บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 1 สายใยแห่งรัก


เจ็ดปีที่แล้ว...

“ข่าวดีจ้ะสาวๆ จากนี้ไปพี่ปราณจะมาที่บ้านพวกเราทุกวันเลย”

พี่ปอนด์รูปหล่อโผล่พรวดเข้ามาในห้องที่น้องๆ กำลังทำการบ้านกันอยู่ ด้วยสีหน้าอันแสนจะยินดี จูงแขนเพื่อนรักที่มือยังถือกระเป๋าเดินทางใบโตเข้ามาด้วย ปีนี้ปณิธานเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่สาม หน้าตาที่ฉายแววหล่อเหลามาตั้งแต่เด็กบัดนี้คมเข้มเพราะย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว การฝึกอย่างหนักทำให้ร่างกายกำยำสมชายชาตรี และด้วยนิสัยช่างเจรจาเจ้าชู้ขี้เล่นทะลึ่งนิดๆ ทำให้มีสาวๆ แอบหมายตามากมาย

ส่วนปราณก็เป็นนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ชั้นปีที่สามมหาวิทยาลัยชื่อดัง สุขุมสุภาพนอบน้อม รูปร่างสูงโปร่งปราดเปรียว แม้หน้าตาจะหล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าเพื่อนรักแต่ด้วยความที่เป็นหนุ่มค่อนข้างจริงจังกับชีวิต และต้องทำงานพิเศษระหว่างเรียน ทำให้มีเวลาว่างค่อนข้างน้อย สาวๆ จึงเข้าถึงได้ยากกว่า

สองสาวเบนความสนใจมาทางพี่ชายรูปหล่อทั้งสองคน ปาริมานั้นดูจะดีใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่มิด ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ริมฝีปากที่ฉาบเอาไว้ด้วยลิปมันบางๆ ฉีกยิ้มกว้างจนถึงรูหูโธ่..ก็พี่ปราณออกจะรูปหล่อ อบอุ่นและนิสัยดี ถึงไม่ค่อยจะมีเวลาให้กับใครอื่นมากมายนัก แต่ปาริมา อยู่ในฐานะพิเศษย่อมมีโอกาสใกล้ชิดพี่ปราณมากกว่าสาวๆ คนอื่นๆ อยู่แล้ว

“เพราะว่า พี่ปราณได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคุณป้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ลากเสียงยาวและผายมืออย่างกับกำลังเปิดตัวดาราฮอลลีวูด สองปีที่เรียนมหาวิทยาลัยปราณยังสามารถเดินทางไปกลับต่างจังหวัดทุกวันได้เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่ภาระหน้าที่ที่มีมากขึ้นจึงทำให้จากนี้เป็นต้นไป ปราณต้องพักอยู่ที่บ้านของคุณป้าเป็นการถาวร

“งั้นต่อไปพี่ปราณก็มาติวให้ปริมที่บ้านได้ทุกวันนะสิคะ”
“น้อยๆ หน่อยยายปริม เป็นสาวเป็นแส้นะเราน่ะ”

“แหม... มีหวงด้วย เป็นเกย์รึเปล่าพี่ปอนด์น่ะ” การได้แสดงออกให้ใครสักคนรู้ว่าเขาคือคนพิเศษสำหรับเราถือเป็นความสุขที่สร้างเองได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าใครคนนั้นอยู่ในฐานะที่เราสามารถแสดงออกได้โดยไม่เก้อเขินก็ยิ่งถือว่าเป็นกำไร มันอาจเจือจางมากับสีหน้าและแววตาเอื้ออาทร หรือปนมากับคำพูดหยิกแกมหยอกที่เรียกรอยยิ้มขำๆ ให้กับผู้ฟัง แม้จะมีปริมาณเพียงน้อยนิดแต่ก็มีผลมหาศาลต่อจิตใจ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยถ้าหากไม่มีก้างขวางคอ

“ต๊าย อย่างพี่นี่นะยะเกย์ ออกจะเปิดเผยซะขนาดนี้” ปณิธานจีบปากจีบคอจิกยายน้องสาวตัวดีด้วยหางตาฉับๆ

“อ๋อ... กระเทย...ควาย... เสียภาพพจน์รั้วของชาติหมดเลย”
“นี่หล่อนกล้าว่าฉันเหรอยะนังชะนี มามะ มาให้ตีก้นซะดีๆ”

แล้วพี่ปอนด์คนงามก็วิ่งไล่ตีก้นยายน้องสาวปากร้ายที่ส่งเสียงวี้ดว้ายวิ่งหนีไปรอบๆ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากน้องสาวคนเล็กและพี่ปราณผู้เฝ้ามองได้ไม่น้อย ปีนี้น้องปิ่นอายุสิบห้ากำลังเรียนอยู่ชั้น ม.สาม งดงามเปล่งปลั่งดังดอกไม้แรกแย้มและยังคงกลิ่นไอของความน่ารักในแบบเด็กๆ เอาไว้ครบถ้วน ดวงตาใสแป๋วเป็นประกาย ริมฝีปากสีชมพูใสยิ้มขำกับความติงต๊องของพี่ๆ ทั้งสอง

