ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สิบสี่ การพบกันที่แสนน่าประทับใจ 100%
ต่อจากตอนที่แล้ว
“ขอโทษค่ะ มีอะไรจะถามฉันรึเปล่า”เธอยิ้มแย้มถามชายหนุ่มทั้งสอง
คนแรกเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราอ่อนๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาทีเดียว ผิวสีเข้มคร้ามแดด จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากเหยียดตรง ดวงตาสีดำมองเธออย่างพิจารณาซักพักก่อนจะหันไปพูดอะไรกับชายหนุ่มข้างๆในภาษาที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง
อีกคนเป็นชายหนุ่มที่ดูเด็กกว่ากันอยู่มาก เขามีใบหน้าที่หวาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นมิตร ริมฝีปากของเขายิ้มแย้มอยู่เสมอ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ที่เธอเห็นละนะ ผิวของเขาขาวเนียนต่างจากชายคนแรก เมื่อเห็นว่าเธอมองกลับด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าใดเขาก็โค้งตัวให้เล็กน้อยเป็นการขออภัย
“คุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เหรอ!”เธอเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นทั้งคู่ยังคงพูดจาด้วยภาษาที่เธอฟังไม่ออก
ตั้งแต่มองเธอด้วยสายตาพิจารณาก็เสียมารยาทมากพอแล้วนะ! แล้วนี่อะไรกัน
ร่างบางเชิดหน้ากอดอกขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายกลับเช่นกัน เธอแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว
“ขอโทษครับ”ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์กว่าโค้งตัวให้เธอเป็นครั้งที่สอง
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโกรธเลย”เขาเอ่ย
“คุณก็พูดภาษาเดียวกับฉันได้นี่”เธอตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองดูชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบไม่บอกอารมณ์
“ช่วยบอกเพื่อนคุณหยุดจ้องหน้าฉันจะได้มั้ยค่ะ ฉันไม่ชอบ”เธอขมวดคิ้วอีกครั้ง
ชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองมองชายหนุ่มข้างๆอย่างกระอักกระอ่วน เขาพูดโต้ตอบกับอีกฝ่ายด้วยภาษาที่เธอฟังไม่ออกอยู่หลายประโยคโดยที่อีกฝ่ายก็ยังเหลือบมองอยู่เป็นระยะ
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”เขายิ้มให้เธอเล็กน้อย
“ข้างๆนี่คือเจ้านายผมครับ”เขาผายมือไปยังชายหนุ่มข้างตัว
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักเจ้านายคุณเลยค่ะ อันที่จริงแล้วถ้าคุณอยากจะแนะนำฉันก็อยากรู้จักคุณมากกว่า คุณดูมีมารยาทมากกว่าเขาเยอะ”เธอปรายตามองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งเงียบอีกคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมฮาฟิซ”
“ฉันวิคตอเรียค่ะ”
ชายหนุ่มนาม ‘ฮาฟิซ’ มองมือเล็กๆของเธอที่ยื่นไปตรงหน้าเขาอย่างชั่งใจก่อนจะเหลือบมองคนข้างตัว เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการอนุญาตเขาจึงเอื้อมมือมาจับมือเธอเขย่าเบาๆเป็นการทักทาย
โอ้…ผู้ชายคนนี้น่ารักจังเลย เธอคิดในใจ
“นี่แอชลีย์ เพื่อนของฉันเองค่ะ”เธอแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักกับบอดี้การ์ดส่วนตัวที่ขยับฐานะขึ้นมา
ทั้งสองจับมือทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะขยับกลับไปอยู่ที่เดิม
“คุณไม่ต้องแนะนำเจ้านายคุณให้ฉันรู้จักหรอกค่ะ ถ้าเขาไม่ได้เป็นใบ้ก็คงจะพูดออกมาเอง”เธอขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาผายมือไปยังชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านาย
