คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ
ตอน: ยกที่ 57 วอน
ยกที่ 57 วอน
พันทิวาตื่นเช้าขึ้นมาก็เอาแต่มองหาคนที่หายตัวไปเมื่อตอนดึกๆ
เพราะนึกว่าเขาคงจะกลับบ้านมาในตอนเช้า แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา…
“มองหาอะไรอยู่เหรอคะน้ามุม…”เด็กหญิงปลายฝนในชุดนักเรียน
ผูกเปียสองข้างกระตุกชายเสื้อของเธอแล้วถามด้วยแววตาใสซื่อ
“เปล่าหรอกค่ะ…น้ามุมแค่ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก…”
พันทิวาปดเด็กคำโตเพียงเพราะอายที่จะพูดความจริงออกไป
ว่าเธอมารอน้าชายของคนถาม…
“ว่าแต่น้องปายจะไปโรงเรียนแล้วเหรอคะ…”เด็กสาวพยักหน้า
“ค่ะ…ตอนนี้กำลังรอพี่ต้นอยู่ค่ะ สงสัยพี่ต้นคงจะหาของไม่เจออีกตามเคย”
เด็กหญิงตัวน้อยบ่นปอดแปด ทำเอาคนฟังนึกเอ็นดูจึงนั่งยองๆลงข้างๆ
“ทำไมน้ามุมถึงไม่ทานข้าวเช้าด้วยกันล่ะคะ…ไม่หิวเหรอคะ…”
“น้ามุมยังไม่หิวเลยจ๊ะ…ว่าแต่วันนี้ใครจะไปส่งคะ…”
“สงสัยแม่จังมั้งคะ…เพราะพ่อจังติดภารกิจออกจากบ้านตั้งแต่ปาย
กับพี่ต้นยังหลับอยู่เลยค่ะ…ไม่รู้ทำไม พ่อจังถึงได้ยุ้งยุ่ง คุณป๋าก็ยุ้งยุ่ง…
ไม่มีเวลาว่างให้ปายกับพี่ต้นเหมือนเมื่อก่อน…ทั้งๆที่เราก็มีเงินมากมายแล้ว
แต่พ่อจังก็ยังออกไปทำงานหาเงินอีก…ปายไม่เห็นอยากได้เงินเพิ่มเลยค่ะ
อยากขี่หลังพ่อจังกับนั่งรถเที่ยวกับคุณป๋ามากกว่า…”
พันทิวายิ้มบาง กับถ้อยคำไร้เดียงสานั่น ก่อนจะลูบศีรษะทุยนั่นเบาๆพลางกล่าวว่า
“พ่อจังกับคุณป๋าของปายไม่ได้ออกไปหาเงินเพียงอย่างเดียวนะคะ
แต่ทั้งสองมีภาระที่ต้องดูแลลูกน้องที่ทำงานด้วย…ถ้าปายกับพี่ต้นอยากไปเที่ยว
เดี๋ยวเย็นนี้น้ามุมไปรับที่โรงเรียนแล้วพาไปกินไอติมดีมั้ย
พอวันหยุดเราก็จะพาลุงเพลิงของเราไปสวนสนุกด้วยกัน…”
เด็กน้อยได้ฟังถึงกับตื่นเต้นดีใจ
“จริงๆเหรอคะ…น้ามุมจะไปรับปายกับพี่ต้นไปกินไอติมเย็นนี้จริงๆเหรอคะ…
แล้วเราจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันด้วย…”พันทิวาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
มีความสุขที่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้ายิ้มร่าเริงมีความสุข
…แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลานสาวของตนขึ้นมา
เพราะพะยูนหลานสาวอายุมากกว่าปลายฝนแค่ปีเดียวเอง…
“แล้วน้ามุมจะลองขออนุญาตแม่จังของเราดูค่ะ…ไม่แน่ว่าน้ามุมอาจจะ
พาพะยูนไปเที่ยวด้วย…”
“พี่พะยูนจะไปด้วยเหรอคะ…ไชโย้…น้ามุมน่ารักที่สุดเลยค่ะ…”
เด็กหญิงปลายฝนกระโดดกอดพันทิวาด้วยรอยยิ้มสดใส…
แล้วสักพักอากิโกะก็วิ่งหน้าตื่นมาทางลูกสาวโดยมีลูกชายวิ่งตามหลังมาติดๆ
“สงสัยเช้านี้มี่คงไม่ว่างไปส่งเราสองคนแล้วล่ะ…น้าดินโทรมาบอกว่าไม่สบาย
มี่ก็เลยต้องรีบเข้าไปพบลูกค้าแทนน้าดิน…
เราสองคนไปโรงเรียนกับสมปองได้มั้ยเอ่ย…
เพราะลุงลมเองก็มีธุระไปส่งเราสองคนแทนมี่ไม่ได้เหมือนกัน…”
อากิโกะยิ้มแหยๆให้ลูกรักทั้งสอง
ส่วนพันทิวาที่ได้ยินว่าพสุธป่วยถึงกับแปลกใจ…ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
ว่าเมื่อคืนเขาหน้าแดงๆ แถมปลายนิ้วก็ยังเย็นเฉียบ…
“เอ่อ…ให้มุม…ไปส่ง…ดีมั้ยคะ…พอดีมุมไม่ได้ติดธุระที่ไหน…
แล้วตอนเย็นมุมขอไปรับทั้งสองไปกินไอติมด้วยกันจะได้มั้ยคะ…”
พันทิวาอาสาด้วยรอยยิ้มเต็มใจ อากิโกะจึงยิ้มกว้าง จูงมือลูกรักทั้งสอง
แล้วส่งมือนั้นให้กับหญิงสาวพลางกล่าวขอบคุณ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ…พี่ต้องขอบคุณน้องมุมด้วยซ้ำ
งั้นพี่ฝากเจ้าแฝดด้วยนะคะ พอดีว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนสำคัญซะด้วย
พี่ไม่อยากผิดนัดหรือผลัดน่ะค่ะ…อ้อ…ดินฝากมาบอกด้วยนะคะว่า
ตอนนี้พักอยู่บ้านเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วง…งั้นพี่คงต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ
เดี๋ยวจะไม่ทัน…ขอบใจน้องมุมมากๆนะคะ…จุ๊บๆ…”
พูดกับพันทิวาเสร็จก็หันไปจุ๊บลูกรักทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งไปยังพาหนะคู่ใจ
ก่อนขึ้นรถไปก็มิวายหันมาส่งจูบลูกๆอีกครั้งพร้อมโบกมือ…
“เฮ้อ…น้าดินนะน้าดิน ไม่สบายทำไมไม่กลับบ้าน…
ปล่อยให้น้ามุมยืนรอด้วยความเป็นห่วง…”
พันทิวาก้มลงมองคนพูดที่ดูจะสรุปใจความเอาเองเสร็จสรรพ
โดยไม่มีถามไถ่คนถูกพาดพิงอย่างเธอเลยสักนิด…
“งั้นน้ามุมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุดสิบนาทีนะคะ…แล้วเราจะไปด้วยกัน”
พันทิวาพูดเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นเรือนไปยังห้องนอนของตนทันที
ทิ้งให้เด็กมองตามอย่างขำๆ
“น้ามุมบอกว่าจะพาเราสองคนไปกินไอติมเย็นนี้ด้วยแหล่ะ…”
เด็กหญิงปลายฝนรายงานพี่ชายทันที
ก่อนจะบอกแผนการเรื่องเที่ยวในวันหยุดกันอย่างสนุกสนาน…
หลังจากส่งสองแฝดที่ชวนเธอคุยเล่นสนุกตลอดทางที่ไปโรงเรียนเสร็จ
หญิงสาวจึงนึกเป็นห่วงคนป่วยขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
หาเบอร์โทรของพสุธพลางบ่นพึมพำคนเดียวว่า
“ไม่เห็นจะโทรมาบอกเราสักนิด…ที่บอกว่าอยู่บ้านเพื่อนน่ะ
ไม่รู้ว่าเพื่อนนอนรึเปล่า…”
บ่นจบก็กดหาเจ้าของเบอร์โทรที่หน้าจอ
แต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสาย พันทิวาจึงพยายามกดเรียกซ้ำก็ไม่เป็นผล
พสุธไม่รับสายเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ว่างรับหรือจงใจไม่รับกันแน่…
“ช่างสิ…จะเป็นจะตายยังไงก็ช่่างสิ…ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ…
กลับบ้านไปกอดแม่ดีกว่า…เย็นๆค่อยกลับมารับเจ้าแฝด”
จบคำพันทิวาหักพวงมาลัยเลี้ยวไปยังเส้นทางสู่เมืองสุพรรณบุรี…
เพราะวันนี้เธอว่างทั้งวัน เนื่องจากงานที่ได้รับมอบหมายเธอเคลียร์
จนไม่เหลือให้เคลียร์แล้ว
จะมีก็แต่งานของวันพรุ่งนี้ที่จะมีมาให้ทำอีกเท่่านั้น…
หลายวันที่พสุธไม่กลับบ้าน ไม่ไปทำงานที่บริษัท
มีเพียงแค่โทรมาบอกพี่สาวอย่างอากิโกะว่ายังไม่หายป่วย…
และหลายวันแล้วที่หน้าที่รับส่งเจ้าแฝดไปโรงเรียนตกเป็นของเธอ…
เพราะหน้าที่ผู้ช่วยนายดินทรายของเธอกลายเป็นหน้าที่ผู้ช่วยอากิโกะแทน…
เนื่องจากพี่สาวของพสุธวิ่งรอกจากงานบริษัทของตระกูลเสร็จ
ก็วิ่งไปติดต่องานกับลูกค้าของบริษัทสามีต่อ…
บางครั้งหน้าที่ของรองประธานบริษัทจึงตกมาถึงเธออย่างเสียไม่ได้…
ใครบอกว่าสาขาที่เรียนมาหนักจบมาแล้วจะได้ทำงานสบายๆ
เธอว่าไม่เลยนะ…ยิ่งเรียนหนัก ตอนทำงานยิ่งทำงานหนักกว่าตอนเรียนด้วยซ้ำ
…เงินเดือนเยอะก็จริง แต่เวลาพักผ่อนนั้นหายากยิ่งกว่า…
ดังนั้นตอนเย็นก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์พันทิวาจึงขับรถไปรับหลานสาว
มานอนพักที่บ้านอาทิตยะด้วยกันกับเธอที่ห้อง
เพราะเจ้าของห้องอีกคนเขาคงไม่กลับมานอนแล้วล่ะ…
ดังนั้นคืนนี้เด็กหญิงปลายฝนจึงขอมานอนด้วยคนกับเธอ
เนื่องจากอยากนอนคุยกับพี่พะยูนให้หายคิดถึง…
ส่วนเด็กชายต้นก็ได้แต่หน้างอๆอยากจะขอมานอนด้วยแต่นอนไม่จุ
เพราะแค่พี่พะยูนตัวกลมก็นอนกินที่มิใช่น้อยแล้ว…
“ต้นขอนอนด้วยบนพื้นก็ได้นะ…นะครับน้ามุม…ให้ต้นนอนด้วยนะครับ”
พันทิวามองหน้าอากิโกะราวกับจะปรึกษา
“อย่ากวนสิครับต้น…”
“เอ่อ…ถ้าต้นอยากนอนด้วยจริงๆ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยกันปูที่นอนใหม่บนพื้นนี้
แล้วเราทั้งหมดจะลงไปนอนด้วยกันดีมั้ย…”
เด็กชายต้นได้ยินดังนั้นถึงกับร้องเต้นดีใจอย่างห้ามไม่อยู่
อากิโกะได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกๆของเธอที่ดูจะเริ่มติดพันทิวาแจ
พักหลังๆที่เธอไม่มีเวลาว่างก็ได้พันทิวาคอยช่วยดูแลแทน
จนเธออดเกรงใจไม่ได้ที่ลูกๆมารบกวนเวลาพักผ่อนของน้องสะใภ้ของตนอย่างนี้…
“พี่ต้องขอโทษแทนเด็กๆด้วยนะคะ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…ดีซะอีก มุมจะได้มีเพื่อนนอนหลายๆคน…สนุกดีค่ะ”
อากิโกะยิ้มบาง เธอเองก็เริ่มชอบพอนิสัยใจคอของหญิงสาวตรงหน้า
ที่แรกๆที่เจอกันดูแข็งๆ แต่จริงๆแล้วพันทิวานั้นมีความอ่อนโยน
และใจดีขี้สงสารอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาโดนเจ้าแฝดอ้อนเอาโน้นเอานี่
เธอเห็นน้องสะใภ้ของเธอคนนี้เป็นต้องใจอ่อนยอมให้ทุกที…
สักพักฑยาวีย์ที่เพิ่งกลับมาได้ยินเสียงของลูกๆดังมาจากห้องของน้องชายจึงเดินไปดู
เห็นเด็กๆกับพันทิวากำลังช่วยกันปูที่นอนบนพื้นด้วยสีหน้ามีความสุข
เขาจึงสะกิดภรรยาที่ยืนพิงขอบประตูห้องอยู่
อากิโกะหันมามองแล้วส่งยิ้มให้สามี
“ทานอะไรมารึยังคะ…”
“ยังเลยครับ กะจะกลับมาทานฝีมือเมียทำให้กิน…”
น้ำเสียงและแววตาอ้อนๆนั่นทำให้อากิโกะอมยิ้ม
“ว่าแต่เจ้าแฝดจะหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่นี่กันหมดเลยเหรอนั่น…”
พูดพลางมองภาพลูกรักทั้งสองที่ดูจะสนุกที่คงได้นอนคุยกับหลานสาวของพันทิวา
“ค่ะ…ค้านยังไงก็ไร้ผล…ยอมทิ้งเบาะนุ่มๆมานอนฟูกบนพื้นแทน…”
“เจ้าดินกลับมาไม่ว่าอะไรเหรอ…”อากิโกะหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“เจ้าดินไม่กลับมานอนที่บ้านร่วมสัปดาห์แล้วค่ะ...ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน
เห็นโทรมาบอกว่าไม่สบาย พักอยู่บ้านเพื่อน…”
อากิโกะกระซิบเบาๆในตอนท้ายประโยคพลางแตะแขนสามีพาเดินลงไปยังห้องครัว…
“นี่เขาสองคนยังไม่ได้เข้าหอหรือฮันนี่มูน
ตามประสาบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันกันเลยเหรออากิ…”หญิงสาวยิ้มแหยในขณะส่ายหน้า
“ตั้งแต่ดินกลับจากประชุมดูงานที่ต่างประเทศก็ไม่เห็นจะกลับมานอนที่บ้าน
จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะ ที่บริษัทก็ยังไม่เข้าไปเลย…
เห็นอย่างนี้แล้วชักจะทนดูไม่ไหว เราน่าจะจัดการให้ทั้งสองคืนดีกันนะคะ
ถึงจะแต่งงานกันเพราะความจำเป็น แต่ยังไงก็เป็นคนๆเดียวกันแล้ว
ไม่ควรเลยที่จะอยู่กันคนละทิศละทางแบบนี้…
หรือจะให้พี่เพลิงช่วยพูดให้ดีคะ…รักว่าไง…”
อากิโกะปรึกษาสามีด้วยสีหน้ากังวล
ในขณะที่มือก็จัดแจงอาหารลงบนสำรับ
“ผมว่าลองดูๆเขาสองคนไปสักพักก่อนดีกว่า…ถ้ายังไม่ดีขึ้น
เราค่อยเข้าไปจัดการ บางทีเขาสองคนอาจต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ
และปรับตัวเข้าหากันก็ได้…”อากิโกะพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ
“งั้นคงต้องรอดูกันต่อไปว่าเมื่อไหร่เขาสองคนจะเข้าใจกัน…”
“แล้วพี่ลมล่ะครับ…ไม่กลับบ้านเหรอ…”
“พี่ลมลงใต้ไปเมื่อเช้าค่ะ พอดีงานทางโน้นมีปัญหานิดหน่อย…
อีกหลายวันมั้งคะกว่าจะขึ้นมา…เพราะอย่างไรซะตัวประกันที่พี่ลม
ต้องเอาใจใส่ยังอยู่ทางนี้...มีหรือจะไม่รีบกลับมา…”อากิโกะอมยิ้ม
เมื่อนึกถึงพี่ชายสุดซี้ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะลงเอยลงจากคานเสียที…
“พี่รังก็คงเหมือนกัน…เห็นลงไปคราวก่อนหายไปเป็นเดือน…
คราวนี้คงขึ้นมารับพี่รักกลับไปเที่ยวเกาะเพื่อพิชิตใจคุณนายแน่ๆ
ไม่รู้เมื่อไหร่คุณนายจะยอมใจอ่อนสักที พี่รังของผมจะได้ลาคาน
ชักอยากเห็นหน้าลูกพี่รังกับพี่รัก ไม่รู้หน้าตาจะออกมา
หล่อ สวย น่ารักเหมือนเจ้าแฝดรึเปล่า…”
คนพูดไม่วายโกยเข้าบ้านตน ชมลูกรักของตนจนอากิโกะส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้
คนที่หลงตัวเองไม่พอ ยังหลงลูกๆยิ่งกว่าอะไร…ชมลูกๆไม่เคยขาดปาก…
“ก็ต้องสวย หล่อ น่ารักอยู่แล้ว…เพราะแม่พิมพ์ดีออกอย่างนั้น…”
อากิโกะลอยหน้าลอยตาตอบกลับด้วยเพราะหมั่นไส้สีหน้าท่าทางของสามี…
ทำเอาฑยาวีย์ยิ้มกว้าง ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
แล้วชมฝีมือการทำอาหารของภรรยาไม่ขาดปาก…
ดังนั้น นอกจากฑยาวีย์จะหลงตัวเอง หลงลูกๆแล้ว
คงต้องเพิ่มหลงเมียเข้าไปอีกข้อถึงจะสมบูรณ์…
พสุธกลับบ้านตอนกลางดึกของคืนนั้นหลังจากหายหน้าไปหลายวัน
ตอนแรกที่บิดลูกบิดประตูก็คิดว่าประตูคงถูกล็อก
หากผิดคาด ประตูกลับถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
…สงสัยเจ้าของห้องคนใหม่คงลืมล็อกประตู…
พสุธคิดขณะที่แววตายิ้มนิดนึงเมื่อคิดไปว่า
พันทิวาอาจจะเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อรอเขากลับมา
หากแววตาต้องวูบดับเมื่อก้าวเข้าห้องไปก็พบเพียงเตียงโล่งตาว่างเปล่่า
แต่พอมองไปยังพื้นห้องข้างๆเตียง รอยยิ้มของชายหนุ่มกลับมาฉายแสงอีกครั้ง
พสุธก้าวเข้าไปใกล้ๆพันทิวาที่นอนขอบนอกสุด ติดกับเธอคือหลานชายของเขา
ต่อมาคือพะยูนหลานสาวของเธอ และหลานสาวของเขาที่นอนชิดขอบเตียง…
พสุธค่อยๆนั่งลงข้างๆพันทิวาไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนกำลังหลับสบาย
รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อเห็นเด็กๆต่างยึดผ้าห่มผืนใหญ่ในส่วนของเธอไป
ก็เลยอดสงสารคนที่กำลังนอนคดคู้งอเหมือนกุ้งอยู่ไม่ได้…
พสุธเหลือบมองเห็นที่นอนข้างๆเธอยังพอจะมีพื้นที่ว่างอยู่นิดนึง
เขาจึงค่อยๆล้มตัวลงนอน วางศีรษะไว้บนหมอนใบใหญ่และยาว
ซึ่งพันทิวากำลังหนุนอยู่พร้อมกับสวมกอดเธอเอาไว้อย่างหลวมๆ
ทำให้ในฝัน…พันทิวารู้สึกเหมือนถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง
เธอคิดว่าคงเป็นเด็กๆ ก็เลยพลิกตัวกลับไปสวมกอดเจ้าของอ้อมกอดนั้นแน่น
ความรู้สึกหนาวก่อนหน้านี้ทุเลาลง เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดและจุมพิตตรงหน้าผากเบาๆ
พสุธมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มทั้งๆที่ยังพริ้มหลับอยู่
จึงกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นขึ้นก่อนจะเข้าสู่นิทราด้วยรอยยิ้มเป็นสุข
หลังจากที่นอนจับไข้ไม่สบายอยู่หลายวันที่คอนโดของมนัสวีย์หรือพริก
พอหายป่วยก็รีบกลับมาหาเธอ…ตอนนี้เขาพอจะตอบตัวเองได้แล้ว
ว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่ต้องห่างกันถึงได้คิดถึงเธอมากมายจนทนไม่ไหว…
เพราะเมื่อได้พบเธอ ได้กอดเธอ เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสุขใจ
เท่ากอดใครมาก่อน…
แม้เธอจะไม่ได้เป็นอย่างที่วาดไว้ ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เขาเคยใฝ่ฝัน
และไม่ได้ดีไปมากกว่าใคร
แต่สิ่งดีๆเล็กๆน้อยๆบวกกับความจริงใจที่เธอมีต่อเขาและทุกคน
กลับมีมาเติมเต็มหัวใจของเขาจนหมดใจ…ไม่ว่าค้นใจเท่าไหร่ก็มีเพียงเธอ
…เหมือนเธอได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย…เธอเป็นมากกว่ารัก…
เพราะเธอคือคนที่เขาเฝ้าตามหาและรอคอยมาแสนนาน
…อาจจะไม่ใช่แค่ชอบ แต่เขาคงรักเธอไปแล้วจริงๆ…
รักทั้งๆที่รู้ว่าเธอกำลังรักใครอยู่…
เสียงเด็กๆพลิกไปมาพร้อมเสียงบิดขี้เกียจทำให้พันทิวารู้สึกตัว
และนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคงกอดลูกชายของอากิโกะเอาไว้แน่ๆ
แต่เมื่อลากมือผ่่านแผ่นอกของลูกชายอากิโกะกลับตกใจ
เมื่อขนาดของมันช่างแตกต่างจากเด็กชายตัวน้อยๆ
เพราะกระดูกซี่โครงที่เธอสัมผัสมันคนละเบอร์กับเด็กชายต้นหนาว
ดวงตากลมโตลืมตาโพลงมองคนที่เธอกำลังกอดและใช้เท้าพาดเขาอยู่
ด้วยสีหน้าซืดเผือด ชักมือและเท้ากลับทันทีพร้อมกับดีดตัวขึ้น
