จอมใจมาธาดอร์
นักระบำฟลามิงโก้สาว + มาธาดอร์รูปหล่อ สุดโก้
Tags: มาธาดอร์

ตอน: เอล มอนตาเนีย

มาริตา หรือ มาการิต้าสำหรับเพื่อนชาวสเปน เบิียดตัวตามช่องทางเดินแคบสู่ห้องพัก สองเท้าก้าวขึ้นบันได

เหล็กจนถึงชั้นสี่ อาคารเก่าแก่ คร่ำครึไม่เคยได้รับการปรับปรุง ห้องพักขนาดเล็กถูกเปิดออก เจ้าของร่าง

บอบบางตรงเข้าเปิดประตูห้องพักหนึ่ง มองผู้หญิงวัยสี่สิบห้าปี ผอมซูบ ดวงหน้าซีดเผือดนอนอยู่บนเตียงขาด

วิ่น ทว่าสะอาดสะอ้าน


“ขอโทษนะคะแม่ หนูกลับมาช้า พอดีหลงเข้าไปในประเพณีวิ่งวัวกระทิง เกือบเอาชีวิตกลับบ้าน

ไม่ได้แล้ว ดีที่มีคนมาช่วยไว้ทัน” บอกกับแม่พลางเดินลงนั่งข้างเตียงของท่าน

“เทศกาลซาน เฟอร์มิน เขาจัดกันทุกปีอยู่แล้ว แม่ลืมบอกหนูไป แล้วทำไมถึงหายไปนานจัง

มาริตา แม่ห่วงหนูนะลูก” มาริสามองลูกสาวคนเดียวด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรัก

“หมดสติไปค่ะแม่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่ในบ้านของเขาแล้ว หนูก็ขอตัวออกมาเลยค่ะ เดี๋ยวหนูไป

ทำกับข้าวให้แม่กินดีกว่านะคะ” มือเล็กยื่นอังหน้าฝาก วัดความร้อนในกายของแม่

มาริสายื่นมือกุมมือลูกสาวเอาไว้พร้อมกับมองดวงหน้าหวาน

“มาริตา ลูกต้องระวังตัวนะรู้หรือเปล่า เราอยู่ในสถานที่แออัด เต็มไปด้วยคนไม่ดี แม่ห่วงหนู

นะ”

ผู้เป็นลูกสาวยิ้มมุมปาก รู้สึกทรมานใจกับการทนมองผู้เป็นแม่ป่วยมานานเกือบสองเดือน

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูดูแลตัวเองได้ เดี๋ยวหนูรีบไปทำกับข้าวมาให้แม่กินดีกว่านะคะ แม่จะ

ได้กินยาแล้วนอนพัก หนูช้าไม่ได้แม้แต่สิบนาที เดี๋ยวจะไม่ทันไปเปิดร้านให้ ดอน โธมัส พาลจะหักเงินเดือน

หนูอยู่เรื่อย”


หญิงสาวออกจากห้องสู่ห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีครีม กางเกง

สกินนี่สีดำ ห้องพักหลังนี้มีห้องน้ำห้องเดียวต้องใช้ร่วมกัน มีห้องครัวแยกออกมาเป็นสัดส่วน


มาริตาทำข้าวต้มหมูให้แม่ทาน ย่อยง่าย ดีต่ออากาศค่อนข้างเย็น หล่อนอยู่ป้อนข้าวท่านจนหมด

ถ้วย ต่อด้วยป้อนยาที่ตุนมาจากเมืองไทยโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวเพ่ิงเดินทางมาอยู่กับแม่เมื่อไม่กี่

เดือนที่ผ่านมา หลังจากอยู่เมืองไทยลำพังตอนผู้เป็นพ่อเสียชีวิต


โลกนี้ช่างประหลาดนัก คนสเปนโดยกำเนิดกลับใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย แต่คนไทยอย่างมาริสากลับ

ย้ายถิ่นฐานปักหลังอยู่สเปน มาริตารับว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ลำบากมาก แม้เธอสามารถพูดสเปนได้คล่องแคล่ว

ดีที่แม่รู้จักคนเยอะ หล่อนสมัครงานที่ไหนก็มีคนอ้าแขนรับ


เท้าเรียวยาวสะอาดสะอ้านสวมลงในบู๊ตยาว หล่อนเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสะพายอันบรรจุไว้ด้วย

ชุดระบำและรองเท้าหนัง อดเสียดายรองเท้าคู่ใหม่ที่หายระหว่างการว่ิงหนีเจ้าวัวกระทิงตัวเขื่อง ฝูงใหญ่

นานมากกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ หล่อนออกจากบ้านไปทำงานในร้านอาหารบนถนน estafeta kalea


