The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น

เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: แขกคนเดิม

รักนี้ที่วังหลวง 10

อากาศยามสายค่อนข้างสบาย ไม่ร้อนจัด มีลมพัดเอื่อยๆทำให้ต้นไม้รอบๆบ้าน ‘สี่ใบเถา’ ต่างเอนกิ่งก้านลู่ลม พริ้วไหว

“ไม่เอาน่ายายเปี่ยม ตื่นได้แล้ว” ด้วยรักปลุกน้องสาวที่กำลังนอนตื่นสายอย่างสบาย พลางเปิดผ้าม่านในห้องให้แสงแดดเข้ามาช่วยกระตุ้นเปี่ยมสุขอีกแรงหนึ่ง

“อะไรกันพี่รัก เปี่ยมได้หยุดซ้อม 1 อาทิตย์ ขอพักหน่อยก็ไม่ได้!” น้องสาวตอบกลับอย่างเอาแต่ใจด้วยความดื้อรั้น ก็จะไม่ให้หล่อนนอนดึกได้อย่างไรในเมื่อเมื่อคืนหล่อนกำลัง ‘คิดหนัก’ ถึงเรื่องที่ทำลงไปกับนายทรงพล

แล้วนี่หล่อนไปทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นระหว่างแสนดีกับชินคมด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้! ถึงแม้แสนดีจะเอ่ยว่าไม่เป็นไร และเข้าข้างหล่อนก็เถอะ...

ด้วยรัก หยิบผ้าขนหนูสีเหลืองนวลแล้วโยนลงบนตัวน้องสาว “แต่นี่มันจะสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว กินบ้านกินเมืองมากไปแล้วจ้ะ”

เปี่ยมสุขบิดตัวไปมา แล้วก้มหน้าซบหมอนใบใหญ่ “แล้วทำไมวันนี้พี่รักว่างล่ะค่ะ ไม่สอนเด็กๆหรือไง มากวนเปี่ยมอยู่ได้”

ด้วยรักกอดอก นึกขันในคำพูดน้องสาวไม่ได้

“พี่ให้เด็กๆฝึกนิ้วอยู่ที่สนามหลังบ้านจ้ะ เร็ว ตื่นเสียที วันนี้มีแขกสำคัญมาด้วย ต้องช่วยกันต้อนรับ”

สิ้นเสียงพี่สาวคนโต เปี่ยมสุขจึงเงยหน้าขึ้นจากหมอนใบใหญ่ “แขกสำคัญ ???? ใครคะ??? โอ๊ยตาย!!!!”

ด้วยรักหัวเราะ พลางไปเปิดตู้เสื้อผ้าน้องสาวแล้วหยิบชุดกระโปรงที่เรียบร้อยที่สุดมาแขวนไว้หน้าตู้

“พูดอย่างนี้แปลว่ารู้ล่ะสิว่าใคร”

เปี่ยมสุขลุกขึ้นนั่ง ผมหยักศกสวย ยุ่งเหยิงอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณหญิงอุ่นล่ะสิคะ ยิ่งพี่รักหยิบชุดนี้มาให้เปี่ยม ต้องเป็นหญิงอุ่นจอมวุ่น.....”

ด้วยรักหัวเราะดังเข้าไปใหญ่ เมื่อนึกถึงคุณหญิงอุ่นทิพย์ เพื่อนสนิทคุณแม่ ที่มาทีไรชอบนำเค้กก้อนโตมาฝาก แล้วยัดเยียดให้สี่สาวกินกันจนพุงแตกทุกที

“ไม่ใช่จ้ะ ไม่ใช่คุณป้าอุ่น แต่เอาเถอะ อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วรีบลงไปซะ”

เมื่อภารกิจปลุกน้องสาวตัวดีสำเร็จ พี่สาวคนโตผู้จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยเสมอ ก็เดินออกจากห้องนอนไป ปล่อยให้ลูกสาวจอมขบถของบ้านนี้ หัวเสียกับแขกที่กำลังมาพบในอีกไม่ช้า



วันนี้เป็นวันพุธ หลวงสีหนาถจึงออกไปทำงานที่วังตามปกติ ยาใจจออกไปธุระที่มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อ ส่วนแสนดีก็ออกไปทำงานที่ห้องสมุด ดังนั้นที่บ้านจึงเหลือเพียงคุณหญิงวิสาผู้เป็นมารดา ด้วยรักที่กำลังสอนเด็กวัยก่อนเรียน เรียนเปียโนพื้นฐานที่สวนหลังบ้าน และเปี่ยมสุข ผู้ซึ่งว่างงานหลังจากได้รับการคัดตัวไปแข่งโอลิมปิกเป็นที่เรียบร้อย และได้หยุดพักการซ้อม 1 อาทิตย์

ในครัวของบ้าน คุณหญิงกำลังยุ่งกับแม่ครัวในการปรุงอาหารกลางวันต้อนรับแขกพิเศษ ส่วนเปี่ยมสุขก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไป ดื่มโกโก้ไป พลางเค้นคำตอบจากมารดาเรื่องแขกคนพิเศษอย่างไม่ย่อ
ท้อ

“จะอยากรู้ไปทำไมตอนนี้จ๊ะ เดี๋ยวลูกก็ได้เจอแล้ว แล้วนี่ ดื่มโกโก้เบาๆหน่อย เดี๋ยวจะหกเลอะเทอะกระโปรง”

คุณหญิงตอบเลี่ยง จนลูกสาวคนเล็กเริ่มยอมแพ้

มีความลับกันอยู่ได้ แขกคนใหม่เป็นใครก็ไม่รู้ สำคัญมากหรืออย่างไร ขนาดคุณแม่ต้องทำอาหารอย่างพิถีพิถันเสียขนาดนั้น....พูดถึงเรื่องอาหาร เมื่อวานก็ออกไปกินกับยายแสน แล้วก็....เหย...กับนายทรงพลจอมโอหัง...เราไม่ทำเกินไปหรอก เปี่ยมสุข....คนอย่างนั้นก็สมควรได้รับบทลงโทษละ...