ก่อนจะมองพสุธที่กำลังแกล้งหลับอยู่อย่างงงๆปนตกใจ…
…เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ…
พันทิวาครุ่นคิด หากไม่ทันได้คิดนาน เสียงเด็กๆก็ร้องทวงสัญญาขึ้นมา
“น้ามุมขา เช้าแล้ว…วันนี้เราจะไปเที่ยวสวนสนุกกันใช่มั้ยคะ…”
เด็กหญิงปลายฝนถามพลางขยี้ตานิดๆ ส่วนพะยูนปิดปากหาวหวอดๆ
ต้อนรับแสงแดดวันใหม่ จะมีก็แต่เด็กชายต้นหนาวที่นอนข้างๆเธอเท่านั้น
ที่ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่จ้องมองไปยังน้าชายของตนก่อนจะมองหน้าเธอ
ด้วยแววตางงงัน
“น้าดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับน้ามุม…”
พันทิวาส่ายหน้าแหยๆก่อนจะลองอังหน้าผากของชายหนุ่มที่ยังหลับอยู่
เพราะคิดว่าเขาอาจจะยังไม่หายป่วย…แล้วค่อยโล่งใจเมื่ออุณหภูมิที่สัมผัสได้ปกติดี…
หากยังไม่ทันยกมือกลับพสุธกลับจับมือนั้นมากุมไว้
แล้วแนบกับแก้มของตัวเองในขณะลืมตามองหน้าพันทิวาพลางกล่าวว่า
“ให้ฉันไปด้วยคนสิ…”
“ไปไหนคะ…”พันทิวาย้อนถามพลางชักมือกลับ หากพสุธไม่ยอม
จับมือนั้นเอาไว้แน่น
“ก็ไปสวนสนุกไง…อยากไปเหมือนกันนะ…”น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอ้อนนั้น
ทำเอาพันทิวาอมยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“ไม่ได้หรอกค่ะ เกินโควต้าแล้ว…”พันทิวาแกล้งหยอกอีกฝ่าย
“ไม่ให้ไปด้วย ก็ไม่ต้องไปกันทั้งหมดนี่แหล่ะ เพราะฉันจะไม่ยอมปล่อยมือเธอไปหรอก…”
เด็กๆที่ได้ยินดังนั้นถึงกับเก็บอาการไม่อยู่
ส่งเสียงเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ให้น้าดินไปด้วยกันนะน้ามุมนะ…”เท่านั้น ชัยชนะก็ตกเป็นของพสุธโดยละม่อม
“ว่าไง เด็กๆงอแงใหญ่แล้วเห็นมั้ย…”
“ไม่รู้เด็กงอแงหรือผู้ใหญ่กันแน่…”พันทิวาแสร้งหันไปทางอื่น
พสุธจึงจุมพิตลงบนมือบางก่อนจะช้อนตามองพันทิวานิ่ง
เมื่อหญิงพยายามชักมือกลับท่าเดียว
…ขนาดมือยังหวงถึงขนาดนี้…
“ถ้าไม่ตกลง คราวนี้จะหอมแก้มโชว์เด็กๆให้ดูเลยนะ…”
ไม่พูดเปล่า พสุธดีดตัวลุกขึ้นทันที พันทิวาผวาเบี่ยงหลบนิดนึง
เมื่อเข้าชะเง้อหน้าเข้ามาใกล้…
“ก็ได้ๆ…ให้ไปด้วยก็ได้…งั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะเด็กๆ…”
พันทิวาตกลงแบบขอไปที ก่อนจะหันไปชวนเด็กๆ…
“เด็กชายพสุธขออาบน้ำด้วยคนนะครับน้ามุมมึน…”
พันทิวาหันขวับมามองคนที่เรียกเธอว่าน้ามุมมึนอย่างเคืองๆ
ก็พบแต่ยิ้มกวนๆของจอมกะล่อน
หายไปหลายวันนึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว
ที่ไหนได้ กลับมายังไม่เลิกนิสัยเดิมๆ ชอบเต๊ะอั๋งเธอเมื่อเผลอทุกที
“งั้น…เพื่อความรวดเร็ว เราแยกย้ายกันไปอาบน้ำคนละที่ดีกว่าเนอะ
จะได้เสร็จไวๆ…”พันทิวาเปลี่ยนแผนทันที
ดังนั้น ปลายฝนกับต้นหนาวจึงวิ่งกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนของตนเอง
ส่วนพะยูนขออาบน้ำกับอาสาวที่รีบจูงหลานสาววิ่งเข้าห้องน้ำ
ทิ้งพสุธให้ยืนตัวคนเดียว ไม่มีใครชวนอาบน้ำอย่างเดียวดายอยู่กลางห้อง
ด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงมองที่นอน แล้วพับเก็บมันไว้ที่เดิมรอคนในห้องน้ำ
อาบน้ำจนเสร็จ…
แล้วทั้งหมดก็ลงมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร โดยมีตะวันกับสองสามีภรรยา
อย่างอากิโกะกับฑยาวีย์นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว…
“พี่คงไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะมุม…วันนี้มีนัดกับตามเขาว่าจะไปดูที่ทางที่จะตั้งมูลนิธิกัน…
เราไปกับเจ้าดินก็ดีเหมือนกันนะ สามีภรรยากันไปไหนก็ควรจะไปด้วยกัน
จะได้รักกันนานๆ…”ตะวันกล่าวขณะที่มองน้องชายกับน้องสะใภ้ด้วยรอยยิ้มบาง
พสุธหันไปมองคนที่นั่งข้างๆก็พบกับสีหน้าเซ็งๆของเธอ
ไม่บอกก็รู้ว่าพันทิวาเสียดายที่พี่ชายของเขาไม่ไปด้วยกัน
นี่คงชวนกันไปเที่ยวสวนสนุกโดยไม่ปรึกษาเขาก่อนหน้านี้เลยล่ะสิ…
มองตาเธอก็รู้ว่าเธออยากอยู่กับพี่ชายของเขาคนที่เธอรักและทำให้เธอหวั่นไหว…
คิดแค่นี้ อารมณ์ของพสุธก็เริ่มคุขึ้นมา
ทั้งๆที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้…แต่ก็ห้ามไม่อยู่…
“เหมือนพี่กับพี่ตามใช่มั้ยครับ…ว่าแต่เมื่อไหร่จะมีข่าวดีด้วยกันสักที…”
พันทิวาก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน พยายามไม่ให้มือสั่น…
“พี่คงต้องรอให้หายก่อน…ไม่อยากเป็นภาระตามเขานัก…
แค่นี้เขาก็เหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว…”
ตะวันตอบในขณะเหลือบมองพันทิวานิดนึง
ก่อนจะชวนคุยเรื่องมูลนิธิอาทิตย์อุทัย
กับน้องๆว่าจะดำเนินการอย่างไร…
“คิดถึงฉันล่ะสิ ตอนที่ฉันไม่กลับบ้าน…”พสุธแกล้งหยอกพันทิวา
ระหว่างที่เดินพาเด็กๆไปยังเครื่องเล่น พันทิวายิ้มแก้มป่องหมั่นไส้คนพูดสุดๆ
“ก็คงประมาณนั้น…”พสุธยิ้มกว้างกับคำตอบที่แม้จะไม่จริงจัง
กึ่งเล่นกึ่งหยอกก็ตาม…
“แหม…ก็คนเคยทำงานคลุกคลีด้วยกันเป็นปีๆ ไม่มีคิดถึงกันบ้าง
คงเป็นไปไม่ได้…ยิ่งได้ข่าวว่าไม่สบายก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่”
พสุธหุบยิ้มแทบไม่ทันกับท้ายประโยค
“เธอนี่ชอบแช่งฉันให้ตายประจำเลยนะ…อยากให้ฉันตายนักรึไง”
น้ำเสียงน้อยใจนั้นทำให้พันทิวาหันไปมองก่อนจะกระตุกคิ้ว
“ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ ทำไมนายต้องซีเรียสด้วยล่ะ…
ถ้านายตายไป ฉันคงเหงาแย่…เพราะคงไม่มีใครคอยหางานให้ทำ…
อยู่กับนายแล้วไม่เคยว่างสักวัน…ฉันชอบ…”
พันทิวาพูดจากใจจริง เพราะถึงคนตรงหน้าจะชอบใช้งานเธอ
แต่เธอก็เต็มใจทำให้ มันทำให้เธอรู้สึกสนุก มีความสุขที่ได้ทำ
แม้จะเหนื่อยไปบ้างก็ตาม…
“เธอพูดเหมือนจะชมฉัน แต่ฟังๆดูดีๆ เหมือนแอบต่อว่่าฉันนิดๆนะเนี่ย…”
“ก็ชอบหาเรื่องอย่างนี้ล่ะน่า…ถึงพูดดีๆกันได้ไม่กี่คำ
ที่เหลือเป็นต้องทะเลาะกันตลอด…ตกลงจะขึ้นรถไฟเหาะด้วยกันรึเปล่า…”
พันทิวาตัดบทหันไปทางเด็กๆที่ชี้ชวนไปยังเครื่องเล่น
ที่เขย่าหัวใจให้แกว่งจนทนที่จะเก็บเสียงไม่ให้กรี๊ดออกมาไม่ไหว
พสุธยิ้มกว้างก่อนจะจับมือพันทิวาเดินไปยังเครื่องเล่นดังกล่าว
โดยเด็กๆวิ่งนำเข้าไป
“สนุกจังเลยค่ะน้าดินน้ามุม…ใช่มั้ยพี่พะยูน…”เด็กหญิงปลายฝน
กล่าวด้วยสีหน้าระรื่นระหว่างที่เดินไปขึ้นรถเพื่อไปกินไอศกรีมกันต่อ
“สุดๆ…นานๆพ่อยักษ์จะพามาเที่ยว แต่ก็ไม่สนุกเท่านี้มาก่อน
เพราะได้มากับน้องต้นกับน้องปาย…วันหลังอามุมพาพะยูนมาอีกนะคะ”
พันทิวายกมือลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู…
“เอาไว้อาว่างแล้วอาจะพามาอีกนะ…”พูดเสร็จก็หันไปทางหลานแฝดของพสุธ
ก่อนจะยิ้มให้กับน้าชายของทั้งสอง…
พสุธจึงฉวยโอกาสโอบรอบเอวของพันทิวาโดยที่หญิงสาวพยายามเอี้ยวตัวหลบ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีเด็กๆเป็นกองหนุนให้เขาอยู่
“เมื่อไหร่น้าดินจะมีน้องให้เราสามคนสักทีล่ะครับ…
ต้นอยากได้น้องชายไว้เตะบอลด้วยกัน…”
เด็กชายต้นหนาวกล่าวขึ้นหลังจากตักไอศกรีมเข้าปากคำแรก…
ทำเอาพันทิวาตกใจแทบตกเก้าอี้กับคำถามนั้น
หากพสุธกลับยิ้มที่มุมปาก ตอบหลานชายที่แก่แดดแก่ลมไปว่า
“เอาไว้คืนนี้น้าดินจะลองปรึกษากับน้ามุมดูนะครับว่าเห็นชอบรึเปล่า…”
พันทิวาหันขวับมาทางพสุธทันทีก่อนจะจ้องเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“น้าดินก็สงสารต้นอยู่นา เพราะมีแต่สาวๆทั้งนั้น ทั้งน้องปาย น้องฝน
ทั้งพี่พะยูนล้วนแต่เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้นเนอะ…น่าจะมีน้องชายหน้าตาหล่อๆ
อย่างน้ามาเล่นกับต้นบ้าง เธอว่าไงล่ะแมงมุม…
อยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย…หรือจะตามใจเจ้าต้นดี…”
ถ้อยคำราวกับจะปรึกษานั้น หากเป็นคู่สามีภรรยาคู่อื่นคงไม่แปลก
แต่ดูสิ นายดินทรายกล้าพูดกับเธอแบบนี้ มันหาเรื่องกันชัดๆ
“ว่าไงครับน้ามุม…พ่อจังกับแม่จังไม่ยอมมีน้องให้ต้นสักที…
พอต้นขอ…พ่อจังก็บอกต้นว่าให้มาขอน้องกับน้าดินกับน้ามุมเอาเอง…”
พสุธหัวเราะขำกับคำพูดใสซื่อไร้เดียงสานั้นของหลานชาย
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า…ใครเป็นต้นความคิดให้หลานชายของเขาพูดเรื่องนี้กับเขา…
พันทิวาหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความอาย
ยิ่งหันไปเห็นพสุธกำลังหัวเราะอย่างสนุกก็ให้เคือง…
หน้าแดงๆจึงสลับเขียวไปมา ชวนให้พสุธขนลุกปนสนุก
“เอ่อ…เอ่อ…”พันทิวาติดอ่างขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปทางพสุธ
ที่ยังยิ้มไม่ยอมหุบจนรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา เลยแกล้งพูดเล่นๆออกไปว่า
“น้ามุมว่าต้นลองไปขอน้องชายจากลุุงเพลิงดูสิคะ…เผื่อลุงเพลิงคนเก่ง
จะเสกน้องเข้าท้องน้ามุมให้ต้นได้…”
เท่านั้นพสุธถึงกับหุบยิ้มหันมาจ้องตาพันทิวานิ่ง…แววตาวาวโรจน์จนพันทิวารู้สึกสะท้าน…
หากกลับเลือกที่จะลอยหน้าลอยตาพูดกับหลานๆตักไอศกรีมเข้าปาก
อย่างไม่สนใจอีกฝ่ายว่าจะรู้สึกอย่างไร
…พสุธนั่งนิ่งมาตลอดทางที่ไปส่งพะยูนหลานสาวของพันทิวากลับบ้าน
โดยมีพันทิวานั่งชวนหลานๆทั้งสามที่นั่งตรงเบาะหลังคุยอย่างสนุกสนาน
พร้อมเสียงหัวเราะลั่นรถ นานๆทีพันทิวาจะหันไปมองคนที่เอาแต่จ้องถนน
โดยไม่ยอมพูดยอมจา…
พอกลับมาถึงบ้านอาทิตยะ เขาก็เลือกจะเดินนำหน้าเข้าห้องไป…
พันทิวาจึงพาหลานแฝดของเขากลับห้อง
ก่อนจะจัดการอาบน้ำสวมชุดนอนให้ทั้งสอง…
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะเด็กๆ…มามะมาให้มี่กอดที…”ทั้งสองได้ยิน
เสียงมารดาก็รีบโผเข้าไปหา
“มี่เพิ่งกลับมาเหรอคะ…”
“จ๊ะ…”อากิโกะลูบหัวลูกรักด้วยความรักใคร่ในขณะที่กอดลูกทั้งสอง
“ทานข้าวกันมาแล้วเหรอ…”
“ค่ะ…พวกเราทานข้าวที่บ้านของพี่พะยูนค่ะ กับข้าวอร้อยอร่อยค่ะ
ยายตำลึงกับน้ามุมเป็นคนทำให้พวกเรากิน…พวกเราก็เลยเข้าไปช่วย
ทำกับข้าวด้วยค่ะ…”ลูกสาวของเธอดูจะมีความสุขกับการเที่ยวและกิน
จนคนเป็นแม่อดหันไปทางพันทิวาแล้วยิ้มขอบคุณในน้ำใจของเธอไม่ได้
“แล้วต้นล่ะครับ…ชอบบ้านน้ามุมม้ัย…”
“ชอบครับ…ที่นั่นมีกระสอบทรายด้วยครับ คุณตาพาต้นกับน้าดินไปที่นั่น
เราชกกระสอบทรายกันสนุกมากเลยครับมี่…”
เด็กชายต้นรายงานเหตุการณ์ที่บ้านสวนของพันทิวาอย่างละเอียดให้คนเป็นแม่ฟัง
“แล้วพ่อจังไม่กลับมาพร้อมกับมี่ด้วยเหรอคะ…”ลูกสาวของเธอถามหาผู้เป็นบิดา
“ยังติดลูกค้าอยู่จ๊ะ มี่ขอกลับมาดูเราสองคนก่อน เดี๋ยวพ่อจังของเราสองคน
ก็กลับมาแล้ว…มามะ เดี๋ยวมี่จะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน…”อากิโกะลุกขึ้น
จูงมือลูกๆไปยัวเตียงนอน ก่อนจะหันไปทางพันทิวา
“ขอบใจมากนะจ๊ะน้องมุม…ขอบใจจริงๆ…”พันทิวาส่ายหน้าขณะยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ…มุมเต็มใจ…อยู่กับเด็กๆแล้วยิ้มได้มีความสุข
มากกว่าอยู่กับผู้ใหญ่ที่คิดหรือพูดอะไรเข้าใจยากน่ะค่ะ…”
อากิโกะขมวดคิ้วนิดนึงตรงท้ายประโยคก่อนจะส่งยิ้มให้น้องสะใภ้ของตน
“งั้นมุมขอตัวก่อนนะคะ…หลับฝันดีนะจ๊ะเด็กๆ…”
พันทิวาเดินกลับมายังห้องนอนอย่างเชื่องช้าราวกับอยากให้หนทาง
ที่กำลังเดินทอดยาวไปเรื่อยๆ มือบางจับลูกบิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องไป…
หากมองไปกลับไม่พบใคร…หญิงสาวจึงเดินไปยังระเบียงห้อง
กลับไม่พบพสุธนั่งอยู่ที่นั่น…พันทิวาขมวดคิ้วก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
แล้วจัดการอาบน้ำแต่งกายด้วยชุดนอนที่รัดกุม…หวีผมประแป้ง
เรียบร้อยก็ไม่พบแม้แต่เงาของพสุธ…
เธอจึงแง้มประตูห้องมองไปรอบๆก็ไม่พบใคร
หญิงสาวได้ยินเสียงรถวิ่งเข้าบ้านและเสียงอีกคันก็ตามมาติดๆ
สักครู่ ก็เห็นตามตะวันกำลังเข็นรถพาตะวันเข้ามาในบ้านโดยมีคนขับรถช่วย
พันทิวาจึงเดินลงไปช่วยอีกแรง ก่อนจะยิ้มให้กับฑยาวีย์ที่เดินขึ้นเรือนตามมาติดๆ…
“เจ้าแฝดหลับแล้วเหรอครับ…”เสียงคุณพ่อลูกสองถามเธอ
“คงจะหลับแล้วล่ะค่ะ เห็นเมื่อกี้พี่อากิกำลังอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนอยู่”
ฑยาวีย์ยิ้มบางก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของลูกรักหลังจากทักทายไถ่ถาม
พี่ชายภรรยาอย่างตะวันและตามตะวันเรื่องจิปาถะเสร็จ…
“ทานข้าวกันมาแล้วเหรอคะ…”พันทิวาถามทั้งสอง
“ค่ะ…พี่กับพี่เพลิงทานข้าวมาจากร้านสุดทางรักเรียบร้อยแล้วค่ะ
วันนี้เราไปดูงานที่บ้านต้นฝันกันมาค่ะ…”
ตามตะวันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
สักพักพยาบาลผู้ชายประจำตัวที่ตะวันจ้างมาดูแลเขาก็เดินลงมา
แล้วพาตะวันกลับเข้าห้อง พันทิวาจึงเดินมาส่งตามตะวันที่รถ
ซึ่งเจ้าของนำมาจอดทิ้งไว้เมื่อเช้า…
“ขอบใจมากนะจ๊ะที่เดินเป็นเพื่อนมาส่งพี่…ว่าแต่ดินไปไหนซะล่ะคะ
พี่ยังไม่เห็นเลย…”พันทิวาส่่ายหน้า ทำเอาตามตะวันถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
ที่สามีภรรยาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ที่ไหน…
“มุมกับเขาเราสองคนไม่เหมือนคู่ชีวิตคู่อื่นๆหรอกค่ะ…”
ตามตะวันพยักหน้าพอจะเข้าใจ ก่อนจะแตะบ่าพันทิวาเบาๆ
“ยังไงพี่ก็ขอให้เราสองคนรักกันและอยู่กินกันตลอดไปนะจ๊ะ…”
พันทิวายิ้มฝืด…ใช่เธอจะต้องการอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่…
“งั้นพี่กลับก่อนนะ…”
“ค่ะ…”รถของตามตะวันออกจากบ้านไปแล้ว หากพันทิวากลับยังไม่ยอมขึ้นเรือน
เดินทอดท่องไปยังเปลที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆสนามหญ้า…
แล้วนอนลงบนนั้น คิดโน้นคิดนี่อยู่นาน…
โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองเห็นเธอมาจากระเบียงบ้าน…
พันทิวาลุกขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำค้างที่เริ่มแรงขึ้น ก่อนจะขึ้นเรือน
ก็ไม่ลืมเด็ดดอกราตรีที่กำลังส่งกลิ่นรวยรินหอมอบอวน
แล้วดมกลิ่นของมันไปตลอดทางที่เดินขึ้นเรือนจนเข้าห้องนอน…
เสียงฝีเท้าดังจากทางด้านหลังทำให้พันทิวาหันกลับไปมอง
ก็พบสบตากับพสุธที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังเธอพอดี…
พันทิวากลืนน้ำลายลงคอ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้…
“มีความสุขมากมั้ยกับการรอปรนนิบัติคู่รักของคนอื่นน่ะ…
ไม่เห็นต้องไปยุ่งกับของๆคนอื่นเขาให้วุ่นวายเลย เขาดูแลกันเองได้อยู่แล้ว
รึลืมไปแล้วว่าหน้าที่หลักของเธอคือดูแลปรนนิบัติสามีของตนเอง…”
พันทิวากัดปากตัวเอง ก่อนจะสะกดอารมณ์ไม่ให้ตอบโต้อีกฝ่าย
ให้เรื่องบานปลายอย่างครั้งก่อนๆ เลยเลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปยังเตียงนอน
พสุธจึงคว้ามือนั้นแล้วรั้งเอาไว้ พันทิวาหันกลับก่อนจะแกะมือพสุธออก
โดยไม่ยอมสบตาเขา…
“อย่าหาเรื่องทะเลาะกันตอนดึกๆแบบนี้เลย…ฉันเหนื่อยและก็ง่วง…”
เสียงนั้นราบเรียบปนขอร้องนิดๆ…
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะรักใคร แต่ฉันเป็นสามีเธอ…”
“ฉันรู้ดี ไม่ต้องมาย้ำ…ไม่ว่าเรื่องอะไรในบ้านและบริษัทของนาย
ที่ฉันพอช่วยได้ ฉันก็ช่วยอยู่นี่ไง นายยังไม่พอใจอะไรอีก…
รึไม่พอใจที่ฉันพูดกับน้องต้นออกไปแบบนั้นเมื่อตอนกลางวัน…
