ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า

อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC

ตอน: บทที่สิบสอง ปิดบังหรือโกหก 100% NC+

บทที่สิบสอง



“ท่านมาคัสจะสนับสนุนให้คุณได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันดิบที่อิหร่านครับ”ชายวัยกลางคนดันแว่นทรงรีขึ้นพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างสบายอยู่ด้านหน้า

ห้องสวีทรูมดูแคบไปถนัดตาเมื่อมีร่างหนาของชายหนุ่มนับสิบยืนเรียงรายแบ่งเป็นสองฝั่ง บรรยากาศในห้องไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนการค้าธุรกิจ แต่เป็นบรรยากาศอึดอัดและกดดันจากความเงียบมากกว่า และบรรยากาศนั้นก็ดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นในฝั่งของ ‘ชีค’ หนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

อัลลัยล์ครุ่นคิดกับข้อเสนอที่ได้รับ ก่อนหน้านั้นที่เขาเดินทางไปจัดการกับปัญหาบางอย่างที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันทางตอนเหนือของมุบาร็อก ทาง ‘ตระกูลเมอร์ติน’ ได้ส่งคนมาคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว แต่ในเวลานั้นเขายังมีเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ ให้จัดการอยู่ คำตอบที่เขาได้ให้ออกไปคือการ ‘ขอคิดดูก่อน’ และวันนี้ทางฝ่ายตระกูลเมอร์ตินจึงมาขอคำตอบที่ว่า

“พวกเจ้าถามฝ่ายหญิงดูรึยัง ไม่ใช่ให้หล่อนมาโวยวายใส่ข้านะ ปกติแล้วข้าไม่ชอบบังคับใครซะด้วย”เขากล่าวเสียงเรียบ

ฮาฟิซสะดุดกึกกับคำตอบของชายหนุ่ม จริงหรือที่ว่าผู้เป็นเจ้านาย ‘ไม่ชอบบังคับใคร’

“คุณหนูวิคตอเรียไม่ได้ปฏิเสธครับ เธออยากพบคุณมาก”ชายวัยกลางคนนาม ‘เดวิด’ กล่าว

อันที่จริงแล้วคำว่าอยากพบของหญิงสาวนามวิคตอเรีย สำหรับเขานั้นถือเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่น ฟังจากแหล่งข่าวที่ให้ไปสืบมา ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเจ้าอารมณ์พอสมควร กับคุณหนูวิคตอเรียที่เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจแล้วการอยู่ร่วมกันของสองคนนี้มองเป็นเรื่องยากทีเดียว

ฮาฟิซยืนกุมมืออย่างสงบข้างผู้เป็นนาย ข้อเสนอที่อีกฝ่ายยื่นมาทางเรามีแต่ได้กับได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่สิ…

“การ ‘หมั้น’ กับคุณหนูวิคตอเรีย ผมมองไม่เห็นข้อไหนที่จะทำให้คุณขาดทุนหรอกนะ”เดวิดกล่าวเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า

เขายังดูสงบนิ่งเช่นครั้งแรกที่มาถึง มีเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นที่ฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

อัลลัยล์สับสนกับคำตอบของตัวเองเหลือเกิน ทั้งๆที่ข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้นมันช่างน่าตะครุบไว้เสียจริง แต่คำตอบในใจมันก็เด่นชัดขึ้นมาอยู่แล้ว ‘ไม่’ เขาอยากบอกออกไปเช่นนั้น แต่สถานะที่ค้ำคออยู่ทำให้ไม่อาจทำตามในนึก การประชุมประมูลผู้ถือหุ้นนั้นเขาไม่อยากเสียมันไป โดยเฉพาะเสียให้กับ ‘คนนั้น!’