เปี่ยมสุข คิดวุ่นวายถึงเรื่องเมื่อคืนในใจ ก่อนจะปล่อยให้มันกลายเป็นเป็นความทรงจำที่น่าลืมเลือน

ณ สวนหลังบ้าน ด้วยรักในชุดกระโปรงหวาน ผมยาวดำขลับมัดไว้ครึ่งศีรษะอย่างเรียบร้อย กำลังสอนเด็กๆอ่านโน้ตขึ้นพื้นฐานอย่างมีความสุข ด้วยรักเป็นคนที่อ่อนหวาน เรียบร้อย ใจดี วางตัวได้เป็นผู้ใหญ่สมกับเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว แต่ภายนอกที่ดูออกจะคุณหนูนั้นจริงๆแล้วเธอสามารถทำธุระทั้งภายในบ้านและนอกบ้านแทนคุณพ่อคุณแม่ได้แทบทุกอย่าง

เด็กๆที่เธอรับสอนนั้นกำลังเตรียมเข้าอนุบาล เป็นวัยที่กำลังซนอย่างที่สุด แต่เธอกลับมีความสุขและสนุกที่ได้สอนเด็กซนๆพวกนี้ เธอบอกพ่อแม่ของเด็กเสมอว่า เด็กซนคือเด็กฉลาด และการที่เธอไม่เคยเข้มงวดขัดกับธรรมชาติของเด็กเลย เด็กๆเหล่านี้จึงอยากมาเรียนกับเธอทุกวัน และรักคุณครูสาวสวยผู้นี้เหลือเกิน

“อ้าวเด็กๆถ้าเข้าใจแล้ว คุณครูจะให้เขียนโน้ตลงบรรทัด 5 เส้น ตามคำบอกนะคะ....อ่า...โด....เร...”

ยังไม่สิ้นเสียงครูสาว เจ้าจอมซนที่สุดของกลุ่มก็ยกมือขดขวางทันที

“ครูค้าบๆ”

ด้วยรักหยุดพูด หันไปมองเด็กน้อย “ไงจ๊ะ น้องนัท ว่าไงลูก”

น้องนัทที่แก้มยุ้ยแดง ดังลูกมะเขือเทศ ยิ้มโชว์ฟันหลอร่า “ดินสอหักค้าบคุณครู”

ด้วยรักยิ้ม “เหรอจ๊ะ น้ำหวานมีให้เพื่อนยืมไหมลูก”

เด็กหญิงน้ำหวานที่ถักเปียสองข้างสวยงาม ส่ายหน้าด้วยความจริงจัง “ไม่ได้ค่ะครู นัทเคยแกล้งน้ำหวาน น้ำหวานไม่ให้”

น้องนัทหน้าเสีย แต่ครูสาวแอบขำในใจ เด็กหนอ ตัวแค่นี้ก็แค้นเป็น หล่อนรู้สิว่าน้องนัทร้ายกาจขนาดไหน วิ่งไล่ดึงผมเปียน้ำหวานแล้วยังแกล้งเปิดกระโปรงเด็กผู้ญิงคนอื่นๆอีก

“ใช่ค่ะๆ หนูก็ไม่ให้ยืม!!!” ว่าแล้วไง เด็กผู้หญิงคนอื่นที่เหลือเลยโวยวายประท้วงบ้าง มีเด็กผู้ชาย อีก 2 คน ไม่ยอมยุ่งด้วย นั่งวาดอะไรต่อมิอะไรไปเอง

เด็กชายนัทเริ่มเบะปากร้องไห้ “แหงะ...แง...นัทไม่มีดินสอ...เขียนไม่ได้...อดเรียนกับครู.....แง....”

แล้วเด็กชายนัทก็ร้องไห้งอแง มีกลุ่มเพื่อนเด็กหญิงล้อเลียนใหญ่ คุณครูสาวพยายามปลอบและห้ามเด็กผู้หญิง แต่ดูจะไม่ได้ผล

“เอ้านี่ อาให้ เอาไปใช้สิ”

เสียงทุ้มกังวานเสียงหนึ่ง ทำเอาทุกความวุ่นวายหยุดนิ่ง ด้วยรักหันหน้าไปมองตามเสียงนั้นก็ต้องตกใจ เพราะเจ้าชายอิศเรศร์ ในชุดสูทสีเข้ม กำลังนั่งยองๆข้างเด็กชายนัทและยื่นดินสอไม้ให้

เด็กชายนัทมองพี่ชายรูปงามอย่างงงๆ แต่ก็รับมาเฉย โดยไม่ขอบคุณ ส่วนเด็กผู้หญิงคนอื่น ก็ถอยวงล้อมออกจากตัวเด็กชาย แล้วหันไปสนใจสมุดของตัวเองแทน

“น้องนัท ขอบพระทัย...เอ้อ....” คุณครูสาวสวยพูดกับลูกศิษย์ตัวจ้อย ก่อนจะสบพระพักตร์หล่อเหลานั้น

เป็นอันว่าเข้าใจกัน เจ้าฟ้าชายยิ้มบางๆให้เธอแล้วผงกศีรษะเบาๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

ด้วยรักที่กำลังอยู่ในอารามตกใจและเริ่มทำอะไรไม่ถูก หล่อนจึงหันไปสนใจลูกศิษย์ตัวแสบแทน “น้องนัทขอบใจคุณอาคนนี้สิครับ เขาให้หนูยืมดินสอนะลูก”

วายร้ายแก้มยุ้ย มองพระพักตร์ทีหนึ่ง เขาคงเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าพระองค์เป็นใคร เลยยกมือไหว้พองามแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนตัวโน้ตต่อไป

