เจ้าสาวสิบแปด
อุบัติเหตุ ได้เกิดขึ้น จากเจ้าสาวยี่สิบสองมาเป้็นเจ้าสาวสิบแปด ชีวิตได้ถูกสิ่งใดลิขิต
Tags: เพื่อรัก

ตอน: คนที่รอ

ปวีณมองไปที่ร่างของคนรัก ยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มห่วงหาและห่วงใยราวกับว่าเส้นด้ายสีแดงของ
ชีวิตทั้งคู่กำลังจะฉีกขาดต่อกันเสียแล้ว
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ร่างซึ่งนอนหายใจสม่ำเสมอ เครื่องตรวจวัดชีพจร เดินเส้นอย่างปกติ ไม่มีอาการกระตุกใดๆให้วิตก หรือแสดงว่าอีกฝ่ายจะโคม่า แต่ทำไมเจ้าของร่างยังคงหลับลึกอย่างนี้
“แหม่ม ไปเที่ยวไหนหรือ ไปไกลมากหรือ กลับมาเถอะนะ พี่คอยแหม่ม คอยทุกลมหายใจ ตื่นขึ้นมาเถิดยอดรัก ตื่นเสียที” เสียงชายหนุ่มวิงวอนแผ่วเบาอยู่ข้างหูสาวสวยซึ่งหลับสนิท ขนตายาวงอนเป็นแพรหนาอย่างไม่ต้องพึ่งพาขนตาปลอมให้ดูหนักหนังตายังคงนิ่งไม่กระพริบไหว
เธอไปไกลอย่างชายหนุ่มเอ่ยออกเช่นนั้นหรือ!!!
รถเก๋งแจ๊สสีแดงแล่นเข้ามาในบริเวณลานหน้าตึกใหญ่ คุณหญิง วีณายืดตัวมองว่าเป็นใคร พอเห็นร่างสูงของหลานชายคนเดียวของท่าน จึงยิ้มกับตัวเอง
ร่างสูงของปุณในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงดำเดินเข้ามาก่อน เขาทักผู้เป็นยายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พิงกายราวกับจะให้จมลงไปในโซฟานุ่ม ด้วยท่าทีเงียบเหงา เศร้าซึม
“ทำใจเสียเถอะปุณยังไงก็มียายอยู่ข้างปุณเสมอ”
“ทำไมคนเราเกิดมาแล้วบางคนต้องสูญเสียซ้ำซากอย่างนี้ปุณไม่เข้าใจเลยครับคุณยาย” เสียงบอกแฝงเศร้า ตัดพ้อชะตากรรม “พ่อแม่ปุณตายตั้งแต่ปุณจำความไม่ได้ แล้วทำไมปุณ...”เขาเอ่ยแล้วเจ็บจุกในลำคอไม่สามารถพูดต่อออกมาได้อีก น้ำตารื้นเต็มขอบตาก่อนร่วงริน จนเจ้าตัวต้องรีบปาดเช็ดออกโดยเร็ว
คุณหญิงสงสารหลานชาย ซึ่งท่านเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กรักดั่งแก้วตาดวงใจ เวลานี้เขาเสียใจ ท่านก็เสียใจไปด้วย
“ยายเองก็สูญเสียเช่นเดียวกันนะลูก เสียแม่ของปุณ เสียคุณตา แล้วก็เพื่อนหลายคน”
เด็กหนุ่มอยากบอก ปุณรักเทียนสว่าง ปุณไม่อยากให้คนรักต้องตายเร้ซอย่างนี้ เขาพูดไม่ได้นอกจาก ชันเข่าขึ้นมาบนโต๊ะ แล้วก้มหน้าลงไปเช็ดน้ำตากับมัน
ไม่นานรถเบ็นซ์ของลูกชายเพียงคนเดียวแล่นตามเข้ามาจอดราวกับนัดกันกลับบ้านทำให้คุณหญิงต้องลุกขึ้นอย่างให้ความสนใจคนตามมาทีหลังมากทีเดียว
