บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๕

ทันทีที่ผู้กำกับสั่งคัต สิมิลันที่สวมเสื้อยืดเข้ารูปขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนสั้นเหนือเข่าเกือบคืบอวดเรียวขาสวยนั่งพิงซบบ่าพระเอกของเรื่องอยู่ก็กระถดกายออกห่างทันควัน

ทว่าก็ช้ากว่าปัณณ์ที่คว้าข้อมือหญิงสาวไว้ได้ “สิมิลัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

หญิงสาวสะบัดข้อมือจากการเกาะกุม ตวัดดวงตาขุ่นเขียวใส่ทันควัน “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้น...ฉันจะ” เธอเงื้อมือตั้งท่า “ฉันตบจริงๆ นะ”

“นี่ไม่ใช่ในละครนะยายบ้า ถึงเธอตบ ฉันก็ไม่จูบเธอหรอก บอกตรงๆ ว่ารังเกียจ”

ปัณณ์ยิ้มมุมปากเห็นชัดว่าหยามหยันดูถูก

สิมิลันยิ้มหวาน “งั้นก็ดี...”

เพียงขาดคำมือบอบบางก็ฟาดลงบนใบหน้าคมสันทันควัน

เพียะ!

ปัณณ์หน้าหัน ชาหนึบไปทั้งแถบ

“เธอ!” ดวงตาที่หันกลับมามองอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ถามจริงๆ เหอะ มันน่าภูมิใจมากเลยเหรอ ที่ได้ข่มเหงคนที่ไม่มีทางสู้น่ะ” สิมิลันเชิดหน้าย้อน

“มันน่าภูมิใจตรงที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอมากกว่าล่ะมั้ง” ปัณณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก้มลงมาจงใจให้ปลายจมูกปัดผ่านพวงแก้มอิ่มของหญิงสาว “เธอไม่ประทับใจบ้างเลยหรือ คืนนั้นฉันสู้อุตส่าห์แสดงฝีมือสุดชีวิต”

สีหน้ากรุ้มกริ่มและแววตาเต็มไปด้วยประกายปรารถนาแบบเดียวกับที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของหญิงสาว ทำให้สิมิลันเบือนหน้าหลบ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เนื้อตัวเกร็งด้วยความหวาดหวั่น เธอถอยร่นจนหลังไปชนกับโต๊ะกินข้าวที่ถูกนำมาตั้งประกอบฉาก มือเผลอไล่ไปบนโต๊ะเพื่อควานหาอะไรก็ได้ที่จะช่วยป้องกันเธอได้

และก่อนจะทันห้ามตัวเอง เพียงมือจับได้ที่แจกันใบย่อมที่วางอยู่บนโต๊ะ สิมิลันก็คว้ามันหวดเข้ากับศีรษะของคนตรงหน้าทันที

ปึก! เพล้ง!

“เธอ!” ปัณณ์ยกมือกุมหน้าผาก เลือดรินพร่างลงมาเป็นทางตามรอยแตกที่ปลายคิ้วข้างซ้าย สีหน้าเขาโกรธจัด ดวงตาวาวโรจน์ราวสุมไว้ด้วยกองเพลิง

“ยายเด็กบ้า นี่เธอ...” เขาลดมือลงและเพียงเห็นโลหิตแดงฉานเต็มฝ่ามือ ปัณณ์ก็ปรี่เข้ามาตะปบหัวไหล่สิมิลันไว้ “นี่เธอทำฉันหัวแตกเหรอ”
เสียงนั้นดังพอที่จะเรียกให้ทุกคนหันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียว ทั้งกองถ่ายเงียบสงัดเป็นปลิด

สิมิลันถอยกรูดอ้าปากค้าง แน่ล่ะว่าสิ่งที่เขาเคยทิ้งรอยไว้ในหัวใจเธอสาสมกับความผิดนั้น แต่...เธอจะอธิบายกับคนรอบข้างได้อย่างไร การทำร้ายร่างกายใครสักคนในกองถ่ายว่าเป็นเรื่องไม่สมควรแล้ว แต่การที่คนผู้นั้นคือปัณณ์ รัชนาถ ก็ยิ่งทำให้การเค้นหาคำอธิบายยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

“เธอจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ ยายสิบแปดมงกุฎ”

สิมิลันอึ้ง รู้ดีว่าไม่ใช่แค่ขู่ แต่ด้วยอำนาจความเป็นซูเปอร์สตาร์ และนิสัยเรียกร้องเอาแต่ใจของปัณณ์ เขาต้องได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...ที่เธอทำให้เขาโกรธ ครั้งก่อนที่เข้าฉากปะคารมกันแล้วเธอต้องโผนเข้าไปทำร้ายร่างกายเขาตามบท สิมิลันจัดเต็มให้ทุกฉากทุกตอน เธอทั้งเตะต่อย หยิกข่วน และทำทุกอย่างตามบทเป๊ะ เพียงแต่เพิ่มความสมจริงด้วยการ...ไม่หลบมุมกล้องสักซีน

หลังการถ่ายทำเนื้อตัวปัณณ์เต็มไปด้วยริ้วรอย เธอแต้มยิ้มเข้าไปขอโทษขอโพยเขาด้วยท่าทีรู้สึกผิด

และนั่น...ทำให้เธอถูกยกเลิกงานเดินแบบ และโชว์ตัวไปสามงานโดยผู้จ้างไม่อธิบายเหตุผลด้วยซ้ำ สิมิลันจึงเริ่มรู้ตัวว่าผู้ชายคนนี้มีเงินสำหรับทำทุกอย่างเพื่อให้เธอต้องยอมเป็นฝ่ายสยบและยอมขอโทษเขา

การที่เขาเอ่ยปากเช่นนี้ ย่อมหมายถึงงานของเธอที่จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

และครั้งนี้เธอไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว...

