จอมใจมาธาดอร์
นักระบำฟลามิงโก้สาว + มาธาดอร์รูปหล่อ สุดโก้
Tags: มาธาดอร์
ตอน: สาวชุดแดง
ปี คศ ๑๙๘๒
เบนิโต แบนเดอโรเซ่ในชุดมาธาดอร์สง่างามราวเทพบุตร อกกว้าง เอวสอบลงมาถึงสะโพก
เล็กทว่ามีกล้ามเนื้อ ขายาวเพรียวเหมาะสมกับอาชี เขาสวมเสื้อสีดำปักดิ้นทองอร่ามงามราวกษัตริย์โบราณ
เต็มด้วยเครื่องยศอันได้รับมา กางเกงเข้าชุดกับเสื้อ ทว่าหน้าขาเป็นเนื้อหนังสีเปลือกมังคุดกระชับรูปขา
เพรียว สวมหมวกสีดำลักษณะคล้ายเปลือกลูกอมชนิดพันปลายสองข้าง ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดึงดูดสายตาจาก
สตรีเพศเหลือเกิน ดวงตาเด็ดเดี่ยวผสมกับเครื่องหน้าคมคายชัดเจนทั้งคิ้ว ปาก จมูก และผิวสีแทนอย่าง
หนุ่มสเปนโดนแท้
เขาเดินปรากฎตัวกลางสนามสู้วัว พลาซ่า เดอโตโร ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชม
บางคนร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' ไปตามจังหวะเพลงเร้าอารมณ์ กระตุ้นความสนุกสนานระคนตื่น
เต้นเร้าใจให้แก่ผู้ชมทั้งหลาย ท่อนแขนของเบนิโตมีผ้าแดงผืนใหญ่พาดไว้สำหรับล่อวัวกระทิง
เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึง กระทิงดุตัวดำมะเมื่อมย่างกายออกจากกรงข้างสนาม มันวิ่งราวช้าง
ตกมัน แววตาดุดันจ้องมองผ้าแดงในวงแขนของมาธาร์ดอหนุ่ม เบนิโตสบัดผ้าลากกับผืนทรายพร้อมสบัดศีรษะ
ทิ้งดวงหน้าหวานของผู้หญิงในชุดแดงออกไป ร้องเรียกวัวกระทิงยักษ์น้ำหนักกว่าครึ่งตัน เขาโค้งทั้งแหลมทั้ง
ใหญ่
พอวัวกระทิงวิ่งเข้าใส่ผ้าแดงผู้ชมก็โห่ร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' เสียงดัง เชียร์ให้มา
ธาดอร์ผาดโผนยิ่งขึ้นอีก การล่อวัวกระทิงตัวเขื่องในระยะเร่ิมต้นสมควรจะผลักให้ออกห่างตัว กระทิงพละ
กำลังยังมากโข แต่เบนิโตกลับทำการสวนกระแส ล่อมันในระยะประชั้นชิด เฉียดลำตัวของตัวเอง มาธา
ดอร์ไม่หวังพึ่งการทอนกำลังวัวจากทัพม้าในการยิงลูกดอกใส่กระทิงดุ ล่อหลอกกันจนได้เสียงปรบมือและโห่
ร้อง
แตรแผดเสียง
ผู้ช่วยมาธาดอร์วิ่งกรูกันเข้ามาในสนาม โบกผ้าล่อหลอกเจ้ากระทิงดุให้หันเหความสนใจทิ้งเวลา
ให้เบนิโตกลับเข้าข้างสนาม หยิบหอกปลายแหลมขนาดยาวเท่าแขนทว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่ากลับเข้ามา
ในสนาม คราวนี้เสียงโห่ร้องดังก้อง ได้ยินชัดเจนจนทำวัวตื่นตระหนก
การสู้วัว มาธาดอร์มีผู้ช่วยห้าคน สองคนคือ ปิคาดอร์ นั่งบนหลังม้า ม้าสองตัวมีเครื่องเครื่องกำ
ปังแน่นหนาคลุมรอบตัวพร้อมผูกตาไม่ให้เผชิญหน้าวัวกระทิง เกรงมันจะห้อเป็นอันตรายกับปิคาดอร์และผู้ชม
ในสนาม โดยเฉพาะมาธาดอร์ สามคนที่เหลือเป็น 'บันเดอรัว' ผู้ถือเคปสีชมพูวิ่งเข้ามาในสนาม หันเห
ความสนใจวัวออกจากมาธาดอร์
ขณะนี้มีนักสู้วัวสามคนกำลังโด่งดัง มีชื่อเสียงระดับดาราดังหลายท่าน คนหลายกลุ่มรวมตัวกัน
ติดตามเหล่ามาธาดอร์ เร่ชมทุกสนาม 'ฟรานซิสโก้ ริเวรา', 'โจเฮ่ คูบาโร' สุดท้ายคือ 'เบนิโต
แบนเดอโรเซ่' มาธาดอร์เหล่านี้ถูกจารึกในพิพิธภัณฑ์บ้านเกิด ซึ่งทุกคนมีชื่อเรียกสำหรับการสู้วัวแตกต่างกัน
