คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก

ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที

เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ

อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)

มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...

...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...

หรือว่า

...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...

หรืออาจเป็นเพรา

...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...

หรือจริงๆแล้ว

...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...

หรือลึกลงไป

...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...

หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า

...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...

หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า

...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...

ทั้งๆที่จริงๆแล้ว

...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...

หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า

...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...

แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...

เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...


Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ

ตอน: ยกที่ 79 คนเดิมที่แตกต่าง




สวัสดีปีใหม่ค่ะนักอ่านที่น่ารักทุกๆท่าน...
เต่าโยรีบนำคานน้อย คอยรัก ยกล่าสุดมาให้อ่านกัน
หลังจากที่ลากลับบ้านไปเจอกับพายุฝน...นอนกกไข่อยู่หลายวันเลย...อิอิ

แล้วพรุ่งนี้จะมาคุยด้วยนะคะ...
วันนี้ขอชิ่งไปนอนก่อนเน้อ...
เพราะหลังจากได้พักก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่บริษัท
ที่รอเรียงคิวให้ทำเป็นแถวอย่างไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียวค่ะ...

พรุ่งนี้วันหยุด...อาจจะรีบมาโพสต์ให้กันแบบติดๆอีกค่ะ...

^^


มาต่อกันเลยค่ะ...

ยกนี้แก้มนักอ่านอาจเปียกปอนได้นะจ๊ะ...
(ไม่อยากทำให้เปียกปอนตอนเปิดศักราชใหม่เลย แต่ตอนนี้มันถึงคิวของยกนี้พอดี...อิอิ)





ยกที่ 79 คนเดิมที่แตกต่าง


รังสิมันต์มองภาพภรรยาของตนกำลังนั่งรับลมอยู่ตรงสนามหญ้าข้างๆเรือนบนเสื่อผืนใหญ่
มีของกินเล่นและเครื่องดื่มพร้อม…

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสร่าเริงของเธอดังมาถึงบนเรือน…

เขาน่าจะมีความสุขสิที่ได้รู้ว่าเธอมีความสุขและยิ้มได้
หากแปลกที่ใจเขาไม่อาจมีความสุขได้เมื่อเห็นเธอกำลังหัวเราะร่าเริงกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
แม้คนๆนั้น จะเป็นบุคคลที่เธอบอกเขามาเสมอว่าเป็นเหมือนน้องชายของเธอก็ตาม

…เขาไม่อยากเป็นผู้ชายที่คิดจุกจิกและขี้หึง…หากลึกลงไป หัวใจมันอดหวั่นไหวไม่ได้อยู่ดี…

ภาพที่เธอสนิทสนมกับเวนไตยมันเตะตาเขาจนหัวใจรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
ขนาดว่าเขากลับมาถึงเรือนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รับรู้…

ทุกครั้งเธอจะนั่งรอรับเขาที่ท่าเรือพร้อมด้วยรอยยิ้มและเสียงหวานๆ
ก่อนจะเกี่ยวแขนของเขาพาขึ้นเรือน จัดแจงให้เขาอาบน้ำ
ทำราวกับเขาเป็นเด็กน้อยที่เธอต้องเอาใจใส่ไม่ให้คลาดสายตาก็ไม่ปาน

พออาบน้ำเสร็จก็ช่วยแต่งตัวให้เขา แล้วก็พาเขาลงไปในครัว
รับประทานอาหารด้วยกัน มีเธอคอยตักโน่นตักนี่ให้…ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเขาไปด้วย

…หลายเดือนมานี่ เขาชินเสียแล้วกับการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆของเธอ…
จนทำให้เวลาห่างกัน เขาก็อดคิดถึงเธอและเรือนหลังนี้ไม่ได้ ใจอยากกลับมาที่นี่ทุกเมื่อเชื่อวัน…

ทว่า…วันนี้แปลกไป…เธอไม่เหมือนเดิม…หรือเป็นเพราะเขาคาดหวังกับเธอมากจนเกินไป

…อาจเป็นเช่นนั้น…

“อุ้ย…”สิ้นรักร้องอุทานเมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล้วพบว่าร่างของตัวเอง
ลอยหวือติดมือใครบางคนไป ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของสามี
รอยยิ้มของหญิงสาวจึงระบายออกด้วยความดีใจ…

“ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไงคะ…”รังสิมันต์เลิกคิ้ว…
เขาบอกเธอไปแบบนั้นหรือ

“พี่พูดแบบนั้นเหรอ…”สิ้นรักพยักหน้า

“ก็เมื่อวานรักโทรไปหา…พี่รังก็บอกว่าจะกลับพรุ่งนี้…ทำเอาใจเราห่อเหี่ยวไปทั้งคืน…
จะนอนก็นอนไม่หลับ…”สิ้นรักทำเสียงออดอ้อน
รังสิมันต์มองคนแสนงอนตรงหน้าแล้วนึกขึ้นได้…
เขาแกล้งพูดไปแบบนั้นเอง…อยากรู้ว่าเธอจะว่าอย่างไร…

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบ สิ้นรักจึงยกมือขึ้นลูบใบหน้าของสามีแล้วกอดเขาเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง…

“ไหนๆก็กลับมาแล้ว…รักขอกอดให้หายคิดถึงสักสิบนาทีนะคะ…พี่รังอย่าเพิ่งปล่อยรักลงนะ…”
รังสิมันต์จึงหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่แล้วกอดเอาไว้แนบแน่น…
ก่อนจะพูดเบาๆข้างๆหูของหญิงสาวว่า

“คราวหลัง…ห้ามนั่งกับหนุ่มคนไหนสองต่อสองแบบเมื่อกี้อีกนะ…
มันดูไม่ดี…คนที่เขาไม่รู้ เขาจะเอาไปพูดในทางเสียๆหายๆได้…”
สิ้นรักมองใบหน้าคนพูดแล้วเลิกคิ้วสูง

“พี่รังหมายถึงครูครุฑน่ะเหรอคะ…”รังสิมันต์พยักหน้า สิ้นรักถึงกับ
หัวเราะคิกคักในลำคอนิดนึง

“นี่อย่าบอกนะคะว่าหึงครูครุฑน่ะ…”รังสิมันต์เบี่ยงสายตาไปอีกทาง
หากสิ้นรักกลับหันไปจ้องตาคนที่พยายามหลบ…พร้อมรอยยิ้มขัน

“ตอนที่ยังไม่แต่งงานกัน ก็แอบหึงรักกับพี่ลม
มาตอนนี้ยังจะหึงรักกับครูครุฑอีกเหรอคะ…”สิ้นรักแซวอีกฝ่ายไม่เลิก

“พี่ไม่ได้หึง…แค่เห็นว่ามันไม่เหมาะ…เธอกับเวนไตยน่ะ
ไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันสักหน่อย…คนที่นี่ก็รู้กันดี…พี่ไม่อยากให้ใคร
มองเธอในทางไม่ดี…”สิ้นรักหุบยิ้มลงทันที เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายซีเรียสกับเรื่องนี้

“พี่รังไม่เชื่อใจรักเหรอคะ…หรือว่าไม่เชื่อใจครูครุฑ…พี่รังก็รู้นี่คะ
ว่าครูครุฑเขาไม่มีทางคิดกับรักเกินกว่าที่เป็นอยู่…เขารักซาเนียจะตาย
อีกอย่างความรักที่รักมีให้พี่รัง มันยังไม่พอให้พี่รังเชื่อใจรักอีกเหรอคะ”

รังสิมันต์วางร่างบางลงบนเตียงแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงก่อนจะลอบถอนใจ

…เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้
อ่อนแอขนาดนี้…หัวใจของเขาทำไมมันแกว่งไกว ไม่หนักแน่นอย่างแต่ก่อน…

สิ้นรักลุกขึ้นมานั่งข้างๆรังสิมันต์แล้วถามเขาด้วยสีหน้าตัดพ้อ…

“รักไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับภาพที่รักคุยกับครูครุฑเท่ากับพี่รังคิดยังไงกับมันมากกว่า…
คนอื่นเขาคิดเขารู้สึกไม่ดีไม่เป็นไร เพราะรักไม่อาจห้ามได้
แต่รักไม่อยากให้เป็นพี่รังที่มองว่ามันไม่ดี…เพราะพี่รังรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร…
รู้ด้วยว่ารักเป็นคนยังไง…อีกอย่าง รักกับครูครุฑเราพูดคุยกันในที่เปิดเผย มิได้แอบๆซ่อนๆ…

ที่สำคัญ…รักไม่เคยเลยสักครั้งที่จะระแวงเวลาที่พี่รังห่างไกลตา
เพราะเชื่อว่ายังไงพี่รังก็ไม่มีทางไปมั่วกับผู้หญิงอื่นแน่ๆ…
ต่อให้ผู้หญิงเหล่านั้นใส่พานถวายถึงที่…แต่ถ้าพี่รังไม่ชอบ…รักก็จะไม่ทำอีก…”
รังสิมันต์มองแววตาจริงจังและซื่อตรงของคนตรงหน้า
เธอไม่ได้ประชดเขา หากเธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ…

“เพราะแค่เรื่องงาน พี่รังก็ปวดหัวมากพอแล้ว รักไม่อยากหาเรื่องมากวนใจพี่อีก…
อะไรที่พี่ไม่ชอบ รักจะไม่ทำค่ะ…”พูดจบสิ้นรัก
ก็สวมกอดรังสิมันต์แล้วซบหน้าลงตรงแผ่นอกกว้างนั้น…ชายหนุ่มถึงกับระบายยิ้ม…
ก่อนจะลูบเส้นผมนั้นเบาๆ

“พี่ขอโทษ…ที่พูดเหมือนไม่ให้เกียรติเธอ…”แค่นั้นคนฟังก็ชื่นใจแล้ว

สำหรับเธอแล้ว ความเชื่อใจและไว้ใจกันเป็นเสาหลักของครอบครัว…
เธอมีความสุขที่ได้กอดเขา มีเขาแบบนี้…และจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายมันลงไป…
เธอพร้อมยินยอมทุกอย่าง…ขอเพียงให้รักเราและความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป
โดยไม่มีสะดุดก็เพียงพอแล้ว




ทว่า…เพียงไม่นานหลังจากวันนั้น…ฝันของสิ้นรักก็แทบพังลงตรงหน้า…
เมื่อเห็นของในมือรังสิมันต์ที่ยื่นส่งให้เธอ
พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามแกมต่อว่าต่อขาน…

ทำเอาหญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว แทบขยับร่างกายไม่ได้แม้แต่ริมฝีปาก…

“บอกพี่ได้มั้ย…ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย…”

สิ้นรักก้มมองของในมือแล้วน้ำตาร่วง…ริมฝีปากของเธอสั่นระริก
ยิ่งเห็นแววตาของคนที่จ้องมองเธอแล้วยิ่งพูดอะไรไม่ออก

“ทำไม?”เสียงตวาดดังลั่นทำเอาสิ้นรักสะดุ้งสุดตัว…

“รักยังไม่พร้อม…”หญิงสาวตอบไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ หัวใจสะท้านสะเทือน…
อารมณ์ของคนตรงหน้าที่ปกติจะนิ่งๆ บัดนี้มันดูน่ากลัวเหลือเกิน
เธอไม่รู้ว่าเขาไปเจอมันได้อย่างไร ทั้งๆที่เธอซ่อนเอาไว้อย่างดีแล้ว…

รังสิมันต์ที่ได้ฟังถึงกับยกมือกุมหน้าผาก…

“แล้วทำไมไม่บอกตรงๆ ทำไมต้องปิดบังกัน…หรือว่าจริงๆแล้ว
มันมีอะไรมากกว่านั้น…”

สิ้นรักเอาแต่ก้มหน้า เพราะไม่รู้จะตอบหรืออธิบายอย่างไร
ตอนนี้สมองของเธอตื้อไปหมดแล้ว

“ถ้าเธอไม่ต้องการลูกขนาดนี้ ก็น่าจะบอกพี่ตรงๆ เพราะมันไม่จำเป็นเลย
ที่เธอจะต้องกินยาพวกนี้…พี่สงสัยมาตลอดว่าทำไม เพราะอะไรเธอถึงแปลกๆ…
จนเจอยานี่…ถึงเข้าใจ…ถ้าไม่อยากท้องบอกคำเดียวพี่จะเป็นคนคุมเอง…
ไม่ต้องพึ่งยาพวกนี้หรอก…ไม่รู้รึไงว่ายาพวกนี้มันมีผลข้างเคียงมากมายแค่ไหน…”

“รู้ค่ะ…แต่…”

“แต่…รักยังไม่พร้อม…”รังสิมันต์เลียนเสียงของหญิงสาวตรงหน้า…

“อยากสนุกไปเรื่อยๆแบบไม่ต้องผูกพันอะไรกันมากมายก็บอกกันมาตรงๆ…
ไม่ต้องแคร์พี่หรอกว่าจะรู้สึกอย่างไร…พี่จะได้จัดเต็มจัดหนัก…”

ถ้อยคำนั้นเหมือนจะประชดประชัน แววตาของเขาต่อว่าเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…

“หรือจริงๆแล้วเธอยังไม่แน่ใจว่าพี่จะเป็นสามี เป็นพ่อที่ดีของลูกเธอได้
หรือว่ายังมีความหวังอะไรซ่อนอยู่…”สิ้นรักกัดปากเมื่อโดนเขาต่อว่าเช่นนี้

“มันไม่ใช่อย่างนั้น…รักแค่กลัวการมีลูก...ก็เลย…”

“พี่คงเชื่อหรอกนะ…เพราะสิ่งที่เธอกลัวมันไม่ใช่การมีลูก แต่เธอกลัวการผูกมัด…
กลัวว่าลูกจะเป็นโซ่ล่ามขาเธอไม่ให้ทำอะไรได้สะดวก
เธอพร้อมจะหย่ากับพี่ได้ทุกเมื่อ…เธอคิดเรื่องหย่าตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน…
แม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังคิด…หรือว่าไม่จริง…”สิ้นรักถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