“ขอโทษค่ะ” สิมิลันน้ำตาพรู ละล่ำละลักขอโทษอีกฝ่ายด้วยความเจ็บช้ำ เธอถูกล่วงเกิน ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ยังต้องเป็นฝ่ายขอโทษอีก น่าสมเพชตัวเองอะไรอย่างนี้

ฟ้าช่างไม่ยุติธรรมกับเธอเสียเลย

ปัณณ์มองไปรอบๆ เมื่อเห็นทุกคนมองอยู่ก็ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างสูงกระโจนพรวดเดียวเข้าไปคว้าข้อมือสิมิลันไว้ ตะคอกเสียงดัง “ไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ฉันเอาเธอเข้าคุกแน่”

สิมิลันถูกลากไปยัดตัวเข้าในรถสปอร์ตสีแดงเพลิง มันพุ่งออกจากที่อย่างรวดเร็วก่อนใครจะทันคิดอะไรหรือห้ามปรามได้ทันเสียอีก

ผู้คนในกองถ่ายอ้าปากค้าง สถานการณ์ระหว่างพระเอกกับนางร้ายนับจากวันเปิดกล้องเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่คอยวันระเบิด และแน่นอนว่าเหตุการณ์ในวันนี้...เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลาหลังหัก

ผู้จัดการกองถ่ายมือไม้สั่นรีบหยิบโทรศัพท์กดหางามตาทันที “พี่งามขา...เกิดเรื่องแล้วค่ะ น้องแซมเอาแจกันฟาดปัณณ์หัวแตก ปัณณ์ลากแซมขึ้นรถไปไหนก็ไม่รู้ เห็นตะโกนลั่นๆ แต่ว่าจะเอาน้องแซมเข้าคุก”





สิมิลันนั่งเบียดประตูจนตัวลีบ ขณะคนขับใช้สองมือจับพวงมาลัยมั่น ไม่สนใจว่าเลือดจากหางคิ้วจะรินลงมาหยดโดนเสื้อเป็นหย่อมๆ

รถที่วิ่งฉิว แซงซ้ายปาดขวาไปทั่วท้องถนนทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง

“คุณจะพาฉันไปไหน” เสียงสั่นพร่าบอกความหวาดกลัวได้ชัดเจน

“กลัวเหรอ”

“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ จอดรถเถอะค่ะ เลือดคุณไหลใหญ่แล้ว”

“ทีตอนเธอเอาแจกันฟาดหัวฉัน ทำไมไม่กลัว”

“เพราะฉันกลัวต่างหาก ฉันถึงได้ทำน่ะ” หญิงสาวเหลือบมองเขาแล้วรีบหันกลับมาจ้องมองมือตัวเองที่ประสานกันแน่นบนตักทันควัน ข้อนิ้วที่บีบกันแน่นซีดจนขาวแทบไม่เห็นสีเลือด

สิมิลันมัวแต่ก้มหน้าซุกตัวขดพยายามให้เหลือเล็กที่สุดจึงไม่ทันสังเกตว่าหลังจากได้ยินคำตอบประโยคนั้น ความเร็วของรถก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสีหน้าเคียดขมึงของคนข้างกายก็แปรไปเล็กน้อย

ในที่สุดปัณณ์ก็จอดรถลงที่ข้างทาง เขาตบกระเป๋ากางเกงหากระเป๋าสตางค์แต่ก็ไม่พบ สุดท้ายจึงยักไหล่ เปิดช่องเล็กๆ ที่ใต้หน้าปัทม์กลางรถ ดึงธนบัตรออกมาส่งให้สิมิลัน

“ลงไปซื้อยามาทำแผลให้ฉัน” เขาสั่งเสียงเข้ม

นางร้ายสาวสวยเอื้อมมือที่สั่นเทามารับเงินแล้วรีบลงไปจัดการตามที่อีกฝ่ายสั่งโดยไม่อิดเอื้อน

ปัณณ์ดูจะมั่นใจในอำนาจและอิทธิพลของตนไม่น้อย เพราะเขานั่งนิ่งๆ แค่มองตาม โดยไม่ลงไปประกบสิมิลันเลย ไม่กลัวสักนิดว่าเธอจะฉวยโอกาสนั้นเผ่นหนีไปแล้วทิ้งเขาไว้คนเดียวน่ะ

ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ โดยไม่รู้ตัวเมื่อสิมิลันกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกใบเล็กที่ยื่นมาตรงหน้าเขา

“เธอเป็นคนทำให้ฉันเจ็บ เธอก็ต้องเป็นคนทำแผลให้ฉันด้วย”

“ฉันทำไม่เป็น”

“งั้นก็ลงไปถามวิธีทำจากคนที่ร้านขายยานี่มาสิ” คนเอาแต่ใจโวย

สิมิลันคอตก ถอนหายใจยาว ก่อนเปิดถุงหยิบสำลีมาแกะจากห่อ ชุบแอลกอฮอล์แล้วค่อยๆ เช็ดเลือดให้อีกฝ่ายเป็นลำดับแรก

ปัณณ์ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วเอียงตัวมาให้นางพยาบาลจำเป็นทำแผลได้สะดวก

“ซี๊ด...” เสียงสูดปากของคนเจ็บทำให้สิมิลันตกใจ ชักมือออกทันควัน

ปัณณ์ก้มลงมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ เขานึกว่าเธอจะถือโอกาส ‘เอาคืน’ เขาด้วยการทำแผลแรงๆ เสียอีก

ทว่าสิมิลันกลับทำตรงข้าม เธอหน้าเบ้ “เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ใช่!” เขาตอบไม่ตรงความจริง

มือที่แตะสำลีลงมาอีกครั้งถนอมแรงจนเขาแทบไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ปัณณ์นิ่งอยู่ในอิริยาบถเดิมเนิ่นนาน สูดกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ที่ลอยมากระทบฆานประสาทเข้าปอดลึกด้วยความคุ้นเคยอันแสนประหลาด