“เอาแบบนี้มั้ยครับ”เสียงทุ้มของผู้ติดตามดังขึ้นมา

เดวิดเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของชายผู้พูดพยักหน้าอนุญาตในสิ่งที่เขาจะแสดงความคิดเห็นออกมา เสียงทุ้มจึงเอ่ยต่อ

“ให้ท่านอัลลัยล์กับคุณวิคตอเรียได้เจอกันก่อนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ไตร่ตรองให้ดี”

“ทำไมต้องยื้อออกไปขนาดนั้น แค่ทางคุณให้คำตอบกับเรามาก็จบแล้ว”เดวิคกล่าว

“การหมั้นสำหรับฝ่ายชายแล้วถือเป็นเรื่องปกติ แต่กับคุณวิคตอเรียแล้วคงถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นนางแบบมีชื่อเสียงมาก ถ้าเกิดพวกคุณคิดแทนเธอในเรื่องหมั้นแล้วล่ะก็ หากข่าวรั่วออกไปแล้วแต่เธอไม่ชอบใจที่จะอยู่ร่วมกับท่านอัลลัยล์ เธอจะเป็นฝ่ายเสียหาย”เขาพูดยาว

“มากไปกว่านั้นคือ หากคุณวิคตอเรียไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจหมั้นกับท่านอัลลัยล์เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ พวกคุณว่าเธอจะมีความสุขรึเปล่าครับ”

สิ่งที่เขาเลือกที่จะทำลงไปมีผลต่อทุกคน เวลาที่เหลือให้ผู้เป็นเจ้านายได้ตัดสินใจในเรื่องของ ‘พิมพ์นารา’ เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีผลต่อเจ้านายมากขนาดไหน มันเป็นโค้งสุดท้ายที่จะให้เจ้านายได้เลือกระหว่างฟังเสียงหัวใจกับผลประโยชน์มหาศาล ผู้เป็นเจ้านายย่อมรู้ดีว่าไม่อาจเลือกทั้งสองทางได้ เขามั่นใจว่าผู้หญิงอย่างพิมพ์นาราเลือกที่จะจบชีวิตของตนอย่างมีเกียรติดีกว่าต้องมาทนอยู่เป็นคนรองจากใคร

และที่สำคัญกว่านั้น…ถึงแม้พิมพ์นาราจะถูกฝืนบังคับให้ทนอยู่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอต้องทุกข์ระทมร้องไห้อย่างเจ็บปวดไม่มีวันจบสิ้น เธออ่อนไหวและบอบบางเหลือเกิน เขาสงสารเธอเกินกว่าที่จะให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

ฮาฟิซมองอากัปกิริยาของชายวัยกลางคนและผู้ติดตามคนอื่นๆที่มาด้วยกัน พวกเขาชะงักและนิ่งเงียบ นั่นแสดงว่าคำพูดของเขามีผลจริงๆ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม

“ความหวังอันสูงสุดของผมและท่านมาคัสคืออย่างเดียวกัน”เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ

“พ่อบ้านเดวิค…”

เดวิคยกมือขึ้นปรามคำพูดของผู้ติดตามของตนอีกหลายคนข้างหลัง คนพวกนี้อยู่กับคุณหนูวิคตรอเลียมานานย่อมผูกพันกับเธอมากเป็นธรรมดา

แต่คงน้อยกว่าเขาที่เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ยังแบเบาะแน่!

“คือการเห็นคุณหนูวิคตอเรียมีความสุข”

บรรยากาศในห้องสวีทห้าดาวเงียบสงัด ทุกคนต่างพอใจกับการยืดเวลาออกไป โดยเฉพาะเขา…อัลลัยล์

“คุณยอมรับรึเปล่าอัลลัยล์”เดวิคเอ่ยถาม

“ข้ายอมรับ”

เห็นทีกลับไปต้องตบรางวัลให้ฮาฟิซอย่างงามเสียแล้ว ฝาแฝดคู่นี้นอกจากฝีมือด้านการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใคร สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นคือความคิดความอ่าน การวางแผนที่มีหลักการและเหตุผล ไม่เสียแรงที่เขาให้อยู่ข้างกายมาโดยตลอด!

ฮาฟิซ และ ยะตีม!

“แล้วถ้าคุณหนูวิคตอเรียตอบตกลง”

ประโยคนี้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

อัลลัยล์ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจ้องตาตอบอีกฝ่าย

“ถ้าวิคตอเรียตกลง ข้าก็จะหมั้นกับหล่อน!”

