ทัณฑ์สวาทมาเฟีย
โชคชะตากำลังเล่นตลกร้ายกับม่านไหมเมื่อถูก หลี่ไท่หยาง หรือ โจนาธาน ลี เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มสุดหล่อแต่แสนโหด ลากตัวมาชดใช้ความผิดที่ไม่ได้กระทำเพราะความเข้าใจผิด การลงทัณฑ์ที่แสนโหดแต่เร่าร้อนจึงเกิดขึ้น
Tags: ทัณฑ์สวาทมาเฟีย

ตอน: ตอนที่ 2. พรหมลิขิตบันดาลชักพา

ตอนที่ 2. พรหมลิขิตบันดาลชักพา


ม่านไหมหยิบกระดาษโน้ตใบเล็กออกมาดูที่อยู่ผู้ว่าจ้าง ก่อนจะโบกรถแท๊กซี่เพื่อเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น เธอรับงานมาจากนันทินีเพื่อนสาวซึ่งเปิดสถานพยาบาลและส่งคนไปดูแลผู้ป่วยที่บ้าน งานในหน้าที่พยาบาลพิเศษดูแลผู้ป่วยตามบ้านสร้างรายได้ดีพอสมควร เมื่อเทียบกับการเป็นพยาบาลตามโรงพยาบาลทั่วไป ม่านไหมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้วลายเมฆยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น พี่ชายเธอไม่เคยเหลวไหล หญิงสาวกดโทรหาพี่ชายซ้ำอีกรอบ สัญญาณตอบรับถูกปิด ปกติลายเมฆไม่เคยปิดเครื่องเพราะเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เขาใช้ติดต่อน้องสาว ม่านไหมรู้สึกสังหรณ์ใจเกรงพี่ชายจะถูกเจ้าหนี้เอาตัวไป แต่ด้วยหน้าที่บังคับทำให้เธอต้องรีบไปบ้านของนายจ้าง เพื่อดำเนินการพูดคุยเรื่องสัญญาว่าจ้าง หากนายจ้างยอมรับเธอเข้าทำงานจะได้อาศัยอยู่ที่บ้านของนายจ้างหมดปัญหาเรื่องที่พัก และจะได้ขอเบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้พี่ชายเป็นทุนในการหลบหนี จนกว่าลายเมฆจะหาเงินมาใช้หนี้เจ้าหนี้ได้

รถแล่นมาจอดที่บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ม่านไหมจ่ายค่ารถแล้วรีบเดินไปที่ป้อมยามหน้าบ้าน แจ้งความประสงค์ขอเข้าพบเจ้าของบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน

บ้านหลังนี้ จะเรียกให้ถูกคือคฤหาสน์หลังนี้เนื้อที่ไม่ต่ำกว่าห้าไร่ ใหญ่โตและกว้างขวางทีเดียว ม่านไหมถูกพามาถึงหน้าประตูบ้านด้วยรถกอล์ฟ นายจ้างของเธอคงกลัวว่าหากเดินไปอาจใช้เวลานาน จึงอำนวยความสะดวกให้ หญิงสาวมองสำรวจไปรอบๆ คฤหาสหลังามอย่างตื่นตาตื่นใจ หวังอยู่ในใจลึกว่า หากเธอได้ทำงานที่นี่ค่าจ้างคงไม่น้อย

“คุณท่านเรียนเชิญที่ห้องทำงานค่ะ”

แม่บ้านในชุดสีขาวสะอาด ผายมือให้เดินตามไปยังห้องทำงานของเจ้าบ้าน ซึ่งอยู่บนชั้นสอง ม่านไหมระงับความตื่นเต้นสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เรียกความเชื่อมั่น ก่อนจะเดินตามไป เมื่อมาถึงห้องหนึงซึ่งอยู่ด้านในสุด แม่บ้านก็เคาะประตู ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างในเอ่ยอนุญาต จึงเปิดประตูแล้วผายมือเชื้อเชิญ