“น้าวีณกลับมาแล้ว น่าวีณก็กำลังมีเรื่อง ทุกคนล้วนแต่มีเรื่องทุกข์ ปุณอย่าคิดมากเลยนะลูก”
“ครับ”เด็กหนุ่มตอบรับโดยไม่ยอมเงยหน้า
ปวีณพาร่างใหญ่เข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถง คุณหญิงเดินมาดักรอถามเรื่องสำคัญอยู่แล้วชายหนุ่มจึงได้แต่เตรียมคำตอบ
“แหม่มไม่ดีขึ้นเลยหรือวีณ”
“ยังหลับอยู่ ทั้งที่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“คงไม่เป้นเจ้าหญิงนิทรานะวีณ”
“โอ้ ไม่หรอกครับ ไม่”ปวีณรีบปฏิเสธออกมาทันที “ยังไงแหม่มก็ต้องฟื้น ฟื้นแน่ๆ อาจจะพรุ่งนี้ก็ได้”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนัก ทำให้หลานชายยิ่งพานนึกถึงคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ น้าชายของเขามีหวัง ส่วนเขานั้นความหวังไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
“เป็นอะไรปุณ” ปวีณถามหลานชาย คุณหญิงเป็นฝ่ายตอบแทน ระหว่างเดินไปนั่งใกล้หลานเพียงคนเดียวของท่าน
“เพื่อนเกิดอุบัติเหตุ ไปงานศพสามคืนแล้ว พรุ่งนี้คงเผาแล้ว”
“ปุณไม่อยากได้ยิน” เด็กหนุ่มระเบิดออกมาย่างดัง ทำให้น้าชายและคุณยายสะดุ้ง
“ปุณ...”
“ปุณไม่อยากให้เทียนตาย ทำไมล่ะ ทำไมคนที่ตายต้องเป็นเทียน เขามีฝาแฝด เขามีแฝด ทำไมคนตายถึงไม่ใช่อีกคน ทำไมต้องเป็นเทียน”
คุณหญิงรู้ทันทีจากคำของหลานชายว่าคนที่จากไปไม่ใช่แค่เพื่อน หากเป็นคนสำคัญ...ท่านอดที่จะรู้สึกโล่งอกขึ้นมาในช่วงขณะหนึ่งไม่ได้ที่คิดว่า ดีแล้วที่ตายเสียได้ หาไม่หลานชายคงคว้าเด็กสลัมมาเป็นคนรักให้ท่านนี่ละที่จะเป็นฝ่ายอึดอัดตาย
ปวีณคิดตรงข้ามกับมารดา เพราะเขาย่อมเห็นใจคนที่มีความรักด้วยกัน ร่างใหญ่เอ่ยกับหลานชายว่า
“ไม่ว่าใครไม่อยากจากไปทั้งนั้น เราเลือกไม่ได้ หรือใครก็เลือกให้ใครตายไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์มากขนาดนั้นแม้ว่าเราจะรักเขามากเพียงใดก็ตาม”
“พี่แหม่มไม่ใช่คนตายนี่ครับ”
“ถึงใช่ น้าก็ไม่คิดโทษให้ใครให้มาตาย วันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุ แหม่มกับเด็กผู้หญิงเกิดอุบัติเหตุพร้อมกัน ทุกคนอยากให้ทุกคู่รอดตาย แต่ เด็กคนนั้นอาการสาหัสกว่าแหม่ม”
“ใช่ ผมนึกไม่ถึงเลยว่าวันที่เกิดเรื่องอาจจะเป้นคดีเดียวกันกับคนรักของน้าวีณ พี่แหม่มรอดแล้วนี่ครับ” ปุณประชดอย่างเลือดร้อน ปวีณสะอึกอึ๊ก กับปัญหาของหลานชาย
“หมายความว่าเด็กคนนั้นเป้นเพื่อนปุณ”
“ใช่ครับ เทียนสว่าง เทียนสว่างต้องมาตาย บางที...”