ในเมื่อได้เอ่ยออกไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูดไว้ให้ได้ เกมธุรกิจในครั้งนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสิน แต่เป็นเธอคนนั้นต่างหาก!

“อีกหนึ่งอาทิตย์คุณเตรียมตัวเป็นเจ้าของหุ้นรายใหญ่ของบริษัทส่งออกน้ำมันที่อิหร่านได้เลย”เดวิคส่งเอกสารทั้งหมดให้กับชายหนุ่ม

“นั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอทั้งหมดของบรรดาคู่แข่งทางการค้าของคุณยื่นให้กับผู้ถือหุ้นรายเก่า มีครบทุกคน ยกเว้นของทางนักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศสคนนั้น เขาระวังตัวอย่างดีทีเดียว”

อัลลัยล์สะดุดกึก นักธุรกิจลูกครึ่งฝรั่งเศส…เป็นเรื่องที่ปกติมากที่ทางคนของตระกูลเมอร์ตินหาข้อมูลจากคนผู้นี้มาไม่ได้

“ไม่จำเป็น ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการข้าก็ไม่ขอรับสิทธิ์ในการช่วยเหลือนั้นเช่นกัน”

เดวิคยิ้มน้อยๆก่อนจะวางเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะ

“ในเมื่อคุณยอมตกลงหมั้นกับคุณหนูวิคตอเรียแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทางผมจะไม่ช่วยคุณ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณหนูเองว่าจะเลือกอะไร”

“พวกเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”อัลลัยล์เอ่ยถาม

ร่างของชายวัยกลางคนยืนขึ้นตอบคำถามสุดท้ายของชายหนุ่ม

“ในเมื่อทางผมรักษาสัญญากับคุณแล้ว หวังว่าผมจะได้สิ่งนั้นตอบแทนเช่นกัน”

อัลลัยล์มองตามกลุ่มคนจากตระกูลเมอร์ตินจนลับสายตา เขาพอจะรู้มาบ้างว่า ‘มาคัส เมอร์ติน’ มีอิทธิพลทางยุโรปมากขนาดไหน อสังหาริมทรัพย์ของเขามีอยู่ทุกที่ทั่วโลก เป็นนายหน้าคนสำคัญในการรับซื้อน้ำมันดิบเข้าจัดจำหน่ายที่ทางฝั่งยุโรป เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทางตัวมาคัสเองอยากจะรวมเป็นแผ่นเดียวกับเขาที่ครอบครองบ่อน้ำมันในมือ สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือการหมั้นครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจอย่างเดียว ชายผู้นั้นไม่ได้บีบบังคับให้ผู้อื่นลำบากกับการตัดสินใจของตน เขาเปิดโอกาสให้มีผู้เลือกทางเดินของเกมธุรกิจนี้

บางทีสำหรับมาคัสแล้วบ่อน้ำมันอาจจะเป็นผลพลอยได้ สิ่งสำคัญที่เขาต้องการคือความสุขของบุตรสาวคนเดียวจึงเปิดโอกาสให้เธอได้ตัดสินใจเช่นกัน

“ฮาฟิซ”ชายหนุ่มเรียกผู้ติดตามข้างกาย

“ไปสืบประวัติวิคตอเรียมา เอามาเยอะๆโดยเฉพาะสิ่งที่เธอเกลียด”

ฮาฟิซโน้มตัวรับคำสั่ง

“แล้วคุณนาราละครับ”เขาเอ่ยถามออกไป

อัลลัยล์ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ใช่คนโกหกตลบตะแลง เขารู้ดีว่าหากเธอรู้เรื่องนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาและเธอร่วมกันสร้างขึ้นมันจะพังทลายภายในพริบตา และเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น!

“อย่าให้นารารู้เรื่องนี้เด็ดขาด!”

อัลลัยล์พิงโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยล้า ความลับไม่มีในโลก แต่เขาก็ยังจะเสี่ยงกับมัน!

“ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้หญิงคนนั้น”เขาเอ่ยเบาหวิวก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ

ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งมันจะเป็นไปตามคาด

ทุกอย่างจะเรียบร้อย…





ท่ามกลางความเร่งรีบของผู้คนนับพันในท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ชายชุดดำติดเข็มกลัดสีทองนับสิบกระจายตัวเป็นวงล้อมหญิงสาวผู้หนึ่ง ทุกคนมีใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อจ้องมองหญิงสาวแว่นดำที่อยู่กลางวง วงสนทนาใหญ่แผ่รังสีตึงเครียดออกมาเป็นระยะ

เป็นเรื่องปกติหากเหล่าคนดังหรือเศรษฐีจะเดินทางไปไหนแล้วมีบอดี้การ์ดรอบล้อมเต็มไปหมด ความเร่งรีบในชีวิตประจำวันบวกกับวิถีชีวิตต่างคนต่างอยู่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าผู้คนจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากมายนัก จนกระทั่ง…

“คุณหนูวิคกี้ ได้โปรดเถอะครับ ไหนคุณหนูบอกว่าแค่จะมาส่งนายท่านขึ้นเครื่อง นี่ผ่านไปยังไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ คุณหนูจะขึ้นเครื่องหนีไปที่อื่นซะแล้ว!”

“คุณหนูจะรอนายท่านกลับมาก่อนดีกว่า ถ้าเกิดคุณหนูหายตัวไปพวกผมต้องโดนหนักแน่ๆ”

ชายหนุ่มร่างยักษ์ในชุดสูทสีดำนับสิบโอดครวญอยู่แทบเท้าของหญิงสาวหุ่นนางแบบ เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาในแอร์พอร์ตต่างเริ่มให้ความสนใจกับการกระทำของเหล่าชายชุดสูทน่าแกรงขาม จนกระทั่งมีคนสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่นั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับนางแบบบนจอภาพเคลื่อนไหวกลางแอร์พอร์ตขนาดไหน!

“หุบปากได้มั้ย ขอร้องเถอะ จะโวยวายเสียงดังไปทำไม ฉันจะไปเที่ยวเข้าใจมั้ย พวกโง่เง่า”เสียงแหลมตะโกนลั่นพร้อมกับฟาดกระเป๋าราคาเกือบหมื่นดอลลาห์ของตัวเองตีเหล่าบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างไม่ยั้ง

“งั้นไปเครื่องบินส่วนตัวก็ได้นี่ครับ!”

“ฉันจะใช้ชีวิตติดดินแบบคนธรรมดาบ้างไม่ได้เลย?”

เหล่าผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อหญิงสาวถอดแว่นดำออก มือเรียวถือขาแว่นไว้แน่นพร้อมกับหันมองรอบตัว

“อีกละ”เธองึมงำกับตนเอง

“นั่นมัน ‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ นี่น่า!”

เมื่อมีคนจุดประเด็นขึ้นมาเหล่าผู้คนจึงให้ความสนใจมากขึ้น บางคนถึงกับเปิดกระเป๋าหยิบนิตยสารออกมาดูนางแบบหน้าปกเพื่อเทียบหับหญิงสาวตรงหน้า ใครที่ไม่มีก็เงยหน้ามองภาพเคลื่อนไหวของโฆษณาแบรนดังบนจอภาพกลางแอร์พอร์ต

เหมือน!

ที่คือสิ่งที่ทุกคนคิด เหล่าฝูงชนต่างวิ่งเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว เหล่าบอดี้การ์ดต่างลุกขึ้นสร้างวงล้อมป้องกันหญิงสาวคนสำคัญ แรงดันจำนวนมหาศาลของเหล่าผู้คนนับร้อยทำให้วงล้อมเคลื่อนไหวไปมายากที่จะต้านทาน!

‘วิคตอเรีย เมอร์ติน’ คือดารานักแสดง นางแบบชื่อดัง ที่ถูกโหวตว่ามีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศติดอันดับ 3 ของโลก เธอมาจากตระกูลดังของเหล่าอดีตขุนนางชาวอังกฤษ ใบหน้าสวยสง่ากับดวงตาสีฟ้าเหลือบเงินเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ เหล่านิตยสารต่างให้สัมภาษณ์กันว่าหากใครเผลอจ้องตาสวยคู่นี้แล้วคงยากที่จะหันมองไปทางอื่น!