เขารู้ได้อย่างไร…ว่าเธอคิดเช่นนั้น นี่แสดงว่า…

“พี่รังแอบอ่านไดอารี่ของรัก…”

“ก็พอๆกับที่เธอเองก็แอบอ่านไดอารี่ของพี่…”รังสิมันต์ตอกกลับ…

“แต่ถ้าเป็นเหตุผลแค่ที่เธอเขียนในไดอารี่จริงๆ พี่คงไม่ถือสา…
แต่ความจริงที่พี่รู้มา มันไม่ใช่เลย…พี่มันงานยุ่ง งานเยอะ
จนไม่มีเวลาให้เธออย่างเพียงพอใช่มั้ย…เธอถึง…”รังสิมันต์กัดปากเอาไว้ไม่พูดออกไป…
ทำเอาสิ้นรักถึงกับมองคนพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามนับล้านอย่างไม่เข้าใจ…

“ต่อไปนี้อย่าคิดว่าจะได้แตะต้องยาพวกนี้อีก…
และอย่าคิดว่าพี่จะปล่อยเธอให้ออกไปไหนต่อไหนได้อีก…ถ้าอยากหย่า…
ไม่ยาก…แค่มีลูกชายให้พี่ก็จบ…”พูดจบรังสิมันต์ก็จับร่างของภรรยา
วางบนเตียงแล้วตรึงแขนทั้งสองเอาไว้…

“เริ่มนับถอยหลังวันที่เธอจะได้รับอิสรภาพจากพี่ได้เลย…
เพราะจากนี้ไป…พี่จะไม่หยุดแม้แต่วันเดียว…ยุ่งแค่ไหนก็ต้องกลับมาหาเธอทุกคืน…”

รังสิมันต์ย้ำเสียงหนักตรงคำว่า ‘ทุกคืน’
สิ้นรักดิ้นเพราะรู้สึกเจ็บตรงลำแขนที่ถูกเขาบีบตรึงเอาไว้กับเตียง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด…

“รักเจ็บ…พี่รังอย่าทำแบบนี้เลย…เราพูดกันดีๆก็ได้นี่คะ”หญิงสาวเริ่มใช้ไม้อ่อน…

“ทำไมล่ะ…เธอน่าจะชอบแบบนี้นะพี่ว่า…
แต่เพื่อความชัวร์ว่าลูกที่ออกมามีดีเอ็นเอของพี่จริงๆ…
พี่คงต้องขังเธอเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าแม่ของลูกพี่
จะไม่หนีไปผสมพันธ์ุกับพ่อพันธุ์ตัวอื่น…”

“หยาบคายที่สุด…”สิ้นรักต่อว่าคนตรงหน้า เพราะถ้ามือของเธอเป็นอิสระ
ปากของเขาคงเลือดกลบไปแล้วแน่ๆ

…เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก
เธอไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาพูดจาหยาบคายกับเธอได้ถึงขนาดนี้…
เขาไม่เคยพูดกับเธอแบบนี้เลย...มีบางสิ่งที่หายไปจากดวงตาคู่นี้ของเขา...

“ก็เห็นใครๆเขาก็พูดกันว่าผู้หญิงชอบคนดี รักคนเลว แต่งงานกับคนรวย…
คนดีๆมันคงไม่ถึงใจ เป็นไก่อ่อนให้เธอเชือดเล่นใช่มั้ยล่ะ
เลวทรามหยาบช้าบ้างจะเป็นไรไป…เผื่อเธอจะเปลี่ยนใจ ไม่ไปจากพี่…

แต่ถ้าจะไปจริงๆ…ทิ้งผลงานเอาไว้สักคนก็ดี พี่จะไม่ลืมบุญคุณเลย…
แข็งใจตั้งท้องลูกชายให้พี่สักคนจะเป็นไรไป…ถ้าได้ลูกชายเมื่อไหร่
เธอก็ได้อิสระตามที่เธอต้องการ…จะไปไหนหรือจะไปอยู่กับใครก็ตามใจเธอ…”

“ทุเรศที่สุด รักไม่ใช่วัวใช่ควายนะ…”รังสิมันต์ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อไป

ภารกิจของเขาได้เริ่มขึ้นหลังเสียงระฆังในหัวดังก้อง…

สิ้นรักร้องไห้น้ำตาไหลพราก เพราะนี่คือครั้งแรกในชีวิตแต่งงาน
ที่เขาทำร้ายร่างกายเธอไม่พอ หากยังทำร้ายจิตใจจนแทบแหลกสลาย…

การถูกคนที่เรารักขืนใจมันเจ็บปวดเช่นนี้นี่เอง…


เธอไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ใช่…เธอผิดที่กินยาคุมกำเนิดโดยไม่ปรึกษาเขา…

แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาพูดเหมือนเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีถึงขนาดนั้น
แค่เธอกินยาคุม เพราะยังไม่แน่ใจในชีวิตคู่แค่นี้
เขาก็โกรธเธอจนไม่อาจให้อภัยให้ได้เลยหรือไง…

ในโลกนี้มีตั้งหลายคู่ที่แต่งงานอยู่กินด้วยกัน โดยยังไม่พร้อมจะมีลูก

การมีลูกสำหรับคนอื่นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเธอมันเป็นเรื่องใหญ่
ใหญ่กว่าตอนตัดสินใจแต่งงานเสียอีก…

แล้วเขาเอาที่ไหนมาพูดว่าเธอจะหย่ากับเขา…เมื่อก่อนเธออาจจะแอบคิดอยู่บ้าง
เพราะความสับสนไม่แน่ใจ…เนื่องจากระแวงเรื่องเขากับอากิโกะ

แต่หลังจากที่แต่งงานอยู่กินกันมาจนเกือบปี…เธอก็เลิกล้มความคิดเหล่านั้นไปหมดแล้ว…
แต่จะให้อุ้มท้อง เธอก็ยังไม่พร้อม…
ทำไมเขาไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รับฟังเธอบ้างเลย…

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับความรักของเรากันแน่…

เธอรู้ว่าเขาอยากมีลูก…ลูกคือความฝันของเขา…
แต่เขาทำกับเธอแบบนี้…จะไม่ให้เธอเจ็บปวดได้อย่างไร…
ในเมื่อเขาทำเหมือนเธอมีค่าแค่เป็นแม่พันธุ์ที่เขาคัดเลือกเอาไว้แล้วสำหรับตั้งท้องลูกของเขา

…นี่เขารักเธอจริงๆรึเปล่า หรือจริงๆแล้ว หัวใจของเขายังอยู่ที่อากิโกะ…
แต่เพราะต้องการใครสักคนเอาไว้เป็นคู่ชีวิต ใครสักคนที่เป็นแม่ของลูก
และก็พอดีที่เธอเดินผ่านเข้ามา…ใครคนที่เขาต้องการจึงเป็นเธอ…

คนที่เป็นคู่ชีวิตกันโดยที่ไม่มีความรักให้กัน มันมีในโลกนี้ด้วยหรือ…

สำหรับเธอ เธอรักเขา และเชื่อว่าเขารักเธอมาตลอด
ทว่า บัดนี้ ความเชื่อดังกล่าวกำลังสั่นคลอน…

“พี่จะไม่มีวันได้ในสิ่งที่พี่ต้องการหรอก…”สิ้นรักกัดปากพูดเมื่อรังสิมันต์ลุกขึ้น
หลังจากเสร็จภารกิจเพื่อจะเดินเข้าห้องน้ำ…

“เพราะถ้าท้องเมื่อไหร่ รักจะกินยาขับ…”หญิงสาวกล่าวด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธอีกฝ่าย
ที่หักหาญน้ำใจของเธอ…

“ก็ลองดูสิ…”รังสิมันต์หันมาพูดกับหญิงสาวด้วยแววตาวาววับ…

“เธอจะได้เห็นภาพนรกชัดเจนกว่าครั้งไหนๆเลยล่ะ…”

สิ้นรักกำผ้าปูที่นอนแน่นขณะมองรังสิมันต์เดินเข้าห้องน้ำไป…

ตอนนี้…ระหว่างเธอกับเขา มันยังมีความรักหลงเหลืออยู่อีกรึเปล่านะ

ที่ผ่านมา เขาหลอกเธอว่ารักอย่างนั้นหรือ
…แต่สำหรับเธอเธอรักเขา…ตอนนี้ก็ยังรักเหลือเกิน…ไม่เคยคิดที่จะเดินไปจากเขาเลย…

แต่ถ้าลูกคือสิ่งที่เขาต้องการ…จะเป็นไรไปเล่า ถ้าเธอจะทำเพื่อเขา…
แค่อุ้มท้องเก้าเดือนกับคลอดลูก…หน้าที่ของลูกผู้หญิงนี่นา…
ทำไมเธอจะต้องกลัวและกังวลด้วย…ก็แค่แบกท้องกับเบ่งลูกของเขาออกมาเท่านั้น…
ทุกอย่างก็จบ สมใจเขา…ส่วนเธอจะเป็นจะตายหลังจากคลอดลูกหรือไม่ เขาคงไม่ใส่ใจเลยสินะ…




หลังจากวันนั้น…เขาก็พาเธอไปพักอยู่บนบ้านต้นไม้
ซึ่งอยู่บนผาสูงหลังเกาะ การจะขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ ต้องอาศัยการปีนป่ายขึ้นไป…

ตอนปีนขึ้นหน้าผา เธอเกาะหลังของเขาขึ้นไป…
แต่พอต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปบนบ้านหลังเล็กกะทัดรัดที่ออกแบบไว้อย่างน่ารักบนต้นไม้…
กลับเป็นหน้าที่ที่เธอต้องปีนขึ้นไปเอง ตอนนั้นขาของเธอสั่นเพราะกลัวตก
หากโชคดีที่มีบันไดวน สะดวกในการปีนหรือจะเรียกว่าเดินขึ้นไปก็ได้…

เขาให้เธอพักอยู่บนนั้น โดยที่ในนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากห้องนอนกับห้องน้ำ
กับข้าวเขาก็เป็นคนนำมาให้เธอเองในตอนเย็น
ส่วนมื้อเช้ากับมื้อเที่ยง เขาให้ลูกน้องผู้หญิงขึ้นมาส่งให้เธอ และให้คอยอยู่ดูเธอ
ไม่ให้คลาดสายตาตรงใต้ต้นไม้ต้นนั้น

…เป็นอันว่าตอนนี้ชีวิตเธอถูกแขวนไว้บนยอดไม้…มิใช่บนยอดคานอย่างแต่ก่อน…

โดยไม่มีสิทธิ์ที่จะลงไปข้างล่างได้เลยจนกว่าภารกิจของเขาจะลุล่วง
นั่นก็คือ การทำให้เธอท้องลูกชายให้เขา…

เมื่อเธอตั้งท้องเมื่อไหร่ เธอก็จะได้ลงไปอยู่ข้างล่างตามปกติ…

หากเกิดคนแรกเป็นลูกสาว เธอก็ต้องอุ้มท้องลูกคนต่อมาให้เขาอีก
ถ้าเกิดไม่ตายไปเสียก่อนอ่ะนะ

…สรุปว่า หน้าที่หลักๆของเธอบนยอดไม้นี้ก็คือ การพยายามมีลูกชายให้เขาให้ได้โดยไม่มีสิทธิ์ขัดขืน…
ก็จะขัดขืนได้อย่างไร แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย…

ซึ่งน่ีก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เธอยังไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่เธอจะได้รับอิสระ
สามารถโบยบินออกไปจากยอดไม้นี้ได้เสียที…

แค่ตื่นขึ้นมาเห็นนกบินผ่านหน้าไปทุกเช้า ก็ยังอดอิจฉามันไม่ได้…
ยิ่งเห็นมันบินกลับรังในตอนเย็น ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจกับชีวิตบนยอดไม้ของตน

นี่เธอลงจากคานน้อยมาเพื่อจะมาพบกับชีวิตรักบนยอดไม้เช่นนี้เองหรือ
ไม่คิดเลยว่ารังรักของเธอจะอยู่บนที่สูงและหนาวยะเยือกถึงเพียงนี้…

ความสุข ความสดใสแห่งชีวิตคู่ ได้ลาเธอไปไกลแสนไกล
จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะกลับมา

…พ่อบันจะรู้หรือไม่นะว่าลูกสาวของท่านกำลังทุกข์ทรมาน
เพราะรักคนที่เขาไม่เหลียวแลเธออีกแล้ว…

เขายังอยู่กับเธอ เขายังกอดเธอทุกคืน เขาไม่ได้ไปไหนไกล…
แต่กอดของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อน…มันไม่อบอุ่น ไม่สร้างความสุขให้กับเธอ
ซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เขากอดเธอ…

แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยคำว่าลา แต่มันจะต่างอะไร…ในเมื่อเขาไม่มีใจให้เธอแล้ว…
ที่อยู่ด้วยกันก็เพราะหน้าที่ต่อกันเท่านั้น…

เพราะการแสดงออกถึงความรักมันหนีหายไปจนน่าใจหาย

เขาไม่พูดกับเธออีกเลย…มีเพียงการกระทำเท่านั้นที่ตอกย้ำถึงสถานะระหว่างเธอและเขา
…เขามาหาเธอตอนดึกแล้วกลับออกไปตอนใกล้รุ่งสาง…
ไม่มีการไถ่ถามทุกข์สุขอย่างแต่ก่อน…มีแค่ภารกิจ…

ท่าทางเย็นชา สีหน้าเย็นยะเยือก…ทว่ามันไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวด
เท่ากับแววตาของเขาเวลามองเธอ…นัยน์ตาของเขานิ่งสนิท
ราวกับไม่มีเยื่อใยหลงเหลือเอาไว้ให้เธออีก…