พี่ปราณหันมายิ้มทักทายคนแก้มใสที่คุ้นเคย ผมยาวสสวยถูกรวบไว้ด้านหลังเผยให้เห็นต้นคอระหง ใบหูกางเล็กๆ ต้องแสงยามเช้าดูใสสะอาดตา เจ้าของดวงตาใสแป๋วภายใต้แพขนตางอนงามคู่นั้นหันมายิ้มตอบรับและยกมือไหว้

“น้องปิ่นทำอะไรอยู่เหรอ?”
“กำลังทำการบ้านค่ะ พี่ปราณมาได้เวลาพอดีเลย”

บ่ายแก่ๆ ของวันใหม่ ปิ่นปัทมาง่วนอยู่กับการวาดรูปเป็นการบ้านส่งครู ลงสีแล้วถอยห่างเพ่งพินิจพิจารณาเล็งแล้วเล็งอีก เติมแต้มสีสันจนสดสวย เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของภาพจนเป็นที่พอใจจึงถือว่าแล้วเสร็จ วิชาศิลปะเป็นที่ชื่นชอบของเธอเป็นพิเศษ ถึงจะไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงส่งถึงขั้นจะเป็นศิลปินแห่งชาติ แค่เพียงได้ทำแล้วรู้สึกสบายใจเท่านั้นก็เกินพอ ศิลปะจะคืออะไรตามความหมายที่ศิลปินชั้นครูได้เสกสรรปั้นสวยเอาไว้นั้นปิ่นปัทมาไม่สนใจหรอก สนใจแต่เพียงว่า ไม่ให้ต่ำกว่าเจ็ดคะแนนเต็มสิบก็พอแล้ว

คนแก้มใสยืนกอดอกมองผลงานชิ้นล่าสุดของตัวเองด้วยแววตาชื่นชม มือข้างหนึ่งยังจับด้ามพู่กันควงไปควงมาเหมือนที่พวกมือกลองวงดนตรีร๊อคชอบทำ มันแสดงถึงความเก๋าเกม ดูเท่ และมากประสบการณ์

‘วาดรูปสองคนนั้นดีกว่า’

ใต้ต้นฉำฉาในสวนหลังบ้านอันแสนจะร่มรื่นซึ่งอยู่ถัดจากที่ปิ่นปัทมาวาดรูปไม่ไกลนัก พี่ปราณกับพี่ปริมกำลังนั่งติวหนังสือกันอยู่อย่างขะมักเขม้น ปีหน้าพี่ปริมจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวหวังนักหวังหนาที่จะได้เรียนที่เดียวกันกับพี่ปราณ จะด้วยเพราะคณะวารสารศาสตร์นั้นน่าสนใจหรือเพราะมีติวเตอร์รูปหล่อนิสัยดี อันนี้น้องปิ่นจะแกล้งไม่ทราบก็แล้วกัน

ดวงหน้าสวยชุ่มฉ่ำด้วยความสุขอยู่ตลอดเวลา ดวงตากลมโตช้อนมองใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาของติวเตอร์หนุ่มเป็นระยะ ริมฝีปากอิ่มไม่เคยเว้นว่างจากรอยยิ้ม นี่น้องปิ่นไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมนะว่าพี่สาวคนสวยกำลังเสิร์ฟสะพานทอดกรอบหอมกรุ่นให้พี่ปราณอยู่ แต่ก็...ดูช่างเหมาะสมกันเสียนี่กระไร

ความรู้สึกบางอย่างฉายแวบในใจเบาบาง ในวินาทีที่จรดปลายดินสอร่างรูปบนกระดาษ อยากให้หญิงสาวในรูปที่อิงแอบแนบชิดกับพี่ปราณเป็นตัวเอง...