เจ้าชายอิศเรศร์ลุกขึ้นยืนอย่างสง่า ด้วยรักจึงต้องลุกขึ้นด้วยตามมารยาท ก่อนจะมองพระองค์ทีหนึ่งและเด็กนักเรียนของหล่อนทีหนึ่งโดยไม่รู้ว่าจะจัดการต่อไปอย่างไร

“เอ่อ...เด็กๆลูก เขียนโน้ตเสร็จก็เข้าไปนั่งรอคุณพ่อคุณแม่ในบ้านนะคะ เดี๋ยวครูจะไปสั่งการบ้านอีกที”

เด็กๆตอบรับอย่างขมีขมัน ส่วนด้วยรักก็ยิ้มเขินๆถวายเจ้าชาย

“เชิญประทับในบ้านดีไหมเพคะ อากาศออกร้อน”

เจ้าชายแย้มสรวลนุ่มนวลประทานตอบ “ผมว่าหลังบ้านคุณร่มรื่นดี เลยขออนุญาตคุณหลวงมาเดินชมสักหน่อย เลยบังเอิญได้พบครูสาวพอดี”
ด้วยรักยิ้มหน้าแดง อาจจะเพราะความเขิน “ถ้าอย่างนั้นเชิญทอดพระเนตรตามสบายเพคะ แต่สวนบ้านหม่อมฉันไม่งดงามเท่าวังของพระองค์หรอกเพคะ”

เจ้าชายทำทีทอดพระเนตรโดยรอบ “บางทีความงามอาจจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายก็ได้นะ ว่าแต่คุณไม่ต้องมาคอยดูแลผมหรอกครับ ไปดูแลลูกศิษย์เถอะ”

ด้วยรักหันไปมองตรงสนามหญ้าที่เด็กๆเคยนั่งอยู่ แต่พวกตัวแสบกลับหายเข้าบ้านกันไปหมดแล้ว หล่อนจึงยังอยู่ตรงนั้นดีกว่า อีกอย่าง หล่อนไม่อยากเสียมารยาท และหล่อนไม่ได้มีทิฐิกับพระองค์เท่ายายเปี่ยมหรอก รายนั้นหากรู้ว่าพระองค์เสด็จล่ะก็...บ้านแตก...

“กลับเข้าบ้านกันหมดแล้วเพคะ ซนๆทั้งนั้น แต่อย่างไร หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์แทนตานัทด้วยนะเพคะ”

เจ้าชายรูปงามทอดพระเนตรสาวสวยคนโตของบ้าน หล่อนเรียบร้อย อ่อนหวาน และดูจะไม่คิดอะไรกับพระองค์เหมือนคนอื่นๆเลย...พระองค์อาจจะเริ่มผูกมิตรกับหล่อนเป็นคนแรก....

“เรื่องเล็กครับ แต่คุณด้วยรักคงรักเด็กมากสินะครับ ถึงชอบสอนเด็กซนๆพวกนี้ ดูจะรับมือยากจัง”

หล่อนหัวเราะอารมณ์ดี ขณะเดินเคียงข้างพระองค์ผ่านต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ

“เพคะ แต่จริงๆล้วหม่อมฉันกลับไม่รู้จะทำอะไร ที่ร่ำเรียนมาก็เป็นแนวนี้ เลยคิดว่าการสอนเด็กคงจะถนัดที่สุด”

พระองค์เอามือล้วงกางเกง วางท่าโก้ เผื่อจะมัดใจสาวสวยรายนี้ได้บ้าง...คุณเปี่ยมสุข คงจะเกลียดพระองค์มาก คุณยาใจก็ไม่ได้ให้ความสนพระทัยในตัวพระองค์แม้แต่น้อย หลังจากคำพูดของหล่อนคืนนั้น....

ส่วนคุณแสนดี....หล่อนดูกถูกพระองค์....

แต่พระองค์กำลังทำอะไรกันแน่....ทั้งๆที่ตอนนี้กำลังควงสาวสวยคนหนึ่งอยู่....แล้วต้องมาทำตามแผนของพระมารดาเพื่อบัลลังก์....ทั้งๆที่...ไม่ได้เลือกเอง...และยังไม่ได้รักอย่างนั้นหรือ....

แต่แล้วความสับสนกลับหายไป เมื่อดวงหน้าหวานสบพระเนตรของพระองค์

“อ้อ...แล้วคุณด้วยรักจบอะไรมาหรือครับ แต่คนเราก็ต้องเรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำในอนาคตสินะ อย่างผม ยังต้องเรียนรัฐศาสตร์เลย...ทั้งๆที่...ถ้าเรียนสถาปัตย์คงสนุกกว่า”

หล่อนนิ่งนิดหนึ่ง ถ้าบอกไปว่าหล่อจบอะไรมา พระองค์จะสะกิดใจบ้างไหม...ว่าเคยทำอะไรไว้...กับเพื่อนสนิทของหล่อน...

สาวสวยกล้าสบพระเนตรคมกริบโดยตรงอย่างมุ่งมั่น.... “หม่อมฉันจบอักษรฯมาเพคะ”

เจ้าชายรูปงามทรงสบตาหล่อนเช่นกัน แต่ขณะนั้นไม่ได้ทรงคิดอะไรมากไปกว่า...สาวอักษรก็ต้องสวยสินะ...สมกับเธอแล้วละ...

สาวอักษร....นัน...นันทิดา...

เจ้าชายอิศเรศร์รีบหันพระพักตร์ไปทางอื่น...นันทิดา...หล่อนเป็นดาวอักษร...ทรงเคยจีบหล่อนขณะที่ปิดเทอมมหาวิทยาลัย แล้วกลับมาภัทรประเทศ...ตอนนี้หล่อนคงเรียนจบแล้ว...และคงอายุรุ่นเดียวกับคุณด้วยรักนี่ละ....

ที่สำคัญ...เรื่องที่พระองค์ทรงเคยควงหล่อนนั้น ดังไปทั่วมหาวิทยาลัย....แล้วคุณด้วยรัก...จะไม่รู้ได้อย่างไร....

