เจ้าสาวสิบแปด
อุบัติเหตุ ได้เกิดขึ้น จากเจ้าสาวยี่สิบสองมาเป้็นเจ้าสาวสิบแปด ชีวิตได้ถูกสิ่งใดลิขิต
Tags: เพื่อรัก

ตอน: ต้องมีชีวิตต่อไป

ทุกคนพากันนิ่งงัน เด็กหนุ่มยืนนิ่งด้วยความงุนงง เขารู้จักคนรักของน้าชาย แต่ไม่ได้สนิทสนมมากจนถึงขนาดที่พันทิวาจะเรียกหาให้เขาช่วยเหลือ โดยเฉพาะช่วยให้ออกจากอ้อมแขนคนรัก เทียนสว่างพบหน้างุนงง คิ้วเข้มโค้งยาวของคนที่เธอชอบหมวดมุ่นไม่เข้าใจ เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปแล้ว อ้อมแขนคนร่างใหญ่ยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่น เกรงกลัวจะเสียหญิงสาวในวงแขนด้วยคิดว่าใช่คนของตัวเอง ปากพร่ำบ่น
“แหม่มพี่อยู่ที่นี่ แหม่มจำพี่ไม่ได้ ได้ยังไง ทำไมจำได้แต่ปุณ ทำไมจึงพูดอย่างนั้น แหม่มเป็นเมียพี่นะ” คำที่หลุดปากบอกออกไปทำให้ทั้งห้องยิ่งเงียบไปกว่าเดิม
คุณปริศนา คุณพรชัยเข้ามาใกล้เตียง ขณะที่เพื่อนสาวทั้งสามคนพากันออกห่าง เพราะเพิ่งได้ยินคำสารภาพของสายหนุ่ม
คนที่หยุดการร่ำร้องโวยวายอย่างสนิทคือเทียนสว่าง เด็กสาวสุดทนกับสิ่งรอบตัว กับเรื่องราวรอบข้าง เธอวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ทั้งห้องและอ้อมกอดชายหนุ่มดูเหมือนบีบอัดให้ร่างเธอหายใจไม่ออก สุดท้ายเธอหอบหนัก ก่อนที่จะเป็นล้มไปในที่สุด
“แหม่ม หมอตามหมอมาที” คุณพรชัยกดปุ่มแดงข้างเตียงคนไข้ ซึ่งเป้นปุ่มฉุกเฉินไว้เรียกแพทย์หรือพยาบาลมาดูอาการคนไข้
คุณปริศนารับเขามาแกะมือชายหนุ่มออก พลางบอก
“วางแหม่มเถอะวีณ แหม่มคงยังไม่หายดี แหม่มตกใจมาก เอ่อบางที”
ปวีณกลืนก้อนแข็งลงคออย่างเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เคยรู้ เบื้องหลังหญิงสาวมีอะไร ทั้งที่ก่อนเกิดเหตุ เธอมีเพียงเขาคนเดียว แต่หลังจากที่สลบไปสาม-สี่วัน เธอผิดแผกไปราวกับไม่ใช่คนเดิม
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรักของเขาเจือจางลงได้สักนิด นอกจากเจ็บลึกในใจ หมอเข้ามาตรวจดูอาการคนไข้ คนมาเยี่ยมพากันบอกลาผู้ให้กำเนิดคนไข้ คงเหลือแต่ปวีณเท่านั้นที่ยังคงอยู่ด้วยความเป้นห่วงหยฺ.สาวยิ่งชีวิตของตนเอง
คุณวีณาเป็นคนที่ต้องดึงแขนหลานชายมากระซิบถาม เมื่อพากันกลับจากการเยี่ยมพันทิวา
“นี่มันเรื่องอะไรกันปุณ ทำไมคนรักของน้าเราจึงมาร้องโหวกเหวกให้เราช่วย เราไปสนิทสนมอะไรกันขนาดนั้น”
“ปุณไม่รู้ครับคุณยาย แทบไม่เคยคุยตามลำพังด้วยซ้ำ คุณยายอย่าระแวงปุณได้มั้ยครับ แค่เห็นสายตาเหมือนอยากบีบคอปุณของน้าวีณปุณก็หนาวมากพออยู่แล้ว”
“นี่ยายต้องมีสะใภ้ประสาทเสื่อมด้วยหรือนี่”
คุณวีณารำพึงอย่างที่คิดในใจไม่เป็น เรื่องห้ามลูกคนเดียวที่เหลืออยู่ไม่อาจห้ามได้สักเรื่องเดียว แต่ถ้าเป็นหลานชาย ให้ตายคุณวีณาไม่ยอมเด็ดขาด เรื่องปุณจึงดูเหมือนสำคัญหว่าสิ่งใดในโลกสำหรับท่านทีเดียว
