ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สิบสาม นกสีสวย นายพราน เทวดา 100%
บทที่สิบสาม
พิมพ์นารายื่นหน้าโผล่ออกมาจากห้อง เธอมองซ้ายขวาให้แน่ชัดว่าไม่มีใครดักรออยู่เช่นสองวันที่ผ่านมา ร่างบางจึงก้าวออกมาจากห้องอย่างสบายใจ
ไม่ทันที่เธอจะได้ออกไปไกลมากกว่านี้ บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้ขาทั้งคู่ของเธอชะงัก
“คุณนาราครับ ไม่ทราบว่าจะไปไหน”เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด
หญิงสาวหันหน้ากลับมามองเจ้าของเสียง เขายืนหลบอยู่ซอกมุมอับของประตู ถึงว่าทำไมเมื่อกี้เธอจึงมองไม่เห็น ยะตีมมองร่างบางในชุดคาฟตานด้วยอย่างนิ่งสงบ ถึงแม้เธอจะปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งแต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าตัว
ของหญิงสาวเองรู้สึกเช่นไรผ่านทางดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
“ยะตีม…”เธอเอ่ยเว้าวอน
“ตอนนี้ลอรองซ์ยังพักอยู่ที่นี่ครับ”
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับเขาเลย”เธออธิบาย
สองวันมานี้ไม่ว่าทุกที่ที่เธอไปล้วนแต่มีใบหน้าของชายหนุ่มนามลอรองซ์โผล่มายิ้มแป้นเสมอ ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ทางสวนดอกไม้ด้านหลัง น้ำตกเย็นๆที่เป็นสถานที่พักผ่อน ล็อบบี้โรงแรม โต๊ะอาหาร ต้องมีชายในชุดสูทตามมาสิงสถิตด้วย แรกๆเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พอนานเข้าที่เขาโผล่มาเช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น รอบหัวค่ำ ทุกที่ที่เธอไป เธอก็พอจะเดาออกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว
โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำทะเลที่มองจ้องมาคู่นั้น เธอไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออกว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ
สายตาน่าขนลุก…
“นั่นไม่ใช่ประเด็น”เขาเอ่ย
“แล้วคุณจะให้ฉันอยู่ในห้องอย่างเดียวเหรอค่ะ”เธอเริ่มตะเบงเสียง
เมื่อวานเธอหลังจากที่เธอลงไปทานอาหารเช้าแล้วพบชายหนุ่มนามลอรองซ์นั่งจิบกาแฟรออยู่ก่อนแล้ว ยะตีมก็ออก ‘คำสั่ง’ ให้เธอขึ้นมาบนห้องทันที ส่วนอาหารเขาจะสั่งให้พนักงานขึ้นเอามาให้ด้านบนทั้งสามมื้อ แรกๆเธอก็พอทนได้เพราะมีหนังสือที่ชายหนุ่มซื้อมาให้อ่านแก้เบื่อ แต่ก็ได้ไม่นาน! ถึงเธอจะรักการอ่านซักแค่ไหน การนั่งอ่านหนังสือในห้องสี่เหลี่ยมนานๆมันไม่ใช่อะไรที่สนุกเลย ไม่เลยซักนิด!
“ฉันจะไม่ยุ่งกับเขา ฉันแค่อยากจะไปหาที่นั่งรับลมธรรมชาติอ่านหนังสือที่คุณซื้อมากองไว้ให้ก็แค่นั้น ถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ในห้องนักคุณก็จับฉันมัดไว้กับขอบเตียงเลยสิ!”
“ผมก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกันเวลาที่เห็นคุณไม่ทำตามที่ผมบอก”เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ก็นี่ไงฉันไม่ทำตาม!”เธอจ้องเขาอย่างท้าทาย
“คุณนาราครับ”
“ทำไม”
“ผมรู้ว่าคุณเบื่อ”
เธอหยุดฟังเมื่อเห็นเขามีท่าทีอ่อนลง ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจ้องตาเธอกลับเช่นกัน
“แต่ในเมื่อลอรองซ์ยังเสนอหน้าอยู่แบบนี้ ถ้าท่านอัลลัยล์รู้ผมคงจะโดนไม่ใช่น้อย”
“คุณกลัวเขาเหรอ”
“คุณก็จะโดนไม่ใช่น้อยครับนารา”
หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงหัวเราะในลำคอ
“ผมรู้คุณคงจะตลกมาก”เขาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“ฉันเครียดจริงๆนะยะตีม คุณจะขังฉันอยู่ในห้องแบบนี้ไม่ได้นะคะ”หญิงสาวปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะย้ายร่างของตนไปยืนพิงกำแพงแทน
“คุณอยาก ‘โดน’ ไม่ใช่น้อยเหรอ”เขาเน้นย้ำบางคำ
หญิงสาวซ่อนสีหน้าแดงระเรื่อไว้ภายในผ้าผืนบางๆ
“นั่นปากเหรอค่ะ”เธอตอบเสียงแข็ง แต่ในใจนั้นไปอีกเรื่องแล้ว
ชายหนุ่มถอยหลังไปชิดกำแพงอีกด้าน เขายืนกุมมือตัวตรงรักษามาดดั่งเช่นทุกครั้ง
พิมพ์นารามองระยะห่างระหว่างเขากับเธอก่อนจะเริ่มรู้สึกปลง
“คุณอยากตะโกนคุยเหรอ”
“แค่นี้ผมก็ได้ยินแล้วครับ”เขาพูดเสียงเรียบ
“อัลลัยล์จะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”เธอเอ่ย
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบซักครู่ ถึงเธอกระชับหนังสือในมือแน่นแต่สมองก็ล่องลอยคิดไปต่างๆนาๆ
ยะตีมลอบสังเกตอาการของหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่ใช่คนร้ายกาจดื้อด้านแต่อย่างใด หากพูดดีๆหญิงสาวก็พร้อมจะฟังและปฏิบัติตาม
แต่เรื่องบางเรื่องไม่ว่าจะพูดดี เว้าวอน อธิบายซักแค่ไหน อย่าว่าแต่ทำตามเลย แค่ให้ยืนฟังให้จบก็นับว่ายากแล้ว
เขาได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นหนักกว่าทุกครั้ง เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์รับฟังเรื่องราว ‘บางอย่าง’ จากผู้เป็นน้องชายถึงสาเหตุที่เจ้านายกลับมาที่มุบาร็อกช้ากว่ากำหนด แม้เมื่อครั้งก่อนเขาจะได้รู้เรื่องพวกนี้มาบ้างแล้วแต่พอทุกอย่างมันเข้ามากระชั้นชิดแบบนี้ก็ทำให้อดใจหายไม่ได้ คำสั่งจากผู้เป็นนายคือปิดบังทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้หญิงสาวตรงหน้าได้รับรู้เรื่องนี้
คู่หมั้นของท่านอัลลัยล์ได้ติดต่อมาแล้ว…คาดว่าวันนี้เธอจะมาถึงไคโร
และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมเจ้านายกลับมามุบาร็อกไม่ได้ เจ้านายจะต้องอยู่กับเธอ เธอคนนั้น ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้น!