ได้ผล...ด้วยรักคิดในใจ...พระองค์คงเริ่มรู้สึกอะไรบ้างแล้ว...

ก็ดี...เพราะถ้าพระองค์จะคิดมาทำให้พวกหล่อนหวั่นไหวด้วยความไม่จริงใจล่ะก็...พระองค์คงจะต้องระวังตัวมากขึ้น

ความเงียบเล็กๆเริ่มก่อตัว และด้วยความเป็นคนใจดีของหล่อน ด้วยรักจึงไม่อยากทำอะไรให้พระองค์ไม่สบายใจ

“ประทับในบ้านเถิดเพคะ คงได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว”

พูดเสร็จหล่อนก็เดินนำเจ้าชายเข้าบ้านไป ปล่อยให้หนุ่มรูปงามยืนหนาวๆร้อนๆ ทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม



“ทำตัวดีดีนะแม่เปี่ยม ถ้าทำอะไรที่นอกเหนือการควบคุมของแม่ล่ะก็....”

“โถๆๆๆๆๆ คุณแม่คะ เปี่ยมจะไปกล้าทำอะไรเจ้าชายรูปงามของคุณแม่ล่ะคะ เดี๋ยวก็ได้โดน....”

เปี่ยมสุขหยุดพูดประชดประชันคุณหญิงวิสาผู้เป็นมารดาโดยพลัน เนื่องจากคนที่หล่อนกำลังพูดถึงได้เสด็จเข้ามาในห้องทานอาหารด้วยท่าทางกล้าๆกลัวและอ่อนน้อมยิ่งนัก

คุณหญิงวิสาตีลูกสาวเบาๆ ก่อนจะรีบลุกจากเก้าอี้ พลางส่งรอยยิ้มแสดงถึงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ที่เจ้าชายรัชทายาทเสด็จร่วมโต๊ะเสวย

ฝ่ายเจ้าชายผู้ซึ่งได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ทรงโค้งอย่างงดงามแสดงความเคารพต่อคุณหญิงวิสา และเมื่อทอดพระเนตรเห็นสาวสวยอันดับสองของบ้าน ที่ดูท่าทางจะต้อนรับพระองค์อย่างไม่เต็มใจนัก พระองค์ก็ยังคงแย้มสรวลอย่างเก๋ แม้ว่าในพระทัยออกจะกล้าๆกลัวๆ แต่ท่าทีของพระองค์ที่แสดงออกมายังคงไว้ซึ่งความสง่า

“วันนี้คงต้องรบกวนคุณหญิงฝากท้องถึงสองมื้อเลยนะครับ”

คุณหญิงวิสายิ้มแก้มแทบปริ “มิเป็นไรมิได้เพคะฝ่าบาท ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง แต่ไม่ทราบว่าจะถูกพระโอษฐ์หรือเปล่า”

เปี่ยมสุขยิ้มเยาะ ได้ทีแกล้งเจ้าชาย

“ถูกสิคะคุณแม่ ก็พระองค์เคยมาเสวยพระกระยาหารค่ำกับพวกเราครั้งหนึ่งแล้ว คุณแม่ทำลืมไปได้ จริงไหมเพคะเจ้าชาย”

คุณหญิงวิสามองหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย ก่อนจะคิดได้ว่า สมัยที่พระองค์ทรงเคยปลอมตัวเป็น ‘นายอิทธิ’ ก็เคยเสด็จมาที่นี่แล้วจริงๆ คิดได้ดังนั้นคุณหญิงมารดาจึงหันไปมองเจ้าชายด้วยเกรงว่าพระองค์จะทรงทำอะไรไม่ถูก เมื่อโดนลูกสาวตัวแสบแกล้ง

แต่กลับตรงกันข้าม เจ้าชายหนุ่มทรงแย้มสรวลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวด้วยพระสุรเสียงนุ่มๆว่า “นั่นสินะคุณเปี่ยม อาหารมื้อนั้นอร่อยมากจริงๆ คุณหญิงฝีมือดีเหลือเกิน ไม่แพ้ข้าหลวงในวัง”

ทำเอาเปี่ยมสุขต้องเก็บความหมั่นไส้ในการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดีในใจ

“พูดอะไรเสียงดังยายเปี่ยม ล่วงเกินอะไรเจ้าชายอีกหรือเปล่า ให้อภัยลูกคนนี้ด้วยนะฝ่าบาท เชิญประทับเถอะพะย่ะค่ะ”

หลวงสีหนาถเดินอย่างองอาจเข้ามาในห้องอาหาร มีด้วยรักเดินคล้องแขนคุณพ่อของหล่อนอยู่เคียงข้าง

เปี่ยมสุขหน้าบึ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบนั่งลงแล้วสะบัดผ้ากันเปื้อนวางบนตัก

เจ้าชายเห็นทีมีคนเข้าข้าง จึงแย้มสรวลกว้างจ้องเปี่ยมสุขคนงามอย่างล้อเลียนบ้าง

“ไม่เลยคุณหลวง คุณเปี่ยมให้การต้อนรับอย่างดี”

จากนั้นจึงทรงโค้งรับคุณหลวง ก่อนจะทรงเขยิบเก้าอี้ให้คุณหญิงวิสาและด้วยรักตามมารยาท

“ฝ่าบาทจะเสด็จมาทรงงานกับพ่อทุกวัน เกี่ยวกับการจัดการแข่งขันขี่ม้านานาชาติ หวังว่าลูกๆจะให้การต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดี”

หลวงสีหนาถประกาศกลางโต๊ะอาหาร ทำเอาเปี่ยมสุขเกือบสำลักซุปคำแรก คุณหญิงวิสามีทีท่ายินดียิ่งนัก ส่วนด้วยรักกลับมีท่าทีเฉยๆ