“ขอโทษครับ กรุณาอย่าดัน!”เสียงของเหล่าบอดี้การ์ดเอ่ยห้ามเหล่าแฟนคลับจำนวนมากที่จะเข้ามาขอลายเซ็นต์หรือขอจับมือกับหญิงสาวตรงหน้า

วิคตอเรียถอนหายใจหนักก่อนจะปิดหูกรี๊ดเสียงดัง

ความสงบกับมาอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว

สมกับคำล่ำลือตามหน้าหนังสือพิมพ์!

“โอ้ย! มันจะอะไรหนักหนา!”

หญิงสาวโยนแว่นดำของตนทิ้งไปที่พื้นพร้อมกับใช้ส้นสูงสีสดเหยียบไม่ยั้ง ด้วยความที่รองเท้าคู่โปรดของเธอคู่นี้ทำมาจากวัสดุคงทนชั้นดี จึงไม่แปลกเลยหากใช้เวลาเพียงไม่นานในการย่ำแว่นราคาแพงให้กลายเป็นซากที่เหลือแต่กระจก

“ไอ้แว่นเฮงซวย บัดซบ ซังกระบ๊วย ไหนบอกว่าปิดบังหน้าตาได้ยังไง”เธอกระทืบๆพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

นิ้วสีขาวที่โผล่ออกมาจากเสื้อแขนยาวตัดกับเล็บสีแดงสด เธอกวาดตามองพร้อมกับชี้หน้าเหล่าบรรดาแฟนคลับอย่างไม่กลัวเสียภาพพจน์

“ฉันอยากได้เวลาส่วนตัว พวกโง่ ช่วยถอยออกไปไกลๆจะได้มั้ย!!!”เธอกรีดร้องกระทืบเท้าไปมาราวกับเด็กเล็กที่ถูกขัดใจ

เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลชระดมใส่ตัวเธอไม่หยุด วิคตอเรียเท้าเอวมองเหล่าบรรดาปาปารัซซี่ที่มีอยู่ทุกที่แทบจะทั่วทั้งโลกด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย พวกบ้านี่มันยุ่งเรื่องคนอื่นได้ตลอดเวลาสินะ

“นี่ ไม่เบื่อบ้างรึไงกับข่าวเดิมๆ นางแบบสาวชื่อดังเหวี่ยงแฟนคลับ พ่นคำพูดหยาบคาย จอมเหวี่ยง นังบ้าขี้วีน”มือบางยกขึ้นพัดที่ใบหน้าของตน

“หยุดยุ่งกับเวลาส่วนตัวของฉันซักแปปนึงจะตายมั้ยห๊า!”

ยิ่งพูดแสงแฟลชก็ยิ่งทิ่มตาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแว่นดำจากเสื้อสูทของบอดี้การ์ดมาใส่แก้ขัด

“โจชัว ฉันมีตั๋วเครื่องสองใบสำหรับการเดินทางครั้งนี้”เธอบอกบอดี้การ์ดคนสนิท

“แล้วยังไงครับ”ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกลั้นใจตอบ

“เฮ้! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ โจชัวก็ไปกับฉันสิ จะปล่อยให้ฉันไปเดินกลางทะเลทรายคนเดียวรึไง!”เสียงแหลมกรีดร้องขึ้นมา

“คุณวิคกี้ดูสถานการณ์ก่อนมั้ยครับ นี่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้รึเปล่า!”เขาเอ่ยกับหญิงสาวข้างหลัง

เขาต้องคอยกันเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่หญิงสาวได้ทุกเมื่อจึงไม่สามารถยืนบังแสงแฟลชให้เธอได้ เหล่าผู้คนในที่นี่ต่างเคร่งเครียด เบียดเสียดและแออัด ต่างจากหญิงสาวที่ยืนพัดมืออยู่กลางวงด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

“โถ่! ก็โจชัวเป็นเพื่อนกับวิคกี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว วิคกี้เลยชวนโจชัวไง…เอ้ะ! ไอ้บ้าหยุดตะโกนเรียกชื่อฉันซักที ฉันรำคาญเสียงแกโว้ย!”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานในตอนต้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกรีดร้องใส่ชายหนุ่มที่ร่ำร้องเรียกชื่อเธออยู่อีกฝั่ง

“โจชัวขา! ถ้าเกิดวิคกี้โดนพวกบ้ากามฉุดไปล่ะ!”เธอทำน้ำเสียงตกใจ

“โจชัวขา! จะทิ้งวิคกี้คนนี้ได้ลงคอ!”