“คุณท่าน จะสัมภาษณ์คุณ เชิญค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ม่านไหม พนมมือไหว้ตามประสาคนมืออ่อน เรียกรอยยิ้มพอใจจากแม่บ้าน

ร่างเพรียวในชุดเครื่องแบบสีขาวในมือถือแฟ้มเอกสารเดินตัวตรง เข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ แล้วพนมมือไหว้ผู้ที่นั่งรออยู่

“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อม่านไหม สิรินุภัทร ถูกส่งตัวมาจากศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัย นันทินีเนิร์สซิ่งโฮมค่ะ เพื่อมาดูแลผู้ป่วยตามที่ได้รับการติดต่อไปค่ะ”

ม่านไหมแนะนำตัวอย่างสุภาพ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้เมื่ออีกฝ่ายผายมือให้ ดวงตากลมโตจ้องมองนายจ้างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวม แล้วรู้สึกใจสั่นขึ้นมา เมื่อหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน ว่าที่นายจ้างของเธอเป็นชายร่างสูงสวมชุดสูทสีเข้มเนื้อดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแบล์นดัง เขานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้นวมวางแขนบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้ายาวเรียวได้รูปเชิดขึ้นเล็กน้อย คิ้วดกหนาที่พาดเฉียงข้างขมับบนจมูกโด่งงามยกขึ้น ขณะใช้สายตาคมงามของเขากวาดมองเธอทั่วตัว ทำให้คนถูกมองร้อนวูบวาบไปทั้งตัวจนเผลอกำแฟ้มเอกสารในมือแน่น

“นี่เป็นสัญญาจ้าง อ่านก่อนถ้าคุณเต็มใจรับงาน ก็เซ็นด้านล่างของเอกสาร” เสียงทุ้มนุ่มหู เอ่ยออกมาเป็นภาษาไทยแปร่งๆ ทำให้รู้ว่าคนพูดไม่คุ้นชินภาษานี้เท่าไหร่ มือเรียวยาวได้รูปส่งเอกสารการว่าจ้างให้พยาบาลสาว ก่อนจะประสานกันไว้บนตัก เฝ้ารออย่างใจเย็น

ม่านไหมรับเอกสารมาอ่านดู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อในสัญญาระบุว่าเธอต้องไปดูแลคนป่วยที่ฮ่องกง พอสายตาอ่านพบค่าจ้างก็ตาลุกวาว อาทิตย์ละสองหมื่นเดือนละแปดหมื่น ค่าจ้างงามจนยากจะปฏิเสธลงคอ สัญญาว่าจ้างหกเดือน เจ้าตัวคำนวนตัวเลขในสมองคิดถึงรายได้ที่จะได้รับ ก่อนจะหยิบปากกามาเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่รีรอ โดยไม่สนใจอ่านข้อความที่เหลือ หากม่านไหมเงยหน้าขึ้นมองสักนิดก็จะเห็นแววตาวาวโรจน์ของผู้เป็นนายจ้างกับรอยยิ้มหมิ่นๆ บนริมฝีปากหยักโค้งนั้น
หลี่ไท่หยางมองพยาบาลสาวด้วยแววตาเกลียดชัง จากข้อมูลที่เขาให้นักสืบไปตรวจสอบจากทางฝ่ายไอทีของเน็ตเวิร์ค พบว่าชื่อของผู้ใช้อีเมล์ที่ใช้ในการสมัครเฟสบุ๊คเป็นของผู้หญิงที่ชื่อม่านไหม สิรินุภัทร เจ้าหล่อนทำงานเป็นพยาบาลรับดูแลผู้ป่วยตามบ้าน มีพี่ชายฝาแฝดชื่อลายเมฆ สิรินุภัทร เขาเชื่อว่าสองพี่น้องร่วมมือกันหลอกลวงน้องสาวของเขา เพราะนักสืบรายงานว่าลายเมฆติดหนี้พนันบอลเป็นเงินกว่าล้านบาท บางทีสองพี่น้องนี่อาจต้องการเงินไปใช้หนี้จึงทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ แต่พวกมันเลือกเหยื่อผิดคน มันคงไม่รู้ว่าเจนนิเฟอร์ ลี เป็นน้องสาวใคร ดวงตายาวเรียวตวัดมองใบหน้าเนียนใสของพยาบาลสาวด้วยแววตาเยียบเย็น เมื่อวานลูกน้องของเขาไม่สามารถเอาตัวลายเมฆมาได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาเมื่อเขามีแผนสองสำรองไว้ ด้วยการสั่งให้คนของเขาไปติดต่อว่าจ้างพยาบาลมาดูแลคนป่วย เจาะจงตัวเป็นม่านไหมคนเดียว และเธอกำลังเดินเข้าสู่กับดักของเขาแล้ว
“คุณตกลง ยอมรับเงื่อนไขการว่าจ้างทุกอย่างใช่ไหม” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ซ่อนแววตาเกลียดชังไว้ภายใต้รอยยิ้มละมุน

