บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 2 ผู้ปกป้อง


หลายสัปดาห์ผ่านไป...

“เออๆ แล้วจะจัดการไว้รอ แกรีบมาก็แล้วกัน”

ปราณคุยโทรศัพท์ไปพลางหยิบโน่นหยิบนี่ทำงานง่วนไปพลาง ซอกคอของผู้ชายมีประโยชน์ก็เวลานี้เอง หมู่นี้งานเข้าจนเอกสารกองเต็มโต๊ะไปหมดไม่ค่อยจะมีเวลาว่างบ่อยนัก นี่ก็กำลังจัดของเตรียมถ่ายภาพประกอบลงนิตยสารให้ลูกค้า แต่นานๆ ทีเพื่อนรักจะกลับบ้านคงต้องสละเวลาเตรียมหาของอร่อยๆ ไว้รอต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเสียหน่อยแล้ว

เมื่อสรุปเมนูเด็ดได้แล้ว ชายหนุ่มก็ออกจากบ้านมุ่งสู่ตลาดสดเพื่อหาซื้อข้าวของมาจัดเตรียมสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ คืนนี้


“ต้นไม้สวยจังเลยพี่ปริม แวะดูหน่อยไหมคะ”

สองสาวพี่น้องเพิ่งกลับโรงเรียน วันนี้ปาริมาเลิกช้าเลยต้องกลับค่ำกว่าปกติเล็กน้อย น้องสาวแก้มใสอยู่ในชุดนักเรียนคอซองผูกโบน่าเอ็นดู ส่วนพี่สาวคนสวยที่สุดในสายตาของตัวเองก็อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย เครื่องแบบนักเรียนเป็นอะไรที่พิเศษ ควรค่าที่คนสวมใส่จะรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นผู้เจริญ เป็นผู้มีการศึกษา ต่อไปภายหน้าจะต้องเป็นกำลังสำคัญของชาติ อนาคตของประเทศฝากไว้ในมือของเด็กในวันนี้ แต่น่าแปลกใจที่นับวันกระโปรงนักเรียนจะสั้นเข้าไปทุกที บางคนกระโปรงสั้นเต่อเลยหัวเข่าขึ้นไปเป็นคืบ โธ่เอ๋ยชีวิต เด็กๆ เหล่านั้นจะรู้ไหมหนอว่าไม่ได้น่ารักอย่างที่คิดเลยแม้แต่น้อย แต่..ดีจังที่นั่นไม่ใช่สองศรีพี่น้องที่น่ารักคู่นี้

ร้านไม้ประดับกับสังคมเมืองใหญ่ดูเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเอาเสียเลย แต่ด้วยหัวใจที่รักธรรมชาติของเจ้าของร้าน จึงมีไม้ดอกไม้ประดับมากมายให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้เจริญหูเจริญตา หากถูกอกถูกใจจะหยิบติดไม้ติดมือไปปลูกที่บ้าน ก็เสียเงินซื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

น้องปิ่นเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องต้นไม้สักเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่าเวลาได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าทีไรมันได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ สดชื่นที่สุด ในบริเวณบ้านก็ขนต้นไม้ไปปลูกจนแทบจะเกินงามไปแล้ว สาวน้อยดูต้นนี้ชมดอกนั้นอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ โดยมีพี่สาวช่วยดูเป็นเพื่อนพอได้หันมาระบายความอัดอั้นตันใจได้บ้าง นี่ถ้ามาคนเดียวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปคุยกับใครต้องอกแตกตายแน่ๆ เลย

“ว่าไงจ๊ะน้องสาว น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลย ไปเที่ยวกับพี่ไหมจ๊ะ”

ไอ้หนุ่มกลุ่มหนึ่งส่งเสียงวี้ดวิ้ว เดินเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง พูดจาเกี้ยวพาราสี แทะโลมด้วยคำพูดและสายตา นับกลายๆ แล้วมีไม่น้อยกว่าห้าคน ปาริมาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบคว้าแขนน้องสาวเตรียมจะเดินหนี จิ๊กโก๋พวกนี้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องรังแกผู้หญิงและคนไม่มีทางสู้ ปิ่นปัทมาหันไปสบตาลุงเจ้าของร้าน ยิ้มแหยๆ เชิงขอโทษว่า ต้องรีบไปแล้ว เอาไว้วันหลังจะแวะมาใหม่นะคะ

“พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย แบบนี้ถือว่าหักหน้าพี่ป้อดอย่างแรง แถวนี้ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ป้อดเป็นใคร น้องทำแบบนี้ใครรู้เข้าจะให้พี่ป้อดเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะจ๊ะน้องคนสวย” เจ้าคนที่ย้ำชื่อตัวเองหลายครั้งคงเป็นลูกพี่ มันคว้าแขนบอบบางของปิ่นปัทมาเอาไว้จนเจ้าตัวเสียหลักเกือบหกล้ม หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกคุกคามแบบนี้

“พี่ปริมช่วยปิ่นด้วย” ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมคนพวกนี้ถึงทำตัวระรานชาวบ้านไปทั่วหรือเพราะเห็นเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้ แย่ที่สุดเลย

“ปล่อยน้องฉันเดี๋ยวนี้นะ!” คนพี่ที่ตัวโตกว่ารั้งแขนของน้องสาวเอาไว้อีกข้างหนึ่ง กระเป๋านักเรียนหลุดมือสมุดหนังสือหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย

“ไม่ปล่อยมีอะไรหรือเปล่าน้อง ขอโทษแล้วขอร้องพี่ดีๆ ก่อน”
ผัวะ!
ไวเท่าความคิด... ความคิดที่ยังไม่ได้ผ่านการตรึกตรองให้ดี หมัดน้อยๆ ของปาริมาเหวี่ยงออกไปเต็มแรงจนมันต้องเซแซดๆ มือกุมเบ้าตาด้วยความเจ็บปวด เจ้านั่นมันหันกลับมาอย่างโมโหสุดขีด

“แบบนี้ก็สวยสิน้องสาว เฮ้ย! ไอ้โจรวบตัวไว้” หนึ่งในลูกสมุนของมันตรงรี่หมายรวบตัวเด็กสาวตามคำสั่งของลูกพี่

“จะทำอะไรกันเหรอไอ้หนุ่ม”
เสียงร้องถามที่ดังพอสมควรเรียกความสนใจของพวกมันได้ไม่น้อย มันหันขวับตามเสียงนั้น ใครกันช่างกล้ามาแส่เรื่องของจิ๊กโก๋ วอนซะแล้ว

“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อยู่เฉยๆ เถอะลุง” มันหันกลับไปชี้หน้าลุงเจ้าของร้านต้นไม้ที่ทำท่าจะเข้ามาขวางอย่างไม่มีท่าทียำเกรง ชายสูงวัยละมือจากกระถางต้นไม้ เดินออกมาเผชิญหน้าด้วยอาการสงบ หากไม่มีใครกล้าออกหน้าเห็นทีเด็กสาวทั้งสองจะต้องถูกรังแกเป็นแน่ แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายนั้น...

“มีอะไรกันหรือโยม”

“ลูกพี่...พระมา” เจ้าลูกสมุนตกใจรีบปล่อยแขนปิ่นปัทมาก่อนรีบวิ่งไปแอบอยู่ข้างหลังลูกพี่ นับว่ายังดีที่ยังเกรงอกเกรงใจพระสงฆ์องค์เจ้าอยู่บ้าง

“ผู้หญิงเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกโยม ก็พวกโยมทำให้เขาตกใจก่อน เป็นผู้ชายจะไปถือสาหาความกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้ เห็นทีจะไม่เหมาะกระมัง” หลวงพ่อผู้ชราที่บังเอิญผ่านมากล่าวน้ำเสียงราบเรียบ

“แต่...” ไอ้ป้อดมีท่าทีอึกอักอยากจะลงมือแก้แค้นปาริมา แต่สายตาตำหนิจากประชาชนที่เริ่มจะมุงมากขึ้นทุกที ไหนจะหลวงพ่อที่ไม่รู้ว่ามาขัดจังหวะได้ยังไง ทำให้ต้องสกัดความโมโหโกรธาเอาไว้เท่านั้นก่อน

“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะโยม ถือว่าอาตมาขอก็แล้วกัน”

“ปิ่นจะเอาไปแขวนไว้นอกระเบียงชั้นสอง จะได้รู้สึกปลอดภัย ลุงคนนั้นใจดีจังเลยนะคะพี่ปริม”