พุดจีบกลีบแสล้ม พิกุลแกมแซมสุกรม
หอมรวยชวยตามลม เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ

มือนุ่มหยดยาฆ่าเชื้อและติดพลาสเตอร์ให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงถอยออกไปเบียดประตูดังเดิม สีหน้าสิมิลันที่ก้มต่ำหลังเสร็จภารกิจนางพยาบาลทำให้เขาแต้มยิ้มนิดๆ

“ขอบใจ” เสียงห้าวกลับแข็งห้วนผิดกับสีหน้าอ่อนโยนนั้นสุดโต่ง

ปัณณ์ขยับไปพิงพนัก เข้าเกียร์แล้วเลี้ยวรถกลับไปตามทางเดิมเงียบๆ

ทั้งรถเงียบกริบชวนให้อึดอัด แต่สิมิลันก็ไม่กล้าทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ ผู้ชายคนนี้ลากเธอออกจากกองถ่ายกะทันหัน ทั้งเสื้อผ้าชุดที่เพิ่งใส่เข้าฉาก ทำให้เธอไม่มีกระเป๋าสตางค์หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยซ้ำ อย่างนี้แล้วเธอจะหนีกลับกองถ่ายเองได้อย่างไร เครื่องแต่งกายที่สวมก็เปิดเผยเนื้อตัวดึงดูดสายตาคนจนไม่เอื้ออำนวยให้เรียกรถรับจ้างหนีกลับไปเองสักนิด ขืนทำแบบนั้นจริง มีหวัง...เธออาจถูกส่งไปลงที่พงหญ้าข้างทางที่ไหนสักแห่งมากกว่า

สิมิลันมองท้องถนนตรงหน้าด้วยใจจดจ่อ หวังว่าปัณณ์จะพาเธอกลับไปถึงกองถ่ายโดยเร็วก่อนที่งามตาจะมารอรับ เพราะขืนสาวรุ่นพี่รู้ว่าเธอหายออกมาโดยที่ติดต่อไม่ได้ รายนั้นคงจะเป็นกังวลแน่นอน

แต่แล้วเธอก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อปัณณ์ขับรถผ่านทางเลี้ยวเข้าซอยกลับสู่กองถ่ายละครไปดื้อๆ

“คุณขับเลยทางเข้าแล้วค่ะ”

“ใครบอกว่าฉันจะกลับไปที่กอง”

สิมิลันถอนใจ “ขอร้องล่ะค่ะ คุณเป็นพระเอกจะทำอะไรยังไง ก็ไม่มีใครในกองกล้าตำหนิ แต่ฉันเป็นแค่นักแสดงสมทบ ฉันไม่อยากให้ผู้กำกับหรือทีมงานตำหนิได้ว่าทำงานไม่รับผิดชอบ มันมีผลกับงานของฉัน”

“ทำไมเธอยังจะต้องทำงานอีก ในเมื่อยี่สิบล้านที่ได้ไปจากฉัน มันมากพอที่จะทำให้เธออยู่ต่อไปได้สบายๆ โดยไม่ต้องทำงานเป็นปีๆ เลยทีเดียว“

เพื่อนร่วมทางเสพับถุงยาแล้ววางไว้ข้างๆ แทน ไม่พูดอะไรสักคำ

“ตกลงเธอป่วยเป็นอะไรกันแน่ เธอท้องใช่ไหม” ปัณณ์ถามในสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจเรื่อยมา

สิมิลันค้อมไหล่ลงอย่างหมดแรง เอนกายซุกตัวอยู่กับซอกรถ เสมองไปนอกหน้าต่างแทนคำตอบ

“ฉันหิว” นาน...กว่าปัณณ์จะเปรยออกมาลอยๆ ”ไปกินข้าวกันก่อน แล้วฉันจะพาเธอกลับไปส่งที่กอง”

เงียบ...

“ฉันพูดได้ยินหรือเปล่า”

“ฉันจะตอบหรือไม่ตอบ มันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้วนี่คะ” สิมิลันงึมงำเสียงแผ่ว แต่ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงถอนหายใจที่แทรกมาด้วยบางเบา

ปัณณ์เคลื่อนรถมาจอดที่ลานเล็กๆ หน้าบ้านสีไม้ขาวหลังไม่ใหญ่นัก เขาลงจากรถด้วยสีหน้ามีรอยสนุก รถที่จอดเรียงรายอยู่หลายคันและความพลุกพล่านในร้านทำให้เดาได้ว่าจะต้องมีคนสังเกตเห็นเขาและยายนางร้ายสุดเซ็กซี่ข้างกายนี่แน่นอน

เขาจะทำให้ยายนี่อับอาย ถูกผู้คนชี้ชวนกันมองด้วยความเหยียดหยาม ดีไม่ดี...อาจมีคนเห็นจนเอาไปเขียนเป็นข่าว นั่นล่ะ...ปราชญ์จะได้เชื่อเสียที ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดีพอ ไม่มีค่าคู่ควรให้หยิบยกขึ้นมาเชิดชู หรือมีอะไรเทียมเทียบกับแพทย์หญิงผู้เพียบพร้อม แฟนสาวของปราชญ์ได้เลยสักนิด

นักแสดงหนุ่มย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาก็แค่ต้องการกันพี่ชายออกจากยายสิบแปดมงกุฎนี่เท่านั้น ไม่ได้พิศวาสหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย แล้วที่แวะร้านอาหารนี่...ก็ไม่ได้ห่วงที่เธอยังไม่ได้กินข้าวกลางวันหรอกนะ!