เย็นย่ำมากแล้ว คุณหลวงและเจ้าชายยังคงทำงานปรึกษากันอย่างขันแข็งที่ห้องทำงานของคุณหลวง คุณหญิงวิสากับด้วยรักกำลังช่วยกันเตรียมอาหารมื้อเย็นอย่างเคย ส่วนเปี่ยมสุขก็วิ่งออกกำลังกายอยู่หลังบ้าน

“เจ้าชายเสด็จมาทุกวันอย่างนี้ มีหวัง....” ด้วยรักเอ่ยขึ้นยังไม่ทันจบประโยค
“ต้องตกหลุมรักลูกสาวแม่สักคนเป็นแน่” คุณหญิงวิสาต่อประโยคจนจบ ทำเอาลูกสาวคนโตตกใจ อุทานเสียงดัง ตัดพ้อมารดา

“อะไรกันคะคุณแม่!!!! รักกำลังจะบอกว่า ยายเปี่ยมต้องอกแตกตายแน่ๆ ต่างหาก แต่นี่คุณแม่....”

คุณหญิงวิสาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แม่ล้อเล่นหรอกจ้ะ แม่ไม่ได้อยากยกลูกสาวให้ใครง่ายๆหรอก แต่ดูท่าที่พระองค์แล้วดูจะพอใจลูกสาวของแม่บางคนอยู่”

พี่สาวคนโตของบ้านทำตาโตขึ้นมาทันที “ตายแล้ว จริงเหรอคะ คุณแม่ว่าจะเป็นใครล่ะคะเนี่ย แต่รักว่าที่พระองค์มาทรงงานทุกวันอย่างนี้ ไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องงานอย่างเดียว...อาจจะเป็นพระประสงค์ของสมเด็จ...”

คุณหญิงยิ้มอย่างรู้ทัน “แม่ก็พอจะเข้าใจจ้ะ พระราชินีทรงมีเมตตากับครอบครัวเรามากจริงๆ แต่จะเป็นใครนั้น ก็คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าชายฝ่ายเดียว จริงไหมลูก” พูดเสร็จ คุณหญิงก็มองลูกสาวคน
โตอย่างพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคนโตหรือคนไหน....ก็ขอให้เกิดจากความรักก็แล้วกัน

ด้วยรักยังคมก้มหน้าสวยหวานนั่นหั่นผักต่อไป “ค่ะคุณแม่ แต่ไม่ใช่รักแน่นอน”

ก่อนเวลาอาหารเย็นไม่นานนักก็มีเสียงคุยกันของสองสาวดังมาจากทางหน้าบ้าน ตามด้วย เสียงปิดประตู เสียงถอดรองเท้า และเสียงหัวเราะต่อกระซิกของสองพี่น้องที่คุณหญิงมารดาจำได้เป็นอย่างดีว่า เสียงตอบรับเรียบๆนั้นเป็นของยาใจ ส่วนเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นของแสนดีลูกสาวคนเล็ก เมื่อยาใจเปิดห้องครัวเข้ามาพร้อมถุงขนมเล็กๆสองใบ ก็ฉีกยิ้มกว้างให้พี่สาวคนโตที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนสีหวานจัดโต๊ะอาหารอยู่

“ไงคะพี่รัก ยาซื้อมัฟฟินร้านดังมาฝากด้วย สวัสดีค่ะคุณแม่ ทำอะไรคะหอมเชียว เอ๊ะ! ดูเหมือนจะมีแขกมานะคะ อาหารถึงเยอะขนาดนี้” ลูกสาวคนกลางยกมือไหว้มารดาก่อนจะแสดงสีหน้าสงสัย

คุณหญิงวิสาที่ตอนนี้ใบหน้างามนั้นกำลังเป็นมันจากการอยู่หน้าเตานานเล็กน้อย ตอบกลับลูกสาวอย่างอารมณ์ดี “ใช่น่ะสิจ๊ะ เจ้าชายเสด็จมาน่ะ มาตั้งแต่กลางวันแล้วละ”

ยาใจแสดงสีหน้าตื่นเล็กน้อย “เหรอคะ แล้ว…พระองค์มาทำอะไรคะ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”

ด้วยรักเห็นน้องสาวคนสวยถามเป็นชุดอย่างนั้นก็อดขำไม่ได้ “ห้องทำงานของคุณพ่อน่ะ มาทรงงานเกี่ยวกับการแข่งม้านานาชาติที่จะจัดขึ้นในประเทศเรา ที่สำคัญนะ….” ด้วยรักเว้นประโยคพอน่าสงสัย “จะต้องเสด็จมาทุกวันด้วยล่ะ” และนั่นยิ่งทำเอายาใจแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน

“อย่างนั้นเลยเหรอคะ…”

“แล้วนี่ยายแสนอยู่ไหนล่ะลูก กลับมาพร้อมกันไม่ใช่หรือ แม่ได้ยินเสียงหัวเราะ”

และนั่นทำเอายาใจตาโต แสดงสีหน้าตกใจอีกครั้ง “ตายแล้ว! ยายแสนตกใจแน่ น้องไปหาคุณพ่อที่ห้องทำงานน่ะค่ะ”


เวลาเดียวกันกับที่ยาใจกำลังสนทนากับพี่สาวและคุณแม่ของหล่อน สาวน้อยคนเล็กของบ้านที่มีเรื่องจะมาเล่าให้คุณพ่อฟัง ก็เดินอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในห้องทำงานของหลวงสีหนาถ และเมื่อเห็นว่าคุณพ่อของเธอกำลังนั่งหันหลังทำงานอย่างเคร่งขรึมที่โซฟาหนานุ่มข้างหน้าตาตัวเดิม หล่อนก็อมยิ้มคิดจะเข้าไปแกล้งเสียหน่อย ว่าแล้วสาวน้อยก็ค่อยๆปิดประตูห้องทำงาก่อนจะออกเดินย่องเบาเรื่อยๆจนเกือบจะประชิดโซฟา จากนั้นหล่อนจึงกลั้นหายใจแล้วกระโดดกอดคุณพ่อที่เธอรักจากทางด้านหลังในทันที

“ไงคะคุณพ่อ แสนกลับมาแล้ว!!!” ไม่พูดเปล่า ยังบรรจงหอมแก้มคุณพ่อดังฟอดด้วยริมฝีปากนุ่มๆอย่างชื่นใจ

“เฮ้ย! อะไรคุณ!!!!!” คุณพ่อที่เธอกอดกลับร้องโวยวายและสะบัดตัวด้วยความตกใจ ทำเอาแสนดีตกใจตามและตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเธอได้เห็นแล้วว่าคนที่เธอหอมแก้มกลับไม่ใช่คุณพ่อที่รัก แต่เป็น เจ้าชายอิศเรศร์!!!!!!