“พาฉันไปไคโรไม่ได้เหรอ ไหนๆอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แล้ว”เธอเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ยะตีมกดสีหน้าหวาดหวั่นของตนให้อยู่ลึกลงไปที่สุด สิ่งที่เขาจะทำได้ในตอนนี้คือทำทุกอย่างให้เป็นปกติ อย่าให้เธอสงสัยอะไรเด็ดขาด
“คุณจะไปป่วนอะไรที่ไคโรอีก”เขากดน้ำเสียงให้นิ่งสงบ
“ถ้าอัลลัยล์ทำงานฉันก็จะไม่กวนหรอก เอาฉันไปทิ้งไว้ที่บ้านฉันก็ได้ ฉันอยากกลับบ้าน”น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ
“คุณอย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลย ลอรองซ์ต้องตามคุณไปที่บ้านอันแสนสงบนั่นแน่”
เขาชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวทำอะไรบางอย่าง
“คุณจะปลดผ้าออกทำไม!”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
หญิงสาวกำผ้าบางไว้อีกมือหนึ่งก่อนจะเงยหน้ายิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม
“ฉันจะยิ้มให้คุณนี่ไง”
“….”
“ตะกี้คุณบอกว่าลอรองซ์จะตามไปใช่มั้ย คุณก็มาอยู่ที่บ้านกับฉันสิยะตีม เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งย่ามอะไรกับฉัน”เธอพูดราวกับมันเป็นเรื่องง่าย
ยะตีมถอนหายใจก่อนจะปฏิเสธความต้องการของหญิงสาว
“มันเป็นไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมอีกครับ”
“เฮ้อ!”เธอถอนหายใจ
“ฉันโทรหาครอบครัวไม่ได้เหรอ?”เธอเอ่ยถาม
ยะตีมนิ่งเงียบ เขาไม่รู้จะสรรหาประโยคอะไรมาปฏิเสธอะไรหญิงสาวตรงหน้าอีก
พิมพ์นารารับรู้คำตอบได้จากท่าทางของชายหนุ่ม เธอไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากเขาให้มากไปกว่านี้ เธอรู้ว่ายะตีมได้รับคำสั่งมาและเขาก็ต้องทำตาม จะมาทำตามใจเธอกับเรื่องไร้สาระไม่ได้
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนที่อยู่ไกลคนนั้น…
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”เขาเว้นวรรคพร้อมกับมองหญิงสาวอย่างชั่งใจ
“เล่าต่อสิค่ะ”
“มีนกตัวหนึ่ง สีสันสวยงามเป็นที่ต้องตาผู้คน วันหนึ่งระหว่างที่นกตัวนี้ท่องเที่ยวหากินตามปกติ มันก็ต้องพบกับบางสิ่งบางอย่าง”
“เพราะมันมองโลกใบใหญ่ในแง่ดีเสมอ มันไม่เคยเจอสิ่งที่เรียกว่าอันตรายมาก่อน ดังนั้นมันจึงไม่ระวังตัว”
“นิทานอะไรของคุณค่ะ ยะตีม”เธอส่ายหน้าน้อยๆพร้อมกับไถลตัวลงนั่งชันเข่าที่พื้น
“คุณยืนฟังดีๆไม่ได้เหรอครับ ถ้าจะนั่งก็ช่วยให้เกียรติผู้พูดมากกว่านี้หน่อยเถอะ”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมผู้พูดไม่ไปหาที่นั่งคุยกันดีๆละค่ะ ผู้ฟังก็เมื่อยเป็น”หญิงสาววางหนังสือลงข้างตัว มือทั้งสองวางประสานกันที่หัวเข่า เธอเงยหน้าเล็กน้อยช้อนตามองผู้พูด
“หรือว่าเราจะลงไปที่ล็อบบี้โรงแรมก็ได้นะคะ”เธอยิ้มหวาน
“ด้วยความที่มันไม่ระวังตัว สุดท้ายก็โดนนายพรานจับจนได้”เขาสบตาหญิงสาวพร้อมกับเล่า ‘นิทาน’ ต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หาเรื่องพูดขัดขึ้นมาอีก
“มันเป็นนกที่สวยแปลกตา นายพรานจึงเฝ้าถนอมเลี้ยงดูมันในกรงทองอย่างดี ทั้งธัญพืชราคาแพง น้ำผึ้ง ทุกอย่างที่ล้วนแต่เป็นของมีราคา นายพรานสรรหามาให้นกตัวนี้เพื่อทดแทนอิสรภาพที่หายไป”
“แต่นกตัวนี้ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย สีสันของมันเริ่มหม่นหมองลงเรื่อยๆ จนนายพรานต้องกลับมานั่งคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลี้ยงดูนกน้อยไม่ดีตรงไหน ทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น”
“แล้วยังไงต่อค่ะ”
“คุณนาราคิดว่ายังไงครับ”ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ
“นายพรานเห็นแก่ตัว”เธอก้มหน้ามองพื้น
“เห็นแก่ตัวยังไงครับ”
“นกมีปีกก็ต้องอยากใช้ปีกที่ว่านั่นโบยบินในท้องฟ้ากว้างใหญ่อยู่แล้ว กรงแคบๆนั่นไม่ใช่โลกของนกตัวนั้น”
“นายพรานอาจจะหวังดีให้นกสีสวยตัวนั้นไม่ต้องเจอเรื่องแย่ๆข้างนอกก็ได้นะครับ”เขายกเหตุผลมา
“เขากำลังฆ่านกตัวนั้นให้ตายอย่างช้าๆ”หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับตนเอง
“ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนแต่ต้องการอิสรภาพ”
“แล้วคุณล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถาม
พิมพ์นาราลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เธอปัดรอยยับยู่ยี่ตามชายกระโปรงให้เข้าที่ก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆไปให้ชายหนุ่ม
“ฉันก็ต้องการ”เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว
“คุณเอามาให้ฉันได้รึเปล่าล่ะ”เธอเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีคำตอบให้เธอใบหน้าจึงเบือนหนีไปทางอื่น
ยะตีมกลั้นหายใจเพื่อย้ำตัวเองว่าไม่ควรแสดงสีหน้าอะไรออกไปมากกว่านี้ เธอพูดถูก…เธอควรได้รับอิสรภาพ สิ่งที่เธอควรจะได้ ไม่ใช่สิ…มันเป็นของเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่มีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เจ้านาย’ ของเขาพรากมันมาจากเธอ แม้จะสงสารแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