ฮาฟิซส่งยิ้มบางๆไปให้หญิงสาวตรงหน้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักอย่างเป็น ‘ทางการ’ แต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้เหล่านักสืบนาราแพงนั่นต้องเสียเครดิตเลย เธอเหมือนกับในข้อมูลในแฟ้มหนานั่นเกือบทุกประการ…
เว้นแต่ใบหน้า เรือนร่างบอบบางของเธอนั่น มันเป็นที่น่าดึงดูดและสะกดสายตามากกว่าในรูปถ่ายเยอะโข
“สงสัยเจ้านายคุณคงจะเป็นใบ้ไปจริงๆซะแล้ว”เธอยิ้มเยาะ
บอดี้การ์ดผิวสีแตะแขนของผู้เป็นเจ้านายเบาๆเพื่อดันให้ร่างบางถอยออกมาอยู่ด้านหลังของตน
แม้จะเป็นการคาดเดาผ่านๆแต่ก็ไม่ควรประมาท ความรู้สึกของเขามันบอกว่าผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้วขณะอยู่ที่นี่แล้วทางเขาและคุณหนูจะมีแต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบกับอีกฝ่ายซึ่งเป็นคนในพื้นที่
นี่ยังถือว่าโชคดีที่คุณหนูยังไม่ออกฤทธิ์อะไรมาก เขาคิดพร้อมกับเหลือบมองเหล่าผู้คนซึ่งเริ่มจับกลุ่มจ้องมายังกลุ่มสนทนานี้แล้ว
“ขออภัยนะครับ หากจะคุยกันยาวกว่านี้เชิญทางนั้นไม่ดีกว่าเหรอครับ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ก็ไม่แข็งจนเกินไป
“ต้องถามเจ้านายผมครับ”
“ขอโทษค่ะ ฉันใช้ภาษามือไม่เป็น”เสียงแหลมแขวะขึ้นมา
“ฮาฟิซคุณไปนั่งจิบชากับฉันทางนู้นดีกว่ามั้ย”
ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยเป็นการให้คำตอบกับหญิงสาว
“คุณหนูครับ พวกเขาอาจจะมีธุระ”แอชลีย์เอ่ยเบาๆแต่ก็ชำเลืองมองชายทั้งสองเป็นระยะ
“ฉันอยากคุยกับคนนี้”เธอชี้ไปทางฮาฟิซพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
“และก็ไม่ได้อยากคุยกับคนนั้น”ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเบนทิศทางไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองอย่างสงบนิ่ง
อัลลัยล์หัวเราะในลำคอก่อนจะบอกสิ่งที่ตนคิดให้อีกฝ่ายได้รับรู้เช่นกัน
“ข้าไม่อยากคุยกับเด็กเอาแต่ใจมากนักหรอก”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
หญิงสาวตรงหน้าสวยสมกับที่ได้ยินมาจริงๆ รูปถ่ายนับสิบใบที่วางอยู่บนห้องเทียบไม่ได้กับตัวจริงของเธอเลย เธอดูมีเสน่ห์ในแบบฉบับของเธอ ผมสาวสีทองปล่อยยาวถึงเอวบางนั่น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีอารมณ์สนใจเธอมากเท่าใดนัก เขาตั้งใจจะยั่วโมโหเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จากที่ส่งคนไปสืบประวัติว่าเธอเป็นพวกประเภทไม่สนใจอะไร เอาแต่ใจและโมโหร้ายพอสมควร ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้เท่าใดนัก
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เดวิด คนของตระกูลเมอร์ตินได้ส่งข่าวบอกถึงการมาเยือนของหญิงสาวรายนี้ ทั้งๆที่พึ่งเจอกับคนของตระกูลเธอไปเมื่อวันก่อนทำให้ไม่นึกเลยว่าเจ้าของร่างบางจะโผล่มาเร็วขนาดนี้
แต่ก็นะ…การเตรียมข้อมูลของผู้ติดตามอย่างฮาฟิซ รวดเร็วเสมอ
“ช่วยบอกฉันทีว่าฉันหูฝาดหรือคุณปากดี”เสียงแหลมสั่นระริก
มือหนาของบอดี้การ์ดหนุ่มกำแขนเล็กของผู้เป็นเจ้านายไว้หลวมๆเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างบางกระโจนเข้าไปหาชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองนั่น
โอ้…มาเหยียบแผ่นดินทะเลทรายได้ไม่ถึงสามชั่วโมง อย่าพึ่งให้เกิดอะไรมากกว่านี้เลย
“บอกสิว่าฉันหูฝากหรือคุณปากดี!”
