ความทรงจำในผืนทราย(My Last Memory)
บทสวดแห่งความตายนำวิญญาณของฟาโรห์หนุ่มให้คืนชีพ
ทว่า แผ่นดินที่เขายืนอยู่หลังจากมีชีวิตอีกครั้ง กลับไม่ใช่อาณาจักรของตน
หากเป็นห้องพักของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง
ความอลเวง วุ่นวายและภยันตราย
สร้างรักแท้ร้อยรัดมัดคุณหนูผู้เอาแต่ใจและฟาโรห์หนุ่มไว้ด้วยกัน
แต่เมื่อความทรงจำเริ่มเรียกหาบุรุษจากอดีตกาล
เธอจะทำเช่นไรเพื่อรักษาความรักนี้ไว้
ไม่ให้หายไปกับ....ผืนทราย
ทว่า แผ่นดินที่เขายืนอยู่หลังจากมีชีวิตอีกครั้ง กลับไม่ใช่อาณาจักรของตน
หากเป็นห้องพักของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง
ความอลเวง วุ่นวายและภยันตราย
สร้างรักแท้ร้อยรัดมัดคุณหนูผู้เอาแต่ใจและฟาโรห์หนุ่มไว้ด้วยกัน
แต่เมื่อความทรงจำเริ่มเรียกหาบุรุษจากอดีตกาล
เธอจะทำเช่นไรเพื่อรักษาความรักนี้ไว้
ไม่ให้หายไปกับ....ผืนทราย
Tags: รัก,ฟาโรหื
ตอน: ความทรงจำในผืนทราย บทที่ 8 รัชทายาทนอกสมรส
บทที่ 8
รัชทายาทนอกสมรส
“ฉันมีเลือดผสมของอียิปต์กับมาซีโดเนียน และเป็นลูกนอกสมรส”
คำพูดทิ้งท้ายของคาเฟรทำให้แป้งนอนไม่หลับ หญิงสาวพลิกตัวไปมาบนที่นอนขณะพยายามครุ่นคิด
“หมายความว่ายังไงกัน ฟาโรห์ไม่ได้เลือกจากบุตรที่มาจากสายเลือดแท้หรือ” เธอพึมพำพลางเกาศีรษะของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“ทำไมถึงพูดอะไรที่มันเข้าใจยากแบบนี้นะ” แป้งหันไปหยิบขวดน้ำที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงแต่พบว่ามันว่างเปล่า หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความขัดใจ
“รื้อของยังไม่พอ มากินน้ำฉันเสียหมดขวดเลย” เธอบ่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นก้าวออกจากห้องตรงไปยังตู้เย็น หลังจากดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยแป้งจึงปิดตู้เย็นและจะเดินกลับห้อง สายตาเหลือบไปยังเก้าอี้ยาวที่คาเฟรใช้นอนอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อไม่พบร่างสูงใหญ่ของฟาโรห์หนุ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไปไหนของเขากันน่ะ” เธอบ่นขณะกวาดสายตามองไปทั่วห้องโดยไม่ลืมที่จะมองเข้าไปในห้องน้ำและเลยไปที่ห้องหนังสือที่เขามักชอบไปนั่งดูรูปภาพอยู่เสมอแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
“หรือจะหนีออกจากห้องไปแล้ว” แป้งหันขวับไปทางประตูและระบายลมหายใจเมื่อเห็นมันยังคงปิดสนิทโดยมีสายคล้องคาดเอาไว้เหมือนเดิม
“คาเฟร” หญิงสาวเรียกเขาไม่ดังนัก แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา แป้งจึงร้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
“คาเฟร!”