เขาเก็บความสงสัยไว้ในส่วนลึก หญิงสาวตรงหน้าเขากำลังจะตายอย่างช้าๆเหมือนนกตัวนั้นรึเปล่า ยิ่งถ้าเธอรู้เรื่องที่ถูกปิดบังไว้ มันจะเป็นยาพิษที่เร่งให้เธอหมดลมหายใจไวกว่าเดิมหรือไม่
“และแล้ว ฟ้าก็สงสารนกน้อยตัวนั้น เลยส่งเทวดาลงมาช่วยนกน้อยออกจากกรง”เสียงทุ้มของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น
พิมพ์นาราและยะตีมต่างพร้อมใจกันหันไปยังแขกไม่ได้รับเชิญที่เดินฮัมเพลงเข้ามา
ชายหนุ่มในชุดลำลองสบายๆ มือหนาของเขาถือพัดไม้โบกลมใส่หน้า เสื้อเชิ้ตลายดอกแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีครีม และรองเท้าแตะสีดำ เขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเธอสังเกตเห็นว่าวันนี้เขามีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับนารา ผมชื่อลอรองซ์ มาร์แตง”เขาโค้งตัวให้เธอเล็กน้อยก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ชายหนุ่มที่อยู่มาก่อนหน้าตน
เธอลอบถอนหายใจเล็กน้อย ทุกครั้งที่เจอชายหนุ่มนามลอรองซ์นี่ เขาจะแนะนำตัวเองก่อนตลอด จากเธอที่พยายามไม่จำชื่อของชายผู้นี้ แต่สุดท้ายมันก็วิ่งเข้าหัวเองโดยไม่ต้องสั่ง
และวันนี้เธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆให้ยะตีมฟัง ถึงเเม้เธอไม่โผล่หน้าลงไปที่สาธารณะข้างล่างเเต่ชายหนุ่มผู้นี้ก็เสนอหน้าขึ้นมาหาเธอถึงข้างบนจนได้
“บังเอิญจังนะครับนารา”เขายิ้มกว้าง
เเต่เธอคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก เขาเป็นคนที่ไร้มารยาทยืนฟังบทสนทนาของเธอเกับยะตีมมาได้ซักพักเเล้วเเน่นอน
“สวัสดีครับคุณลอรองซ์”ยะตีมเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับย้ายร่างของตนเข้ามายืนข้างกายของหญิงสาว
“หน้านายไม่ได้ยินดีเลยนะที่เห็นผม”ลอรองซ์กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“เมื่อกี้ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ…”เขาทำท่าครุ่นคิด
“ใช่แล้ว…นกน้อยตัวนั้นอาจจะตาบอดด้วยนะครับนารา มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย น่าสงสาร”ลอรองซ์ใช้พัดไม้ปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของตน เหลือแต่ดวงตาคู่นั้นที่จ้องไปยังชายหนุ่มอีกคน
“ว่าไงยะตีม นกตัวนั้นตาบอดรึเปล่า”
“คุณพูดถึงเรื่องอะไรครับ”
“ต้องให้ผมบอกจริงๆเหรอครับ”ลอรองซ์ยิ้มที่มุมปาก
เธอมองชายสองคนที่กำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องของ ‘นิทาน’ ด้วยแววตาฉงน ทั้งสองคนเหมือนกำลังทำสงครามเย็น แม้ใบหน้าหล่อเหลาของพวกเขาจะประดับรอยยิ้มส่งให้กันและกัน แต่ในความรู้สึกของเธอมันบอกว่าภายใต้รอยยิ้มพวกนั้นมันมีอะไรที่มากกว่า
“มีอะไรกันรึเปล่า”เธอเอ่ยถามชายหนุ่มข้างตัว
“นกตาบอด”เสียงทุ้มของชายหนุ่มดวงตาสีน้ำทะเลขัดขึ้น
“เกี่ยวอะไรกับนกตาบอดค่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงนิทาน”เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบไม่ตรงคำถาม
“นารารู้รึเปล่าครับว่าผมรวย”เขามองกลับมาทางเธอ
“ฉันพอรู้”เธอตอบหลังจากที่มองชายหนุ่มเจ้าของคำถามตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูจากวันนี้ที่เขาแต่งตัวประชดทะเลทรายอันแห้งแล้ง โชคดีแค่ไหนแล้วที่ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไม่จับโยนออกไปข้างนอก
“ดังนั้นผมจึงมีโลกทัศน์กว้างไกล ถึงแม้ตัวจะอยู่แค่ที่นี่ก็เถอะ”
ยะตีมหายใจลึกกับคำว่าโลกทัศน์กว้างไกล! ใช่ คนตรงหน้าเขาถึงแม้จะใช้ชีวิตเรร่อนไปวันๆหาแก่นสารไม่ได้ที่โรงแรมนี้ แต่พอก้าวออกไป เขาคือนักธุรกิจหนุ่มที่สามารถครอบครองเศรษฐกิจทางด้านการนำเข้าน้ำมันดิบได้มากกว่า ครึ่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่เรื่องภายนอกทุกอย่างจะอยู่ภายในหูตาคู่นั้น!
“ผมไม่พูดนอกเรื่องแล้วครับ นารามาฟังนิทานต่อเถอะ”ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขาส่งยิ้มให้เธอ
“ฉันฟังจากยะตีมจบแล้ว”เธอตัดบท แต่ดูท่าอีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจคำตอบของเธอมากเท่าใดนัก
“เทวดาได้ยินเรื่องของนกน้อยจากสายลมที่พัดผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะไปเจอนกน้อยตัวนั้นซักที จนกระทั่งวันหนึ่งที่เทวดาล่วงรู้อนาคตบางอย่างที่จะเกิดขึ้นกับนกน้อย”เขาตีสีหน้าเศร้าก่อนจะปรับให้กลับเป็นปกติเพื่อเหลือบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่มผู้ติดตามของคู่แข่งทางการค้า
“เขาแสนที่จะสงสารนกตาบอดเหลือเกินที่ไม่สามารถรับรู้เรื่องของนายพรานได้ แม้จะอยู่ที่เดียวกันแต่มันก็มีเส้นบางๆขวางกั้น”
“ไม่สิ นกโดนนายพรานควักลูกตาแน่ๆเลย ไม่ให้รับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวนายพรานเอง”เขาพูดเองแย้งเอง
“ไม่นาน นกน้อยตัวนั้นตรอมใจกับเรื่อง ‘บางอย่าง’”ลอรองซ์เน้นย้ำบางคำ
ยะตีมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาอาจไม่รู้จุดประสงค์แท้จริงที่ชายผู้นี้เข้ามาใกล้พิมพ์นารา แต่กับคำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั่นบวกกับสายตาทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวถึงอะไร
ลอรองซ์กำลังเล่นสงครามประสาท กำลังทำสงครามในแบบที่ตนเองถนัดที่สุด!