เป็นไปตามที่บอดี้การ์ดหนุ่มคาดไว้ ร่างบางพุ่งเข้าหาชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
เมื่อรู้ตัวว่าตนเองโดนบางสิ่งพันธนาการไว้ ร่างบางจึงหันไปวีดร้องใส่ชายหนุ่มผิวสีทันที
“แอชลีย์! ปล่อยแขนวิคกี้เดี๋ยวนี้”ร่างบางสะบัดไปมา
เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นที่เขาเหลือบไปเห็นความว่องไวของชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์คนนั้นที่เข้ามาคั่นกลางผู้เป็นเจ้านายของตนกับหญิงสาว ก่อนที่จะได้พิจารณาอะไรเพิ่มเติมอีกเสียงฮือฮาก็ทำให้เขาต้องกลับมาสนใจกับผู้เป็นเจ้านายต่อ
“คุณหนูครับ”แอชลีย์ใช้ร่างยักษ์ของตนกันร่างบางออกจากกล้องถ่ายรูปที่ถูกยกขึ้นมาจากหลายทิศทาง
“โจชัวไปไหน! มาลากคอแอชลีย์ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”เธอวีดร้องก่อนจะหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังยืนยิ้ม ‘ยั่ว’ แรงโทสะ
“หุบปากของคุณปิดฟันนั่นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะไปเลาะมันออกมา”
“ข้าทำอะไรผิดเจ้าถึงได้มาขึ้นเสียงใส่ ทำตัวไม่มีมารยาทจริงๆ”เสียงทุ้มเอ่ย
“กรี๊ดด!”หญิงสาวชี้หน้าชายหนุ่มกระทืบเท้าเร่า
“มันกวนประสาทฉัน ดูสิแอชลีย์มันกวนประสาทวิคกี้!”เธอหันหน้าบอกเหล่าผู้คนที่อยู่รอบตัวก่อนจะหันกลับมาฟ้องบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ทุกคนค่ะ ผู้ชายคนนี้เขาว่าวิคกี้!”เธอตะโกนก้อง
เสียงซุบซิบดังไปทั่วบริเวณ โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองไคโร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเลือกมาพักที่นี่ และไม่แปลกที่ชาวต่างชาติเหล่านั้นจะไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี้…วิคตอเรีย เมอร์ติน
อัลลัยล์หายใจลึกพยายามไม่ถือสาอะไรกับเสียงบาดแก้วหูของคนตรงหน้า เธอยังเด็ก เอาแต่ใจ เธอยังเด็ก เขาท่องวนกลับไปมาหลายหน
ถ้าไม่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าคือผู้ตัดสินทุกอย่างในเรื่องการหมั้น…เขาจะเอามีดมาตัดลิ้นเธอและควักดวงตาที่มองขวางนั่นออกซะ!
“ท่านอัลลัยล์ครับ”ฮาฟิซเอ่ยเตือนผู้เป็นเจ้านาย
“ข้าจัดการเอง ไม่มีเลือดตกยางออกหรอก”
ผู้ติดตามหนุ่มถอยออกมายืนดูห่างๆ ใจก็กังวลว่าถ้าหากหญิงสาวยังไม่หยุดกับพฤติกรรมนั่น เจ้านายจะทนไม่ตรงเข้าไปหาเธอได้อีกซักกี่นาทีกัน
“เจ้ามาโวยวายสร้างความปั่นป่วนอะไรในอียิปต์ ถ้าทำตัวมีปัญหานักก็กลับประเทศเจ้าไปซะ”เขาเหยียดยิ้ม
“ครอบครัวฉันเป็นหุ้นส่วนหลักของโรงแรมนี้ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณมากกว่าที่จะต้องออกไป”นิ้วเรียวยาวชี้ตรงไปยังทางออก
เหล่าพนักงานต่างวิ่งกรูเข้ามาเพื่อจะช่วยยั้บยั้งเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย หญิงสาววีดร้องใส่เมื่อเห็นพนักงานจะเข้ามาแตะต้องตัวเธอ มือหนาของแอชลีย์ดึงร่างบางเข้ามาไว้ข้างตัว
“ผมดูแลคุณหนูได้ครับ พวกคุณถอยไปเถอะ”
วิคตอเรียเบ้ปากใส่เหล่าพนักงานที่เข้าไปหาชายหนุ่ม ทั่วบริเวณเสียงดังจนเธอไม่ได้ยินว่าทำไมคนพวกนั้นต้องไปเอาใจชายปากดีนี่ด้วย