ถ้านายเรียกร้องอยากให้ฉันทำหน้าที่ภรรยาให้นายอย่างสมบูรณ์แบบก็เชิญเลย
แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่านายจะไม่มีวันได้หัวใจฉันไปหรอก…
เพราะฉันไม่คิดจะให้ใครอีกแล้ว…นอกจากพี่เพลิงเท่านั้น…”
สิ้นคำพสุธคว้าร่างนั้นเข้าหา หากคราวนี้พันทิวารู้ทางเลยหลบทัน
หันไปจับโคมไฟตรงหัวเตียงขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะสู้ไม่ถอย…
“อย่าเข้ามานะ ถ้านายเข้ามาอีกนิด หัวนายแบะแน่…ฉันไม่ได้ขู่แต่เอาจริง”
พันทิวาสั่งคนที่ก้าวอาดๆมาหาเธออย่างไม่เกรงกลัว…
“บอกว่าให้ถอยออกไปไง…”พูดไม่พูดเปล่าพันทิวาปาของบนโต๊ะใส่พสุธ
ไม่ยั้งมือแต่พสุธหลบทัน เหลือแค่โคมไฟในมือที่เธอไม่กล้าปาออกไป
ด้วยความเสียดาย เพราะมันทั้งสวยและหาซื้อยาก…
พี่เพลิงซื้อให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเธอกับน้องชายของเขา…
“เอาสิ…ถ้ากล้าปาไอ้โคมไฟแสนรักของเธอใส่ฉัน ก็เชิญ…”
พสุธท้าอย่างรู้เท่าทัน…
พันทิวากัดปากมองคนตรงหน้าไม่ให้คลาดสายตา
มองหาสิ่งของบนโต๊ะที่พอจะหยุดคนตรงหน้าให้หายบ้าให้ได้
แต่ก็ไม่พบสิ่งใด เพราะเธอปาใส่เขาไปหมดแล้ว…
ตอนนี้ข้าวของตกแตกเพ่นพานบนพื้นเกลือดกลาด
พันทิวาถอยหลังก้าวพลาดจนแทบล้มหายหลังลงไปกระแทกขอบโต๊ะ
หากพสุธไม่เข้าไปคว้าร่างนั้นเอาไว้ได้เสียก่อน…
“คราวนี้…ยังคิดที่จะทำร้ายฉันอีกรึเปล่า…เขาบอกให้ทุกข์แกท่านทุกข์นั้นถึงตัว…”
พสุธพูดชิดริมฝีปากบางก่อนจะคว้าโคมไฟในมือพันทิวามาไว้ในมือแทน…
แล้วผละออกจากพันทิวา
“อย่านะ…”พันทิวาร้องห้ามเมื่อพสุธยกโคมไฟขึ้นหมายจะปาลงพื้น
“หวงเหรอ…”ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทหญิงสาว
ที่กำลังจะออกอาการเต้นเร่า ก่อนจะล้วงมือหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง
ออกมาโชว์ให้พันทิวาดูแล้วถามด้วยรอยยิ้มเป็นต่อว่า
“แล้วนี่ล่ะ…หวงด้วยรึเปล่า…”พันทิวามองกิ๊บติดผมที่พี่เพลิงเคยให้เธอ
เป็นของขวัญเมื่อตอนเด็กๆ เธอเก็บมันมาตลอด จนไม่นานมานี้นี่เองที่มันหายไป
หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ที่คนตรงหน้า
“นายเอามาได้ยังไง…”พสุธยิ้มที่มุมปาก…
“ฉันเอามันมาได้ก็แล้วกัน…”พันทิวาก้าวเข้ามาเพื่อแย่งของสิ่งนั้นคืน
หากพสุธรู้ทันชูของในมือขึ้นสุดมือ พันทิวาจึงเอื้อมเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึง
“เอาคืนมานะ…”เสียงนั้นสั่งด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ
“แปลกเนอะ ของรักของหวงขนาดนี้แต่ดันทำตกจนไปตกอยู่ในมือคนอื่นได้
คิดเหรอว่าฉันจะให้เธอคืน…แล้วคิดเหรอว่าพี่ตามเขาจะยกพ่ีเพลิงให้กับเธอน่ะ…”
พันทิวาหยุดคว้าของในมือพสุธทันที แล้วหันไปจ้องเขาแทน
“เลิกหาเรื่องกันสักทีได้มั้ย…ขอร้องล่ะ เอามันคืนมาให้ฉันเถอะ…”
พสุธมองแววตาที่อ้อนวอนขอของในมือเขาคืน
“มันสำคัญกับเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ…ถ้าอยากได้คืนก็หอมแก้มฉันก่อนสิ…”
พันทิวากัดฟันข่มอารมณ์โกรธที่กำลังเดือดปุดๆ
“ว่าไง…ไม่อยากได้คืนเหรอ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ขู่แต่ทำจริง…”
พันทิวาจึงเขย่งปลายเท้าแล้วหอมแก้มพสุธอย่างว่าง่าย…
ก่อนจะก้มลงมองพื้นไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วยความกระดากอาย
“เอาคืนมาสิ…”
“ยัง…จูบปากฉันด้วย…”
พันทิวาช้อนตามองคนพูดด้วยสีหน้าโกรธจัด
นี่เขาต่อรองเธอมากเกินไปแล้ว…
“ว่าไง…หรืออยากให้ฉันหักมันด้วยมือของฉันเอง…”
แววตาจริงจังทำให้พันทิวามองกิ๊บติดผมในมือเขาด้วยแววตาเสียดาย…
เธอรักและผูกพันกับกิ๊บอันนั้นมาก…และดีใจที่สุดที่ได้เห็นมันอีกครั้ง
หลังจากที่มันหายไปหลายเดือน…
พันทิวาจึงค่อยๆเขย่งปลายเท้าแล้วเตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของพสุธเบาๆ
แล้วรีบชักตัวกลับ…พสุธกระตุกมุมปากนิดนึงราวกับหยันใครหรือสิ่งใดก็มิอาจหยั่งรู้ได้…
“ไหนล่ะ…”พันทิวาแบมือขอสิ่งที่ต้องการ…
หากพสุธกลับทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง
เขาปาโคมไฟในมือลงไปบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นก็ใช้มือที่แข็งแรงหักกิ๊บนั้นจนงอเสียรูป ก่อนจะโยนมันทิ้งไปทางหน้าต่างห้อง…
พันทิวามองตามทิศทางที่กิ๊บนั้นถูกโยนทิ้งไป
แล้วหันมามองพสุธด้วยแววตาแวววับ กำหมัดแน่น กัดฟันจนได้ยินเสียง
ก่อนจะกระโจนเข้าใส่พสุธ ทั้งเตะทั้งต่อย และชกเขาพัลวัลด้วยโทสะ
เมื่อโทสะกับโทสะเจอกัน จึงมีแต่จะพินาศย่อยยับกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้นเอง
พสุธเองพยายามหลบหมัดหญิงสาวที่กราดเข้าใส่ไม่ยั้งมือ
“ฉันเริ่มหมดความอดทนกับคนอย่างนายแล้วนะ…”
พันทิวาต่อว่าอีกฝ่ายเสียงดังลั่น พยายามแกะมือที่เขาโอบเธอ
จากทางด้านหลังเอาไว้ออก
“คิดว่ามีแค่เธอเหรอที่ทนอยู่ฝ่ายเดียว…ฉันก็หมดความอดทน
กับคนหัวดื้อหัวแข็งอย่างเธอแล้วเหมือนกัน…”
“ฉันเกลียดนาย ได้ยินมั้ยว่่าเกลียด…ปล่อยนะปล่อย…”พันทิวาดิ้นรนอย่่างบ้าคลั่ง
“เธอมันบ้าไปแล้วแมงมุม…”พสุธพยายามรั้งร่างนั้นให้หายคลั่ง
“นายนั่นแหล่ะบ้า…รู้ก็รู้ว่าฉันหวง แล้วนายทำแบบนั้นทำไม…ทำทำไมเล่า
ฉันเกลียดนาย…เกลียด…”ถ้อยคำที่กรีดลงบนหัวใจทำให้คนฟังเริ่มทนไม่ไหวเช่นกัน
จึงเหวี่ยงร่างนั้นลงบนเบาะอย่างไม่แยแสก่อนจะตามติดและคร่อมร่างนั้น
จับแขนทั้งสองตรึงไว้กับเบาะอย่างแน่นหนา
“เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ…งั้นก็เกลียดให้หมดหัวใจ
เกลียดให้ถึงที่สุดไปเลย…”
พูดจบก็ก้มลงจูบหญิงสาวด้วยแรงโทสะ
…เขาอุตส่าห์รักเธอ…แต่ดูสิ่งที่เธอตอบแทนเขาสิ…
เธอให้เขากลับมาแค่คำว่า เกลียด
มองเขาเหมือนเขาเป็นแค่ตัวอะไร
แล้วมองพี่ชายของเขาด้วยสายตาเทิดทูนเอาไว้เหนือหัว
มันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยได้จากเธอเลยสักครั้งเดียว…
ขนาดแต่งงานกันแล้วเธอก็ยังไม่เลิกมองพี่ชายของเขาแบบนั้นอีก…
แถมยังปรนนิบัติพัดวีให้อย่่างรักใคร่ห่วงใย…จะมีสามีที่ไหนทนไหว…
…ในเมื่อไม่ได้ความรักจากเธอก็ขอแค่ได้คำว่าสามีอย่างเต็มตัวก็แล้วกัน…
“ปล่อยนะ…ปล่อย…ฉันขยะแขยงคนอย่างนายได้ยินมั้ย...”
พันทิวาพยายามหลบหลีกพลิกตัวหนีชายหนุ่ม
จนเสียงเอะอะจากการตะลุมบอนของคนทั้งสองตั้งแต่ต้น
จนกระทั่งถึงตอนนี้ได้ยินไปถึงหูของคนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ
ทำให้ตะวันตกใจลุกขึ้นนั่ง ให้พยาบาลที่นอนเฝ้าพาไปดู
ว่าเกิดเหตุอะไรในห้องน้องชาย เพราะเขาได้ยินเสียงปาข้าวของ
และเสียงทะเลาะกันดังลั่นห้อง…เกรงว่าจะมีใครเป็นอะไรไป
ด้วยความเป็นห่วงตะวันจึงเคาะประตูเรียกคนในห้อง
“ดิน…เปิดประตูให้พี่หน่อยดิน…”
พสุธผงกศีรษะขึ้นนิดนึง
แล้วทำเป็นหูทวนลมก้มลงซุกจมูกไปตามซอกคอของพันทิวา
“พี่เพลิง…ช่วยมุมด้วย…”
พันทิวาตะโกนเรียกคนที่อยู่หน้าประตูให้ช่วยเธอทันที…
“ดิน…เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้นะดิน อย่าทำอะไรบ้าๆนะดิน…”
ตะวันร้องเรียกน้องชาย เพราะได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเหลือของพันทิวา
หากพสุธกลับไม่สนใจ ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องได้เธอ!!!
เขาจะทำให้ม้าพยศตัวนี้ยอมสิโรราบคาบแก้วให้กับเขาให้จงได้...
ต่อให้ต้องยัดเยียดสิ่งที่ปากของเธอบอกว่ารังเกียจและขยะแขยงก็ตาม!!!
อยากจะเกลียดกันต่อจากนี้ก็เชิญเลย ในเมื่อไม่มีวันจะรักเขาอยู่แล้วนี่
“ไอ้คนชั่ว ไอ้คนเลว คนมักมาก...”พสุธบีบปากคนพูดด้วยแววตาดุดันก่อนตะคอกใส่
“คนชั่วคนเลวคนนี้น่ะผัวเธอ…จำไว้ให้ขึ้นใจ…
แล้วคราวหน้าคราวหลังก็ไม่ต้องไปขอให้เด็กช่วยบอกให้พี่เพลิง
มาเสกลูกเข้าท้องให้เธออีก เพราะฉันเองก็ทำได้ไม่แพ้พี่เพลิงหรอก…
แถมยังมีสิทธิ์โดยชอบธรรมมากกว่่าพี่เพลิง…ที่เธอทั้งรักทั้งหลง
อยากได้กี่คน บอกฉัน ขอร้องฉันนี่…”
พสุธพูดพลางกดหญิงสาวไว้กับเตียงไม่ให้ดิ้นหลุด พันทิวาโกรธจัด
จนอยากจะตบเขาให้หน้าหันสักร้อยครั้งพันครั้งกับวาจาหยาบคายนั่น
“…ปล่อยนะ…ปล่อย…พี่เพลิง…ช่วย…”
ไม่ทันพูดจบพสุธก็หุบปากนั้นลงด้วยจุมพิตของเขา
ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วคว้าร่างที่กำลังจะติดปีกหนี
กลับมากอดแล้วตรึงลงบนเตียงอีกครั้ง…
แล้วปลดเสื้อผ้าของพันทิวาออกทีละชิ้น
หลังจากนั้นก็พาเธอออกเดินทางไปสู่ดินแดนที่หญิงสาว
มิเคยพบพานมาก่อนในชีวิตของลูกผู้หญิงที่อยู่ในกรอบของศาสนามาตลอด…
หญิงสาวผู้ที่ยังมิเคยผ่าน ยังไร้ราคีผ่าน ไม่เคยรู้การกามโลกีย์
จึงต้องพลีกายให้กับชายที่เย้ายวนวาจาเว้าวอนสอนวิชาความรู้ด้านนี้ให้กับเธอ
จนเธอไม่อาจต้านทานพลังเสน่หานั้นได้อีกต่อไป…
“ดิน…ดิน…”
ตะวันมองประตูห้องที่ตอนนี้เสียงทะเลาะดังลั่นในห้องได้เงียบลงไปแล้ว…
มือที่กำลังเคาะประตูอยู่จึงหยุดลงในบัดดล…
อากิโกะกับฑยาวีย์ที่ได้ยินเสียงแว่วๆดังจากข้างนอกเลยออกมาดู
ก็พบกับพี่ชายคนโตกำลังนั่งรถเข็นโดยมีพยาบาลยืนอยู่ข้างๆหน้าห้องของน้องชายคนเล็ก…
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่เพลิง…”อากิโกะถามพี่ชายด้วยสีหน้ากังวล
พลางมองไปยังประตูห้องของน้องชาย ตะวันหันมามองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก…ไปนอนกันเถอะ…”
คนพูดหันไปพยักพเยิดกับพยาบาลส่วนตัวของตนแล้วเข็นรถเข้าห้องไป…
อากิโกะหันมามองหน้าสามีแล้วยักไหล่…
ฑยาวีย์จึงโอบเอวภรรยาพากลับเข้าห้องของตน…
พันทิวามองเพดานห้อง หมดปัญญาดิ้นรน จนต้องตกเป็นของเขา
เธอไม่เคยแพ้พ่ายต่อใครจนหมดสภาพเช่นนี้มาก่อน…
เขาคงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่เอาชนะเธอได้สินะ…
พันทิวาปาดน้ำตาที่อยู่ตรงหางตาทิ้ง
ความเจ็บปวดทางร่างกายยังคงมิได้จางหาย…
ส่วนความเจ็บปวดทางใจ ตอนนี้บาดแผลมันยังรู้สึกชามากกว่าจะเจ็บ
พสุธผงกศีรษะแล้วตะแคงข้างเอามือเท้าศีรษะก้มลงหอมแก้มพันทิวา
ระเรื่อยจนถึงบ่าและลำแขนนวลเนียนก่อนจะสวมกอดหลวมๆ
โดยที่พันทิวามิได้ขัดขืนแต่อย่างใด…
ใจเขาหล่นหายเมื่อเห็นแววตาเลื่อนลอยไร้แววของเธอ…
…เธอคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแล้ว…ถึงได้ไม่ยอมสบตาเขา
ไม่ยอมพูดกับเขาแบบนี้…แม้แต่เสียงร้องก็ไม่มีให้ได้ยิน…
นอกจากน้ำตาเท่่าน้ันที่เป็นสื่อบอกเขาถึงความเจ็บปวดของเธอ
“ฉัน…รักเธอ…แมงมุมของฉัน…”พันทิวาน้ำตาร่วงพรู
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบข้างๆหูเธอ หญิงสาวจึงตะแคงข้างหันหลังให้เขา
หากพสุธก็ยังคงกอดเธอเอาจากทางด้านหลังแน่น…
“เธอจะเกลียดฉัน…ก็ไม่เป็นไร…ตามใจเธอ….
แต่ฉันรักเธอ…รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กว่าจะรู้ก็รักเธอไปแล้ว…
รักจนทนมองเห็นเธอรักพี่เพลิงไม่ได้…”
พันทิวาลุกขึ้นนั่ง เท้าวางไว้บนพื้น หันหลังให้พสุธ
แล้วหยิบชุดนอนตัวยาวขึ้นมาสวม กล่าวกับเขาเบาๆ
ก่อนจะลุกเดินเลี่ยงข้าวของที่ตกเรี่ยราดตามพื้นห้อง
รวมทั้งระวังเศษแก้วตำเท้าตลอดทางไปยังห้องน้ำว่า…
“คนอย่างนาย…รักใครไม่เป็นหรอก…อย่าพูดว่ารักให้เปลืองน้ำลายเลย…”
พสุธมองเรือนร่างของภรรยาของตัวเองที่เดินไปยังห้องน้ำ
ด้วยแววตาเจ็บปวด…เจ็บแปลบไปทั้งใจ…
ทำไมเขาจะรักใครไม่เป็น ห่วงใครไม่เป็น…เธอเอาอะไรมาวัด
เธอเอามาตรฐานอะไรมาตัดสินคำว่ารักของเขา…
พันทิวาออกจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำถูตัวเอารอยราคีคาวออกอยู่เป็นชั่วโมง
ก็พบว่าห้องที่เคยเกลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของบัดนี้กลับมาสะอาดตาดังเดิม
โดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องอีกคนหายไปไหน
“ช่างสิ…จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย…”
พันทิวาปาดน้ำตาที่อยู่ๆก็ไหลออกมาอีกแล้วอย่างเซ็งๆ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอกับเขาต้องมาพบกัน
ไม่เคยคิดอยากที่จะผูกพันกับเขา ไม่เคยนึกฝัน…
แต่แล้วก็ต้องมีเขามาอยู่ข้างๆ เปลี่ยนโลกทั้งใบของเธอไปไม่เหมือนเดิม…
เขาทำอย่างนี้กับเธอได้อย่างไร เธอไม่น่าหลวมตัวแต่งงานกับคนอย่างเขาเลย
ไม่น่าพาตัวและหัวใจมาติดหลุมพรางของเขาเลย...ไม่น่าเลย...
พันทิวาทรุดเข่่าลงนั่งพับเพียบบนพื้นห้อง ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นนิ่งนาน
…เจ็บกายนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บที่ใจนี่สิ…ทั้งเจ็บทั้งอาย
พี่เพลิงและใครๆในบ้านต่างก็รู้กันหมดแล้ว
เขาไม่เคยแคร์เธอ ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย
แล้วจะให้เธอรักผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร…
เขาบอกว่ารักเธอได้อย่างไร...คนรักกันเขาทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร...
พสุธยืนมองภาพนั้นอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่นาน…
ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าไปกอดเธออย่างที่ทำก่อนหน้านี้…
แต่เมื่อเห็นพันทิวาลุกขึ้นเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋า
ชายหนุ่มจึงทนดูไม่ได้ รีบวิ่งเข้ามาห้ามและยึดกระเป๋าเดินทางเอาไว้
“เอามานี่นะ…”พันทิวาตวาดลั่นห้องแล้วพยายามแย่งยื้อกระเป๋าคืน
แต่ด้วยร่างกายที่ยังคงปวดหนึบอยู่ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
ร่างสูงโปร่งถึงกับเซ พสุธรีบคว้าเอาไว้ได้ทัน…
ก่อนจะฉวยโอกาสอุ้มเธอขึ้นแล้ววางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ…
หยดเลือดที่เปื้อนผ้าปูที่นอนนั้นเตะตาชายหนุ่ม
…แน่นอน เขารู้ดีว่าภรรยาของเขายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเขาเป็นคนแรกของเธอ…
เมื่อครู่คือครั้งแรกของเธอที่เขาเผลอตัวทำรุนแรงออกไปโดยไม่ทันยั้งใจ…
“อย่าไปเลยนะ ฉันขอร้อง…”น้ำเสียงนุ่มๆกับแววตาอ้อนวอนนั้น
ทำให้พันทิวานอนนิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตานั่น
“อยู่กับฉันที่นี่เถอะนะ…ฉันขอโทษ…ขอโทษ…”
“แต่ฉันอาย…ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…”
พสุธลอบยิ้มกับกริยาท่าทางและแก้มแดงๆของคนพูดที่ไม่ยอมสบตาเขา…
“ไม่เห็นต้องอายเลย…ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าเธอกับฉันแต่งงานกันแล้ว…
หรือว่าอายพี่เพลิง…”
เสียงนิ่มๆในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแข็งๆนิดๆในตอนท้าย
ทำให้พันทิวาหันกลับมามองหน้าคนพูดที่ก้มลงมาใกล้เธอเพียงนิด…
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันมีผลต่อหัวจิตหัวใจเธอได้ขนาดนี้เลยหรือ
เธอไม่เคยรู้เลยว่า มันจะมีอิทธิพลต่อเธอ ขนาดทำให้อะไรๆในกาย
และใจเปลี่ยนไป...มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ...
หัวใจเธอเต้นแรงยามที่อยู่ใกล้เขาเช่นยามนี้..
.ความรู้สึกที่มีต่อเขาทำไมมันดูจะไม่เหมือนเดิม...
มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจเธอกันแน่...