“ไม่ได้ทิ้งครับ!”เขาตะโกนตอบหญิงสาว แต่ดูท่าเธอจะฟังคำพูดของเขามากเลย…

“โอ้ววว!”มือบางทั้งสองข้างจับแก้มพร้อมกับอ้าปากค้าง

“โจชัวจะทิ้งวิคกี้!”เธอบ่นซ้ำไปซ้ำมา

เหล่าบรรดาแฟนคลับต่างหัวเราะกับท่าทางตลกของหญิงสาว เสียงชัตเตอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเพื่อบันทึกทุกอย่างไว้ไม่ให้ขาดตอน

“เออ ถ่ายเข้าไปนะคะ วิคกี้สรรหาคำไหนมาด่าพวกหนังหน้าหนาอย่างพวกคุณไม่ออกแล้ว”เธอกอดอก

“โจชัวรีบตอบมาเลยจะไปกับวิคกี้มั้ย ถ้าไม่ไปก็จบ วิคกี้จะบินเดี่ยวแล้ว!”น้ำเสียงหวานเริ่มคุกกรุ่น

ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของหญิงสาว ไร้ซึ่งปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ

เสียงเป่านกหวีดราวกับสัญญาณช่วยชีวิต รปภ.มากกว่า 20 นายวิ่งกรูเข้ามาช่วยแยกระหว่างกลุ่มของหญิงสาวและแฟนคลับ เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วบริเวณ แสงแฟลชต่างรุมสาดใส่หญิงสาวที่เดินทำหน้าเซ็งออกจากแอร์พอร์ต

“ไอ้พวกทำงานช้าเหมือนเต่า กว่าจะมานะ ไม่รอให้ฉันตะโกนด่าจนเสียงแหบก่อนละ!”เธอกรี๊ดใส่พวกรปภ.

วิคตอเรียขึ้นรถลีมูซีนติดฟิล์มเข้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อปิดประตูเสียงทั้งหมดจึงเงียบสงัดอย่างที่ต้องการ เธอถอนหายใจหนักพร้อมถอดแว่นดำปาไปด้านหน้า

“กลับบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลย!”

“ครับ”

“คันเร่งมีเท่าไหร่เหยียบไปให้สุด เร็วสิ!”เธอวีดใส่เมื่อเห็นรถออกตัวช้า

มือบางค้นกระเป๋าราคาแพงของคน เธอหยิบกระดาษแผ่นยาวขึ้นมาสองแผ่นฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนสาแก่ใจ ร่างบางกระแทกเบาะนุ่มด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด

“ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้ารอเวลาแล้วกัน ถ้าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแต่พวกแกยังเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ฉันไม่พร้อมละก็ เตรียมตัวเงาหัวขาดได้เลย”เธอสั่งเสียงเข้ม

“ครับ”

“ไอ้พวกเลวเอ้ย! เปลืองตังค่าตั๋วเครื่องบินฉันมั้ย”หญิงสาวบ่นงุบงิบ

“ฉันจะเก็บของให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงทันทีที่ถึงบ้าน และหวังว่าเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะถึงนี้ฉันจะได้ไปนั่งจิบชาร้อนๆบนเครื่องบินเตรียมตัวไปอียิปต์นะคะ”

“ครับ”

“ฝากบอกพวกโจชัวด้วยแล้วกัน ใครจะไปอียิปต์กับฉันก็มาได้เลย จะขนบอดี้การ์ดมาสองคนหรือสองร้อยคนก็เอามา หรือว่าจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวก็ได้”

“ครับ”

“แล้วถ้าฉันรู้ว่าใครฟ้องด่าด้านะ…”

“ครับ”

“ฉันจะเอาเข็มพันเล่มปักที่ลิ้นมัน เข้าใจมั้ย!”