“ค่ะ คุณจะให้ดิฉันเดินทางไปดูแลผู้ป่วยวันไหนคะ จะได้เตรียมตัว”

ม่านไหมอยากทราบกำหนดการให้ชัดเจน เพื่อจะได้มีเวลาจัดการเรื่องพี่ชาย การเดินทางไกลครั้งนี้เป็นครั้งแรกของหญิงสาวที่ต้องจากบ้านเกิดและพี่ชายไป มันน่าหวั่นเกรงแต่ไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัว เพราะเธอไปทำงานปลอดภัยและมีรายได้สูง คุ้มค่ากับความลำบาก

“เราจะเดินทางวันนี้” หลี่ไท่หยางยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมพราวพรายขณะจ้องหน้าคนที่ทำตาโต “คุณตกลงเซ็นสัญญาว่าจ้างแล้วนะ ผมในฐานะนายจ้างขอสั่งให้คุณเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันหลังจากที่คุณจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จ คนของผมจะไปส่งคุณที่บ้านและรับกลับมาที่นี่”

ม่านไหมนิ่งอึ้งฟังนายจ้างโดยไม่ได้ปริปากพูดสักคำ มันเป็นคำสั่งแกมบังคับอยู่ในที เธอไม่มีสิทธิ์คัดค้านต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีบิดพลิ้วเมื่อเซ็นสัญญาไปแล้วนี่

“ฉันขอเบิกค่าจ้างล่วงหน้าก่อนครึ่งหนึ่งได้ไหมคะ” ม่านไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เธอจำเป็นต้องนำเงินไปให้พี่ชาย หากปากหนักไม่กล้าเอ่ยขออาจจะต้องรอถึงสิ้นเดือน

หลี่ไท่หยางแค่นยิ้ม มองหน้าลูกจ้างคนใหม่ของเขาอย่างดูแคลน หางโผล่ออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เห็ฯแก่เงินแบบนี้นี่เอง มิน่าถึงยอมเซ็นเอกสารจ้างงานง่ายๆ คงอ่านไม่ถึงหน้าสุดท้ายด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคงทักท้วงอะไรไปแล้ว เมื่อในสัญญามีเงื่อนไขบางอย่างระบุไว้

“ได้สิ ผมจะเซ็นเช็คให้” เขาบอกอย่างว่าง่าย

ดวงตากลมโตของม่านไหมเปล่งกายวาวจ้าอย่างยินดี ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นนายจ้างหยิบสมุดเช็คมาเซ็นให้โดยไม่อิดออด นึกชื่นชมความใจดีของอีกฝ่ายในใจ คนอะไรหน้าตาหล่อแล้วยังใจดีอีก เธอยอมทำงานถวายหัวแน่

“เตรียมตัวให้พร้อม งานที่รอคุณอยู่หนักหนาสาหัสไม่เบาเชียวละ” หลี่ไท่หยางเอ่ย พร้อมกับส่งเช็คให้พยาบาลสาว