เพื่อนสามสาวของพันทิวาลากบิดามารดาของหญิงสาวกลับ เมื่อพ้นจากโรงพยาบาลมาแล้วต่างหันไปบอกแก่กันด้วยความคาดไม่ถึง
“เพิ่งรู้นะว่าแหม่มเพื่อนเราไปไกลกว่าคนรัก”
“คบมาตั้งสี่ปี ไม่รอดมือแน่”
“แต่ก็เพิ่งได้ยินกันไม่ใช่หรือ แล้วที่สำคัญ ยังแหม่มไปร้องเรียกหลานสุดหล่อของพี่วีณทำไม”
“นี่พวกแกอย่ามาคิดในทางร่ายกับเพื่อนรักของเราเด็ดขาด”จิจ๊ะห้าม ทั้งที่ตัวเองก็ติดสงสัย
ใครเล่าจะไม่คิดในเมื่อคนป่วยจำคนได้คนเดียว และจากเสีงร้องเรียกให้ช่วยนั้น ดูเหมือนปุณสำคัญเสียยิ่งกว่าคนที่กอดเธอเสียอีก
เวลานี้ปวีณจึงนั่งนิ่งบนโซฟาเยี่ยมไข้ คุณพรชัยนั่งข้างชายหนุ่ม ส่วนคุณปริศนา นั่งที่เก้าอี้นุ่มข้างเตียง มองร่างที่ได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว หลับไปด้วยฤทธิ์ยา
“คุณอาครับ เอ่อผมขอโทษครับกับเรื่องของผมกับแหม่ม”
คนเป็นพ่อย่อมไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าลูกแอบถูกเจาะไข่แดง แต่ว่าเขาจะโทษว่าใครได้ ในเมื่อชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมคนนี้ไม่ได้หนีหายไปที่ใด แม้ลุกสาวทำท่าเหมือนคนเป็นโรคประสาทให้เห็น หลังจากฟื้นขึ้นมาหลังอุบัติเหตุ
“ท่าทางแหม่มแย่กว่าที่คิดไว้”
“ให้แย่กว่านี้ผมก็รักแหม่ม ต้องการแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุดครับคุณอา”
คูณปริศนามองลูกสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเงียบงัน ลูกที่นางรักกลับทำให้นางกลัวอย่างบอกไม่ถูก ยามหลับเช่นนี้ นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นลูกมากเสียยิ่งกว่าตื่นขึ้นมาพร้อมสายตาที่หวาดระแวง ขับไล่ และร้องขอไปหาแม่อื่นที่ไม่ใช่แม่คนนี้
“เราจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้นะวีณ ดูแล้วแหม่มกลัววีณมากทีเดียว”คุณพรชัยเปิดปากบอกความในใจ นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มเจ็บยิ่งขึ้น หากแล้วความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในสมอง
หรือหญิงสาวที่ยินยอมมอบกายให้กับเขาเอง กลับรู้สึกเกลียดกลัวเขาไปเสียแล้วอย่างที่คุณพรชัยบอก โอ้ไม่...ไม่จริง พันทิวาดูมีความสุขมากกว่าจะหวาดหวั่นต่อการได้ตกเป็นของเขา เธอยื่นมาให้กับปวีณคนนี้เอง แล้วจะมากลัวอะไรกัน บ้า เรานั่นละที่คิดบ้า ไม่นานแหม่มต้องหาย ต้องหายแน่!! ชายหนุ่มทิ้งความกังวล และให้กำลังใจตัวเอง เวลาสี่ปีที่ได้คบหากันมามีแต่ความรักและความเข้าใจ ซึ่งต่อให้หญิงสาวเป็นคนเอาแต่ใจเพียงใด เขายังคงรักเธอเสมอ เขาจะรอ รอต่อไปไม่ว่านานเพียงใดก็ตามที!!