เจ้าชายหนุ่มพระพักตร์แดงและสบตาสาวน้อยตรงหน้าที่เรียวหน้าสวยนั้นห่างพระองค์ไปแค่ปลายจมูกสัมผัสด้วยความงงงงวย ไม่ต่างจากแสนดีที่ตาโตเท่าไข่ห่าน หน้าแดงก่ำกว่าลูกมะเขือเทศ และสีหน้าราวกับจะร้องไห้
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!” เธอตะโกนดังมาก ก่อนจะผละจากพระวรกายสูงใหญ่นั่นออกมาแล้วจ้องมองพระองค์ด้วยอารมณ์ที่อธิบายยาก “ทะ ทะ ทำไม พระองค์…”

เจ้าชายทรงรวบรวมสติ พระองค์ทั้งขันและทั้งยินดี ขณะทอดพระเนตรแสนดียืนละล่ำละลักอยู่ตรงหน้าราวกับเจ้าเข้า “ใจเย็นๆนะคุณแสนดี คือผม…”

แสนดีเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความอับอายอย่างเหลือล้น ก่อนจะรีบวิ่งอย่างเร็วที่สุดออกจากห้องนั้นไป แต่ก่อนจะถึงประตูหล่อนกลับปะทะเข้ากับหลวงสีหนาถตัวจริงซึ่งพึงกลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำ

“อ้าวยายแสน กลับมาแล้วเหรอ เมื่อกี้เสียงเราร้องหรือเปล่า”

แสนดีอยากจะร้องไห้ ทำตัวไม่ถูก มองคุณพ่อทีหนึ่ง มองเจ้าชายทีหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งออกไป พร้อมๆกับที่เจ้าชายตรัสด้วยความมีสติว่า “เธอตกใจจิ้งจกน่ะครับ”

แสนดีรีบวิ่งขึ้นห้องนอนโดยไม่สนสายตาคนทั้งบ้านที่ออกมาดูตามเสียง และไม่ยอมลงมาทานข้าวเย็น ไม่ว่าใครจะเกลี้ยกล่อมให้ลงมาก็ตาม

“แสนไม่ไปหรอกค่ะ แสนไม่กิน ไม่หิว” เธอหันหลัง ทำทีอ่านนิยายและตอบเสียงราบเรียบไม่ให้มีพิรุธ

“แต่คุณแม่บอกมันเสียมารยาทนะแสน เจ้าชายจะเข้าพระทัยผิด” ด้วยรักกล่อมน้อง

“เข้าพระทัยผิดว่าอะไร!” คราวนี้หล่อนเสียงแข็งกร้าว

“ก็เข้าพระทัยผิดว่ารังเกียจพระองค์อย่างไร้สาระน่ะซิยายแสน อะไรกัน แค่พระองค์จะช่วยจับจิ้งจกแล้วมันวิ่งมาหาลูก ก็กลัวเหมือนคนบ้าไปได้ ไม่เข้าเรื่องน่ะ” เสียงห้าวและมีอำนาจของคุณพ่อแทรกขึ้นมา

แสนดีหน้าแดงก่ำหันไปสบตาบิดา “อะไรนะคะ จิ้งจก?” หล่อนมืดแปดด้าน

หลวงสีหนาถแสร้งทำหน้าดุ “ใช่น่ะซิ ลงไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ลูกจะทำพ่อขายหน้า”

แสนดีรู้สึกโกรธ อาย ปนโล่งใจแปลกๆ เธอคิดอะไรไม่ออกและทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองด้วยรักที่ส่งยิ้มบางๆกลับมา และมองคุณพ่อที่ยืนมองเธออย่างดุที่หน้าประตู

หล่อนปิดหนังสือแล้วลุกขึ้น พระองค์ทรงแก้สถานการณ์ได้ดี แต่ขายขี้หน้าชะมัด “ไปก็ได้ค่ะ แสนเริ่มหิวละ”

อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปด้วยดี เนื่องจากแสนดีได้นั่งหัวโต๊ะไกลจากเจ้าชาย และไม่ได้สนทนาอะไรกันเลย ส่วนเจ้าชายก็วางพระองค์ได้เป็นปกติและสุภาพบุรุษที่สุด นั่นคือ แทบจะไม่ได้สบพระเนตรกับแสนดีให้เธอต้องกระอักกระอ่วนใจ แต่ทรงมีปฏิสัณฐานกับคุณหญิงและคุณหลวงอย่างมีมารยาทที่สุด อีกทั้งทรงตักกับข้าวประทานเปี่ยมสุขที่ถูกจัดให้นั่งติดกับพระองค์ด้วยฝีมือของด้วยรักกับยาใจ

และเมื่ออาหารมื้อนั้นจบลง เจ้าชายทรงปลีกตัวออกไปทานของว่างกับคุณหลวงที่ระเบียงหน้าบ้าน ปล่อยให้สี่สาวกับมารดาเก็บโต๊ะกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นแสนดีที่เงียบผิดปกติ

“นี่ยายแสน” เปี่ยมสุขพูดกับน้องเชิงหมั่นไส้ “น้องไปส่งเจ้าชายด้วยละ”