“รักทำผิดอะไร…ทำไมพี่ถึงทำกับรักแบบนี้…”สิ้นรักถามขึ้น
เมื่อวันนี้เธอไม่อาจเก็บมันเอาไว้ได้อีก…หนึ่งเดือนเต็มๆที่เขาหมางเมินเย็นชาใส่เธอ…
ไม่ว่าเธอจะถามอะไรเขาก็ได้แต่นิ่ง…ไม่ยอมตอบหรือพูดอะไรกับเธอ…

“มันคือการลงโทษ…”คำตอบสั้นๆนั้น ทำให้คนฟังถึงกับแปลกใจ

แค่เธอกินยาคุม เขาถึงกับลงโทษเธอถึงขนาดนี้เลยหรือ…

“ที่ผ่่านมา…พี่รังต้องการอะไร รักก็ยินยอมมาตลอด…มีแค่เรื่องเดียวคือเรื่องลูก…”
สิ้นรักเห็นว่ารังสิมันต์กำลังจะเดินออกไปจึงตะโกนออกไปว่า

“รักผิดมากรึไงที่กลัวการอุ้มท้อง กลัวการคลอดลูก…
แม่ของรักตายเพราะคลอดรัก…รักยังไม่อยากตาย
รักยังอยากอยู่กับพี่รังไปอีกนานๆ…รักไม่อยากเห็นพี่รังเป็นเหมือนพ่อบัน
แต่ถ้าพี่รังต้องการลูกมากกว่าต้องการเมียอย่างรัก…ชีวิตนี้รักก็ยอมให้พี่ได้…
ขออย่างเดียว…บอกกันสักคำว่าที่ผ่านมา…เรารักกัน หรือเป็นรักที่รักพี่ข้างเดียว…”

รังสิมันต์หยุดและหันหลังกลับมาก่อนจะค่อยๆย่างเท้าก้าวเข้ามาหาสิ้นรัก…

“คำพูดน่าฟัง เหตุผลน่าเชื่อถือ…หัวใจรักที่เธอมีให้พี่ก็น่านับถือมาก…
ถ้ามันไม่ติดกับการกระทำของเธอเวลาอยู่ลับหลังพี่…พี่คงเชื่อคำพูดเมื่อกี้ของเธอ
และคงจะซาบซึ้งกับมันไปอีกนาน…แต่มันยากที่จะทำใจเชื่อเธอได้อีก…”
รังสิมันต์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหาอะไรอยู่ครู่นึง

“ช่วยตอบหน่อยได้มั้ยว่าคนในภาพนี้ใช่เธอรึเปล่า…”

รังสิมันต์โยนโทรศัพท์ลงบนเตียงนอนซึ่งบนจอภาพมีภาพถ่ายของขุนศึก
ที่กำลังหอมแก้มหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ตรงท่าเรือใหญ่…

สิ้นรักมองภาพดังกล่าวด้วยแววตาตกใจสุดขีด…
ก่อนจะส่ายหน้าพัลวัน ยืนกระต่ายขาเดียวยืนยันเสียงแข็ง

“ไม่ใช่…ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่รักนะพี่รัง…ไม่ใช่…”รังสิมันต์แค่นยิ้มปนเยาะหยัน
อยากจะสมน้ำหน้าตัวเองเหลือเกิน…

“เธอจะบอกว่ามันเป็นภาพตัดต่องั้นสิ…คนทำคงเนียนมาก…
ถึงได้ตัดต่อจนมองไม่ออก…แล้วดูไว้ด้วยสิว่าใครมันส่งมาให้…
เรื่องสร้างความร้าวฉานให้คนอื่นน่ะไอ้หมอนี่มันถนัด
แต่พี่ไม่คิดเลยว่าเธอจะตกเป็นหยื่อของมันในที่สุด…”

รังสิมันต์กัดปากเมื่อต้องพูดออกไปหลังจากที่ปิดปากเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้เป็นเดือนๆ
โดยไม่ปริปากพูดสักคำ เพียงเพราะยังไม่พร้อมที่จะเลิก
หรือตัดขาดความสัมพันธ์กับสิ้นรัก…ถึงได้ยื้อมาจนทุกวันนี้

“นี่มันไม่ใช่แค่ภาพแรกหรอกนะที่มันส่งมาให้…ลองกดดูสิว่ามันมีกี่ภาพ
แล้วกี่หนแล้วที่เธอแอบหนีออกไปพบกับมันตอนที่พี่ไม่อยู่…
วันเวลาและสถานที่ชัดเจนทุกอย่าง…”สิ้นรักกดดูภาพในโทรศัพท์แล้วได้แต่ส่ายหน้า

…ใจของเธอตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง
แล้วพบกับแววตาไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดของคนตรงหน้า…

“ไม่ใช่แค่ภาพนิ่งนะ ภาพวิดีโอก็มี…เวลาที่ปรากฏอยู่ก็ตรงกับภาพที่กำลังเคลื่อนไหว…
ถ้าหากว่ามีการตัดต่อเกิดขึ้น คนที่ทำมันคงเซียนมาก เพราะนั่นมันใบหน้าเธอชัดๆ…
ชัดจนยากจะบอกว่าไม่ใช่เธอ…”สิ้นรักมองภาพวิดีโอดังกล่าวก็ถึงกับช็อค

ภาพผู้หญิงกับผู้ชายที่กำลังมีอะไรกันอยู่บนเตียงมันชัดเจน และผู้หญิงคนดังกล่าวก็คือเธอ…

นี่เธอไปทำแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเธอถึงจำไม่ได้…
แต่จะบอกว่าหญิงสาวคนดังกล่าวคือคนหน้าเหมือนเธอก็ไม่ใช่
เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกันอย่างกับแกะ…

“เป็นไปไม่ได้…ไม่จริง…ไม่จริง…”สิ้นรักส่ายหน้า น้ำตาร่วงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่…

“เลิกเล่นละครสักที…กี่ฉากแล้วล่ะที่เธอแสดงได้ถึงพริกถึงขิง…
วันเวลาที่ปรากฏก็เป็นช่วงที่พี่ไม่อยู่ทุกครั้ง…เธอยังจะแก้ตัวอะไรอีก…”

สิ้นรักยังคงช็อคไม่หาย…เธอจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นไม่ได้เลย

“ไอ้ขุนศึกมันคงสนองเธอได้ถึงใจ เธอถึงไปหามันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
จนลืมไปว่า ตัวเองมีผัวอยู่แล้วทั้งคน…เธอเอาศาสนาไปทิ้งไว้ที่ไหน
หัวใจเธอทำด้วยอะไร…ถึงทำกับพี่แบบนี้…พี่ผิดอะไร…”

รังสิมันต์ตะคอกหญิงสาวที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาเจ็บปวด…

สิ้นรักยกมือกุมศีรษะที่รู้สึกปวดหนึบขึ้นมา…ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด…
และไม่อาจยอมรับกับภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่ได้…

“ไม่จริง…ไม่จริง…”รังสิมันต์จับบ่าทั้งสองของสิ้นรักให้ลุกขึ้น…

“งั้นบอกพี่สิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เธอ…
คนเราจะเกิดมาหน้าตาคล้ายกันอย่างกับแฝดทั้งๆที่ไม่ใช่แฝดได้ด้วยเหรอ…”
สิ้นรักส่ายหน้าไปมา เธอไม่รู้ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย…

“หรือเธอจะปฏิเสธว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ…”สิ้นรักก้มหน้านิ่ง

เธอจะปฏิเสธได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนเธอ
แต่เป็นเธอได้ยังไง นั่นคือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ…เธอไม่มีฝาแฝด
พ่อบันไม่เคยบอกว่าเธอมีฝาแฝด…เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าไปแอบมีความสัมพันธ์กับขุนศึกตั้งแต่ตอนไหน…

ใช่…เวลาที่รังสิมันต์ไม่อยู่ เธอมักให้คนเรือขับเรือพาเธอไปเที่ยวบ้านที่เกาะลันตา
และเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองบ้าง…
แต่เหตุการณ์ในวิดีโอมันเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น เธอไม่รู้จริงๆ

“รักไม่รู้ รักจำไม่ได้…”สิ้นรักปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแข็งขัน

“งั้นเธอจำคำพูดของตัวเองตอนที่มีอะไรกับมันอยู่ได้รึเปล่าล่ะ…”
รังสิมันต์กัดปากพูดลอดไรฟัน

“เธอบอกกับมันว่าจะเลิกกับพี่แล้วจะหนีไปอยู่กับมัน…ประโยคแบบนี้คุ้นหูบ้างรึเปล่า…
หรือเธอจะแก้ตัวว่าไม่ได้พูดกับมัน…”รังสิมันต์เปิดคลิปวิดิโอที่มีเสียงของสิ้นรักให้สิ้นรักฟัง…
แม้จะฟังดูแหบแห้งด้วยแรงหอบของคนพูด หากก็ทำให้สิ้นรักถึงกับอึ้งไปหลายนาที…

เกิดอะไรขึ้นกับตัวของเธอกันแน่ ทำไมเธอถึงจำไม่ได้เลย…
สิ้นรักส่ายหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย…

“ถึงขนาดนี้แล้วเธอยังปากแข็งอีกเหรอ…พี่ไม่หักคอเธอไปก็ดีแค่ไหนแล้ว
แค่ที่เธอโดนอยู่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ…

มันยังโทรมาขู่ด้วยนะว่า…ถ้าครบรอบวันแต่งงานของเธอกับพี่เมื่อไหร่ให้พี่ส่งเธอไปให้มัน…
ถ้าไม่ มันจะเอารูปพวกนี้แฉทั้งเธอและพี่…เธอคิดว่าพี่ควรทำยังไงฮะ…”
รังสิมันต์กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นสุดจะบรรยาย…

“เดือนหน้าแล้วสินะ…”สิ้นรักกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
น้ำตาของเธอแห้งเหือดไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้หัวใจของเธอแห้งผากเกินกว่าจะรู้สึกถึงความชุ่มชื่นในนั้น…

“เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย…พี่รังถึงเร่งให้รักมีลูกกับพี่ไวๆ…
เพื่อที่ตอนส่งตัวรักให้เขา ในท้องรักจะได้มีลูกของพี่เอาไว้แก้เผ็ดเขา…
โดยหวังให้ลูกเป็นหนามยอกใจเขา…
รักเป็นได้มากที่สุดก็แค่ของเล่นของพวกผู้ชายแค่นี้เองเหรอ…”

รังสิมันต์ถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าวออกมาจากปากของหญิงสาวที่เขารัก

“หรือเห็นรักเป็นแค่ลูกบอล…ที่หลอกให้คิดว่ารัก แต่สุดท้ายก็เตะทิ้ง
ให้กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในสนามแห่งการแข่งขัน…ใช่สิ…ตั้งแต่มีแฟนคนแรกจนถึงพี่…
ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกบอลก็ไม่เคยหายไปเลยสักที…

อดีตนักฟุตบอลดาวเด่นของมหาลัยอย่างพี่คงมีความสุขที่เตะลูกบอลเข้าประตูได้สำเร็จสินะ…”

...เจ็บจริงๆ...

สิ้นรักบอกกับตัวเองอย่างเงียบๆ

ภาพเก่าๆตอนก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยโผล่ขึ้นในหัว

…ตอนนั้นพี่รังของเธอเตะลูกฟุตบอลโดนก้นเธอเต็มๆ…

นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบเขาหลังจากที่ได้ลืมเขาไปจากสมองแล้ว…
ตอนนั้นยอมรับว่าเจ็บก้นเจ็บกายแต่ก็เจ็บไม่มากเท่าเจ็บใจอย่างในตอนนี้…

ที่เคยคิดว่าถูกรักมาตลอดกลับไม่ใช่เลย…พวกผู้ชายเขาไม่ได้รักเธอจริงๆอย่างปากว่าเลย
ไม่ว่าจะคนที่เป็นสามีของเธอหรือคนที่พยายามแย่งเธอไปจากสามี
ไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ…ก็ทำกับเธอเหมือนเธอเป็นลูกบอลที่มีไว้แย่งชิงเพื่อชัยชนะ…
พอเกมส์จบก็หมดความหมาย…

“รักไม่ใช่แม่วันทองนะ…ที่จะยอมให้พวกผู้ชายบังคับขู่เข็นแล้วแย่งชิงไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
เมื่อไหร่ผู้ชายจะเลิกใช้กำลังข่มเหงผู้หญิงเพื่อสนองรักสักที…เมื่อไหร่…”
สิ้นรักถามด้วยแววตาเจ็บปวด

“ชีวิตคู่มันควรมีมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ หรือจริงๆแล้ว...พี่รังเห็นรักเป็นแค่แม่พันธุ์
เอาไว้ผสมพันธุ์กับสนองความใคร่เท่านั้น…รักถูกเลือกให้เป็นเมียพี่
เพราะเหตุผลแค่นี้เองใช่มั้ย…”น้ำตาหญิงสาวนองหน้าไหล…
ความอ่อนแอทางกายของเพศแม่ใยต้องพ่ายแพ้ให้แก่เพศชายด้วยนะ…

“พี่…พี่…”รังสิมันต์ถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังถ้อยคำและน้ำเสียงปนเศร้าของคนตรงหน้า
แววตาเจ็บปวดของเธอทำเอาหัวใจของเขาปวดแปลบขึ้นมา

…เพราะที่เธอพูดมามันไม่ผิดจากที่เขาคิดสักเท่าไหร่…

เขาเจ็บหนักตั้งแต่ได้เห็นภาพเหล่านั้น เจ็บที่โดนภรรยาที่รักสวมเขา
จนยอมแข็งใจทำทุกอย่างเพื่อแก้เผ็ดคนทั้งสอง…

ไม่คิดเลยว่าน้ำตาที่ออกจากดวงตาเจ็บปวดของเธอในตอนนี้
จะทำเขาเจ็บยิ่งกว่าตอนเห็นรูปและคลิปวิดิโอพวกนั้นเสียอีก