ชีวิตมนุษย์ที่ยังคงว่านวนอยู่บนโลกแห่งความเป็นนั้นยังคงมีหน้าที่ แม้ว่าบางคนจะทุกข์โศกมาก หรือบางคนมีความสุขล้นเหลือ ต่างต้องก้าวเดินสู่ข้างหน้าต่อไปด้วยกันแทบทั้งสิ้น
หลังทำบุญครบสิบห้าวันแล้ว โรงเรียนเปิดเทอม
ธูปหอมยกโกฐใส่เถ้ากระดูกของน้องสาวมาพรมโคโลญจ์กลิ่นที่น้องสาวและตนชอบใช้ลงในโกศกระดูกเทียนสว่าง สังหรณ์ของแฝดที่ผูกพันกันเป็นพิเศษนั้นคือ เด็กสาวผู้พี่รู้สึกได้ว่าเทียนสว่างยังอยู่ที่ไหนสักแห่งยังไม่จากไป
“เทียน อยู่ที่ไหนหรือมาบอกธูปด้วยนะ” เธอพูดกับเถ้ากระดูกในโกศตรงหน้า
สายสุดาเข้ามาเตือนลูกสาวให้รับไปเรียนหนังสือ แต่เมื่อมาเห็นลูกอยู่กับโกฐกระดูกก็สงสารจับใจ หากว่านางต้องเข้มแข็งขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกับธูปหอมที่ต้องเข้มแข็งเพื่อมารดาเช่นเดียวกัน
“ธูป ไปโรงเรียนได้แล้วลูก”
“ค่ะแม่ ธูปเก็บเทียนไว้ก่อนนะคะ”
คนเป็นแม่รับหันหลังให้ทันที ก่อนที่จะรีบกรีดน้ำตาด้วยปลายนิ้วให้เหือดหาย สองคนพี่น้องเป็นแฝดที่รักกันมาก ไม่เคยทะเลาะกันแม้สักครั้งเดียว กินนอนด้วยกันทุกอย่างเหมือนกัน ทำไมหนอโชคชะตาจึงต้องมาพรากทั้งสองจากกัน ทำไมสร้างให้เกิดแล้วต้องพลัดพรากด้วย
วันนี้ธูปหอมต้องไปโรงเรียนเพียงคนเดียว ขี่จักรยานโดยไม่มีคนซ้อนท้ายไปนั่งรถเมล์ปากซอย เมื่อถึงโรงเรียน ในห้องประขำชั้น โต๊ะข้าง ๆ ไม่มีร่างของแฝดน้องนั่งอยู่อีกแล้ว
เพื่อน ๆ เข้ามาปลอบใจด้วยความอ่อนโยน รินวางถุงหอมไว้บนหนังสือให้กับเพื่อน ธูปหอมรับมาดมกลิ่น แล้วฝืนยิ้มรับไมตรี
“ขอบใจนะริน ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ทำใจได้แล้ว”
“ใกล้สอบแล้ว ธูปอ่านหนังสือกับพวกเรามั้ยละ ปุณเขาจะติวให้” ธูปหอมเหลือบแลไปทางเพื่อนนักเรียนชายที่นั่งติดริมหน้าต่าง
แม้จะเป็นแฝดที่เหมือนกันแต่เขาเลือกเทียนสว่างไม่ใช่ธูปหอม แต่กระนั้นสองแฝดยังชื่นชม อย่างไม่อิจฉาริษยากัน ท่าทางปุณซึม ไปไม่ร่าเริงดังแต่ก่อน ธูปหอมอดคิดไม่ได้ว่า เด็กหนุ่มคงอยากที่จะเปลี่ยนให้คนที่ตายชื่อธูปหอม ซึ่งธูปหอมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นถ้าแลกได้
เพื่อนรอคำตอบอยู่จึงทวง