ออกไป
เบนิโตจ้องตากับกระทิงหนุ่ม ดุร้าย ไม่สนใจมองผู้ช่วยหลายคนที่พากันว่ิงกระโดนข้ามกรงออกไป
อย่างไม่คิดชีวิต ชายหนุ่มยืนปักหลักอยู่กลางสนามพร้อมกับร้องเรียกสัตว์ป่าตัวเขื่อง พอมันว่ิงก้มหน้า ชูเขา
แหลมเข้ามาใกล้ มาธาดอร์เบี่ยงตัวหลบ ยกแขนปักหอกลงบนหลังยาวของมัน ผู้ช่วยของเขาวิ่งกลับเข้า
สนามมาอีกครั้งเมื่อมาธาดอร์ต้องเดินไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม
เขากลับมาจ้องตากับวัวกระทิง ร้องเรียกมันพร้อมกับมองท่าทีที่ยังไม่อ่อนลง พอมันวิ่งเข้ามาก็
กระโดนปักหอกลงกลางหลังมันอีก มาธาดอร์เบนิโตมองท่าทีของวัว มันอ่อนแรงลงเพียงน้อยนิด ชายหนุ่ม
เดินหันหลังกลับไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม คราวนี้ไม่มีผู้ช่วยวิ่งลงมาล่อวัวเหมือนเคย ทำให้เหล่าผู้ชมบน
อัฒจันทร์ปรบมือโห่ร้องชื่นชมความกล้าบ้าบ่ินของมาธาดอร์
ผู้กล้ากลับมาจ้องวัวกระทิงอีกหน ร้องเรียกเจ้าพญามัจจุราช ชีวิตมันกับชีวิตของมาธาดอร์ต้อง
เอาเข้าแลกกัน พอมันเข้ามาใกล้เขาขยับตัวล่อหลอกอีกเล็กน้อยเพื่อเรียกเสียงปรบมือ การกระทำเช่นนี้
เสี่ยงมาก หากพลาดท่าต้องโดนเขาแหลมปักลงบนร่างกาย เบนิโตปักหอกลงบนตัววัวอีกครั้งก่อนกลับไปข้าง
สนาม หยิบดาบยาวพร้อมผ้าเคปสีแดง
คราวนี้เขาล่อมันมาใกล้ตัว วัวถูกทอนกำลังลงมาก หากยังล่อแบบระวังตัวจะโดนโห่ไล่ทันที ยิ่ง
วัวใกล้ตัวเขามากเท่าไหร่ คนดูจะร้องชื่นชม ปรบมือให้กำลังใจ เขาเแหลมเฉียดหน้าขาและเอวสอบไปมา
ชายหนุ่มอยู่ใกล้วัวกระทิงจนแทบกระโดดขี่หลังกันได้ ยังล่อมันต่ออย่างนั้นกว่าสิบนาทีจนมันเดินช้าลงพอๆ
กับพละกำลังของเขา มาธาดอร์ชี้ดาบไปหาศีรษะของวัวกระทิง แขนอีกข้างหนึ่งลากผ้าเคปสีแดง พอมันวิ่ง
เข้ามาใกล้เขาเบียงตัวไปด้านขวา ชั่ววินาทีดาบก็ปักลงบนหลังของมัน
กระทิงดุล้มลงบนผืนทรายทันที เลือดแดงฉานอาบพื้น ทุกคนยืนปรบมือและโห่ร้องเรียกชื่อ
'เอล มอนตาเนีย' มาธาดอร์ผูู้เก่งกาจเหนือใครในโลกและเยือกเย็นดุจภูเขาใหญ่
ชายหนุ่มถอดหมวก โค้งคำนับรับคำสรรเสริญทุกทิศก่อนเดินผลุบหายเข้าด้านในสนาม กลับเข้าไป
เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพัก สตาร์ฟหลายนายเดินเข้ามาหาพร้อมกับแสดงความยินดี ร่างสูงเพียวยามปราศจาก
เสื้อผ้าเผยให้เห็นรอยแผลที่ต้นขาอันน่าสะพรึงกลัว ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วนทั่วร่าง ภายใต้ท่าทีเฉยเมย
ภาพใบหน้าของผู้เป็นพ่อและผู้หญิงอีกคนหนึ่งปรากฏให้เห็น เบนิโตนึกแปลกใจตัวเองที่ปล่อยให้ผู้หญิงชุดแดง
เข้ามาทำรายสมาธิเสมอ
อีกสักพักพ่อคงโทรมาหา แสดงความยินดีแบบเหน็บแนม “ดีใจด้วยที่เอาชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ต่อ
ไปได้ ไม่โดนปาข้าวของเข้าใส่ตัว”
'เอล มอนตาเนีย' สำหรับผู้ชมเป็นมาธาดอร์อาชีพ การลงสนามทุกครั้งมีความเสี่ยง หนึ่งปี
เบนิโต ลงสนามเพียงสองครั้ง น้อยมากสำหรับมาธาดอร์ เขายอมรับไม่ใช่มาธาดอร์หาเงิน การทำเช่นนี้