ร้านอาหารสองคูหาซ่อนตัวอยู่ในห้องแถว มาริตาล้วงหากุญแจในกระเป๋าสะพาย ไขประตูเปิด

ร้าน เดินเบียดโต๊ะเก้าอี้เข้าหลังร้าน ทำหน้าที่ของหล่อนคือเก็บกวาด จัดโต๊ะให้เข้าที่แล้วเตรียมของสด

หลังร้านให้เสร็จก่อนเชฟเดินทางมาถึง งานนี้หล่อนรับทำเพราะเหนื่อยคุ้มค่าจ้าง แม้เพียงเศษเงินยูโร

ทว่ามากโขสำหรับหล่อนและแม่ หล่อนรีบเร่งทำงานให้ทันเวลา นาฬิากาบอกเวลาบ่ายสาม อีกไม่ถึงสาม

ชั่วโมงต้องเดินทางไปร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง


นางระบำฟลามิงโก้ วันแรกสำหรับการแสดงหลังจากทุ่มเวลาฝึกฝนหลายเดือน ศิลปการแสดงที่

ใช้ร่างกายแข็งแรง ต้องเกร็งกล้ามเนื้อหลายส่วนลงมาควบคุมสะโพก ต้นขาให้การระบำออกมาถูกจังหวะ

และสัดส่วน แต่ผู้หญิงผอมบางอย่างมาริตาก็ผ่านการฝึกฝนมาได้ นางระบำยอมให้หล่อนร่วมทีมแสดงในคืนนี้


เหงื่อหลายเม็ดผุดพรายเต็มดวงหน้าหวาน ผมเปียสะบัดไปมายามหล่อนออกแรงถูพื้น เสื้อสีครีม

ชุ่มเหงื่อแม้อากาศค่อนข้างเย็น เสียงกระดิ่งติดประตูหน้าร้านดังขึ้นเรียกสายตา


“สวัสดีค่ะ ดอน โธมัส”

“สวัสดีมาการิต้า แม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยัง” ดอน โธมัสสอบถามอาการของ

ลูกจ้างเก่า


“อาการของแม่ยังไม่ดีขึ้นค่ะ แต่ไม่ทรุดลงแต่อย่างใด”


“รีบทำงานเข้าเถอะ เธอต้องไปเต้นระบำต่อในคืนนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันเอาใจช่วยเธออยู่นะ”

“ขอบคุณค่ะ ดอน โธมัส”

หล่อนตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อให้ลุล่วง แอบตื่นเต้นสำหรับงานโชว์คืนนี้ไม่ได้ นักระบำฟลามิงโก้คือ

อาชีพอันใฝ่ฝัน มันเป็นศิลปะพื้นบ้านที่สวยงามแฝงกลิ่นไอความสนุกสนานเอาไว้ บ้างสง่างามดุจนางหงษ์

ท่วงท่าสอดคล้องกับท่วงทำนอง การเคลื่อนไหวร่างกายกลมกลืนกัน


////////////////////////////////////////////////


๒.พลังอันดึงดูด

พลบค่ำถนนสายนี้ยังคลาคลำ่ด้วยผู้คนเพราะยังกรุ่นกลิ่นอายของเทศกาล 'ซาน เฟอร์มิน' นัก

ท่องเที่ยวยังโห่ร้อง คึกคัก สัญชาตญาณดิบของผู้ชายถูกปลดปล่อย เทศกาลสู้วัวกระทิงถูกอกถูกใจผู้ชายสเปน

มาก ชอบจับจิตจับใจได้เห็นวัวกระทิงพละกำลังมหาศาลถูกคมดาบของมาธาดอร์ ปลาบปลื้มกับผู้ชายคนหนึ่ง

เอาชนะวัวกระทิงด้วยมือเปล่า


มาริตาขยับเท้าหลบลี้ผู้ชายหลายคนที่ตกอยู่ในฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าร้าน 'ลา ทราม๊อยซ์' แขกนั่ง

กันจนแทบไม่มีที่นั่งเหลือ ดอนย่า เธเรซ่าคงยิ้มกว้าง กำไรมหาศาลต้องตกในกระเป๋า


ในร้านมืดสลัวด้วยไฟดิสโก้ที่ติดตามเพดาน แสงหลากสีสะบัดวาดลงบนพื้นสร้างเพ่ิมความตื่นเต้น

ให้แขก

“มาการิต้า”

เจ้าของชื่อเซถลาหาเพื่อนเมื่อถูกกระชากแขน มาริตาเหลือบมองมาเรียด้วยความมึนงง เหตุใด

ถึงได้ทำตัวมีลับลมคมในเช่นนี้ ดวงตาของมาเรียมองออกไปด้านนอกร้าน ทำให้หล่อนต้องมองตาม

“มาเรีย นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ด้านหลังกำแพงติดกับประตูทางเข้า

“เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินตามเธอมาล่ะมาการิต้า พอเธอเดินหายเข้ามาในร้าน เขาก็หยุด