“เรียกทำไม” เสียงทุ้มหนักดังมาจากประตูระเบียงห้องด้านที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แป้งหันหน้าไปมองทันที
“ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินเข้าไปหา คาเฟรชำเลืองตามองเธอก่อนจะเลื่อนกลับไปมองสายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยแลเห็นเป็นแนวยาวสีขาวอยู่เบื้องล่าง
“ดูอะไรนิดหน่อย” เขาตอบสั้นๆ แป้งชะโงกหน้ามองผ่านไหล่ของเขาออกไปแล้วขมวดคิ้ว
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูสักนิด มีแต่ตึกกับต้นไม้”
“และแม่น้ำสีเงิน” ฟาโรห์หนุ่มต่อประโยคด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ดึกป่านนี้แล้วทำไมรู้จักหลับรู้จักนอน มายืนนิ่งเป็นหุ่นให้คนอื่นเขาตกใจเล่นมันสนุกนักหรือยังไงกัน” แป้งบ่นยาวยืดแต่ต้องหยุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ตรงกันข้ามสายตาของคาเฟรกลับทอดมองไปยังสายน้ำเบื้องล่าง ชั่วขณะหนึ่งที่หญิงสาวเห็นความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวสะท้อนวูบขึ้นในดวงตาของฟาโรห์หนุ่ม
“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“แม่น้ำนี่เหมือนไนล์” คาเฟรตอบ “คดเคี้ยวงดงามและมีชีวิต”
“เสียแต่เน่าไปนิด” แป้งพูดเสียงไม่ดังนักก่อนจะหยุดอีกครั้งเมื่อคาเฟรหันมามอง
“เธอเคยจากบ้านไปที่ไหนไกลๆไหม”
“เท่าที่จำได้ดูเหมือนจะครั้งหรือสองครั้ง” หญิงสาวตอบขณะทำท่านึก “ตอนนั้นฉันยังเด็ก คุณพ่อพาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด”
“ฉันหมายถึงไปคนเดียว ในที่ที่เธอไม่รู้จักหรือคุ้นเคย” ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับไปมองแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง กิริยาเหงาหงอยของเขาทำให้แป้งเข้าใจถึงความหมายในคำถามเมื่อครู่ เธอยืนนิ่ง ความเงียบอันน่าอึดอัดเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมคนทั้งสองชั่วขณะหนึ่ง
“ทำไมฉันถึงมาอยูที่นี่” คาเฟรถามเสียงแผ่ว “และทำไมต้องเป็นที่ห้องของเธอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” แป้งตอบ “บางทีมันอาจจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญก็ได้”
“เหตุบังเอิญ” น้ำเสียงที่ใช้เป็นเชิงถาม หญิงสาวจึงรีบอธิบาย
“หมายถึงการเกิดอะไรก็ตามอย่างประจวบเหมาะชนิดที่คาดไม่ถึง”
“อืม” ฟาโรห์หนุ่มทำเสียงในลำคอ “แล้วทำไมต้องมาเกิดขึ้นกับฉัน ทั้งที่เวลานี้ฉันน่าจะยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเทพโอซิริสในดินแดนแห่งความตาย”
แป้งรู้สึกจนปัญญาที่จะหาคำตอบมาอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟัง เธอทำได้แต่มองคาเฟรที่กำลังยืนกอดอกมองแม่น้ำด้านล่างและถอนหายใจ
“บางทีถ้าฉันอาจจะหาทางให้นายกลับไปยังอียิปต์ได้หากรู้อะไรมากขึ้น”
“จริงหรือ” คาเฟรหันมามองเธอทันทีและถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นขึ้น “เธออยากรู้อะไรบ้างล่ะ”