ปิ่นปัทมาเดินพลางชื่นชมไม้ประดับในกระถางเล็กๆ ไปพลาง แม้จะเป็นเพียงตะบองเพชรขนหนามธรรมดาๆ แต่นี่เป็นไม้ที่คุณลุงใจดีให้มาฟรีๆ เลยนะนัยว่าเป็นของปลอบใจที่ต้องเสียขวัญ เมื่อเวลาที่เหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านพ้นไปสิ่งดีๆ มักจะเข้ามาในชีวิตเสมอ ปาริมายิ้มเล็กๆ กับอาการเห่อเล็กน้อยของน้องสาว แต่ก็ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่ลุงคนนั้นและหลวงพ่อมาช่วยเอาไว้ได้ ไม่งั้นละก็..ไม่อยากจะคิดเลย

“น้องปิ่นเก็บสร้อยที่หลวงพ่อให้ไว้ไหนล่ะ เก็บไว้ดีๆ นะ”
“เก็บไว้อย่างดีแล้วค่ะ” พูดพลางชูกระเป๋านักเรียนให้พี่สาวดู
“หลวงพ่อบอกว่า สร้อยนี้เกิดจากความรัก และมันจะคุ้มครองเรา”
สองพี่น้องเดินพ้นตลาด ข้ามถนนที่การจราจรพลุกพล่าน ก่อนจะเดินเข้าซอยทางลัด ซึ่งเป็นระยะทางไม่ไกลนัก พ้นปากซอยนี้ก็จะเข้าสู่เขตหมู่บ้าน แต่...
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอจ๊ะน้องคนสวย หึหึหึ”
แล้วสองสาวก็ต้องถอยกรูดด้วยความตกใจอีกครั้ง เมื่อหนึ่งในจิ๊กโก๋เมื่อสักครู่ปรี่เข้ามาขวางทางเอาไว้ รีบคว้าแขนกันเตรียมจะหันหลังกลับแต่ไอ้ป้อดที่ตาเขียวปั้ดข้างหนึ่งก็โผล่ออกมายืนจังก้าทำท่าอย่างกับเปรี้ยวปากและหื่นกระหายเต็มทน อีกเพียงสองช่วงตึกก็จะถึงที่ผู้คนพลุกพล่านแล้วเชียวทำไมไม่พาน้องเดินให้เร็วกว่านี้นะยายปริม

“เฮ้ย!! ไอ้โจ ฤทธิ์เยอะแบบนี้ต้องทำไงให้หลาบจำวะ” ไอ้คนลูกพี่หันไปขอความเห็นกับลูกน้อง อันที่จริงแค่ต้องการป่าวประกาศด้วยเสียงดังๆ ให้เหยื่ออกสั่นขวัญแขวนมากขึ้นเท่านั้น เห็นสาวๆ กลัวลนลานทีไรเลือดหนุ่มมันพุ่งปรี๊ดๆ ซอยเปลี่ยวร้างไร้ผู้คนแบบนี้คงไม่มีใครหน้าไหนเอาคานเข้ามาสอดได้อีกแล้ว

“มันต้องตบแล้วจูบสั่งสอน ลูกพี่”
“ได้เลย จัดให้” ไอ้ป้อดหันไปแสยะยิ้มกับลูกน้องคนสนิท ก่อนจะพุ่งตรงเข้าเกาะกุมหัวไหล่ของปาริมาที่ยืนบังน้องสาวเอาไว้ หวังจะจูบให้หายแค้น

“นี่แน่ะ! ไอ้คนชั่ว อย่ามารังแกพี่ฉันนะ”

วันนี้โชคไม่เข้าข้างไอ้ป้อดเอาเสียเลย เพิ่งโดนหมัดน้อยๆ ของคนพี่ไปหมาดๆ ตายังไม่หายเจ็บก็ต้องมาโดนกระถางต้นไม้ฟาดหัวด้วยฝีมือน้องสาวอีกครั้ง ถึงมันจะอันเล็กแต่มันก็เป็นดินเผา หนำซ้ำยังมีหนามคมๆ ที่ปักเจ็บปักปวดของตะบองเพชรอีกด้วย

ไอ้คนชั่วมันเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนน้องดีกว่า ฤทธิ์มากนักต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก ไม่เคยมีใครทำให้พี่ป้อดต้องขายหน้าและเจ็บช้ำน้ำใจได้ถึงเพียงนี้ มามะ...ตาแป๋วของพี่ป้อด

