ้พวกทำงานช้าเหมือนเต่า กว่าจะมานะ ไม่รอให้ฉันตะโกนด่าจนเสียงแหบก่อนละ!”เธอกรี๊ดใส่พวกรปภ.
วิคตอเรียขึ้นรถลีมูซีนติดฟิล์มเข้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อปิดประตูเสียงทั้งหมดจึงเงียบสงัดอย่างที่ต้องการ เธอถอนหายใจหนักพร้อมถอดแว่นดำปาไปด้านหน้า
“กลับบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
“ครับ”
“คันเร่งมีเท่าไหร่เหยียบไปให้สุด เร็วสิ!”เธอวีดใส่เมื่อเห็นรถออกตัวช้า
มือบางค้นกระเป๋าราคาแพงของคน เธอหยิบกระดาษแผ่นยาวขึ้นมาสองแผ่นฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนสาแก่ใจ ร่างบางกระแทกเบาะนุ่มด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด
“ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้ารอเวลาแล้วกัน ถ้าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแต่พวกแกยังเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ฉันไม่พร้อมละก็ เตรียมตัวเงาหัวขาดได้เลย”เธอสั่งเสียงเข้ม
“ครับ”
“ไอ้พวกเลวเอ้ย! เปลืองตังค่าตั๋วเครื่องบินฉันมั้ย”หญิงสาวบ่นงุบงิบ
“ฉันจะเก็บของให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงทันทีที่ถึงบ้าน และหวังว่าเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะถึงนี้ฉันจะได้ไปนั่งจิบชาร้อนๆบนเครื่องบินเตรียมตัวไปอียิปต์นะคะ”
“ครับ”
“ฝากบอกพวกโจชัวด้วยแล้วกัน ใครจะไปอียิปต์กับฉันก็มาได้เลย จะขนบอดี้การ์ดมาสองคนหรือสองร้อยคนก็เอามา หรือว่าจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ครับ”
“แล้วถ้าฉันรู้ว่าใครฟ้องด่าด้านะ…”
“ครับ”
“ฉันจะเอาเข็มพันเล่มปักที่ลิ้นมัน เข้าใจมั้ย!”
“ครับ”
“นี่แก๊!”
“ครับ”
“ครับอยู่นั่นแหละ! น่ารำคาญจริง!”
“….”
หญิงสาววีดร้องก่อนจะเอนตัวพิงเบาะมองดูทิวทัศน์ซ้ำซากที่เห็นจนชินตา ริมฝีปากอวบอิ่มแสยะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต
อีกไม่นานเธอก็จะได้เจอคู่หมั้นที่ว่าแล้ว
อยากเห็นหนังหน้าจริงๆ!
“อา อา อา!”หญิงสาวกรีดร้องครวญคราง
ชายหนุ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงใหญ่ เขาเอื้อมมือหนาบีบเค้นทรวงอกของหญิงสาวใต้ร่างอย่างมันส์มือ เขาผ่อนหายใจหนักก่อนจะจับเอวคิดกิ่วของหญิงสาวตรึงไว้กับที่เพื่อให้สัมผัสจากความแกร่งได้ถนัดถนี่
ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองร่างอวบอึ๋มของนางแบบสาวที่นอนดิ้นไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงด้วยสายตาพึงพอใจ เขาดึงความแกร่งออกมาเกือบสุดและกระแทกลงไปจนสุดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงร้องของหญิงสาวมันดุจยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เขามีอารมณ์อยากจะจัดการกับร่างของเธอนานๆ
“ร้องดังกว่านี้อีกสิ”เสียงทุ้มแหบพร่า
ผิวขาวเนียนละเอียอดของลอรองซ์มีรอยแดงจากเล็บยาวของหญิงสาวเต็มไปหมด ลำแขนแข็งแกร่งของเขาปรากฏเส้นเลือดขึ้นมาเมื่อออกแรงบีบยกสะโพกผายของเธอในลอยขึ้น เขายันตัวขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่าก่อนจะเริ่มสานต่อบทเพลงรักอันเร่าร้อนต่อ
“อา! ลอรองซ์!”หญิงสาวจิกผ้าปูที่นอนแน่น
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างของหญิงสาวสั่นตามแรงที่ได้รับจากชายหนุ่ม ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าท้องแบนราบที่บัดนี้ขนลุกชันจากความเสี่ยวซ่านของเธอ
“เจน อา”เขาเงยหน้าสูดหายใจลึก
“อา อา อา เข้ามาในตัวฉันเลยค่ะที่รัก!”