“เลิกรักพี่เพลิงแล้วหันมารักฉันแทนได้มั้ย…”
เสียงนั้นราวกับขอร้องปนอ้อนวอน…จนพันทิวาสบตาคมที่จ้องมองมาด้วยความสับสน
ก่อนจะส่ายหน้าไปมาบนหมอนนุ่ม
“ฉันไม่แน่ใจ…”
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอจะขอเวลา…ฉันไม่รีบ…ขอเพียงให้เธออยู่กับฉันที่นี่
ฉันจะทำให้เธอรักฉันเอง…”
พสุธยิ้มให้พันทิวาก่อนจะผละออกแล้วดึงผ้ามาห่มกายเธอ
ก่อนจะเดินอ้อมเตียงขึ้นไปนอนอีกฟากแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้
สวมกอดพันทิวาเอาไว้หลวมๆ
หญิงสาวขัดขืนในตอนแรก แต่ก็ต้องยอมจำนน
เมื่อพสุธหอมแก้มเธอฟอดใหญ่พลางกล่าวว่า
“หลับกันเถอะ…ไม่เหนื่อยบ้างรึไง…ฮึ…”
เท่านั้นพันทิวาก็หันหลังให้คนพูดด้วยความเขินอาย
พสุธจึงโอบกอดเธอทางด้านหลังเอาไว้
แล้วเกยศีรษะกับหมอนใบเดียวที่เธอหนุนอยู่…
“หลับฝันดีนะครับ…”น้ำเสียงนุ่มๆที่พันทิวาไม่เคยได้ยินจากปากของเขามาก่อน
ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกๆในหัวใจขึ้นมา…
“อย่าลืมฝันถึงกันด้วยนะ…”อีกครั้งที่น้ำเสียงนั้นทำพันทิวาหวั่นไหว
เธอไม่เคยรู้สีกแปลกๆแบบนี้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต
แม้แต่พี่เพลิงเธอก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้
…ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรหนอ…
คิดไปคิดมา หญิงสาวก็ค่อยๆเผลอหลับไป เสียงที่เงียบไปของทั้งสอง
ทำให้ตะวันที่นอนอยู่ห้องข้างถึงกับโล่งอกที่ศึกระหว่างน้องชายกับน้องสะใภ้
ลงเอยได้โดยไม่มีการขนข้าวของหนีออกจากบ้านยามวิกาล…
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเกรงๆอยู่ว่าน้องชายจะเอาพันทิวาไว้ไม่อยู่
เพราะเธอทั้งดื้อทั้งหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้ใครง่่ายๆ
แต่ก็น่าเหลือเชื่ออีกเช่นเคย…เจ้าดินน้องชายสามารถทำให้แมงมุมแสนซน
จนมุมไม่หนีไปไหนได้…
เขาจึงเริ่มแน่ใจว่าพันทิวาต้องมีใจให้น้องชายของเขาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
มิเช่นนั้นคงไม่ยอมอ่อนให้ง่ายๆอย่างที่เป็นอยู่
…หากเจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าเท่านั้นเอง…
“แกว่าไงถ้าฉันจะขอทำเรื่องย้ายลงไปทำงานที่กระบี่…”
ปองขวัญถามความเห็นจากเพื่อนสนิท
ขณะที่นั่งมองเพื่อนกำลังเย็บชุดแต่งงานอยู่
“ก็ดีอ่ะสิ…แกจะได้กลับไปอยู่ดูแลพ่อกับแม่ไง
อีกอย่างแกกับพี่ลมจะได้อยู่ใกล้กันด้วย…แต่งงานกันไปจะได้ไม่ยุ่งยาก…”
ท้ายประโยคสิ้นรักยิ้มให้เพื่อนด้วยแววตาหยอกเอิน ทำเอาปองขวัญหน้าแดงเถือก
“พี่ลมคงคิดการณ์ไกล เลยไปตั้งบริษัททัวร์ที่บ้านเกิดแกพอดิบพอดีตั้งแต่เรียนจบเนอะ…
นี่ก็นานเกินไปแล้วด้วย แกก็รีบๆตกลงปลงใจซะทีสิ อย่าปล่อยให้พี่ลมรอนานนัก
เดี๋ยวก็โดนมือดีมาฉกไปหรอก พี่ลมไม่ใช่คนขี้เหร่อยู่ด้วย หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล
คุณงามความดีก็แสนจะมีครบ แกจะหาผู้ชายแบบนี้ได้ที่ไหนอีก…”
สิ้นรักสาธยายถึงคุณสมบัติของอดีตพี่รหัสให้เพื่อนฟังเผื่อจะช่วยให้ปองขวัญ
เลิกเล่นตัวยอมตกลงแต่งงานกับอดีตพี่รหัสของเธอไปสักที
“ก็กำลังรอแกกับพี่รังอยู่นี่ไง…”
“โอ้ย…อย่ารอฉันกับพี่รังเลย…ตอนนี้แม่จงอางยังไม่ยอมเปิดทางให้
จะแต่งงานได้ยังไงล่ะ…”ปองขวัญยิ้มแหย
“ใช่สินะ…แล้วทำไมแกไม่ลงไปทำคะแนนบ้างล่ะ ปล่อยไว้นานๆ
ระวังจะโดนฉกไปเหมือนกันนะ…คนดีๆและแสนจะสมบูรณ์แบบอย่างพี่รังน่ะ
ไม่ได้หาง่ายๆเหมือนกัน…ถ้าแกปล่อยให้หลุดมือไป ฉันว่าแกโง่และเซ่อที่สุด…”
สิ้นรักอมยิ้มให้กับเพื่อนรักที่เข้าใจตอกกลับ…
“ดูภายนอกน่ะ พี่รังก็ดูดีไปหมดอย่างแกว่านั่นแหล่ะ
แต่ถ้าใครไม่ลองมาคบดูอย่างฉัน คงไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องเผชิญอยู่หรอก…
มิใช่ว่าฉันจะกลัวการแต่งงานนะไอ้ปอง…
ฉันพร้อมจะแต่งงานกับพี่รังทุกเมื่อ ขอแค่แม่ของพี่รังจะไม่รังเกียจฉัน
เพียงแต่ฉันแน่ใจว่าชีวิตหลังแต่งงานของฉันคงไม่ราบรื่นเท่าไหร่หรอก
เพราะขนาดเรื่องที่เขาหายตัวไปคราวนั้น จนบัดนี้เขาก็ไม่ยอมเปิดปาก
เล่าอะไรให้ฉันฟังบ้างเลย…คนเรารักกันและพร้อมจะเดินไปด้วยกัน
แต่ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจกัน ฉันว่ามันดูแปลกๆอยู่นะปอง…”
“แกก็คิดมาก พี่รังคงไม่อยากให้แกไม่สบายใจน่ะสิ…
ความจริง แกก็ไม่น่าคิดมากเรื่องนั้นเลย…”สิ้นรักลอบถอนใจ
ก่อนจะยิ้มให้เพื่อน
“ฉันรักพี่รัง อย่างไรฉันก็คงต้องรักไปอย่างนี้แหล่ะแก
พี่รังจะเป็นอย่างไร ฉันก็คงต้องยอมรับให้ได้…ก็คนมันรักนี่นา ให้ทำไงเนอะ…”
ปองขวัญแตะหลังมือเพื่อนเบาๆเป็นการปลอบใจ
เพราะรู้ดีว่ารังสิมันต์อดีตพี่รหัสของเธอนั้นเป็นคนที่อ่านใจยาก
แทบเดาความคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร…
จนบางครั้งยิ่งคบกันก็ยิ่งเหมือนไม่รู้จักกัน…
เธอเข้าใจหัวอกเพื่อนรัก หากก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจ นั่นคือหัวใจของพี่รัง…
ที่เมื่อรักใครแล้วก็จะรักอย่างมั่นคง แน่วแน่
มิเช่นนั้น จะอยู่เป็นโสดมาจนบัดนี้ได้หรือ ทั้งๆที่หน้าตา ฐานะ
ชาติตระกูลก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร…มีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ
สติปัญญาก็แสนจะปราดเปรื่อง…ถ้ามิใช่เพราะพี่รังเป็นคนที่จริงจัง
กับเรื่องความรักแล้วล่ะก็ ป่านนี้คงมีแฟนไปแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน
อาจเป็นเพราะพี่รังเป็นคนเคร่งศาสนา จึงมิยอมปล่อยใจไปตามกิเลสมากมาย
อย่างหลายๆคนที่เธอเจอะเจอ…
“ว่าแต่แกจะทำเรื่องย้ายกลับบ้านเมื่อไหร่เหรอ…”
“คงจะย้ายได้ประมาณเดือนหน้าน่ะ…”
“ยินดีด้วยนะ…ที่เรื่องทุกอย่างลงเอยได้ด้วยดี…ว่าแต่แกยังเจอ
อะไรๆที่เคยเจออยู่อีกรึเปล่า…”ปองขวัญส่ายหน้า
“ตั้งแต่กลับจากไปพบแม่นมของแกมา ฉันก็ไม่เจออีกเลย…
พระเจ้าจะอยู่กับเรา และคอยคุ้มครองเราเสมอ…”
สิ้นรักยิ้มกว้าง วางมือจากงานที่ทำแล้วกุมมือเพื่อนเอาไว้แน่น
“หวังว่าแกจะให้อภัยตัวเองได้แล้วนะ…”ปองขวัญพยักหน้า
“ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเลยล่ะ…ตั้งแต่ที่พวกเราได้ทำบุญ
ให้กับอนงค์และลูกของอนงค์…”สิ้นรักมองสีหน้าแววตาของเพื่อน
ที่ดูอ่ิมเอิบขึ้นก็รู้ว่าเพื่อนมีความสุขกายสบายใจดี
“อีกอย่าง…ฉันคงไม่ต้องห่วงพี่ตามมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
เดี๋ยวนี้พี่ตามดูมีความสุข ยิ้มได้ อารมณ์ดี…และอีกไม่นาน
ฉันก็หวังว่าพี่ตามจะได้แต่งงานกับคนที่รักอย่างพี่เพลิงสักที…
กิจการทางนี้ก็มีพี่ปุ๊คอยช่วยเหลือดูแลอยู่แล้ว
กลับบ้านคราวนี้ ฉันก็อยากใช้เวลาอยู่ดูแลพ่อกับแม่ให้เต็มที่
ท่านเองก็คงอยากให้ลูกๆกลับไปอยู่ใกล้ๆ ดูแลท่านยามแก่เฒ่าด้วยล่ะ…
พี่ลมเองก็แวะเวียนไปเยี่ยมเยือนท่่านตลอด
แม่ยังพูดให้ฟังอยู่เรื่อยเวลาคุยโทรศัพท์กัน…”ปองขวัญเล่าให้สิ้นรักฟัง
ด้วยแววตาสุขใจไร้กังวล จนเพื่อนอดยินดีด้วยไม่ได้
“ก็ดีแล้ว อะไรๆดูลงตัวอย่างนี้ ฉันว่านี่แหล่ะฤกษ์ดีที่แกควรจะ
ลงจากคานน้อย คอยรักซ้ากกกกกที…”ปองขวัญยิ้มขันกับถ้อยคำนั้น
“ฉันเองก็เพิ่งจะได้สัมผัสกับความลงตัวในชีวิตเป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนต้องทำทุกอย่างไปตามความเหมาะสม ไม่ค่อยได้ทำอะไร
ตามใจตนเองสักเท่าไหร่…ช่วงนี้เลยรู้สึกว่าทำอะไรแล้วแสนจะง่ายดายไปหมด…
มองเห็นอะไรแจ่มชัดขึ้น…”
“แกควรจะขอบคุณพระเจ้า…”ปองขวัญยกมืออีกข้างของตนวางบนมือของส้ินรักแล้วยิ้มให้
“และก็ต้องขอบใจเพื่อนดีๆอย่างแกด้วย…ฉันดีใจนะที่แกกลับมา
แกทำให้ฉันมีความสุข…ถ้าแกไม่กลับมา ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะยิ้มได้
มีความสุขอย่างวันนี้รึเปล่า…แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน…”
“แกก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันมีเหมือนกัน…เพื่อนก็ต้องไม่ทิ้งเพื่อนสิ
อย่างไรฉันก็ต้องกลับมาหาเพื่อนอย่างแกอยู่แล้ว
ขอให้แกจำไว้ว่าไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ใดในโลกนี้
แล้วแกหาฉันไม่เจอ…ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ ขอให้แกรู้เอาไว้ว่า
ฉันจะกลับมาหาแกในสักวัน…แกจะยังคงมีฉันเสมอ…”
“แกพูดเหมือนแกจะไปไหนงั้นแหล่ะ…”
“ฉันก็พูดเอาไว้…อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน…แต่ที่แน่นอนก็คือฉันรักแกนะ…”
“ฉันก็รักแก…”ปองขวัญยิ้มกว้างแล้วกอดสิ้นรักเอาไว้แนบแน่น
“ฉันดีใจที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ครั้งนั้นที่เราจากกัน ฉันยังคงเฝ้าคอยแกกลับมาตลอด…
แกก็อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกล่ะ…”สิ้นรักยิ้มกว้างให้เพื่อนรัก
“ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาทุกครั้งที่แกต้องการ…ขอให้แกบอกมา
ฉันจะไปหา…จะไม่ทิ้งแกไปไหน…ถ้า…”
“ถ้าอะไร…”
“ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่…”ปองขวัญน้ำตารื้นทันทีกับถ้อยคำนั้น
“แกพูดเหมือนอนงค์…อนงค์ก็เคยบอกเอาไว้อย่างนั้น…แกกำลังทำให้ฉันกลัว…”
สิ้นรักหัวเราะขันกับสีหน้าท่าทางของเพื่อน
“แกคงจะลืมไปแล้วว่า คำพูดที่ฉันพูดกับแกไปทั้งหมดน่ะ
แก ฉัน และอนงค์ เราสามคนเคยให้คำมั่นสัญญาต่อกันอย่างนั้น…”
ปองขวัญยิ้มเก้อทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนั้น
“เออ…ใช่ด้วย…นี่แกยังไม่ลืมคำมั่นสัญญานั่นอีกหรือ”
“จะลืมได้ยังไง ถ้าลืมแล้วฉันจะกลับมาหาแกทำไม อยู่ญี่ปุ่นก็สบายดีอยู่แล้ว…
ไม่ค่อยมีเรื่องให้ปวดหัวเหมือนอยู่ที่นี่เลย…
ที่ฉันกลับมาเพราะมาตามคำมั่นสัญญาและมาทวงสัญญา…”
“ทวงสัญญา?”ปองขวัญเลิกคิ้วสูง
“ใช่…ฉันมาทวงสัญญาใจจากพี่รัง…”ปองขวัญยิ้มอย่างเข้าใจ
“ฉันกับพี่รังเราเคยเล่นแต่งงานกันเมื่อตอนเด็กๆ…
เราสัญญากันว่าจะรักจะครองคู่กันตลอดไป…จะไม่ลืมกัน…
ฉันเคยทำผิดสัญญา เพราะฉันลืมพี่รังไปหลายปี
กว่าความจำจะกลับมา กว่าจะจำพี่รังได้ พ่อบันก็จัดการส่งฉันไปญี่ปุ่นแล้ว…
กลับมาคราวนี้ ฉันเลยกะจะมาทวงสัญญาใจที่เด็กชายรังสิมันต์
เคยให้ไว้กับเด็กหญิงสิ้นรักไง…แกว่ามันดูตลกไปมั้ย…”
สิ้นรักถามเพื่อนด้วยรอยยิ้มขัน ปองขวัญส่่ายหัวไหวๆก่อนจะถามแบบขำขันออกไปว่า
“ว่าแต่ตอนทำพิธีน่ะ มีใครรับรู้บ้างล่ะ…”
“นายรักไง…”
“แสดงว่าพิธียังไม่สมบูรณ์ เพราะขาดพ่อบันกับพยานอีกคน…”
“นั่นแหล่ะ…ฉันถึงต้องกลับมาทำพิธีให้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ไงแก…”
“แกนี่มึนจริงๆไอ้สิ้น…”ปองขวัญส่ายหน้าไหวๆมองเพื่อนอย่างขำๆ
“ถึงจะมีน แต่ฉันเอาจริง ทำจริงนะแก…คอยดูสิ…เคลียร์งานทางนี้เสร็จ
ฉันจะบุกดงจงอางแล้วเอาไข่มาครอบครองให้ได้เชียว…”
“แล้วเมื่อไหร่จะเคลียร์เสร็จ…ฉันเห็นแกเคลียร์มาเป็นเดือนๆแล้วนา…”
“ใกล้แล้วล่ะ เหลืออีกสองงานก็เสร็จแล้ว หลังจากนี้จะปิดจ๊อบชั่วคราว
ถ้าเกิดฉันได้แต่งงานขึ้นมาจริงๆ ฉันคงต้องลงไปอยู่ที่ใต้ เปิดสาขาใหม่
งานทางนี้ก็ยกให้พี่เริศสานต่อ…เพราะฉันอยากอยู่ใกล้ๆพี่รัง
อีกอย่าง แม่แพรว ฉันหมายถึงแม่ของพี่รังก็ยังไม่มีใครคอยดูแล
ถ้าแต่งงานกับพี่รังไป ฉันก็อยากอยู่ดูแลแม่ของพี่รัง…
ท่านอายุมากแล้ว…ควรจะมีลูกๆคอยอยู่เคียงข้าง เพราะนายรักเองคงยาก
งานทางนี้มีมากเกินกว่าจะลงไปช่วยดูแลท่่านได้…
คงจะมีแต่พี่รังที่งานการอยู่ใกล้ท่านที่สุด…จะเอาใจท่านยากแค่ไหน
ฉันก็ต้องสู้ ความพยายามอยู่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น
แกเคยได้ยินมั้ยไอ้ปอง…”ปองขวัญฟังเพื่อนบรรยายแผนผังชีวิต
ให้ฟังเป็นฉากๆแล้วแอบขำไม่ได้กับท้ายประโยค…
“ฉันเคยได้ยินแต่ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น…”
“แหม…แกก็เชยไปได้…เดี๋ยวนี้ความพยายามอยู่ที่ไหน
ใช่ว่าความสำเร็จจะอยู่ที่นั่นเสมอไปนี่…ฮ่าๆๆ”
“แกนี่พูดเหมือนแช่งตัวเองนะเนี่ย…”
“แช่งที่ไหน…ฉันปลอบใจตัวเองเผื่อไม่สำเร็จไว้ไงแก…
แกก็รู้ว่าฉันเป็นนักสู้ผู้มีความพยายามเป็นเลิศ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จทุกเรื่องนี่…
ล้มไม่เป็นท่ามาก็หลายเรื่องอยู่…เรื่องแต่งงานกับพี่รังนี่ก็น่าหวั่นอยู่ไม่น้อย
แกจะไม่ให้ฉันเผื่อใจไว้เจ็บบ้างเลยเหรอ…ฉันเคยเจ็บปางตาย
เพราะครอบครัวพี่รังมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้ซ้ำรอยเดิมอีกแล้วล่ะแก…”
แววตามาดมั่นนั้นทำให้ปองขวัญมั่นใจ
ว่าเพื่อนรักคนนี้จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้
หากล้มลง เพื่อนเธอคงเอาชีวิตรอดกลับมาได้
“ถ้าแกล้ม แกอย่าลืมว่าแกยังคงมีฉันนะไอ้สิ้น…”สิ้นรักยิ้มให้เพื่อนรัก
“แกก็เหมือนกัน…ถ้าชีวิตพังแกก็ยังคงมีฉันเสมอ…ซึ้งมั้ยล่ะ…”
ทั้งสองต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน อย่างน้อยก็มีหลักประกัน
เอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองจะยังคงมีกันและกันตลอดไป…
...โปรดติดตามตอนต่อไป......
และแล้วแมงมุมสารพัดพิษก็โดนจับกินจนได้...เหอะๆๆ...
เมื่อวานไม่ได้เข้ามาโพสต์ ไม่ใช่ว่าไปลอยกระทงที่ไหนหรอกค่ะ...
แต่งานเข้าตั้งแต่เช้าจวบจนเที่ยงคืน...
ขอคุยกับนักอ่านกันนะคะ
1.คุณviolette....ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม....
เอาคู่กัดมาให้กัน เอาให้หนำใจไปเลยค่ะ...อิอิ
2.คุณบัวขาว...ว้าวววววว...มาแล้วๆ แสดงว่าหายป่วยแล้วใช่มั้ยคะ....
ขอบคุณนะคะสำหรับเป็ดไก่ที่ช่วยจับให้โย...และขอบคุณสำหรับรอยยิ้มด้วยค่ะ
3.คุณgoldensun...ใช่แล้วค่ะ การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของคู่นี้ค่ะ...
ต้องมารอดูกันต่อไปค่ะว่า สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม....รวมทั้งคำผิดด้วยนะคะ
4.คุณkonhin...นั่นน่ะสิคะ ทำไมต้องหยุดอยู่ที่เขาด้วย...
แต่งานนี้คงต้องหยุดไว้ที่เธอซะแล้วล่ะค่ะ เพราะโดนจับกินซะแล้ว..อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้เต่าโย
5.คุณหมีสีชมพู...ใช่แล้วค่ะ...บางคนที่คิดว่าร้ายอย่างพริกก็มีมุมที่น่าสงสาร
และน่าเห็นใจอยู่เหมือนกันนะคะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
6.คุณPampam...ยกนี้คนจริงโดนจับกินไปเรียบร้อยโรงเรียนนายดินซะแล้วค่ะ
พ่ีเพลิงก็พี่เพลิงเถอะ...งานนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย...อิอิ
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจน่ารักๆ
7.คุณaom...อาจจะเริ่มรู้ตัวแล้วก็ได้ค่ะ...โดยเฉพาะยกนี้
นายดินเผยความในใจออกไปจนได้ เหลือแต่แมงมุมล่ะคราวนี้
ที่ยังไม่รู้หรือเพราะยังสับสนอยู่ ต้องมาดูกันต่ะค่อ...
8.คุณAprilSK...มาแรงเคลมเร็วค่ะ...อิอิอิ...
คนอ่านอ่านไปอาจจะงงๆไปว่า เขารักกันได้เร็วขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไร
ทำไมคู่นายหัวรังของเรารักกันมาตั้งนาน ยังปล่อยให้อีกฝ่าย
รออยู่บนคานอยู่เลย...อิอิอิ...อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ...
คู่เอกนั้นอุปสรรคเยอะไปหน่อย...เหอะๆๆ
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...จุ๊บๆค่ะ
9.คุณsupayalak...ยกนี้ก็มาให้ลุ้นกันจนปวดไตค่ะ...
และแล้ว...ก็ไม่แคล้วเสร็จเจ้าหลุมดำไปแล้วค่ะ...
ส่วนนายดินจะติดใยแมงมุมจนแกะไม่ออกรึเปล่านั้น
จากที่ดูสภาพแล้วก็ไม่น่าจะแกะได้นะคะ...ใยรักเธอเหนียวแน่นและแน่นหนา...อิอิอิ...
ขอบคุณค่ะที่มาส่งกำลังใจให้เต่าโยกันเป็นประจำ...จุ๊บๆค่ะ
สุดท้ายไม่ท้ายสุด...
ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ และทุุกๆคนที่เข้ามาอ่านมาติดตามกันค่ะ...
เป็นโชคดีที่โยเขียนเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนำมาโพสต์
ไม่อย่างนั้นนักอ่านที่กำลังติดตามอาจจะขัดใจได้
เนื่องจากช่วงนี้ชีวิตคนเขียนค่อนข้างจะดราม่าไปหน่อยค่ะ...
ฟิวส์เกือบจะขาดเลยทีเดียวกับอะไรหลายๆอย่างที่พบเจอเมื่อวาน
เต่าเลยต้องหดหัว ไม่โผล่หน้ามาน่ะค่ะ...อิอิอิ...
ต้องขอโทษด้วยนะคะ หากเกิดทำให้นักอ่านบางท่านรอ...
ว่าแต่มาแบบยาวๆอย่างนี้ ลำบากมั้ยคะเวลาอ่าน
เพราะคงต้องใช้เวลาในการอ่านแต่ละตอนมากอยู่...
ยังไงก็...
...คืนนี้...หลับฝันดี...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...
