จอมใจมาธาดอร์
นักระบำฟลามิงโก้สาว + มาธาดอร์รูปหล่อ สุดโก้
Tags: มาธาดอร์

ตอน: สาวชุดแดง

ปี คศ ๑๙๘๒

เบนิโต แบนเดอโรเซ่ในชุดมาธาดอร์สง่างามราวเทพบุตร อกกว้าง เอวสอบลงมาถึงสะโพก

เล็กทว่ามีกล้ามเนื้อ ขายาวเพรียวเหมาะสมกับอาชี เขาสวมเสื้อสีดำปักดิ้นทองอร่ามงามราวกษัตริย์โบราณ

เต็มด้วยเครื่องยศอันได้รับมา กางเกงเข้าชุดกับเสื้อ ทว่าหน้าขาเป็นเนื้อหนังสีเปลือกมังคุดกระชับรูปขา

เพรียว สวมหมวกสีดำลักษณะคล้ายเปลือกลูกอมชนิดพันปลายสองข้าง ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดึงดูดสายตาจาก

สตรีเพศเหลือเกิน ดวงตาเด็ดเดี่ยวผสมกับเครื่องหน้าคมคายชัดเจนทั้งคิ้ว ปาก จมูก และผิวสีแทนอย่าง

หนุ่มสเปนโดนแท้

เขาเดินปรากฎตัวกลางสนามสู้วัว พลาซ่า เดอโตโร ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชม

บางคนร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' ไปตามจังหวะเพลงเร้าอารมณ์ กระตุ้นความสนุกสนานระคนตื่น

เต้นเร้าใจให้แก่ผู้ชมทั้งหลาย ท่อนแขนของเบนิโตมีผ้าแดงผืนใหญ่พาดไว้สำหรับล่อวัวกระทิง


เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึง กระทิงดุตัวดำมะเมื่อมย่างกายออกจากกรงข้างสนาม มันวิ่งราวช้าง

ตกมัน แววตาดุดันจ้องมองผ้าแดงในวงแขนของมาธาร์ดอหนุ่ม เบนิโตสบัดผ้าลากกับผืนทรายพร้อมสบัดศีรษะ

ทิ้งดวงหน้าหวานของผู้หญิงในชุดแดงออกไป ร้องเรียกวัวกระทิงยักษ์น้ำหนักกว่าครึ่งตัน เขาโค้งทั้งแหลมทั้ง

ใหญ่

พอวัวกระทิงวิ่งเข้าใส่ผ้าแดงผู้ชมก็โห่ร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' เสียงดัง เชียร์ให้มา

ธาดอร์ผาดโผนยิ่งขึ้นอีก การล่อวัวกระทิงตัวเขื่องในระยะเร่ิมต้นสมควรจะผลักให้ออกห่างตัว กระทิงพละ

กำลังยังมากโข แต่เบนิโตกลับทำการสวนกระแส ล่อมันในระยะประชั้นชิด เฉียดลำตัวของตัวเอง มาธา

ดอร์ไม่หวังพึ่งการทอนกำลังวัวจากทัพม้าในการยิงลูกดอกใส่กระทิงดุ ล่อหลอกกันจนได้เสียงปรบมือและโห่

ร้อง

แตรแผดเสียง

ผู้ช่วยมาธาดอร์วิ่งกรูกันเข้ามาในสนาม โบกผ้าล่อหลอกเจ้ากระทิงดุให้หันเหความสนใจทิ้งเวลา

ให้เบนิโตกลับเข้าข้างสนาม หยิบหอกปลายแหลมขนาดยาวเท่าแขนทว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่ากลับเข้ามา

ในสนาม คราวนี้เสียงโห่ร้องดังก้อง ได้ยินชัดเจนจนทำวัวตื่นตระหนก


การสู้วัว มาธาดอร์มีผู้ช่วยห้าคน สองคนคือ ปิคาดอร์ นั่งบนหลังม้า ม้าสองตัวมีเครื่องเครื่องกำ

ปังแน่นหนาคลุมรอบตัวพร้อมผูกตาไม่ให้เผชิญหน้าวัวกระทิง เกรงมันจะห้อเป็นอันตรายกับปิคาดอร์และผู้ชม

ในสนาม โดยเฉพาะมาธาดอร์ สามคนที่เหลือเป็น 'บันเดอรัว' ผู้ถือเคปสีชมพูวิ่งเข้ามาในสนาม หันเห

ความสนใจวัวออกจากมาธาดอร์


ขณะนี้มีนักสู้วัวสามคนกำลังโด่งดัง มีชื่อเสียงระดับดาราดังหลายท่าน คนหลายกลุ่มรวมตัวกัน