“อย่านะ” เจ้าของความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับหนามตะบองเพชรร้องลั่นด้วยความตกใจ ก่อนที่ไอ้ป้อดจะเซแซดๆ ออกไปเพราะแรงถีบของใครสักคน และสะดุดขาตัวเองล้มลงไปคลุกฝุ่น ทำไมการเป็นหัวหน้าแก๊งค์มันต้องโดนรังแกอยู่คนเดียววะเนี่ย ทีไอ้โจไม่เห็นจะโดนอะไรเลย แถมเวลาลูกพี่โดนทำร้ายยังจะมัวยืนเซ่ออยู่ได้ เลี้ยงเสียข้าวผัดจริงๆ

มันหันขวับไปทางเจ้าของเท้าที่ทำให้มันต้องนอนกลิ้งโค่โร่แล้วยิ่งทำให้โมโหมากขึ้น ทำไมเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ออกจะผอมบางช่างกล้ากระโดดถีบเสือร้ายอย่างไอ้ป้อด นี่มันไม่เหลือมาดของความน่าเกรงขามแม้แต่น้อยเลยหรือไงกันนะ

“พี่ปราณ! พวกนี้มันลวนลามปริมกับปิ่นค่ะ” ปาริมารีบฟ้องพลางจูงมือน้องสาวมาแอบอยู่ด้านหลัง แม้จะไม่เคยเห็นปราณชกต่อยกับใครแต่ในเวลานี้ นี่เป็นทางออกที่ไม่มีโอกาสได้เลือกเลย
“เฮ้ย จัดการมัน!”


“นั่งสิพ่อหนุ่ม จะยืนทำไมล่ะไม่เมื่อยเหรอ”

“ไม่ดีกว่าครับยาย อีกไม่กี่ป้ายก็ถึงแล้วล่ะครับ” ว่าที่ผู้หมวดหนุ่มยิ้มและน้อมตัวขอบคุณคุณยายผู้มีทน้ำใจ ที่อุตส่าห์เอ่ยปากชวนให้นั่งด้วยกัน อันที่จริงคุณยายก็คงจะนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่นั่งว่างตั้งมากมายแต่ทำไมพ่อหนุ่มนักเรียนนายร้อยที่สวมเครื่องแบบเนี้ยบนิ้งรอยรีดคมกริบรองเท้าเงาวับคนนี้จึงไม่ยอมนั่งสักทีนะ จังหวะที่รถเร่งแซงคันหน้าทำให้การทรงตัวไม่สู้จะดีนัก แต่ว่าที่ผู้หมวดหนุ่มก็ยังคงยึดพนักพิงเอาไว้แน่นรักษามาดเอาไว้ได้ เขาขยับเล็กน้อยให้เสื้อเข้าที่ก่อนจะยืนเท่ทอดสายตาชมบรรยากาศสองข้างทางอย่างเพลิดเพลินต่อไป

“เท่จังเลย ตูดปอดยอดทหารสมชายชาตรี นี่ถ้ายายอายุยังน้อยยายไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่ๆ” คุณยายผู้หวังดีส่งยิ้มเหงือกแดงกระเซ้าชายหนุ่มและเอื้อมมือเหี่ยวย่นจับแขนแข็งแรงบีบเบาๆ สาวๆ ที่นั่งเบาะคู่ด้านหลังหัวเราะคิกคักปรายตามองอย่างนึกหมั่นเขี้ยว คนอะไรล้อ..หล่อ
“คุณยายอารมณ์ดีจังเลยนะครับ”


“อยากเป็นพระเอกนักใช่มั้ยมึงน่ะ พระเอกต้องเอาให้หนักๆ จะได้เรียกคะแนนสงสารได้เยอะๆ”