บ้าจริงยายปิ่น... บอกให้ใครรู้ไม่ได้เลยเชียวว่าเผลอคิดแบบนี้ ถ้าพี่ปราณกับพี่ปอนด์รู้เข้า มีหวัง... ตายดีกว่า

ภาพที่ถูกร่างอย่างคร่าวๆ วาดเสร็จอย่างรวดเร็ว บอกแล้วว่าปิ่นปัทมาไม่ได้อยากเป็นศิลปินแห่งชาติไม่ต้องประณีตมากก็ได้ มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ... พี่ปราณในภาพที่มีสีหน้าค่อนข้างช้ำเลือดช้ำหนองกำลังชี้ไม้ชี้มืออันบิดเบี้ยวอธิบายบางอย่างแก่พี่ปริมซึ่งกำลังนั่งฟังอย่างตั้งใจอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามีใครสักคนที่ตัวเล็กๆ หน้าตาบ้องแบ๊วน่ารักเอียงศีรษะพิงหัวไหล่อมยิ้มแก้มตุ่ย เงยหน้าขึ้นมองดอกไม้สีขาวเล็กๆ ที่ถือเอาไว้ในมือ

“เอ๋..น้องปิ่นทำอะไรอยู่เอ่ย” ร่างเล็กๆ สะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ พี่ปอนด์ก็โผล่หน้ามาใกล้ๆ จากทางด้านหลัง กำลังแอบวาดรูปที่อยากวาด นี่กะว่าจะไม่ให้ใครเห็นแล้วเชียว แต่ก็ปิดไม่ทันเสียแล้ว
“ว้าว..สวยจัง แต่...ไม่เห็นมีรูปพี่เลยล่ะ”

“อ๋อ เอ่อ..เขาร่างรูปทีละคนน่ะพี่ปอนด์” แล้วศิลปินจำเป็นก็ร่างภาพเพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว เป็นรูปพี่ปอนด์โผล่หน้ามาทำทะเล้นอยู่ด้านหลัง ชูนิ้วลิโพตาโตเป็นไข่ห่าน โชคดีที่แบคกราวด์ด้านหลังยังเป็นเนื้อกระดาษสีขาว จึงสามารถวาดเพิ่มเข้าไปได้อย่างแนบเนียน พี่ชายคนโตยีศีรษะน้องสาวคนเล็กเบาๆ อย่างแสนจะเอ็นดู


เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์เริ่มขึ้นโดยมีปาริมาเป็นต้นเสียง และทุกคนสอดประสานกันอย่างพร้อมเพรียง งานวันเกิดของปิ่นปัทมาปีนี้จัดขึ้นเล็กๆ ในครอบครัวดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา แม้ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวจะจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแต่คุณบุญเลิศก็ไม่เคยสอนให้ลูกๆ ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย

สาวน้อยแก้มใสอายุสิบห้าปีเต็มเจ้าของวันเกิดหันมองไปรอบๆ ทุกสายตาที่สะท้อนแสงวิบวับจากเปลวเทียนมองมาด้วยรอยยิ้มปริ่มรัก คุณพ่อและคุณแม่ที่อุตส่าห์สละเวลาอันแสนจะยุ่งเหยิงกลับบ้านเร็วเพื่อมาอวยพรลูกสาวคนโปรด พี่ปอนด์ที่ร้องเพลงซะเสียงดังและดูร่าเริงเป็นพิเศษก็แน่นอนล่ะเพราะนี่เป็นวันเกิดของน้องสาวสุดรักนี่นา พี่ปริมคนสวยเสมอที่ต้องตัวโคลงตามจังหวะโยกตัวของพี่ปอนด์ น้องปิ่นรักพี่ทั้งสองคนที่สุดในโลกเลย และชายหนุ่มแววตาอ่อนโยนภายใต้บุคลิกที่แสนอบอุ่นผู้ไม่เคยเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวนี้ พี่ปราณนั่นเอง

เมื่อเพลงจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน สาวน้อยก็สูดลมหายใจยาวๆ และเป่าเทียนสิบหกเล่มให้ดับในคราวเดียว แหม..กว่าจะดับหมดเล่นเอาเกือบจะเป็นลมกันเลยทีเดียว แล้วไฟส่องสว่างก็ถูกเปิดขึ้น บรรยากาศการตัดเค้กเต็มไปด้วยความอบอุ่น กระทั่งคุณบุญเลิศและคุณรำเพยขอตัวไปพักผ่อนทิ้งลูกๆ ให้สนุกสนานกันต่อไป

“แกะของขวัญดูเลยดีกว่าน้องปิ่น”
ปาริมาเสนอไอเดีย อย่างรวดเร็ว การแกะของขวัญเป็นเรื่องสนุกสนานที่ไม่ค่อยได้มีบ่อยนัก ต้องเป็นโอกาสพิเศษหรือไม่ก็ต้องเป็นวันเกิดของใครสักคน และในฐานะพี่สาวปาริมาก็รู้สึกตื่นเต้นกับของขวัญในกล่องไม่น้อยไปกว่าปิ่นปัทมาผู้เป็นเจ้าของวันเกิดเลย

“แกะเลยเหรอ?”
“แกะเลยๆ ให้มันรู้กันไปเลยว่าระหว่างของขวัญของพี่สาวแสนสวยและน่ารักอย่างพี่ปริมกับของขวัญของพี่ชายคนโปรดแต่ขี้เหร่ ของใครจะเจ๋งกว่ากัน” พูดพลางแอบแทงสีข้างพี่ชายด้วยถ้อยคำและหางตา