“ก็อย่างเช่นวันสุดท้ายที่นายอยู่ในเมือง เอ่อ...ฉันหมายถึงวันที่นายตายน่ะ” แป้งทำท่าลังเลใจเล็กน้อย “มันอาจจะเป็นกุญแจไขความลับถ้ารู้ว่านายตายที่ไหน ด้วยวิธีอะไร”
“ฉันจำไม่ได้” ชายหนุ่มตอบ หญิงสาวเลิกคิ้ว
“หมายความว่ายังไงที่ว่าจำไม่ได้น่ะ”
“ฉันจำภาพเมืองเมมฟิสได้ จำลายสลักของเสาในวิหารได้ทุกต้น ชื่อองครักษ์และแม่ทัพทุกคนในกองทัพรวมไปถึงข้ารับใช้ในวังบางคนแต่....” เขามองหน้าแป้ง
“ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองตายยังไง”
คำพูดของคาเฟรทำให้หญิงสาวคิดถึงสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานของเขาเมื่อหลายวันก่อนตอนที่พยายามคิดถึงสาเหตุการตายของตน สังหรณ์บางอย่างบังเกิดขึ้นภายในใจ มันทำให้แป้งยื่นมือไปแตะแขนของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“ถ้านึกไม่ออกก็อย่าฝืน” เธอมองหน้าคาเฟรและรีบดึงมือกลับเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา
“เป็นห่วงฉันหรือ”
“ฉันแค่ยังไม่อยากฟังวิธีการตายของนายต่างหาก” หญิงสาวพูดเสียงห้วน “มันคงแย่น่าดูถ้าสาเหตุการตายของนายมันแค่ลื่นในห้องน้ำหัวกระแทกพื้นหรือเดินหกล้มหน้าคว่ำสำลักโคลนตาย”
“ฉันเป็นถึงฟาโรห์ คงจะไม่ตายด้วยวิธีน่าเกลียดแบบนั้นแน่”
คาเฟรพูดเสียงกระด้างและยืนมองแป้งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงระบายลมหายใจออกมา
“ดึกมากแล้วเธอไปนอนเถอะ”
“ฉันนอนไม่หลับ” หญิงสาวพูดพลางเดินไปที่มุมกาแฟและหยิบถ้วยออกมาสองใบ “นายจะกินกาแฟไหม”
“ฉันขออันที่เป็นเศษใบไม้หอมในถุงเล็กๆดีกว่า” ฟาโรห์หนุ่มตอบ แป้งมองเขาด้วยหางตาแล้วหัวเราะ
“นั่นเขาเรียกว่าชา” เธอเปิดโถเคลือบสไตล์ยุโรบและใช้ช้อนตักชากลิ่นผลไม้ใส่ถุงสีขาวแล้วหย่อนใส่ถ้วยก่อนจะกดน้ำร้อนตามลงไป คาเฟรเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารและรับถ้วยชาที่หญิงสาวยื่นให้มาวางไว้ตรงหน้า ทั้งคู่นั่งนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแป้งจึงถามขึ้น
“นายดื่มอะไรตอนอยู่ที่อียิปต์”
“เฮนเก็ต” คาเฟรตอบ เขามองสีหน้าที่งงงันของแป้งแล้วยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่าคนที่นี่เรียกมันว่าอะไร แต่เฮนเก็ตทำจากข้าว อินทผลัมกับน้ำ มันเป็นเครื่องดื่มรสดีของชาวอียิปต์ทีเดียว”
“ฟังดูเหมือนพวกเบียร์” แป้งพึมพำ “คงเมากันทั้งวัน”
“เมา” ฟาโรห์หนุ่มทวนคำแล้วพยักหน้า “ฉันจำคำนี้ได้จากในโทรทัศน์ที่เธอให้ดู เฮนเก็ตไม่ทำให้เมา เหล้าที่นำมาจากพวกฮิตไทน์ต่างหาก”
“ถ้าอย่างนั้นนายคงดื่มเหล้าจากฮิตไทน์เป็นประจำ”
“ฉันแค่ดื่มตอนมีพิธีกรรมสำคัญเท่านั้น” คาเฟรยกถ้วยชาขึ้นดื่ม “ชานี่ยังอร่อยกว่า”
“แล้ว....” แป้งหมุนถ้วยกาแฟในมือ “เวลาว่างๆพวกนายทำอะไรกัน”
“พวกเราไม่ค่อยว่างนักหรอก” ฟาโรห์หนุ่มตอบ “ฉันต้องนำกองทัพออกไปรบกับข้าศึกที่คอยจ้องจะบุกเข้ามาตามชายแดน อยู่ในเมืองก็ต้องคอยระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกลอบฆ่า”