“ว่าไงธูปตกลงมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกรินไม่ต้องห่วง ใครติวให้ก็เหมือนกันนั่นแหละรินก็เรียนเก่งนี่นาช่วยฉันบ้างก็แล้วกัน” รินยิ้มใสกับคำชม
พักเที่ยงปุณ ยกถาดอาหารไปนั่งกับเพื่อนชายด้วยกัน ไม่มาวนเวียนนั่งใกล้ ธูปหอมเหมือนดังเคย ประโยชน์อะไรในเมื่อไม่มีแล้วเทียนสว่างคนดีอีกแล้ว
“ตาปุณบ้า คิดอะไรของเขานะทั้งที่เทียนกับธูปก็เหมือนกันทำไมถึงทำยังกับไม่รู้จัก” ระรินว่าดัง ๆ หวังให้ปุณได้ยิน แต่ก็สะเทือนใจธูปหอมไม่น้อยกระนั้น แต่เธอยังเก็บคามรู้สึกมิดเม้นไม่ให้ใครได้รับรู้
หลายวันแล้วที่ปวีณทำงานมากและมีงานต้องไปต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเขากลับมาแล้ว เขารีบไปพบคนป่วย ซึ่งยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่ร่างกายแข็งแรงดีแล้ว แต่คนไข้เองกลับไม่ยอมกลับบ้าน
คุณปริศนานั่งเฝ้าหน้าห้องไม่เหมือนเคยที่จะอยู่ใกล้ลูกสาวตลอด ปวีณทำความเคารพผู้ใหญ่แล้วจึงชวนคุยบ้างตามมารยาท
“เพื่อน ๆ แหม่มมาเยี่ยมกันอีกบ้างบ้างมั้ยครับ” เขาถาม
คุณปริศนาสะท้อนใจเมื่อนึกถึงเพื่อนลูกสาวสามคนที่พากันหอบดอกไม้และข้าวของมาเยี่ยม มานั่งเล่าเรื่องราวเก่าๆให้ฟัง คนเล่าสนุก แต่คนฟังนั่งพร่ำเพ้อแต่ว่าเธอไม่ใช่พันทิวา ไม่รู้จักคนทั้งหมด เพื่อน ๆ พากันหน้าเสีย บ้างปากไวก็หลุดปากว่าพันทิวาประสาทเสื่อม
ปวีณขอตัวเข้าไปเยี่ยมพันทิวา ภายในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้สวย ๆ ที่คนไข้เคยโปรดปราณ พันทิวานั่งเบือนหน้ามองเหม่อไปนอกหน้าต่างกระจก คุณปริศนาเดินตามปวีณเข้ามา แม้ลูกสาวจะจำใครไม่ได้แต่ก็น่าจะจำคนรักได้เพราะว่าเคยรักกันอย่างสุดซึ้ง ขอให้จำได้เถอะเธอภาวนาในใจด้วยความหวัง อย่าเป็นเช่นครั้งที่แล้วที่ลูกสาวทำขายหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากหลานชายคนรัก
“แหม่ม” เขาเรียกอ่อนโยน แต่เจ้าของชื่อยังนั่งนิ่งไม่รับรู้การมาของเขา ปวีณเดินไปใกล้อีกจับคางเธอให้หันมาหาอย่างสนิทสนม จ้องลึกตาคู่สวยหากว่าเธอหวีดเสียง
“อย่านะ” เทียนสว่างปัดมือของเขาเต็มแรง ท่าทางตื่นตะนกจนเห็นได้ชัด