…แต่ปากเจ้ากรรมมันไม่ยอมโอนอ่อนตามหัวใจที่ไหวยวบ…

“มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ…กับพฤติกรรมของเธอกับชู้ของเธอ…
หรืออยากให้มันประจานเธอต่อหน้าทุกคน…
คราวนี้ได้คาวคลุ้งกันไปทั่วเมืองทั้งเธอและพี่…”

สิ้นรักปากคอสั่น แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน หัวใจสูบฉีดเลือดหนักและถี่จนรู้สึกเหนื่อย
ศีรษะปวดแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้…

“มันมีอะไรที่พี่ไม่มี…ไหนบอกพี่ซิ…หู ตา จมูก ทุกอย่างที่พี่มี
มันด้อยกว่าไอ้ขุนศึกตรงไหน เธออยากใช้ของพี่พี่ก็ไม่เคยหวง
ซ้ำยังพร้อมให้เธอใช้เต็มที่…เธอมีสิทธิ์ที่จะใช้มันโดยไม่ผิดศีลธรรมหรือกฏหมายใดๆ…
อยากได้แบบไหน ก็แค่บอกมาตรงๆ…พี่ก็พร้อมจะสนองเธอทุกอย่างเท่าที่พี่มี…
มีอะไรที่พี่ขาดไป พี่บกพร่องตรงไหน…บอกพี่สิยัยตัวเล็ก…”
สิ้นรักถูกจับคาดคั้นจนศีรษะโยกไปมา…

“ทำไมเธอต้องทำกับพี่แบบนี้…บอกพี่มาสิว่าทำแบบนี้ทำไม…
ถ้าเธอหัดยับยั้งชั่งใจก่อนทำสักนิด อะไรๆมันคงไม่เป็นแบบนี้…
วันทองที่ต้องข้อหาสองใจเพราะเค้าพ่ายแพ้ต่อกำลังผู้ชาย…

แล้วเธอล่ะ…เธออย่าบอกนะว่าภาพที่พี่เห็นนั้นไม่ใช่เพราะเธอเต็มใจ…
และยินยอมให้เขาก้าวเข้ามาสวมเขาให้พี่ถึงที่…”รังสิมันต์จับบ่าของสิ้นรัก
แล้วเขย่าจนผมของหญิงสาวสบัดไปมา

“มาถึงตอนนี้เธอจะให้พี่ทำยังไง…บอกพี่สิว่าพี่ต้องทำยังไง
ทำไมเธอถึงไม่ละอายใจตัวเองบ้าง…ไม่อายคนอื่นบ้างรึไง”
สิ้นรักมองรังสิมันตด้วยแววตาอ่อนแสง
ก่อนแสงนั้นจะค่อยๆดับวูบลงพร้อมสติ…ชายหนุ่มตกใจกับภาพนั้น
ก่อนจะรีบรับร่างบางเอาไว้ได้ทัน…

“ยัยตัวเล็ก…”รังสิมันต์เรียกหญิงสาวเสียงนุ่มปนตกใจ
ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้นอุ้มแล้ววางลงบนเตียง หลังจากนั้นก็เริ่มจับชีพจร…แล้วค่อยๆยกมือแตะหน้าผาก
สีหน้ารังสิมันต์ซีดเผือดเมื่อชีพจรของหญิงสาวอ่อนกว่าปกติ…
ซ้ำยังมีไข้ขึ้นสูงแบบเฉียบพลัน…ชายหนุ่มจึงรึบผายปอดสิ้นรัก
จนชีพจรของเธอกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นจึงรีบเช็ดตัวให้จนไข้ลด
แล้วนั่งข่มตารอดูอาการของหญิงสาวข้างๆเตียง

…เพิ่งรู้ตัวเองว่ารักเธอมากแค่ไหน ความรักที่เขามีให้เธอมากกว่าแต่ก่อนมากจนน่าใจหาย

…เพียงแค่คิดว่าเธอจะจากเขาไป เขาก็แทบจะขาดใจ
ถ้าชีวิตเขาไม่มีเธอขึ้นมาจริงๆ เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ…

ใจนึงไม่คิดจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำแบบนั้นกับเขาได้
ผู้หญิงตรงหน้าจะทำแบบนั้นกับเขาได้อย่างไร มันดูเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด
แต่ภาพมันฟ้อง จะให้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ยังไง…

ครั้นจะยกเธอให้ผู้ชายที่กล้าสวมเขาให้เขาง่ายๆ ไม่มีทาง…
แต่จะให้อยู่กันไปโดยไม่รู้สึกอะไรเลย มันทำไม่ได้จริงๆ…

เธอจะรู้หรือเปล่า ว่าทำให้เขาสับสน วุ่นวายใจ ทุกข์ทรมานใจแค่ไหน…
ที่นอกจากเธอจะนอกใจเขาแล้ว เธอยังยกกายให้ชายอื่นเชยชม
โดยไม่แคร์ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร…เจ็บจริงๆ เจ็บจนไม่รู้จะหายาที่ไหนมาบรรเทาอาการ

…ชีวิตคู่ของเขาดูจะไม่ง่ายอย่างที่วาดภาพเอาไว้เลย

“ไหนเธอบอกว่ารักพี่…เราจะรักและเชื่อใจกันและกัน…”

รังสิมันต์กล่าวราวกับกระซิบยามที่มองใบหน้าที่กำลังหลับพริ้ม…
มันทั้งเจ็บทั้งแค้นที่ได้รู้ว่าตัวเองถูกคนที่รักสวมเขาให้ แถมชู้ยังส่งรูปและคลิปวิดิโอมาเยาะเย้ยอีก

…ครั้งแรกที่เห็นและได้ใช้สติที่หลงเหลืออยู่ใคร่ครวญ เขาแทบจะบุกไปยิงหัวใจศัตรูถึงที่…
แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตายเป็นตาย…อยากฆ่าให้ตายไปทั้งคู่ด้วยซ้ำ…
สองคนนั่นจะได้ลงไปลิ้มรสชาติของนรกในหลุมฝังศพพร้อมๆกัน ไม่ต้องมายืนตำตาเขาเช่นนี้…

แต่เพราะว่าเขายังมีแม่ มีน้องชาย มีหลานๆ มีผองเพื่อน
และที่สำคัญ ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อคนอื่นๆอีกมากมาย…

แม้จะเจ็บแค้นเท่าไหร่ แต่มันคงไม่คุ้มค่าที่เขาจะเอาชีวิต
ไปแขวนไว้ในคุกเพราะชายโฉดหญิงชั่ว…และเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปอยู่ในนั้น
…ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะไปอยู่…

ต่อให้รักเธอมากแค่ไหน…แต่เขาก็ไม่มีวันทำอะไรที่จะเป็นการทำลายตัวเอง
เพียงเพื่อให้สนองอารมณ์แค้นข้างในจิตใจตนเป็นแน่…

เพราะวิธีการลงโทษคนไม่ดี มีอีกตั้งหลายวิธี…
และการเลิกร้างกัน มันก็ไม่ใช่วิธีดัดสันดานผู้หญิงหลายใจ…

“เธอเห็นพี่โง่นักรึไงยัยตัวเล็ก…ถึงทำกับพี่ได้…เสียดายที่พี่เคยคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ
คิดว่าเธอเกิดมาเพื่อพี่…ทำไมถึงไม่เห็นค่าความรักของพี่เลย…
แล้วเธอจะเสียใจ ที่ทำกับพี่แบบนี้…”

รังสิมันต์น้ำตาไหล ไม่เคยมีใครทำให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานได้ขนาดนี้มาก่อน…
มันทั้งเจ็บทั้งอาย ทั้งแค้นใจ…

“พี่ไม่มีวันยอมให้เธอไปมีความสุขกับใครหน้าไหนทั้งนั้น…
เธอจะต้องติดอยู่กับพี่ตลอดไป…”รังสิมันต์เอ่ยด้วยแววตาจริงจัง
ซ่อนความเจ็บเอาไว้ให้ลึกสุดใจ…

ชายหนุ่มนั่งเฝ้าดูอาการของสิ้นรักจนไข้ลด…

เมื่อแน่ใจว่าเธอจะไม่เป็นไรแล้ว…เขาก็ลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน
ลงจากบ้านต้นไม้ไปในยามรุ่งสาง ก่อนไปไม่ลืมที่จะฝากฝังเธอให้หญิงสาว
ท่าทางทะมัดทะแมงที่พักอยู่ตรงกระท่อมด้านล่างข้างๆต้นไม้ใหญ่
ซึ่งมีรังรักของเขาวางอยู่ข้างบนนั้น…

“นายหัวจะให้ศรีขึ้นไปเฝ้านายหญิงบนนั้นเหรอคะ…”
หญิงสาวซึ่งมีหน้าที่ดูแลสิ้นรักอยู่ห่างๆมาตลอดถามขึ้น…

“ฮืม…”รังสิมันต์พยักหน้าพร้อมเสียงในคำคอ อีกฝ่ายจึงไม่ถามไถ่อะไรต่อจากนั้น
เพราะสีหน้าและแววตาของผู้เป็นนายมิได้อยู่ในภาวะที่เธอจะเซ้าซี้ถามได้

…สิ่งที่ทำได้ก็คือ ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด…โดยห้ามซักถามหรือแม้แต่สงสัย…



สิ้นรักลืมตาตื่นก็พบกับใบหน้าของสมศรีที่ยื่นเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเธอ
แววตาของหญิงสาวพยายามมองไปรอบๆห้อง
หวังอย่างลางเลือนว่าจะพบร่างใหญ่ที่แสนคุ้นเคยอยู่ตรงมุมไหนสักแห่งในห้อง
ทว่า…กลับไม่พบแม้แต่เงาของเขา

…ที่เขาเคยบอกกับเธอว่าจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ คงไม่ใช่อีกต่อไป…


ดูเหมือนว่านาฬิกาของเธอกับเขาเหมือนจะเดินกลับหลัง…
มันคงหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินไปข้างหน้า…นับจากนี้เธอคงต้องนับถอยหลังรอวันร่ำลา

…รังรักอาจสร้างได้ไม่ยาก แต่จะให้ทนทานต่อกระแสต่างๆที่โหมเข้ามานั้นช่างยากเหลือเกิน
…เธอไม่รู้หรอกว่านกสามารถสร้างรังรักบนต้นไม้และเลี้ยงลูก
จนโตสามารถโบยบินได้ด้วยตนเองได้อย่างไร…

เพราะแค่สร้างความรักความสัมพันธ์ระหว่างรักให้กระชับมั่นคงยังยากยิ่ง
…หากมีลูก…เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอกับเขาจะไม่มานั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ซึ่งเนื่องมาจากการมีลูก…

เพราะแค่ยังไม่มี…เขาก็แทบไม่อยากจะมองหน้าเธอแล้ว…

ถ้าเกิดเธอพลาดพลั้งทำอะไรผิดมากกว่าที่เป็นอยู่ เขาคงไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ

สิ้นรักพยายามลุกขึ้น จัดการธุระส่วนตัวแล้วฝืนทานข้าวต้มก่อนจะกินยา
แล้วกลับไปยังเตียงนอน…เธออยากจะหลับไปให้นานๆเหลือเกิน…

สมศรีมองภาพนายหญิงของตนที่ดูจะหน้าซีด ผ่ายผอมลงไปจากเดิมมากจนน่าใจหาย
แถมแววตาเศร้าๆคู่นั้นอีกเล่า เธออดสงสารไม่ได้จริงๆ

หากก็ไม่กล้าซักถามหรือพูดอะไรได้มาก นอกจากพยายามหาหนังสือนิยาย นิตยสารต่างๆ
รวมทั้งพวกวัสดุอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยมาให้ตามคำขอของนายหญิง…

จนอดชื่นชมหญิงสาวร่างเล็กบางตรงหน้าไม่ได้จริงๆ
ที่ไม่เคยแม้แต่จะปริปากบ่นหรือพยายามหนีออกไปจากบ้านต้นไม้หลังนี้
ให้เธอลำบากใจเลยสักครั้งเดียว

…หลายครั้งที่นายหัวไม่มาหา…นายหญิงก็จะเรียกเธอให้ขึ้นมานอนเป็นเพื่อน
…ในความอดทนนั้น เธอมองเห็นความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้นอยู่เสมอ
แม้เจ้าของดวงตาจะพยายามยิ้มแย้มและชวนเธอพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่เสมอก็ตาม…

แปลกเหลือเกิน…ที่นายหญิงของเธอยอมให้นายหัวจับขังอยู่บนนี้เป็นเดือนๆ
โดยไม่คิดหนีไปไหนเลย…ห้องสี่เหลี่ยม ไร้เสียงผู้คน ไร้สีสันใดๆแบบนี้
นายหญิงของเธอทนอยู่ได้อย่างไรนะ…

“เธอคงสงสัยว่าทำไมฉันต้องทนใช่มั้ยศรี…”สมศรีถึงกับสะดุ้งตกใจ
เมื่ออยู่ๆนายหญิงของเธอก็พูดเรื่องที่เธอกังขามาตลอด…

“ค่ะ…”หญิงสาวพยักหน้า แววตาซื่อๆ

“อาจเป็นเพราะรัก หรืออาจเป็นเพราะความผูกพันที่รั้งให้ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน…”
สมศรีมองสีหน้าและแววตาของคนพูดแล้วได้แต่เห็นใจ

“อาจดูเหมือนว่าฉันไม่ใช่คนดื้อรั้น…แต่จริงๆแล้วฉันรู้ตัวดีว่าฉันดื้อแค่ไหน
เพราะหลายครั้งที่ใจหนึ่งบอกให้หนีไปเสียที…แต่อีกใจกลับไม่ยอมจากไป ไม่ยอมแพ้…
เปรียบเหมือนกับมะเร็งระยะสุดท้าย…ที่เกินจะรักษา…
แม้ฉันจะรู้อยู่แก่ใจว่ายื้อไปก็เท่านั้น…แต่ฉันก็ยังดื้อ อยากจะขอต่อเวลา
ให้ได้อยู่กับคนที่รักนานเท่าที่จะทำได้…ไม่ยอมผ่าตัดรักษา
เพราะรู้ว่า ถ้าไม่หาย ฉันอาจตายเร็วกว่านี้…