ม่านไหมไม่ได้สะดุดหู กับน้ำเสียงเครียดๆ ของนายจ้างแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้รับค่าจ้างล่วงหน้า เธอตั้งใจจะเอาเช็คไปฝากโอโม่ไว้ แล้วค่อยบอกให้ลายเมฆมารับไป พี่ชายของเธอคงจะโวยวายไม่น้อย ถ้ารู้ว่าน้องสาวสุดที่รักไปทำงานไกลถึงฮ่องกง ห่างกันแค่หกเดือนเองพี่ชายตัวดีคงเอาตัวรอดจากมือเจ้าหนี้ อย่างน้อยเงินก้อนนี้คงพอทำให้ลายเมฆอยู่สบายไปสักพัก ม่านไหมรับเช็คมาใส่กระเป๋าไว้ พนมมือไหว้นายจ้างก่อนขอตัวกลับบ้าน

“ฉันขอตัวไปจัดกระเป๋าก่อนนะคะ คุณท่าน” เธอเรียกเขาตามที่ได้ยินแม่บ้านเรียก คนถูกเรียกนิ่วหน้าแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ

“ฉันชื่อหลี่ไท่หยาง ต่อไปนี้เธอต้องเรียกฉันว่าคุณหลี่ เข้าใจไหม” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวจนคนฟังสะดุ้งโหยง

“ค่ะ คุณหลี่” ม่านไหมรับคำพร้อมกับยิ้มแหยๆ

สายตาของหลี่ไท่หยางทรงอำนาจและแข็งกร้าวจนน่ากลัว ม่านไหมรู้สึกหวั่นหวาดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อาการเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าหล่อเหลามลายหายเกลี้ยงไปจากใจ นายจ้างของเธอมีบุคลิกน่าเกรงขามปนน่ากลัว หากไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นนักธุรกิจ เธอคงคิดว่าเขาเป็นเจ้าพ่อมาเฟียไปแล้ว

ร่างสูงขยับลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะ มาหาคนที่นั่งตัวสั่น วางมือบนไหล่บางก่อนจะยิ้มอ่อนโยน

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไปเตรียมตัวเถอะ”

หากเป็นนักแสดงหลี่ไท่หยางคงได้รางวัลออสก้า เมื่อเขาเปลี่ยนสีหน้าและท่าทาง ตลอดจนน้ำเสียงได้แตกต่างกันเพียงเสี้ยวนาที เขาโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าพยุงให้ลุกขึ้นพาเดินไป ม่านไหมเดินตัวลีบออกมาจากห้องพร้อมนายจ้าง จากที่เห็นตอนนั่งคิดว่าเขาคงจะตัวสูงมาก พอมายืนข้างๆแบบนี้แล้วเธอสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น วงแขนแข็งแรงโอบไหล่ของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาคมของเขาทอดมองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่แสดงอาการหลุกหลิกเหมือนการทำแบบนี้เป็นความเคยชินของเขา ทั้งที่เพิ่งพบกันครั้งแรกแท้ๆ

“ฉันว่า คุณปล่อยมือออกจากไหล่ฉันได้ไหมคะ คนของคุณอาจจะมองไม่ดี” เธอบอกเขาเสียงสั่น

ไม่เพียงแค่โอบไว้เท่านั้น แต่ปลายนิ้วของหลี่ไท่หยางยังลูบไล้ไปมาบนผิวนุ่มๆ ของเธอเล่น ร่างหนาเบียดชิดแนบลำตัว แขนของเขารัดร่างเล็กของเธอไว้แน่นการเดินจึงเหมือนถูกเขาลากไป เมื่อเท้าแทบจะไม่แตะพื้น

“ผมไม่ชอบคนดื้อ เข้าใจไหม” เขาหยุดเดิน แล้วก้มหน้าลงมากระซิบบอกเธอข้างหู ปลายจมูกโด่งเฉี่ยวแก้มนวลไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น

“เอ่อ... ฉันมาเป็นพยาบาลนะคะ”