แสนดีที่เงียบมานานเลยต้องเปิดปากสู้พี่สาวตัวแสบ “เรื่องอะไร มาสั่งแสนหาพี่เปี่ยม”

เปี่ยมสุขที่กำลังเก็บจานกับข้าวก็ฉุนเล็กน้อย “แล้วทำไมจะสั่งไม่ได้ วันนี้ทุกคนส่งเวรกันครบแล้ว เหลือหล่อนนี่แหละ”

แสนดีขมวดคิ้ว ไม่พอใจเปี่ยมสุข มียาใจกับด้วยรักมองสงครามที่กำลังคุกรุ่นอยู่ห่างๆ

“เวรอะไร” แสนดีเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็น

เปี่ยมสุขเดินยกจานไปแล้วแกล้งชนน้องสาวที่สะโพกเบาๆ “ดื้อชะมัด ก็พี่รัก เขารับอาสาคุยกับเจ้าชายตอนบ่ายแล้ว ส่วนพี่ก็ต้องนั่งติดกับเจ้าชายตามมารยาท ยาใจก็พยายามคุยกับพระองค์ตอนอาหารเย็น เหลือแต่หล่อนนี่แหละ แม่ตัวดี ทำอะไรเสียบ้างสิ”

ประโยคท้ายๆทำเอาแสนดีฉุนขาด อยากตะโกนเถียงกับพี่สาวดังๆ เพราะตัวเองก็มีเรื่องน่าโมโหในใจอยู่เดิมแล้ว แต่โชคดีที่คุณแม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“แหมลูกๆ พูดกันเสียหน้าเกลียด แบ่งเวรอะไรกัน พระองค์ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น”

“ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกคะคุณแม่ แต่มันจะดูเสียมารยาทไปหน่อย ที่น้องสาวคนเล็กไม่พูดกับเจ้าชายเลยแม้แต่แอะเดียว…เอ๊…หรือจะมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าน้า ยายแสนเลยไม่สู้หน้า….” เปี่ยมสุขแกล้งทำท่าสงสัย ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้น้องสาวคนเล็ก จนแสนดีทนไม่ไหวเลยต้องระเบิดออกมา อะไรกันพี่เปี่ยมทำท่าเหมือนจะเห็นเรื่องเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ!

“ไม่สู้หน้าอะไร แสนไม่ได้กลัวหรืออายอะไรสักหน่อย เดี๋ยวแสนออกไปส่งเองล่ะค่ะคุณแม่” ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆอย่างมั่นใจด้วยความโมโหพี่สาวตรงดิ่งไปหาเจ้าชายที่กำลังตรัสส่งท้ายคุณหลวง

เมื่อคุณหลวงเห็นลูกสาวก็ยิ้มรับ “ยายแสนมาก็ดี ไปส่งเจ้าชายแทนพ่อที”

แสนดีตอบบิดา ทั้งๆที่ไม่ได้มองเจ้าชายเลยด้วยซ้ำ “ค่ะคุณพ่อ เชิญเสด็จเพคะ”

เจ้าชายรูปงามอมยิ้มขณะมองหล่อนทำท่ายโสโอหังอีกครั้ง ก่อนจะผายมือให้สาวสวยเดินนำไปก่อน

ราตรีคืบคลานปกคลุมสามหน้าบ้านเสียแล้ว มีเพียงแสงไฟสลัวจากในตัวเรือนและตามท้องถนน ร่วมกับพระจันทร์ข้างขึ้นช่วยส่องนำทางเดินให้หนุ่มสาวทั้งสองเท่านั้น ประกอบกับความเงียบงันในยามพลบค่ำ เสียงเสียดสีเบาบางของใบไม้ ยิ่งเติมแต่งบรรยากาศให้ ‘โรแมนติก’ ด้วยความบังเอิญ

รถพระที่นั่งจอดคอยท่าอยู่แล้วอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง องครักษ์ประจำพระองค์ยืนประจำกันเต็มหน้าบ้าน พร้อมส่งโค้งคำนับเมื่อเจ้าชายเสด็จ

เจ้าชายหันพระพักตร์มาสบตาสาวน้อยเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มพระกระยาหารเย็น อยากจะตรัสกับหล่อนเรื่องนั้นเสียหน่อย แต่ดูหล่อนคงอายและเสียฟอร์มมาก แต่พอทรงนึกๆไปก็ตลกและน่ารักดี หรืออาจจะเป็นโชคดีของพระองค์ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายแล้วอย่าพูดเรื่องนี้กับหล่อนดีกว่า

“ลาก่อนคุณแสนดี วันนี้ผมขอบคุณมาก”

พระสุรเสียงนุ่มลึกตรัสประโยคสุดท้ายด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ทำเอาคนฟังฉุนพิลึก!
แสนดีหน้าแดง จ้องกลับด้วยความถือดี “ขอบใจหม่อมฉันทำไมเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เต็มใจสักที หม่อมฉันไม่คิดเลยว่าพระองค์จะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นได้” เสียงหล่อนแข็งและดังฟังชัด

เจ้าชายทรงได้ยินดังนั้นก็พระพักตร์เจื่อน และเริ่มทรงหงุดหงิดเล็กน้อย สงสัยหล่อนคงโกรธตัวเองและอายมาก เลยคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา พระองค์ไม่ได้ตังใจจะแกล้ง เพียงแต่อยากขอบใจเรื่องอาหารเย็นเท่านั้น

แสนดี! ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาขึ้นเสียงกับเราได้หรอกนะ ดี แกล้งหล่อนต่อเลยแล้วกัน

“ผมไม่ได้ล้อเล่น เพียงแต่คิดจะขอบคุณเรื่องอาหาร แต่ก็ดีที่คุณพูดเรื่องนี้…สงสัยผมคงต้องขอบคุณแล้วล่ะ เพราะไม่มีผู้หญิงหอมแก้มผมนานแล้ว ริมฝีปากคุณนุ่มดีนะผมชอบ” จากนั้นจึงแย้มพระโอษฐ์ที่มุมปากยั่วหล่อน

แสนดีส่งสายตาดุดัน หล่อนเม้มปากอิ่มแน่น กำมือเพื่อระงับความโกรธที่พลุ้งพล่านรวมถึงความอาย ไอ้เจ้าชายตัวแสบเอ๊ย! หล่อนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป จะทุบตีก็สงสัยว่าจะโดนองครักษ์จับตัวเสียก่อน จะต่อปากต่อคำก็ดูจะมีแต่เสียมากกว่าได้ เลยต้องจำใจหันหลังให้แล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้าน ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฉันไม่ญาติดีกับนายแล้ว!