ขณะที่คนรูปหล่อกำลังเป็นที่หมายตาของสตรีและคนชรา โดนกระเซ้ากระแซะให้จั๊กกะจี้หัวใจเล่นๆ มาตลอดทาง เพื่อนรักก็กำลังโดนจิ๊กโก๋รุมกระทืบจนนับครั้งไม่หวาดไม่ไหว
“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”
“หยุดนะ พอได้แล้วไอ้พวกบ้า โธ่...พี่ปราณ”
แม้ร่างกายจะโดนซ้อมจนสะบักสะบอม แต่ลูกผู้ชายหัวใจไม่เคยแพ้ ถึงตายก็จะไม่ยอมให้เจ้าพวกจิ๊กโก๋ปลายแถวมันทำร้ายน้องสาวทั้งสองได้เป็นอันขาด ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้บวมปูดจนตาปิด ปราณล้มลงไปคลุกฝุ่นครั้งแล้วครั้งเล่า และในจังหวะที่สติเริ่มเลือนลาง ภาพบางเหตุการณ์ได้วูบไหวในมโนสำนึก
‘ว้าย! อย่าแกล้งเขานะ’
ภาพของเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับปิ่นปัทมาหน้าตาน่าเอ็นดูฉายแว้บขึ้นลางๆ เบือนหน้าหนีโคลนที่เขาเอื้อมหมายแปะสองแก้มปลั่ง และเผลอแป๊บเดียวมือน้อยก็ยื่นมาป้ายโคลนหมับที่สองแก้มเป็นการแก้แค้น ตางามพราวระยับยิ้มหยี ก่อนจะเอี้ยวตัววิ่งวนไปรอบๆ หัวเราะคิกคัก บางสิ่งสะกิดหัวใจให้รู้สึกว่าช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ใครกันนะ...

“เท่ไม่เบาเลยนะแกไอ้ปอนด์ ”
คนรูปหล่อหลุดพ้นพันธนาการอารมณ์บนรถเมล์ลงมาแล้ว หันไปดูเงาสะท้อนในกระจกจากร้านรวงริมฟุตบาทพิจารณาเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยอีกครั้ง ไม่เสียแรงที่ลงทุนยืนเมื่อยมาตลอดทาง ไม่อยากจะบอกเลยว่า...กลัวเสื้อยับ รถเมล์สายนั้นผ่านหน้าหมู่บ้านจึงไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย ถัดไปไม่ไกลนักเป็นซอยทางลัดออกไปอีกแหล่งชุมชนหนึ่งซึ่งปราณกำลังโดนรุมกระทืบอยู่

“เอ๊ะ ตรงโน้นคนมุงอะไรกันนะ?”
เสียงผู้คนที่เจี๊ยวจ๊าวอยู่ไม่ไกลเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อย สาวเท้าอย่างมาดมั่นและสง่าผ่าเผยมุ่งสู่ที่นั้น
“เร่เข้ามาครับเร่เข้ามา สนใจอยากได้ยาฆ่าแมงกินฟันไปฝากลูกฝากหลานก็เร่กันเข้ามา”
เป็นการแสดงมายากลนั่นเอง ชายเจ้าของเสียงอันดังและเร้าอารมณ์ส่งเสียงเชิญชวนไปรอบๆ บริเวณ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ และแน่นอน ก่อนจะมีการแสดงอันตื่นตาตื่นใจก็ต้องขายยาเรียกเงินเข้ากระเป๋ากันก่อนเป็นธรรมดา
‘โอ้..น่าสนุกจัง แวะก่อนดีกว่า เผื่อได้อะไรติดไม้ติดมือไปแกล้งยายหมีดำ’


“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย!”
สองสาวพี่น้องยังคงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย ผู้คนที่สัญจรไปมาตรงปากซอยซึ่งอยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตรได้แต่มองมาด้วยสายตาหวาดระแวงเกรงจะโดนลูกหลง เมื่อไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย ก็เห็นจะมีแต่เราเท่านั้นแล้ว สองสาวทั้งกัดและหยิกข่วนเท่าที่จะสามารถทำได้
เผียะ!
ปาริมาโดนตบจนหน้าหัน เซถลาล้มลงก้นจ้ำเบ้า ปิ่นปัทมาโดนเหวี่ยงตามไปกองกันที่พื้น นี่มันกลางเมืองและกลางวันแสกๆ แท้ๆ ทำไมทำกันได้ถึงเพียงนี้ พวกนี้เป็นลูกผู้ชายกันหรือเปล่า


“เอ๊ะ ทางโน้นมีอะไรกัน?” ว่าที่ผู้หมวดหนุ่มหันไปสนใจอีกมุมหนึ่งของตลาด เสียงคนร้องตะโกนบอกกันให้แซ่ดว่าตรงโน้นมีคนตีกัน ใครกันนะ?