"เต่าโย"
พันทิวาตื่นเช้าขึ้นมาก็เอาแต่มองหาคนที่หายตัวไปเมื่อตอนดึกๆ
เพราะนึกว่าเขาคงจะกลับบ้านมาในตอนเช้า แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา…
“มองหาอะไรอยู่เหรอคะน้ามุม…”เด็กหญิงปลายฝนในชุดนักเรียน
ผูกเปียสองข้างกระตุกชายเสื้อของเธอแล้วถามด้วยแววตาใสซื่อ
“เปล่าหรอกค่ะ…น้ามุมแค่ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก…”
พันทิวาปดเด็กคำโตเพียงเพราะอายที่จะพูดความจริงออกไป
ว่าเธอมารอน้าชายของคนถาม…
“ว่าแต่น้องปายจะไปโรงเรียนแล้วเหรอคะ…”เด็กสาวพยักหน้า
“ค่ะ…ตอนนี้กำลังรอพี่ต้นอยู่ค่ะ สงสัยพี่ต้นคงจะหาของไม่เจออีกตามเคย”
เด็กหญิงตัวน้อยบ่นปอดแปด ทำเอาคนฟังนึกเอ็นดูจึงนั่งยองๆลงข้างๆ
“ทำไมน้ามุมถึงไม่ทานข้าวเช้าด้วยกันล่ะคะ…ไม่หิวเหรอคะ…”
“น้ามุมยังไม่หิวเลยจ๊ะ…ว่าแต่วันนี้ใครจะไปส่งคะ…”
“สงสัยแม่จังมั้งคะ…เพราะพ่อจังติดภารกิจออกจากบ้านตั้งแต่ปาย
กับพี่ต้นยังหลับอยู่เลยค่ะ…ไม่รู้ทำไม พ่อจังถึงได้ยุ้งยุ่ง คุณป๋าก็ยุ้งยุ่ง…
ไม่มีเวลาว่างให้ปายกับพี่ต้นเหมือนเมื่อก่อน…ทั้งๆที่เราก็มีเงินมากมายแล้ว
แต่พ่อจังก็ยังออกไปทำงานหาเงินอีก…ปายไม่เห็นอยากได้เงินเพิ่มเลยค่ะ
อยากขี่หลังพ่อจังกับนั่งรถเที่ยวกับคุณป๋ามากกว่า…”
พันทิวายิ้มบาง กับถ้อยคำไร้เดียงสานั่น ก่อนจะลูบศีรษะทุยนั่นเบาๆพลางกล่าวว่า
“พ่อจังกับคุณป๋าของปายไม่ได้ออกไปหาเงินเพียงอย่างเดียวนะคะ
แต่ทั้งสองมีภาระที่ต้องดูแลลูกน้องที่ทำงานด้วย…ถ้าปายกับพี่ต้นอยากไปเที่ยว
เดี๋ยวเย็นนี้น้ามุมไปรับที่โรงเรียนแล้วพาไปกินไอติมดีมั้ย
พอวันหยุดเราก็จะพาลุงเพลิงของเราไปสวนสนุกด้วยกัน…”
เด็กน้อยได้ฟังถึงกับตื่นเต้นดีใจ
“จริงๆเหรอคะ…น้ามุมจะไปรับปายกับพี่ต้นไปกินไอติมเย็นนี้จริงๆเหรอคะ…
แล้วเราจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันด้วย…”พันทิวาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
มีความสุขที่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้ายิ้มร่าเริงมีความสุข
…แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลานสาวของตนขึ้นมา
เพราะพะยูนหลานสาวอายุมากกว่าปลายฝนแค่ปีเดียวเอง…
“แล้วน้ามุมจะลองขออนุญาตแม่จังของเราดูค่ะ…ไม่แน่ว่าน้ามุมอาจจะ
พาพะยูนไปเที่ยวด้วย…”
“พี่พะยูนจะไปด้วยเหรอคะ…ไชโย้…น้ามุมน่ารักที่สุดเลยค่ะ…”
เด็กหญิงปลายฝนกระโดดกอดพันทิวาด้วยรอยยิ้มสดใส…
แล้วสักพักอากิโกะก็วิ่งหน้าตื่นมาทางลูกสาวโดยมีลูกชายวิ่งตามหลังมาติดๆ
“สงสัยเช้านี้มี่คงไม่ว่างไปส่งเราสองคนแล้วล่ะ…น้าดินโทรมาบอกว่าไม่สบาย
มี่ก็เลยต้องรีบเข้าไปพบลูกค้าแทนน้าดิน…
เราสองคนไปโรงเรียนกับสมปองได้มั้ยเอ่ย…
เพราะลุงลมเองก็มีธุระไปส่งเราสองคนแทนมี่ไม่ได้เหมือนกัน…”
อากิโกะยิ้มแหยๆให้ลูกรักทั้งสอง
ส่วนพันทิวาที่ได้ยินว่าพสุธป่วยถึงกับแปลกใจ…ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
ว่าเมื่อคืนเขาหน้าแดงๆ แถมปลายนิ้วก็ยังเย็นเฉียบ…
“เอ่อ…ให้มุม…ไปส่ง…ดีมั้ยคะ…พอดีมุมไม่ได้ติดธุระที่ไหน…
แล้วตอนเย็นมุมขอไปรับทั้งสองไปกินไอติมด้วยกันจะได้มั้ยคะ…”
พันทิวาอาสาด้วยรอยยิ้มเต็มใจ อากิโกะจึงยิ้มกว้าง จูงมือลูกรักทั้งสอง
แล้วส่งมือนั้นให้กับหญิงสาวพลางกล่าวขอบคุณ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ…พี่ต้องขอบคุณน้องมุมด้วยซ้ำ
งั้นพี่ฝากเจ้าแฝดด้วยนะคะ พอดีว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนสำคัญซะด้วย
พี่ไม่อยากผิดนัดหรือผลัดน่ะค่ะ…อ้อ…ดินฝากมาบอกด้วยนะคะว่า
ตอนนี้พักอยู่บ้านเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วง…งั้นพี่คงต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ
เดี๋ยวจะไม่ทัน…ขอบใจน้องมุมมากๆนะคะ…จุ๊บๆ…”
พูดกับพันทิวาเสร็จก็หันไปจุ๊บลูกรักทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งไปยังพาหนะคู่ใจ
ก่อนขึ้นรถไปก็มิวายหันมาส่งจูบลูกๆอีกครั้งพร้อมโบกมือ…
“เฮ้อ…น้าดินนะน้าดิน ไม่สบายทำไมไม่กลับบ้าน…
ปล่อยให้น้ามุมยืนรอด้วยความเป็นห่วง…”
พันทิวาก้มลงมองคนพูดที่ดูจะสรุปใจความเอาเองเสร็จสรรพ
โดยไม่มีถามไถ่คนถูกพาดพิงอย่างเธอเลยสักนิด…
“งั้นน้ามุมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุดสิบนาทีนะคะ…แล้วเราจะไปด้วยกัน”
พันทิวาพูดเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นเรือนไปยังห้องนอนของตนทันที
ทิ้งให้เด็กมองตามอย่างขำๆ
“น้ามุมบอกว่าจะพาเราสองคนไปกินไอติมเย็นนี้ด้วยแหล่ะ…”
เด็กหญิงปลายฝนรายงานพี่ชายทันที
ก่อนจะบอกแผนการเรื่องเที่ยวในวันหยุดกันอย่างสนุกสนาน…
หลังจากส่งสองแฝดที่ชวนเธอคุยเล่นสนุกตลอดทางที่ไปโรงเรียนเสร็จ
หญิงสาวจึงนึกเป็นห่วงคนป่วยขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
หาเบอร์โทรของพสุธพลางบ่นพึมพำคนเดียวว่า
“ไม่เห็นจะโทรมาบอกเราสักนิด…ที่บอกว่าอยู่บ้านเพื่อนน่ะ
ไม่รู้ว่าเพื่อนนอนรึเปล่า…”
บ่นจบก็กดหาเจ้าของเบอร์โทรที่หน้าจอ
แต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสาย พันทิวาจึงพยายามกดเรียกซ้ำก็ไม่เป็นผล
พสุธไม่รับสายเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ว่างรับหรือจงใจไม่รับกันแน่…
“ช่างสิ…จะเป็นจะตายยังไงก็ช่่างสิ…ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ…
กลับบ้านไปกอดแม่ดีกว่า…เย็นๆค่อยกลับมารับเจ้าแฝด”
จบคำพันทิวาหักพวงมาลัยเลี้ยวไปยังเส้นทางสู่เมืองสุพรรณบุรี…
เพราะวันนี้เธอว่างทั้งวัน เนื่องจากงานที่ได้รับมอบหมายเธอเคลียร์
จนไม่เหลือให้เคลียร์แล้ว
จะมีก็แต่งานของวันพรุ่งนี้ที่จะมีมาให้ทำอีกเท่่านั้น…
หลายวันที่พสุธไม่กลับบ้าน ไม่ไปทำงานที่บริษัท
มีเพียงแค่โทรมาบอกพี่สาวอย่างอากิโกะว่ายังไม่หายป่วย…
และหลายวันแล้วที่หน้าที่รับส่งเจ้าแฝดไปโรงเรียนตกเป็นของเธอ…
เพราะหน้าที่ผู้ช่วยนายดินทรายของเธอกลายเป็นหน้าที่ผู้ช่วยอากิโกะแทน…
เนื่องจากพี่สาวของพสุธวิ่งรอกจากงานบริษัทของตระกูลเสร็จ
ก็วิ่งไปติดต่องานกับลูกค้าของบริษัทสามีต่อ…
บางครั้งหน้าที่ของรองประธานบริษัทจึงตกมาถึงเธออย่างเสียไม่ได้…
ใครบอกว่าสาขาที่เรียนมาหนักจบมาแล้วจะได้ทำงานสบายๆ
เธอว่าไม่เลยนะ…ยิ่งเรียนหนัก ตอนทำงานยิ่งทำงานหนักกว่าตอนเรียนด้วยซ้ำ
…เงินเดือนเยอะก็จริง แต่เวลาพักผ่อนนั้นหายากยิ่งกว่า…
ดังนั้นตอนเย็นก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์พันทิวาจึงขับรถไปรับหลานสาว
มานอนพักที่บ้านอาทิตยะด้วยกันกับเธอที่ห้อง
เพราะเจ้าของห้องอีกคนเขาคงไม่กลับมานอนแล้วล่ะ…
ดังนั้นคืนนี้เด็กหญิงปลายฝนจึงขอมานอนด้วยคนกับเธอ
เนื่องจากอยากนอนคุยกับพี่พะยูนให้หายคิดถึง…
ส่วนเด็กชายต้นก็ได้แต่หน้างอๆอยากจะขอมานอนด้วยแต่นอนไม่จุ
เพราะแค่พี่พะยูนตัวกลมก็นอนกินที่มิใช่น้อยแล้ว…
“ต้นขอนอนด้วยบนพื้นก็ได้นะ…นะครับน้ามุม…ให้ต้นนอนด้วยนะครับ”
พันทิวามองหน้าอากิโกะราวกับจะปรึกษา
“อย่ากวนสิครับต้น…”
“เอ่อ…ถ้าต้นอยากนอนด้วยจริงๆ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยกันปูที่นอนใหม่บนพื้นนี้
แล้วเราทั้งหมดจะลงไปนอนด้วยกันดีมั้ย…”
เด็กชายต้นได้ยินดังนั้นถึงกับร้องเต้นดีใจอย่างห้ามไม่อยู่
อากิโกะได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกๆของเธอที่ดูจะเริ่มติดพันทิวาแจ
พักหลังๆที่เธอไม่มีเวลาว่างก็ได้พันทิวาคอยช่วยดูแลแทน
จนเธออดเกรงใจไม่ได้ที่ลูกๆมารบกวนเวลาพักผ่อนของน้องสะใภ้ของตนอย่างนี้…
“พี่ต้องขอโทษแทนเด็กๆด้วยนะคะ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…ดีซะอีก มุมจะได้มีเพื่อนนอนหลายๆคน…สนุกดีค่ะ”
อากิโกะยิ้มบาง เธอเองก็เริ่มชอบพอนิสัยใจคอของหญิงสาวตรงหน้า
ที่แรกๆที่เจอกันดูแข็งๆ แต่จริงๆแล้วพันทิวานั้นมีความอ่อนโยน
และใจดีขี้สงสารอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาโดนเจ้าแฝดอ้อนเอาโน้นเอานี่
เธอเห็นน้องสะใภ้ของเธอคนนี้เป็นต้องใจอ่อนยอมให้ทุกที…
สักพักฑยาวีย์ที่เพิ่งกลับมาได้ยินเสียงของลูกๆดังมาจากห้องของน้องชายจึงเดินไปดู
เห็นเด็กๆกับพันทิวากำลังช่วยกันปูที่นอนบนพื้นด้วยสีหน้ามีความสุข
เขาจึงสะกิดภรรยาที่ยืนพิงขอบประตูห้องอยู่
อากิโกะหันมามองแล้วส่งยิ้มให้สามี
“ทานอะไรมารึยังคะ…”
“ยังเลยครับ กะจะกลับมาทานฝีมือเมียทำให้กิน…”
น้ำเสียงและแววตาอ้อนๆนั่นทำให้อากิโกะอมยิ้ม
“ว่าแต่เจ้าแฝดจะหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่นี่กันหมดเลยเหรอนั่น…”
พูดพลางมองภาพลูกรักทั้งสองที่ดูจะสนุกที่คงได้นอนคุยกับหลานสาวของพันทิวา
“ค่ะ…ค้านยังไงก็ไร้ผล…ยอมทิ้งเบาะนุ่มๆมานอนฟูกบนพื้นแทน…”
“เจ้าดินกลับมาไม่ว่าอะไรเหรอ…”อากิโกะหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“เจ้าดินไม่กลับมานอนที่บ้านร่วมสัปดาห์แล้วค่ะ...ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน
เห็นโทรมาบอกว่าไม่สบาย พักอยู่บ้านเพื่อน…”
อากิโกะกระซิบเบาๆในตอนท้ายประโยคพลางแตะแขนสามีพาเดินลงไปยังห้องครัว…
“นี่เขาสองคนยังไม่ได้เข้าหอหรือฮันนี่มูน
ตามประสาบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันกันเลยเหรออากิ…”หญิงสาวยิ้มแหยในขณะส่ายหน้า
“ตั้งแต่ดินกลับจากประชุมดูงานที่ต่างประเทศก็ไม่เห็นจะกลับมานอนที่บ้าน
จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะ ที่บริษัทก็ยังไม่เข้าไปเลย…
เห็นอย่างนี้แล้วชักจะทนดูไม่ไหว เราน่าจะจัดการให้ทั้งสองคืนดีกันนะคะ
ถึงจะแต่งงานกันเพราะความจำเป็น แต่ยังไงก็เป็นคนๆเดียวกันแล้ว
ไม่ควรเลยที่จะอยู่กันคนละทิศละทางแบบนี้…
หรือจะให้พี่เพลิงช่วยพูดให้ดีคะ…รักว่าไง…”
อากิโกะปรึกษาสามีด้วยสีหน้ากังวล
ในขณะที่มือก็จัดแจงอาหารลงบนสำรับ
“ผมว่าลองดูๆเขาสองคนไปสักพักก่อนดีกว่า…ถ้ายังไม่ดีขึ้น
เราค่อยเข้าไปจัดการ บางทีเขาสองคนอาจต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ
และปรับตัวเข้าหากันก็ได้…”อากิโกะพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ
“งั้นคงต้องรอดูกันต่อไปว่าเมื่อไหร่เขาสองคนจะเข้าใจกัน…”
“แล้วพี่ลมล่ะครับ…ไม่กลับบ้านเหรอ…”
“พี่ลมลงใต้ไปเมื่อเช้าค่ะ พอดีงานทางโน้นมีปัญหานิดหน่อย…
อีกหลายวันมั้งคะกว่าจะขึ้นมา…เพราะอย่างไรซะตัวประกันที่พี่ลม
ต้องเอาใจใส่ยังอยู่ทางนี้...มีหรือจะไม่รีบกลับมา…”อากิโกะอมยิ้ม
เมื่อนึกถึงพี่ชายสุดซี้ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะลงเอยลงจากคานเสียที…
“พี่รังก็คงเหมือนกัน…เห็นลงไปคราวก่อนหายไปเป็นเดือน…
คราวนี้คงขึ้นมารับพี่รักกลับไปเที่ยวเกาะเพื่อพิชิตใจคุณนายแน่ๆ
ไม่รู้เมื่อไหร่คุณนายจะยอมใจอ่อนสักที พี่รังของผมจะได้ลาคาน
ชักอยากเห็นหน้าลูกพี่รังกับพี่รัก ไม่รู้หน้าตาจะออกมา
หล่อ สวย น่ารักเหมือนเจ้าแฝดรึเปล่า…”
คนพูดไม่วายโกยเข้าบ้านตน ชมลูกรักของตนจนอากิโกะส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้
คนที่หลงตัวเองไม่พอ ยังหลงลูกๆยิ่งกว่าอะไร…ชมลูกๆไม่เคยขาดปาก…
“ก็ต้องสวย หล่อ น่ารักอยู่แล้ว…เพราะแม่พิมพ์ดีออกอย่างนั้น…”
อากิโกะลอยหน้าลอยตาตอบกลับด้วยเพราะหมั่นไส้สีหน้าท่าทางของสามี…
ทำเอาฑยาวีย์ยิ้มกว้าง ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
แล้วชมฝีมือการทำอาหารของภรรยาไม่ขาดปาก…
ดังนั้น นอกจากฑยาวีย์จะหลงตัวเอง หลงลูกๆแล้ว
คงต้องเพิ่มหลงเมียเข้าไปอีกข้อถึงจะสมบูรณ์…
พสุธกลับบ้านตอนกลางดึกของคืนนั้นหลังจากหายหน้าไปหลายวัน
ตอนแรกที่บิดลูกบิดประตูก็คิดว่าประตูคงถูกล็อก
หากผิดคาด ประตูกลับถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
…สงสัยเจ้าของห้องคนใหม่คงลืมล็อกประตู…
พสุธคิดขณะที่แววตายิ้มนิดนึงเมื่อคิดไปว่า
พันทิวาอาจจะเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อรอเขากลับมา
หากแววตาต้องวูบดับเมื่อก้าวเข้าห้องไปก็พบเพียงเตียงโล่งตาว่างเปล่่า
แต่พอมองไปยังพื้นห้องข้างๆเตียง รอยยิ้มของชายหนุ่มกลับมาฉายแสงอีกครั้ง
พสุธก้าวเข้าไปใกล้ๆพันทิวาที่นอนขอบนอกสุด ติดกับเธอคือหลานชายของเขา
ต่อมาคือพะยูนหลานสาวของเธอ และหลานสาวของเขาที่นอนชิดขอบเตียง…
พสุธค่อยๆนั่งลงข้างๆพันทิวาไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนกำลังหลับสบาย
รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อเห็นเด็กๆต่างยึดผ้าห่มผืนใหญ่ในส่วนของเธอไป
ก็เลยอดสงสารคนที่กำลังนอนคดคู้งอเหมือนกุ้งอยู่ไม่ได้…
พสุธเหลือบมองเห็นที่นอนข้างๆเธอยังพอจะมีพื้นที่ว่างอยู่นิดนึง
เขาจึงค่อยๆล้มตัวลงนอน วางศีรษะไว้บนหมอนใบใหญ่และยาว
ซึ่งพันทิวากำลังหนุนอยู่พร้อมกับสวมกอดเธอเอาไว้อย่างหลวมๆ
ทำให้ในฝัน…พันทิวารู้สึกเหมือนถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง
เธอคิดว่าคงเป็นเด็กๆ ก็เลยพลิกตัวกลับไปสวมกอดเจ้าของอ้อมกอดนั้นแน่น
ความรู้สึกหนาวก่อนหน้านี้ทุเลาลง เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดและจุมพิตตรงหน้าผากเบาๆ
พสุธมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มทั้งๆที่ยังพริ้มหลับอยู่
จึงกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นขึ้นก่อนจะเข้าสู่นิทราด้วยรอยยิ้มเป็นสุข
หลังจากที่นอนจับไข้ไม่สบายอยู่หลายวันที่คอนโดของมนัสวีย์หรือพริก
พอหายป่วยก็รีบกลับมาหาเธอ…ตอนนี้เขาพอจะตอบตัวเองได้แล้ว
ว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่ต้องห่างกันถึงได้คิดถึงเธอมากมายจนทนไม่ไหว…
เพราะเมื่อได้พบเธอ ได้กอดเธอ เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสุขใจ
เท่ากอดใครมาก่อน…
แม้เธอจะไม่ได้เป็นอย่างที่วาดไว้ ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เขาเคยใฝ่ฝัน
และไม่ได้ดีไปมากกว่าใคร
แต่สิ่งดีๆเล็กๆน้อยๆบวกกับความจริงใจที่เธอมีต่อเขาและทุกคน
กลับมีมาเติมเต็มหัวใจของเขาจนหมดใจ…ไม่ว่าค้นใจเท่าไหร่ก็มีเพียงเธอ
…เหมือนเธอได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย…เธอเป็นมากกว่ารัก…
เพราะเธอคือคนที่เขาเฝ้าตามหาและรอคอยมาแสนนาน
…อาจจะไม่ใช่แค่ชอบ แต่เขาคงรักเธอไปแล้วจริงๆ…
รักทั้งๆที่รู้ว่าเธอกำลังรักใครอยู่…
เสียงเด็กๆพลิกไปมาพร้อมเสียงบิดขี้เกียจทำให้พันทิวารู้สึกตัว
และนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคงกอดลูกชายของอากิโกะเอาไว้แน่ๆ
แต่เมื่อลากมือผ่่านแผ่นอกของลูกชายอากิโกะกลับตกใจ
เมื่อขนาดของมันช่างแตกต่างจากเด็กชายตัวน้อยๆ
เพราะกระดูกซี่โครงที่เธอสัมผัสมันคนละเบอร์กับเด็กชายต้นหนาว
ดวงตากลมโตลืมตาโพลงมองคนที่เธอกำลังกอดและใช้เท้าพาดเขาอยู่
ด้วยสีหน้าซืดเผือด ชักมือและเท้ากลับทันทีพร้อมกับดีดตัวขึ้น
ก่อนจะมองพสุธที่กำลังแกล้งหลับอยู่อย่างงงๆปนตกใจ…
…เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ…
พันทิวาครุ่นคิด หากไม่ทันได้คิดนาน เสียงเด็กๆก็ร้องทวงสัญญาขึ้นมา
“น้ามุมขา เช้าแล้ว…วันนี้เราจะไปเที่ยวสวนสนุกกันใช่มั้ยคะ…”
เด็กหญิงปลายฝนถามพลางขยี้ตานิดๆ ส่วนพะยูนปิดปากหาวหวอดๆ
ต้อนรับแสงแดดวันใหม่ จะมีก็แต่เด็กชายต้นหนาวที่นอนข้างๆเธอเท่านั้น
ที่ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่จ้องมองไปยังน้าชายของตนก่อนจะมองหน้าเธอ
ด้วยแววตางงงัน
“น้าดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับน้ามุม…”
พันทิวาส่ายหน้าแหยๆก่อนจะลองอังหน้าผากของชายหนุ่มที่ยังหลับอยู่
เพราะคิดว่าเขาอาจจะยังไม่หายป่วย…แล้วค่อยโล่งใจเมื่ออุณหภูมิที่สัมผัสได้ปกติดี…
หากยังไม่ทันยกมือกลับพสุธกลับจับมือนั้นมากุมไว้
แล้วแนบกับแก้มของตัวเองในขณะลืมตามองหน้าพันทิวาพลางกล่าวว่า
“ให้ฉันไปด้วยคนสิ…”
“ไปไหนคะ…”พันทิวาย้อนถามพลางชักมือกลับ หากพสุธไม่ยอม
จับมือนั้นเอาไว้แน่น
“ก็ไปสวนสนุกไง…อยากไปเหมือนกันนะ…”น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอ้อนนั้น
ทำเอาพันทิวาอมยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“ไม่ได้หรอกค่ะ เกินโควต้าแล้ว…”พันทิวาแกล้งหยอกอีกฝ่าย
“ไม่ให้ไปด้วย ก็ไม่ต้องไปกันทั้งหมดนี่แหล่ะ เพราะฉันจะไม่ยอมปล่อยมือเธอไปหรอก…”
เด็กๆที่ได้ยินดังนั้นถึงกับเก็บอาการไม่อยู่
ส่งเสียงเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ให้น้าดินไปด้วยกันนะน้ามุมนะ…”เท่านั้น ชัยชนะก็ตกเป็นของพสุธโดยละม่อม
“ว่าไง เด็กๆงอแงใหญ่แล้วเห็นมั้ย…”
“ไม่รู้เด็กงอแงหรือผู้ใหญ่กันแน่…”พันทิวาแสร้งหันไปทางอื่น
พสุธจึงจุมพิตลงบนมือบางก่อนจะช้อนตามองพันทิวานิ่ง
เมื่อหญิงพยายามชักมือกลับท่าเดียว
…ขนาดมือยังหวงถึงขนาดนี้…
“ถ้าไม่ตกลง คราวนี้จะหอมแก้มโชว์เด็กๆให้ดูเลยนะ…”
ไม่พูดเปล่า พสุธดีดตัวลุกขึ้นทันที พันทิวาผวาเบี่ยงหลบนิดนึง
เมื่อเข้าชะเง้อหน้าเข้ามาใกล้…
“ก็ได้ๆ…ให้ไปด้วยก็ได้…งั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะเด็กๆ…”
พันทิวาตกลงแบบขอไปที ก่อนจะหันไปชวนเด็กๆ…
“เด็กชายพสุธขออาบน้ำด้วยคนนะครับน้ามุมมึน…”
พันทิวาหันขวับมามองคนที่เรียกเธอว่าน้ามุมมึนอย่างเคืองๆ
ก็พบแต่ยิ้มกวนๆของจอมกะล่อน
หายไปหลายวันนึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว
ที่ไหนได้ กลับมายังไม่เลิกนิสัยเดิมๆ ชอบเต๊ะอั๋งเธอเมื่อเผลอทุกที
“งั้น…เพื่อความรวดเร็ว เราแยกย้ายกันไปอาบน้ำคนละที่ดีกว่าเนอะ
จะได้เสร็จไวๆ…”พันทิวาเปลี่ยนแผนทันที
ดังนั้น ปลายฝนกับต้นหนาวจึงวิ่งกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนของตนเอง
ส่วนพะยูนขออาบน้ำกับอาสาวที่รีบจูงหลานสาววิ่งเข้าห้องน้ำ
ทิ้งพสุธให้ยืนตัวคนเดียว ไม่มีใครชวนอาบน้ำอย่างเดียวดายอยู่กลางห้อง
ด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงมองที่นอน แล้วพับเก็บมันไว้ที่เดิมรอคนในห้องน้ำ
อาบน้ำจนเสร็จ…