ม่านไหมพยายามทำความเข้าใจกับนายจ้าง ว่าเขาจ้างเธอมาเป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงแสดงความสนิทสนมเกินขอบเขต แม้จะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดเนื้อตัวเพศตรงข้ามเพราะอยู่กับพี่ชายมาตลอด แต่ผู้ชายคนนั้นก็เป็นพี่ ต่างจากคนที่โอบกอดเธอคนนี้ เขาเป็นนายจ้างไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่แฟน การทำตัวสนิทถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้คงไม่เข้าที

“ขอโทษที ผมเคยชินน่ะ”


หลี่ไท่หยางเอ่ยขอโทษเสียงขุ่น นึกรำคาญหญิงสาวที่ทำหวงเนื้อหวงตัวเกินเหตุ คนอย่างเขามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา อุตส่าห์ลดตัวมาใกล้ชิดกับเธอก็บุญเท่าไหร่แล้ว หากไม่คิดจะอ่อยเหยื่อให้ตายใจ เขาคงไม่ลงทุนพูดจาดีๆ กับเธอแน่ รอให้พาตัวไปถึงฮ่องกงก่อนเถิด แม่ตัวดีจะได้รับบทเรียนอย่างสาสม

“ฉันว่าฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปทำธุระหลายที่ เดี๋ยวจะเสียเวลา” ม่านไหมได้โอกาสเมื่อเขายอมปล่อย รีบพนมมือไหว้ลา แล้วสาวเท้าเดินหนีขึ้นรถที่จอดรออยู่ทันที

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่โรงพยาบาล

คนเจ็บที่ถูกรถชนเมื่อวานฟื้นขึ้นมาในตอนเช้าวันนี้ ไม่ใช่เย็นวานอย่างที่คาด ญาดานอนเฝ้าดูอาการจนถึงเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงคนเจ็บร้องโอดโอย จึงรีบเรียกแพทย์มาดูอาการ หลังจากตรวจแล้วแพทย์ผู้รักษาก็รายงานอาการของคนเจ็บให้ทราบว่า

“คนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้สมองบวมส่งผลให้มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราว นอกจากแขนหักแล้วกับช้ำในแล้วอาการอย่างอื่นก็ไม่น่าห่วงครับ”

ญาดากุมหน้าผาก ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีที่ได้รู้อาการคู่กรณีของเธอ พระเจ้า... เขาความจำเสื่อม ไม่มีบัตรประชาชนมี่หลักฐานเอกสารว่าชื่ออะไร แถมยังได้รับบาดเจ็บหนักอีก

“แล้วเขาจะจำอะไรได้เมื่อไหร่คะหมอ”

“หมอบอกระยะเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้และการดูแลครับ”

ญาดาถอนหายใจหนักๆ ภาระกำลังหล่นโครมใส่หัวเธออย่างไม่ต้องสงสัย เธอคงไม่กล้าทิ้งเขาไว้ที่โรงพยาบาลด้วยสภาพน่าเวทนาแบบนี้แน่ มโนธรรมในจิตใจทำให้เจ้าของสวนกล้วยไม้สาว ตัดสินใจจะพาตัวคนเจ็บไปดูแลเอง หากเขาหายความทรงจำฟื้นคืนมา เขาคงจะหาทางติดต่อกับญาติพี่น้องของเขาได้ เวลานี้เธอจำเป็นต้องดูแลเขาไปก่อน

“ขอบคุณค่ะหมอ ฉันขอเข้าไปดูเขาก่อนนะคะ” ญาดาพนมมือไหว้นายแพทย์ ก่อนจะเข้าไปในห้อง

ร่างบนเตียงนั่งอิงหมอนนุ่ม พยาบาลผู้ดูแลปรับเตียงให้เอนเพื่อให้คนเจ็บนั่งเอนหลังได้สบายขึ้น แขนข้างขวาของเขามีเฝือกหุ้มอยู่ ศีรษะแตกมีผ้าพันแผลพันไว้มองเห็นรอยเลือดซึมออกมาจากบาดแผล เนื้อตัวมีร่องรอยถลอกและบวมช้ำหลายแห่ง อาการสาหัสไม่น้อย ญาดาทอดสายตามองด้วยแววตาเวทนา