‘แน่จริงจับให้ได้สิ’
น้ำเสียงแว่วหวานยั่วเย้ากระเซ้ากระซิกในห้วงสัมปชัญญะที่เลือนรางอีกครั้ง ทว่าบรรยากาศรอบข้างกลับเปลี่ยนไป หญิงสาวร่างเล็กบอบบางในชุดโจงกระเบนสีแดงเล่นน้ำชุ่มฉ่ำไปทั้งกาย แดดสีทองอ่อนๆสะท้อนเสี้ยวหน้าและแววตาวาวหวาน ดอกบัวน้อยใหญ่ชูสะพรั่งท่ามกลางระลอกน้ำที่สะท้อนแสงเป็นกระกายระยับ สายบัวหอบใหญ่วางทิ้งอยู่ริมตลิ่ง คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นใครสักคนและที่ไหนสักแห่งที่คุ้นเคย ลืมความเจ็บปวดจากการถูกทำร้ายไปหมดสิ้น ทุกอย่างดูตื้อและอื้ออึงไปหมด
‘ว้าย!’ แล้วขาเรียวและเท้าเปล่าก็ถลำลื่นลงโคลนลึก ชายหนุ่มผู้ที่ปราณรู้สึกเหมือนเป็นตัวเองไล่ตามไปจนทัน คว้าร่างเจ้าของดวงหน้าหวานและรอยยิ้มพราวพรายนั้นไว้ในอ้อมอก
‘พี่...’


“เฮ้ย! ไอ้ปราณ”
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ปณิธานไม่สามารถเก๊กหล่อเอาไว้ได้อีกต่อไป ทำไมเป็นแบบนี้ ปกติปราณไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องกับใครได้

“พอได้แล้ว!” ร้องห้าม ปราดเข้าประคองร่างปวกเปียกของเพื่อนรักที่โดนซ้อมจนตาปิด หัวใจขี้เล่นลุกโชนด้วยไฟโทสะ ชายหนุ่มขบกรามแน่นสกัดกั้นระเบิดลูกโตให้สงบนิ่งเอาไว้ให้ได้นานที่สุด สองมือประสาน จับมือเพื่อนเอาไว้แน่น เกินจะห้ามน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ได้

“เฮ้ย! ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไปโว้ย”
“พอได้แล้ว...ครับพี่” ก้มหน้านิ่ง สกัดอารมณ์จนตัวสั่นบอกพวกมันด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะราบเรียบ
“อย่าแส่ดีกว่า คิดว่าเป็นทหารแล้วพวกกูจะไม่กล้ากระทืบหรือไงวะ”
“พี่ปอนด์ ระวัง!”

หนึ่งในพวกมันอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มยังไม่ทันระวังตัว พุ่งเข้าหา เงื้อส้นเท้าขึ้นสูงและกระแทกลงสุดแรงหมายกระทืบให้จมดิน แต่เป้าหมายกลับหลบฉากอย่างว่องไวเท้าของมันกระแทกพื้นฝุ่นกระจาย และในจังหวะนั้นหมัดซ้ายตรงล้วนๆ ก็พุ่งตรงเข้ากระแทกใบหน้าของมันอย่างจัง ฟันหักกระเด็นสองซี่หลับฝันร้ายกลางอากาศ

“เสือกไม่เข้าเรื่อง เจอกู!” ไอ้ป้อดพุ่งเข้าหาเจ้าของหมัดที่ส่งลูกสมุนของมันไปนอนคลุกฝุ่นด้วยความโมโหสุดขีด เหวี่ยงหมัดขวาตรงแหวกอากาศออกไปสุดแรง

เป้าหมายของมันเอี้ยวตัวหลบได้อย่างง่ายดาย เหลือเพียงมือใหญ่แข็งแรงที่อ้ารับหมัดของมัน บีบเอาไว้อย่างเหนียวแน่นและรุนแรง

ความเจ็บปวดอันหนักหน่วงที่ข้อมือเล่นเอาไอ้ป้อดเข่าทรุดร้องลั่น พยายามดึงข้อมือออกจากการบีบเค้นแต่ไม่เป็นผล ข้อมือที่เคยถูกใช้งานหนักเพียงแค่กระดกเหล้าเข้าปากหรือจะสามารถแข็งขืนมือที่ผ่านการฝึกหนักในทุกรูปแบบมาแล้วอย่างโชกโชน