“ผมว่าคุณลงไปข้างล่างเถอะครับลอรองซ์ ที่นี่ที่อับสายตา มันไม่เหมาะที่จะให้คุณนาราอยู่”เขาจ้องหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่าย
“นายก็ไม่เหมาะจะอยู่กับเธอครับยะตีม นายไม่ใช่เจ้าของเธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงของนาย”น้ำเสียงของลอรองซ์แข็งทื่อ
“คุณก็ไม่ใช่ ดังนั้นจึงควรถอยออกไปได้แล้ว”น้ำเสียงของยะตีมยังคงนิ่งเรียบเช่นทุกครั้ง
“แล้วทำไมผมจะต้องถอยละครับ”เขายิ้มเยาะ
ร่างหนาของชายในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาทางด้านหลังของลอรองซ์ พวกเขาหยุดยืนสงบด้านหลังผู้เป็นเจ้านายเพื่อรอคำสั่ง
“คุณมันก็แค่คนนอก ผมเป็นผู้ติดตามของท่านอัลลัยล์ ดังนั้นจะมาคุ้มครองผู้หญิงของเจ้านายก็คงไม่ใช่เรื่องผิด”เขาแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“นายอยากหมดหน้าที่นั้นมั้ยยะตีม ให้นาราเป็นคนตัดสินทุกอย่าง ตัดสินจากสิ่งที่ผมจะบอกเธอ”
“ถ้าคุณคิดว่าคุณมีโอกาสจะพูดได้จนจบ”เสียงของยะตีมแข็งกร้าว ใบหน้าหล่อเหล่ามีกรามนูนขึ้นชัดเจน
“ผมสู้คุณไม่ได้หรอก บอดี้การ์ดที่เหลือของผมรวมตัวกันก็สู้คุณไม่ได้หรอกยะตีม”แม้คำพูดจะตรงกันข้าม แต่รอยยิ้มนั่นมันบ่งบอกความเหนือชั้นได้อย่างชัดเจน
“แต่ผมว่าคงมีคนที่ห้ามคุณได้ ถ้าเธออยากฟังเรื่องที่ผมจะเล่าต่อ!”ชายหนุ่มมองมาทางเธอ
พิมพ์นารายืนสับสนกับบทสนทนาของชายทั้งคู่ เขาทั้งสองคนรู้เรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ และดูท่าแล้วมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
เธอจับแขนแข็งแกร่งของยะตีมเพื่อดึงให้เขาหันกลับมา
“ยะตีม คุณมีอะไรปิดบังฉัน”เธอจ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น
“อ้าวยะตีม! ตอบเธอไปสิครับ”เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะโยนพัดไม้ในมือไปด้านหลัง
“ยะตีม คุณบอกฉันมา”เธอเขย่าแขนแข็งแรง
ชายหนุ่มรีบดึงอารมณ์ของตนเองกลับมา แรงโทสะที่วิ่งพล่านในตัวมันทำให้เขาอยากเข้าไปอัดหน้าชายตาฟ้าคนนั้นเสียจริง แต่ถ้าทำแบบนั้นผลที่ได้ก็แค่ความสะใจ แต่ผลเสียที่จะตามมา…
เขายิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยพร้อมกับแตะไหล่บางอย่างเบามือ
โอ้…ถ้าเลือกได้เขาจะไม่เดินทางเส้นทางนี้เด็ดขาด
เส้นทางแห่งการหลอกลวง!
“ผมไม่มีอะไรปิดบังคุณครับ”
“จริงเหรอคะ คุณแน่ใจนะ”
“ครับ ผมพูดเรื่องจริง”
แม้เธอจะคลางแคลงบ้าง แต่ในเมื่อเขายืนยันกับเธอขนาดนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะซักไซร้ให้มากความ
เขาโกหกเธอแล้วหนึ่งครั้ง…หากมีครั้งที่สองมันคงจะเกินให้อภัย
พิมพ์นาราหันหน้าไปตามเสียงหัวเราะก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงแข็ง
“แล้วคุณมีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า”
ชายหนุ่มหยุดเสียงหัวเราะ เขากลับมายืนตัวตรงเสยผมไปข้างหลัง
“คุณอยากรู้ตอนจบของนิทานรึเปล่าครับนารา”
“ฉันไม่อยากรู้ค่ะ”เธอตอบ
“ไว้ซักวันผมคงได้มีโอกาสบอกตอนจบนั้นกับคุณ”เขายิ้มบางๆ
“คุณนาราเข้าไปในห้องเถอะครับ”ยะตีมดันร่างบางอย่างเบามือ
“ฉันไม่อยากรู้ตอนจบนิทานในแบบฉบับของคุณหรอกค่ะ”เธอยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะหันหลังเพื่อกลับเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย
เธอน่าจะเชื่อยะตีมตั้งแต่แรก…ผู้ชายคนนี้อันตราย จอมวางแผน เขามีเล่ห์เหลี่ยมสารพัดที่เธอตามไม่ทัน
“ผมก็แค่อยากแกล้งเธอกับยะตีมแค่นั้น ทำเป็นเครียดไปได้”เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ
ร่างบางของหญิงสาวชะงักอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองชายหนุ่มทั้งสอง
“ใช่มั้ยยะตีม”
แม้ผู้ถูกถามจะอยู่ในอาการอยากเหยียบหน้าคนมากเท่าใดแต่ก็ต้องฝืนไว้
“ใช่ครับ”
ลอรองซ์หัวเราะปนกับพูดเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออกกับเหล่าบอดี้การ์ดเบื้องหลัง ก่อนที่เธอจะได้เปิดประตูเข้าไปเสียงทุ้มนั้นก็กลับมาพูดภาษาอังกฤษ แต่เวลานั้นเธอไม่มีอารมณ์ที่จะฟังคำพูดจากปากของเขาเสียแล้วจึงไม่มีโอกาสได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น…
“เทวดาจะให้พรวิเศษกับนกตาบอด 1ข้อ ขึ้นอยู่ที่ว่ามันจะเลือกขออะไร”
ยะตีมปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะหันมาประจันหน้ากับชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ยืนทำสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ลอรองซ์แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบางอย่างและหันหลังเดินกลับไปยังที่ที่ตนจากมา
“ตั้งใจทำหน้าที่นี้ให้ดีนะครับ อีกไม่นานหรอก…”
“อีกไม่นานเจ้านายผมก็จะกลับมาครับ และกรุณาช่วยออกไปจากชั้นนี้ด้วย ผมจองไว้ทั้งชั้นแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นพื้นที่ส่วนตัว”เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ให้ตายเถอะ! เจ้านายและฮาฟิซจะต้องจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เวลานั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม…
พิมพ์นารายื่นหน้าโผล่ออกมาจากห้อง เธอมองซ้ายขวาให้แน่ชัดว่าไม่มีใครดักรออยู่เช่นสองวันที่ผ่านมา ร่างบางจึงก้าวออกมาจากห้องอย่างสบายใจ