สิมิลันลงจากรถด้วยท่าทางไม่ค่อยมั่นใจ ปัณณ์กวาดตามองร่างอวบอัดเกินอายุที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้ารัดรูปอวดทรวดทรงอะร้าอร่ามแล้วเผลอไม่ชอบใจ สายตาเขาไปหยุดอยู่ที่รองเท้าผ้าเนื้อนุ่มบุฟองน้ำแบบที่ใช้สวมเดินในบ้าน

“ทำไมใส่รองเท้าอย่างนี้มา”

“ดูคุณจะลืมนะ ว่าก่อนจะถูกลากออกมานี่ ฉันเข้าฉากในบ้านตัวเอง นี่เป็นชุดอยู่บ้านของหวันยิหวาที่แต่งไว้รอรับอีตาพระเอกบ้ากามมากรักนั่นยังไงล่ะ”

“ดีนะ...ที่เธอว่าไอ้พระเอกนั่น ไม่ใช่ฉัน”

สิมิลันถอนใจไม่ตอบโต้ และนั่นก็เป็นเหมือนคำอนุญาตกลายๆ ให้ผู้ชายจอมเผด็จการคว้าข้อมือลากเธอผ่านสนามหญ้าก้าวขึ้นบันไดไปยังระเบียงหน้ามุกซึ่งยื่นออกจากตัวบ้านเล็กน้อย

ชายหนุ่มตบกระเป๋าเสื้อแล้วทำท่านึกได้

“ฉันไม่ได้หยิบเงินมา เธอรออยู่ตรงนี้แหละ” ปัณณ์สำทับแล้วย้อนกลับไปที่รถ

สิมิลันยืนมองชิงช้าไม้สีขาวบุนวมสีครีมเป็นลายดอกไม้นิดๆ ที่วางอยู่ข้างประตูทางเข้าตัวบ้านซึ่งร่มครึ้มด้วยเถาหิรัญญิการ์และชมนาดที่เลื้อยพาดพันจนกลายเป็นหลังคาสีเขียวขจีส่งกลิ่นหอมตลบ ดวงหน้าแต้มยิ้มนิดๆ ขณะเธอขึ้นไปนั่งบนชิงช้าแล้วไกวเบาๆ เหลือบมองรอบด้านอย่างชื่นชม ศีรษะพิงโซ่แล้วหลับตาลงอย่างสิ้นแรง หวัง...ให้เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์ที่เธอถูกอีตาพระเอกมาเฟียลากตัวออกจากกองถ่ายเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น

แช๊ะ!

เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น ทำให้เธอลืมตาทันควัน แล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นทันที

“คุณ!” ปัณณ์มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ ในมือเขามีโทรศัพท์และใบหน้าก็บอกชัดว่าไม่ได้ประสงค์ดีแน่นอน

“นั่งลงไปอย่างเดิมเลย ฉันจะถ่ายรูปให้”

“ฉันไม่...” สิมิลันขยับจะเถียง แต่ก็ช้ากว่าคนเอาแต่ใจที่กดบ่าเธอให้นั่งลงที่ชิงช้าอีกครั้ง

“เธอน่าจะรู้นะ ว่าการขัดใจเธอเป็นความสุขที่สุดของฉัน” คนพูดยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า “เอ้า! ทำตัวให้เป็นธรรมชาติหน่อยสิ รู้หรือเปล่าว่าวิวที่มุมนี้ทำให้เธอเหมือนนั่งอยู่บนชิงช้าที่บ้านตัวเองเลยนะ”

ปัณณ์ถอยออกมายืนมองภาพตรงหน้า รอยยิ้มนิดๆ แต้มขึ้นบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว มือใหญ่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดบันทึกภาพทันที “เอนหัวพิงโซ่ชิงช้านิดนึง ยกขาขึ้นไปพับเพียบบนเบาะด้วยสิ จะได้ดูลำลองสบายๆ หน่อย”

สิมิลันนั่งนิ่งไม่ขยับ ปัณณ์ก้าวเข้ามายืนค้ำอย่างคุกคาม “จะจัดท่าเอง หรือจะให้ฉันจัดท่าให้”

ตากล้องจำเป็นขู่ได้ขู่เอา ยิ่งคนตกเป็นเบี้ยล่างทำท่าไม่เต็มใจเท่าไร จอมเผด็จการก็ยิ่งพอใจและมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น





ปัณณ์สั่งอาหารหลายอย่างเลือกแต่ที่รสชาติไม่จัดจ้านนัก แล้วเอนพิงพนักเก้าอี้สำรวจรอบร้านด้วยความพอใจ ผนังที่ติดวอลเปเปอร์สีครีมเป็นลายกุหลาบสีชมพูดอกจิ๋วๆ ทำให้บรรยากาศแลอ่อนหวาน เก้าอี้หวายสีขาวบุนวมนุ่มกับโต๊ะหวายที่วางกระจกไว้ด้านบน ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง กระถางต้นไม้ แจกันดอกไม้ กรอบรูป และชั้นไม้ที่ประดับกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ เพิ่มรายละเอียดสร้างความผ่อนคลายได้มากขึ้น

ปัณณ์มองสีหน้าไม่สบายใจของคนตรงหน้าแล้วอมยิ้ม ยิ่งสิมิลันกลุ้มหนักเขาก็ยิ่งสุขใจ ในเมื่อยายสิบแปดมงกุฎนี่แบล็คเมล์เงินเขาไปตั้งยี่สิบล้าน เพราะฉะนั้นเจ้าหล่อนก็สมควรจะได้รับความทุกข์ใจเป็นการชดเชยให้เขา

สายตาของลูกค้าอื่นๆ ในร้านเริ่มหันมาเมียงมองเขาเป็นระยะ ปัณณ์เชื่อว่าหลายคนจำเขาได้ ทว่าไม่มีใครเข้ามารบกวนความเป็นส่วนตัวของเขาให้หงุดหงิดใจเลย

ตรงกันข้าม...