ติดตามเหล่ามาธาดอร์ เร่ชมทุกสนาม 'ฟรานซิสโก้ ริเวรา', 'โจเฮ่ คูบาโร' สุดท้ายคือ 'เบนิโต

แบนเดอโรเซ่' มาธาดอร์เหล่านี้ถูกจารึกในพิพิธภัณฑ์บ้านเกิด ซึ่งทุกคนมีชื่อเรียกสำหรับการสู้วัวแตกต่างกัน

ออกไป

เบนิโตจ้องตากับกระทิงหนุ่ม ดุร้าย ไม่สนใจมองผู้ช่วยหลายคนที่พากันว่ิงกระโดนข้ามกรงออกไป

อย่างไม่คิดชีวิต ชายหนุ่มยืนปักหลักอยู่กลางสนามพร้อมกับร้องเรียกสัตว์ป่าตัวเขื่อง พอมันว่ิงก้มหน้า ชูเขา

แหลมเข้ามาใกล้ มาธาดอร์เบี่ยงตัวหลบ ยกแขนปักหอกลงบนหลังยาวของมัน ผู้ช่วยของเขาวิ่งกลับเข้า

สนามมาอีกครั้งเมื่อมาธาดอร์ต้องเดินไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม


เขากลับมาจ้องตากับวัวกระทิง ร้องเรียกมันพร้อมกับมองท่าทีที่ยังไม่อ่อนลง พอมันวิ่งเข้ามาก็

กระโดนปักหอกลงกลางหลังมันอีก มาธาดอร์เบนิโตมองท่าทีของวัว มันอ่อนแรงลงเพียงน้อยนิด ชายหนุ่ม

เดินหันหลังกลับไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม คราวนี้ไม่มีผู้ช่วยวิ่งลงมาล่อวัวเหมือนเคย ทำให้เหล่าผู้ชมบน

อัฒจันทร์ปรบมือโห่ร้องชื่นชมความกล้าบ้าบ่ินของมาธาดอร์


ผู้กล้ากลับมาจ้องวัวกระทิงอีกหน ร้องเรียกเจ้าพญามัจจุราช ชีวิตมันกับชีวิตของมาธาดอร์ต้อง

เอาเข้าแลกกัน พอมันเข้ามาใกล้เขาขยับตัวล่อหลอกอีกเล็กน้อยเพื่อเรียกเสียงปรบมือ การกระทำเช่นนี้

เสี่ยงมาก หากพลาดท่าต้องโดนเขาแหลมปักลงบนร่างกาย เบนิโตปักหอกลงบนตัววัวอีกครั้งก่อนกลับไปข้าง

สนาม หยิบดาบยาวพร้อมผ้าเคปสีแดง

คราวนี้เขาล่อมันมาใกล้ตัว วัวถูกทอนกำลังลงมาก หากยังล่อแบบระวังตัวจะโดนโห่ไล่ทันที ยิ่ง

วัวใกล้ตัวเขามากเท่าไหร่ คนดูจะร้องชื่นชม ปรบมือให้กำลังใจ เขาเแหลมเฉียดหน้าขาและเอวสอบไปมา

ชายหนุ่มอยู่ใกล้วัวกระทิงจนแทบกระโดดขี่หลังกันได้ ยังล่อมันต่ออย่างนั้นกว่าสิบนาทีจนมันเดินช้าลงพอๆ

กับพละกำลังของเขา มาธาดอร์ชี้ดาบไปหาศีรษะของวัวกระทิง แขนอีกข้างหนึ่งลากผ้าเคปสีแดง พอมันวิ่ง

เข้ามาใกล้เขาเบียงตัวไปด้านขวา ชั่ววินาทีดาบก็ปักลงบนหลังของมัน


กระทิงดุล้มลงบนผืนทรายทันที เลือดแดงฉานอาบพื้น ทุกคนยืนปรบมือและโห่ร้องเรียกชื่อ

'เอล มอนตาเนีย' มาธาดอร์ผูู้เก่งกาจเหนือใครในโลกและเยือกเย็นดุจภูเขาใหญ่


ชายหนุ่มถอดหมวก โค้งคำนับรับคำสรรเสริญทุกทิศก่อนเดินผลุบหายเข้าด้านในสนาม กลับเข้าไป

เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพัก สตาร์ฟหลายนายเดินเข้ามาหาพร้อมกับแสดงความยินดี ร่างสูงเพียวยามปราศจาก

เสื้อผ้าเผยให้เห็นรอยแผลที่ต้นขาอันน่าสะพรึงกลัว ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วนทั่วร่าง ภายใต้ท่าทีเฉยเมย