“ฟาโรห์อย่างนายน่ะหรือจะถูกลอบฆ่า” แป้งพูดเสียงสูงด้วยความรู้สึกแปลกใจ คาเฟร
มองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้ว
“มีเจ้าชายหลายคนที่อยากจะครองแผ่นดิน จะว่าไปฉันเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่
ฟาโรห์องค์ก่อนเลือกฉันก่อนตาย”
“แต่ฉันเคยเรียนมาว่า การจะที่ฟาโรห์จะขึ้นครองราชย์ได้จะต้องมีสายเลือดบริสุทธิ์ และต้องอภิเษกสมรสกับราชินีหรือเจ้าหญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับฟาโรห์องค์ก่อนจึงจะมีสิทธิในบัลลังก์อย่างสมบูรณ์”
“ในความเป็นจริงบางสิ่งก็ไม่ตรงตามแบบแผนที่วางไว้” คาเฟรเอนตัวพิงเก้าอี้ “อย่างเช่นตัวฉันเป็นต้น”
“ตัวของนายทำไมหรือ”แป้งถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อยคล้ายกำลังชั่งใจในสิ่งที่ตนเองจะเล่าก่อนตอบ
“อย่างที่พูดไปเมื่อตอนเย็น ฉันมีเลือดผสมของชาวมาซีโดเนียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นรูปร่างหน้าตาของฉันจึงผิดแผกแตกต่างไปจากพวกเชื้อพระวงศ์สายเลือดอียิปต์แท้”
“ฉันเคยเห็นแต่รูปสลักของพวกอียิปต์โบราณ” แป้งเคาะนิ้วขณะทำท่านึก “ถ้าไม่นับศิลปะอาร์มานาร์ก็จะเจอแต่ฟาโรห์หน้าตาดี”
“แก่หง่อมกันทั้งนั้นล่ะไม่ว่า” คาเฟรพูดด้วยน้ำเสียงประชด “ฉันเคยเห็นพ่อสั่งให้ช่างสลักหินแกะหน้าของเขาให้ดูหนุ่มเหมือนคนอายุยี่สิบทั้งที่ตอนออกคำสั่งนั่นอายุของเขาก็ร่วมเจ็ดสิบปีเข้าไปแล้ว”
“เรื่องนั้นฉันก็พอรู้” หญิงสาวแอบกลั้นหัวเราะกับท่าทางของคาเฟรขณะที่เล่าถึงฟาโรห์ผู้เป็นพ่อ “แล้วเธอต่างจากพี่น้องตรงไหนกัน”
“อย่างน้อยก็สูงกว่า” ชายหนุ่มตอบ “พี่ชายทั้งสี่สูงไม่เกินบ่าของฉันสักคน”
“นายมีพี่ชายสี่คนเชียว คงวุ่นวายน่าดู”
“วุ่นวายถึงชีวิตถ้าเผลอ” คาเฟรพูดด้วยน้ำเสียงเจือความโกรธ “พวกเขาคิดว่าฉันเป็นคนโปรดของพ่อทั้งที่เป็นเพียงลูกเชลย”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” แป้งถามเบาๆ ชายหนุ่มผู้มาจากอดีตถอนหายใจ
“แม่ของฉันเป็นเจ้าหญิงชาวมาซีโดเนียน ท่านถูกกวาดต้อนมาพร้อมกับพลเมืองหลังนครถูกกองทัพอียิปต์ตีแตก หลังถูกใช้งานเยี่ยงทาสอยู่ห้าวันพ่อของฉันจึงสั่งให้ท่านเข้าไปหา ดูเหมือนพ่อจะถูกใจกับความฉลาดของแม่จึงย้ายท่านให้เข้าไปอยู่ในวังด้านตะวันตกละยกฐานะท่านให้เทียบเท่าชายาผู้อื่น”
“ฟังดูเป็นเรื่องที่ดี” หญิงสาวเปรยขึ้นมา คาเฟรสั่นหน้าช้าๆ
“เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากต่างหาก พวกชายาชาวอียิปต์ไม่พอใจที่มีเชลยต่างชาติมาร่วมวัง แม่ของฉันถูกพวกนางดูถูกอยู่เสมอจนกระทั่งฉันเกิดขึ้นมา ภาพที่เห็นแม่ถูกพวกสายเลือดแท้เหยียดหยามทำให้ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เหนือกว่าลูกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการต่อสู้ มีครั้งหนึ่งพวกพี่ของฉันชวนเล่นเซเนตและแพ้ พวกเขาไม่ยอมรับกลับรุมทำร้ายฉัน”
“แล้วเธอทำยังไง”
“ฉันหักกระดูกแขนพี่ชายสองคน แทงตาคนหนึ่งจนบอดและตีขาอีกคนจนหัก”