เพียงเพื่อระบายความอัดอั้นบางอย่าง
ชายหนุ่มเป็นมาธาดอร์ที่เก็บตัว การพบปะเขาตามท้องถนนนั้นยากยิ่งกว่าพบดาราดังระดับโลก
เวลาว่างเขาเก็บตัวอยู่ในไร่ท่ามกลางฝูงวัวกระทิง งานสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ตัวเขาเป็นแขก ชายหนุ่มมี
ฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี ชาตินี้ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่เขาเลือกอาชีพมาธาดอร์ หลังจากพลาดจาก
อาชีพศิลปินอันเป็นที่รัก
ผู้จัดการส่วนตัวเดินเข้ามาในห้องพักนักกีฬา ดอน มาร์ติน บอกแผนการ
“ดอน เบนิโตครับ นักข่าวมารอสัมภาษณ์แล้วที่จุดให้สัมภาษณ์”
“บอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้ฉันจะให้สัมภาษณ์ วันนี้ฉันมีธุรด่วนต้องรีบกลับไปจัดการ หวังว่าคุณคงจะรู้
ว่าต้องจัดการอย่างไง”
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ปลายปากกาของนักข่าวจะตวัดชี้ให้คนดูมองเขาไปในแง่ไหนได้ทั้งนั้น ขี้
ขลาดหรือคนรวยแสวงหาชื่อเสียง เบนิโตนิ่งไม่ไหวตามแรงลมจากนักข่าวทั้งหลาย อาชีพล่อวัวเสี่ยง เขา
ไม่สามารถจบชีวิตลงเพื่อให้คนขานนามผู้กล้า แสงแฟรชวูบวาบจับสายตาคมเมื่อนักข่าวว่ิงตามเหยื่อจนถึง
ห้องพัก
//////////////////////////////////////////////////////////////////
เมอร์ซิเดส-เบนซ์สีดำสนิทเคลื่อนตัวจอดเทียบหน้าบ้านพัก บอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่เดินเร็วมารับ
รถไปจอดในลานจอดรถใต้ดิน
ตึกแถวทั้งหมดบนถนนสายที่วัวกระทิงวิ่งขวิดผู้คนนี้เป็นของเบนิโต ทรัพย์สมบัติซึ่งตกทอดจากผู้เป็น
แม่ และยังมีที่ดินอีกมากมายในสเปน ชายหนุ่มไม่รับสมบัติจากผู้เป็นพ่อแม้แต่สตางค์เดียว แล้วตั้งตัวราวเป็น
อริศัตรูต่อกันแม้ความจริงรักกันมาก อาชีพมาธาดอร์ไม่ใช่อาชีพในฝันของเบนิโต
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวยืนอยู่หน้าอาคารสองคูหาติดกัน เขาสั่งให้ช่างทุบสองห้องที่ขนาบข้าง
ของบ้านพักลง เพื่อกันพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว
นิโคลัส พ่อบ้านอายุหกสิบปีเปิดประตูให้เจ้านาย พอเห็นหน้าเบนิโตร่างผอมบางโค้งคำนับ
“ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ”
“มาถึงเมื่อไหร่กันนี่นิโคลัส” ชายหนุ่มถามพ่อบ้านพลางเดินเข้าไปด้านใน
“มาถึงตอนดอนเบนิโตออกไปจากบ้านครับ” พ่อบ้านในชุดกางเกงสแล็คส์สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวทับ
ตัวเสื้อกั๊กสีดำสนิทเดินตามเจ้านาย
“บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาก็ไม่เชื่อ แค่คาร์รอสก็ดีถมเถไป” มาธาดอร์หมายเดินขึ้นชั้นบนแต่พ่อ
บ้านเรียกไว้เสียก่อน
“ดอน เบนิโตจะตามหาผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ เธอไปแล้ว”
คนได้ฟังหันหน้ามองดวงหน้าเหี่ยวย่นแวบหนึ่งก่อนตะโกนเรียกหาคาร์รอสเสียงดัง ชั่ววินาทีเด็ก
หนุ่มในชุดเดียวกันกับพ่อบ้านก็โผล่มาให้เห็นหน้า
“ครับ ดอนเบนิโต”