“น้อยๆ หน่อยแม่คนสวย สวยไม่สร่าง”
“สวยที่สุดย่ะ เนอะพี่ปราณเนอะ”

“ว้าว...นาฬิกาปลุกสวยจังเลย ขอบคุณนะคะพี่ปริม” นาฬิกาปลุกตุ๊กตุ่นสีสวยถูกแกะออกมาจากกล่อง และติดมือคนแก้มใสที่เอื้อมกอดคอพี่สาวโน้มเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่

“แน่นอนจ้ะ ของที่คนสวยซื้อมาก็ย่อมสวยเหมือนคนซื้ออยู่แล้ว ต่อไปพอพี่ไม่อยู่จะได้มีนาฬิกาอันนี้คอยทำหน้าที่ปลุกน้องปิ่นตอนเช้าแทนพี่ยังไงล่ะ ไหนๆ แกะๆ ของขวัญจากคนขี้เหร่ซิ” คนสวยที่สุดในรัศมีสองเมตรเอื้อมมือหยิบกล่องของขวัญชิ้นใหญ่ของว่าที่รั้วผุๆ ของชาติ มาวางตรงหน้าน้องสาว ด้วยสายตาเหมือนจะบอกว่า..แกะสิจ๊ะอยากรู้จังว่าจะมีอะไรในนี้หนอ มือเล็กๆ รับจากพี่สาวก่อนจะบรรจงแกะริบบิ้นและเปิดฝากล่องอย่างระมัดระวัง

“ตุ๊กตาหมี น่ารักจังเลยขอบคุณค่า...”

“ของขวัญสิ้นคิดอีกแล้ว เพื่อน้องสาวสุดเลิฟนี่คิดได้เท่านี้เหรอพี่ปอนด์...หา” น้องสาวตัวแสบและพี่สาวของใครอีกคน ชูตุ๊กตาหมีสีขาวขนปุกปุยตัวใหญ่ขึ้นด้วยสองมือ ทับถมพี่ชายคนขี้เหร่ด้วยวาจาและสายตาดูถูกภูมิปัญญาสุดๆ อันที่จริงแค่แกล้งเล่นขำๆ เท่านั้นเอง ของขวัญสำหรับน้องสาวคนโปรดที่ยังมีกลิ่นไอของความเป็นเด็กจะมีอะไรดีไปกว่าตุ๊กตาหมีอีกล่ะ ถ้าเป็นตุ๊กตาลิง ควาย หรือตุ๊กตาแรดมันก็อาจจะดูไม่งามนัก หรือถ้าเป็นแฟน ของขวัญก็จะเป็นไปในอีกแบบหนึ่ง

“โธ่ นี่ก็เดินทั่วห้างแล้วนา เลือกแล้วเลือกอีกจนคนขายเกือบจะควักปืนมายิงดับดิ้นเป็นผีมาหลอกแกแล้ว คิดว่าหมีขาวน่ารักๆ น่าจะเหมาะกับคนน่ารักอย่างน้องปิ่นที่สุด เดี๋ยวเอาไว้วันเกิดแกยายปริมพี่จะซื้อหมีดำให้ เหมาะสมที่สุดแล้ว ยายหมีดำ”

“ไอ้พี่ปอนด์บ้า!”

“นั่นแน่ะๆ อยากให้ถึงวันเกิดตัวเองไวไวล่ะสิท่าหมีดำ”

“อยากโดนใช่มั้ย นี่แน่ะๆ” แล้วไอ้พี่ชายบ้าก็ต้องครวญครางซี้ดซ้าดเมื่อโดนปูหนีบของยายหมีดำเข้าที่บั้นเอวหลายป้าบ

“เอ่อ...ที่เหลือเขาเอาไปแกะคนเดียวดีมั้ย” ของขวัญจากคุณพ่อคุณแม่ถูกแกะไปแล้ว คุณพ่อกับพี่ปริมใจตรงกันที่ให้นาฬิกา โชคดีที่เป็นนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กๆ น่ารักๆ ไม่ใช่นาฬิกาปลุกเหมือนกัน ไม่งั้นปิ่นต้องหนวกหูแย่เพราะตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใช้ของใครดี ใช้มันทั้งสองอันพร้อมๆ กันเลย ส่วนคุณแม่ให้ชุดนอนลายโดเรมีน้องสาวของโดเราเอมอน น่ารักถูกใจมากๆ ยังเหลือของขวัญของพี่ปราณที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้นในสภาพกล่องที่ยังสมบูรณ์