“หยุดนะปุณ” คนเป็นยายรู้ทันว่าปุณจะพาลพาโรไปที่น้าชาย “ถ้าจะโทษต้องโทษที่วาสนาของคน เพื่อนปุณหมดบุญจึงต้องจากไป” จากความเข้าใจแต่แรกที่ห่วงหลาน หลังจากรู้ว่าหลานคิดอย่างไรกับคนตาย กลายเป็นหวง
“พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่แหม่มกับยาย ไปดูว่าปุณควรจะโทษอะไรต่ออะไรอีกมั้ย”
เด็กหนุ่มผุดลุกเดินหนี ไม่ตอบรับว่าจะไปหรือไม่ เขาเดินลิ่วไปที่ประตูทางออก เพื่อเดินสู่อีกตึกหนึ่งซึ่งเป็นตึกหลัง เป้นที่อยู่ของเขากับคุณหญิง ซึ่งปวีณหันไปทางมารีดา ก่อนว่า
“ปุณเขาไม่ผิดอะไรนะครับคุณแม่ถ้าเขาจะรักเด็กคนนั้นและรู้สึกสูญเสียขนาดนี้”
“แต่แม่กลับรู้สึกว่า ดีเหมือนกัน เพราะแม่ไม่ต้องการให้เด็กสลัมมาร่วมบ้าน” ท่านทิ้งท้ายอย่างเอาแต่ใจ จากนั้นเดินตามหลังหลานชานไปลิ่วๆ แม้ว่าจะรู้ ปุณจะไม่มีทางเปิดห้องมาพูดคุยอะไรกับท่านในคืนนี้ แต่ขอเพียงท่านได้ไปเฝ้าดูแลอีกฝ่ายก็พอแล้ว
ปวีณมองตามร่างของมารดา พลางคิดถึงตัวเอง...ถ้าพันทิวาไม่ใช่สาวไฮโซ มารดาซึ่งถือชนชั้นทางสังคม คงไม่ยอมให้คบหากัน...มารดาคงไม่รู้ว่า ระหว่างที่เขาเรียนอยู่ต่างประเทศเขาใช้ชีวิตวัยหนุ่มเปลืองตัวมากเพียงใดกับคนที่เขาไม่เลือกว่า ชาติใด ภาษาใด และจนหรือรวย กระทั่งเขาได้พบพันทิวา โลกรอบตัวของเขาหยุดหมุนที่เธอเพียงคนเดียว
“พรุ่งนี้คงตื่นมาหาพี่นะที่รัก ตื่นมาคุยกัน มาวางแผนแต่งงานกันเร็วนะคนดีของพี่” ชายหนุ่มเว้าวอนด้วยความหวัง อย่างน้อยสมองเธอไม่ได้กระทบกระเทือน อาการของโรคนิทรานั้นคุณหมอรับรองแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องรอให้ร่างกายและสมองของเธอตื่นขึ้นมาดูโลกเท่านั้นเอง!!!
