ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า

อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC

ตอน: บทที่สิบห้า ข่าว 50%

บทที่สิบห้า



“เสียดาย ข้าอยากได้เมียเพิ่มอีกซักคน...เจ้าเป็นไง”

“กรี๊ด!! สาบานเถอะ ที่พ่นออกมานั่นคำพูดหรือเห่า!”หญิงสาวกรีดร้องโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง

“แอชลีย์!! ถ้าไม่เอาปืนขึ้นมาเจาะกะโหลกมันก็ปล่อยวิคกี้ วิคกี้จะฆ่ามัน”เธอดิ้นพล่าน

ผู้คนรอบบริเวณต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อได้ยินคำสั่งฆ่าจากปากของนางแบบสาวเอง กระแสข่าวที่ปล่อยมาก็พอรู้ว่าหญิงสาวเป็นพวกเจ้าอารมณ์ขนาดไหน แต่การที่มาได้พอเจอ ได้ยินกับหูตัวเองแบบนี้ คำว่าเจ้าอารมณ์นั้นดูท่าจะน้อยไปหากนำมาใช้กับหญิงสาวผู้นี้

“กรี๊ด!! เอาปืนมา เอาปืนมา!”

บอดี้การ์ดหนุ่มรัดตัวของเจ้านายสาวไว้แน่นโดยที่อีกมือหนึ่งก็ต้องคอยระวังของสีดำที่อยู่ในเสื้อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือหญิงสาว ร่างบางดิ้นพล่านไปมาราวกับโดนกระแสไฟฟ้าแรงสูง เธอชี้หน้าด่าชายหนุ่มตรงหน้าสารพัดซึ่งคำหยาบคาย อีกมือเล็บยาวทั้งห้าก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ทั้งจิกและข่วนแขนแข็งแรงที่รัดร่างเธออยู่จนเลือดไหลซิบ เรียกความแสบได้ไม่น้อย

โจชัว! มันไปดูห้องที่นรกรึไง! ชายหนุ่มผิวสีคิดในใจ

ฮาฟิซรู้สึกถึงเหงื่อจำนวนมากที่เริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าและลำคอ เขามองเหลือบมองใบหน้าผู้เป็นเจ้านายจากด้านข้าง แม้ร่างหนาจะยืนนิ่งสงบมองหญิงสาวราวกับคนจิตใจเยือกเย็น แค่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ มือทั้งสองที่กอดอกอยู่สั่นเทิ่มตามแรงโทสะ ดวงตาสีดำที่จ้องไปยังร่างบางวาวโรจน์ดุดัน ใบหน้าปรากฏรูปกรามนูนขึ้นอย่างชัดเจน

ให้ตายเถอะ! เขาอยากจะขอบคุณบอดี้การ์ดผิวสีคนนั้นดังๆเสียจริง ไม่อย่างนั้นละก็โรงแรมนี้ต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นแน่!

“แกช่วยไปส่องกระจกดูหนังหน้าด้วยนะ ฉันไม่ใช่พวกอดอยากที่จะไปคว้าของเหลือเดนมาใช้หรอก ฉันมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีกว่า อย่าคิดแค่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อทุกอย่างได้ เพราะฉันก็มีเงินเหมือนกัน มีทั้งเงินและชื่อเสียง!”

“น้ำหน้าอย่างแกนะเหรอ ดีแต่ปาก!”

“วิคตอเรีย!!”