มือไม้และใบหน้าที่บุ้ยใบ้กันมาทางสิมิลัน รวมถึงสายตาที่ผู้ชายบางคนปรายมามองสตรีตรงข้ามเขาแสดงออกชัดถึงอาการไม่ให้เกียรติกันสักนิด

เสียงงึมงำแม้จะฟังไม่ได้ศัพท์แต่เดาได้ว่าต้องเป็นถ้อยคำนินทาสิมิลันแน่นอน ผู้ชายหลายคนเริ่มหันมามองเขาบ่อยขึ้น ปัณณ์มองออกว่าสายตาพวกนั้นบอกความริษยาเต็มเปี่ยม

แล้วดูผู้หญิงตรงหน้าสิ แทนที่เจ้าหล่อนจะออกอาการลุกลี้ลุกลน หรืออับอายกับสายตาและถ้อยคำนินทาเหล่านั้น เธอกลับนั่งนิ่งๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่จะถูกใครๆ ชี้ชวนกันวิจารณ์ราวกับสิ่งมีชีวิตในสวนสัตว์เช่นนี้

เป็นปัณณ์เสียเองที่ทนไม่ได้ เขาลุกพรวดพราดขึ้นกวาดตามองรอบร้าน เห็นชัดว่าทุกคนหลบตาทันควัน ทำทีไม่รู้ไม่ชี้ราวกับว่าเมื่อครู่มิได้กำลังนินทาสิมิลันอยู่กระนั้น

“ขอโทษ พวกคุณมองอะไรกันหรือครับ” น้ำเสียงสุภาพก็จริง แต่สีหน้ากลับกรุ่นโกรธราวกับพร้อมจะลุกเป็นไฟทุกเมื่อ

ไม่มีใครกล้าตอบ ลูกค้าแต่ละโต๊ะก้มหน้าลงไม่สบตาเขาสักคน

ปัณณ์นั่งลงดังเดิม ในร้านเงียบ แต่รู้สึกได้ว่ามีความคุกรุ่นระอุอยู่เบื้องใต้ พร้อมระเบิดออกมาทุกขณะ

ชายหนุ่มอดทนนับหนึ่งได้ถึงแค่สี่ แล้วคนบ่นหิวข้าวก็ทะลึ่งยืน ดึงธนบัตรจากกระเป๋าเสื้อวางไว้บนโต๊ะเกินค่าอาหารนิดหน่อย แล้วคว้าข้อมือลากสิมิลันออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ทั้งที่อาหารยังไม่ได้มาเสิร์ฟสักจาน

เพียงออกมาพ้นชายคา เสียงห้าวห้วนจัดก็ตะเบ็งใส่คนข้างตัว “ยายบ้า คนเขานินทากันทั้งร้าน ทำไมไม่รู้จักลุกขึ้นมาตอบโต้บ้าง หา! แถมยังปล่อยไอ้พวกชีกอนั่นมันมองเอาๆ อยู่ได้ ไม่อายเขาบ้างหรือไง”

สิมิลันเสมองไปทางอื่นแทนคำตอบ และนั่นทำให้ปัณณ์ยิ่งขุ่นเคือง เขาเปิดประตูรถแล้วจับบ่าบอบบางพลางกดศีรษะยัดเธอให้นั่งลงในรถสปอร์ตอย่างกระแทกกระทั้น ก่อนอ้อมหน้าหม้อกลับไปประจำที่คนขับ

ดวงตาคมเกรี้ยวกราดปรายมองคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งเป็นสิงโตหิน เห็นชัดว่าเธอเม้มริมฝีปากบางแน่น ขณะสีหน้าและท่าทางของเจ้าตัวกลับวางเฉยได้อย่างน่าอัศจรรย์

ปัณณ์มองรองเท้าผ้านุ่มๆ ที่เริ่มเยินเพราะการใช้งานผิดประเภทแล้วถอนใจ

นี่เขาเป็นอะไรกันแน่ เจตนาแรกที่พายายนี่มาร้านอาหารซึ่งลูกค้าพลุกพล่าน มิใช่เพื่อให้เธออับอายถูกผู้คนชี้ชวนนินทาหรอกหรือ

ก็นี่อย่างไรล่ะ...เขาก็ได้ทุกอย่างสมใจแล้ว เธออับอาย ถูกปรามาสทั้งด้วยสายตาและถ้อยคำหยามหยันอย่างที่เขาต้องการแล้ว

ทำไมเขาต้องลากยายคนนี้ออกมา ทำไมเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ไม่เข้าใจตัวเองเลย

ปัณณ์เอี้ยวตัวไปหยิบเสื้อสูทจากเบาะด้านหลังมาโยนลงบนตักเธอ “เอาคลุมไว้ซะ จะได้ไม่ต้องอุจาดตาให้คนอื่นมอง”

ผู้หญิงข้างกายทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

แล้วปัณณ์ก็ไม่พอใจอีกนั่นแหละ “เป็นใบ้ไปแล้วหรือไง”

สิมิลันไม่ตอบโต้ แต่เอ่ยถามเสียงเรียบ “พาฉันกลับไปที่กองถ่ายได้หรือยังคะ”

“ฉันจะเป็นคนบอกเองว่าจะกลับเมื่อไหร่” ปัณณ์หน้าบึ้ง เข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งกระชากรถออกจากที่อย่างรุนแรงและรวดเร็ว

สิมิลันไม่มีท่าทีหวาดกลัวอย่างชั้นแรก เธอแค่ค่อยๆ หันไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดตามหน้าที่ แล้วนั่งเงียบๆ ตามเดิม นาน...กว่าจะเอ่ยขึ้นลอยๆ

“ขอฉันโทร.บอกพี่งามหน่อยได้ไหมคะ เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“มีอะไรจะต้องเป็นห่วง คนทั้งกองเห็นว่าเธอออกมากับฉัน”