ไม่ทันที่เธอจะได้ออกไปไกลมากกว่านี้ บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้ขาทั้งคู่ของเธอชะงัก
“คุณนาราครับ ไม่ทราบว่าจะไปไหน”เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด
หญิงสาวหันหน้ากลับมามองเจ้าของเสียง เขายืนหลบอยู่ซอกมุมอับของประตู ถึงว่าทำไมเมื่อกี้เธอจึงมองไม่เห็น ยะตีมมองร่างบางในชุดคาฟตานด้วยอย่างนิ่งสงบ ถึงแม้เธอจะปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งแต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าตัว
ของหญิงสาวเองรู้สึกเช่นไรผ่านทางดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
“ยะตีม…”เธอเอ่ยเว้าวอน
“ตอนนี้ลอรองซ์ยังพักอยู่ที่นี่ครับ”
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับเขาเลย”เธออธิบาย
สองวันมานี้ไม่ว่าทุกที่ที่เธอไปล้วนแต่มีใบหน้าของชายหนุ่มนามลอรองซ์โผล่มายิ้มแป้นเสมอ ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ทางสวนดอกไม้ด้านหลัง น้ำตกเย็นๆที่เป็นสถานที่พักผ่อน ล็อบบี้โรงแรม โต๊ะอาหาร ต้องมีชายในชุดสูทตามมาสิงสถิตด้วย แรกๆเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พอนานเข้าที่เขาโผล่มาเช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น รอบหัวค่ำ ทุกที่ที่เธอไป เธอก็พอจะเดาออกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว
โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำทะเลที่มองจ้องมาคู่นั้น เธอไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออกว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ
สายตาน่าขนลุก…
“นั่นไม่ใช่ประเด็น”เขาเอ่ย
“แล้วคุณจะให้ฉันอยู่ในห้องอย่างเดียวเหรอค่ะ”เธอเริ่มตะเบงเสียง
เมื่อวานเธอหลังจากที่เธอลงไปทานอาหารเช้าแล้วพบชายหนุ่มนามลอรองซ์นั่งจิบกาแฟรออยู่ก่อนแล้ว ยะตีมก็ออก ‘คำสั่ง’ ให้เธอขึ้นมาบนห้องทันที ส่วนอาหารเขาจะสั่งให้พนักงานขึ้นเอามาให้ด้านบนทั้งสามมื้อ แรกๆเธอก็พอทนได้เพราะมีหนังสือที่ชายหนุ่มซื้อมาให้อ่านแก้เบื่อ แต่ก็ได้ไม่นาน! ถึงเธอจะรักการอ่านซักแค่ไหน การนั่งอ่านหนังสือในห้องสี่เหลี่ยมนานๆมันไม่ใช่อะไรที่สนุกเลย ไม่เลยซักนิด!
“ฉันจะไม่ยุ่งกับเขา ฉันแค่อยากจะไปหาที่นั่งรับลมธรรมชาติอ่านหนังสือที่คุณซื้อมากองไว้ให้ก็แค่นั้น ถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ในห้องนักคุณก็จับฉันมัดไว้กับขอบเตียงเลยสิ!”
“ผมก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกันเวลาที่เห็นคุณไม่ทำตามที่ผมบอก”เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ก็นี่ไงฉันไม่ทำตาม!”เธอจ้องเขาอย่างท้าทาย
“คุณนาราครับ”
“ทำไม”
“ผมรู้ว่าคุณเบื่อ”
เธอหยุดฟังเมื่อเห็นเขามีท่าทีอ่อนลง ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจ้องตาเธอกลับเช่นกัน
“แต่ในเมื่อลอรองซ์ยังเสนอหน้าอยู่แบบนี้ ถ้าท่านอัลลัยล์รู้ผมคงจะโดนไม่ใช่น้อย”
“คุณกลัวเขาเหรอ”
“คุณก็จะโดนไม่ใช่น้อยครับนารา”
หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงหัวเราะในลำคอ
“ผมรู้คุณคงจะตลกมาก”เขาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“ฉันเครียดจริงๆนะยะตีม คุณจะขังฉันอยู่ในห้องแบบนี้ไม่ได้นะคะ”หญิงสาวปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะย้ายร่างของตนไปยืนพิงกำแพงแทน
“คุณอยาก ‘โดน’ ไม่ใช่น้อยเหรอ”เขาเน้นย้ำบางคำ
หญิงสาวซ่อนสีหน้าแดงระเรื่อไว้ภายในผ้าผืนบางๆ
“นั่นปากเหรอค่ะ”เธอตอบเสียงแข็ง แต่ในใจนั้นไปอีกเรื่องแล้ว
ชายหนุ่มถอยหลังไปชิดกำแพงอีกด้าน เขายืนกุมมือตัวตรงรักษามาดดั่งเช่นทุกครั้ง
พิมพ์นารามองระยะห่างระหว่างเขากับเธอก่อนจะเริ่มรู้สึกปลง
“คุณอยากตะโกนคุยเหรอ”
“แค่นี้ผมก็ได้ยินแล้วครับ”เขาพูดเสียงเรียบ
“อัลลัยล์จะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”เธอเอ่ย
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบซักครู่ ถึงเธอกระชับหนังสือในมือแน่นแต่สมองก็ล่องลอยคิดไปต่างๆนาๆ
ยะตีมลอบสังเกตอาการของหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่ใช่คนร้ายกาจดื้อด้านแต่อย่างใด หากพูดดีๆหญิงสาวก็พร้อมจะฟังและปฏิบัติตาม
แต่เรื่องบางเรื่องไม่ว่าจะพูดดี เว้าวอน อธิบายซักแค่ไหน อย่าว่าแต่ทำตามเลย แค่ให้ยืนฟังให้จบก็นับว่ายากแล้ว
เขาได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นหนักกว่าทุกครั้ง เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์รับฟังเรื่องราว ‘บางอย่าง’ จากผู้เป็นน้องชายถึงสาเหตุที่เจ้านายกลับมาที่มุบาร็อกช้ากว่ากำหนด แม้เมื่อครั้งก่อนเขาจะได้รู้เรื่องพวกนี้มาบ้างแล้วแต่พอทุกอย่างมันเข้ามากระชั้นชิดแบบนี้ก็ทำให้อดใจหายไม่ได้ คำสั่งจากผู้เป็นนายคือปิดบังทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้หญิงสาวตรงหน้าได้รับรู้เรื่องนี้
คู่หมั้นของท่านอัลลัยล์ได้ติดต่อมาแล้ว…คาดว่าวันนี้เธอจะมาถึงไคโร
และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมเจ้านายกลับมามุบาร็อกไม่ได้ เจ้านายจะต้องอยู่กับเธอ เธอคนนั้น ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้น!