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อญาดานะคะ”

เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ดวงตากลมใสจ้องมองใบหน้าเยินๆ ของเขาอย่างสงสาร ใบหน้าสวยเกินชายของเขาสะดุดตาคนมอง ดวงตากลมโตมีขนตาหนางอนสวยจนน่าอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วดกหนา ริมฝีปากรูปกระจับแดงสดเหมือนปากเด็กน่ามอง หน้าตาอ่อนใสแบบนี้คงจะอายุน้อยกว่าเธอหลายปี ญาดาเลยใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว มองหน้าคนมาเยี่ยม พยายามนึกว่าเธอเป็นใคร สมองของเขามันเปล่าโล่งไร้ข้อมูลไม่มีอะไรอยู่ในนั้นสักอย่าง พอตื่นขึ้นมาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขามองคนที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่ หน้าเธอไม่ถึงกับสวยจัด แต่น่ามองดวงตายาวเรียวไม่ถึงกับเล็กหยี แก้มนวลใสกับริมฝีปากบางสีกุหลาบนั่น ทำให้คนมองรู้สึกคอแห้งผาก วูบไหวขึ้นมาแปลกๆ ชายหนุ่มถอนสายตาจาใบหน้างามก้มมองดูมือข้างที่ถูกเฝือกครอบไว้ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกเอน็จอนาถกับสภาพของตัวเอง จำอะไรไม่ได้ไม่พอ ยังจะมาเป็นง่อยแขนหักอีก แบบนี้ไม่ต่างจากคนพิการเท่าไหร่เลย

“เรารู้จักกันด้วยเหรอ พี่รู้จักฉันใช่ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นเอยถามเสียงแผ่ว ใช้มือข้างที่ยังปกติจับมือเธอไว้ จ้องหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอางอย่างคาดหวัง อีกฝ่ายกระชับมือตอบ ยิ้มให้กำลังใจ

“พี่เป็นคนขับรถชนน้องเมื่อคืนก่อน ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ระวังจนทำให้น้องบาดเจ็บ”

ญาดาเอ่ยขอโทษจากใจ รอยยิ้มเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นคนเจ็บนิ่วหน้าแล้วดึงมือเรียวยาวของเขาออก ท่าทางคงโกรธไม่น้อยที่เธอเป็นคนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
“ฉันอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร ช่วยบอกด้วย” เสียงของเขากร้าวขึ้น ดวงตากลมโตวาววับกรุ่นโกรธ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่พาน้องมามีแต่เป้ใบนี้ใบเดียว”

ญาดาลุกขึ้นไปหยิบเป้สีดำที่วางอยู่บนโซฟา มาส่งให้เธอเปิดดูข้างในแล้ว พบแต่เสื้อผ้าผู้หญิงสามสี่ชุดกับเครื่องสำอางค์ และรูปถ่ายของชายหนุ่มหรือจะให้เรียกว่าชายใจสาวคงไม่ผิด เธอไม่กล้าบอกเขาว่าเขาเป็นอะไร ลองให้เจ้าตัวเห็นข้าวของกับรูปนั้นก่อน ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

“ทำไมมีแต่เสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอางด้วย”

ลายเมฆเทของในเป้ออกมากองบนเตียง ใช้มือข้างที่ปกติหยิบข้าวของในเป้ออกมาดูทีละชิ้น กระโปรง เสื้อสีหวาน ยังมีชุดชั้นในกับอันเดอร์แวร์ลูกไม้สีขาวอีกสองสามตัว ที่น่าตกใจจนคนเห็นมือไม้สั่นก็คือรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูฟูฟ่องแต่งหน้าทาปากครบเครื่องกำลังฉีกยิ้มให้กล้อง มือเรียวยาวหยิบกระจกส่องหน้าอันเล็กที่วางกองรวมกับตลับเครื่องสำอางมาส่องหน้าตัวเอง คนในรูปนั่นมันเขาชัดๆ