“งั้นก็ยิ่งต้องโทร.บอกใหญ่เลย พี่งามจะได้สบายใจว่าฉันยังไม่ได้ถูกคุณฆ่าทิ้งหมกพงหญ้าไปเสียแล้ว โทษฐานที่บังอาจไปทำให้คุณบาดเจ็บ”

ปัณณ์เผลอยกมือแตะหางคิ้วข้างซ้ายที่มีพลาสเตอร์ติดอยู่ แล้วทำเสียงขลุกขลักในคอ จนคนที่นั่งเฉยๆ ต้องหันไปมองด้วยความฉงน

“มีอะไรน่าขันนักหรือคะ”

“บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะไปส่งที่บ้าน” เขาไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเรื่องดื้อๆ

“ฉันต้องกลับไปทำงานต่อ” หญิงสาวยืนกรานคำเดิม

“ทั้งที่ใส่เสื้อผ้าอย่างนี้เนี่ยนะ”

“คุณจะมายุ่งอะไรกับเสื้อผ้าของฉันไม่ทราบ” สิมิลันเสียงแข็ง เห็นได้ชัดว่าอ่อนให้แล้ว เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นเธออาจต้องกลับมาใช้โหมดขี้วีนดังเดิม เผื่อจะทำให้เขาเบื่อหน่ายและยอมส่งเธอกลับกองถ่ายแต่โดยดี

“ชอบหรือไงให้คนมองเยอะๆ น่ะ”

“อ้าว! ก็ฉันเป็นดารา คนมองก็ต้องดีใจสิ เพราะมันแปลว่าฉันดังพอที่พวกเขาจะจำได้”

“จำได้! ว่าเธอใส่ชุดว่ายน้ำให้คนทั้งประเทศดูงั้นสิ”

สิมิลันยิ้มเย็น ขยับจะเอ่ยถึงงานใหม่ที่มากกว่าแค่ใส่ชุดว่ายน้ำแล้วด้วยซ้ำเพื่อความสะใจ ลึกๆ แล้วหญิงสาวอยากให้ผู้ชายคนนี้รู้สึกผิด อยากให้รู้ไว้...ว่าเธอเลือกทางชีวิตแบบใหม่ เพียงเพราะเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น หากวันไหนเธอพาชีวิตตัวเองไปลงเหว เขามีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

แต่จากที่รู้จักปัณณ์ รัชนาถ มา สิมิลันรู้ดี...คนที่รักแต่ตัวเอง มองตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลเช่นเขา คงไม่มีวันรู้สึกรู้สาอะไรไปกับความพินาศย่อยยับของเธอหรอก อย่างดีเขาก็อาจจะแค่มองเธอด้วยสายตาเวทนา อย่างร้ายเขาอาจจะสมน้ำหน้าที่เธอโง่จนน่าสมเพช

เมื่อระลึกได้ว่ามันมีแต่จะทำให้ผู้ชายคนนี้เหยียดหยันเธอหนักกว่าเก่า สิมิลันจึงเปลี่ยนใจ

“เห็นหัวสูงนักหนา ไม่คิดเลยนะคะว่าลุงเชยๆ อย่างคุณจะติดตามอ่านนิตยสารที่ฉันถ่ายแบบด้วย”

รถสปอร์ตกำลังสูงหยุดกะทันหันจนสิมิลันหัวกระแทกกระจกด้านหน้า

“โอ๊ย!” คนเจ็บคลำศีรษะป้อยๆ ”จะบ้าเหรอ เบรกรถทำไม”

“ถ้าเธอกล้าเรียกฉันว่าลุงอีกครั้ง ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอหรอกนะ”

สิมิลันลดมือลง เมื่อลองมาหลายวิธีแล้วยังไม่สัมฤทธิ์ผล บางทีเธอน่าจะลองเปลี่ยนกลยุทธ์บ้าง “ขอร้องล่ะค่ะ พาฉันกลับไปส่งที่กองถ่ายเถอะนะ งานนี้อาจเป็นเรื่องสนุกฆ่าเวลาของคุณ แต่มันสำคัญกับฉัน”

ปัณณ์เหลือบมองคนข้างตัวเต็มตาด้วยความประหลาดใจ นับตั้งแต่ได้เจอ ได้รู้จักผู้หญิงคนนี้มา เขาเคยเจอแต่โหมดเกลียดชัง สีหน้าเอาเรื่อง ท่าทางโกรธแค้น เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่เธอ...อ่อนหวาน

“เงินยี่สิบล้านนั่นไปไหน” เป็นครั้งแรกที่เขาอยากรู้จริงๆ มิใช่แค่คำประชดอย่างที่ผ่านมา

“มันเป็นเงินของฉันแล้ว ฉันจะทำอะไรกับมัน ก็ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ” สิมิลันตอบเสียงเรียบ

“เธอจะเอาเงินไปทำไมเยอะแยะ”

“คุณเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรหรือไง ถึงจะมาซักไซ้ถามเรื่องรายได้ของฉันน่ะ”

“ถ้าอยากได้เงิน ฉันจะจ่ายให้เธอก็ได้นะ คืนนี้ไปค้างกับฉันไหมล่ะ” เขาปากพล่อยตามความเคยชิน

หารู้ไม่ว่าคำถามนั้นปักลงตรงกลางใจคนฟังอย่างรุนแรง สิมิลันหรุบตาลงมองมือตัวเองนิ่งๆ น้ำตาพรูลงมาเงียบๆ เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว

“ในความคิดของคุณ ฉันคงเหมือนโสเภณีมากเลยใช่ไหม”

ไหล่บางไหวแรง เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังพยายามกลั้นสะอื้นสุดความสามารถ

ปัณณ์อึ้ง กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น แวบหนึ่งที่เสียใจกับคำพูดนั้นจนอยากจะเรียกย้อนเวลากลับคืนมา ทว่าทิฐิและความเชื่อมั่นในตนเองทำให้เขาปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกจากใจทันที ฝืนทำเสียงแข็ง