เชื้อมะเร็งเมื่อมันลุกลามไปในความรู้สึกนึกคิดของคน มันก็ยากเกินที่จะทำลายให้หมดไปได้…
ยิ่งมันลุกลามเกาะกินความรู้สึกนึกคิดจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้ว…
วันนั้น…วันสุดท้ายก็คงมาถึง…ฉันดื้อกับหัวใจตัวเองเสมอ…ฉันถึงได้เจ็บปวดไง…”

เป็นครั้งแรกที่สิ้นรักพูดยาวและพูดนานที่สุดกับสมศรี
เนื่องจากเธอรู้สึกเหงาและอ้างว้าง หลังจากที่รังสิมันต์ไม่มาหาเธอที่นี่สองสัปดาห์แล้ว…

“อย่าคิดแบบนั้นสิคะนายหญิง…ศรีมองออกนะคะว่านายหัวรักนายหญิงมาก…”
สมศรีพยายามพูดปลอบสิ้นรัก

“ขอบใจมากนะที่ปลอบใจฉัน…”สิ้นรักยิ้มบางให้กับสมศรีแล้วมองไปนอกหน้าต่าง…

“คนข้างล่างทางโน้น เขารู้รึเปล่าว่าฉันอยู่ที่นี่…”สมศรีส่ายหน้า

“ไม่รู้หรอกค่ะ…นายหัวบอกทุกคนว่าพานายหญิงไปฮันนีมูนสองต่อสอง”

“แล้วนายหัวของเธอเขาไปอยู่เสียที่ไหน…”

“ได้ข่าวว่าไปดูแลงานที่เกาะรังนกที่ไหนสักแห่งนี่แหล่ะค่ะ…”
สิ้นรักพยักหน้า…

“ทุกคนก็เลยเชื่อว่าฉันกับนายหัวไปด้วยกัน…แต่ไม่ได้กลับเกาะรังรักมาด้วยกันทุกครั้ง
ที่พวกเขาเห็นนายหัว…”สมศรีพยักหน้า…

“แล้วเธอล่ะสมศรี…เธอไม่บอกคนอื่นๆไปล่ะว่าฉันอยู่ที่นี่…”
คราวนี้คนฟังถึงกับส่ายหน้าไปมา

“บอกไม่ได้หรอกค่ะ…นายหัวเอาศรีตายเลย…”

“แล้วคนอื่นๆเขาไม่สงสัยเธอเหรอที่เทียวไปเทียวมาระหว่างที่นี่กับที่โน่น…”สมศรีจึงยิ้มตอบ…

“ไม่หรอกค่ะ…เพราะศรีแอบมาไม่ให้ใครเห็น…ถ้าใครถามว่าหายไปไหน
ศรีก็แค่บอกไปว่า นายให้ขึ้นไปดูแลบ้านให้…”สิ้นรักพยักหน้าเข้าใจ…

ถ้าเธอคิดจะหนีไปจากตรงนี้…มันไม่ได้ยากเลยสักนิด…
แต่จะหนีไปเพื่ออะไร…ในเมื่อหนียังไง เธอก็หนีไม่พ้นอยู่ดี…
หัวใจของเธอมันยังผูกพันอยู่กับเขา…ต่อให้หนีไปไกลแสนไกล
ก็หนีใจตัวเองไม่พ้นอยู่ดี…อีกอย่างเมื่อยังทนไหว เธอก็ยินดีที่จะทน…

“นายหญิงทานข้าวหน่อยนะคะ…เมื่อเช้าก็อาเจียนไปจนหมดแล้ว…
ศรีกลัวว่านายหญิงจะเป็นไรไป…นายหัวก็ไม่อยู่อยู่ด้วย…”สิ้นรักส่ายหน้า
แค่คิดถึงอาหาร เธอก็เริ่มคลื่นไส้จนแทบอยากจะอาเจียนเสียแล้ว

“สักนิดก็ยังดีนะคะ…นายหญิงผอมลงกว่าแต่ก่อนมากเลยรู้มั้ยคะ…”
สิ้นรักยิ้มบาง

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงฉัน…แต่ฉันกลืนไม่ไหวจริงๆ…แค่ได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียนแล้ว…
ถ้าไม่รบกวนเธอจนเกินไป…ช่วยหาอะไรแก้คลื่นไส้ให้หน่อยได้มั้ย…
พวกส้มหรือผลไม้เปรี้ยวๆก็ได้…”
คนฟังถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะตกใจอุทานออกมาว่า

“นายหญิงท้องรึเปล่าคะ…อาการแบบนี้…ศรีว่าเหมือนอาการของคนท้องเลยค่ะ…”
สิ้นรักสะดุ้ง หัวใจกระตุกเมื่อโดนสะกิด…

อาจเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวที่เธอจะตั้งท้อง เพราะปกติประจำเดือนของเธอควรจะมาตั้งนานแล้ว
แต่สิ้นเดือนแล้วก็ไม่มา พอมาเดือนนี้เกือบจะสิ้นเดือนอีกรอบ ก็ยังไม่มา

…หรือว่า ระยะสุดท้ายจะมาถึงแล้วจริงๆ

…นี่เธอกำลังจะตั้งท้องจริงๆหรือนี่…สิ้นรักแทบหมดเรี่ยวแรงเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

ใช่ว่าเธอจะรังเกียจลูกน้อยที่จะถือกำเนิด
หากเธอรู้ว่าถ้าเธอตั้งท้องตอนนี้ อีกไม่นานก็จะครบรอบวันแต่งงานระหว่างเธอกับรังสิมันต์แล้ว…

ภารกิจของเขากำลังสิ้นสุด ที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของเธอเท่านั้นที่จะต้องแบกรับ…

“ถ้านายหัวรู้…คงดีใจแน่ๆค่ะ…งั้นเดี๋ยวศรีจะรีบไปหาส้มมาให้นะคะ…”

เสียงของคนพูดดูตื่นเต้น รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าทำให้สิ้นรักถึงกับยิ้มฝืดออกไป
…ไม่วายที่จะจับตรงหน้าท้องของตัวเองแล้วลูบไปมาเบาๆ…มองไปรอบๆห้อง…

หากเป็นอย่างที่สมศรีบอกเธอก็จะได้ลงจากบ้านต้นไม้แห่งนี้
เหมือนนกพวกนั้นที่สามารถโบยบินออกไปยังโลกภายนอกอีกครั้ง

…แต่จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น…เธอเองไม่อยากจะคาดเดา…




“ศรีบอกฉันว่าเธออาเจียน คลื่นไส้…”คำพูดแรกที่สิ้นรักได้ยิน
หลังจากที่เจ้าของคำพูดหายหน้าไปสองสัปดาห์กว่าๆ
หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนติ้วๆๆ

สิ้นรักยกมือขึ้นกุมศีรษะก็พอดีกับที่รังสิมันต์รีบเข้ามาประคองเธอเอาไว้
แล้ววางศีรษะของเธอลงบนหมอนอย่างเบามือ…แววตาของเขาดูห่วงใย
จนสิ้นรักอดจ้องมองมันไม่ได้…

“ให้พี่ตรวจดูหน่อยนะว่าเป็นอะไรกันแน่…”สิ้นรักมิได้ขัดขืน ทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง…
เพียงไม่นาน เขาก็เดินเข้ามากุมมือเธอเอาไว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง แววตาของเขาดูมีความสุข

…น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน…

“เรากำลังจะมีลูก…ได้ยินมั้ยยัยตัวเล็กว่าพี่กำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว…”
สิ้นรักยิ้มทั้งน้ำตา…เพราะได้เวลานับถอยหลังแล้ว…

“รู้มั้ยว่าเธอทำให้พี่มีความสุขที่สุดในชีวิต…พี่ดีใจ ดีใจมากๆ…เธอล่ะดีใจมั้ย…”
รังสิมันต์มองแววตาของคนตรงหน้าไปมา ลืมสิ้นทุกอย่างก่อนหน้านี้…
ลืมแม้กระทั่งว่าเคยโกรธคนตรงหน้าเขามากสักแค่ไหน…

ทว่าน้ำตาของสิ้นรัก กลับเรียกภาพวันเก่าๆระหว่างเขากับเธอให้กลับมาอีกครั้ง…

“พี่ลืมไปได้ไงว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้ต้องการแบบนี้…มันเป็นความต้องการของพี่ฝ่ายเดียว…
แต่ไม่ว่ายังไง…เธอก็ต้องแบกท้องอุ้มลูกของพี่จนกว่าเขาจะคลอดออกมา…
เมื่อวันนั้นมาถึง…พี่สัญญาว่าเธอจะเป็นอิสระ…”

สิ้นรักหลับตานิ่ง ไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว

รังสิมันต์ได้แต่มองใบหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมผิดตาอย่างไม่เข้าใจ
ลึกลงไป เขาก็อดห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี…ยิ่งเห็นเธอนอนนิ่งๆไม่พูดไม่จา
แถมตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยินยอมให้เขากักขังเธอไม่ให้ไปไหนอยู่บนนี้เป็นเดือนๆ
โดยไม่เคยคิดจะหนีเลยสักครั้ง ก็ยิ่งอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้…

…เป็นไปได้อย่างไรนะที่ผู้หญิงคนนี้จะทรยศเขาได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้…
…แต่มันก็เป็นไปแล้ว…เธอคบชู้กับศัตรูของเขา…
…ทั้งหูทั้งตาของเขาได้เห็นและได้ยินอย่างชัดเจนไร้ข้อกังขา…

“รักไม่ได้ต้องการอิสระ…สิ่งที่รักต้องการคือความเชื่อมั่น ความเชื่อใจจากพี่…
ตลอดระยะเวลาที่เรารู้จักและได้อยู่ด้วยกันมา…
คำว่ารักจากปากของรักพร้อมทั้งการกระทำต่างๆมันยังไม่เพียงพอ
ให้พี่เชื่อมั่นในตัวและหัวใจรักอีกเหรอคะ…”สิ้นรักกล่าวหลังจากลืมตา
มองเขานิ่งด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า…

“หรือต้องให้รักนั่งลงคุกเข่าอ้อนวอน…รักก็พร้อมจะทำ…
พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้รักของเรา ความสัมพันธ์ของเรายังคงดำเนินต่อไป…”
น้ำตาของสิ้นรักรื้นขึ้นมาอีกครั้ง รังสิมันต์จ้องตาคู่นั้นนิ่ง

“เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพพวกนั้น รักจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
จำไม่ได้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร…

ที่สำคัญ…รักยังยืนยันว่าคนที่รักรัก คือพี่รังคนเดียวเท่านั้น…
ผู้หญิงในภาพนั้นไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าพี่ตอนนี้…
พี่จะเชื่อหรือไม่…ก็สุดแต่ใจของพี่…”รังสิมันต์ยังคงนิ่ง แววตาสับสน…

“หรือพี่เชื่อว่าคนที่พี่บอกว่ารักมีนิสัยแบบนั้น…”รังสิมันต์ถอนหายใจ
ด้วยความหนักใจ…เหนื่อยหัวใจ…

“ถ้าพี่อยากรู้ว่าความจริงคืออะไร ก็นัดเขามาเจอ…
เราสามคนจะได้พูดกันซะที…รักพร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง…”





แล้ววันนัดก็มาถึง…ขุนศึก รังสิมันต์และสิ้นรัก นัดมาเจอกันที่แหลมพรหมเทพ…
ตรงมุมที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด…เป็นส่วนตัวที่สุด
และตรงกับวันครบรอบแต่งงานของรังสิมันต์กับสิ้นรักพอดี…

“คุณมีความสุขนักรึไงที่ทำให้คนรักกันเขาหมางใจ ผิดใจกัน…
หรือการสร้างความร้าวฉานเป็นงานอดิเรกของคุณ…”
สิ้นรักเปิดบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา…รังสิมันต์หันมามองหน้าภรรยาของตนที่ดูจริงจัง
ต่อว่าต่อขานอีกฝ่ายราวกับไร้เยื่อใยต่อกัน ผิดกับภาพในคลิปถนัดตา…

“ฮึๆๆ…”ขุนศึกหัวเราะในลำคอ แววตาเป็นประกาย…

“มาถึงตอนนี้แล้ว เลิกเล่นละครตบตาไอ้รังเถอะ…อะไรเป็นอะไรเราก็รู้ๆกันอยู่…
หรือว่ายังอาลัยอาวรณ์มันอยู่…ผมน่ะรอคุณได้เสมอ
วันใดที่เบื่อมันแล้ว ค่อยแวะมาหาผมก็ได้…เพราะผมไม่สนใจเรื่องศีลธรรมอยู่แล้ว…
ไอ้ศีลธรรมน่ะมันมีไว้ผูกคอเราไม่ให้มีความสุข
ปลดมันออกได้เมื่อไหร่ ความสุข ความมีอิสระก็จะตกเป็นของเรา…”

รังสิมันต์กัดกรามแน่นกับถ้อยคำที่เหมือนจะไม่ไว้หน้ากันของอีกฝ่าย…

“เพิ่งรู้ว่าคนมีการศึกษา มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีอย่างคุณคิดได้แค่นี้…
ถ้าอยากได้ของของคนอื่นนัก ก็เอาไปกอดให้คุ้มเลย…
ให้คุ้มค่ากับการพยายามแย่งชิงมา…ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวบาปกรรม…
แต่ขอเตือนเอาไว้อย่างนะ…ว่าผู้หญิงที่ทรยศสามีตัวเองได้…
กับชู้อย่างคุณก็คงไม่ช้าหรอก…เพราะการยับยั้งชั่งใจคงไม่มี…ชั่วดีคงไม่รู้จักกันทั้งคู่…”

รังสิมันต์หันมาทางสิ้นรักที่หน้าซีดเผือดเมื่อได้ฟังถ้อยคำของคนเป็นสามี
…ถ้อยคำที่เชือดเฉือนใจเธอออกเป็นชิ้นๆ…