โปรดทราบค่ะโปรดทราบ..ที่แกล้งดูเวลา มองเครื่องเล่นคาราโอเกะทำทีเป็นเกรงอกเกรงใจ กลัวพี่ๆ จะรีบร้องเพลง ไม่ได้จะละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับของขวัญชิ้นนี้นะคะแต่... อยากเก็บไว้ลุ้นคนเดียวต่างหากเล่า มันเขินนะก็เจ้าของเขายังนั่งอยู่ตรงนี้อยู่เลย

“ไม่ได้! แกะของพี่ปราณบัดเดี๋ยวนี้ ”

ของขวัญชิ้นสุดท้ายสำหรับวันเกิดปีนี้ถูกยื่นมาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คงไม่อาจอิดเอื้อนอิดออดได้อีกต่อไป สาวน้อยแอบเก็บอาการประหม่าขณะแกะกล่องของขวัญ ไม่รู้สิมันห้ามไม่ได้เลยที่จะไม่ให้รู้สึกตื่นเต้น กล่องเล็กๆ ยาวๆ แบบนี้จะเป็นอะไรหนอ

“ว้าว..สวยจังเลยค่ะพี่ปราณ”

รูปวาดสีน้ำบนกระดาษร้อยปอนด์แผ่นใหญ่ถูกคลี่ออกช้าๆ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าพี่ปราณจะสละเวลาอันมีเพียงน้อยนิดวาดรูปนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิด

ท่ามกลางบรรยากาศของสวนหลังบ้านอันแสนจะร่มรื่น สามคนพี่น้องและหนึ่งหนุ่มนั่งอยู่รวมกันที่โต๊ะหินอ่อน พี่ปริมนั่งอยู่ด้านซ้ายกอดเอวและยื่นหน้าหอมแก้มน้องปิ่นที่กำลังยิ้มแก้มปริ มือถือหนังสือเพลงเล่มหนา พี่ปอนด์ที่ยืนอยู่ด้านหลังถือกีต้าร์โปร่งตัวโปรดที่ไม่ค่อยได้หยิบออกมาเล่นบ่อยนักจนแทบจะลืมไปแล้วว่าพี่ปอนด์เล่นกีต้าร์เป็นกับชาวบ้านเขาด้วย และพี่ปราณเจ้าของรูปที่ยืนด้านหลัง ก้มหน้าลงมายิ้มอยู่ใกล้ๆ

“นี่ไม่ใช่แค่รูปวาดนะ แต่มันคือ..ความรัก” เสียงทุ้มนุ่มของปราณดังขึ้นเบาๆ

หัวใจดวงน้อยต้องวูบไหวกับความหมายของคำๆ นั้น รู้สึกชาไปทั้งใบหน้า จะมีใครทันสังเกตไหมนะว่าตอนนี้สองแก้มอิ่มแดงปลั่งดังลูกตำลึง พยายามหุบรอยยิ้มที่บังอาจเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เหมือนว่าจะยากเย็นเหลือเกิน

“น้องปิ่นเป็นคนที่โชคดีมาก มีแต่คนรักอยู่รอบๆ ข้างตลอดเวลา รูปนี้จะคอยเตือนให้น้องปิ่นระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนน้องปิ่นก็จะยังเป็นที่รักของพี่ๆทุกคน สุขสันต์วันเกิดนะ”

“ขอบ...คุณ...ค่ะ” ยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณแผ่วเบา รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แม้ในเวลาปกติตัวเองก็รู้สึกอย่างนั้นแต่เมื่อมีคนบอกเพื่อตอกย้ำ ความรู้สึกเดิมๆ ที่คุ้นเคยก็กลับพิเศษขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง สบสายตาอบอุ่นคู่นั้นหนึ่งแวบก่อนจะหันไปกลบเกลื่อนรอยยิ้มเอียงอายด้วยรอยยิ้มแสดงความชื่นชมรูปวาดที่สวยและพิเศษที่สุดในมือ

“โอ้โห ไอ้ปราณเล่นเอาหมีของฉันหัวเน่าเลยวุ้ย” อดกระเซ้าเพื่อนรักไม่ได้ ก็เล่นทำซึ้งไม่สะกิดสะเกากันก่อนเลยนี่นา

“เน่าอะไรกันคะ น้องหมีของพี่ปอนด์ก็น่ารัก ปิ่นจะเก็บเอาไว้อย่างดีทุกอย่างเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” คนตัวเล็กเกาะแขนพี่ชายคนโตเขย่าเบาๆ ออดอ้อนเจื้อยแจ้วเจรจาอย่างขอบคุณและปลอบใจ ก่อนจะโผเข้าสวมกอดเอวอุ่นของพี่สาวคนสวยและหันไปยิ้มให้กับพี่ปราณอีกครั้ง