แล้วทั้งหมดก็ลงมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร โดยมีตะวันกับสองสามีภรรยา
อย่างอากิโกะกับฑยาวีย์นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว…
“พี่คงไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะมุม…วันนี้มีนัดกับตามเขาว่าจะไปดูที่ทางที่จะตั้งมูลนิธิกัน…
เราไปกับเจ้าดินก็ดีเหมือนกันนะ สามีภรรยากันไปไหนก็ควรจะไปด้วยกัน
จะได้รักกันนานๆ…”ตะวันกล่าวขณะที่มองน้องชายกับน้องสะใภ้ด้วยรอยยิ้มบาง
พสุธหันไปมองคนที่นั่งข้างๆก็พบกับสีหน้าเซ็งๆของเธอ
ไม่บอกก็รู้ว่าพันทิวาเสียดายที่พี่ชายของเขาไม่ไปด้วยกัน
นี่คงชวนกันไปเที่ยวสวนสนุกโดยไม่ปรึกษาเขาก่อนหน้านี้เลยล่ะสิ…
มองตาเธอก็รู้ว่าเธออยากอยู่กับพี่ชายของเขาคนที่เธอรักและทำให้เธอหวั่นไหว…
คิดแค่นี้ อารมณ์ของพสุธก็เริ่มคุขึ้นมา
ทั้งๆที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้…แต่ก็ห้ามไม่อยู่…
“เหมือนพี่กับพี่ตามใช่มั้ยครับ…ว่าแต่เมื่อไหร่จะมีข่าวดีด้วยกันสักที…”
พันทิวาก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน พยายามไม่ให้มือสั่น…
“พี่คงต้องรอให้หายก่อน…ไม่อยากเป็นภาระตามเขานัก…
แค่นี้เขาก็เหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว…”
ตะวันตอบในขณะเหลือบมองพันทิวานิดนึง
ก่อนจะชวนคุยเรื่องมูลนิธิอาทิตย์อุทัย
กับน้องๆว่าจะดำเนินการอย่างไร…
“คิดถึงฉันล่ะสิ ตอนที่ฉันไม่กลับบ้าน…”พสุธแกล้งหยอกพันทิวา
ระหว่างที่เดินพาเด็กๆไปยังเครื่องเล่น พันทิวายิ้มแก้มป่องหมั่นไส้คนพูดสุดๆ
“ก็คงประมาณนั้น…”พสุธยิ้มกว้างกับคำตอบที่แม้จะไม่จริงจัง
กึ่งเล่นกึ่งหยอกก็ตาม…
“แหม…ก็คนเคยทำงานคลุกคลีด้วยกันเป็นปีๆ ไม่มีคิดถึงกันบ้าง
คงเป็นไปไม่ได้…ยิ่งได้ข่าวว่าไม่สบายก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่”
พสุธหุบยิ้มแทบไม่ทันกับท้ายประโยค
“เธอนี่ชอบแช่งฉันให้ตายประจำเลยนะ…อยากให้ฉันตายนักรึไง”
น้ำเสียงน้อยใจนั้นทำให้พันทิวาหันไปมองก่อนจะกระตุกคิ้ว
“ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ ทำไมนายต้องซีเรียสด้วยล่ะ…
ถ้านายตายไป ฉันคงเหงาแย่…เพราะคงไม่มีใครคอยหางานให้ทำ…
อยู่กับนายแล้วไม่เคยว่างสักวัน…ฉันชอบ…”
พันทิวาพูดจากใจจริง เพราะถึงคนตรงหน้าจะชอบใช้งานเธอ
แต่เธอก็เต็มใจทำให้ มันทำให้เธอรู้สึกสนุก มีความสุขที่ได้ทำ
แม้จะเหนื่อยไปบ้างก็ตาม…
“เธอพูดเหมือนจะชมฉัน แต่ฟังๆดูดีๆ เหมือนแอบต่อว่่าฉันนิดๆนะเนี่ย…”
“ก็ชอบหาเรื่องอย่างนี้ล่ะน่า…ถึงพูดดีๆกันได้ไม่กี่คำ
ที่เหลือเป็นต้องทะเลาะกันตลอด…ตกลงจะขึ้นรถไฟเหาะด้วยกันรึเปล่า…”
พันทิวาตัดบทหันไปทางเด็กๆที่ชี้ชวนไปยังเครื่องเล่น
ที่เขย่าหัวใจให้แกว่งจนทนที่จะเก็บเสียงไม่ให้กรี๊ดออกมาไม่ไหว
พสุธยิ้มกว้างก่อนจะจับมือพันทิวาเดินไปยังเครื่องเล่นดังกล่าว
โดยเด็กๆวิ่งนำเข้าไป
“สนุกจังเลยค่ะน้าดินน้ามุม…ใช่มั้ยพี่พะยูน…”เด็กหญิงปลายฝน
กล่าวด้วยสีหน้าระรื่นระหว่างที่เดินไปขึ้นรถเพื่อไปกินไอศกรีมกันต่อ
“สุดๆ…นานๆพ่อยักษ์จะพามาเที่ยว แต่ก็ไม่สนุกเท่านี้มาก่อน
เพราะได้มากับน้องต้นกับน้องปาย…วันหลังอามุมพาพะยูนมาอีกนะคะ”
พันทิวายกมือลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู…
“เอาไว้อาว่างแล้วอาจะพามาอีกนะ…”พูดเสร็จก็หันไปทางหลานแฝดของพสุธ
ก่อนจะยิ้มให้กับน้าชายของทั้งสอง…
พสุธจึงฉวยโอกาสโอบรอบเอวของพันทิวาโดยที่หญิงสาวพยายามเอี้ยวตัวหลบ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีเด็กๆเป็นกองหนุนให้เขาอยู่
“เมื่อไหร่น้าดินจะมีน้องให้เราสามคนสักทีล่ะครับ…
ต้นอยากได้น้องชายไว้เตะบอลด้วยกัน…”
เด็กชายต้นหนาวกล่าวขึ้นหลังจากตักไอศกรีมเข้าปากคำแรก…
ทำเอาพันทิวาตกใจแทบตกเก้าอี้กับคำถามนั้น
หากพสุธกลับยิ้มที่มุมปาก ตอบหลานชายที่แก่แดดแก่ลมไปว่า
“เอาไว้คืนนี้น้าดินจะลองปรึกษากับน้ามุมดูนะครับว่าเห็นชอบรึเปล่า…”
พันทิวาหันขวับมาทางพสุธทันทีก่อนจะจ้องเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“น้าดินก็สงสารต้นอยู่นา เพราะมีแต่สาวๆทั้งนั้น ทั้งน้องปาย น้องฝน
ทั้งพี่พะยูนล้วนแต่เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้นเนอะ…น่าจะมีน้องชายหน้าตาหล่อๆ
อย่างน้ามาเล่นกับต้นบ้าง เธอว่าไงล่ะแมงมุม…
อยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย…หรือจะตามใจเจ้าต้นดี…”
ถ้อยคำราวกับจะปรึกษานั้น หากเป็นคู่สามีภรรยาคู่อื่นคงไม่แปลก
แต่ดูสิ นายดินทรายกล้าพูดกับเธอแบบนี้ มันหาเรื่องกันชัดๆ
“ว่าไงครับน้ามุม…พ่อจังกับแม่จังไม่ยอมมีน้องให้ต้นสักที…
พอต้นขอ…พ่อจังก็บอกต้นว่าให้มาขอน้องกับน้าดินกับน้ามุมเอาเอง…”
พสุธหัวเราะขำกับคำพูดใสซื่อไร้เดียงสานั้นของหลานชาย
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า…ใครเป็นต้นความคิดให้หลานชายของเขาพูดเรื่องนี้กับเขา…
พันทิวาหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความอาย
ยิ่งหันไปเห็นพสุธกำลังหัวเราะอย่างสนุกก็ให้เคือง…
หน้าแดงๆจึงสลับเขียวไปมา ชวนให้พสุธขนลุกปนสนุก
“เอ่อ…เอ่อ…”พันทิวาติดอ่างขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปทางพสุธ
ที่ยังยิ้มไม่ยอมหุบจนรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา เลยแกล้งพูดเล่นๆออกไปว่า
“น้ามุมว่าต้นลองไปขอน้องชายจากลุุงเพลิงดูสิคะ…เผื่อลุงเพลิงคนเก่ง
จะเสกน้องเข้าท้องน้ามุมให้ต้นได้…”
เท่านั้นพสุธถึงกับหุบยิ้มหันมาจ้องตาพันทิวานิ่ง…แววตาวาวโรจน์จนพันทิวารู้สึกสะท้าน…
หากกลับเลือกที่จะลอยหน้าลอยตาพูดกับหลานๆตักไอศกรีมเข้าปาก
อย่างไม่สนใจอีกฝ่ายว่าจะรู้สึกอย่างไร
…พสุธนั่งนิ่งมาตลอดทางที่ไปส่งพะยูนหลานสาวของพันทิวากลับบ้าน
โดยมีพันทิวานั่งชวนหลานๆทั้งสามที่นั่งตรงเบาะหลังคุยอย่างสนุกสนาน
พร้อมเสียงหัวเราะลั่นรถ นานๆทีพันทิวาจะหันไปมองคนที่เอาแต่จ้องถนน
โดยไม่ยอมพูดยอมจา…
พอกลับมาถึงบ้านอาทิตยะ เขาก็เลือกจะเดินนำหน้าเข้าห้องไป…
พันทิวาจึงพาหลานแฝดของเขากลับห้อง
ก่อนจะจัดการอาบน้ำสวมชุดนอนให้ทั้งสอง…
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะเด็กๆ…มามะมาให้มี่กอดที…”ทั้งสองได้ยิน
เสียงมารดาก็รีบโผเข้าไปหา
“มี่เพิ่งกลับมาเหรอคะ…”
“จ๊ะ…”อากิโกะลูบหัวลูกรักด้วยความรักใคร่ในขณะที่กอดลูกทั้งสอง
“ทานข้าวกันมาแล้วเหรอ…”
“ค่ะ…พวกเราทานข้าวที่บ้านของพี่พะยูนค่ะ กับข้าวอร้อยอร่อยค่ะ
ยายตำลึงกับน้ามุมเป็นคนทำให้พวกเรากิน…พวกเราก็เลยเข้าไปช่วย
ทำกับข้าวด้วยค่ะ…”ลูกสาวของเธอดูจะมีความสุขกับการเที่ยวและกิน
จนคนเป็นแม่อดหันไปทางพันทิวาแล้วยิ้มขอบคุณในน้ำใจของเธอไม่ได้
“แล้วต้นล่ะครับ…ชอบบ้านน้ามุมม้ัย…”
“ชอบครับ…ที่นั่นมีกระสอบทรายด้วยครับ คุณตาพาต้นกับน้าดินไปที่นั่น
เราชกกระสอบทรายกันสนุกมากเลยครับมี่…”
เด็กชายต้นรายงานเหตุการณ์ที่บ้านสวนของพันทิวาอย่างละเอียดให้คนเป็นแม่ฟัง
“แล้วพ่อจังไม่กลับมาพร้อมกับมี่ด้วยเหรอคะ…”ลูกสาวของเธอถามหาผู้เป็นบิดา
“ยังติดลูกค้าอยู่จ๊ะ มี่ขอกลับมาดูเราสองคนก่อน เดี๋ยวพ่อจังของเราสองคน
ก็กลับมาแล้ว…มามะ เดี๋ยวมี่จะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน…”อากิโกะลุกขึ้น
จูงมือลูกๆไปยัวเตียงนอน ก่อนจะหันไปทางพันทิวา
“ขอบใจมากนะจ๊ะน้องมุม…ขอบใจจริงๆ…”พันทิวาส่ายหน้าขณะยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ…มุมเต็มใจ…อยู่กับเด็กๆแล้วยิ้มได้มีความสุข
มากกว่าอยู่กับผู้ใหญ่ที่คิดหรือพูดอะไรเข้าใจยากน่ะค่ะ…”
อากิโกะขมวดคิ้วนิดนึงตรงท้ายประโยคก่อนจะส่งยิ้มให้น้องสะใภ้ของตน
“งั้นมุมขอตัวก่อนนะคะ…หลับฝันดีนะจ๊ะเด็กๆ…”
พันทิวาเดินกลับมายังห้องนอนอย่างเชื่องช้าราวกับอยากให้หนทาง
ที่กำลังเดินทอดยาวไปเรื่อยๆ มือบางจับลูกบิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องไป…
หากมองไปกลับไม่พบใคร…หญิงสาวจึงเดินไปยังระเบียงห้อง
กลับไม่พบพสุธนั่งอยู่ที่นั่น…พันทิวาขมวดคิ้วก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
แล้วจัดการอาบน้ำแต่งกายด้วยชุดนอนที่รัดกุม…หวีผมประแป้ง
เรียบร้อยก็ไม่พบแม้แต่เงาของพสุธ…
เธอจึงแง้มประตูห้องมองไปรอบๆก็ไม่พบใคร
หญิงสาวได้ยินเสียงรถวิ่งเข้าบ้านและเสียงอีกคันก็ตามมาติดๆ
สักครู่ ก็เห็นตามตะวันกำลังเข็นรถพาตะวันเข้ามาในบ้านโดยมีคนขับรถช่วย
พันทิวาจึงเดินลงไปช่วยอีกแรง ก่อนจะยิ้มให้กับฑยาวีย์ที่เดินขึ้นเรือนตามมาติดๆ…
“เจ้าแฝดหลับแล้วเหรอครับ…”เสียงคุณพ่อลูกสองถามเธอ
“คงจะหลับแล้วล่ะค่ะ เห็นเมื่อกี้พี่อากิกำลังอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนอยู่”
ฑยาวีย์ยิ้มบางก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของลูกรักหลังจากทักทายไถ่ถาม
พี่ชายภรรยาอย่างตะวันและตามตะวันเรื่องจิปาถะเสร็จ…
“ทานข้าวกันมาแล้วเหรอคะ…”พันทิวาถามทั้งสอง
“ค่ะ…พี่กับพี่เพลิงทานข้าวมาจากร้านสุดทางรักเรียบร้อยแล้วค่ะ
วันนี้เราไปดูงานที่บ้านต้นฝันกันมาค่ะ…”
ตามตะวันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
สักพักพยาบาลผู้ชายประจำตัวที่ตะวันจ้างมาดูแลเขาก็เดินลงมา
แล้วพาตะวันกลับเข้าห้อง พันทิวาจึงเดินมาส่งตามตะวันที่รถ
ซึ่งเจ้าของนำมาจอดทิ้งไว้เมื่อเช้า…
“ขอบใจมากนะจ๊ะที่เดินเป็นเพื่อนมาส่งพี่…ว่าแต่ดินไปไหนซะล่ะคะ
พี่ยังไม่เห็นเลย…”พันทิวาส่่ายหน้า ทำเอาตามตะวันถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
ที่สามีภรรยาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ที่ไหน…
“มุมกับเขาเราสองคนไม่เหมือนคู่ชีวิตคู่อื่นๆหรอกค่ะ…”
ตามตะวันพยักหน้าพอจะเข้าใจ ก่อนจะแตะบ่าพันทิวาเบาๆ
“ยังไงพี่ก็ขอให้เราสองคนรักกันและอยู่กินกันตลอดไปนะจ๊ะ…”
พันทิวายิ้มฝืด…ใช่เธอจะต้องการอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่…
“งั้นพี่กลับก่อนนะ…”
“ค่ะ…”รถของตามตะวันออกจากบ้านไปแล้ว หากพันทิวากลับยังไม่ยอมขึ้นเรือน
เดินทอดท่องไปยังเปลที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆสนามหญ้า…
แล้วนอนลงบนนั้น คิดโน้นคิดนี่อยู่นาน…
โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองเห็นเธอมาจากระเบียงบ้าน…
พันทิวาลุกขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำค้างที่เริ่มแรงขึ้น ก่อนจะขึ้นเรือน
ก็ไม่ลืมเด็ดดอกราตรีที่กำลังส่งกลิ่นรวยรินหอมอบอวน
แล้วดมกลิ่นของมันไปตลอดทางที่เดินขึ้นเรือนจนเข้าห้องนอน…
เสียงฝีเท้าดังจากทางด้านหลังทำให้พันทิวาหันกลับไปมอง
ก็พบสบตากับพสุธที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังเธอพอดี…
พันทิวากลืนน้ำลายลงคอ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้…
“มีความสุขมากมั้ยกับการรอปรนนิบัติคู่รักของคนอื่นน่ะ…
ไม่เห็นต้องไปยุ่งกับของๆคนอื่นเขาให้วุ่นวายเลย เขาดูแลกันเองได้อยู่แล้ว
รึลืมไปแล้วว่าหน้าที่หลักของเธอคือดูแลปรนนิบัติสามีของตนเอง…”
พันทิวากัดปากตัวเอง ก่อนจะสะกดอารมณ์ไม่ให้ตอบโต้อีกฝ่าย
ให้เรื่องบานปลายอย่างครั้งก่อนๆ เลยเลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปยังเตียงนอน
พสุธจึงคว้ามือนั้นแล้วรั้งเอาไว้ พันทิวาหันกลับก่อนจะแกะมือพสุธออก
โดยไม่ยอมสบตาเขา…
“อย่าหาเรื่องทะเลาะกันตอนดึกๆแบบนี้เลย…ฉันเหนื่อยและก็ง่วง…”
เสียงนั้นราบเรียบปนขอร้องนิดๆ…
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะรักใคร แต่ฉันเป็นสามีเธอ…”
“ฉันรู้ดี ไม่ต้องมาย้ำ…ไม่ว่าเรื่องอะไรในบ้านและบริษัทของนาย
ที่ฉันพอช่วยได้ ฉันก็ช่วยอยู่นี่ไง นายยังไม่พอใจอะไรอีก…
รึไม่พอใจที่ฉันพูดกับน้องต้นออกไปแบบนั้นเมื่อตอนกลางวัน…
ถ้านายเรียกร้องอยากให้ฉันทำหน้าที่ภรรยาให้นายอย่างสมบูรณ์แบบก็เชิญเลย
แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่านายจะไม่มีวันได้หัวใจฉันไปหรอก…
เพราะฉันไม่คิดจะให้ใครอีกแล้ว…นอกจากพี่เพลิงเท่านั้น…”
สิ้นคำพสุธคว้าร่างนั้นเข้าหา หากคราวนี้พันทิวารู้ทางเลยหลบทัน
หันไปจับโคมไฟตรงหัวเตียงขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะสู้ไม่ถอย…
“อย่าเข้ามานะ ถ้านายเข้ามาอีกนิด หัวนายแบะแน่…ฉันไม่ได้ขู่แต่เอาจริง”
พันทิวาสั่งคนที่ก้าวอาดๆมาหาเธออย่างไม่เกรงกลัว…
“บอกว่าให้ถอยออกไปไง…”พูดไม่พูดเปล่าพันทิวาปาของบนโต๊ะใส่พสุธ
ไม่ยั้งมือแต่พสุธหลบทัน เหลือแค่โคมไฟในมือที่เธอไม่กล้าปาออกไป
ด้วยความเสียดาย เพราะมันทั้งสวยและหาซื้อยาก…
พี่เพลิงซื้อให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเธอกับน้องชายของเขา…
“เอาสิ…ถ้ากล้าปาไอ้โคมไฟแสนรักของเธอใส่ฉัน ก็เชิญ…”
พสุธท้าอย่างรู้เท่าทัน…
พันทิวากัดปากมองคนตรงหน้าไม่ให้คลาดสายตา
มองหาสิ่งของบนโต๊ะที่พอจะหยุดคนตรงหน้าให้หายบ้าให้ได้
แต่ก็ไม่พบสิ่งใด เพราะเธอปาใส่เขาไปหมดแล้ว…
ตอนนี้ข้าวของตกแตกเพ่นพานบนพื้นเกลือดกลาด
พันทิวาถอยหลังก้าวพลาดจนแทบล้มหายหลังลงไปกระแทกขอบโต๊ะ
หากพสุธไม่เข้าไปคว้าร่างนั้นเอาไว้ได้เสียก่อน…
“คราวนี้…ยังคิดที่จะทำร้ายฉันอีกรึเปล่า…เขาบอกให้ทุกข์แกท่านทุกข์นั้นถึงตัว…”
พสุธพูดชิดริมฝีปากบางก่อนจะคว้าโคมไฟในมือพันทิวามาไว้ในมือแทน…
แล้วผละออกจากพันทิวา
“อย่านะ…”พันทิวาร้องห้ามเมื่อพสุธยกโคมไฟขึ้นหมายจะปาลงพื้น
“หวงเหรอ…”ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทหญิงสาว
ที่กำลังจะออกอาการเต้นเร่า ก่อนจะล้วงมือหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง
ออกมาโชว์ให้พันทิวาดูแล้วถามด้วยรอยยิ้มเป็นต่อว่า
“แล้วนี่ล่ะ…หวงด้วยรึเปล่า…”พันทิวามองกิ๊บติดผมที่พี่เพลิงเคยให้เธอ
เป็นของขวัญเมื่อตอนเด็กๆ เธอเก็บมันมาตลอด จนไม่นานมานี้นี่เองที่มันหายไป
หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ที่คนตรงหน้า
“นายเอามาได้ยังไง…”พสุธยิ้มที่มุมปาก…
“ฉันเอามันมาได้ก็แล้วกัน…”พันทิวาก้าวเข้ามาเพื่อแย่งของสิ่งนั้นคืน
หากพสุธรู้ทันชูของในมือขึ้นสุดมือ พันทิวาจึงเอื้อมเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึง
“เอาคืนมานะ…”เสียงนั้นสั่งด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ
“แปลกเนอะ ของรักของหวงขนาดนี้แต่ดันทำตกจนไปตกอยู่ในมือคนอื่นได้
คิดเหรอว่าฉันจะให้เธอคืน…แล้วคิดเหรอว่าพี่ตามเขาจะยกพ่ีเพลิงให้กับเธอน่ะ…”
พันทิวาหยุดคว้าของในมือพสุธทันที แล้วหันไปจ้องเขาแทน
“เลิกหาเรื่องกันสักทีได้มั้ย…ขอร้องล่ะ เอามันคืนมาให้ฉันเถอะ…”
พสุธมองแววตาที่อ้อนวอนขอของในมือเขาคืน
“มันสำคัญกับเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ…ถ้าอยากได้คืนก็หอมแก้มฉันก่อนสิ…”
พันทิวากัดฟันข่มอารมณ์โกรธที่กำลังเดือดปุดๆ
“ว่าไง…ไม่อยากได้คืนเหรอ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ขู่แต่ทำจริง…”
พันทิวาจึงเขย่งปลายเท้าแล้วหอมแก้มพสุธอย่างว่าง่าย…
ก่อนจะก้มลงมองพื้นไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วยความกระดากอาย
“เอาคืนมาสิ…”
“ยัง…จูบปากฉันด้วย…”
พันทิวาช้อนตามองคนพูดด้วยสีหน้าโกรธจัด
นี่เขาต่อรองเธอมากเกินไปแล้ว…
“ว่าไง…หรืออยากให้ฉันหักมันด้วยมือของฉันเอง…”
แววตาจริงจังทำให้พันทิวามองกิ๊บติดผมในมือเขาด้วยแววตาเสียดาย…
เธอรักและผูกพันกับกิ๊บอันนั้นมาก…และดีใจที่สุดที่ได้เห็นมันอีกครั้ง
หลังจากที่มันหายไปหลายเดือน…
พันทิวาจึงค่อยๆเขย่งปลายเท้าแล้วเตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของพสุธเบาๆ
แล้วรีบชักตัวกลับ…พสุธกระตุกมุมปากนิดนึงราวกับหยันใครหรือสิ่งใดก็มิอาจหยั่งรู้ได้…
“ไหนล่ะ…”พันทิวาแบมือขอสิ่งที่ต้องการ…
หากพสุธกลับทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง
เขาปาโคมไฟในมือลงไปบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นก็ใช้มือที่แข็งแรงหักกิ๊บนั้นจนงอเสียรูป ก่อนจะโยนมันทิ้งไปทางหน้าต่างห้อง…
พันทิวามองตามทิศทางที่กิ๊บนั้นถูกโยนทิ้งไป
แล้วหันมามองพสุธด้วยแววตาแวววับ กำหมัดแน่น กัดฟันจนได้ยินเสียง
ก่อนจะกระโจนเข้าใส่พสุธ ทั้งเตะทั้งต่อย และชกเขาพัลวัลด้วยโทสะ
เมื่อโทสะกับโทสะเจอกัน จึงมีแต่จะพินาศย่อยยับกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้นเอง
พสุธเองพยายามหลบหมัดหญิงสาวที่กราดเข้าใส่ไม่ยั้งมือ
“ฉันเริ่มหมดความอดทนกับคนอย่างนายแล้วนะ…”
พันทิวาต่อว่าอีกฝ่ายเสียงดังลั่น พยายามแกะมือที่เขาโอบเธอ
จากทางด้านหลังเอาไว้ออก
“คิดว่ามีแค่เธอเหรอที่ทนอยู่ฝ่ายเดียว…ฉันก็หมดความอดทน
กับคนหัวดื้อหัวแข็งอย่างเธอแล้วเหมือนกัน…”
“ฉันเกลียดนาย ได้ยินมั้ยว่่าเกลียด…ปล่อยนะปล่อย…”พันทิวาดิ้นรนอย่่างบ้าคลั่ง
“เธอมันบ้าไปแล้วแมงมุม…”พสุธพยายามรั้งร่างนั้นให้หายคลั่ง
“นายนั่นแหล่ะบ้า…รู้ก็รู้ว่าฉันหวง แล้วนายทำแบบนั้นทำไม…ทำทำไมเล่า
ฉันเกลียดนาย…เกลียด…”ถ้อยคำที่กรีดลงบนหัวใจทำให้คนฟังเริ่มทนไม่ไหวเช่นกัน
จึงเหวี่ยงร่างนั้นลงบนเบาะอย่างไม่แยแสก่อนจะตามติดและคร่อมร่างนั้น
จับแขนทั้งสองตรึงไว้กับเบาะอย่างแน่นหนา
“เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ…งั้นก็เกลียดให้หมดหัวใจ
เกลียดให้ถึงที่สุดไปเลย…”
พูดจบก็ก้มลงจูบหญิงสาวด้วยแรงโทสะ
…เขาอุตส่าห์รักเธอ…แต่ดูสิ่งที่เธอตอบแทนเขาสิ…
เธอให้เขากลับมาแค่คำว่า เกลียด
มองเขาเหมือนเขาเป็นแค่ตัวอะไร
แล้วมองพี่ชายของเขาด้วยสายตาเทิดทูนเอาไว้เหนือหัว
มันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยได้จากเธอเลยสักครั้งเดียว…
ขนาดแต่งงานกันแล้วเธอก็ยังไม่เลิกมองพี่ชายของเขาแบบนั้นอีก…
แถมยังปรนนิบัติพัดวีให้อย่่างรักใคร่ห่วงใย…จะมีสามีที่ไหนทนไหว…
…ในเมื่อไม่ได้ความรักจากเธอก็ขอแค่ได้คำว่าสามีอย่างเต็มตัวก็แล้วกัน…
“ปล่อยนะ…ปล่อย…ฉันขยะแขยงคนอย่างนายได้ยินมั้ย...”