“แอชลีย์จับมันโยนออกไปไม่ได้เหรอ”ถึงแม้เธอจะพูดเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ชายหนุ่มผู้ติดตามของอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองได้
“ข้ามีเงินจ่ายมากพอที่จะให้คนงานมาพักโรงแรมนี้ได้ตลอดปีด้วยซ้ำ”
“เหอะ! ถ้าไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันก็อย่ามาอวดเลย”เธอแสยะยิ้ม
อัลลัยล์ยกมือบอกให้เหล่าพนักงานที่รุมล้อมถอยออกไปได้แล้ว เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาว
แอชลีย์ไม่สนใจที่หญิงสาวส่งเสียงฟึดฟัดขัดใจ มือหนาต้อง ‘ล็อค’ แขนของคุณหนูไว้อีกครั้งเพื่อไม่ให้ร่างบางกระโจนเข้าไปบีบคอชายตรงหน้า
“ข้าก็เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน”ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม
“แล้วไง”เธอเลิกคิ้ว
“ข้ามีเงินมากมาย เงินที่สามารถซื้อทุกอย่างที่ปรารถนามาครอบครอง”
“หุบปากแล้วหันหลังกลับไป เอาเงินคุณไปเลี้ยงดูลูกเมียเถอะ”
คำพูดของคุณหนูนับวันยิ่งร้ายกาจ ขวานผ่าซากขึ้นเรื่อยๆ บอดี้การ์ดหนุ่มผิวสีมองบรรดานักท่องเที่ยวที่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไม่หยุด ข่าวเก่ายังออกไม่ทันพ้นหน้าหนังสือพิมพ์เลย คุณหนูจะสร้างข่าวใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
“เมียข้าอยู่อีกที่ แต่ว่าที่เมียใหม่ข้าก็อยู่ที่นี่”เขาเหยียดยิ้มอีกครั้ง
“น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นจริงเชียว หล่อนช่างโชคร้ายถึงได้มาพบปีศาจปากดี จอมโอ้อวด มักมากแบบคุณ”เธอยิ้มเยาะที่มุมปาก
“บอกให้หล่อนเข้าโบสถ์ไปขอพรจากพระเจ้าล้างซวยนะ ผู้ชายอย่างคุณมันเกลื่อนกลาด”
อัลลัยล์หัวเราะเสียงดังท่ามกลางสายตางงงวยของผู้คนทั่วบริเวณ ร่างหนาของผู้ติดตามหนุ่มเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เขาสบตากับหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หากเธอรู้ว่าผู้ชายคนที่เธอกำลังยืนด่ากราดเป็นใครละก็…เธอต้องอาละวาดอีกแน่ๆ
“เก็บไว้บอกตัวเองเถอะแม่หนู”
“หุบปากสัวๆของคุณเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะมาพูดเล่นด้วยได้!”
อันที่จริงแล้วเขาแค่พูดยั่วโมโหหญิงสาวตรงหน้าซึ่งก็ดูท่าจะได้ผลเป็นอย่างดีเพราะใบหน้าสวยเเดงระเรื่อที่น่าจะมาจากความโกรธมากกว่าความอาย ร่างบางก็สั่นเทิ้มกำมือเเน่นมองจ้องเขากลับด้วยเเววตาที่ 'ไม่เป็นมิตร'
แค่พิมพ์นาราเขาก็ปวดหัวแย่พออยู่แล้วเวลาที่นึกถึงเธอในยามดื้อดึง มันเป็นอะไรที่ยากจะจัดการ ไม่ว่าจะไม้อ่อนไม้แข็งก็มีค่าเท่ากัน แล้วจะให้เขาต้องมาดูแลเอาใจหญิงสาวนางแบบตรงหน้าเพิ่มอีกคนงั้นเหรอ ไม่มีทางเด็ดขาด
แม้หญิงสาวตรงหน้าจะมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง ธุรกิจ ตระกูลดัง แต่เขาก็ไม่สน ทุกอย่างเขามีมาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหามาเพิ่มพูนเหมือนพวกโลภมากอดยาก
ดังนั้นเพื่อจบเรื่องนี้ ไม่ให้มันค้างคาอีกต่อไป วิคตอเรีย เมอร์ติน ต้องเป็นคนประกาศยกเลิกการหมั้นในครั้งนี้!