ฮาฟิซรีบรีบคว้าแขนเจ้านายไว้ทันที ชายหนุ่มสะบัดออกพร้อมกับหันกลับมามองอย่างเดือดพล่าน

“เจ้านาย”ผู้ติดตามหนุ่มเอ่ยเตือน

“อะไร! ของเหลือเดนไม่มีสิทธิมาเรียกชื่อฉัน!”เสียงแหลมวีดร้อง

“หุบปากซะ!”เขาตะโกนก้องจนทั่วบริเวณเงียบสงัด

มือหนากำแน่นจนสั่นไปทั้งแขน ดวงตาสีดำถมึงตึงราวกับพวกมือสังหาร ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลับกลายเป็นโฉมหน้าปีศาจภายในพริบตา เหล่าผู้คนที่ยืนมุงโดยรอบต่างถอยหลังออกไปคนละก้าวโดยไม่รู้ตัว

มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่ยังดูไม่สนใจต่อเหตุการณ์บานปลายนี้ เธอแสยะยิ้มพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก ไล่มองตั้งแต่ปลายเท้าคิดด้านบนซ้ำไปซ้ำมา

“แกเป็นใครละ ฉันถึงจะต้องฟัง”เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโห

แอชลีย์ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้น นอกจากคุณหนูจะเก่งในเรื่องอาละวาดโวยวายแล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งดูท่าจะมีฝีมือไม่แพ้กันคงเป็น

ประเภทกระตุ้นโทสะ…สงครามจิตวิทยา

“อยากรู้รึเปล่าละว่าข้าเป็นใคร”เสียงทุ้มนิ่งเรียบก่อนจะวาดรอยยิ้มที่มุมปาก

วิคตอเรียขมวดคิ้วมองชายตรงหน้า เขาทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ชนะแล้วอย่างนั้นแหละ

“จะเป็นใครไปซะอีกละ เจ้าชายรึไงกัน”หญิงสาวแสยะยิ้มอวดดี

“ว้าย! แกฝันไปรึเปล่า เจ้าชาย”เธอเอ่ยล้อเลียนไม่หยุด

“ข้าชื่ออัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด”ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมองหญิงสาวด้วยแววตาที่สื่อความหมายบางอย่าง

“ยินดีที่ได้รู้จัก อัลลัยล์”เธอหัวเราะร่าก่อนจะชะงักไป

เหมือนดั่งคำประกาศิตวันโลกแตก เสียงหัวเราะถูกกลืนหายไปในลำคอ เธอกระพริบตาถี่นึกบางอย่างในหัวสมอง

อัลลัยล์?

“ปล่อยวิคกี้แปปนึงได้มั้ย”เธอกล่าวกับบอดี้การ์ดหนุ่ม

จากท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของคุณหนูจอมโวยวายทำให้แอชลีย์ต้องยอมปล่อยด้วยความงงงวยไม่แพ้กัน เขาเฝ้ามองหญิงสาวที่ยืนบ่นงึมงำครุ่นคิดอะไรซักอย่าง

เสียงทั่วบริเวณพร้อมใจกันเงียบสงบลงคล้ายกับรอฟังคำพูดบางอย่างจากปากหญิงสาว รวมถึงผู้ติดตามหนุ่มนามฮาฟิซที่รอดูปฏิกิริยาตอบกลับของเธออย่างลุ้นระทึกไม่แพ้กัน

วิคตอเรียล้วงกระเป๋าหนังราคาแพงของตนเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง ไม่นานโทรศัพท์สีขาวก็มาอยู่ในมือ เธอเปิดรายการบันทึกสิ่งสำคัญไล่ดูไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าหน้าหนึ่ง…

เธอไล่อ่านในใจทีละคำ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง

‘ด่าด้าบอกว่าคู่หมั้นวิคกี้ชื่อ…’

“กรี๊ดดด!!”เสียงแหลมหวีดร้องลั่น

พลั่ก!

เศษหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูกระจายเต็มพื้น เธอปิดหูกรี๊ดไม่หยุด รองเท้าส้นสูงย่ำเข้าไปที่เศษซากเหล่านั้นอย่างไม่ใยดี มือทั้งสองข้างทุบอากาศไปมาตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น

“ไม่จริงง!!”เธอหวีดร้องไม่หยุด

“คุณหนู! เกิดอะไรขึ้นครับ!”

“ไม่นะ พระเจ้าเล่นบ้าอะไรกับชีวิตฉัน!!”