“หญิงร้ายชายเลวก็ควรคู่กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ…
คนชอบลักกินขโมยกินอย่างนายก็เหมาะสมแล้วกับผู้หญิงใจง่าย...”
ถ้อยคำตรงประโยคหลังสุด รังสิมันต์หันมาตอกหน้าสิ้นรักที่นั่งหน้าซีด

“ไม่จริง…พี่รังอย่าไปฟังเขา…เขาโกหก…”สิ้นรักค้านเสียงแข็ง
หากรังสิมันต์กลับหัวเราะด้วยแววตาเจ็บปวด…

“งั้นเธอก็อธิบายมาสิว่าภาพพวกนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง
อธิบายต่อหน้าชู้รักของเธอไปเลย…บอกเขาไปสิว่าผู้หญิงคนนั้น
เป็นตัวโคลนนิ่งของเธอ ไม่ใช่เธอ บอกเขาไปว่าเธอแอบไปทำโคลนนิ่งมา”

สิ้นรักได้แต่นิ่งงัน เพราะจนคำพูดที่จะนำมาคัดค้านต่อหลักฐานตรงหน้า

“ผมก็หวังว่าคุณจะตาสว่างสักทีนะคุณหมอ อุตส่าห์ร่ำเรียนมาแทบตาย
ไม่น่าจะปล่อยให้เมียตัวเองลักลอบสวมเขาเอาได้ง่ายๆแบบนี้…
เป็นผมนะ คงโดดตึกตายไปนานแล้ว…เสียชื่อหมอฝีมือดี
ได้ข่าวว่าเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมเหรียญทองนี่…เรื่องแค่นี้น่าจะมองออกนะ…
ว่าผู้หญิงในภาพกับผู้หญิงตรงหน้าคุณเป็นคนๆเดียวกันรึเปล่า…
เรื่องโคลนนิ่งคงไม่มีหรอกมั้ง…ใช่มั้ยที่รัก…”

ขุนศึกหันไปยักคิ้วให้สิ้นรัก ที่หันมาจ้องเขาตาเขม็ง…

“อย่าทำตาแบบนั้นใส่ผมสิ เวลาเรามีความสุขด้วยกัน
ไม่เห็นคุณจะมองผมด้วยสายตาแบบนี้เลย…มันถึงเวลาแล้วนะที่คุณต้องเลือกใครสักคน…
ระหว่างผมกับไอ้หมอหน้าโง่ของคุณ…”รังสิมันต์อดไม่ไหว
ซัดหมัดเข้าตรงปลายคางของขุนศึกเต็มๆจนอีกฝ่ายหน้าหงายลงไปกองกับพื้น…
มึนงงอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นได้อีกครั้ง…

“ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะพางูเห่าใส่พานมาส่งนายที่นี่…
แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว…พอดีว่าชาวนาใจดีอย่างฉันเกิดอยากกินเนื้องูเห่าขึ้นมา…
ถ้านายอยากประจานความเลวของตัวเองกับงูเห่าที่กำลังอุ้มท้องลูกของฉันอยู่ก็เชิญเลยนะ…
เพราะฉันไม่แคร์ ฉันไม่ใช่คนผิด…จะไปแคร์ทำไม ชาวนาอย่างฉันคงมีแต่คนสงสาร
ส่วนคนที่ต้องโดนสังคมประณามก็คงเป็นนายกับแม่งูเห่าของฉัน ไม่ใช่เหรอ”

รังสิมันต์เหยียดยิ้ม ขณะวาดแขนโอบเอวของสิ้นรักเอาไว้แน่น

“ดีสิ…ฉันจะได้ป่าวประกาศออกไปว่า…นายได้นิสัยลักกินขโมยกินจากใครมาโดยทั่วกันไปเลย…
ได้ข่าวว่ากำลังปกปิดข่าวคาวของคนในตระกูลของตัวเองเพื่อสร้างภาพต่อไปไม่ใช่เหรอ…
ตอนนี้ฉันไม่ได้สวมหัวโขนของหมอในชุดขาวต่อหน้าประชาชนอีกแล้ว…
ก็เลยอยากจะรู้เหมือนกันว่าระหว่างนายหัวอย่างฉันกับสส.มือใหม่อย่างนาย
ใครจะกลัวการถูกสังคมประณามมากกว่ากัน ฮึๆ”

ขุนศึกถึงกับกัดฟันกรอด และยังตกใจที่รู้ว่าสิ้นรักกำลังตั้งท้อง
หากเพราะไม่เชื่อคำพูดของรังสิมันต์นัก จึงหันไปถามสิ้นรักด้วยแววตาจริงจังว่า

“จริงเหรอที่ไอ้รังมันบอกว่าคุณท้อง…”สิ้นรักพยักหน้า
คนถามถึงกับหน้าซีด ก่อนจะพยายามฉีกยิ้มออกมาเมื่อหันมาทางรังสิมันต์

“นายแน่ใจเหรอว่าเด็กในท้องเป็นลูกของนายจริงๆ…”รังสิมันต์เหยียดยิ้มที่มุมปาก
ด้วยสีหน้าและแววตาที่เหนือกว่า

“แน่ซะยิ่งกว่าแน่…ฉันเป็นหมอ…คงไม่โง่เลี้ยงลูกชู้โดยไม่รู้ตัวหรอก…”

“เอาเถอะ…ฉันยอมก็ได้…เห็นแก่เด็กตาดำๆ…หวังว่านายคงไม่ปล่อยให้เมียตัวเองอดอยาก
จนต้องวิ่งมาหาฉันอีกเหมือนคราวที่แล้วนะ…
เพราะฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะยั้งใจได้สักแค่ไหน…คนไร้ศีลธรรมอย่างฉัน
การยับยั้งชั่งใจไม่ค่อยมีอยู่ด้วย…”ขุนศึกหัวเราะฮึๆในลำคอ
ก่อนจะยกมือขึ้นแตกที่มุมปากด้วยความเจ็บหนึบ…แล้วหันไปยิ้มหวาน
ให้สิ้นรักที่กำลังจ้องเขาตามันเป็น…

“ไม่มีวันนั้นแน่นอน…เพราะที่ผ่านมา…มันเกิดขึ้นได้ยังไง…ฉันยังจำไม่ได้เลย…
ที่ฉันจำได้ก็คือฉันไม่เคยรู้สึกรักคุณ…และจะยิ่งเกลียดคุณเพิ่มขึ้นๆอีกหลายพันเท่า…”
สิ้นรักกล่าวขณะจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจังหนักแน่น

“ฉันขอร้อง…ช่วยไปไกลๆจากชีวิตคู่ของเราสองคนสักที…
ถ้าความดีของคุณยังหลงเหลืออยู่บ้าง…เพราะฉันไม่เชื่ออีกแล้วว่าคุณรักฉันอย่างที่คุณเคยพูด…
การกระทำ คำพูดของคุณมันฟ้องออกมาชัดเจนว่าคุณไม่เคยรักใครจริงจังสักคน…”

รังสิมันต์หันมามองสิ้นรักแล้วแกล้งกระชับเอวหญิงสาวเอาไว้แน่น
ขณะกล่าวทิ้งท้ายกับขุนศึกว่า

“ที่ผ่านมา…ฉันจะถือว่าทำบุญทำทาน…”
สิ้นรักถึงกับมองหน้ารังสิมันต์นิ่งกับถ้อยคำนั้นของเขา…

“ชีวิตฉันไม่เคยแย่งของของคนอื่น…ไม่เคยระรานชีวิตใคร…
ถือว่านายยังโชคดีที่เจอกับคนอย่างฉัน…
ถ้ายังมีศักดิ์ศรีของความเป็นคนอยู่บ้าง ควรจะหยุดความสัมพันธ์นี้ซะ…
เพราะจะให้ฉันยกของรักของหวงที่นายแอบคาบไปกินให้ง่ายๆ…คงไม่ได้หรอก…
วันนี้ฉันมาทวงของฉันคืน…อย่าหวังว่าหลังจากนี้นายจะได้แอ้มอีก…”รังสิมันต์เหยียดยิ้ม
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันไปมองหน้าภรรยาของเขา

“ก่อนจะกินอะไรของใคร ฉันอยากให้นายช่วยอายสักหน่อย…
เพราะถ้าเตือนด้วยปากนายยังไม่เปลี่ยนแปลง
นายอาจจะได้กินลูกตะกั่วแทนก็ได้…ฉันไม่ได้ขู่…แต่ทำจริงแน่ๆ…”

“จะฆ่าให้ตายตกกันไปตามๆกันทั้งคู่นั่นแหล่ะ ถ้าขืนยังไม่เลิกจับปลาสองมือ…”
ประโยคหลังรังสิมันต์หันมาทางสิ้นรัก
แล้วจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งด้วยแววตาคมเข้ม จริงจังจนหญิงสาวถึงกับขนลุกซู่…

“ยังไง…ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะสิ้นรักว่าผมรักคุณ…รักคุณจริงๆ…”
ขุนศึกยังไม่วายทิ้งทวนเชื้อไฟไว้คอยเผาผลาญใจของรังสิมันต์…
สิ้นรักได้แต่ส่ายหน้าไปมา…

“ไม่จริงหรอก…คุณไม่ได้รักฉัน…คุณไม่เคยรักใคร…
แม้แต่พ่อแม่พี่น้องของคุณ…หรือแม้แต่ตัวคุณเอง…คุณก็ยังทำลายได้…

วันนี้คุณทำลายความรักความไว้วางใจของคนที่ฉันรักได้…
แต่คุณไม่มีวันทำลายความรักที่ฉันมีต่อเขาได้หรอก…ไม่มีวัน…

และฉันพร้อมที่จะเสียใจ…ที่ว่างในหัวใจของฉัน
มีไว้ให้กับความเสียใจมากจนคุณไม่สามารถคำนวณได้หรอก…”

พูดกับขุนศึกจบก็หันไปทางรังสิมันต์ สามีของเธอ
ผู้ที่กำลังกุมมือเธอเอาไว้ราวกับต้องการจะบอกกับเขาว่า
เธอพร้อมจะเสียใจ ไม่ว่าเขาจะทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอด้วยคำพูดและการกระทำสักขนาดไหน…




หลังจากวันนั้น ชีวิตคู่ของสิ้นรักกับรังสิมันต์ก็อยู่กันไปอย่างยื้อๆ
ราวกับความรักของฝ่ายชายได้จบลงไปพร้อมกับความไว้วางใจที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
…ที่แกล้งทนว่ารักกันหวานชื่นต่อหน้าคนอื่นนั้น…
อาจเป็นเพราะความเสียดาย จึงจำต้องซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆ
ให้กับความอ่อนแอและรอวันให้ทารกถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตัดสินบทสรุปของพ่อแม่

…ความห่างเหินก่อตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างสงบในบ้านหลังใหญ่ ในห้องที่กว้างขวาง
…ทำให้คนรักกันกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ต้องนอนเตียงเดียวกัน
…สายสัมพันธ์เดียวที่ผูกทั้งสองเอาไว้ให้พูดจาต่อกันบ้างก็คือลูกน้อยที่เริ่มก่อตัว
จากก้อนเลือดเป็นก้อนเนื้อ จากก้อนเนื้อน้อยๆก็เริ่มมีอวัยวะ…

สิ้นรักมองภาพลูกน้อยในท้องที่มีอายุครรภ์สี่เดือนพร้อมรอยยิ้มน้ำตาปริ่ม

“ไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไง…พี่ก็ยังอยากให้เธอคิดถึงลูก…พยายามอย่าเครียด
ลูกจะได้เกิดมาเป็นเด็กที่ร่าเริง…แล้วหนังสือศาสนาที่พี่หามาเธอก็ควรจะอ่าน…
แล้วคืนนี้พี่จะเริ่มอ่านคำภีร์อันกุรอ่านให้ลูกฟัง…ลูกจะได้เป็นเด็กดี…อ่อนโยน…
แล้วหมากฝรั่งที่พี่สั่งซื้อมาจากอียิปต์เธอก็ต้องเคี้ยวทุกวันด้วย…
ลูกเราจะได้เกิดมาฉลาด ความจำดี…”สิ้นรักมองกล่องหมากฝรั่งในมือที่รังสิมันต์ส่งให้…
เขาอุตส่าห์สั่งซื้อหมากฝรั่งนี้มาจากอียิปต์เพราะหลายคนแนะนำสรรพคุณมาว่า
เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์…พอลองชิมดูจึงรู้ว่ามันมีรสชาติ
เหมือนยาอะไรสักอย่าง มันเป็นหมากฝรั่งที่ทำมาจากต้นกำยาน เรียกว่า หมากฝรั่งลุบาน
ซึ่งเรียกกันในภาษาอาหรับ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากุนดุรในภาษาเปอร์เซีย

เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นระเหยออกมา
ซึ่งมันหลั่งออกมาเป็นน้ำยาง สามารถนำมาทำเป็นหมากฝรั่งได้หรือนำมาสะกัดเป็นผงได้

มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสมอง
ทำให้เข้าใจและมีความจำดี บรรเทาอาการหวัด เจ็บหน้าอก รักษาโรคไตอ่อนแอได้
ซึ่งจะมีรสจืดในตอนแรก พอเคี้ยวไปสักพักจะเริ่มมีรสขม เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์

ซึ่งต้นลุบานจะเจริญเติบโตแถวภูเขา จะมีแถบอาหรับ เช่น เยเมน

“แล้วนี่ ผลซะฟัรญัล…”รังสิมันต์ส่งผลไม้ดังกล่าวที่บรรจุไว้ในกล่องอย่างดีให้ภรรยา
…ก่อนจะกล่าวแกมสั่งว่า

“มันเป็นสมุนไพรอีกประเภทหนี่งที่มีสรรพคุณมากมาย…
ซาเนียเค้าส่งมาให้ บอกว่าให้เธอกินให้หมด เพราะมันจะทำให้ลูกของเราเกิดมาหล่อ สวย…”