-------------------------------------------------------
“ขอโทษค่ะ มีอะไรจะถามฉันรึเปล่า”เธอยิ้มแย้มถามชายหนุ่มทั้งสอง
คนแรกเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราอ่อนๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาทีเดียว ผิวสีเข้มคร้ามแดด จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากเหยียดตรง ดวงตาสีดำมองเธออย่างพิจารณาซักพักก่อนจะหันไปพูดอะไรกับชายหนุ่มข้างๆในภาษาที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง
อีกคนเป็นชายหนุ่มที่ดูเด็กกว่ากันอยู่มาก เขามีใบหน้าที่หวาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นมิตร ริมฝีปากของเขายิ้มแย้มอยู่เสมอ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ที่เธอเห็นละนะ ผิวของเขาขาวเนียนต่างจากชายคนแรก เมื่อเห็นว่าเธอมองกลับด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าใดเขาก็โค้งตัวให้เล็กน้อยเป็นการขออภัย
“คุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เหรอ!”เธอเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นทั้งคู่ยังคงพูดจาด้วยภาษาที่เธอฟังไม่ออก
ตั้งแต่มองเธอด้วยสายตาพิจารณาก็เสียมารยาทมากพอแล้วนะ! แล้วนี่อะไรกัน
ร่างบางเชิดหน้ากอดอกขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายกลับเช่นกัน เธอแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว
“ขอโทษครับ”ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์กว่าโค้งตัวให้เธอเป็นครั้งที่สอง
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโกรธเลย”เขาเอ่ย
“คุณก็พูดภาษาเดียวกับฉันได้นี่”เธอตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองดูชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบไม่บอกอารมณ์
“ช่วยบอกเพื่อนคุณหยุดจ้องหน้าฉันจะได้มั้ยค่ะ ฉันไม่ชอบ”เธอขมวดคิ้วอีกครั้ง
ชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองมองชายหนุ่มข้างๆอย่างกระอักกระอ่วน เขาพูดโต้ตอบกับอีกฝ่ายด้วยภาษาที่เธอฟังไม่ออกอยู่หลายประโยคโดยที่อีกฝ่ายก็ยังเหลือบมองอยู่เป็นระยะ
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”เขายิ้มให้เธอเล็กน้อย
“ข้างๆนี่คือเจ้านายผมครับ”เขาผายมือไปยังชายหนุ่มข้างตัว
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักเจ้านายคุณเลยค่ะ อันที่จริงแล้วถ้าคุณอยากจะแนะนำฉันก็อยากรู้จักคุณมากกว่า คุณดูมีมารยาทมากกว่าเขาเยอะ”เธอปรายตามองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งเงียบอีกคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมฮาฟิซ”
“ฉันวิคตอเรียค่ะ”
ชายหนุ่มนาม ‘ฮาฟิซ’ มองมือเล็กๆของเธอที่ยื่นไปตรงหน้าเขาอย่างชั่งใจก่อนจะเหลือบมองคนข้างตัว เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการอนุญาตเขาจึงเอื้อมมือมาจับมือเธอเขย่าเบาๆเป็นการทักทาย
โอ้…ผู้ชายคนนี้น่ารักจังเลย เธอคิดในใจ
“นี่แอชลีย์ เพื่อนของฉันเองค่ะ”เธอแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักกับบอดี้การ์ดส่วนตัวที่ขยับฐานะขึ้นมา
ทั้งสองจับมือทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะขยับกลับไปอยู่ที่เดิม
“คุณไม่ต้องแนะนำเจ้านายคุณให้ฉันรู้จักหรอกค่ะ ถ้าเขาไม่ได้เป็นใบ้ก็คงจะพูดออกมาเอง”เธอขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาผายมือไปยังชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านาย