หญิงสาวเหวี่ยงกระเป๋าหนังไปที่พื้นสุดแรง ข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปทั่วแต่ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปเก็บเลยซักคน

“ไอ้บ้านี่!”เธอชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ชายหนุ่มในชุดพื้นเมือง ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มนั่นทำให้เธอแทบถลาเข้าไปกระชากมันออกมาทำเป็นพรมเช็ดเท้า

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำวิ่งฝ่าฝูงชนที่มุงโดยรอบเข้ามา เขาหยุดหอบหายใจมองผู้เป็นเจ้านายที่ยืนตัวสั่นเทิ่มประจันหน้ากับชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองอีกสองคน เศษข้าวของที่กระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้นเล่าถึงสถานการณ์ในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม ประโยคที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวก็ทำให้ทุกคนในพื้นที่ชะงัก ตกตะลึงกับเรื่องราวที่ยิ่งกว่านิยายแบบนี้!

“ไอ้บ้านี่…เป็นคู่หมั้นของฉัน!”

“คุณหนู!”โจชัวตะโกนด้วยน้ำเสียงตกใจไม่แพ้กัน

“ดูท่าข้าต้องสั่งสอนมารยาทของ ‘ผู้หญิง’ คนใหม่เสียแล้ว”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะลั่น

“ฉันอยากหมั้นกับแกมากเลย!”

“ข้าก็อยากหมั้นกับเจ้ามากเลยวิคตอเรีย”เสียงทุ้มเอ่ยเย้า

“ผู้หญิงดีๆมีมาก บางทีเจ้า ‘อาจจะ’ เป็นหนึ่งในนั้นก็ได้”เขาเน้นบางคำก่อนจะมองมีฝ่ายราวกับผู้กุมชัยชนะ

ฮาฟิซมองผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกลนัก

หวังว่าเธอคงจะไม่คิดว่าคำพูดของเจ้านายเป็นคำท้าหรอกนะ…อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย

วิคตอเรียใช้มือแตะหน้าผากราวกับถูกกระแทกด้วยของแข็ง เธอเดินช้าๆไปหาชายหนุ่มผู้ติดตามนามโจชัว มือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อสูทสีดำท่ามกลางสายนับร้อย เพียงไม่นานมือของเธอก็ออกมาพร้อมกับแว่นกันแดดอันโตที่สามารถปกปิดได้เกือบครึ่งใบหน้า เธอสวมมันโดยไม่ต้องคิดก่อนจะหันไปบอกชายหนุ่มผิวสีที่ยืนตกตะลึงอยู่ไม่ไกลนัก

“เอิ่ม…อีกไม่เกินสิบนาทีวิคกี้จะขึ้นไปพักแล้วนะ แอชลีย์เตรียมยาระงับประสาท ยานอนหลับ ผ้าเย็น เชือกไนล่อน เทปกาว มีดคมๆซักเล่ม”เธอบอกด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ

“สองอันแรกพอเข้าใจ แล้วพวกอันหลังๆละครับ?”โจชัวเอ่ยถามเมื่อได้ยินรายการที่หญิงสาวต้องการ

“เอาไว้ใช้กับพวกถามมาก”

“!!!”

“เอามีดเจาะปากมัน เอาเชือกมัด เทปกาวแปะ ไปฝังกลางทะเลเลย”เธอพูดราวกับมันเป็นเรื่องปกติ

ฮาฟิซมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่หากจะกล่าวถึงความรู้สึกส่วนใหญ่ที่เริ่มก่อตัวอยู่ในขนาดนี้ละก็ คงจะไม่พ้น…ความกังวลเป็นแน่

ท่าทีแบบนั้นของหญิงสาว ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธมันหมายความว่าอย่างไรกัน

เขารู้สึกวูบที่สันหลังเมื่อได้สบตาสีฟ้านั่นอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นไม่บอกอารมณ์ใดเป็นพิเศษ ริมฝีปากแดงระเรื่อเพียงแต่ยิ้มบางๆที่มุมปากเท่านั้น เธอยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เจ้านายมากกว่าทุกครั้ง