“เธอตื่นขึ้นมาตั้งเมื่อไหร่ แล้วออกไปจากที่นี่ตอนไหน” เขาขยับเท้าออกจากบันไดมามองหน้าคน
รับใช้
“เธอตื่นขึ้นมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เองครับดอนเบนิโต แล้วก็ลุกออกไปเลย”
“แล้วนายได้คุยอะไรกับเธอหรือเปล่าคาร์รอส”
คาร์รอสก้มหน้ามองพื้น หลบตาเจ้านาย เขาไม่รู้ก่อนหน้านี้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของเจ้านาย
ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปล่อยออกไป เธอบอกไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ในห้องพักนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ล้มอยู่บนถนน เขา
เดาว่าคงจริงตามนั้น เจ้านายคงกระโดดลงจากเทอร์เรส ช่วยเธอจากฝูงวัวกระทิงตอนที่หายไป แล้วก็
อุ้มร่างหมดสติขึ้นมาพักในบ้าน
“ได้คุยนิดเดียวครับ ดอน เบนิโต เธอบอกผมว่าขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ แล้วก็ขอตัวออกไปเลย”
“ถามหรือเปล่าว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน” ผู้เป็นเจ้านายซักละเอียด
“แค่ผู้หญิงคนเดียว คาร์รอสคงไม่เห็นความสำคัญ หากผมเป็นคาร์รอสก็คงปล่อยไปเหมือนกัน”
พ่อบ้านเอ่ยกลางปล้อง เขาเห็นแม่สาวชุดแดงแวบหนึ่งตอนเดินสวนกันที่หน้าประตูบ้าน สภาพผู้หญิงคนนั้น
มอซอ ซูบผอม ดีหรอกที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนเสื้อผ้า
คำพูดของพ่อบ้านเรียกสายตาจากผู้เป็นเจ้านาย
“ดูว่า ดอน นิโคลัสจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันมากเกินไปสักหน่อย หากจะเชื่อฟังคุณพ่อก็คง
ต้องกลับไปทำงานกับคุณพ่อมากว่าจะมาว่ิงตามฉันอยู่อย่างนี้”
คนรับใช้ส่วนตัวอย่างคาร์รอสยืนนิ่ง ไม่แปลกใจในการพูดจาของ ดอน เบนิโตและพ่อบ้าน พ่อ
บ้านนิโคลัสชอบวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเจ้านายเสมอ แต่ไม่เคยชนะสักหน เผลอบางทีมาชวนเขาทะเลาะ
ด้วย ซึ่งเขาทำงานให้กับ 'ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ' ไม่ใช่ 'ดอน อีวาน แบนเดอโรเซ' อย่างพ่อ
บ้าน
“คาร์รอส! ฉันจะออกไปข้างนอก ดูแลอย่าให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรือข้าวของของฉัน
ไม่งั้นนายจะโดนดี” เบนิโตสั่งเสียงแข็งก่อนเดินกลับออกไปด้านนอกพร้อมกับความหงิดหงุด
คาร์รอสมองตาพ่อบ้านสูงวัยแวบหนึ่งก่อนหันหน้าหนี คราวนี้เด็กหนุ่มไม่มีพวก ติดตามเจ้านายมา
คนเดียว ส่่วนพ่อบ้าน มีลูกน้องติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นพรวน ทั้งคนรถ คนรับใช้อีกเกือบห้าคน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ลงนิยายที่นี่ไม่เก่งนัก ก็จะพยายามศึกษาไปเรื่อยๆ อิอิ
เบนิโต แบนเดอโรเซ่ในชุดมาธาดอร์สง่างามราวเทพบุตร อกกว้าง เอวสอบลงมาถึงสะโพก
เล็กทว่ามีกล้ามเนื้อ ขายาวเพรียวเหมาะสมกับอาชี เขาสวมเสื้อสีดำปักดิ้นทองอร่ามงามราวกษัตริย์โบราณ
เต็มด้วยเครื่องยศอันได้รับมา กางเกงเข้าชุดกับเสื้อ ทว่าหน้าขาเป็นเนื้อหนังสีเปลือกมังคุดกระชับรูปขา