“แหม่ม โกรธพี่หรือ พี่ไปสัมมนาฐานะประธานบริษัท ปลีกตัวมาหาแหม่มไม่ได้จริงๆ พี่ขอโทษ” เขานึกว่าเรื่องที่เขาพูดจะเป็นสาเหตุแห่งความหมางเมินของพันทิวา
เทียนสว่างน้ำตาเอ่อคลอหน่วย เธอไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น ไม่ใช่สักหน่อย ปวีณหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อเช็ดน้ำตาที่ไหลริน คุณปริศนาดีใจหรือว่าลูกสาวจะเป็นอย่างปวีณว่า คืองอนที่เขาไม่มาเยี่ยมจึงพาลพะโรไม่รู้จักใคร ๆ คิดแล้วก็หันกลับออกจากห้องไม่อยากอยู่ขัดคออีก เมื่อห้องปิดเรียบร้อยปวีณถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงเดียวกับคนไข้ยื่นหน้าจะหอมแก้มพันทิวาหากว่าเทียนสว่างยกหมอนขึ้นกันไว้ ปฏิเสธอีก
“ออกไปนะออกไป หนูไม่ใช่พันทิวา หนูไม่ใช่แหม่ม หนูอยากกลับบ้าน หนูอยากกลับบ้านของหนู” เธอยังคงวิงวอน
“แหม่ม ใจเย็น ๆ ไว้” เขายื้อแย่งหมอนไปวางไว้ตามเดิม เทียนสว่างรู้สึกหวาดกลัวต่อชายคนนี้ยิ่งนัก ลนลานกระถดถอยปวีณคว้าร่างเธอมากอดเต็มอ้อมแขน
“แหม่ม เราเป็นของกันและกันแล้วอย่าทำอย่างนี้กับพี่สิครับแหม่ม” เทียนสว่าง รู้สึกชาไปทั้งร่าง เธอพึ่งย่างสิบแปดยังบริสุทธิ์ และคนที่เธอรักไม่ใช่คนนี้
“ถึงแหม่มจะจำคนอื่นไม่ได้ แต่แหม่มต้องจำพี่ได้สิเราเป็นยิ่งกว่าคนรักก็รู้ดีไม่ใมช่หรือ” เขาลดเสียงที่กราดเกรี้ยวลง “ถ้าแหม่มหายดีเมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันนะ” ร่างใหญ่คลายวงแขนที่กอดอีกฝ่ายแน่นออก สุขมาเบือนหน้าจากร่างใหญ่ของปวีณ
“หนูไม่ใช่คนรักของคุณ หนูชื่อ...” ยังไม่ทันเอ่ยจบปวีณสวนคำทันที
“บ้า พอที หยุดพูดว่าไม่ใช่แหม่มเสียที” ปวีณหลุดปากอย่างไม่ตั้งใจ“เอ่อพี่ขอโทษแหม่ม พี่ไม่ตั้งใจ”
“หนูก็อยากบ้าไปเสียเดี๋ยวนี้เหมือนกัน หนูถูกรถชนตาย แต่ทำไมไม่ตายตื่นขึ้นมาก็มีแต่คนเรียกชื่ออื่น” คำพูดของพันทิวาทำให้ปวีณตกใจ มิใช่กลัวแต่นี่คนรักของเขาประสาทเสื่อมไปจริงหรือ
ปวีณไม่ละพยายามเขาช้อนร่างพันทิวาขึ้นสู่วงแขนนำพาไปในห้องน้ำ เทียนสว่างดิ้นรน หวงตัวไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอ ยิ่งเขาบอกว่าเป็นยิ่งกว่าคนรัก โอเขา เขาจะข่มขืนเธอทั้งที่เธอปฏิเสธปาวๆอย่างนี้หรือ!