ม่านหมอกสีเทาแน่นหนา นำพาความเหน็บหนาวมาสู่ร่างโปร่งบางที่บางครั้งเป็นรูปร่างอย่างคน หากบางครั้งบิดเบี้ยวไม่ได้รูปทรง สิ่งที่เทียนสว่างสัมผัสรอบกายคือกลิ่นและอากาศรอบกาย ความหนาวเย็นทำให้เธอพยายามหลีกหนี และเธอกลับรู้สึกแปลกที่เหมือนเท้าเธอไม่ได้แตะพื้น เป็นไปอย่างลอย และยิ่งสูงมากขึ้น ไอสีเทาเริ่มจาง สว่างอย่างที่เธอมองไม่เห็น แต่รู้ว่าไม่ใช่สถานที่มืด กลิ่นดอกไม้หลากหลาย ราวกับอยู่ในสวนดอกไม้นานาชนิด ซึ่งแยกไม่ได้ว่าเป็นดอกอะไรกันแน่
ที่ไหนกันหรือจึงอบอุ่น หอม และน่าอยู่
“อยู่ไม่ได้”เสียงแผ่วหวานลอยมากระทบ “คนหมดหน้าที่แล้วเท่านั้นจะอยู่ที่นี่ได้”
“ใครกัน”
“ไปเถอะ รีบไป ไปที่ที่เธออยากไป”
“หาแม่ เทียนอยากไปหาแม่ หาธูป”เธอร้องบอก เสียงลอยบางเบา “ที่นี่ที่ไหน”
“บ้านเก่า บ้านเก่าของบางคน บางสิ่ง บางชีวิต”
เทียนสว่างคุ้นเคยกับที่นี่ หากว่า มีบางอย่างกั้นไว้ไม่ให้เธอได้เข้าไปใกล้กว่านี้ บางอย่างนั้นคือสิ่งที่เธอได้สัมผัส ความหนาว มืด และน่ากลัว
“ช่วยเทียนด้วย ช่วยด้วย”
แสงสว่างเรืองที่เธอสัมผัสห่อหุ้มเธอให้คลายความหนาว หากแล้วครู่เดียวกับรัดเธอแน่นให้หายใจไม่ออก มันเป็นแรงกอดรักจากอะไร ทำไมจึงมีกำลังมหาศาลเพียงนี้ ทำไมจึงได้บีบร่างเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลี ผ่านปล่องสีเทา สีดำ ผ่านออกไปยังช่องอันคดเคี้ยว ไร้จุดหมาย เหนื่อย เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว ทำไมเธอจึงไม่เป็นอิสระ เจ็บ เจ็บที่ศีรษะแทบระเบิด เจ็บ
“โอ๊ย” เสียงร้องสุดเสียงของเด็กสาวหลุดออกมาอย่างที่คนได้ยินคือแผ่วเบาเพียงลอดริมฝีปาก
ภายในห้องคนไข้พิเศษ มีแสงไฟสลัวส่องสว่างลาง ๆ หญิงสาวซึ่งเป็นผู้ป่วยซึ่งได้เป็นหลับสนิทมาสามวันได้เริ่มลืมตา ซึ่งหนักอึ้งในทีแรก ก่อนจะขยับมือ และรู้สึกเจ็บที่หลังมือ เพราะเข้มน้ำเกลือ จากนั้นเมื่อลืมตาได้เต็มที่เธอจึงมองสิ่งรอบกาย ความไม่คุ้นเคยผ่านสายตาเข้าให้รู้สึกพิศวง
เมื่อหญิงสาวขยับตัว ให้รู้สึกเจ็บปวดที่ต้นแขนขวา และที่ปลายข้อมือมีสายน้ำเกลือติดอยู่ สายตาคู่คม มีอาการบวมเล็กน้อยเพราะนอนมาก ได้เหลือบมองไปยังเตียงเล็ก ๆ สำหรับเฝ้าไข้ เทียนสว่างๆได้พบหญิงกลางคนหน้าตาไม่เคยเห็นนอนหลับสนิท
“ธูป ช่วยเทียนด้วย เทียนกลัว” หญิงสาวเรียกหาธูปหอมพี่สาวฝาแฝด ผู้เป็นที่พึ่งพากันมาแต่เยาว์วัย เธอลุกขึ้นลงจากเตียง แต่อาการมึนงงยังมีมาก ดังนั้นจึงสะดุดกับเสาแขวนถุงน้ำเกลือ
เคร้ง
คุณปริศนาซึ่งนอนเฝ้าลูกสาวที่เตียงเฝ้าไข้ ถึงกับสะดุ้งสุดตัว สิ่งหนึ่งในหัวใจคนเป็นแม่ที่ได้เห็นการกลับคืนมาของลูกสาวคือความยินดี ท่านรีบเข้ามายืนข้างเตียง ประคองร่างของลูกสาว หากคนในร่างกับมองอย่างตกใจ หวาดระแวง
“แหม่ม เป็นอะไรคะลูก แม่จะตามหมอนะลูก” เสียงอ่อนโยนของคุณปริศนาเรียกขวัญที่กำลังเสียของเทียนสว่างให้กลับคืน เด็กสาวชะงักงันไปชั่วขณะ เรียกชื่อที่เธอไม่รู้จักมาก่อนเลย