ภาพใบหน้าของผู้เป็นพ่อและผู้หญิงอีกคนหนึ่งปรากฏให้เห็น เบนิโตนึกแปลกใจตัวเองที่ปล่อยให้ผู้หญิงชุดแดง

เข้ามาทำรายสมาธิเสมอ

อีกสักพักพ่อคงโทรมาหา แสดงความยินดีแบบเหน็บแนม “ดีใจด้วยที่เอาชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ต่อ

ไปได้ ไม่โดนปาข้าวของเข้าใส่ตัว”

'เอล มอนตาเนีย' สำหรับผู้ชมเป็นมาธาดอร์อาชีพ การลงสนามทุกครั้งมีความเสี่ยง หนึ่งปี

เบนิโต ลงสนามเพียงสองครั้ง น้อยมากสำหรับมาธาดอร์ เขายอมรับไม่ใช่มาธาดอร์หาเงิน การทำเช่นนี้

เพียงเพื่อระบายความอัดอั้นบางอย่าง


ชายหนุ่มเป็นมาธาดอร์ที่เก็บตัว การพบปะเขาตามท้องถนนนั้นยากยิ่งกว่าพบดาราดังระดับโลก

เวลาว่างเขาเก็บตัวอยู่ในไร่ท่ามกลางฝูงวัวกระทิง งานสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ตัวเขาเป็นแขก ชายหนุ่มมี

ฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี ชาตินี้ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่เขาเลือกอาชีพมาธาดอร์ หลังจากพลาดจาก

อาชีพศิลปินอันเป็นที่รัก

ผู้จัดการส่วนตัวเดินเข้ามาในห้องพักนักกีฬา ดอน มาร์ติน บอกแผนการ

“ดอน เบนิโตครับ นักข่าวมารอสัมภาษณ์แล้วที่จุดให้สัมภาษณ์”

“บอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้ฉันจะให้สัมภาษณ์ วันนี้ฉันมีธุรด่วนต้องรีบกลับไปจัดการ หวังว่าคุณคงจะรู้

ว่าต้องจัดการอย่างไง”

อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ปลายปากกาของนักข่าวจะตวัดชี้ให้คนดูมองเขาไปในแง่ไหนได้ทั้งนั้น ขี้

ขลาดหรือคนรวยแสวงหาชื่อเสียง เบนิโตนิ่งไม่ไหวตามแรงลมจากนักข่าวทั้งหลาย อาชีพล่อวัวเสี่ยง เขา

ไม่สามารถจบชีวิตลงเพื่อให้คนขานนามผู้กล้า แสงแฟรชวูบวาบจับสายตาคมเมื่อนักข่าวว่ิงตามเหยื่อจนถึง

ห้องพัก

//////////////////////////////////////////////////////////////////

เมอร์ซิเดส-เบนซ์สีดำสนิทเคลื่อนตัวจอดเทียบหน้าบ้านพัก บอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่เดินเร็วมารับ

รถไปจอดในลานจอดรถใต้ดิน

ตึกแถวทั้งหมดบนถนนสายที่วัวกระทิงวิ่งขวิดผู้คนนี้เป็นของเบนิโต ทรัพย์สมบัติซึ่งตกทอดจากผู้เป็น

แม่ และยังมีที่ดินอีกมากมายในสเปน ชายหนุ่มไม่รับสมบัติจากผู้เป็นพ่อแม้แต่สตางค์เดียว แล้วตั้งตัวราวเป็น

อริศัตรูต่อกันแม้ความจริงรักกันมาก อาชีพมาธาดอร์ไม่ใช่อาชีพในฝันของเบนิโต

ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวยืนอยู่หน้าอาคารสองคูหาติดกัน เขาสั่งให้ช่างทุบสองห้องที่ขนาบข้าง

ของบ้านพักลง เพื่อกันพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว

นิโคลัส พ่อบ้านอายุหกสิบปีเปิดประตูให้เจ้านาย พอเห็นหน้าเบนิโตร่างผอมบางโค้งคำนับ

“ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ”

“มาถึงเมื่อไหร่กันนี่นิโคลัส” ชายหนุ่มถามพ่อบ้านพลางเดินเข้าไปด้านใน

“มาถึงตอนดอนเบนิโตออกไปจากบ้านครับ” พ่อบ้านในชุดกางเกงสแล็คส์สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวทับ

ตัวเสื้อกั๊กสีดำสนิทเดินตามเจ้านาย

“บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาก็ไม่เชื่อ แค่คาร์รอสก็ดีถมเถไป” มาธาดอร์หมายเดินขึ้นชั้นบนแต่พ่อ

บ้านเรียกไว้เสียก่อน

“ดอน เบนิโตจะตามหาผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ เธอไปแล้ว”