“ก็นี่มันน้องสาวกับเพื่อนผมนี่ครับพี่” เจ้าของสายตาคมกริบแค่นเสียงคล้ายคำรามบอกกับมันเบาๆ ก่อนจะรั้งร่างอ่อนแอนั้นเข้ามาประชิด โขกศีรษะเข้าที่ใบหน้าเหยเกของมันอย่างจัง

“แก...ทำฟันฉันหัก ฮึ่ม...เฮ้ยพวกแกจัดการมันสิโว้ย” มันหันไปสั่งลูกน้อง มือกุมปากเลือดไหลย้อยถึงข้อศอก ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อหิ้วตัวมันขึ้นเต็มความสูง จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาอาฆาตแค้นคู่นั้น บรรดาลูกน้องหันรีหันขวาง ลังเลที่จะเข้าไปจัดการตามคำสั่งของลูกพี่

“ถ้าพี่ทำตัวปกติเหมือนชาวบ้านคนอื่นเขา ปากพี่จะแตกมั้ยครับ”
“มึง...” มันกัดฟันฝืนคาดโทษอย่างไม่มีทีท่าจะสำนึก “กูเอาคืน....แน่....”
“ถ้าพี่จะเอาคืนก็รอเอาคืนกับผม อย่ามาหาเรื่องน้องๆ กับเพื่อนผมอีก จำใส่กะลาหัวเอาไว้” ความโมโหกราดเกรี้ยวที่ถูกสกัดกั้นเอาไว้ต้องพังทลาย มือซ้ายคว้าหัวเข็มขัดยกตัวมันทุ่มซุกหัวลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ นั้นอย่างเหลืออดก่อนที่เสียงนกหวีดของสายตรวจที่เพิ่งเดินทางมาถึงจะดังขึ้น
ปรี๊ดดด...

+++++++++++++++++++++++
“อูย...”
“ครางหงิงเลยนะเพื่อน เป็นไงมันดีมั้ย ใจถึงไม่เบานี่หว่า เล่นรุมพวกมันทีเดียวพร้อมกันตั้งหลายคน”

เมื่อสถานการณ์คลี่คลายความขี้เล่นก็กลับคืนมาอีกครั้ง ว่าที่ผู้หมวดหนุ่มเห็นสภาพเพื่อนรักแล้วก็อดขำไม่ได้ โดนต่อยเสียยับเยินเชียว เห็นทีตอนนี้ตำแหน่งคนรูปหล่อที่สุดคงจะไม่พ้นเงื้อมมือปณิธานไปได้ แม้จะมีรอยแดงสองจ้ำที่บริเวณหน้าผากก็ตาม เขาเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเอาน้ำแข็งหลอดในช่องฟรีซมาลูบบริเวณรอยช้ำ ไอ้บ้านั่นฟันหน้ามันแข็งจริงๆ แต่ก็ดีที่หักไปแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าซ่าหาเรื่องใครต่อใครไปทั่วอีกแล้วละ

“ก็ดูสภาพสิพี่ปอนด์ จะมันออกมั้ยนี่” สาวน้อยแก้มใสหัวเราะคิก พลอยเล่นไปกับพี่ชายด้วย มือเรียวเล็กประคบผ้าเย็นบริเวณเปลือกตาที่เกือบปิดของพี่ปราณเอาไว้ พี่ปริมต้องไปทำกับข้าวจึงฝากหน้าที่ที่ควรเป็นของหญิงคนรักเอาไว้กับน้องสาวคนสวย

“ใช่... น่าเสียดายตำรวจไม่น่ามาห้ามเลย ฉันกำลังจะสอยพวกมันได้แล้วเชียว อูย...”
“เอ๊ะ แล้วใครที่นอนให้พวกมันกระทืบจนต้องเป็นแบบนี้ เขาว่า...หน้าคุ้นๆ นะ” ตางามยิ้มหยี อยากกระเซ้าคนปากดีเล่นๆ แต่เพียงแวบเดียวที่ก้มลงสบตาคนเจ็บใกล้ๆ ก็ต้องรีบมองผ่านไปทางอื่นกลบเกลื่อนบางความรู้สึกที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร วันนี้พี่ปราณยอมเจ็บตัวขนาดนี้เพื่อปกป้องพวกเรา