เธอหวาดวิตกยิ่ง แต่ปวีณชี้ให้เธอดูกระจกเงา
“ดูซิว่านี่เป็นใครใช่พันทิวาเมียพี่หรือเปล่า” เทียนสว่างมองกระจกนิ่ง หญิงสาวแสนสวยในกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นนี้คือคนที่ข้ามถนนและถูกรถชนพร้อมกลับเธอ ไม่ใช่เทียนสว่างแต่เป็นหญิงที่เธอพบในกระจกทุกครั้ง
“ไม่ใช่ หนูไม่ใช่คนที่ชื่อแหม่ม ไม่ใช่ แหม่มตายไปแล้ว ตายไปแล้ว” เทียนสว่างกรีดเสียงร้อง คุณปริศนารีบเปิดประตูเข้ามาดูจึงเห็นปวีณอุ้มร่างอ่อนระทวยของพันทิวาออกจากห้องน้ำ ถามละล่ำล่ะลัก
“วีณน้องเป็นอะไรไปลูก” เขาวางร่างไม่ได้สติของเทียนสว่างลง กดกริ่งเรียกพยาบาลมาดูแลช่วยเหลือเขาออกไปคุยกับปริศนาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณปริศนาร้องไห้เพราะสงสารลูก
“วีณอย่าทิ้งน้องนะวีณ อาเองก็แทบทนไม่ได้ ที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นแหม่ม ไม่พูดคุยเล่นสนุกเหมือนเดิม อาสงสารแหม่ม แหม่มคง คงจะหายในไม่ช้านี้”
“ผมไม่มีวันทิ้งแหม่มหรอกครับคุณอา ถึงแหม่มจะเป็นอะไรก็ตาม” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น ทอดสายตามองร่างนอนสงบนิ่งของอีกฝ่ายด้วยความรักอย่างเหลือเกิน
หลังจากวันนั้น เทียนสว่างได้แต่นั่งเหม่อลอยไม่พูดถึงเรื่องที่เธอไม่ใช่พันทิวาอีกเลย เธอคือเทียนสว่าง แต่ไม่อาจเป็นอีกแล้ว เธอควรจะต้องยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ให้ได้แล้วกระมัง

คุณวีณาตีขาหลานชายเมื่อกลับจากโรงเรียนก็โยนกระเป๋าทิ้งไม่สนใจกระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับท่าน
“ยายบอกแล้วว่าอย่าไปเรียนโรงเรียนวัดโรงเรียนวาก็ไม่เชื่อ อยากเรียนจริงๆโรงเรียนสหศึกษาพวกนี้ นี่ไม่สอนเรื่องกิริยา มารยาทเสียงบ้าง” โทษโรงเรียนไปโน่นไม่โทษหลาน
ปุณชุนหัวลงหนุนตักคุณวีณา จับมือนุ่มขึ้นมาหอมอย่างประจบประแจง
“โรงเรียนสอนแต่ปุณไม่จำฮะคุณยาย”
“แล้วเป็นอะไรล่ะมาโยนข้าวโยนของไม่พอใจอะไร”
“ปุณอยากตายครับคุณยาย”
“ปุณ” คุณวีณาตกใจมาก จึงรีบเอามือปิดปากหลานชายไม่ให้กล่าวเรื่องร้ายออกมาอีก แต่เมือท่านปล่อยมือเด็กหนุ่มก็พูดต่อ
“ปุณเบื่อชีวิตครับคุณยาย ปุณรักเขามากแต่เขา” น้ำเสียงขาดหายไปเฉย ๆ
“ปุณ” เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นหยิบกระเป๋าที่โยนทิ้งมาถือไว้ก่อนพาร่างสูงเดินจากไปคุณปวีณารีบผุดลุกตามไปทันที
“ปุณอย่าคิดอะไรนะลูกยายรักปุณมากนะลูกนะ”
“ปุณไม่ตายหรอกคุณยาย” เขาหยุดเท้าหันมาบอกผู้เป็นยาย
“ตายไปปุณก็ไม่รู้จะได้เจอเค้าหรือเปล่า เดี๋ยวปุณตายฟรี แต่ปุณอยากตาย”
ลูกชายคนเดียวที่อยู่มีลูกสองคนผู้หญิงคนโตก็เครื่องบินตกตายเหลือหลานชายไว้ให้ดูต่างหน้าตั้งแต่ห้าขวบ แล้วนี่เกิดอกหักหรืออย่างไรกันถึงมีอาการแปลก ๆ ลูกชายก็ยังไม่กลับมาท่านจึงดูความสะอาดของคฤหาสน์ลูกชาย