พันทิวาพยายามหลบหลีกพลิกตัวหนีชายหนุ่ม
จนเสียงเอะอะจากการตะลุมบอนของคนทั้งสองตั้งแต่ต้น
จนกระทั่งถึงตอนนี้ได้ยินไปถึงหูของคนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ
ทำให้ตะวันตกใจลุกขึ้นนั่ง ให้พยาบาลที่นอนเฝ้าพาไปดู
ว่าเกิดเหตุอะไรในห้องน้องชาย เพราะเขาได้ยินเสียงปาข้าวของ
และเสียงทะเลาะกันดังลั่นห้อง…เกรงว่าจะมีใครเป็นอะไรไป
ด้วยความเป็นห่วงตะวันจึงเคาะประตูเรียกคนในห้อง
“ดิน…เปิดประตูให้พี่หน่อยดิน…”
พสุธผงกศีรษะขึ้นนิดนึง
แล้วทำเป็นหูทวนลมก้มลงซุกจมูกไปตามซอกคอของพันทิวา
“พี่เพลิง…ช่วยมุมด้วย…”
พันทิวาตะโกนเรียกคนที่อยู่หน้าประตูให้ช่วยเธอทันที…
“ดิน…เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้นะดิน อย่าทำอะไรบ้าๆนะดิน…”
ตะวันร้องเรียกน้องชาย เพราะได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเหลือของพันทิวา
หากพสุธกลับไม่สนใจ ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องได้เธอ!!!
เขาจะทำให้ม้าพยศตัวนี้ยอมสิโรราบคาบแก้วให้กับเขาให้จงได้...
ต่อให้ต้องยัดเยียดสิ่งที่ปากของเธอบอกว่ารังเกียจและขยะแขยงก็ตาม!!!
อยากจะเกลียดกันต่อจากนี้ก็เชิญเลย ในเมื่อไม่มีวันจะรักเขาอยู่แล้วนี่
“ไอ้คนชั่ว ไอ้คนเลว คนมักมาก...”พสุธบีบปากคนพูดด้วยแววตาดุดันก่อนตะคอกใส่
“คนชั่วคนเลวคนนี้น่ะผัวเธอ…จำไว้ให้ขึ้นใจ…
แล้วคราวหน้าคราวหลังก็ไม่ต้องไปขอให้เด็กช่วยบอกให้พี่เพลิง
มาเสกลูกเข้าท้องให้เธออีก เพราะฉันเองก็ทำได้ไม่แพ้พี่เพลิงหรอก…
แถมยังมีสิทธิ์โดยชอบธรรมมากกว่่าพี่เพลิง…ที่เธอทั้งรักทั้งหลง
อยากได้กี่คน บอกฉัน ขอร้องฉันนี่…”
พสุธพูดพลางกดหญิงสาวไว้กับเตียงไม่ให้ดิ้นหลุด พันทิวาโกรธจัด
จนอยากจะตบเขาให้หน้าหันสักร้อยครั้งพันครั้งกับวาจาหยาบคายนั่น
“…ปล่อยนะ…ปล่อย…พี่เพลิง…ช่วย…”
ไม่ทันพูดจบพสุธก็หุบปากนั้นลงด้วยจุมพิตของเขา
ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วคว้าร่างที่กำลังจะติดปีกหนี
กลับมากอดแล้วตรึงลงบนเตียงอีกครั้ง…
แล้วปลดเสื้อผ้าของพันทิวาออกทีละชิ้น
หลังจากนั้นก็พาเธอออกเดินทางไปสู่ดินแดนที่หญิงสาว
มิเคยพบพานมาก่อนในชีวิตของลูกผู้หญิงที่อยู่ในกรอบของศาสนามาตลอด…
หญิงสาวผู้ที่ยังมิเคยผ่าน ยังไร้ราคีผ่าน ไม่เคยรู้การกามโลกีย์
จึงต้องพลีกายให้กับชายที่เย้ายวนวาจาเว้าวอนสอนวิชาความรู้ด้านนี้ให้กับเธอ
จนเธอไม่อาจต้านทานพลังเสน่หานั้นได้อีกต่อไป…
“ดิน…ดิน…”
ตะวันมองประตูห้องที่ตอนนี้เสียงทะเลาะดังลั่นในห้องได้เงียบลงไปแล้ว…
มือที่กำลังเคาะประตูอยู่จึงหยุดลงในบัดดล…
อากิโกะกับฑยาวีย์ที่ได้ยินเสียงแว่วๆดังจากข้างนอกเลยออกมาดู
ก็พบกับพี่ชายคนโตกำลังนั่งรถเข็นโดยมีพยาบาลยืนอยู่ข้างๆหน้าห้องของน้องชายคนเล็ก…
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่เพลิง…”อากิโกะถามพี่ชายด้วยสีหน้ากังวล
พลางมองไปยังประตูห้องของน้องชาย ตะวันหันมามองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก…ไปนอนกันเถอะ…”
คนพูดหันไปพยักพเยิดกับพยาบาลส่วนตัวของตนแล้วเข็นรถเข้าห้องไป…
อากิโกะหันมามองหน้าสามีแล้วยักไหล่…
ฑยาวีย์จึงโอบเอวภรรยาพากลับเข้าห้องของตน…
พันทิวามองเพดานห้อง หมดปัญญาดิ้นรน จนต้องตกเป็นของเขา
เธอไม่เคยแพ้พ่ายต่อใครจนหมดสภาพเช่นนี้มาก่อน…
เขาคงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่เอาชนะเธอได้สินะ…
พันทิวาปาดน้ำตาที่อยู่ตรงหางตาทิ้ง
ความเจ็บปวดทางร่างกายยังคงมิได้จางหาย…
ส่วนความเจ็บปวดทางใจ ตอนนี้บาดแผลมันยังรู้สึกชามากกว่าจะเจ็บ
พสุธผงกศีรษะแล้วตะแคงข้างเอามือเท้าศีรษะก้มลงหอมแก้มพันทิวา
ระเรื่อยจนถึงบ่าและลำแขนนวลเนียนก่อนจะสวมกอดหลวมๆ
โดยที่พันทิวามิได้ขัดขืนแต่อย่างใด…
ใจเขาหล่นหายเมื่อเห็นแววตาเลื่อนลอยไร้แววของเธอ…
…เธอคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแล้ว…ถึงได้ไม่ยอมสบตาเขา
ไม่ยอมพูดกับเขาแบบนี้…แม้แต่เสียงร้องก็ไม่มีให้ได้ยิน…
นอกจากน้ำตาเท่่าน้ันที่เป็นสื่อบอกเขาถึงความเจ็บปวดของเธอ
“ฉัน…รักเธอ…แมงมุมของฉัน…”พันทิวาน้ำตาร่วงพรู
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบข้างๆหูเธอ หญิงสาวจึงตะแคงข้างหันหลังให้เขา
หากพสุธก็ยังคงกอดเธอเอาจากทางด้านหลังแน่น…
“เธอจะเกลียดฉัน…ก็ไม่เป็นไร…ตามใจเธอ….
แต่ฉันรักเธอ…รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กว่าจะรู้ก็รักเธอไปแล้ว…
รักจนทนมองเห็นเธอรักพี่เพลิงไม่ได้…”
พันทิวาลุกขึ้นนั่ง เท้าวางไว้บนพื้น หันหลังให้พสุธ
แล้วหยิบชุดนอนตัวยาวขึ้นมาสวม กล่าวกับเขาเบาๆ
ก่อนจะลุกเดินเลี่ยงข้าวของที่ตกเรี่ยราดตามพื้นห้อง
รวมทั้งระวังเศษแก้วตำเท้าตลอดทางไปยังห้องน้ำว่า…
“คนอย่างนาย…รักใครไม่เป็นหรอก…อย่าพูดว่ารักให้เปลืองน้ำลายเลย…”
พสุธมองเรือนร่างของภรรยาของตัวเองที่เดินไปยังห้องน้ำ
ด้วยแววตาเจ็บปวด…เจ็บแปลบไปทั้งใจ…
ทำไมเขาจะรักใครไม่เป็น ห่วงใครไม่เป็น…เธอเอาอะไรมาวัด
เธอเอามาตรฐานอะไรมาตัดสินคำว่ารักของเขา…
พันทิวาออกจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำถูตัวเอารอยราคีคาวออกอยู่เป็นชั่วโมง
ก็พบว่าห้องที่เคยเกลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของบัดนี้กลับมาสะอาดตาดังเดิม
โดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องอีกคนหายไปไหน
“ช่างสิ…จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย…”
พันทิวาปาดน้ำตาที่อยู่ๆก็ไหลออกมาอีกแล้วอย่างเซ็งๆ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอกับเขาต้องมาพบกัน
ไม่เคยคิดอยากที่จะผูกพันกับเขา ไม่เคยนึกฝัน…
แต่แล้วก็ต้องมีเขามาอยู่ข้างๆ เปลี่ยนโลกทั้งใบของเธอไปไม่เหมือนเดิม…
เขาทำอย่างนี้กับเธอได้อย่างไร เธอไม่น่าหลวมตัวแต่งงานกับคนอย่างเขาเลย
ไม่น่าพาตัวและหัวใจมาติดหลุมพรางของเขาเลย...ไม่น่าเลย...
พันทิวาทรุดเข่่าลงนั่งพับเพียบบนพื้นห้อง ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นนิ่งนาน
…เจ็บกายนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บที่ใจนี่สิ…ทั้งเจ็บทั้งอาย
พี่เพลิงและใครๆในบ้านต่างก็รู้กันหมดแล้ว
เขาไม่เคยแคร์เธอ ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย
แล้วจะให้เธอรักผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร…
เขาบอกว่ารักเธอได้อย่างไร...คนรักกันเขาทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร...
พสุธยืนมองภาพนั้นอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่นาน…
ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าไปกอดเธออย่างที่ทำก่อนหน้านี้…
แต่เมื่อเห็นพันทิวาลุกขึ้นเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋า
ชายหนุ่มจึงทนดูไม่ได้ รีบวิ่งเข้ามาห้ามและยึดกระเป๋าเดินทางเอาไว้
“เอามานี่นะ…”พันทิวาตวาดลั่นห้องแล้วพยายามแย่งยื้อกระเป๋าคืน
แต่ด้วยร่างกายที่ยังคงปวดหนึบอยู่ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
ร่างสูงโปร่งถึงกับเซ พสุธรีบคว้าเอาไว้ได้ทัน…
ก่อนจะฉวยโอกาสอุ้มเธอขึ้นแล้ววางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ…
หยดเลือดที่เปื้อนผ้าปูที่นอนนั้นเตะตาชายหนุ่ม
…แน่นอน เขารู้ดีว่าภรรยาของเขายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเขาเป็นคนแรกของเธอ…
เมื่อครู่คือครั้งแรกของเธอที่เขาเผลอตัวทำรุนแรงออกไปโดยไม่ทันยั้งใจ…
“อย่าไปเลยนะ ฉันขอร้อง…”น้ำเสียงนุ่มๆกับแววตาอ้อนวอนนั้น
ทำให้พันทิวานอนนิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตานั่น
“อยู่กับฉันที่นี่เถอะนะ…ฉันขอโทษ…ขอโทษ…”
“แต่ฉันอาย…ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…”
พสุธลอบยิ้มกับกริยาท่าทางและแก้มแดงๆของคนพูดที่ไม่ยอมสบตาเขา…
“ไม่เห็นต้องอายเลย…ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าเธอกับฉันแต่งงานกันแล้ว…
หรือว่าอายพี่เพลิง…”
เสียงนิ่มๆในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแข็งๆนิดๆในตอนท้าย
ทำให้พันทิวาหันกลับมามองหน้าคนพูดที่ก้มลงมาใกล้เธอเพียงนิด…
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันมีผลต่อหัวจิตหัวใจเธอได้ขนาดนี้เลยหรือ
เธอไม่เคยรู้เลยว่า มันจะมีอิทธิพลต่อเธอ ขนาดทำให้อะไรๆในกาย
และใจเปลี่ยนไป...มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ...
หัวใจเธอเต้นแรงยามที่อยู่ใกล้เขาเช่นยามนี้..
.ความรู้สึกที่มีต่อเขาทำไมมันดูจะไม่เหมือนเดิม...
มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจเธอกันแน่...