หลายคนกำลังหลับสบายในบรรยากาศอันเงียบสงัดยามค่ำคืน ในขณะที่ความมืดอาจทำให้บางคนรู้สึกเปลี่ยวเปล่าเหงาใจเกินกำลังจนต้องนับนาทีรอคอยเวลาของวันใหม่ แต่ในมุมเล็กๆ กลางเมืองใหญ่ยังคงสว่างไสวและอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความสนุกสนานและอบอุ่น ปาริมากับปณิธานนั้นทั้งร้องทั้งเต้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยมีปราณและน้องสาวแก้มใสคอยส่งเสียงให้กำลังใจอยู่ไม่ขาด

ต่อจากคาราโอเกะ รั้วผุๆ ของชาติก็หยิบกีต้าร์ตัวเก่าขึ้นมาทบทวนเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ อีกครั้ง กระทั่งเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนจึงแยกย้ายกันเข้านอน สองสาวพี่น้องนอนห้องเดียวกันเช่นทุกวัน และปราณก็ค้างที่ห้องของปณิธานเช่นเคย

“เป็นอะไรเหรอพี่ปริม เห็นอมยิ้มอยู่ตั้งนานสองนาน”

สาวแก้มใสอยู่ในชุดนอนแล้วเรียบร้อย เป็นชุดนอนลายอุลตร้าแมนตัวโปรด ส่วนชุดนอนของขวัญจากคุณแม่ต้องซักก่อนเอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยใส่ก็แล้วกัน เนื้อตัวหอมกรุ่นด้วยกลิ่นสบู่เพราะเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาดๆ เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ปิ่นปัทมามักจะสระผมก่อนนอนเป็นปกติ นั่งทำโน่นทำนี่ใช้พัดลมเป่ากว่าจะนอนผมก็แห้งพอดี แต่ตอนเช้าจะเป็นชั่วโมงเร่งรีบ หากออกจากบ้านทั้งที่ผมยังเปียกอยู่จะดูไม่งามนัก
“เอ...ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” โน้มตัวยื่นมืออังหน้าผากมนของพี่สาวที่เห็นนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ บนเตียงตั้งแต่ก่อนอาบน้ำแล้วด้วยท่าทีหยอกเอิน

“บ้า ไม่ได้ป่วยซะหน่อย สบายดีย่ะ” ตีก้นน้องสาวเบาๆ ค้อนขวับวงเล็กๆ รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากสองแก้ม ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความสุขอะไรนักหนา แต่หากมีสักครั้งที่เราเคยปลื้มใครสักคน แค่เพียงได้คิดถึงเขาเราก็มีความสุขแล้ว ถ้าได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้างเราจะยิ่งมีความสุขมากขึ้น และถ้าเผื่อโชคดีเขาคนนั้นได้ทำอะไรตอบแทนความรู้สึกดีกลับมาบ้าง หัวใจของเราก็จะพองโตเพราะอัดแน่นไปด้วยความสุขอย่างหาสิ่งใดเสมอเหมือนมิได้

“มีอะไรหรือเปล่าคะ หือ?” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เลิกคิ้วหลิ่วตาอย่างฉงนฉงายและค้นหาคำตอบ คนเป็นพี่เอียงคอเบ้โบ้ยยิ้มกริ่ม ตางามไหวระริกไม่ยอมบอก อย่างเล่นตัวนิดๆ

“ไม่...บอก...”
รู้สึกเนิ่นนานเหลือเกินที่รอคอยว่าเมื่อไหร่น้องปิ่นจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง แค่ครั้งเดียวน่า ก็จะยอมบอกแล้วละ นอนดิ้นไปดิ้นมาก่ายหน้าเกยหลังน้องสาวก็ยังคงนอนเฉย สายตาจับจ้องยังรูปวาดที่พี่ปราณให้เป็นของขวัญ ก็คนมันเห่อเลยติดผนังไว้เสียตั้งแต่คืนนี้ เอาไว้ซื้อกรอบมาใส่แล้วค่อยแขวนให้เป็นระเบียบอีกที

“เอ่อ...น้องปิ่นว่า...พี่ปราณเขา น่ารักไหม” ในที่สุดก็เกินจะทนไหว ถ้ารอน้องปิ่นเอ่ยปากคงอกแตกตายไปเสียก่อนเป็นแน่ ยอมเสียฟอร์มสักหน่อยก็แล้วกัน แต่พอเริ่มเกริ่นก็ชักเขินซะเอง จนต้องรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงกลบเกลื่อน ทำไมเห็นกันมาตั้งนานไม่เคยรู้สึกเขินมากมายแบบนี้เลยนะยายปริม

“หือ...ทำไมเหรอคะ นั่นแน่ะๆ อย่าบอกนะว่าพี่ปริม...” อันที่จริงทำไมน้องปิ่นจะไม่รู้ว่าพี่ปริมเป็นอะไร แค่ไม่อยาก... คนแก้มใสในชุดนอนอุลตร้าแมนดึงผ้าห่มคลุมโปงออกจ้องหน้าคนขี้อายฉับพลันด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า