เพรียว สวมหมวกสีดำลักษณะคล้ายเปลือกลูกอมชนิดพันปลายสองข้าง ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดึงดูดสายตาจาก
สตรีเพศเหลือเกิน ดวงตาเด็ดเดี่ยวผสมกับเครื่องหน้าคมคายชัดเจนทั้งคิ้ว ปาก จมูก และผิวสีแทนอย่าง
หนุ่มสเปนโดนแท้
เขาเดินปรากฎตัวกลางสนามสู้วัว พลาซ่า เดอโตโร ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชม
บางคนร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' ไปตามจังหวะเพลงเร้าอารมณ์ กระตุ้นความสนุกสนานระคนตื่น
เต้นเร้าใจให้แก่ผู้ชมทั้งหลาย ท่อนแขนของเบนิโตมีผ้าแดงผืนใหญ่พาดไว้สำหรับล่อวัวกระทิง
เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึง กระทิงดุตัวดำมะเมื่อมย่างกายออกจากกรงข้างสนาม มันวิ่งราวช้าง
ตกมัน แววตาดุดันจ้องมองผ้าแดงในวงแขนของมาธาร์ดอหนุ่ม เบนิโตสบัดผ้าลากกับผืนทรายพร้อมสบัดศีรษะ
ทิ้งดวงหน้าหวานของผู้หญิงในชุดแดงออกไป ร้องเรียกวัวกระทิงยักษ์น้ำหนักกว่าครึ่งตัน เขาโค้งทั้งแหลมทั้ง
ใหญ่
พอวัวกระทิงวิ่งเข้าใส่ผ้าแดงผู้ชมก็โห่ร้องเรียกชื่อ 'เอล มอนตาเนีย' เสียงดัง เชียร์ให้มา
ธาดอร์ผาดโผนยิ่งขึ้นอีก การล่อวัวกระทิงตัวเขื่องในระยะเร่ิมต้นสมควรจะผลักให้ออกห่างตัว กระทิงพละ
กำลังยังมากโข แต่เบนิโตกลับทำการสวนกระแส ล่อมันในระยะประชั้นชิด เฉียดลำตัวของตัวเอง มาธา
ดอร์ไม่หวังพึ่งการทอนกำลังวัวจากทัพม้าในการยิงลูกดอกใส่กระทิงดุ ล่อหลอกกันจนได้เสียงปรบมือและโห่
ร้อง
แตรแผดเสียง
ผู้ช่วยมาธาดอร์วิ่งกรูกันเข้ามาในสนาม โบกผ้าล่อหลอกเจ้ากระทิงดุให้หันเหความสนใจทิ้งเวลา
ให้เบนิโตกลับเข้าข้างสนาม หยิบหอกปลายแหลมขนาดยาวเท่าแขนทว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่ากลับเข้ามา
ในสนาม คราวนี้เสียงโห่ร้องดังก้อง ได้ยินชัดเจนจนทำวัวตื่นตระหนก
การสู้วัว มาธาดอร์มีผู้ช่วยห้าคน สองคนคือ ปิคาดอร์ นั่งบนหลังม้า ม้าสองตัวมีเครื่องเครื่องกำ
ปังแน่นหนาคลุมรอบตัวพร้อมผูกตาไม่ให้เผชิญหน้าวัวกระทิง เกรงมันจะห้อเป็นอันตรายกับปิคาดอร์และผู้ชม
ในสนาม โดยเฉพาะมาธาดอร์ สามคนที่เหลือเป็น 'บันเดอรัว' ผู้ถือเคปสีชมพูวิ่งเข้ามาในสนาม หันเห
ความสนใจวัวออกจากมาธาดอร์
ขณะนี้มีนักสู้วัวสามคนกำลังโด่งดัง มีชื่อเสียงระดับดาราดังหลายท่าน คนหลายกลุ่มรวมตัวกัน
ติดตามเหล่ามาธาดอร์ เร่ชมทุกสนาม 'ฟรานซิสโก้ ริเวรา', 'โจเฮ่ คูบาโร' สุดท้ายคือ 'เบนิโต
แบนเดอโรเซ่' มาธาดอร์เหล่านี้ถูกจารึกในพิพิธภัณฑ์บ้านเกิด ซึ่งทุกคนมีชื่อเรียกสำหรับการสู้วัวแตกต่างกัน
ออกไป
เบนิโตจ้องตากับกระทิงหนุ่ม ดุร้าย ไม่สนใจมองผู้ช่วยหลายคนที่พากันว่ิงกระโดนข้ามกรงออกไป
อย่างไม่คิดชีวิต ชายหนุ่มยืนปักหลักอยู่กลางสนามพร้อมกับร้องเรียกสัตว์ป่าตัวเขื่อง พอมันว่ิงก้มหน้า ชูเขา
แหลมเข้ามาใกล้ มาธาดอร์เบี่ยงตัวหลบ ยกแขนปักหอกลงบนหลังยาวของมัน ผู้ช่วยของเขาวิ่งกลับเข้า
สนามมาอีกครั้งเมื่อมาธาดอร์ต้องเดินไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม
เขากลับมาจ้องตากับวัวกระทิง ร้องเรียกมันพร้อมกับมองท่าทีที่ยังไม่อ่อนลง พอมันวิ่งเข้ามาก็
กระโดนปักหอกลงกลางหลังมันอีก มาธาดอร์เบนิโตมองท่าทีของวัว มันอ่อนแรงลงเพียงน้อยนิด ชายหนุ่ม
เดินหันหลังกลับไปหยิบหอกมาอีกสองด้าม คราวนี้ไม่มีผู้ช่วยวิ่งลงมาล่อวัวเหมือนเคย ทำให้เหล่าผู้ชมบน
อัฒจันทร์ปรบมือโห่ร้องชื่นชมความกล้าบ้าบ่ินของมาธาดอร์
ผู้กล้ากลับมาจ้องวัวกระทิงอีกหน ร้องเรียกเจ้าพญามัจจุราช ชีวิตมันกับชีวิตของมาธาดอร์ต้อง
เอาเข้าแลกกัน พอมันเข้ามาใกล้เขาขยับตัวล่อหลอกอีกเล็กน้อยเพื่อเรียกเสียงปรบมือ การกระทำเช่นนี้
เสี่ยงมาก หากพลาดท่าต้องโดนเขาแหลมปักลงบนร่างกาย เบนิโตปักหอกลงบนตัววัวอีกครั้งก่อนกลับไปข้าง
สนาม หยิบดาบยาวพร้อมผ้าเคปสีแดง
คราวนี้เขาล่อมันมาใกล้ตัว วัวถูกทอนกำลังลงมาก หากยังล่อแบบระวังตัวจะโดนโห่ไล่ทันที ยิ่ง
วัวใกล้ตัวเขามากเท่าไหร่ คนดูจะร้องชื่นชม ปรบมือให้กำลังใจ เขาเแหลมเฉียดหน้าขาและเอวสอบไปมา
ชายหนุ่มอยู่ใกล้วัวกระทิงจนแทบกระโดดขี่หลังกันได้ ยังล่อมันต่ออย่างนั้นกว่าสิบนาทีจนมันเดินช้าลงพอๆ
กับพละกำลังของเขา มาธาดอร์ชี้ดาบไปหาศีรษะของวัวกระทิง แขนอีกข้างหนึ่งลากผ้าเคปสีแดง พอมันวิ่ง
เข้ามาใกล้เขาเบียงตัวไปด้านขวา ชั่ววินาทีดาบก็ปักลงบนหลังของมัน
กระทิงดุล้มลงบนผืนทรายทันที เลือดแดงฉานอาบพื้น ทุกคนยืนปรบมือและโห่ร้องเรียกชื่อ
'เอล มอนตาเนีย' มาธาดอร์ผูู้เก่งกาจเหนือใครในโลกและเยือกเย็นดุจภูเขาใหญ่
ชายหนุ่มถอดหมวก โค้งคำนับรับคำสรรเสริญทุกทิศก่อนเดินผลุบหายเข้าด้านในสนาม กลับเข้าไป
เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพัก สตาร์ฟหลายนายเดินเข้ามาหาพร้อมกับแสดงความยินดี ร่างสูงเพียวยามปราศจาก
เสื้อผ้าเผยให้เห็นรอยแผลที่ต้นขาอันน่าสะพรึงกลัว ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วนทั่วร่าง ภายใต้ท่าทีเฉยเมย
ภาพใบหน้าของผู้เป็นพ่อและผู้หญิงอีกคนหนึ่งปรากฏให้เห็น เบนิโตนึกแปลกใจตัวเองที่ปล่อยให้ผู้หญิงชุดแดง
เข้ามาทำรายสมาธิเสมอ
อีกสักพักพ่อคงโทรมาหา แสดงความยินดีแบบเหน็บแนม “ดีใจด้วยที่เอาชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ต่อ
ไปได้ ไม่โดนปาข้าวของเข้าใส่ตัว”
'เอล มอนตาเนีย' สำหรับผู้ชมเป็นมาธาดอร์อาชีพ การลงสนามทุกครั้งมีความเสี่ยง หนึ่งปี
เบนิโต ลงสนามเพียงสองครั้ง น้อยมากสำหรับมาธาดอร์ เขายอมรับไม่ใช่มาธาดอร์หาเงิน การทำเช่นนี้
เพียงเพื่อระบายความอัดอั้นบางอย่าง
ชายหนุ่มเป็นมาธาดอร์ที่เก็บตัว การพบปะเขาตามท้องถนนนั้นยากยิ่งกว่าพบดาราดังระดับโลก
เวลาว่างเขาเก็บตัวอยู่ในไร่ท่ามกลางฝูงวัวกระทิง งานสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ตัวเขาเป็นแขก ชายหนุ่มมี
ฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี ชาตินี้ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่เขาเลือกอาชีพมาธาดอร์ หลังจากพลาดจาก