“ต่อไปต้องฝึกมวย หมั่นออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงนะเพื่อน จะได้ดูแลน้องๆ ได้”
“ไม่ไหวละมั้งเพื่อน”
“ต้องไหวสิ ดูฉันนี่ ซัดพวกมันจนวิ่งหนีหางจุกตูดไปเลย”
“วู้ย...พี่ปราณเขาออกจะบอบบาง ออกแนวใช้สมองไม่ได้เป็นพวกใช้กำลังเหมือนพี่ปอนด์ถึงจำเป็นจะต้องถึกเข้าไว้”

น้องสาวคู่ปรับนิรันดร์กาลส่งเสียงขัดคอมาจากก้นครัว เห็นว่ามาหิวๆ หรอกนะคะถึงยอมลงทุนทิ้งหน้าที่ปรนนิบัติพี่ปราณเอาไว้ก่อน แล้วเข้าครัวมาทำอาหารให้พ่อรั้วผุๆ ของชาติรับประทาน และนี่ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย ปริมายกไข่เจียวจานด่วนพร้อมข้าวสวยร้อนๆ วางบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา

“อ๊ะ ก็คนมันแข็งแรง เป็นรั้วของชาติก็ต้องแข็งแรงพร้อมสู้ศึกเสมอ นี่ๆ ดูกล้ามซะก่อน” พูดพลางเบ่งกล้ามแขนอันแข็งแรงโชว์ให้เห็นกันจะจะไปเลย
“ชิ...ขี้โม้จริงๆ เลย”

เวลาล่วงเลยห้าทุ่ม เป็นเวลาที่ต่างต้องแยกย้ายกันเข้านอน แต่เหตุการณ์เมื่อบ่ายวันนี้ยังคงชัดเจนในความทรงจำของปริมาจนไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ชายหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนรักของพี่ชายผู้เป็นวีรบุรุษปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเธอไม่ให้ถูกพวกจิ๊กโก๋เหล่านั้นย่ำยี ยังนอนเจ็บอยู่อีกห้องหนึ่ง แสงเหงาๆ จากโคมไฟพาหัวใจร้อนรุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเวลาที่ผ่านไปทุกๆ นาที

“น้องปิ่นว่า พี่ไปทายาให้พี่ปราณดีมั้ย” ผู้เป็นพี่เอ่ยถามน้องสาวที่นอนหันหลังให้

“น่าสงสารพี่ปราณจังเลย ดูซิร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงพอจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่เพื่อปกป้องเราต่อให้ต้องเจ็บตัวก็ยังยอม เฮ้อ...น่ารักที่สุด” พูดพลางยิ้มพรายอาบใบหน้า การได้เอ่ยถึงคนที่รักนั้นเป็นความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“น้องปิ่นว่า จะน่าเกลียดไหมถ้า... ถ้าพี่จะสารภาพรักพี่ปราณ” ปลายเสียงนั้นแผ่วลง รู้สึกกระดากกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป

“น้องปิ่น... น้องปิ่น... นี่ อย่าบอกนะว่าหลับจริงๆ น่ะ โธ่เอ๊ยปล่อยให้พี่รำพึงรำพันคนเดียวอยู่ได้ น่าตีจริงๆ น้องคนนี้” มือเรียวคลี่ปอยผมและก้มลงจุ๊บแก้มใสๆ ก่อนจะปิดไฟคลุมโปง ข่มตาให้หลับลงอย่างยากเย็น ขณะที่ดวงตาอีกคู่หนึ่งกำลังเหม่อลอยผ่านความมืดออกไปนอกหน้าต่างอย่างหงอยเหงา

‘พี่ปริม...พี่ปราณ...’

+++++++++++++++++++++++++++



ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2554, 11:03:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2554, 11:03:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 2026





<< ตอนที่ 1 สายใยแห่งรัก   ตอนที่ 3 บุพเพอาละวาด >>
ปูสีน้ำเงิน 16 พ.ค. 2554, 00:16:23 น.
น่าสงสารพระเอกขี่ม้าขาวจัง โดนซะน่วมเลย


ไอรายา 16 พ.ค. 2554, 14:36:59 น.
ขอบคุณที่ติดตามครับน้องปู ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account