“อืม...อย่าล้อสิ อายนะ”

“แล้วพี่ปอนด์รู้หรือเปล่าเนี่ย ถ้าพี่ปอนด์รู้ละก็ พี่ปริมโดนแซวทั้งชาติแน่เลย” พูดพลางหัวเราะคิกคัก นี่ถ้าพี่ปอนด์รู้ว่าน้องสาวคู่กัดนิรันดร์กาลแอบมีใจให้เพื่อนรักของตัวเอง คงต้องแขวะเช้าแขวะเย็นให้ได้อายกันเล่นๆ หลังอาหารเป็นแน่

“ไม่ได้นะ ห้ามให้พี่ปอนด์รู้เด็ดขาด ความลับระหว่างเรานะ” รีบลุกขึ้นหมายมั่นคาดคั้นคำสัญญาจากน้องสาว ทว่าอีกคนกลับล้มตัวลงนอนและหลับไปอย่างรวดเร็ว

“สัญญาก่อนซี่ ไม่เอาลุกขึ้นมาสัญญากับพี่ก่อน”
เงียบ... มีเพียงแพขนตางอนที่แอบกระพริบอยู่ยิบยับและสีหน้ากลั้นยิ้มเท่านั้นที่แสดงว่าเจ้าตัวไม่ได้หลับจริง

“น้องปิ่น ลุกขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นขอแช่งให้ ไม่..มี...ใคร...”
“ก็ได้ๆ สัญญาๆ พี่ปริมใจร้าย” คนขี้แกล้งต้องรีบลุกขึ้นอย่างรีบด่วน แหม...ก็พี่ปริมจะแช่งให้ไม่มีใครรักนี่นา ใจร้ายที่สุด

“คิกๆ...” คนเป็นพี่หัวเราะขณะเกี่ยวนิ้วก้อยน้องสาวเขย่าเบาๆ

“เฮ้อ...สดชื่น ตานายแล้วไปอาบน้ำก่อนเพื่อน ผ้าเช็ดตัวอยู่ที่เดิมนะ”

อีกมุมหนึ่งของบ้านหลังใหญ่ ห้องนอนชายโสดว่าที่นายร้อยห้อยกระบี่ เจ้าของห้องนี้อยู่ในชุดนอนแล้วเช่นกันแต่เป็นชุดนอนที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก กางเกงขาก๊วยตัวเดียวไม่ใส่เสื้อ ไม่ได้ตั้งใจจะโชว์แผงอกที่มีกล้ามเป็นมัดแต่นี่คือชุดนอนเต็มรูปแบบตั้งแต่ไหนแต่ไรมา โน้มตัวก้มลงมองภาพในจอคอมพิวเตอร์ข้างๆ เพื่อนรัก ภาพบรรยากาศในงานวันเกิดเมื่อสักครู่นี้เอง

“ถ่ายรูปสวยนี่หว่า”

“นางแบบเขาสวยอยู่แล้วน่ะ เราแค่กดชัทเตอร์”

เปลวเทียนที่วูบไหวสะท้อนตางามเป็นประกายระยับ รอยยิ้มปริ่มใบหน้า พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพที่เป็นสีดำทำให้คนในภาพที่สะท้อนแสงเทียนบนเค้กวันเกิดดูโดดเด่นและมีชีวิตชีวา หลายๆ อากัปกิริยาถูกบันทึกไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ว่ากันว่าภาพถ่ายคือการเก็บเหตุการณ์ ณ เวลาชั่วขณะหนึ่งซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

“นายอัดรูปน้องปิ่นส่งให้หน่อยสิ จะเอาไว้ติดกระเป๋าตังค์” ตบหัวไหล่และบอกกับเพื่อนรักอย่างจะนึกขึ้นได้ มีรูปถ่ายเด็กสาวหน้าตาน่ารักติดกระเป๋า เพื่อนๆ เห็นจะต้องอิจฉากันเป็นแถวแน่ๆ

“อ้าว รูปน้องปริมล่ะไม่เอาเหรอ” คนเป็นเพื่อนอดสงสัยไม่ได้ ภาพสวยๆ ของน้องสาวอีกคนก็มี แต่พี่ชายไม่เห็นจะแสดงความสนใจหรืออยากได้บ้างเลย

“อืม..เอาด้วยก็ได้”
“เอาด้วยก็ได้.. อะไรวะ นี่แกรักน้องลำเอียงนะเนี่ย น้องปริมรู้มีหวังร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ เลย”