“เลิกรักพี่เพลิงแล้วหันมารักฉันแทนได้มั้ย…”
เสียงนั้นราวกับขอร้องปนอ้อนวอน…จนพันทิวาสบตาคมที่จ้องมองมาด้วยความสับสน
ก่อนจะส่ายหน้าไปมาบนหมอนนุ่ม
“ฉันไม่แน่ใจ…”
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอจะขอเวลา…ฉันไม่รีบ…ขอเพียงให้เธออยู่กับฉันที่นี่
ฉันจะทำให้เธอรักฉันเอง…”
พสุธยิ้มให้พันทิวาก่อนจะผละออกแล้วดึงผ้ามาห่มกายเธอ
ก่อนจะเดินอ้อมเตียงขึ้นไปนอนอีกฟากแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้
สวมกอดพันทิวาเอาไว้หลวมๆ
หญิงสาวขัดขืนในตอนแรก แต่ก็ต้องยอมจำนน
เมื่อพสุธหอมแก้มเธอฟอดใหญ่พลางกล่าวว่า
“หลับกันเถอะ…ไม่เหนื่อยบ้างรึไง…ฮึ…”
เท่านั้นพันทิวาก็หันหลังให้คนพูดด้วยความเขินอาย
พสุธจึงโอบกอดเธอทางด้านหลังเอาไว้
แล้วเกยศีรษะกับหมอนใบเดียวที่เธอหนุนอยู่…
“หลับฝันดีนะครับ…”น้ำเสียงนุ่มๆที่พันทิวาไม่เคยได้ยินจากปากของเขามาก่อน
ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกๆในหัวใจขึ้นมา…
“อย่าลืมฝันถึงกันด้วยนะ…”อีกครั้งที่น้ำเสียงนั้นทำพันทิวาหวั่นไหว
เธอไม่เคยรู้สีกแปลกๆแบบนี้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต
แม้แต่พี่เพลิงเธอก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้
…ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรหนอ…
คิดไปคิดมา หญิงสาวก็ค่อยๆเผลอหลับไป เสียงที่เงียบไปของทั้งสอง
ทำให้ตะวันที่นอนอยู่ห้องข้างถึงกับโล่งอกที่ศึกระหว่างน้องชายกับน้องสะใภ้
ลงเอยได้โดยไม่มีการขนข้าวของหนีออกจากบ้านยามวิกาล…
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเกรงๆอยู่ว่าน้องชายจะเอาพันทิวาไว้ไม่อยู่
เพราะเธอทั้งดื้อทั้งหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้ใครง่่ายๆ
แต่ก็น่าเหลือเชื่ออีกเช่นเคย…เจ้าดินน้องชายสามารถทำให้แมงมุมแสนซน
จนมุมไม่หนีไปไหนได้…
เขาจึงเริ่มแน่ใจว่าพันทิวาต้องมีใจให้น้องชายของเขาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
มิเช่นนั้นคงไม่ยอมอ่อนให้ง่ายๆอย่างที่เป็นอยู่
…หากเจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าเท่านั้นเอง…
“แกว่าไงถ้าฉันจะขอทำเรื่องย้ายลงไปทำงานที่กระบี่…”
ปองขวัญถามความเห็นจากเพื่อนสนิท
ขณะที่นั่งมองเพื่อนกำลังเย็บชุดแต่งงานอยู่
“ก็ดีอ่ะสิ…แกจะได้กลับไปอยู่ดูแลพ่อกับแม่ไง
อีกอย่างแกกับพี่ลมจะได้อยู่ใกล้กันด้วย…แต่งงานกันไปจะได้ไม่ยุ่งยาก…”
ท้ายประโยคสิ้นรักยิ้มให้เพื่อนด้วยแววตาหยอกเอิน ทำเอาปองขวัญหน้าแดงเถือก
“พี่ลมคงคิดการณ์ไกล เลยไปตั้งบริษัททัวร์ที่บ้านเกิดแกพอดิบพอดีตั้งแต่เรียนจบเนอะ…
นี่ก็นานเกินไปแล้วด้วย แกก็รีบๆตกลงปลงใจซะทีสิ อย่าปล่อยให้พี่ลมรอนานนัก
เดี๋ยวก็โดนมือดีมาฉกไปหรอก พี่ลมไม่ใช่คนขี้เหร่อยู่ด้วย หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล
คุณงามความดีก็แสนจะมีครบ แกจะหาผู้ชายแบบนี้ได้ที่ไหนอีก…”
สิ้นรักสาธยายถึงคุณสมบัติของอดีตพี่รหัสให้เพื่อนฟังเผื่อจะช่วยให้ปองขวัญ
เลิกเล่นตัวยอมตกลงแต่งงานกับอดีตพี่รหัสของเธอไปสักที
“ก็กำลังรอแกกับพี่รังอยู่นี่ไง…”
“โอ้ย…อย่ารอฉันกับพี่รังเลย…ตอนนี้แม่จงอางยังไม่ยอมเปิดทางให้
จะแต่งงานได้ยังไงล่ะ…”ปองขวัญยิ้มแหย
“ใช่สินะ…แล้วทำไมแกไม่ลงไปทำคะแนนบ้างล่ะ ปล่อยไว้นานๆ
ระวังจะโดนฉกไปเหมือนกันนะ…คนดีๆและแสนจะสมบูรณ์แบบอย่างพี่รังน่ะ
ไม่ได้หาง่ายๆเหมือนกัน…ถ้าแกปล่อยให้หลุดมือไป ฉันว่าแกโง่และเซ่อที่สุด…”
สิ้นรักอมยิ้มให้กับเพื่อนรักที่เข้าใจตอกกลับ…
“ดูภายนอกน่ะ พี่รังก็ดูดีไปหมดอย่างแกว่านั่นแหล่ะ
แต่ถ้าใครไม่ลองมาคบดูอย่างฉัน คงไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องเผชิญอยู่หรอก…
มิใช่ว่าฉันจะกลัวการแต่งงานนะไอ้ปอง…
ฉันพร้อมจะแต่งงานกับพี่รังทุกเมื่อ ขอแค่แม่ของพี่รังจะไม่รังเกียจฉัน
เพียงแต่ฉันแน่ใจว่าชีวิตหลังแต่งงานของฉันคงไม่ราบรื่นเท่าไหร่หรอก
เพราะขนาดเรื่องที่เขาหายตัวไปคราวนั้น จนบัดนี้เขาก็ไม่ยอมเปิดปาก
เล่าอะไรให้ฉันฟังบ้างเลย…คนเรารักกันและพร้อมจะเดินไปด้วยกัน
แต่ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจกัน ฉันว่ามันดูแปลกๆอยู่นะปอง…”
“แกก็คิดมาก พี่รังคงไม่อยากให้แกไม่สบายใจน่ะสิ…
ความจริง แกก็ไม่น่าคิดมากเรื่องนั้นเลย…”สิ้นรักลอบถอนใจ
ก่อนจะยิ้มให้เพื่อน
“ฉันรักพี่รัง อย่างไรฉันก็คงต้องรักไปอย่างนี้แหล่ะแก
พี่รังจะเป็นอย่างไร ฉันก็คงต้องยอมรับให้ได้…ก็คนมันรักนี่นา ให้ทำไงเนอะ…”
ปองขวัญแตะหลังมือเพื่อนเบาๆเป็นการปลอบใจ
เพราะรู้ดีว่ารังสิมันต์อดีตพี่รหัสของเธอนั้นเป็นคนที่อ่านใจยาก
แทบเดาความคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร…
จนบางครั้งยิ่งคบกันก็ยิ่งเหมือนไม่รู้จักกัน…
เธอเข้าใจหัวอกเพื่อนรัก หากก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจ นั่นคือหัวใจของพี่รัง…
ที่เมื่อรักใครแล้วก็จะรักอย่างมั่นคง แน่วแน่
มิเช่นนั้น จะอยู่เป็นโสดมาจนบัดนี้ได้หรือ ทั้งๆที่หน้าตา ฐานะ
ชาติตระกูลก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร…มีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ
สติปัญญาก็แสนจะปราดเปรื่อง…ถ้ามิใช่เพราะพี่รังเป็นคนที่จริงจัง
กับเรื่องความรักแล้วล่ะก็ ป่านนี้คงมีแฟนไปแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน
อาจเป็นเพราะพี่รังเป็นคนเคร่งศาสนา จึงมิยอมปล่อยใจไปตามกิเลสมากมาย
อย่างหลายๆคนที่เธอเจอะเจอ…
“ว่าแต่แกจะทำเรื่องย้ายกลับบ้านเมื่อไหร่เหรอ…”
“คงจะย้ายได้ประมาณเดือนหน้าน่ะ…”
“ยินดีด้วยนะ…ที่เรื่องทุกอย่างลงเอยได้ด้วยดี…ว่าแต่แกยังเจอ
อะไรๆที่เคยเจออยู่อีกรึเปล่า…”ปองขวัญส่ายหน้า
“ตั้งแต่กลับจากไปพบแม่นมของแกมา ฉันก็ไม่เจออีกเลย…
พระเจ้าจะอยู่กับเรา และคอยคุ้มครองเราเสมอ…”
สิ้นรักยิ้มกว้าง วางมือจากงานที่ทำแล้วกุมมือเพื่อนเอาไว้แน่น
“หวังว่าแกจะให้อภัยตัวเองได้แล้วนะ…”ปองขวัญพยักหน้า
“ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเลยล่ะ…ตั้งแต่ที่พวกเราได้ทำบุญ
ให้กับอนงค์และลูกของอนงค์…”สิ้นรักมองสีหน้าแววตาของเพื่อน
ที่ดูอ่ิมเอิบขึ้นก็รู้ว่าเพื่อนมีความสุขกายสบายใจดี
“อีกอย่าง…ฉันคงไม่ต้องห่วงพี่ตามมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
เดี๋ยวนี้พี่ตามดูมีความสุข ยิ้มได้ อารมณ์ดี…และอีกไม่นาน
ฉันก็หวังว่าพี่ตามจะได้แต่งงานกับคนที่รักอย่างพี่เพลิงสักที…
กิจการทางนี้ก็มีพี่ปุ๊คอยช่วยเหลือดูแลอยู่แล้ว
กลับบ้านคราวนี้ ฉันก็อยากใช้เวลาอยู่ดูแลพ่อกับแม่ให้เต็มที่
ท่านเองก็คงอยากให้ลูกๆกลับไปอยู่ใกล้ๆ ดูแลท่านยามแก่เฒ่าด้วยล่ะ…
พี่ลมเองก็แวะเวียนไปเยี่ยมเยือนท่่านตลอด
แม่ยังพูดให้ฟังอยู่เรื่อยเวลาคุยโทรศัพท์กัน…”ปองขวัญเล่าให้สิ้นรักฟัง
ด้วยแววตาสุขใจไร้กังวล จนเพื่อนอดยินดีด้วยไม่ได้
“ก็ดีแล้ว อะไรๆดูลงตัวอย่างนี้ ฉันว่านี่แหล่ะฤกษ์ดีที่แกควรจะ
ลงจากคานน้อย คอยรักซ้ากกกกกที…”ปองขวัญยิ้มขันกับถ้อยคำนั้น
“ฉันเองก็เพิ่งจะได้สัมผัสกับความลงตัวในชีวิตเป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนต้องทำทุกอย่างไปตามความเหมาะสม ไม่ค่อยได้ทำอะไร
ตามใจตนเองสักเท่าไหร่…ช่วงนี้เลยรู้สึกว่าทำอะไรแล้วแสนจะง่ายดายไปหมด…
มองเห็นอะไรแจ่มชัดขึ้น…”
“แกควรจะขอบคุณพระเจ้า…”ปองขวัญยกมืออีกข้างของตนวางบนมือของส้ินรักแล้วยิ้มให้
“และก็ต้องขอบใจเพื่อนดีๆอย่างแกด้วย…ฉันดีใจนะที่แกกลับมา
แกทำให้ฉันมีความสุข…ถ้าแกไม่กลับมา ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะยิ้มได้
มีความสุขอย่างวันนี้รึเปล่า…แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน…”
“แกก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันมีเหมือนกัน…เพื่อนก็ต้องไม่ทิ้งเพื่อนสิ
อย่างไรฉันก็ต้องกลับมาหาเพื่อนอย่างแกอยู่แล้ว
ขอให้แกจำไว้ว่าไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ใดในโลกนี้
แล้วแกหาฉันไม่เจอ…ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ ขอให้แกรู้เอาไว้ว่า
ฉันจะกลับมาหาแกในสักวัน…แกจะยังคงมีฉันเสมอ…”
“แกพูดเหมือนแกจะไปไหนงั้นแหล่ะ…”
“ฉันก็พูดเอาไว้…อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน…แต่ที่แน่นอนก็คือฉันรักแกนะ…”
“ฉันก็รักแก…”ปองขวัญยิ้มกว้างแล้วกอดสิ้นรักเอาไว้แนบแน่น
“ฉันดีใจที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ครั้งนั้นที่เราจากกัน ฉันยังคงเฝ้าคอยแกกลับมาตลอด…
แกก็อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกล่ะ…”สิ้นรักยิ้มกว้างให้เพื่อนรัก
“ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาทุกครั้งที่แกต้องการ…ขอให้แกบอกมา
ฉันจะไปหา…จะไม่ทิ้งแกไปไหน…ถ้า…”
“ถ้าอะไร…”
“ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่…”ปองขวัญน้ำตารื้นทันทีกับถ้อยคำนั้น
“แกพูดเหมือนอนงค์…อนงค์ก็เคยบอกเอาไว้อย่างนั้น…แกกำลังทำให้ฉันกลัว…”
สิ้นรักหัวเราะขันกับสีหน้าท่าทางของเพื่อน
“แกคงจะลืมไปแล้วว่า คำพูดที่ฉันพูดกับแกไปทั้งหมดน่ะ
แก ฉัน และอนงค์ เราสามคนเคยให้คำมั่นสัญญาต่อกันอย่างนั้น…”
ปองขวัญยิ้มเก้อทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนั้น
“เออ…ใช่ด้วย…นี่แกยังไม่ลืมคำมั่นสัญญานั่นอีกหรือ”
“จะลืมได้ยังไง ถ้าลืมแล้วฉันจะกลับมาหาแกทำไม อยู่ญี่ปุ่นก็สบายดีอยู่แล้ว…
ไม่ค่อยมีเรื่องให้ปวดหัวเหมือนอยู่ที่นี่เลย…
ที่ฉันกลับมาเพราะมาตามคำมั่นสัญญาและมาทวงสัญญา…”
“ทวงสัญญา?”ปองขวัญเลิกคิ้วสูง
“ใช่…ฉันมาทวงสัญญาใจจากพี่รัง…”ปองขวัญยิ้มอย่างเข้าใจ
“ฉันกับพี่รังเราเคยเล่นแต่งงานกันเมื่อตอนเด็กๆ…
เราสัญญากันว่าจะรักจะครองคู่กันตลอดไป…จะไม่ลืมกัน…
ฉันเคยทำผิดสัญญา เพราะฉันลืมพี่รังไปหลายปี
กว่าความจำจะกลับมา กว่าจะจำพี่รังได้ พ่อบันก็จัดการส่งฉันไปญี่ปุ่นแล้ว…
กลับมาคราวนี้ ฉันเลยกะจะมาทวงสัญญาใจที่เด็กชายรังสิมันต์
เคยให้ไว้กับเด็กหญิงสิ้นรักไง…แกว่ามันดูตลกไปมั้ย…”
สิ้นรักถามเพื่อนด้วยรอยยิ้มขัน ปองขวัญส่่ายหัวไหวๆก่อนจะถามแบบขำขันออกไปว่า
“ว่าแต่ตอนทำพิธีน่ะ มีใครรับรู้บ้างล่ะ…”
“นายรักไง…”
“แสดงว่าพิธียังไม่สมบูรณ์ เพราะขาดพ่อบันกับพยานอีกคน…”
“นั่นแหล่ะ…ฉันถึงต้องกลับมาทำพิธีให้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ไงแก…”
“แกนี่มึนจริงๆไอ้สิ้น…”ปองขวัญส่ายหน้าไหวๆมองเพื่อนอย่างขำๆ
“ถึงจะมีน แต่ฉันเอาจริง ทำจริงนะแก…คอยดูสิ…เคลียร์งานทางนี้เสร็จ
ฉันจะบุกดงจงอางแล้วเอาไข่มาครอบครองให้ได้เชียว…”
“แล้วเมื่อไหร่จะเคลียร์เสร็จ…ฉันเห็นแกเคลียร์มาเป็นเดือนๆแล้วนา…”
“ใกล้แล้วล่ะ เหลืออีกสองงานก็เสร็จแล้ว หลังจากนี้จะปิดจ๊อบชั่วคราว
ถ้าเกิดฉันได้แต่งงานขึ้นมาจริงๆ ฉันคงต้องลงไปอยู่ที่ใต้ เปิดสาขาใหม่
งานทางนี้ก็ยกให้พี่เริศสานต่อ…เพราะฉันอยากอยู่ใกล้ๆพี่รัง
อีกอย่าง แม่แพรว ฉันหมายถึงแม่ของพี่รังก็ยังไม่มีใครคอยดูแล
ถ้าแต่งงานกับพี่รังไป ฉันก็อยากอยู่ดูแลแม่ของพี่รัง…
ท่านอายุมากแล้ว…ควรจะมีลูกๆคอยอยู่เคียงข้าง เพราะนายรักเองคงยาก
งานทางนี้มีมากเกินกว่าจะลงไปช่วยดูแลท่่านได้…
คงจะมีแต่พี่รังที่งานการอยู่ใกล้ท่านที่สุด…จะเอาใจท่านยากแค่ไหน
ฉันก็ต้องสู้ ความพยายามอยู่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น
แกเคยได้ยินมั้ยไอ้ปอง…”ปองขวัญฟังเพื่อนบรรยายแผนผังชีวิต
ให้ฟังเป็นฉากๆแล้วแอบขำไม่ได้กับท้ายประโยค…
“ฉันเคยได้ยินแต่ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น…”
“แหม…แกก็เชยไปได้…เดี๋ยวนี้ความพยายามอยู่ที่ไหน
ใช่ว่าความสำเร็จจะอยู่ที่นั่นเสมอไปนี่…ฮ่าๆๆ”
“แกนี่พูดเหมือนแช่งตัวเองนะเนี่ย…”
“แช่งที่ไหน…ฉันปลอบใจตัวเองเผื่อไม่สำเร็จไว้ไงแก…
แกก็รู้ว่าฉันเป็นนักสู้ผู้มีความพยายามเป็นเลิศ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จทุกเรื่องนี่…
ล้มไม่เป็นท่ามาก็หลายเรื่องอยู่…เรื่องแต่งงานกับพี่รังนี่ก็น่าหวั่นอยู่ไม่น้อย
แกจะไม่ให้ฉันเผื่อใจไว้เจ็บบ้างเลยเหรอ…ฉันเคยเจ็บปางตาย
เพราะครอบครัวพี่รังมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้ซ้ำรอยเดิมอีกแล้วล่ะแก…”
แววตามาดมั่นนั้นทำให้ปองขวัญมั่นใจ
ว่าเพื่อนรักคนนี้จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้
หากล้มลง เพื่อนเธอคงเอาชีวิตรอดกลับมาได้
“ถ้าแกล้ม แกอย่าลืมว่าแกยังคงมีฉันนะไอ้สิ้น…”สิ้นรักยิ้มให้เพื่อนรัก
“แกก็เหมือนกัน…ถ้าชีวิตพังแกก็ยังคงมีฉันเสมอ…ซึ้งมั้ยล่ะ…”
ทั้งสองต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน อย่างน้อยก็มีหลักประกัน
เอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองจะยังคงมีกันและกันตลอดไป…
...โปรดติดตามตอนต่อไป......
และแล้วแมงมุมสารพัดพิษก็โดนจับกินจนได้...เหอะๆๆ...
เมื่อวานไม่ได้เข้ามาโพสต์ ไม่ใช่ว่าไปลอยกระทงที่ไหนหรอกค่ะ...
แต่งานเข้าตั้งแต่เช้าจวบจนเที่ยงคืน...
ขอคุยกับนักอ่านกันนะคะ
1.คุณviolette....ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม....
เอาคู่กัดมาให้กัน เอาให้หนำใจไปเลยค่ะ...อิอิ
2.คุณบัวขาว...ว้าวววววว...มาแล้วๆ แสดงว่าหายป่วยแล้วใช่มั้ยคะ....
ขอบคุณนะคะสำหรับเป็ดไก่ที่ช่วยจับให้โย...และขอบคุณสำหรับรอยยิ้มด้วยค่ะ
3.คุณgoldensun...ใช่แล้วค่ะ การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของคู่นี้ค่ะ...
ต้องมารอดูกันต่อไปค่ะว่า สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม....รวมทั้งคำผิดด้วยนะคะ
4.คุณkonhin...นั่นน่ะสิคะ ทำไมต้องหยุดอยู่ที่เขาด้วย...
แต่งานนี้คงต้องหยุดไว้ที่เธอซะแล้วล่ะค่ะ เพราะโดนจับกินซะแล้ว..อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้เต่าโย
5.คุณหมีสีชมพู...ใช่แล้วค่ะ...บางคนที่คิดว่าร้ายอย่างพริกก็มีมุมที่น่าสงสาร
และน่าเห็นใจอยู่เหมือนกันนะคะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
6.คุณPampam...ยกนี้คนจริงโดนจับกินไปเรียบร้อยโรงเรียนนายดินซะแล้วค่ะ
พ่ีเพลิงก็พี่เพลิงเถอะ...งานนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย...อิอิ
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจน่ารักๆ
7.คุณaom...อาจจะเริ่มรู้ตัวแล้วก็ได้ค่ะ...โดยเฉพาะยกนี้
นายดินเผยความในใจออกไปจนได้ เหลือแต่แมงมุมล่ะคราวนี้
ที่ยังไม่รู้หรือเพราะยังสับสนอยู่ ต้องมาดูกันต่ะค่อ...
8.คุณAprilSK...มาแรงเคลมเร็วค่ะ...อิอิอิ...
คนอ่านอ่านไปอาจจะงงๆไปว่า เขารักกันได้เร็วขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไร
ทำไมคู่นายหัวรังของเรารักกันมาตั้งนาน ยังปล่อยให้อีกฝ่าย
รออยู่บนคานอยู่เลย...อิอิอิ...อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ...
คู่เอกนั้นอุปสรรคเยอะไปหน่อย...เหอะๆๆ
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...จุ๊บๆค่ะ
9.คุณsupayalak...ยกนี้ก็มาให้ลุ้นกันจนปวดไตค่ะ...
และแล้ว...ก็ไม่แคล้วเสร็จเจ้าหลุมดำไปแล้วค่ะ...
ส่วนนายดินจะติดใยแมงมุมจนแกะไม่ออกรึเปล่านั้น
จากที่ดูสภาพแล้วก็ไม่น่าจะแกะได้นะคะ...ใยรักเธอเหนียวแน่นและแน่นหนา...อิอิอิ...
ขอบคุณค่ะที่มาส่งกำลังใจให้เต่าโยกันเป็นประจำ...จุ๊บๆค่ะ
สุดท้ายไม่ท้ายสุด...
ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ และทุุกๆคนที่เข้ามาอ่านมาติดตามกันค่ะ...
เป็นโชคดีที่โยเขียนเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนำมาโพสต์
ไม่อย่างนั้นนักอ่านที่กำลังติดตามอาจจะขัดใจได้
เนื่องจากช่วงนี้ชีวิตคนเขียนค่อนข้างจะดราม่าไปหน่อยค่ะ...
ฟิวส์เกือบจะขาดเลยทีเดียวกับอะไรหลายๆอย่างที่พบเจอเมื่อวาน
เต่าเลยต้องหดหัว ไม่โผล่หน้ามาน่ะค่ะ...อิอิอิ...
ต้องขอโทษด้วยนะคะ หากเกิดทำให้นักอ่านบางท่านรอ...
ว่าแต่มาแบบยาวๆอย่างนี้ ลำบากมั้ยคะเวลาอ่าน
เพราะคงต้องใช้เวลาในการอ่านแต่ละตอนมากอยู่...
ยังไงก็...
...คืนนี้...หลับฝันดี...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ย. 2555, 21:33:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ย. 2555, 21:33:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 2659
<< ยกที่ 56 ฝากความยินดี | ยกที่ 58 รักครั้งสุดท้าย >> |


mhengjhy 29 พ.ย. 2555, 22:33:15 น.
คุณดินใจร้ายยยยย
คุณดินใจร้ายยยยย

konhin 29 พ.ย. 2555, 22:44:20 น.
พี่รังโผล่มาแต่ชื่ออ่ะ หายไปไหนอีกแล้ว ว่าแต่ ยัยว่าที่คู่หมั้นกำจัดหรือยังคะพี่รัง
พี่รังโผล่มาแต่ชื่ออ่ะ หายไปไหนอีกแล้ว ว่าแต่ ยัยว่าที่คู่หมั้นกำจัดหรือยังคะพี่รัง

บัวขาว 29 พ.ย. 2555, 22:47:47 น.
ยังป่วยอยู่ค่ะ (อาการไอ) ...
แต่ก็อดไม่ได้ .. มาเยี่ยมหน้ามองๆ
=^_^=
ยังป่วยอยู่ค่ะ (อาการไอ) ...
แต่ก็อดไม่ได้ .. มาเยี่ยมหน้ามองๆ
=^_^=

Littlewitch 29 พ.ย. 2555, 23:33:58 น.
งานยังไม่เสร็จตามแผนแปลว่าจะยุ่งยาวเช่นกันคะ เพิ่งบ่นเรื่องงานหนักน้องในทีมคนนึงถอดใจไม่มาทำงานวะและ เลยไม่มีอารมณสุนทรีย์ในการอ่านนิยายสักเท่าไรคะ
งานยังไม่เสร็จตามแผนแปลว่าจะยุ่งยาวเช่นกันคะ เพิ่งบ่นเรื่องงานหนักน้องในทีมคนนึงถอดใจไม่มาทำงานวะและ เลยไม่มีอารมณสุนทรีย์ในการอ่านนิยายสักเท่าไรคะ




แว่นใส 30 พ.ย. 2555, 08:48:25 น.
ระวังตัวนะ
ระวังตัวนะ

supayalak 30 พ.ย. 2555, 09:06:07 น.
วิ๊ววววว อุอุอุอุ ในที่สุดแมงมุมก็ถูกจับกินคุ้มค่าการรอคอยไรท์เตอร์มา 2 วัน ทีนี้แหละมาดูกันว่าระหว่างแมงมุมชักใย กับดินที่มีหลุมดำ ใครจะหลุดออกจากบ่วงก่อนกัน อย่ากระนั้นเลยนะ ถ้าหากจะเชียร์พี่ดินออกนอกหน้าไปนิ๊สนึง น้องมุมคงไม่ว่ากันเพราะพี่่ดินเค้ามาแนวฮาร์ดคอจับกินเราชอบบบบบบบ ตีกันให้เยอะๆเข้าไว้นะจ๊ะ จะได้มีน้องชายมาเป็นเพื่อนของน้องต้นงัย
วิ๊ววววว อุอุอุอุ ในที่สุดแมงมุมก็ถูกจับกินคุ้มค่าการรอคอยไรท์เตอร์มา 2 วัน ทีนี้แหละมาดูกันว่าระหว่างแมงมุมชักใย กับดินที่มีหลุมดำ ใครจะหลุดออกจากบ่วงก่อนกัน อย่ากระนั้นเลยนะ ถ้าหากจะเชียร์พี่ดินออกนอกหน้าไปนิ๊สนึง น้องมุมคงไม่ว่ากันเพราะพี่่ดินเค้ามาแนวฮาร์ดคอจับกินเราชอบบบบบบบ ตีกันให้เยอะๆเข้าไว้นะจ๊ะ จะได้มีน้องชายมาเป็นเพื่อนของน้องต้นงัย


wii 30 พ.ย. 2555, 10:06:19 น.
ข่มขืนเมีย เเล้วเมื่อไหร่เเมงมุมจะหายงอนเสียที หรือว่าต้องรอให้ท้องโย้ซะก่อนค่อยรู้ใจตัวเองว่ารักนายหินดินทรายเข้าให้เเล้ว หรือว่าต้องให้มีใครมากระตุ้นต่อมความรู้สึก
ข่มขืนเมีย เเล้วเมื่อไหร่เเมงมุมจะหายงอนเสียที หรือว่าต้องรอให้ท้องโย้ซะก่อนค่อยรู้ใจตัวเองว่ารักนายหินดินทรายเข้าให้เเล้ว หรือว่าต้องให้มีใครมากระตุ้นต่อมความรู้สึก

goldensun 30 พ.ย. 2555, 17:12:24 น.
ดินใจร้อนเกินไป มุมเริ่มดีด้วยแล้วแท้ๆ ดีที่ยังรู้จักง้อ
ดินใจร้อนเกินไป มุมเริ่มดีด้วยแล้วแท้ๆ ดีที่ยังรู้จักง้อ