“ก็แล้วเธอจะเถียงเหรอว่าไม่ใช่ เห็นกันอยู่ว่าเธอยั่วพี่ชายฉันจนเขาหลงแทบโงหัวไม่ขึ้น ถามหน่อยเถอะว่าเด็กในท้องเธอนั่นน่ะลูกฉันหรือว่าลูกพี่ปราชญ์กันแน่”

สิมิลันกรีดร้องด้วยความเหลืออด พร้อมกับโผนเข้าไปจิกตี ทุบทำร้ายอีกฝ่ายทันควัน ปากก็พร่ำประณามเท่าที่จะนึกออก “ไอ้คนบ้า ไอ้ผู้ชายสารเลวกล้าดียังไงมาว่าฉัน ที่ฉันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะนายเหรอ”

ปัณณ์ใช้มือข้างหนึ่งปัดป้องไม่ให้อีกฝ่ายทุบตีเขาได้ถนัด แต่ไม่สำเร็จจึงผลักไหล่สิมิลันอย่างแรง หญิงสาวหงายผลึ่งไปกระแทกกับประตูเสียงดังเหมือนของหนักๆ กระทบกัน

ปึก!

“โอ๊ย!” สิมิลันอุทานยกมือกดที่หน้าอกทันควัน

ชายหนุ่มตกใจหันขวับไปทางนักแสดงสาวด้วยความกังวล “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่ละสายตาจากท้องถนน จักรยานยนต์คันหนึ่งก็โผล่ออกมาจากซอยพอดี ปัณณ์เหลือบเห็นจากหางตาเท่านั้น สัญชาตญาณทำให้เขาหักรถหลบทันควัน

รถสปอร์ตคันหรูพุ่งปะทะต้นไม้ข้างทางอย่างแรงจนกระโปรงหน้ารถยุบไปเกือบครึ่ง ถุงลมนิรภัยพองตัวอัตโนมัติปกป้องคนขับและผู้โดยสารไว้ได้เฉียดฉิว โชคดี...ที่ทั้งคู่คาดเข็มขัดนิรภัยจึงไม่กระเด็นออกไปนอกรถ

ปัณณ์สะบัดศีรษะด้วยความมึนงง เขาเหลือบมองรอบด้านเพื่อให้สมองประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่เด็กสาวหน้าซีดเผือดหมดสติกองอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ กันทำให้จำเรื่องราวได้ทันที

เขาขยับจะร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าแรงกระแทกจากถุงลมนิรภัยอัดจนเขาจุกพูดไม่ออก เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบกายบอกให้รู้ว่าความช่วยเหลือคงจะมาถึงในอีกไม่ช้า

สัมปชัญญะสุดท้ายก่อนหมดสติ ปัณณ์เผลอเอื้อมไปคว้ามือที่เย็นเฉียบของสิมิลันมากุมไว้โดยไม่รู้ตัว เสียงพึมพำแผ่วเบา...ด้วยถ้อยคำที่อีกฝ่ายปรารถนาอยากได้ยินเป็นที่สุด แต่กลับไม่เคยมีโอกาสได้ฟังในขณะที่มีสติรู้ตัวเลยสักครั้ง

“ฉันขอโทษ...”



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2555, 16:22:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2555, 16:22:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2925





<< ตอนที่ ๑๔   ตอนที่ ๑๖ >>
minafiba 18 ก.ย. 2555, 16:27:47 น.
รออีกตอนนะคะ


สิริณ 18 ก.ย. 2555, 16:34:12 น.
เอ...จะให้นางเอกยกโทษให้อีตาลุงดีไหมน้า...อิอิ
ขอแรงกองเชียร์
กดไล้ค์คนละทีสองทีบ้างนะค้า
อาทิตย์ก่อน บุหงาซ่อนกลิ่นขึ้นไปถึงอันดับ ๗ ใน Top ๒๐ ด้วย
ดีใจจัง เย้ๆๆๆ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนนะคะ
เป็นการตอบรับที่ทำให้คนเขียนอุ่นใจจริงๆ ^^

ตอบข้อข้องใจที่บางท่านติติงมาดังนี้ค่ะ

คุณ SaturnStar
คำว่า เข็ดขาม สิริณตั้งใจใช้คำนี้ค่ะ
คำว่าขาม แปลว่า คร้าม หรือ เกรง น่ะค่ะ
ความหมายเป็นคำซ้อนนิดๆ แต่ตั้งใจแน่นอน

บางคำที่สิริณใช้ เป็นคำไทยที่ปัจจุบันหายไป ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว
เนื่องจากโตมากับนวนิยายชั้นครู ทำให้รักคำไทยหลายๆำคำ
และเสียดายถ้าจะหายไปน่ะค่ะ เลยอยากแอบใช้บ้างนิดๆหน่อยๆ
มีบ้างเหมือนกันที่บางทีต้นฉบับไปถึงกองบรรณาธิการ แล้วคำเหล่านั้นถูกตัดออก
ก็เข้าใจเนอะ เพราะบางทีเด็กยุคใหม่ไม่รู้จักคำโบราณแล้ว ^^

ส่วนที่กรุณาอุดหนุน แผนก่อการรัก
ขอบคุณค่ะ ดีใจ(อีกแล้ว) ที่บอกว่าสนุก
ฝาก ภาพรักในฝัน กับ รอยตะวัน
ผลงานเก่าอีกสองเล่มไว้ในใจด้วยสิคะ แฮ่...
(ได้ทีละขายของใหญ่เลยนะหล่อน! ยายสิริณ!!!)