“แหม่ม เป็นอะไร เจ็บตรงไหน แม่จะตามคุณหมอมาดูอาการนะลูก ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวแม่มาจ้ะ” คุณปริศนาบอกอีกฝ่ายรัว ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่เทียนสว่างถามตามหลังท่านอย่างหวาดระแวง
“ป้าเป็นใครคะ แหม่มคือใครคะคุณป้า ที่นี่ที่ไหนกันคะ เอ่อ เทียน เทียนอยากกลับบ้าน”
“แหม่ม” คุณปริศนาตกใจสุดขีดกับถ้อยคำของลูกสาว
“อย่าทำอย่างนี้ อย่าล้อแม่เล่นอย่างนี้สิคนดีของแม่” ท่านน้ำตาร่วงพราว
“หนู ไม่ได้ชื่อแหม่มค่ะคุณป้า”
“ไม่ ไม่”คุณปริศนาร้องไห้โฮ รีบกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที สักครู่พยาบาลผู้ให้การดูแลรีบเข้ามาซักถามสิ่งที่ญาติคนไข้ต้องการความช่วยเหลือ
“มีอะไรคะ เป็นอะไร”
“ช่วยด้วยค่ะ ลูกสาวลูกสาวฟื้นแล้วแต่แกจำฉันไม่ได้” พยาบาลเข้าหาคนไข้ เทียนสว่างในร่างของพันทิวากระเถิบหนีห่าง แต่ก็ปวดตามร่างกายจนต้องหยุดนิ่ง คุณปริศนายืนพิงฝาร้องไห้ด้วยความเสียใจ
พยาบาลเตือนคนไข้ด้วยความหวังดี
“คุณพันทิวาอย่าดิ้นสิค่ะเดี๋ยวกระเทือนแผล”
“หนูไม่ได้ชื่อ พันทิวา ปล่อยหนู หนูจะกลับบ้าน หนูจะหาแม่ หนูจะหาแม่”
“คุณพันทิวาอย่าเพิ่งร้องไปนะคะ คุณอาจจะกระทบกระเทือนจิตใจต่ออุบัติเหตุทำให้เกิดความสับสน”
“ม่ายยยยยยยยยย”เธอกรีดเสียงบอกทุกคน “หนูไม่ใช่ชื่อแหม่มหรือพันทิวา ได้ยินมั้ย ได้ยินมั้ย หนูจะหาหาแม่” คนไข้ร้องร่ำก่อนเปล่งเสียงร้องไห้โฮ ขดตัวนิ่ง ด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
อาการของคนไข้มีความสับสน น่าวิตกเป้นอันมาก พยาบาลรีบแจ้งคุณหมอในขณะที่คุณปริศนารีบโทรศัพท์เรียกสามีมาเช่นกัน ท่านบอกเล่าให้สามีได้รับรู้ว่าลูกฟื้นแล้วแต่อาการน่ากลัวเหลือเกิน
ส่วนคุณหมอฤดีมาตรวจอาการพันทิวาตามลำพัง ซึ่งเป็นอาการที่เกินกำลังแพทย์สมัยใหม่จะวินิจฉัย คนไข้พูดพร่ำแต่ว่าเป็นคนอีกคนหนึ่งมิใช้เจ้าของร่างนี้ จิตวิญาณสลับร่างอะไรกันคุณหมอไม่เชื่อเรื่องที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่คุณหมอเชื่อว่า พันทิวาอาจฝังใจว่าหญิงสาวต้องการเป็นคนอื่น จึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เมื่ออธิบายให้บิดามารดาฟัง ท่านทั้งสองยิ่งไม่เชื่อเรื่องข้อสันนิษฐานข้อนี้เลยสักนิดเดียว เพราะลูกสาวของท่านเกิดมาบนกองเงินกองทองมีความสุขสบายเต็มที่รอบข้างเต็มไปด้วยคนรัก แล้วคนที่มีความอบอุ่นมากเพียงนี้หรือจะอยากเป็นคนอีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
คุณพรชัยโอบไหล่ภรรยาปลอบโยนเบา ๆ ทั้งที่ตัวเองก็ใจไม่ดีนัก ท่านได้แต่หาเหตุผลมาหักร้างต่อความเชื่อทางไสยศาสตร์ว่าลูกโดนผีเข้า ด้วยความคิดว่า ศีรษะลูกจะฟาดพื้นจนเสียความทรงจำ
“ลูกแหม่มเสียสติไปแล้วหรือคะ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณปริศนา เอ่ออย่างที่หมอบอกขั้นต้นคือ หนูแหม่มอาจจะอยากเป็น...”