“ครับ”

“นี่แก๊!”

“ครับ”

“ครับอยู่นั่นแหละ! น่ารำคาญจริง!”

“….”

หญิงสาววีดร้องก่อนจะเอนตัวพิงเบาะมองดูทิวทัศน์ซ้ำซากที่เห็นจนชินตา ริมฝีปากอวบอิ่มแสยะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต

อีกไม่นานเธอก็จะได้เจอคู่หมั้นที่ว่าแล้ว

อยากเห็นหนังหน้าจริงๆ!





“อา อา อา!”หญิงสาวกรีดร้องครวญคราง

ชายหนุ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงใหญ่ เขาเอื้อมมือหนาบีบเค้นทรวงอกของหญิงสาวใต้ร่างอย่างมันส์มือ เขาผ่อนหายใจหนักก่อนจะจับเอวคิดกิ่วของหญิงสาวตรึงไว้กับที่เพื่อให้สัมผัสจากความแกร่งได้ถนัดถนี่

ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองร่างอวบอึ๋มของนางแบบสาวที่นอนดิ้นไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงด้วยสายตาพึงพอใจ เขาดึงความแกร่งออกมาเกือบสุดและกระแทกลงไปจนสุดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงร้องของหญิงสาวมันดุจยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เขามีอารมณ์อยากจะจัดการกับร่างของเธอนานๆ

“ร้องดังกว่านี้อีกสิ”เสียงทุ้มแหบพร่า

ผิวขาวเนียนละเอียอดของลอรองซ์มีรอยแดงจากเล็บยาวของหญิงสาวเต็มไปหมด ลำแขนแข็งแกร่งของเขาปรากฏเส้นเลือดขึ้นมาเมื่อออกแรงบีบยกสะโพกผายของเธอในลอยขึ้น เขายันตัวขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่าก่อนจะเริ่มสานต่อบทเพลงรักอันเร่าร้อนต่อ

“อา! ลอรองซ์!”หญิงสาวจิกผ้าปูที่นอนแน่น

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างของหญิงสาวสั่นตามแรงที่ได้รับจากชายหนุ่ม ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าท้องแบนราบที่บัดนี้ขนลุกชันจากความเสี่ยวซ่านของเธอ

“เจน อา”เขาเงยหน้าสูดหายใจลึก

“อา อา อา เข้ามาในตัวฉันเลยค่ะที่รัก!”

ลอรองซ์เร่งจังหวะรุนแรง เพียงไม่นานลำเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่มันพร้อมจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ

“โอ้วว!”เสียงแหลมกรีดร้อง

ร่างหนากระตุกเล็กน้อย เขาขยับตัวเข้าออกในตัวของหญิงสาวเน้นหนักอีกหลายครั้งก่อนจะดึงความเป็นชายของจากร่างของเธอ

เจนมองดูน้ำเหนี่ยวเหนอะที่ไหลเปรอะเปื้อนตัวเธอด้วยความเสียดาย เหตุใดเขาถึงไม่ปล่อยของอุ่นนี้เข้าไปในร่างเธอหนอ สงสัยที่ลือมาท่าจะจริงเรื่องที่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ผูกมัดใคร กลัวผู้หญิงที่เป็นคู่นอนจะท้องแล้วต้องมานั่งรับผิดชอบนะสิ

เธอพลักร่างหนาให้นอนราบพร้อมกับขึ้นคร่อมลูบไล้แผงอกหนาของเขาอย่างหลงไหล

เจนกดสะโพกที่เปียกชื้นถูไปมาแนบหน้าท้องของเขา เม็ดสวาทถูไถไปมาจนเสียงแหลมต้องร้องซี้ด

“ลอรองซ์ค่ะ ฉันรักคุณจังเลย”เธอกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า

ชายหนุ่มมองปฏิกิริยายั่วยวนของอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเรียบ เขายิ้มมุมปากก่อนจะใช้สองมือบีบเค้นหน้าอกไซส์ใหญ่