ฮาฟิซส่งยิ้มบางๆไปให้หญิงสาวตรงหน้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักอย่างเป็น ‘ทางการ’ แต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้เหล่านักสืบนาราแพงนั่นต้องเสียเครดิตเลย เธอเหมือนกับในข้อมูลในแฟ้มหนานั่นเกือบทุกประการ…
เว้นแต่ใบหน้า เรือนร่างบอบบางของเธอนั่น มันเป็นที่น่าดึงดูดและสะกดสายตามากกว่าในรูปถ่ายเยอะโข
“สงสัยเจ้านายคุณคงจะเป็นใบ้ไปจริงๆซะแล้ว”เธอยิ้มเยาะ
บอดี้การ์ดผิวสีแตะแขนของผู้เป็นเจ้านายเบาๆเพื่อดันให้ร่างบางถอยออกมาอยู่ด้านหลังของตน
แม้จะเป็นการคาดเดาผ่านๆแต่ก็ไม่ควรประมาท ความรู้สึกของเขามันบอกว่าผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้วขณะอยู่ที่นี่แล้วทางเขาและคุณหนูจะมีแต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบกับอีกฝ่ายซึ่งเป็นคนในพื้นที่
นี่ยังถือว่าโชคดีที่คุณหนูยังไม่ออกฤทธิ์อะไรมาก เขาคิดพร้อมกับเหลือบมองเหล่าผู้คนซึ่งเริ่มจับกลุ่มจ้องมายังกลุ่มสนทนานี้แล้ว
“ขออภัยนะครับ หากจะคุยกันยาวกว่านี้เชิญทางนั้นไม่ดีกว่าเหรอครับ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ก็ไม่แข็งจนเกินไป
“ต้องถามเจ้านายผมครับ”
“ขอโทษค่ะ ฉันใช้ภาษามือไม่เป็น”เสียงแหลมแขวะขึ้นมา
“ฮาฟิซคุณไปนั่งจิบชากับฉันทางนู้นดีกว่ามั้ย”
ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยเป็นการให้คำตอบกับหญิงสาว
“คุณหนูครับ พวกเขาอาจจะมีธุระ”แอชลีย์เอ่ยเบาๆแต่ก็ชำเลืองมองชายทั้งสองเป็นระยะ
“ฉันอยากคุยกับคนนี้”เธอชี้ไปทางฮาฟิซพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
“และก็ไม่ได้อยากคุยกับคนนั้น”ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเบนทิศทางไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองอย่างสงบนิ่ง
อัลลัยล์หัวเราะในลำคอก่อนจะบอกสิ่งที่ตนคิดให้อีกฝ่ายได้รับรู้เช่นกัน
“ข้าไม่อยากคุยกับเด็กเอาแต่ใจมากนักหรอก”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
หญิงสาวตรงหน้าสวยสมกับที่ได้ยินมาจริงๆ รูปถ่ายนับสิบใบที่วางอยู่บนห้องเทียบไม่ได้กับตัวจริงของเธอเลย เธอดูมีเสน่ห์ในแบบฉบับของเธอ ผมสาวสีทองปล่อยยาวถึงเอวบางนั่น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีอารมณ์สนใจเธอมากเท่าใดนัก เขาตั้งใจจะยั่วโมโหเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จากที่ส่งคนไปสืบประวัติว่าเธอเป็นพวกประเภทไม่สนใจอะไร เอาแต่ใจและโมโหร้ายพอสมควร ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้เท่าใดนัก
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เดวิด คนของตระกูลเมอร์ตินได้ส่งข่าวบอกถึงการมาเยือนของหญิงสาวรายนี้ ทั้งๆที่พึ่งเจอกับคนของตระกูลเธอไปเมื่อวันก่อนทำให้ไม่นึกเลยว่าเจ้าของร่างบางจะโผล่มาเร็วขนาดนี้
แต่ก็นะ…การเตรียมข้อมูลของผู้ติดตามอย่างฮาฟิซ รวดเร็วเสมอ
“ช่วยบอกฉันทีว่าฉันหูฝาดหรือคุณปากดี”เสียงแหลมสั่นระริก
มือหนาของบอดี้การ์ดหนุ่มกำแขนเล็กของผู้เป็นเจ้านายไว้หลวมๆเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างบางกระโจนเข้าไปหาชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองนั่น
โอ้…มาเหยียบแผ่นดินทะเลทรายได้ไม่ถึงสามชั่วโมง อย่าพึ่งให้เกิดอะไรมากกว่านี้เลย
“บอกสิว่าฉันหูฝากหรือคุณปากดี!”