“ฉันเป็นกระเทยเหรอเนี่ย...” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่า ดวงตากลมโตเบิกค้างหน้าซีดเผือด ตกใจกับหลักฐานยืนยันตัวตน โดยไม่รู้ว่าผู้หญิงในรูปนั้นคือม่านไหมน้องสาวฝาแฝดของเขาเอง

ญาดามองหน้าซีดของกระเทยหน้าหวานอย่างเห็นใจ เอื้อมมือมาดึงเขามากอดไว้พ้อมกับลูบหลังปลอบโยน หากเธอเป็ฯเขาคงตกใจไม่แพ้กันเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้สักอย่าง หลักฐานที่มีก็บ่งชี้สภาวะทางจิตใจว่าตัวเองเป็นคนผิดเพศ ไม่ช็อคก็ใจแข็งเกินไปแล้ว

“จะเป็นอะไรก็เป็นคนเหมือนกันจ้ะ ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ” ญาดาเอ่ยปลอบใจ ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วลูบแก้มใสๆ ของกระเทยหน้าหวาน “เราน่ะเป็นกระเทยคุณภาพนะ สวยจนผู้หญิงอิจฉาเลยรู้ไหม”

ลายเมฆยิ้มแห้งๆ ไม่รู้สึกดีใจกับคำชมนั้นสักนิด แค่รู้สึกคุ้นกับคำว่ากระเทยคุณภาพ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขามองหน้าคนที่กำลังปลอบใจแล้วรู้สึกแปลกขึ้นมา เมื่อกี้ตอนที่ถูกเธอกอดทำไมกระเทยอย่างเขาถึงได้รู้สึกวูบวาบสะบัดร้อนสะบัดหนาวก็ไม่รู้ ยิ่งตอนนี้เขายิ่งรู้สึกร้อนวูบๆ ที่ช่องท้อง มือนุ่มของเธอลูบแก้มเขาแบบนี้ ชวนขนลุกยังไงไม่รู้ สุดจะทนไหว ลายเมฆเลยจับมือนั้นมากุมไว้ จะได้เลิกยุ่งกับแก้มของเขาเสียที

“แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปคะ จำอะไรไม่ได้แถมยังเป็นกระเทยอีก” คำว่ากระเทยมันช่างแสลงใจนัก ลายเมฆไม่อยากรับสภาพนี้ ไม่อยากคิดว่าตัวเองจะเป็นกระเทยได้ยังไง

“ไม่ต้องคิดมาก ระหว่างที่น้องยังจำอะไรได้ พี่จะพาน้องไปอยู่ที่บ้านพี่ก่อน หมอบอกว่าถ้าอาการบาดเจ็บหายสนิท ความจำจะฟื้นคืนกลับมาเอง”

“ฉันจำชื่อตัวเองไม่ได้ พี่ญาดาช่วยตั้งชื่อให้ฉันได้ไหมคะ จะได้เรียกกันง่ายๆ หน่อย”

ลายเมฆมองญาดาตาแป๋ว ยิ้มประจบอีกฝ่าย เธอเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เขาต้องเกาะไว้แน่นๆ การทำให้ตัวน่าสงสารน่าจะทำให้เธอเอ็นดู ไม่ทอดทิ้งเขาไประหว่างที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นิสัยดั้งเดิมที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของหนุ่มจอมกระล่อน เริ่มสำแดงเดช

“เอาชื่ออะไรดีน้า” ญาดาจับปลายคางกระเทยหน้าหวาน หมุนไปหมุนมา พิศมองใบหน้าอยู่ครู่หนึ่ง “เอาชื่อยอดฮิตอันดับหนึ่งของเด็กไทยแล้วกัน พี่จะเรียกเราว่าน้องเมย์ดีไหม”

“ค่ะ น้องเมย์ก็น้องเมย์ค่ะ” ลายเมฆยิ้มหวานพยักหน้ารับอย่างพอใจ

... ยังดีกว่าถูกเรียกว่านังกระเทยล่ะวะ เอ้ย! ค่ะ...