คนได้ฟังหันหน้ามองดวงหน้าเหี่ยวย่นแวบหนึ่งก่อนตะโกนเรียกหาคาร์รอสเสียงดัง ชั่ววินาทีเด็ก

หนุ่มในชุดเดียวกันกับพ่อบ้านก็โผล่มาให้เห็นหน้า

“ครับ ดอนเบนิโต”

“เธอตื่นขึ้นมาตั้งเมื่อไหร่ แล้วออกไปจากที่นี่ตอนไหน” เขาขยับเท้าออกจากบันไดมามองหน้าคน

รับใช้

“เธอตื่นขึ้นมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เองครับดอนเบนิโต แล้วก็ลุกออกไปเลย”

“แล้วนายได้คุยอะไรกับเธอหรือเปล่าคาร์รอส”

คาร์รอสก้มหน้ามองพื้น หลบตาเจ้านาย เขาไม่รู้ก่อนหน้านี้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของเจ้านาย

ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปล่อยออกไป เธอบอกไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ในห้องพักนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ล้มอยู่บนถนน เขา

เดาว่าคงจริงตามนั้น เจ้านายคงกระโดดลงจากเทอร์เรส ช่วยเธอจากฝูงวัวกระทิงตอนที่หายไป แล้วก็

อุ้มร่างหมดสติขึ้นมาพักในบ้าน

“ได้คุยนิดเดียวครับ ดอน เบนิโต เธอบอกผมว่าขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ แล้วก็ขอตัวออกไปเลย”

“ถามหรือเปล่าว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน” ผู้เป็นเจ้านายซักละเอียด

“แค่ผู้หญิงคนเดียว คาร์รอสคงไม่เห็นความสำคัญ หากผมเป็นคาร์รอสก็คงปล่อยไปเหมือนกัน”

พ่อบ้านเอ่ยกลางปล้อง เขาเห็นแม่สาวชุดแดงแวบหนึ่งตอนเดินสวนกันที่หน้าประตูบ้าน สภาพผู้หญิงคนนั้น

มอซอ ซูบผอม ดีหรอกที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนเสื้อผ้า

คำพูดของพ่อบ้านเรียกสายตาจากผู้เป็นเจ้านาย

“ดูว่า ดอน นิโคลัสจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันมากเกินไปสักหน่อย หากจะเชื่อฟังคุณพ่อก็คง

ต้องกลับไปทำงานกับคุณพ่อมากว่าจะมาว่ิงตามฉันอยู่อย่างนี้”

คนรับใช้ส่วนตัวอย่างคาร์รอสยืนนิ่ง ไม่แปลกใจในการพูดจาของ ดอน เบนิโตและพ่อบ้าน พ่อ

บ้านนิโคลัสชอบวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเจ้านายเสมอ แต่ไม่เคยชนะสักหน เผลอบางทีมาชวนเขาทะเลาะ

ด้วย ซึ่งเขาทำงานให้กับ 'ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ' ไม่ใช่ 'ดอน อีวาน แบนเดอโรเซ' อย่างพ่อ

บ้าน

“คาร์รอส! ฉันจะออกไปข้างนอก ดูแลอย่าให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรือข้าวของของฉัน

ไม่งั้นนายจะโดนดี” เบนิโตสั่งเสียงแข็งก่อนเดินกลับออกไปด้านนอกพร้อมกับความหงิดหงุด


คาร์รอสมองตาพ่อบ้านสูงวัยแวบหนึ่งก่อนหันหน้าหนี คราวนี้เด็กหนุ่มไม่มีพวก ติดตามเจ้านายมา

คนเดียว ส่่วนพ่อบ้าน มีลูกน้องติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นพรวน ทั้งคนรถ คนรับใช้อีกเกือบห้าคน

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ลงนิยายที่นี่ไม่เก่งนัก ก็จะพยายามศึกษาไปเรื่อยๆ อิอิ



พรกมลดลยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2554, 11:17:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2554, 11:17:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1951





<< แรกพบสบตา   เอล มอนตาเนีย >>
HanA 14 พ.ค. 2554, 13:07:24 น.
แล้วตอนนี้ลงอยู่ที่ใหนบ้าง จะได้เข้าไปแอบอ่านอ่ะ


พรกมลดลยา 14 พ.ค. 2554, 13:17:52 น.
เด็กดีค่ะ ม๊วฟๆ


ปูสีน้ำเงิน 14 พ.ค. 2554, 14:27:28 น.
น่ารำคาญแทนพระเอกนะ


แว่นใส 14 พ.ค. 2554, 21:07:41 น.
น่าสงสารคารอสเนอะ เอาใจไม่ถูกเลย


pattisa 15 พ.ค. 2554, 08:30:21 น.
เรื่องนี้น่าสนใจจัง :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account