สาวใช้สองคนช่วยกันความสะอาดจนสะอาดสะอ้าน ละม่อมแม่ครัวก็เตรียมอาหารเย็น ปวีณแยกมาอยุ่ตามลำพังนับแต่เรียนจบเค้าปลูกบ้านหลังนี้ไว้เป็นเรือนหอส่วนตึกของท่านปวีณบอกยกให้หลานชาย เมื่อเขากลับมาจึงเห็นมารดา
“คุณแม่”
“กลับมาแล้วหรือปวีณ หนูแหม่มเป็นอย่างไรบ้างพรุ่งนี้แม่จะไปเยี่ยมอีก อาการเขาดีขึ้นพอจะกลับบ้านได้หรือยังล่ะ”
“อย่าพึ่งไปตอนนี้เลยครับคุณแม่ รอให้หายดีก่อน คุณแม่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจครับ”
“ปุณเขาแปลกไป เขาพูดเรื่องตาย วีณไปดูหลานหน่อยได้มั้ยลูกแม่ห่วงแก”
“ครับ” เขารับคำ อายุห่างจากหลานสิบปีแต่ก็รักเขาเหมือนลูก หลังอาบน้ำแล้วก็เลยไปตึกหลังที่พักของคุณแม่และหลานชายคุณแม่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นหลานมาแล้วก็รีบบอก
“อยู่บนห้องแน่ะวีณยังไม่ลงมาตั่งแต่เย็น”
เปิดประตูห้องหลานอย่างถือวิสาสะ จึงพบว่าปุณนั่งอยู่ริมหน้าต่างในมือมีกรอบรูปบานหนึ่ง ดูจะไม่รู้สึกตัวว่ามีคนบุกรุกห้องเข้ามาแล้ว ปวีณจึงเคาะประตูไม้ให้สัญญาณ ปุณสะดุ้งสุดตัวกรอบรูปแทบหลุดมือดีแต่ความไวจึงรับไว้ได้ทันท่วงที จากนั้นรีลทักน้าชาย
“น้าวีณ เอ่อ มาแต่เมื่อไหร่ครับ”
“พึ่งมา ไงดูแฟนหรือไงขอดูหน่อยสิ” ปุณส่งให้ ปวีณยกเก้าอี้ว่างมานั่งใกล้ ร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้เป็นหลานชาย
“กลุ้มใจเลือกไม่ถูกหรือปุณ แฝดเหมือน”
ปุณถอนใจยาว เขาเลือกแล้วและเธอก็ไปแล้วด้วย ปวีณจ้องมองรูปถ่ายเด็กแฝดน่ารักเหมือนกันราวกับคน ๆ เดียว
“คนไหนล่ะแฟนปุณ”
“คนขวาครับเทียนสว่าง”
“แยกออกด้วยหรือ น่าจะรักทั้งคู่นะเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก”
“ไม่รู้สิน้าวีณ ผมน่ะรักแต่คนน้องเท่านั้น ทำไม คนที่ตายต้องเป็นคนที่ผมรักด้วยนะอีกคน ไม่เป็นอะไรเลย”
“ปุณ” ปวีณเรียกแผ่ว หลานชายเบือนหน้าหนีความอ่อนแอไม่อยากให้น้าชายเห็น
ไม่ใช่อกหักธรรมดาเสียด้วยสิ ปวีณวางรูปลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้ามือใหญ่แตะบ่าหลานชาย ศิตปุณก้มหน้ามองพื้นเอ่ยเสียงเครือขณะบอกเล่าให้น้าชายฟัง
“เขาขี้อายน่ารัก ผมรักเขามากครับน้าวีณแต่เขาไปเร็วเหลือเกินถ้าเลือกได้อีกคนน่าจะ”
“ปุณ” เขาบีบบ่าหลานชาย
“ชีวิตทุกคนถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้าง” คำพูดนี้สะท้อนลึกในอกอย่างบอกไม่ถูกเขาเองก็อาจจะต้องสูญเสียก็เป็นได้ แต่เขาไม่อาจยอมเท่านั้น
“ครับน้าวีณโชคดีที่พี่แหม่มแค่บาดเจ็บ แต่เทียนสิครับเทียนต้องตายจากไป”
“แล้วคู่แฝดเขาล่ะ เขาอาจจะเสียใจมากกว่าปุณก็ได้นะ และถ้าแฝดน้องเขารักปุณ แฝดพี่ของเขาอาจจะคิดเหมือนกันก็ได้”
“น้าวีณ” ปุณหวนนึกถึงใบหน้าเศร้า ๆ ของธูปหอม แม้ไม่แสดงออกแต่ก็รู้ว่าเธอชอบเขา