ลอรองซ์เร่งจังหวะรุนแรง เพียงไม่นานลำเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่มันพร้อมจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ
“โอ้วว!”เสียงแหลมกรีดร้อง
ร่างหนากระตุกเล็กน้อย เขาขยับตัวเข้าออกในตัวของหญิงสาวเน้นหนักอีกหลายครั้งก่อนจะดึงความเป็นชายของจากร่างของเธอ
เจนมองดูน้ำเหนี่ยวเหนอะที่ไหลเปรอะเปื้อนตัวเธอด้วยความเสียดาย เหตุใดเขาถึงไม่ปล่อยของอุ่นนี้เข้าไปในร่างเธอหนอ สงสัยที่ลือมาท่าจะจริงเรื่องที่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ผูกมัดใคร กลัวผู้หญิงที่เป็นคู่นอนจะท้องแล้วต้องมานั่งรับผิดชอบนะสิ
เธอพลักร่างหนาให้นอนราบพร้อมกับขึ้นคร่อมลูบไล้แผงอกหนาของเขาอย่างหลงไหล
เจนกดสะโพกที่เปียกชื้นถูไปมาแนบหน้าท้องของเขา เม็ดสวาทถูไถไปมาจนเสียงแหลมต้องร้องซี้ด
“ลอรองซ์ค่ะ ฉันรักคุณจังเลย”เธอกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า
ชายหนุ่มมองปฏิกิริยายั่วยวนของอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเรียบ เขายิ้มมุมปากก่อนจะใช้สองมือบีบเค้นหน้าอกไซส์ใหญ่
“ขอโทษนะเจน ตะกี้ผมผิดไปแล้ว”เขาใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาที่หน้าท้องเธอ
“ผิดอะไรค่ะ”เธอก้มหน้าลงซุกไซร้กับซอกคอของชายหนุ่ม
“บอกไปคุณต้องโมโหแน่ๆเลย”
“เจนไม่โกรธคุณหรอก”หญิงสาวเลียปากยั่วยวน
“อืม…”เขาทำหน้าครุ่นคิด
“ตะกี้ผมนึกถึงผู้หญิงคนอื่นน่ะ”
“!!!”
“จำผู้หญิงคนเมื่อคืนได้มั้ย ที่คลุมหน้าคลุมตาน่ะ ผมนึกถึงคนนั้นน่ะ”เขาเอ่ยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางของคุณ ผมก็ยิ่งอยากจะไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นมารักบนเตียงด้วยกันซะตอนนี้เลย!”
เพี้ย!
เจนสะบัดมือใส่หน้าชายหนุ่มสุดแรง ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ เธอลุกขึ้นออกจากร่างหนาของเขาก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง! รักกับเธอแต่นึกถึงผู้หญิงคนอื่น! แถมยังกล้าพูดออกมาอย่างหน้าด้านๆด้วย
“เจนครับ จะไปไหนซะละ ผมยังมีอารมณ์อยู่เลยนะ”ลอรองซ์เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวคู่นอนรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“คุณมันเลวจริงๆลอรองซ์”เธอวีดร้องใส่เขา
“อ้าว ผมพูดความจริงคุณก็รับไม่ได้อีก”
ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งพร้อมกับเหลือบไปมองความแกร่งของตนที่บัดนี้มันชูชันขึ้นมาอีกครั้ง
“น่านะ ขออีกรอบนะครับ ผมอยากอีกแล้ว”
เจนหันกลับมามองร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียง อีกใจก็นึกเสียดายท่อนแกร่งนั้น แต่พอเห็นหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเขาแล้วอารมณ์เดือดพล่านของเธอมันมีมากกว่าอารมณ์สยิว
“คุณก็ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมานอนด้วยกันเลยสิ!”
“หาวิธีอยู่ครับ แต่ตอนนี้อยากแล้ว คุณมาแก้ขัดก่อนได้มั้ย”
เจนอ้าปากหวอ พระเจ้า! คนแบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย!
“ลอรองซ์!!”
“เร็วๆเจน ผมปวดไปหมดแล้ว คุณแค่ขึ้นคร่อมแล้วขย่มๆแค่นี้เอง ไม่ยากหรอกครับ”เขาทำหน้าน่าสงสารราวกับเด็กถูกทรมาน แต่คำพูดที่พูดออกมามันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“ลาก่อนผู้ชายเฮงซวย!”เธอตะโกนเสียงดังก่อนจะสะบัดผมเดินออกไปจากห้องสุดหรูทันที
“อ้าว! ทำไมทำแบบนี้ละ!”เสียงทุ้มตะโกนตามหลังก่อนจะลุกขึ้นก้มลงมองความแกร่งของตนอีกครั้ง
“อดทนแปปเดียวนะครับลูกรัก เดี๋ยวป๋าหาวิธีลากตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ลูกก่อน!”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว เขาล้วงกระเป๋าเสื้อสูทคว้านหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเหล่าผู้ติดตามที่กระจายตัวพักอยู่ในห้องสุดหรูตลอดทั้งชั้นนี้
“แอนดริว! เอาประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด่วนๆเลย!”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2555, 20:08:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2555, 20:08:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 13832
<< บทที่สิบเอ็ด ธาตุเเท้ที่ซ่อนเร้น 100% | บทที่สิบสาม นกสีสวย นายพราน เทวดา 100% >> |

mhengjhy 13 ก.ย. 2555, 22:34:01 น.
สงสารพิมพ์นารานะนั่น
สงสารพิมพ์นารานะนั่น