“สวัสดีค่ะอัลลัยล์”เธอเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับไต่มือบนเสื้อของชายหนุ่ม

“แหม…ถ้าคุณบอกตั้งแต่ทีแรกนะ วิคกี้คงจะเป็นเด็กดีกว่านี้”เสียงหวานจีบปากจีบคอพูด ซึ่งหากฟังดูก็ได้ว่ามันเป็นภาพที่เธอสร้างขึ้นมา คนอย่างหญิงสาวนั้นยังห่างไกลกับคำว่า ‘เด็กดี’ อยู่มากมายยิ่งนัก

อัลลัยล์ปัดมือบางออกพร้อมกับหยั่งเชิงมองท่าทีของอีกฝ่าย

เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่!

“ทำไมคุณต้องเขินวิคกี้ละคะ!”เธอพูดเสียงดังพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“!!”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง งงงวย ทำอะไรไม่ถูกของทั้งผู้คนโดยรอบและผู้ติดตามของทั้งสอง วิคตอเรียเฝ้าภาวนาถึงบางสิ่งบางอย่างที่เธอเกลียดที่สุด

“แบบนี้แหละค่ะ อัลลัยล์เขาขี้อาย ปกติเราก็ทะเลาะกันแบบนี้บ่อยๆ”เธอปั้นหน้าเศร้าหันไปทางฝูงชน

“แต่ว่าตอนนี้เราก็หมั้นกันแล้ว วิคกี้คงจะเชื่อใจอัลลัยล์”

ปาปารัซซี่…เอาซิ ถ่ายเลย ถ่ายออกมาเยอะๆ เอาให้ขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งให้ได้เลยแล้วกัน พวกที่ถ่ายคลิปก็ซูมเข้ามาใกล้ๆนะ เอาแบบให้ได้ยินเสียงชัดๆ ภาพชัดๆ ลงข่าวเด่น เช้า กลางวัน เย็น รอบดึก เอาให้ครบ

“สำหรับอัลลัยล์แล้ว วิคกี้เป็นผู้หญิงตัวจริงคนเดียวเท่านั้น ใช่มั้ยค่ะ”เธอเอ่ยเสียงหวานพลางจ้องหน้าชายหนุ่ม

มือเรียวสวยลูบไล้แก้มหนาของชายหนุ่มไปมาราวกับนี่คือลูกแมวตัวเชื่อง สำหรับเธอแล้ว การละเล่นชิ้นนี้มันก็เหมือนการถ่ายแบบ แต่เมื่อมีตัวละครของจริงเพิ่มเข้ามา มันดูสนุกกว่ากันตั้งเยอะ!

ให้รู้กันให้หมด ว่าผู้ชายคนนี้…

“คุณเป็นคู่หมั้นของวิคกี้แท้ๆ! อัลลัยล์ที่รัก!”

“!!”

“คุณบอกเองนี่น่าว่า ‘คิดถึง’ วิคกี้มากๆ วิคกี้เลยรีบบินมาหาคุณไงค่ะ!”

ชายหนุ่มรู้สึกเบาโหวงไปทั้งตัวเมื่อร่างบางโผเข้ากอดอย่างไม่อายฟ้าดิน เสียงฮือฮาดังไปทั่วบริเวณ ทั้งๆที่กำลังสว่างจ้าเป็นเวลากลางวันแสกๆ แต่ก็ปรากฏแสงระยิบระยับจำนวนมากจากฝูงชน

เขาไม่รู้ตนเองหรอกว่า ‘ค้าง’ ไปนานเท่าใด เสียงกระซิบเบาๆข้างหูเป็นดั่งนาฬิกาปลุกเรือนยักษ์ดึงให้เขาออกจากภวังค์กลับมาสู่โลกแห่งความจริง