เป็นไปตามที่บอดี้การ์ดหนุ่มคาดไว้ ร่างบางพุ่งเข้าหาชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
เมื่อรู้ตัวว่าตนเองโดนบางสิ่งพันธนาการไว้ ร่างบางจึงหันไปวีดร้องใส่ชายหนุ่มผิวสีทันที
“แอชลีย์! ปล่อยแขนวิคกี้เดี๋ยวนี้”ร่างบางสะบัดไปมา
เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นที่เขาเหลือบไปเห็นความว่องไวของชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์คนนั้นที่เข้ามาคั่นกลางผู้เป็นเจ้านายของตนกับหญิงสาว ก่อนที่จะได้พิจารณาอะไรเพิ่มเติมอีกเสียงฮือฮาก็ทำให้เขาต้องกลับมาสนใจกับผู้เป็นเจ้านายต่อ
“คุณหนูครับ”แอชลีย์ใช้ร่างยักษ์ของตนกันร่างบางออกจากกล้องถ่ายรูปที่ถูกยกขึ้นมาจากหลายทิศทาง
“โจชัวไปไหน! มาลากคอแอชลีย์ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”เธอวีดร้องก่อนจะหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังยืนยิ้ม ‘ยั่ว’ แรงโทสะ
“หุบปากของคุณปิดฟันนั่นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะไปเลาะมันออกมา”
“ข้าทำอะไรผิดเจ้าถึงได้มาขึ้นเสียงใส่ ทำตัวไม่มีมารยาทจริงๆ”เสียงทุ้มเอ่ย
“กรี๊ดด!”หญิงสาวชี้หน้าชายหนุ่มกระทืบเท้าเร่า
“มันกวนประสาทฉัน ดูสิแอชลีย์มันกวนประสาทวิคกี้!”เธอหันหน้าบอกเหล่าผู้คนที่อยู่รอบตัวก่อนจะหันกลับมาฟ้องบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ทุกคนค่ะ ผู้ชายคนนี้เขาว่าวิคกี้!”เธอตะโกนก้อง
เสียงซุบซิบดังไปทั่วบริเวณ โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองไคโร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเลือกมาพักที่นี่ และไม่แปลกที่ชาวต่างชาติเหล่านั้นจะไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี้…วิคตอเรีย เมอร์ติน
อัลลัยล์หายใจลึกพยายามไม่ถือสาอะไรกับเสียงบาดแก้วหูของคนตรงหน้า เธอยังเด็ก เอาแต่ใจ เธอยังเด็ก เขาท่องวนกลับไปมาหลายหน
ถ้าไม่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าคือผู้ตัดสินทุกอย่างในเรื่องการหมั้น…เขาจะเอามีดมาตัดลิ้นเธอและควักดวงตาที่มองขวางนั่นออกซะ!
“ท่านอัลลัยล์ครับ”ฮาฟิซเอ่ยเตือนผู้เป็นเจ้านาย
“ข้าจัดการเอง ไม่มีเลือดตกยางออกหรอก”
ผู้ติดตามหนุ่มถอยออกมายืนดูห่างๆ ใจก็กังวลว่าถ้าหากหญิงสาวยังไม่หยุดกับพฤติกรรมนั่น เจ้านายจะทนไม่ตรงเข้าไปหาเธอได้อีกซักกี่นาทีกัน
“เจ้ามาโวยวายสร้างความปั่นป่วนอะไรในอียิปต์ ถ้าทำตัวมีปัญหานักก็กลับประเทศเจ้าไปซะ”เขาเหยียดยิ้ม
“ครอบครัวฉันเป็นหุ้นส่วนหลักของโรงแรมนี้ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณมากกว่าที่จะต้องออกไป”นิ้วเรียวยาวชี้ตรงไปยังทางออก
เหล่าพนักงานต่างวิ่งกรูเข้ามาเพื่อจะช่วยยั้บยั้งเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย หญิงสาววีดร้องใส่เมื่อเห็นพนักงานจะเข้ามาแตะต้องตัวเธอ มือหนาของแอชลีย์ดึงร่างบางเข้ามาไว้ข้างตัว
“ผมดูแลคุณหนูได้ครับ พวกคุณถอยไปเถอะ”
วิคตอเรียเบ้ปากใส่เหล่าพนักงานที่เข้าไปหาชายหนุ่ม ทั่วบริเวณเสียงดังจนเธอไม่ได้ยินว่าทำไมคนพวกนั้นต้องไปเอาใจชายปากดีนี่ด้วย
“แอชลีย์จับมันโยนออกไปไม่ได้เหรอ”ถึงแม้เธอจะพูดเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ชายหนุ่มผู้ติดตามของอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองได้
“ข้ามีเงินจ่ายมากพอที่จะให้คนงานมาพักโรงแรมนี้ได้ตลอดปีด้วยซ้ำ”