“จะไปไหน” เสียงนุ่มกลับห้าวและเต็มไปด้วยอำนาจ พระองค์กระชากแขนหล่อนเบาๆ ก่อนสังเกตไปในตัวบ้านว่ามีใครแอบมองหรือไม่ ก็สังเกตได้ว่ามีต้นไม่ใหญ่บังมุมที่พระองค์และแสนดียืนอยู่

“ปล่อย!” หล่อนตะโกนเสียงดัง สามองครักษ์สาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่เจ้าชายกลับทรงไล่ ให้ไปห่างๆ

“จะเสียงดังก็เอาเลย พี่สาวคุณ หรือคนข้างบ้านเขาจะได้เอาไปเม้ากันใหญ่ว่าเราสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า เอ๊ะ…หรือคุณอยากเป็นข่าวกับผมนะ ถึงสร้างแผนมากอดจูบผมเนี่ย”

แสนดียิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่ หล่อนพูดอย่างเหลืออดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “ไอ้เจ้าชายบ้า คิดว่ามีเสน่ห์มากเหรอ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้น” ว่าแล้วหล่อนก็กระทืบเท้าอย่างแรงหวังจะให้โดนพระบาทเจ้าชาย แต่พระองค์ทรงรู้ทัน จึงหลบพระบาทพ้น และแย้มพระโอษฐ์ยั่วยิ่งกว่าเดิม เอาสิ หล่อนด่าว่าพระองค์บ้าอย่างนั้นเหรอ จะมีใครกล้ามากกว่าหล่อนอีกไหม เริ่มเรื่องก่อน แล้วมาโอหังกับเจ้าชายอิศเรศร์เนี่ยนะ
“คุณทำเกินไปแล้วนะคุณแสนดี ผมอุตส่าห์โกหกกับพ่อคุณว่าคุณเจอจิ้งจก แล้วคุณมาทำอย่างนี้กับผมเหรอ นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วหยาบคายกับผมอีก”
พระสุรเสียงดูโกรธกว่าเดิม แสนดีจ้องพระเนตรที่เริ่มดุ และเริ่มสำนึกผิด…หล่อนเป็นคนเริ่มทั้งหมดนี่นา แต่พระองค์ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรขนาดนี้นะ!
พระหัตถ์แข็งแรงบีบแขนเล็กบางของหล่อนแรงขึ้น “มีสองอย่าง คือขอโทษและขอบคุณผม”

สองสายตาประสานกันแนบแน่น หนึ่งหยิ่งยโส อีกหนึ่งไม่ยอมใคร

“ต้องปล่อยแขนหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันเจ็บ” หล่อนพูดไม่มีน้ำเสียงออดอ้อน

“ไม่ปล่อย คุณเริ่มก่อน คุณทำก่อน”

แสนดียังคงนิ่งงันแต่สบพระเนตรไม่หวาดหวั่น เขาเป็นผู้ชายที่ถือดีมาก และต้องไม่แพ้ใคร หล่อน ‘เกลียด’ เขา

“ถ้าไม่พูดผมก็จูบคุณตรงนี้แหละ” ไม่ได้อยากทำนักหรอก แค่หมั่นไส้หล่อน อยากเอาชนะ มีที่ไหน ให้หอมฟรีๆแล้วยังมาด่าพระองค์ฉอดๆอีก หล่อนถือตัวมาก คิดว่าตัวเองมีดีมากนักหรือ

แสนดีส่งสายตาระดับ ‘เหี้ยมเกรียม’ ไปให้พระเนตรคมเข้มคู่นั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“อย่าแตะต้องตัวหม่อมฉัน พระองค์ไม่มีค่าขนาดนั้น”

เจ้าชายทรงได้ยินดังนั้นก็พิโรธมากเกินกว่าสรรหาคำใดใดมาเปรียบ ตั้งแต่ประสูติจนเติบใหญ่จวบจนปัจจุบัน เพราะองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญและ ‘มีค่า’ เสมอ

หล่อน…โอหังเกินไปแล้ว

เจ้าชายสะบัดพระหัตถ์ออกจากแขนแสนดีโดยแรง ก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วทรงเก็บพระหัตถ์เข้ากระเป๋ากางเกงสองข้าง…ทรงพลคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า ลักษณะแบบนี้หมายถึง ‘โกรธสุดขีด’

“จำไว้นะคุณแสนดี คุณไม่มีส่วนไหนเลยที่ผมอยากแตะต้อง ริมฝีปากของคุณหยาบกร้าน เหมือนจิตใจคุณนั่นล่ะ”

สิ้นพระสุรเสียงที่สงบนิ่ง เจ้าชายอิศเรศร์เสด็จขึ้นรถพระที่นั่งอย่างสง่าและองอาจ…

เสียงรถพระที่นั่งค่อยๆไกลออกไป เหมือนจะไม่มีทางหวนกลับมา ปล่อยให้แสนดีผู้หยิ่งผยองยืนซับน้ำตาเพียงลำพังด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยากเหลือเกิน



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2554, 12:55:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2554, 12:55:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1519





<< ไม่สำคัญ   อุบัติเหตุ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account