ชะงักไป แล้วตอนนี้เขาก็หายไปแล้ว” มาเรียยังไม่วางตาในการมองหาผู้ชายคุ้นหน้าคนนั้น

“อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวก็ได้นะมาเรีย ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลซาน เฟอร์มินเธอก็รู้ แต่ฉัน

สารภาพว่าฉันไม่รู้ เมื่อเช้าเดินหลงเข้าไปในถนนนั้น กระทิงแทบจะขวิดฉัน ดีหรอกที่มีคนมาช่วยเอาไว้

ก่อน”

“ฉันไม่ติดใจหรอกว่ามีคนตามเธอมา เพราะวันนี้คนเมามากเหลือเกิน แต่ฉันติดใจว่า ผู้ชายคน

นั้นคุ้นหน้าฉันมาก เหมือนเคยพบกันอยู่บ่อยๆ”

“อาจจะเป็นมิเกลก็ได้ เขาบอกฉันว่าบางทีเขาจะมาดูฉันเต้นระบำในคืนนี้” มาริตาเอ่ยถึงชาย

หนุ่มที่ตามเกี้ยวหล่อนอยู่


“ถ้าเป็นมิเกล ฉันไม่เสียเวลามาจ้องมองให้ชัดหรอก อีตานั่นไม่น่ากล้ามาจีบเธอเสียด้วยซ้ำ ใน

เมื่อโตจนป่านนั้นแล้วยังไม่เลิกแบมือขอเงินพ่อกับแม่ ผู้ชายอะไรหาข้อดีไม่ได้สักอย่าง” มาเรียต่อว่ามิเกล

ตรงๆ


“เอาเถอะ ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับฉัน ถึงวันนั้นจริงๆ ฉันก็อาจจะ

บอกกับเขาไปตามตรงว่าไม่ได้มีจิตรักใคร่อะไรในตัวเขาหรอก คบกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเห็นว่าเป็นคนดีคน

หนึ่ง”

“ว้าย! ฉันจำผู้ชายคนนั้นได้แล้ว เอล มอนตาเนีย”

คนฟังอึ้งกับชื่อผู้ชายคนนั้น ลิเกมาจากเมืองไทยหรือเปล่า ภูเขาบ้าบออะไรกัน หล่อนเห็นเพื่อน

ไร้สาระเต็มทีเลยเดินหนี แต่โดนคว้าต้นแขนเอาไว้

“นี่มาการิต้า เธอมาเดินหนีฉันทำไมกัน ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ” มาเรียต่อว่าเพื่อนพร้อมกับ

คว้าแขนเล็กเอาไว้ สองตาเหลือบมองด้านนอก ค้นหา 'เอล มอนตาเนีย'

“เธอไร้สาระเหลือเกินนี่มาเรีย ฉันเข้าหลังร้านดีกว่า เดี๋ยวจะเตรียมตัวไม่ทันการแสดง มัน

เป็นการโชว์ครั้งแรกของฉัน ฉันอยากเต็มที่กับมันที่สุด”


“เดี๋ยวสิ! มาการิต้า ทั้งสเปนนี่มีเธอคนเดียวกระมังที่ไม่สนใจ เอล มอนตาเนีย”

“แล้วทำไมฉันจะต้องสนใจเขาด้วยล่ะ ชื่อราวพระเอกละครโบราณแบบนั้น”

“เพราะเธอไม่รู้จักเขาถึงพูดออกมาได้ เอล มอนตาเนีย เป็นมาธาดอร์อันดับหนึ่งของสเปน

เชียวนะมาการิต้า เธอห้ามมองข้ามเขาเป็นอันขาด”

“ฉันเกลียดนักล่ะ พวกชอบฆ่าวัวกระทิงเนี่ย กระทิงกับคนก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ถ้ามาธาดอร์ถูด

ขวิดตายฉันอยากรู้นักว่าจะเป็นอย่างไรน่ะมาเรีย” หล่อนแหวใส่มาเรีย ไม่หลงไหลได้ปลื้มกับมาธาดอร์

และไม่รู้ว่าพ่อพระเอกลิเกคือคนช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้

@@@@@@@@@@@@@@

พรุ่งนี้มาต่อกันนะคะ



พรกมลดลยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2554, 20:31:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2554, 20:31:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1688





<< สาวชุดแดง   ชายหนุ่ม >>
HanA 15 พ.ค. 2554, 21:45:33 น.
ตามไปอ่าที่ DEK-D0 มาแล้วค่ะ หนุกมายอ่ะ


ปูสีน้ำเงิน 16 พ.ค. 2554, 00:01:41 น.
รอตอนต่อไปนะ


แว่นใส 16 พ.ค. 2554, 01:18:09 น.
เดี๋ยวก็เจอกันไหม่ไง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account