ผลซะฟัรญัลนั้นเหมาะสำหรับภรรยาที่ตั้งครรภ์ในเดือนที่สามและสี่

“และเธอก็ไม่ควรทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์และอาหารที่ผสมกันหลายอย่าง…”
สิ้นรักมองหน้าสามีซึ่งเป็นทั้งหมอคอยสอดส่องดูแลสุขภาพผู้คน
และยังเป็นนายหัวที่คอยดูแลคนงานและรังนก

...ดูเขาจะห่วงใจลูกน้อยในท้องของเธอจนเหมือนจะลืมคนอุ้มท้องไปแล้ว
…เธอไม่ได้อยากอิจฉาลูก แต่ความน้อยใจมันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้
…เขาเอาใจใส่ลูกของเธอ ไม่แม้จะไถ่ถามว่าเธอเป็นยังไง ปวดหลังมั้ย ปวดเอวรึเปล่า…ไม่เลย…

สิ้นรักจึงลุกขึ้นเดินไปยังตู้เย็นแล้วหยิบน้ำอัดลมออกมารินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม
…ก่อนจะหยิบขนมขบเคี้ยวที่รังสิมันต์ซื้อเอาไว้ให้เจ้าแฝดเวลาแวะมาเที่ยวที่บ้านกินเล่นหน้าตาเฉย

…รังสิมันต์ที่พูดไม่ทันจบจึงเดินเข้าไปดึงขนมและน้ำอัดลมจากมือของสิ้นรักแล้วนำไปเททิ้งถังขยะ
ก่อนจะกวาดขนมขบเคี้ยวทั้งหมดลงใส่ถุงเพื่อจะนำไปให้เด็กๆลูกคนงานกิน

…สิ้นรักยิ้มอย่างมีความสุขกับภาพการกระทำของเขา…ทำเอารังสิมันต์ถึงกับของขึ้น…

“เธอไม่รักไม่ห่วงลูกในท้องบ้างรึไง ถึงได้อยากกินอะไรก็กินตามใจปาก…
หรือว่าจริงๆแล้วอยากหาเรื่องยั่วโมโหพี่กันแน่”

สิ้นรักยกไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินไปนั่งตรงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ปากก็พูดออกไปว่า

“ก็เห็นเด็กโตๆยังชอบกิน…รักก็กินไว้เผื่อว่าลูกจะชอบ…”
รังสิมันต์กระแทกก้นนั่งลงข้างๆภรรยา…

“อีกอย่าง หมากฝรั่งอะไรนั่นก็ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน…ขมก็ขม…รักไม่กินหรอก…
ถ้าพี่รังคิดว่าตัวเองฉลาด ลูกก็คงเกิดมาฉลาด คงไม่โง่เหมือนแม่หรอก…
ส่วนเรื่องสวย หล่อ ก็คงไม่พ้นพี่อยู่ดี พี่มันทัั้งหล่อ ทั้งเก่ง ฉลาดและรู้ดีไปทุกเรื่อง
…ยีนเด่นทั้งนั้น…ถ้าลูกไม่เลือกเอาสิ่งดีๆจากพี่มา เขาก็คงจะโง่เหมือนแม่ของเขา…
มันก็สมควรแล้ว…อยากเลือกไม่ดีเองนี่…”

สิ้นรักประชดประชันอีกฝ่ายเข้าให้ด้วยอารมณ์คุกรุ่น…ความจริงมันคุมาตั้งนานแล้วล่ะ…
ตั้งแต่วันที่เขาไม่สนใจใยดีเธออีกเลยนั่นแหล่ะ…นี่ที่มาเอาใจเธอ
ก็แค่หวังผลประโยชน์ อยากให้ลูกเกิดมาสวยหล่อและฉลาดก็เท่านั้น…

“ใช่…พี่กลัวว่าลูกจะเอานิสัยบางอย่างมาจากเธอ…
และก็กลัวว่าลูกจะเลือกได้ไม่ดีเหมือนพี่…เพราะถ้าพี่เลือกได้ดี
ป่านนี้พี่ก็คงไม่เจ็บปวดกับการกระทำของเธอหรอก…”

สิ้นรักถึงกับอ้าปากค้างมองตาสามีของตนนิ่ง ก่อนจะกัดปากแล้วระเบิดอารมณ์
ที่ถูกกักขังมานานเป็นเดือนๆออกไปว่า

“ถ้ารู้ว่าเลือกได้ไม่ดีก็เลิกกันไปเลยสิ จะยื้อเวลาไปอีกทำไม…
อยากได้มากใช่มั้ยไอ้ลูกในท้องเนี่ย…อยากได้มากใช่มั้ย…”

สิ้นรักพูดไปก็ตีอกชกท้องตัวเองไปด้วย รังสิมันต์เห็นการกระทำดังกล่าว
ก็รีบคว้าสองมือนั้นเอาไว้แล้วต่อว่าสิ้นรักเสียงดังคำรามว่า

“ถ้าโกรธพี่ ทำไมต้องไปลงที่ลูก…ลููกผิดด้วยรึไง…ฮะ…
โกรธพี่ก็ตบตีพี่นี่...ไม่ใช่ไปลงที่ลูกแบบนี้...”สิ้นรักกัดปาก
มองหน้ารังสิมันต์หน้าแข็ง…

“ใครผิดก็ช่าง แต่รักจะไม่ยอมให้พี่สมหวังง่ายๆแน่ รักเกลียดพี่รัง…
เกลียดลูก…คอยดูนะ…รักจะทำแท้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย…
อยากรู้นักว่าถ้าไม่มีลูกแล้ว…พี่จะยังมาทำเป็นห่วงใยกันอีกรึเปล่า…”

สิ้นรักพูดประโยคดังกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ล้วนๆ…
ทำเอารังสิมันต์ถึงกับช็อคและอึ้งไปครู่หนึ่งกับถ้อยคำดังกล่าว
ที่หลุดออกมาจากปากของภรรยาของตน…

“เธอพูดอะไรออกมาสิ้นรัก…”รังสิมันต์เรียกสิ้นรักอย่างเหินห่าง

“รักไม่ได้ขู่ และจะทำจริงๆด้วย…นี่แหน่ะๆ…”พูดจบสิ้นรักก็ชกไปที่หน้าท้องของตัวเอง
รังสิมันต์รีบจับมือนั้นมาไว้อีกครั้ง…

“เธอเกลียดพี่พี่ไม่ว่า แต่เธอจะเกลียดและทำลายลูกไม่ได้…”

“ทำไมจะเกลียดไม่ได้…ในเมื่อเขาเป็นลูกของคนที่รักเกลียด…รักจะทำลายเขา…
จะได้ไม่เหลืออะไรระหว่างเราสองคนอีก…”รังสิมันต์จ้องหน้าคนพูดตาเขม็ง…

“นี่ยังไม่เลิกคิดที่จะไปจากพี่เพื่อไปซบอกไอ้ขุนศึกนั่นอีกเหรอ…”

“ว่าแต่คนอื่นว่าหลายใจ ใจง่าย…พี่เองก็ไม่ได้ต่างจากคนที่พี่ว่านักหรอก…
พี่เองก็แอบรักน้องสะใภ้อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ อย่าคิดว่ารักดูไม่ออกสิ…
ที่มาแต่งงานกับรักเพราะต้องการลูกใช่มั้ยล่ะ…

ปากก็บอกว่ารักเรา แต่ใจคิดถึงเมียน้องชายอยู่ตลอดเวลา…
พอสบโอกาสก็แวะไปหาตลอด นี่ถ้าคุณอากิเขายื่นโอกาสให้
พี่ก็คงไม่ปล่อยมันให้หลุดลอยไปใช่มั้ยล่ะ

…แต่น่าเสียดาย…ที่คุณอากิเขาไม่ได้คิดกับพี่แบบนั้น
พี่ก็เลยต้องแสดงบทพระเอกผู้เสียสละที่รอวันให้น้องชายเผลอ

…แต่เผอิญว่าเธอดันตั้งท้องลูกคนที่สามขึ้นมา…เท่ากับปิดโอกาสพี่ไปตลอดกาล…
พี่ก็เลยหันมาเอาอกเอาใจแม่พันธุ์ฺอย่างรักแทน
...อย่าคิดนะว่ารักโง่ ไม่รู้เท่าทันความคิดพี่…”

รังสิมันต์กัดฟันกำหมัดแน่น จ้องคนพูดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ทว่าสิ้นรักกลับไม่ได้รู้สึกกลัวหรือหวาดหวั่นเลยแม้แต่นิด

…ตอนนี้สติของเธอขาดสะบั้นจนเกินจะควบคุมได้อีกต่อไป…

รังสิมันต์กัดปากตัวเองจนฮ่อเลือด…

“ที่บอกว่าเคยรักน่ะ จริงๆก็แค่โกหกให้รักตายใจเท่านั้น…
พี่ยังรักเธอ รักมากด้วย…ขนาดชีวิตพี่ยังยอมแลกเพื่อให้เธอปลอดภัยได้เลย
อย่าคิดว่ารักไม่รู้นะว่าพี่ปกป้องน้องสะใภ้ตัวเองตอนที่อยู่ด้วยกันที่ญี่ปุ่นถึงขนาดไหน…”
สิ้นรักกล่าวเสียงสูง

“รักเห็นนะว่าแววตาของพี่เวลามองเธอมันหวานซึ้งขนาดไหน…
ถ้าไม่ติดว่าเป็นเมียน้องชาย พี่ก็คงไม่รอมาจนถึงทุกวันนี้หรอกใช่มั้ยล่ะ…”

รังสิมันต์กำหมัดแน่น กัดฟันอย่างอดทนอดกลั้นไม่ให้บันดาลโทสะกับคนตรงหน้า

"อยากตบรักมากเลยใช่มั้ยล่ะ...เอาเลยสิ...ในเมื่อตอนนี้ไม่ได้รักกันแล้วนี่..."

รังสิมันต์จ้องหน้าคนที่กำลังท้าทายเขานิ่ง...พยายามจะเข้าใจอารมณ์ของคนท้อง
ที่อาจแปรปรวนได้ทุกเวลา...

“อากิเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องระหว่างเรา…เธอไม่ควรเอาเขามาพูดให้เสียๆหายๆแบบนี้…”
รังสิมันต์กล่าวอย่างมีเหตุมีผล…ทว่าสิ้นรักกลับคิดไปอีกทาง

“พี่พูดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนั้น…
แต่พี่กลับย่ำยีศักดิ์ศรีของเมียตัวเองต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่เหลือชิ้นดี…

พี่ให้เกียรติคนอื่นแต่ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิงคนนี้ คนที่เป็นเมียพี่เลย…”

เพราะเขาสามารถต่อว่าเธอต่อหน้าขุนศึกได้อย่างกับว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของเขา…
เขาไม่ให้เกียรติเธอต่อหน้าขุนศึกเลยแม้แต่นิดเดียว…

แต่กับอากิโกะเขากลับให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง…
สิ้นรักคิดพลางน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด…

“แล้วอย่างนี้พี่ยังจะบอกว่ารักเมียตัวเองได้อีกเหรอ…
พี่จะปฏิเสธได้ยังไง ว่าไม่ได้รักน้องสะใภ้ตัวเอง…ระหว่างเรามันคืออะไรกันแน่…”

“ยังไงพี่ก็ยังยืนยันว่าอากิไม่เกี่ยว เธออย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย…
เรื่องระหว่างเธอกับพี่…มันไม่เกี่ยวกับอากิ…แต่มันเป็นเพราะเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อพี่…”
รังสิมันต์กล่าวเสียงสูงตอกหน้าสิ้นรักอย่างไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป…

“แล้วพี่ล่ะ…หัวใจของพี่ซื่อสัตย์กับรักรึเปล่า…พี่ห่วงใยเค้าสารพัด…
เขาเดือดร้อน พี่ก็รีบไปหาเขาทันที…พี่คิดว่ารักโง่ มองไม่ออกรึไง
ว่าพี่ยังรักเขามากมายขนาดไหน…”

“เลิกเอาคนอื่นมากลบเกลื่อนความผิดของตัวเองสักที…พอสักที…”

รังสิมันต์ตวาดสิ้นรักอย่่างควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่…

ตั้งแต่สิ้นรักตั้งท้อง เขาก็รู้สีกแปลกๆมาตลอด อารมณ์ของเขาดูจะรุนแรงขึ้น
ไม่อาจควบคุมให้เป็นไปได้อย่างแต่ก่อน ซ้ำยังคลื่นไส้อาเจียน เหม็นเบื่ออาหาร
ราวกับคนแพ้ท้อง…เพียงแต่เขาเก็บอาการไว้ไม่ให้ใครเห็นเท่านั้น…

หรือว่าเขาจะแพ้ท้องแทนเมีย…

สิ้นรักร้องไห้ด้วยความเสียใจ…เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก…เขาทำเหมือนไม่ได้รักเธออีกแล้ว…
หรือจริงๆแล้วเขาไม่เคยรักเธอกันแน่…เขาทำไปทุกอย่างก็เพื่อลูกในท้องของเธอเท่านั้นเอง

…คิดได้ดังนั้นสิ้นรักก็เดินขึ้นบันไดแล้วหยุดยืนคาอยู่บนนั้น
พร้อมกับตะโกนบอกรังสิมันต์ที่ยืนอยู่ด้านล่างว่า…

“อยากได้มากใช่มั้ย…งั้นก็คุกเข่าลงอ้อนวอนขอสิ…แล้วรักจะไม่ทำลายเขา…”

สิ้นรักพูดทั้งน้ำตาอาบแก้ม...รังสิมันต์มองภาพของภรรยาที่อยู่บนขั้นบันไดแล้วใจหายวาบ
หากเธอกระโดดลงมาจริงๆไม่ใช่แค่ชีวิตของลูกเท่านั้น…หากยังหมายรวมชีวิตของเธอด้วย…