“ไม่หรอกรายนั้นน่ะไม้เบื่อไม้เมา แต่ฉันว่า..ยายปริมเขาออกจะปลื้มแกนะเว้ย” ปลายประโยคมีน้ำเสียงและรอยยิ้มขำๆ ปนมาด้วย ปาริมาเป็นคนขี้เล่นอาจจะพูดหรือแสดงออกเล่นๆ เท่านั้นก็เป็นได้ แต่ถ้าหากน้องสาวจะรักจะชอบกับปราณเข้าจริงๆ ทั้งในฐานะเพื่อนและในฐานะพี่ชายปณิธานเองก็ไม่ได้หวงห้ามหรือขัดข้องแต่ประการใด

“ไม่หรอกมั้ง คงเพราะฉันเป็นเพื่อนแกน่ะ”

“ไม่รู้วุ้ย ไม่เกี่ยว เอาเวลาไปใส่ใจคนพิเศษของตัวเองดีกว่า เฮ้อ...” กระโดดขึ้นเตียงคว้าหมอนใบโตขึ้นมาวางใหม่เพราะคืนนี้ต้องนอนสองคน ก่อนจะล้มตัวลงนอนสองมือประสานท้ายทอยโชว์ขนรักแร้ที่รกครึ้มเป็นป่าดงดิบ สายตาเหม่อลอยมีเป้าหมายอยู่ในจินตนาการ

“นี่นายมีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นเคยบอกกัน ใครวะ” น้ำเสียงบอกว่าระดับความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเจ็ดสิบเปอร์เซ็น

“หึหึหึ ไม่บอก ปล่อยให้งง...”

+++++++++++++++

ลงวันละตอน คงไม่มาก ไม่น้อย นะครับ ^^
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจครับ
ใครที่อยากเห็นปกของหนังสือเรื่องนี้ เชิญไปเยี่ยมชมได้ได้ที่ เวปสนพ.บ้านนางฟ้านะครับ
http://www.theangelhome.com/?cid=1099625&f_action=forum_viewtopic&forum_id=84448&topic_id=101136
ไอรายา



ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2554, 09:53:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2554, 09:53:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 2372





<< บทนำ   ตอนที่ 2 ผู้ปกป้อง >>
pattisa 14 พ.ค. 2554, 11:23:05 น.
เอ้า โคแก่กินหญ้าอ่อนรึเรื่องนี้ 5555 ติดตามค่ะ ;)


ปูสีน้ำเงิน 14 พ.ค. 2554, 19:42:40 น.
เคยลงแล้วใช่ไหม๊เนี่ย เพราะปูคุ้นมาก


ปูสีน้ำเงิน 14 พ.ค. 2554, 19:48:15 น.
อ้อ... ลืมบอกไปว่า ปกสวยมาก


ปิลันธน์ 14 พ.ค. 2554, 21:28:56 น.
ไม่ตลกแล้ว...จริงดิ อิอิ


ไอรายา 15 พ.ค. 2554, 07:13:50 น.
จากตอนที่แล้ว

สนพ.นี้ บก.ใจร้ายมากครับขอบบอก
แต่ก็รักนะ จุ๊บๆ ^^

ปลาวาฬสีน้ำเงิน
ถ้าเคยอ่านเวอร์ชั่นเก่าจะเห็นว่ามีตัดออกและเขียนใหม่เยอะเลยครับ ถึงจะไม่ดีเลิศ แต่ก็เป็นความพยายามสูงสุด ณ เวลานี้ หวังว่าจะไม่เลวร้ายเกินไปในสายตาผู้อ่านครับ (ต้องบอกมั้ยว่า มันเป็นนิยายที่ต้องค่อยๆ อ่านนะ อ่านไวจะไม่ได้อะไรเลย ^^)

ปูสีน้ำเงิน
มันเป็นความสามารถพิเศษของนักข่าวครับ ^^

ปิลันธน์

ไม่ขำแล้วนะเจ๊เวอร์ชั่นนี้ จัดปาย ^^

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ
อ้อๆ ปกๆ ไม่รู้ว่าแปะยังไง แปะลิงค์ไว้ละกันนะครับ
http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/231060_197639636946109_100001002211355_493323_1598364_n.jpg


ไอรายา 15 พ.ค. 2554, 07:18:58 น.
pattisa
อายุห่างกันเท่านี้ ถือว่าเหมาะสมแล้วที่จะเป็นคู่กันในอนาคตครับ ^^

ปูสีน้ำเงิน
เป็นเวอร์ชั่นรีไร้ท์ใหม่ครับ
เรื่องปก ขอบคุณครับ ดูๆ ไปเหมือนรูปวาดสีน้ำ แต่ไม่รู้สีดูเด็กเกินไปหรือเปล่าครับ

ปิลันธ์
555 เค้ายังไม่โตครับ เด็กๆ ก็ปล่อยให้เค้า งุงิ อุ๊อิ กันไปก่อน นิดเดียวๆ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account