อาชีพศิลปินอันเป็นที่รัก
ผู้จัดการส่วนตัวเดินเข้ามาในห้องพักนักกีฬา ดอน มาร์ติน บอกแผนการ
“ดอน เบนิโตครับ นักข่าวมารอสัมภาษณ์แล้วที่จุดให้สัมภาษณ์”
“บอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้ฉันจะให้สัมภาษณ์ วันนี้ฉันมีธุรด่วนต้องรีบกลับไปจัดการ หวังว่าคุณคงจะรู้
ว่าต้องจัดการอย่างไง”
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ปลายปากกาของนักข่าวจะตวัดชี้ให้คนดูมองเขาไปในแง่ไหนได้ทั้งนั้น ขี้
ขลาดหรือคนรวยแสวงหาชื่อเสียง เบนิโตนิ่งไม่ไหวตามแรงลมจากนักข่าวทั้งหลาย อาชีพล่อวัวเสี่ยง เขา
ไม่สามารถจบชีวิตลงเพื่อให้คนขานนามผู้กล้า แสงแฟรชวูบวาบจับสายตาคมเมื่อนักข่าวว่ิงตามเหยื่อจนถึง
ห้องพัก
//////////////////////////////////////////////////////////////////
เมอร์ซิเดส-เบนซ์สีดำสนิทเคลื่อนตัวจอดเทียบหน้าบ้านพัก บอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่เดินเร็วมารับ
รถไปจอดในลานจอดรถใต้ดิน
ตึกแถวทั้งหมดบนถนนสายที่วัวกระทิงวิ่งขวิดผู้คนนี้เป็นของเบนิโต ทรัพย์สมบัติซึ่งตกทอดจากผู้เป็น
แม่ และยังมีที่ดินอีกมากมายในสเปน ชายหนุ่มไม่รับสมบัติจากผู้เป็นพ่อแม้แต่สตางค์เดียว แล้วตั้งตัวราวเป็น
อริศัตรูต่อกันแม้ความจริงรักกันมาก อาชีพมาธาดอร์ไม่ใช่อาชีพในฝันของเบนิโต
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวยืนอยู่หน้าอาคารสองคูหาติดกัน เขาสั่งให้ช่างทุบสองห้องที่ขนาบข้าง
ของบ้านพักลง เพื่อกันพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว
นิโคลัส พ่อบ้านอายุหกสิบปีเปิดประตูให้เจ้านาย พอเห็นหน้าเบนิโตร่างผอมบางโค้งคำนับ
“ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ”
“มาถึงเมื่อไหร่กันนี่นิโคลัส” ชายหนุ่มถามพ่อบ้านพลางเดินเข้าไปด้านใน
“มาถึงตอนดอนเบนิโตออกไปจากบ้านครับ” พ่อบ้านในชุดกางเกงสแล็คส์สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวทับ
ตัวเสื้อกั๊กสีดำสนิทเดินตามเจ้านาย
“บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาก็ไม่เชื่อ แค่คาร์รอสก็ดีถมเถไป” มาธาดอร์หมายเดินขึ้นชั้นบนแต่พ่อ
บ้านเรียกไว้เสียก่อน
“ดอน เบนิโตจะตามหาผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ เธอไปแล้ว”
คนได้ฟังหันหน้ามองดวงหน้าเหี่ยวย่นแวบหนึ่งก่อนตะโกนเรียกหาคาร์รอสเสียงดัง ชั่ววินาทีเด็ก
หนุ่มในชุดเดียวกันกับพ่อบ้านก็โผล่มาให้เห็นหน้า
“ครับ ดอนเบนิโต”
“เธอตื่นขึ้นมาตั้งเมื่อไหร่ แล้วออกไปจากที่นี่ตอนไหน” เขาขยับเท้าออกจากบันไดมามองหน้าคน
รับใช้
“เธอตื่นขึ้นมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เองครับดอนเบนิโต แล้วก็ลุกออกไปเลย”
“แล้วนายได้คุยอะไรกับเธอหรือเปล่าคาร์รอส”
คาร์รอสก้มหน้ามองพื้น หลบตาเจ้านาย เขาไม่รู้ก่อนหน้านี้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของเจ้านาย
ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปล่อยออกไป เธอบอกไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ในห้องพักนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ล้มอยู่บนถนน เขา
เดาว่าคงจริงตามนั้น เจ้านายคงกระโดดลงจากเทอร์เรส ช่วยเธอจากฝูงวัวกระทิงตอนที่หายไป แล้วก็
อุ้มร่างหมดสติขึ้นมาพักในบ้าน
“ได้คุยนิดเดียวครับ ดอน เบนิโต เธอบอกผมว่าขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ แล้วก็ขอตัวออกไปเลย”
“ถามหรือเปล่าว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน” ผู้เป็นเจ้านายซักละเอียด
“แค่ผู้หญิงคนเดียว คาร์รอสคงไม่เห็นความสำคัญ หากผมเป็นคาร์รอสก็คงปล่อยไปเหมือนกัน”
พ่อบ้านเอ่ยกลางปล้อง เขาเห็นแม่สาวชุดแดงแวบหนึ่งตอนเดินสวนกันที่หน้าประตูบ้าน สภาพผู้หญิงคนนั้น
มอซอ ซูบผอม ดีหรอกที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนเสื้อผ้า
คำพูดของพ่อบ้านเรียกสายตาจากผู้เป็นเจ้านาย
“ดูว่า ดอน นิโคลัสจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันมากเกินไปสักหน่อย หากจะเชื่อฟังคุณพ่อก็คง
ต้องกลับไปทำงานกับคุณพ่อมากว่าจะมาว่ิงตามฉันอยู่อย่างนี้”
คนรับใช้ส่วนตัวอย่างคาร์รอสยืนนิ่ง ไม่แปลกใจในการพูดจาของ ดอน เบนิโตและพ่อบ้าน พ่อ
บ้านนิโคลัสชอบวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเจ้านายเสมอ แต่ไม่เคยชนะสักหน เผลอบางทีมาชวนเขาทะเลาะ
ด้วย ซึ่งเขาทำงานให้กับ 'ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ' ไม่ใช่ 'ดอน อีวาน แบนเดอโรเซ' อย่างพ่อ
บ้าน
“คาร์รอส! ฉันจะออกไปข้างนอก ดูแลอย่าให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรือข้าวของของฉัน
ไม่งั้นนายจะโดนดี” เบนิโตสั่งเสียงแข็งก่อนเดินกลับออกไปด้านนอกพร้อมกับความหงิดหงุด
คาร์รอสมองตาพ่อบ้านสูงวัยแวบหนึ่งก่อนหันหน้าหนี คราวนี้เด็กหนุ่มไม่มีพวก ติดตามเจ้านายมา
คนเดียว ส่่วนพ่อบ้าน มีลูกน้องติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นพรวน ทั้งคนรถ คนรับใช้อีกเกือบห้าคน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ลงนิยายที่นี่ไม่เก่งนัก ก็จะพยายามศึกษาไปเรื่อยๆ อิอิ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2554, 11:17:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2554, 11:17:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 2043
<< แรกพบสบตา | เอล มอนตาเนีย >> |

HanA 14 พ.ค. 2554, 13:07:24 น.
แล้วตอนนี้ลงอยู่ที่ใหนบ้าง จะได้เข้าไปแอบอ่านอ่ะ
แล้วตอนนี้ลงอยู่ที่ใหนบ้าง จะได้เข้าไปแอบอ่านอ่ะ

พรกมลดลยา 14 พ.ค. 2554, 13:17:52 น.
เด็กดีค่ะ ม๊วฟๆ
เด็กดีค่ะ ม๊วฟๆ

ปูสีน้ำเงิน 14 พ.ค. 2554, 14:27:28 น.
น่ารำคาญแทนพระเอกนะ
น่ารำคาญแทนพระเอกนะ

แว่นใส 14 พ.ค. 2554, 21:07:41 น.
น่าสงสารคารอสเนอะ เอาใจไม่ถูกเลย
น่าสงสารคารอสเนอะ เอาใจไม่ถูกเลย

pattisa 15 พ.ค. 2554, 08:30:21 น.
เรื่องนี้น่าสนใจจัง :)
เรื่องนี้น่าสนใจจัง :)