“แหม…ดูท่าฉันอาจจะโดนปองร้ายจากสาวๆในฮาเร็มของคุณก็ได้นะคะ”เสียงหวานหัวเราะคิกคักก่อนจะใช้ริมฝีปากแนบหูเขาเข้าไปอีก

“ห้านาทีก่อนมีคนบอกฉันว่า ‘ไม่อยากคุยกับเด็กเอาแต่ใจมากนักหรอก’”มือบางไล้ใบหน้าอย่างถือสิทธิ์ โดยที่ใบหน้าสวยแสร้งมองกล้องเป็นระยะ

“เอาเป็นว่าระหว่างนี้ คุณช่วยดูแล ‘เด็กเอาแต่ใจ’ คนนี้หน่อยก็แล้วกัน!”

ร่างบางผลักชายหนุ่มออกก่อนจะเดินอย่างมั่นใจไปทางบอดี้การ์ดของตน เธอหัวเราะเขินอายเมื่อมีเหล่านักข่าวแทรกตัวออกมาจากฝูงชนถามรัวประเด็นต่างๆ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองทาง ‘คู่หมั้น’ ด้วยสายตา ‘รัก ใคร่’ เหลือเกิน เธอยิ้มกว้างให้เหล่านักข่าวอย่างไม่เคยเป็นก่อนจะชี้มาทางชายหนุ่มในชุดพื้นเมือง

“พวกคุณไปถามอัลลัยล์ได้เลยนะคะ เขายินดีตอบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องระหว่างเรา!”


------------------------------------------

สวัสดีค่ะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน (>\\\\\\\\<)\\

เเฮ่ ๆ ตอนล่าสุด

@@คุณ mhengjhy ความลับไม่มีในโลกค่ะ ซิก ๆ (TTwTT)\\
@@คุณ nunoi ตอนเเรกกี้ก็คิดๆอยู่ค่ะว่าจะเอายังไงกับเเม่นางวิคตอเรียดี เเต่ถ้าปล่อยให้ไปอยู่กับยะตีมมีหวังโดนหักคอตายเเน่ๆเลยค่ะ 5555\\ (>\\\\<)\\

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เเละทุกๆโหวตเลยนะคะ มามะกี้จุ้บ 10 ที (=3=)\\

อาทิตย์หน้ากี้ก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวเข้าโรงเชือดเเล้วค่ะ

ไว้กี้ค่อยมาสูบพลังงานจากรีดเดอร์ 5555555\\

เเต่ถึงจะต้องอ่านหนังสือสอบเเต่กี้ก็จะพยายามมาอัพนะคะ (*o*)\\

รีดเดอร์อย่าพึ่งทิ้งกี้ไปไหนนะคะ กี้เอาส้อมขู่เลยย (TTwTT)\\

คืนนี้ฝันดีนะคะ ห่มผ้าด้วยน้าา จุ้บบบ (=3=)\\



ปล.เดี๋ยวกี้จะกลายร่างไปเป็นผีสิงเสาคอยไปหลอกให้ตกกระใจเล่น 5555\\



เสี้ยวเดือนเเรม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2555, 22:37:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2555, 22:37:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 9445





<< บทที่สิบสี่ การพบกันที่แสนน่าประทับใจ 100%   บทที่สิบห้า ข่าว 100% >>
wii 21 ก.ย. 2555, 07:00:57 น.
อ้าวซวยละสินายอัล โดนยัยวิกกี้เล่นงานเข้าเเล้วไง เกิดสาวที่ซุกเอาไว้รู้เข้าเเม่มิบินหนีกลับเมืองไทยเเทบไม่ทันหรอกเหรอ


nunoi 21 ก.ย. 2555, 13:22:27 น.
อ้าวเจอคุณหนูวิกกี้ย้อนศรเข้าซะแล้ว ทำไงดีหล่ะทีนี้


mhengjhy 21 ก.ย. 2555, 21:19:47 น.
หว๋ายยยย....คดีพลิก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account