“พาฉันไปไคโรไม่ได้เหรอ ไหนๆอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แล้ว”เธอเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ยะตีมกดสีหน้าหวาดหวั่นของตนให้อยู่ลึกลงไปที่สุด สิ่งที่เขาจะทำได้ในตอนนี้คือทำทุกอย่างให้เป็นปกติ อย่าให้เธอสงสัยอะไรเด็ดขาด
“คุณจะไปป่วนอะไรที่ไคโรอีก”เขากดน้ำเสียงให้นิ่งสงบ
“ถ้าอัลลัยล์ทำงานฉันก็จะไม่กวนหรอก เอาฉันไปทิ้งไว้ที่บ้านฉันก็ได้ ฉันอยากกลับบ้าน”น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ
“คุณอย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลย ลอรองซ์ต้องตามคุณไปที่บ้านอันแสนสงบนั่นแน่”
เขาชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวทำอะไรบางอย่าง
“คุณจะปลดผ้าออกทำไม!”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
หญิงสาวกำผ้าบางไว้อีกมือหนึ่งก่อนจะเงยหน้ายิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม
“ฉันจะยิ้มให้คุณนี่ไง”
“….”
“ตะกี้คุณบอกว่าลอรองซ์จะตามไปใช่มั้ย คุณก็มาอยู่ที่บ้านกับฉันสิยะตีม เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งย่ามอะไรกับฉัน”เธอพูดราวกับมันเป็นเรื่องง่าย
ยะตีมถอนหายใจก่อนจะปฏิเสธความต้องการของหญิงสาว
“มันเป็นไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมอีกครับ”
“เฮ้อ!”เธอถอนหายใจ
“ฉันโทรหาครอบครัวไม่ได้เหรอ?”เธอเอ่ยถาม
ยะตีมนิ่งเงียบ เขาไม่รู้จะสรรหาประโยคอะไรมาปฏิเสธอะไรหญิงสาวตรงหน้าอีก
พิมพ์นารารับรู้คำตอบได้จากท่าทางของชายหนุ่ม เธอไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากเขาให้มากไปกว่านี้ เธอรู้ว่ายะตีมได้รับคำสั่งมาและเขาก็ต้องทำตาม จะมาทำตามใจเธอกับเรื่องไร้สาระไม่ได้
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนที่อยู่ไกลคนนั้น…
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”เขาเว้นวรรคพร้อมกับมองหญิงสาวอย่างชั่งใจ
“เล่าต่อสิค่ะ”
“มีนกตัวหนึ่ง สีสันสวยงามเป็นที่ต้องตาผู้คน วันหนึ่งระหว่างที่นกตัวนี้ท่องเที่ยวหากินตามปกติ มันก็ต้องพบกับบางสิ่งบางอย่าง”
“เพราะมันมองโลกใบใหญ่ในแง่ดีเสมอ มันไม่เคยเจอสิ่งที่เรียกว่าอันตรายมาก่อน ดังนั้นมันจึงไม่ระวังตัว”
“นิทานอะไรของคุณค่ะ ยะตีม”เธอส่ายหน้าน้อยๆพร้อมกับไถลตัวลงนั่งชันเข่าที่พื้น
“คุณยืนฟังดีๆไม่ได้เหรอครับ ถ้าจะนั่งก็ช่วยให้เกียรติผู้พูดมากกว่านี้หน่อยเถอะ”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมผู้พูดไม่ไปหาที่นั่งคุยกันดีๆละค่ะ ผู้ฟังก็เมื่อยเป็น”หญิงสาววางหนังสือลงข้างตัว มือทั้งสองวางประสานกันที่หัวเข่า เธอเงยหน้าเล็กน้อยช้อนตามองผู้พูด
“หรือว่าเราจะลงไปที่ล็อบบี้โรงแรมก็ได้นะคะ”เธอยิ้มหวาน
“ด้วยความที่มันไม่ระวังตัว สุดท้ายก็โดนนายพรานจับจนได้”เขาสบตาหญิงสาวพร้อมกับเล่า ‘นิทาน’ ต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หาเรื่องพูดขัดขึ้นมาอีก
“มันเป็นนกที่สวยแปลกตา นายพรานจึงเฝ้าถนอมเลี้ยงดูมันในกรงทองอย่างดี ทั้งธัญพืชราคาแพง น้ำผึ้ง ทุกอย่างที่ล้วนแต่เป็นของมีราคา นายพรานสรรหามาให้นกตัวนี้เพื่อทดแทนอิสรภาพที่หายไป”
“แต่นกตัวนี้ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย สีสันของมันเริ่มหม่นหมองลงเรื่อยๆ จนนายพรานต้องกลับมานั่งคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลี้ยงดูนกน้อยไม่ดีตรงไหน ทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น”
“แล้วยังไงต่อค่ะ”
“คุณนาราคิดว่ายังไงครับ”ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ
“นายพรานเห็นแก่ตัว”เธอก้มหน้ามองพื้น
“เห็นแก่ตัวยังไงครับ”
“นกมีปีกก็ต้องอยากใช้ปีกที่ว่านั่นโบยบินในท้องฟ้ากว้างใหญ่อยู่แล้ว กรงแคบๆนั่นไม่ใช่โลกของนกตัวนั้น”
“นายพรานอาจจะหวังดีให้นกสีสวยตัวนั้นไม่ต้องเจอเรื่องแย่ๆข้างนอกก็ได้นะครับ”เขายกเหตุผลมา
“เขากำลังฆ่านกตัวนั้นให้ตายอย่างช้าๆ”หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับตนเอง
“ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนแต่ต้องการอิสรภาพ”
“แล้วคุณล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถาม
พิมพ์นาราลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เธอปัดรอยยับยู่ยี่ตามชายกระโปรงให้เข้าที่ก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆไปให้ชายหนุ่ม
“ฉันก็ต้องการ”เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว
“คุณเอามาให้ฉันได้รึเปล่าล่ะ”เธอเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีคำตอบให้เธอใบหน้าจึงเบือนหนีไปทางอื่น
ยะตีมกลั้นหายใจเพื่อย้ำตัวเองว่าไม่ควรแสดงสีหน้าอะไรออกไปมากกว่านี้ เธอพูดถูก…เธอควรได้รับอิสรภาพ สิ่งที่เธอควรจะได้ ไม่ใช่สิ…มันเป็นของเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่มีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เจ้านาย’ ของเขาพรากมันมาจากเธอ แม้จะสงสารแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