“เธออย่าทำอะไรบ้าๆนะ…ไม่ใช่แค่ลูกที่จะเป็นอันตราย เธอเองก็เหมือนกัน รู้ตัวรีเปล่า…”
สิ้นรักยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะกล่าวออกไปว่า

“รู้สิ…และยังรู้ด้วยว่า ถ้ารักตาย พี่ก็คงไม่เสียดายเท่ากับลูกตายไปด้วย…”
รังสิมันต์ได้ฟังถึงกับคุกเข่าลงอ้อนวอนสิ้นรัก…

“เธอไม่รักตัวเอง ก็น่าจะรักลูกในท้องของเธอบ้าง…เขาไม่ได้มีความผิดอะไร…
ลงมาหาพี่เถอะนะ…พี่ขอโทษสำหรับทุกเรื่อง…”

สิ้นรักยิ้มกับถ้อยคำดังกล่าวราวกับเย้ยหยันตัวเอง
…เขายอมคุกเข่าอ้อนวอนและขอโทษเธอเพื่อลูกในท้องของเธอ

…หญิงสาวจึงยกมือขึ้นลูบหน้าท้องเบาๆ
…บอกกับลูกน้อยในท้องในใจว่าเธอรักและห่วงเขายิ่งกว่าผู้ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างล่างนั่นด้วยซ้ำ
…ที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากลองใจเขาดูก็เท่านั้น

…และตอนนี้เธอได้คำตอบแล้วว่าเขาไม่ได้รักเธอเท่ากับรักลูก…
ซ้ำยังรู้ด้วยว่า เขาห่วงใยและออกโรงปกป้องน้องสะใภ้ด้วยแววตาแห่งความรักมากมายขนาดไหน

สิ้นรักจึงค่อยๆเดินลงจากบันไดเดินมาหารังสิมันต์และคุกเข่่ามองหน้าเขา…

“ขอบคุณนะคะที่รักลูกในท้องของผู้หญิงที่พี่เชื่อมาตลอดว่านอกใจพี่…”

พูดจบสิ้นรักก็สวมกอดรังสิมันต์เอาไว้แน่นทั้งน้ำตา…
หลังจากที่ไม่ได้กอดเขามานานเป็นเดือนๆ
…ความเจ็บปวดเข้าแทรกเมื่อเขายกมือทั้งสองขึ้นสวมกอดเธอ

…คนรักกันกอดกันมันมีความสุขแค่ไหนเธอรู้ดี แต่เมื่อรู้ว่าอีกคนไม่ได้รักเรา
อ้อมกอดของเขาจึงไม่ได้สร้างความสุขอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว

…มันมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในนั้น…


“เราเลิกกันเถอะ…เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้…ตอนที่เรายังไม่ได้เกลียดกันจนมองหน้ากันไม่ได้…”

รังสิมันต์ยกมือขึ้นจับบ่าทั้งสองของสิ้นรักแล้วผละออกเบาๆ มองหน้าเธอนิ่ง

“อย่าซื้อเวลาอีกต่อไปเลยค่ะ…อย่าแกล้งทนว่ารักกันให้คนอื่นดูอีกเลย…
เราต้องยอมรับความจริง…ว่ารักเราเดินหน้าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…
ดอกรักได้ร่วงโรยแล้ว…สำหรับลูก…รักจะยกเขาให้พี่…เมื่อถึงเวลา…”
รังสิมันต์ลอบถอนใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย…รอให้ลูกคลอดออกมาก่อน แล้วค่อยพูดกัน
ถ้าเธอเห็นหน้าพี่แล้วอารมณ์ไม่ดี พี่ก็จะไม่มาให้เห็น…เราจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน

…บางที…อาจเป็นเพราะเราสองคนต่างก็แพ้ท้อง…ก็เลยมีปากเสียงต่อกันบ่อยๆ…
พี่เองจากที่เคยควบคุมอารมณ์ได้ดีกลับหัวเสียทุกครั้งที่ปะทะฝีปากกับเธอ
…ส่วนเธอเองที่เคยอดทนอดกลั้นเป็นอย่างดีมาตลอดก็เริ่มสติแตกเมื่อเจอหน้าพี่

…บางทีถ้าช่วงนี้เราห่างๆกันบ้างก็คงจะดี…พี่อยากให้เธอใจเย็น สุขุมมากกว่านี้…
พอลูกคลอดออกมา…เธอก็จะรู้ว่าเขามีค่าแค่ไหน…

ปองขวัญเขาฝากมาบอกว่า…เขาอยากเจอเธอมาก…พรุ่งนี้จะมาหา…
จะขอมานอนด้วย…อากิเองก็เหมือนกัน…หวังว่าเธอคงจะสบายใจขึ้นเมื่อได้เจอทั้งสองคน”

สิ้นรักถึงกับดีใจปนแปลกใจที่รู้ว่าเพื่อนจะมาหามานอนด้วย…
และที่แปลกใจเพราะว่าอากิโกะเองก็จะมานอนด้วยคน…

ใช่…อากิโกะตั้งท้องก่อนเธอหนึ่งเดือน…ตอนนี้ก็คงจะท้องได้ห้าเดือนแล้ว
เจ้าแฝดต่างดีใจที่จะได้น้องกันใหญ่…เห่อน้องกันจนซื้อของเล่นมาไว้รอจนเต็มห้อง
ที่เตรียมเอาไว้ให้น้องแล้ว

…ส่วนปองขวัญนั้นท้องก่อนเธอสี่เดือน…ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้ว

…พี่ลมเองก็หายแพ้ท้องแทนเมียแล้ว

…ซึ่งตอนนั้นเธอเองก็อดเห็นใจไม่ได้ที่พี่ลมล้มหมอนนอนเสื่อ
ต้องถึงกับให้น้ำเกลือเพราะแพ้ท้องหนัก…ส่วนปองขวัญเพื่อนของเธอนั้นสบายดี
ไม่มีอาการแพ้ท้องเลยแม้แต่นิด นอกจากว่าเหม็นสามีจนสามีไม่สามารถเข้าใกล้ได้ก็เท่านั้น

…ทำเอาพี่ลมถึงกับหมดแรงกายแรงใจ…

กว่าจะข้ามผ่านสถานการณ์์อันหฤโหดนั้นมาถึงเดือนที่แปดแห่งการตั้งท้องได้
เพื่อนของเธออย่างปองขวัญกับพี่ลมถึงกับสารภาพว่าคลอดลูกเมื่อไหร่ งานนี้ต้องมีเลี้ยงใหญ่…

ส่วนเจ้าแมงมุมเธอได้ข่าวว่าพาลูกสาวไปเที่ยวปางไม้ที่เชียงใหม่กับสามีอย่างนายดิน
ที่เลิกเจ้าชู้สนิทหันมาจีบเมียทุกเช้าค่ำเพื่อชดเชยวันเวลาเก่าๆที่ยังไม่ได้จีบกันก่อนแต่งสักเท่าไหร่
…เพราะมีแต่ทะเลาะกันเสียมากกว่า…

เห็นบอกว่าถ้าเธอใกล้ถึงกำหนดคลอดเมื่อไหร่จะขอพาลูกสาวมานอนเป็นเพื่อนด้วย

…แปลกนะ…คู่นายดินแม้จะทะเลาะกันตลอดจนแทบหาเวลาหวานกันไม่ได้
แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี…ผิดกับคู่ของเธอกับพี่รังที่แรกๆหวานหยาดเยิ้ม
หากตอนนี้ความหวานดังกล่าวได้เลือนหายไปแทนที่ด้วยรสขมพร่า…จนยากจะกลืนกิน

…ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว ระหว่างเธอกับเขาจะจบลงอย่างไร

นาฬิกาความรักของเขากับเธอจะเดินถอยหลังหรือว่าเดินหน้าต่อไป…
เธอเองก็ยังไม่รู้เลย รู้แค่ว่า อย่างไรก็ยังคงรักเขา…และจะรักเขาต่อไป…

เพราะในความเกลียดชัง ยังมีความรักมากมายซ่อนอยู่ในนั้น…มันทั้งรักทั้งเกลียด

…เกลียดที่เขาเฉยชา แต่ว่ารักมากเกินกว่าจะตัดใจ…

ที่พูดว่าเลิกกัน เพราะอยากรู้ว่าเขาจะว่าอย่างไร
ใจเธอเองไม่ได้อยากเลิกกับเขาอย่างจริงจังนักหรอก…พูดไปอย่างนั้น
เพียงแค่ต้องการดูท่าทีของเขาก็เท่านั้นเอง…ถ้าต้องเลิกกันจริงๆ เธอเองก็คงขาดใจตาย

ที่ยอมให้เขาทำร้ายจิตใจมาตลอดโดยไม่คิดหนีไปไหน
เพราะใจยังรักเขา อยากอยู่ใกล้ๆเขา…เท่านั้นเอง…

“เจ็บมั้ย…”รังสิมันต์แตะเบาๆลำแขนของสิ้นรักที่ก่อนหน้านี้เขาบีบด้วยแรงโกรธ
และค่อยๆไล่ขึ้นไปบนแก้มข้างซ้ายของเธอด้วยแววตารู้สึกผิด…
สิ้นรักจับมือนั้นมากุมไว้แล้วย้ิม น้ำตารื้นออกมา…

“เจ็บแต่ก็รัก เจ็บแต่ก็ทนได้ค่ะ…”รังสิมันต์ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดเอาไว้
แล้วกล่าวขอโทษเบาๆข้างๆหูของสิ้นรัก

“พี่ขอโทษนะ…พี่ขอโทษ…”

“รักเองก็ต้องขอโทษพี่รังด้วยนะคะที่พูดจาไม่ดี…รักปากเสียเอง…”
รังสิมันต์ลูบเส้นผมของสิ้นรักเบาๆ…

“พี่เองก็ไม่ควรต่อปากกับเธอเลย…พี่ผิดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติ…เดี๋ยวพี่ทายาให้นะ…”
สิ้นรักยิ้มกว้าง อย่างน้อยระยะสุดท้ายก็ยังมาไม่ถึง…ขอเธอเก็บเกี่ยวผลของต้นรักเอาไว้ในหัวใจ
เผื่อว่าวันที่ต้องจากกันจริงๆมาถึง เธอจะได้ไม่อ้างว้างจนเกินไป…



...โปรดติดตามตอนต่อไป....

ขอขอบคุณทุกๆไลคฺ์ ทุกๆกำลังใจ ทุกๆคำอวยพรค่ะ...
และขอบคุณนักอ่านเงาทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน
ทำให้โยรู้สึกอุ่นในหัวใจว่ายังมีนักอ่านที่กำลังติดตามอ่านอยู่อีกหลายคนเลย...

...รักษาสุขภาพนะคะ...และรักษาความสุขให้อยู่ในใจเราให้นานๆนะคะ...

"เต่าโย"







yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2556, 23:15:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2556, 23:15:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2421





<< ยกที่ 78 คำว่ารักคงยังไม่พอ   ยกที่ 80 เสรีภาพ >>
หมีสีชมพู 4 ม.ค. 2556, 23:43:37 น.
เอ่อ ดูพี่รังไร้เหตุผล ไม่ใช่พี่รังคนเดิมเลยอ่ะ


konhin 5 ม.ค. 2556, 01:01:09 น.
โอ้มายด์ พี่รังเปลี่ยนไป ว่าแล้วว่าพี่รังเชื่อใจรักไม่มากพอ แต่เมื่อไม่ถามแล้วมาสรุปเองเนี่ยนะ สงสารหนูรัก ความรักอย่างเดียวไม่พอจริงๆ


aom 5 ม.ค. 2556, 09:01:52 น.
เศร้า
ตอนนึกออกแต่ว่า คำว่ารักคงยังไม่พอ


pattisa 5 ม.ค. 2556, 09:31:56 น.
เศร้าอ่ะ ว่าเเต่นายขุนศึกทำได้ยังไง ตัดต่อเทพจริงหรือลงทุนหาคนศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนรัก ถ้าเป็นเเบบนี้ก็โคตรรลงทุนสางร้ความร้าวฉานอ่ะ เอาพี่รังมที่เเสนดีของเขาคืนมานะ


ใบบัวน่ารัก 5 ม.ค. 2556, 10:04:56 น.
เสียใจมาก ทำได้ไงคบมาเป็น10ปี
เสียใจนะ


goldensun 5 ม.ค. 2556, 12:05:58 น.
อารมณ์พาไปล้วนๆ ตอนนี้ เสียดายความสัมพันธ์ดีๆที่มามัวหมองลงไปเพราะอารมณ์ร้ายๆที่สาดใส่กัน
ขุนศึกเหมือนรู้ว่าในใจพี่รังไม่มั่นคง แหย่ได้ถูกจุดจริงๆ
รอดูเฉลยค่ะ ว่าขุนศึกทำได้ยังไง ครอบครัวตัวเองท่าจะยังป่วนไม่พอ ถึงมีเวลามาป่วนชาวบ้าน
สิ้นรักคงสุดจะทนแล้ว ไม่รู้ว่า พี่รังจะของขึ้นอีกรึเปล่า


violette 5 ม.ค. 2556, 13:42:47 น.
พี่รังแย่มากไม่มีความเชื่อใจกันเลย แล้วยังหักหน้าเมียตัวเองอีก
เกลียดนายรังแล้ว สงสารสิ้นรัก


supayalak 5 ม.ค. 2556, 21:43:33 น.
อะไรกันค้าเต่าโย หักมุมหักเหลี่ยมอะไรกัได้ขนาดนี้ อะไรกันนนนอ่ะ งง ไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นค่ะ พี่รังถึงบ้าได้ขนาดนี้ แล้วนายขุนศึกอะไรนั่นทำบ้าอะไร อ่านตอนนี้แล้วงงกับข้อมูลที่นายขุนศึกส่งให้พี่รังมาก อะไรก้นค้าาาาาาาา ป้าไม่ปลื้มเลยนะค้า


แว่นใส 5 ม.ค. 2556, 21:59:52 น.
ทำไมต้องทำร้ายผู้หญิงด้วยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account