“ขอโทษนะเจน ตะกี้ผมผิดไปแล้ว”เขาใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาที่หน้าท้องเธอ

“ผิดอะไรค่ะ”เธอก้มหน้าลงซุกไซร้กับซอกคอของชายหนุ่ม

“บอกไปคุณต้องโมโหแน่ๆเลย”

“เจนไม่โกรธคุณหรอก”หญิงสาวเลียปากยั่วยวน

“อืม…”เขาทำหน้าครุ่นคิด

“ตะกี้ผมนึกถึงผู้หญิงคนอื่นน่ะ”

“!!!”

“จำผู้หญิงคนเมื่อคืนได้มั้ย ที่คลุมหน้าคลุมตาน่ะ ผมนึกถึงคนนั้นน่ะ”เขาเอ่ยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ

“ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางของคุณ ผมก็ยิ่งอยากจะไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นมารักบนเตียงด้วยกันซะตอนนี้เลย!”

เพี้ย!

เจนสะบัดมือใส่หน้าชายหนุ่มสุดแรง ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ เธอลุกขึ้นออกจากร่างหนาของเขาก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

เขาทำแบบนี้ได้ยังไง! รักกับเธอแต่นึกถึงผู้หญิงคนอื่น! แถมยังกล้าพูดออกมาอย่างหน้าด้านๆด้วย

“เจนครับ จะไปไหนซะละ ผมยังมีอารมณ์อยู่เลยนะ”ลอรองซ์เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวคู่นอนรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

“คุณมันเลวจริงๆลอรองซ์”เธอวีดร้องใส่เขา

“อ้าว ผมพูดความจริงคุณก็รับไม่ได้อีก”

ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งพร้อมกับเหลือบไปมองความแกร่งของตนที่บัดนี้มันชูชันขึ้นมาอีกครั้ง

“น่านะ ขออีกรอบนะครับ ผมอยากอีกแล้ว”

เจนหันกลับมามองร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียง อีกใจก็นึกเสียดายท่อนแกร่งนั้น แต่พอเห็นหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเขาแล้วอารมณ์เดือดพล่านของเธอมันมีมากกว่าอารมณ์สยิว

“คุณก็ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมานอนด้วยกันเลยสิ!”

“หาวิธีอยู่ครับ แต่ตอนนี้อยากแล้ว คุณมาแก้ขัดก่อนได้มั้ย”

เจนอ้าปากหวอ พระเจ้า! คนแบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย!

“ลอรองซ์!!”

“เร็วๆเจน ผมปวดไปหมดแล้ว คุณแค่ขึ้นคร่อมแล้วขย่มๆแค่นี้เอง ไม่ยากหรอกครับ”เขาทำหน้าน่าสงสารราวกับเด็กถูกทรมาน แต่คำพูดที่พูดออกมามันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

“ลาก่อนผู้ชายเฮงซวย!”เธอตะโกนเสียงดังก่อนจะสะบัดผมเดินออกไปจากห้องสุดหรูทันที

“อ้าว! ทำไมทำแบบนี้ละ!”เสียงทุ้มตะโกนตามหลังก่อนจะลุกขึ้นก้มลงมองความแกร่งของตนอีกครั้ง

“อดทนแปปเดียวนะครับลูกรัก เดี๋ยวป๋าหาวิธีลากตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ลูกก่อน!”

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว เขาล้วงกระเป๋าเสื้อสูทคว้านหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเหล่าผู้ติดตามที่กระจายตัวพักอยู่ในห้องสุดหรูตลอดทั้งชั้นนี้

“แอนดริว! เอาประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด่วนๆเลย!”







เสี้ยวเดือนเเรม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2555, 20:08:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2555, 20:08:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 13711





<< บทที่สิบเอ็ด ธาตุเเท้ที่ซ่อนเร้น 100%   บทที่สิบสาม นกสีสวย นายพราน เทวดา 100% >>
mhengjhy 13 ก.ย. 2555, 22:34:01 น.
สงสารพิมพ์นารานะนั่น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account