“เหอะ! ถ้าไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันก็อย่ามาอวดเลย”เธอแสยะยิ้ม
อัลลัยล์ยกมือบอกให้เหล่าพนักงานที่รุมล้อมถอยออกไปได้แล้ว เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาว
แอชลีย์ไม่สนใจที่หญิงสาวส่งเสียงฟึดฟัดขัดใจ มือหนาต้อง ‘ล็อค’ แขนของคุณหนูไว้อีกครั้งเพื่อไม่ให้ร่างบางกระโจนเข้าไปบีบคอชายตรงหน้า
“ข้าก็เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน”ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม
“แล้วไง”เธอเลิกคิ้ว
“ข้ามีเงินมากมาย เงินที่สามารถซื้อทุกอย่างที่ปรารถนามาครอบครอง”
“หุบปากแล้วหันหลังกลับไป เอาเงินคุณไปเลี้ยงดูลูกเมียเถอะ”
คำพูดของคุณหนูนับวันยิ่งร้ายกาจ ขวานผ่าซากขึ้นเรื่อยๆ บอดี้การ์ดหนุ่มผิวสีมองบรรดานักท่องเที่ยวที่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไม่หยุด ข่าวเก่ายังออกไม่ทันพ้นหน้าหนังสือพิมพ์เลย คุณหนูจะสร้างข่าวใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
“เมียข้าอยู่อีกที่ แต่ว่าที่เมียใหม่ข้าก็อยู่ที่นี่”เขาเหยียดยิ้มอีกครั้ง
“น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นจริงเชียว หล่อนช่างโชคร้ายถึงได้มาพบปีศาจปากดี จอมโอ้อวด มักมากแบบคุณ”เธอยิ้มเยาะที่มุมปาก
“บอกให้หล่อนเข้าโบสถ์ไปขอพรจากพระเจ้าล้างซวยนะ ผู้ชายอย่างคุณมันเกลื่อนกลาด”
อัลลัยล์หัวเราะเสียงดังท่ามกลางสายตางงงวยของผู้คนทั่วบริเวณ ร่างหนาของผู้ติดตามหนุ่มเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เขาสบตากับหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หากเธอรู้ว่าผู้ชายคนที่เธอกำลังยืนด่ากราดเป็นใครละก็…เธอต้องอาละวาดอีกแน่ๆ
“เก็บไว้บอกตัวเองเถอะแม่หนู”
“หุบปากสัวๆของคุณเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะมาพูดเล่นด้วยได้!”
อันที่จริงแล้วเขาแค่พูดยั่วโมโหหญิงสาวตรงหน้าซึ่งก็ดูท่าจะได้ผลเป็นอย่างดีเพราะใบหน้าสวยเเดงระเรื่อที่น่าจะมาจากความโกรธมากกว่าความอาย ร่างบางก็สั่นเทิ้มกำมือเเน่นมองจ้องเขากลับด้วยเเววตาที่ 'ไม่เป็นมิตร'
แค่พิมพ์นาราเขาก็ปวดหัวแย่พออยู่แล้วเวลาที่นึกถึงเธอในยามดื้อดึง มันเป็นอะไรที่ยากจะจัดการ ไม่ว่าจะไม้อ่อนไม้แข็งก็มีค่าเท่ากัน แล้วจะให้เขาต้องมาดูแลเอาใจหญิงสาวนางแบบตรงหน้าเพิ่มอีกคนงั้นเหรอ ไม่มีทางเด็ดขาด
แม้หญิงสาวตรงหน้าจะมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง ธุรกิจ ตระกูลดัง แต่เขาก็ไม่สน ทุกอย่างเขามีมาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหามาเพิ่มพูนเหมือนพวกโลภมากอดยาก
ดังนั้นเพื่อจบเรื่องนี้ ไม่ให้มันค้างคาอีกต่อไป วิคตอเรีย เมอร์ติน ต้องเป็นคนประกาศยกเลิกการหมั้นในครั้งนี้!
-------------------------------------------------------

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2555, 23:11:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2555, 23:11:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 12418
<< บทที่สิบสี่ การพบกันที่แสนน่าประทับใจ 50% | บทที่สิบห้า ข่าว 50% >> |

mhengjhy 19 ก.ย. 2555, 06:42:34 น.
น่ากลัวคดีพลิกจริงๆ
น่ากลัวคดีพลิกจริงๆ

nunoi 19 ก.ย. 2555, 09:48:46 น.
อย่างวิคตอเรีย น่าจะได้เจอกับยะตีม นะเนี๊ยะ
อย่างวิคตอเรีย น่าจะได้เจอกับยะตีม นะเนี๊ยะ