เขาเก็บความสงสัยไว้ในส่วนลึก หญิงสาวตรงหน้าเขากำลังจะตายอย่างช้าๆเหมือนนกตัวนั้นรึเปล่า ยิ่งถ้าเธอรู้เรื่องที่ถูกปิดบังไว้ มันจะเป็นยาพิษที่เร่งให้เธอหมดลมหายใจไวกว่าเดิมหรือไม่
“และแล้ว ฟ้าก็สงสารนกน้อยตัวนั้น เลยส่งเทวดาลงมาช่วยนกน้อยออกจากกรง”เสียงทุ้มของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น
พิมพ์นาราและยะตีมต่างพร้อมใจกันหันไปยังแขกไม่ได้รับเชิญที่เดินฮัมเพลงเข้ามา
ชายหนุ่มในชุดลำลองสบายๆ มือหนาของเขาถือพัดไม้โบกลมใส่หน้า เสื้อเชิ้ตลายดอกแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีครีม และรองเท้าแตะสีดำ เขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเธอสังเกตเห็นว่าวันนี้เขามีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับนารา ผมชื่อลอรองซ์ มาร์แตง”เขาโค้งตัวให้เธอเล็กน้อยก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ชายหนุ่มที่อยู่มาก่อนหน้าตน
เธอลอบถอนหายใจเล็กน้อย ทุกครั้งที่เจอชายหนุ่มนามลอรองซ์นี่ เขาจะแนะนำตัวเองก่อนตลอด จากเธอที่พยายามไม่จำชื่อของชายผู้นี้ แต่สุดท้ายมันก็วิ่งเข้าหัวเองโดยไม่ต้องสั่ง
และวันนี้เธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆให้ยะตีมฟัง ถึงเเม้เธอไม่โผล่หน้าลงไปที่สาธารณะข้างล่างเเต่ชายหนุ่มผู้นี้ก็เสนอหน้าขึ้นมาหาเธอถึงข้างบนจนได้
“บังเอิญจังนะครับนารา”เขายิ้มกว้าง
เเต่เธอคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก เขาเป็นคนที่ไร้มารยาทยืนฟังบทสนทนาของเธอเกับยะตีมมาได้ซักพักเเล้วเเน่นอน
“สวัสดีครับคุณลอรองซ์”ยะตีมเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับย้ายร่างของตนเข้ามายืนข้างกายของหญิงสาว
“หน้านายไม่ได้ยินดีเลยนะที่เห็นผม”ลอรองซ์กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“เมื่อกี้ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ…”เขาทำท่าครุ่นคิด
“ใช่แล้ว…นกน้อยตัวนั้นอาจจะตาบอดด้วยนะครับนารา มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย น่าสงสาร”ลอรองซ์ใช้พัดไม้ปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของตน เหลือแต่ดวงตาคู่นั้นที่จ้องไปยังชายหนุ่มอีกคน
“ว่าไงยะตีม นกตัวนั้นตาบอดรึเปล่า”
“คุณพูดถึงเรื่องอะไรครับ”
“ต้องให้ผมบอกจริงๆเหรอครับ”ลอรองซ์ยิ้มที่มุมปาก
เธอมองชายสองคนที่กำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องของ ‘นิทาน’ ด้วยแววตาฉงน ทั้งสองคนเหมือนกำลังทำสงครามเย็น แม้ใบหน้าหล่อเหลาของพวกเขาจะประดับรอยยิ้มส่งให้กันและกัน แต่ในความรู้สึกของเธอมันบอกว่าภายใต้รอยยิ้มพวกนั้นมันมีอะไรที่มากกว่า
“มีอะไรกันรึเปล่า”เธอเอ่ยถามชายหนุ่มข้างตัว
“นกตาบอด”เสียงทุ้มของชายหนุ่มดวงตาสีน้ำทะเลขัดขึ้น
“เกี่ยวอะไรกับนกตาบอดค่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงนิทาน”เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบไม่ตรงคำถาม
“นารารู้รึเปล่าครับว่าผมรวย”เขามองกลับมาทางเธอ
“ฉันพอรู้”เธอตอบหลังจากที่มองชายหนุ่มเจ้าของคำถามตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูจากวันนี้ที่เขาแต่งตัวประชดทะเลทรายอันแห้งแล้ง โชคดีแค่ไหนแล้วที่ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไม่จับโยนออกไปข้างนอก
“ดังนั้นผมจึงมีโลกทัศน์กว้างไกล ถึงแม้ตัวจะอยู่แค่ที่นี่ก็เถอะ”
ยะตีมหายใจลึกกับคำว่าโลกทัศน์กว้างไกล! ใช่ คนตรงหน้าเขาถึงแม้จะใช้ชีวิตเรร่อนไปวันๆหาแก่นสารไม่ได้ที่โรงแรมนี้ แต่พอก้าวออกไป เขาคือนักธุรกิจหนุ่มที่สามารถครอบครองเศรษฐกิจทางด้านการนำเข้าน้ำมันดิบได้มากกว่า ครึ่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่เรื่องภายนอกทุกอย่างจะอยู่ภายในหูตาคู่นั้น!
“ผมไม่พูดนอกเรื่องแล้วครับ นารามาฟังนิทานต่อเถอะ”ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขาส่งยิ้มให้เธอ
“ฉันฟังจากยะตีมจบแล้ว”เธอตัดบท แต่ดูท่าอีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจคำตอบของเธอมากเท่าใดนัก
“เทวดาได้ยินเรื่องของนกน้อยจากสายลมที่พัดผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะไปเจอนกน้อยตัวนั้นซักที จนกระทั่งวันหนึ่งที่เทวดาล่วงรู้อนาคตบางอย่างที่จะเกิดขึ้นกับนกน้อย”เขาตีสีหน้าเศร้าก่อนจะปรับให้กลับเป็นปกติเพื่อเหลือบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่มผู้ติดตามของคู่แข่งทางการค้า
“เขาแสนที่จะสงสารนกตาบอดเหลือเกินที่ไม่สามารถรับรู้เรื่องของนายพรานได้ แม้จะอยู่ที่เดียวกันแต่มันก็มีเส้นบางๆขวางกั้น”
“ไม่สิ นกโดนนายพรานควักลูกตาแน่ๆเลย ไม่ให้รับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวนายพรานเอง”เขาพูดเองแย้งเอง
“ไม่นาน นกน้อยตัวนั้นตรอมใจกับเรื่อง ‘บางอย่าง’”ลอรองซ์เน้นย้ำบางคำ
ยะตีมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาอาจไม่รู้จุดประสงค์แท้จริงที่ชายผู้นี้เข้ามาใกล้พิมพ์นารา แต่กับคำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั่นบวกกับสายตาทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวถึงอะไร
ลอรองซ์กำลังเล่นสงครามประสาท กำลังทำสงครามในแบบที่ตนเองถนัดที่สุด!