“ดิฉันยอมรับไม่ได้หรอกค่ะกับข้อนี้ ลูกสาวมีความเพียบพร้อมมีคนรักที่ดี มีความสุขทุกอย่าง เธอจะอยากเป็นคนที่เราในครอบครัว หรือแม้แต่ตัวลูกแหม่มเองไม่รู้จักได้อย่างไรกันคะคุณหมอ”
คุณหมอหนักใจกับความขัดแย้ง ซึ่งแน่นอน ไม่มีหมอคนไหนไม่ดื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกท่านไม่มีเหตุผล เพราะบางเคสท่านเคยพบมาแล้วว่าโอกาสรอดของคนไข้เป็นศูนย์ แต่คนไข้คนนั้นกลับรอดมาใช้ชีวิตผิดแผกจากสิ่งที่เคยเป็น ซึ่งคุณหมอตั้งข้อสันนิษฐานไว้อีกระดับว่า อาจจะมีความผิดพลาดจากสมองส่วนความจำ
“หนูแหม่มได้รับการตรวจเช็คสมองอย่างละเอียดอีกครั้งนะคะ”
สองสามีภรรยาเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการของลูกสาว พันทิวาในสายตาของท่านหลับสนิทคุณหมอคงให้ยาระงับประสาทไป
“ลูกแหม่ม อย่าเป็นอะไรนะลูกแม่ใจไม่ดีเลย” คุณปริศนาบอกกับร่างของลูกสาวอย่างห่วงใย
“ประสาทเสื่อมอะไรพ่อก็จะรักษาให้หายขอเพียงแหม่มยังหายใจอยู่ก็พอแล้ว”
คุณพรชัยเสยผมลูกสาวที่ปรกหน้ารุ่ยร่ายให้เรียบร้อยความคิดของท่านต่างจากภรรยาตรงที่ว่า ลูกจะเป็นอะไรก็ช่างท่านยังรักเหมือนเดิมขอเพียงให้อยู่ได้เห็นหน้ากันเท่านั้นก็พอ พ่อแม่ต้องการเท่านี้ ต้องการได้เห็นลูกมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2555, 13:32:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2555, 13:32:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2246





<< ล่องลอย   จิตใจ >>
minafiba 13 ก.ย. 2555, 13:44:05 น.
ดีใจจังมาแล้ว


saralun 13 ก.ย. 2555, 15:41:19 น.
ตอนต่อไปมาแล้ว ^^


tutas 13 ก.ย. 2555, 15:51:53 น.
ในทีสุดก็ฟื้นซะที เริ่มส่อเค้าวุ่นวายแล้วสิคะ


เทียนจันทร์ 13 ก.ย. 2555, 18:03:06 น.
หนูเทียนตื่นแล้ว วู้ ๆ


Zephyr 13 ก.ย. 2555, 21:02:47 น.
ตื่นมาก็มีฤทธิ์เลยนะ ไปๆมาๆ ก็คนกันเองนะเนี่ย ปุณกับปวีณ อืม
จะเป็นไงต่อไป


คิมหันตุ์ 14 ก.ย. 2555, 02:20:55 น.
อ่าวปุณ ดันเป็นญาติคุณวีณ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account