น่านเกือบหลุดคำหยาบไม่เป็นกุลสตรีออกมา กระเทยน้องใหม่ตำหนิตัวเอง ดีที่แค่นึกไม่เผลอหลุดปากออกมาเป็นคำพูด ไม่อย่างนั้นภาพพจน์ของกระเทยน้อยคนงามคงป่นปี้หมดสิ้น

“รอให้หมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ พี่จะพาน้องเมย์ไปอยู่ที่บ้านพี่นะคะ”
“ค่ะพี่ญาดา แล้วบ้านพี่ญาดาอยู่ที่ไหนคะ”
ลายเมฆใช้ว่าคะขาได้อย่างไม่ขัดปาก เสียงทุ้มถูกเจ้าตัวดัดจนหวานแหวว น่าเอ็นดูในสายตาของญาดา หญิงสาวรู้สึกเหมือนได้น้องสาวเพิ่มมาอีกคน หลังจากต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังตั้งแต่พ่อกับแม่ตายจากไป
“บ้านพี่ทำสวนกล้วยไม้อยู่ที่นครปฐมจ้ะ น้องเมย์น่าจะชอบนะ น้องเมย์เรียกพี่ว่าพี่แยมก็ได้นะ พี่มีชื่อเล่นว่าแยมจ้ะ” ญาดาลูบศีรษะของน้องสาวคนใหม่อย่างเอ็นดู ทอดสายตา

สำรวจใบหน้าของน้องเมย์อย่างวิเคราะห์ ผมยาวปะบ่าซอยสไลด์ทำสีออกน้ำตาลทองแบบนี้ ทำให้หน้าของน้องเมย์ดูใสกระจ่างน่ามอง ถ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ สาวๆ คงจะตามกันเกรียว หญิงสาวรู้สึกเสียดายความหล่อใสของกระเทยหน้าหวานขึ้นมา ก่อนจะสลัดความคิดบ้าๆ นั้นทิ้งจากสมอง

“น้องเมย์อยากทานอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่จะลงไปหาซื้อของกินมาตุนไว้ จะได้ไม่ต้องลงไปบ่อย”

“น้องเมย์อยากทานขนมเค้กค่ะพี่แยม ถ้ามีน้ำส้มคั้นด้วยก็ดีนะคะ” เจ้าตัวยิ้มหวานเอ่ยอ้อนๆ อย่างน่ารักน่าชัง

ขนมเค้ก น้ำส้มคั้น ของกินนางเอกแท้ๆ ความรู้สึกเสียดายความหล่อใสในใจของญาดาทวีขึ้นมาอีกสองเท่า ได้แต่มองหนุ่มหน้าสวยอย่างระทมใจ ก่อนจะเดินออกไปหาซื้อขนมเค้กกับน้ำส้มคั้นมาป้อนคนป่วย หลังจากนั้นก็นั่งมองกระเทย หน้าหวานแต่งหน้าทาปากอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมกับซดกาแฟดำแกล้มกับข้าวเหนียวถั่วดำปลอบใจตัวเอง

พรหมลิขิตชักพาให้เธอมาพบกับเขา แล้วไยต้องกลั่นแกล้งให้เขากลายเป็นชายใจหญิงด้วยหนอ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

อัพแล้วค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีฉากโหด หื่น นะคะ รอลุ้นต่อไป อิอิ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง




รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2555, 00:43:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2555, 00:47:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 4276





<< ตอนที่ 1. ต้นเหตุแห่งความแค้น   ตอนที่ 3. ชะตากรรมของสองพี่น้อง >>
หมูอ้วน 13 ก.ย. 2555, 06:06:42 น.
ฮาาา กลายเป็นกระเทยไปซะแล้ว


nunoi 13 ก.ย. 2555, 09:26:20 น.
อ้าว พ่อกระล่อนลายเฆม กลายเป็น หนูเมย์ ไปซะแล้ว อิอิ


wane 13 ก.ย. 2555, 13:44:43 น.
555+ กระเทยคุณภาพ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account