“ผมว่าคุณลงไปข้างล่างเถอะครับลอรองซ์ ที่นี่ที่อับสายตา มันไม่เหมาะที่จะให้คุณนาราอยู่”เขาจ้องหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่าย
“นายก็ไม่เหมาะจะอยู่กับเธอครับยะตีม นายไม่ใช่เจ้าของเธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงของนาย”น้ำเสียงของลอรองซ์แข็งทื่อ
“คุณก็ไม่ใช่ ดังนั้นจึงควรถอยออกไปได้แล้ว”น้ำเสียงของยะตีมยังคงนิ่งเรียบเช่นทุกครั้ง
“แล้วทำไมผมจะต้องถอยละครับ”เขายิ้มเยาะ
ร่างหนาของชายในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาทางด้านหลังของลอรองซ์ พวกเขาหยุดยืนสงบด้านหลังผู้เป็นเจ้านายเพื่อรอคำสั่ง
“คุณมันก็แค่คนนอก ผมเป็นผู้ติดตามของท่านอัลลัยล์ ดังนั้นจะมาคุ้มครองผู้หญิงของเจ้านายก็คงไม่ใช่เรื่องผิด”เขาแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“นายอยากหมดหน้าที่นั้นมั้ยยะตีม ให้นาราเป็นคนตัดสินทุกอย่าง ตัดสินจากสิ่งที่ผมจะบอกเธอ”
“ถ้าคุณคิดว่าคุณมีโอกาสจะพูดได้จนจบ”เสียงของยะตีมแข็งกร้าว ใบหน้าหล่อเหล่ามีกรามนูนขึ้นชัดเจน
“ผมสู้คุณไม่ได้หรอก บอดี้การ์ดที่เหลือของผมรวมตัวกันก็สู้คุณไม่ได้หรอกยะตีม”แม้คำพูดจะตรงกันข้าม แต่รอยยิ้มนั่นมันบ่งบอกความเหนือชั้นได้อย่างชัดเจน
“แต่ผมว่าคงมีคนที่ห้ามคุณได้ ถ้าเธออยากฟังเรื่องที่ผมจะเล่าต่อ!”ชายหนุ่มมองมาทางเธอ
พิมพ์นารายืนสับสนกับบทสนทนาของชายทั้งคู่ เขาทั้งสองคนรู้เรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ และดูท่าแล้วมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
เธอจับแขนแข็งแกร่งของยะตีมเพื่อดึงให้เขาหันกลับมา
“ยะตีม คุณมีอะไรปิดบังฉัน”เธอจ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น
“อ้าวยะตีม! ตอบเธอไปสิครับ”เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะโยนพัดไม้ในมือไปด้านหลัง
“ยะตีม คุณบอกฉันมา”เธอเขย่าแขนแข็งแรง
ชายหนุ่มรีบดึงอารมณ์ของตนเองกลับมา แรงโทสะที่วิ่งพล่านในตัวมันทำให้เขาอยากเข้าไปอัดหน้าชายตาฟ้าคนนั้นเสียจริง แต่ถ้าทำแบบนั้นผลที่ได้ก็แค่ความสะใจ แต่ผลเสียที่จะตามมา…
เขายิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยพร้อมกับแตะไหล่บางอย่างเบามือ
โอ้…ถ้าเลือกได้เขาจะไม่เดินทางเส้นทางนี้เด็ดขาด
เส้นทางแห่งการหลอกลวง!
“ผมไม่มีอะไรปิดบังคุณครับ”
“จริงเหรอคะ คุณแน่ใจนะ”
“ครับ ผมพูดเรื่องจริง”
แม้เธอจะคลางแคลงบ้าง แต่ในเมื่อเขายืนยันกับเธอขนาดนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะซักไซร้ให้มากความ
เขาโกหกเธอแล้วหนึ่งครั้ง…หากมีครั้งที่สองมันคงจะเกินให้อภัย
พิมพ์นาราหันหน้าไปตามเสียงหัวเราะก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงแข็ง
“แล้วคุณมีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า”
ชายหนุ่มหยุดเสียงหัวเราะ เขากลับมายืนตัวตรงเสยผมไปข้างหลัง
“คุณอยากรู้ตอนจบของนิทานรึเปล่าครับนารา”
“ฉันไม่อยากรู้ค่ะ”เธอตอบ
“ไว้ซักวันผมคงได้มีโอกาสบอกตอนจบนั้นกับคุณ”เขายิ้มบางๆ
“คุณนาราเข้าไปในห้องเถอะครับ”ยะตีมดันร่างบางอย่างเบามือ
“ฉันไม่อยากรู้ตอนจบนิทานในแบบฉบับของคุณหรอกค่ะ”เธอยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะหันหลังเพื่อกลับเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย
เธอน่าจะเชื่อยะตีมตั้งแต่แรก…ผู้ชายคนนี้อันตราย จอมวางแผน เขามีเล่ห์เหลี่ยมสารพัดที่เธอตามไม่ทัน
“ผมก็แค่อยากแกล้งเธอกับยะตีมแค่นั้น ทำเป็นเครียดไปได้”เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ
ร่างบางของหญิงสาวชะงักอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองชายหนุ่มทั้งสอง
“ใช่มั้ยยะตีม”
แม้ผู้ถูกถามจะอยู่ในอาการอยากเหยียบหน้าคนมากเท่าใดแต่ก็ต้องฝืนไว้
“ใช่ครับ”
ลอรองซ์หัวเราะปนกับพูดเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออกกับเหล่าบอดี้การ์ดเบื้องหลัง ก่อนที่เธอจะได้เปิดประตูเข้าไปเสียงทุ้มนั้นก็กลับมาพูดภาษาอังกฤษ แต่เวลานั้นเธอไม่มีอารมณ์ที่จะฟังคำพูดจากปากของเขาเสียแล้วจึงไม่มีโอกาสได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น…
“เทวดาจะให้พรวิเศษกับนกตาบอด 1ข้อ ขึ้นอยู่ที่ว่ามันจะเลือกขออะไร”
ยะตีมปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะหันมาประจันหน้ากับชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ยืนทำสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ลอรองซ์แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบางอย่างและหันหลังเดินกลับไปยังที่ที่ตนจากมา
“ตั้งใจทำหน้าที่นี้ให้ดีนะครับ อีกไม่นานหรอก…”
“อีกไม่นานเจ้านายผมก็จะกลับมาครับ และกรุณาช่วยออกไปจากชั้นนี้ด้วย ผมจองไว้ทั้งชั้นแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นพื้นที่ส่วนตัว”เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ให้ตายเถอะ! เจ้านายและฮาฟิซจะต้องจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เวลานั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม…

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2555, 00:32:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2555, 00:32:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 11816
<< บทที่สิบสอง ปิดบังหรือโกหก 100% NC+ | บทที่สิบสี่ การพบกันที่แสนน่าประทับใจ 50% >> |

nunoi 16 ก.ย. 2555, 09:56:35 น.
จะปิดได้อีกนานไหมยะตีม
จะปิดได้อีกนานไหมยะตีม