ปุณถอนใจยาว ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์มีกันทั่วทุกคนแล้วแต่ว่าจะมาก น้อยเพียงใด เขาเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ออกมีความสุข แล้วธูปหอมล่ะ
“มีอะไรก็ปรึกษาน้านะอย่าเก็บไว้คนเดียว เราลูกผู้ชายเหมือนกัน”
“ขอบคุณครับน้าวีณที่เตือนสติผม ผมคิดถึงเขามากพอรู้ว่าเขาไปกับพี่สาวแต่คนที่ตายคือเขาทำให้ผมโกรธธูป จนเดี๋ยวนี้ผมยังทำใจไม่ได้”
“อย่างไรก็ต้องสู้ต่อไป ไม่ใช่ว่าน้าจะไม่เสียอะไรหรอกปุณ”เขาหยุดคำพูดเพียงนั้น ศิตปุณสบตาคมของน้าชาย ภายใต้แววตาสีสนิมเหล็กมีแววเจ็บปวดปรากฏอยู่
“พี่แหม่มยังอาการแย่อยู่หรือครับน้าวีณ”
“ตอนนี้แหม่มไม่ยอมรับตัวเอง”
ปุณนั่งนิ่งอึ้ง ซึ่งเขาคิดอิจฉาน้าชายที่คนรักรอดตาย น้าชายรักพันทิวามากมายเพียงใดคนใกล้ชิดทราบดี หากว่าพันทิวายังคงปฏิเสธไม่ใช่ตัวเองอย่างนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ครอบครัวที่น่าสงสาร แม้แต่น้าชายของเขาเองก็น่าสงสารไม่น้อยเช่นกัน
ปุณมองแต่ตัวเองน่าสงสารที่ความรักเริ่มผลิบานก็ต้องมีอันมาเสียไป แต่เมื่อมองคนอื่นที่เขารักใคร่กันมาก่อน เขาเกิดเรื่องร้ายไม่แพ้ตนเอง เขาไม่เหมือนตายทั้งเป็นหรือไร...ธูปหอมคงเสียใจมากกว่าใครๆ
“เอ่อ พี่แหม่มคงจะหายดีนะครับน้าวีณ” คนเป็นหลานให้กำลังใจน้าชาย
“น้าก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกัน น้าอยากแต่งงานกับแหม่มให้เร็วที่สุด น้าอยากให้แหม่มจำทุกอย่างให้ได้โดยเร็ว”
“เอาใจช่วยครับ”
“ปุณก็อย่าจมกับอดีตนะ สงสารคนที่อยู่ใกล้ปุณบ้าง”
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนคำพูดของน้าชายทิ่มแทงทะลุเข้ากลางใจอย่างเต็มที่ทีเดียว!!
วันนี้เทียนสว่างลุกขึ้นจากเตียง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าซึ่งคุณปริศนาขนมาจากที่บ้านให้เลือกใส่ อย่างหวังว่าลูกจะร้องกลับบ้านเสียที เมื่อคุณปริศนาเห็นเทียนสว่างแต่งกายด้วยชุดสวยแทนการใส่เสื้อโรงพยาบาล นางดีใจยิ่งนัก เข้ามาโอบกอดร่างสูงของคนที่นางเข้าใจว่าเป็นลูก
“จะกลับบ้านกันแล้วใช่มั้ยลูกแหม่ม”
“ค่ะ คุณ ป่ะ คุณแม่”



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2555, 13:13:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2555, 13:13:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2161





<< จิตใจ   รู้สึกแปลก >>
tutas 15 ก.ย. 2555, 14:49:20 น.
ชักจะส่อเค้ายุ่งแล้วนะคะ -_-


mhengjhy 17 ก.ย. 2555, 18:08:40 น.
หืออออออ


Zephyr 29 ก.ย. 2555, 19:48:41 น.
ความคิดปุณน่ากลัวและน่าเกลียดมากเลยค่ะ
รู้สึกลบๆกับปุณนิดๆ ถ้ายังคิดงี้อยู่นะคะ ไม่น่ายกธูปให้เลย
ถ้าจะแต่งให้คู่กันอ่ะนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account