คุณหมีสีชมพู :
ขอบคุณที่ติติงการใช้ หมายกำหนดการ และ กำหนดการ ค่ะ
สิริณเหมือนๆจะเคยรู้มาก่อน แต่ก็ยังพลาดจุดนี้อีก
แทบไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน
แก้ไขแล้ว รับรองว่าต้นฉบับที่จะตีพิมพ์
จะไม่พลาดจุดนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
ติ ชม และให้คำแนะนำด้วยค่ะ
หากมีจุดไหนที่สิริณพลาดไป แ้จ้งได้เลยนะคะ
จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง _/\_


มะดัน 18 ก.ย. 2555, 16:42:48 น.
ต้ อ ง เ อ า ใ ห้ เ ข็ ด ! ! !


sai 18 ก.ย. 2555, 16:44:17 น.
ง่ะ เป็นข่าวอีกแล้ว แล้วนางเอกเราจะแท้งไหมเนี่ยยย


nunoi 18 ก.ย. 2555, 17:05:15 น.
เป็นเรื่องอีกแล้ว สงสารหนูแซมจัง


supayalak 18 ก.ย. 2555, 17:21:35 น.
จะยังไงต่อละค่ะทีเนี้ย


เด็กหญิงม่อน 18 ก.ย. 2555, 17:26:45 น.
ตาลุงจะสำนึกผิดรึยังนะเนี่ย


parinratn 18 ก.ย. 2555, 17:26:53 น.
อีลุงบ้าทำไรไม่รู้จักคิดซะเลย


phakarat 18 ก.ย. 2555, 17:36:23 น.
สนุกมากเลยค่ะอยากรู้ว่าพระเอกจะรับผิดชอบยังงัย


violette 18 ก.ย. 2555, 18:29:20 น.
โอ๊ยยยยลุ้นจ้า อิลุงบ้านี่


รอให้เป็นเล่ม 18 ก.ย. 2555, 18:59:31 น.
อยากเห็นแบบเป็นเล่มในงานหนังสือที่กำลังจะถึงนี้ค่ะ


bloomberg 18 ก.ย. 2555, 19:24:29 น.
ทำไมนางเอกต้องเอามือกดที่หน้าอกทันควัน
เข้ารพ.คราวนี้จะได้รู้หรือไม่ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่

สงสารแต่ลุงนี่แหละ แหย่เองแล้วก็เครียดเอง


mhengjhy 18 ก.ย. 2555, 19:59:19 น.
ใจร้ายเกินไปแล้วนะ หนูแซมเอาคืนให้เข็ด


pattisa 18 ก.ย. 2555, 20:28:34 น.
นางเอกน่าสงสาร


SaturnStar 18 ก.ย. 2555, 21:02:59 น.
เอ้อ ขอออกตัวนิดนึง เค้าไม่ได้ติติงน้า
ก็แค่ไม่เคยคุ้นกับคำนี้จริงๆนี่นา
แล้วก็ดีใจจังที่คุณสิริณนำคำไทยๆกลับมาใช้อีก
เพราะคำบางคำก็หาอ่านได้แต่งานชั้นครูอย่างที่คุณสิริณว่าไว้จริงๆแหล่ะค่ะ

ส่วนผลงานเล่มก่อนนั้นน่ะค่ะ ไม่ต้องฝากไม่ต้องขายค่ะ
ได้มาครอบครองก่อนหน้านานแล้ว
ถึงได้บอกว่าสนุกกว่าที่คาดไงคะ คือเรื่องนั้นก็สนุกนะคะ
แต่เรื่องแผนรักฯ สนุกกว่าค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะตัวเอกชอบนางเอกเก่ง แกร่ง
ด้วยรึเปล่า เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้สนุก จะบอกว่าดูโตขึ้น ก็คงใช่มั้งคะ
เฮ้อ อธิบายไม่ถูกค่ะ ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนการขึ้นบันไดมั้งคะ
ค่อยๆขึ้นไปที่ละขั้นๆน่ะค่ะ

เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ อยากสัมผัสหนูตองกับลุงปัณณ์ในหน้ากระดาษเร็วๆจะแย่แล้วค่ะ ^^


Pat 18 ก.ย. 2555, 21:27:24 น.
“ฉันขอโทษ...” คำๆนี้จะสายไปไหมนี่


agentaja 18 ก.ย. 2555, 21:50:43 น.
น่าสงสารตองอ่ะ รอตอนต่อนะคะ


หมูอ้วน 18 ก.ย. 2555, 22:56:37 น.
หนูตองสู้ ๆ


nateetip 19 ก.ย. 2555, 00:08:47 น.
โอ้ยยย อ่านไปจุกอกไป น้องนางเอกน่าสงสารจัง ติดตามอยู่นะคะ


แล่นแต๊ 19 ก.ย. 2555, 00:11:24 น.
ทำไมนายปัณณ์ถึงนิสัยเสียแบบนี้เนี่ย สงสารนางเอกจังเลย


chocoholic 19 ก.ย. 2555, 01:26:59 น.
เย้ย นางเอกเจ็บทั้งตัว ทั้งใจเลย ตาลุงบ้า รุตัวว่ารักเค้าเมื่อไร ต้องให้ง้อซะให้เข็ดนะคะ


Siang 19 ก.ย. 2555, 08:24:27 น.
สงสารนางเอกจัง


ปอรินทร์ 19 ก.ย. 2555, 08:49:25 น.
นายปัณณ์ต้องโดนเอาคืนบ้างนะ ไม่งั้นไม่ยอม >"<


DearJazz 19 ก.ย. 2555, 17:36:24 น.
น้องตองเป็นโรคหัวใจป่ะเนี่ยยย


winbkin 20 ก.ย. 2555, 12:34:05 น.
เอทำไมตองต้องยกมือกดหน้าอกด้วย ตกลงน้องตองท้องหรือเป็นอะไรแน่คะเนี่ย


พันธุ์แตงกวา 21 ก.ย. 2555, 03:44:28 น.
สงสารตอง T T


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account