แป้งกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกสยองขณะที่นึกภาพเหตุการณ์ตามที่คาเฟรกำลังเล่า เธอแสร้งทำเป็นลุกขึ้นและหยิบถ้วยของชายหนุ่มไปเติมน้ำร้อนจากนั้นจึงกลับมานั่งตามเดิม
“ยังอยากจะฟังต่ออีกหรือ” เขาถาม หญิงสาวพยักหน้า
“ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นฟาโรห์ได้ยังไง”
“ตอนแรกพ่อยกตำแหน่งให้กับพี่ชายคนโต แต่เขาถูกฆ่าตายตอนออกไปล่าสัตว์ สามคนที่เหลือจึงพยายามเข้าหาพ่อเพื่อหวังตำแหน่งแต่อย่างที่รู้ ผู้นำทัพอียิปต์ไม่ควรมีตาเพียงข้างเดียวและต้องไม่เดินโยกไปมาเพราะขาสองข้างไม่เท่ากัน ตำแหน่งฟาโรห์จึงตกไปที่พี่ชายคนที่สาม”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” แป้งซักด้วยความอยากรู้ คาเฟรยิ้มเย็นเยือก
“งูเห่าเลื้อยเข้าไปกัดเขาตายก่อนวันแต่งตั้งเพียงวันเดียว”
“อย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนทำ”
“ฉันชอบหักกระดูกคนมากกว่าฆ่า” ฟาโรห์หนุ่มพูดเสียงเรียบและมองหน้าที่ซีดเผือดของหญิงสาว “มันเป็นเรื่องธรรมดาในยุคของฉัน”
“แต่สมัยนี้เขาเรียกว่าโหด” แป้งพึมพำและรีบหุบปากเงียบเมื่อเห็นสายตาดุจากอีกฝ่าย
“ตอนนั้นในวังวุ่นวายมาก” คาเฟรเริ่มต้นเล่าต่อ “แน่นอนพวกราชวงศ์ไม่ยินยอมให้พ่อยกตำแหน่งรัชทายาทให้กับฉันซึ่งเป็นลูกนอกสมรสซึ่งมีสายเลือดอียิปต์เพียงครึ่งเดียว พวกเขาพยายามดันพี่ชายสองคนที่เหลือให้ขึ้นรับตำแหน่งแต่พ่อของฉันไม่ยอม เขาออกคำสั่งแต่งตั้งฉันให้เป็นรัชทายาทและทำพิธีสวมมงกุฎเซ็ตให้ พ่อตายสามวันหลังจากนั้น”
“แล้วเธอเข้าพิธีสยุมพรกับชายาของฟาโรห์องค์ก่อนหรือเปล่า”
“พิธีอะไรนะ” ฟาโรห์หนุ่มย้อนถาม แป้งรีบตอบ
“พิธีแต่งงานน่ะ”
“อ้อ” คาเฟรยกถ้วยชาขึ้นดื่มและตอบด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก “จะเป็นฟาโรห์โดยสมบูรณ์ก็ต้องแต่ง แต่ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับนางเลยสักนิด”
“อ้าว!” หญิงสาวเผลอตัวอุทาน “ทำไมล่ะ”
“เพราะชายาผู้นั้นเป็นน้องสาวของฉันเอง ถึงจะต่างมารดาก็เถอะ ฉันมีอะไรกับน้องของตัวเองไม่ลง”
เขาตอบพลางวางถ้วยชาลงและเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แป้งอึ้งไปเล็กน้อยเพราะแม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไอยคุปต์โบราณนั้นนิยมการแต่งงานกันในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือดทางราชวงศ์เอาไว้ แต่คำตอบของคาเฟรที่ดูเหมือนจะไม่สนใจในประเพณีดังกล่าวมากนักทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวจ้องฟาโรห์หนุ่มนิ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายหันหน้ากลับมา
“ดึกมากแล้ว เธอน่าจะกลับไปนอนได้แล้วนะ”
“ฉันยังไม่ง่วง” แป้งเถียงด้วยท่าทางดื้อดึง ฟาโรห์หนุ่มจ้องหน้าเธอเขม็ง
“แต่ฉันง่วงแล้ว” เขาลุกขึ้นและคว้าข้อมือของแป้งจากนั้นจึงดึงเธอไปที่ห้อง “ไปนอน!”
เขาผลักหญิงสาวเข้าไปด้านในและปิดบานประตูลง เสียงเอะอะโวยวายของผู้ที่อยู่ในห้องทำให้คาเฟรต้องยิ้มออกมา
“เป็นผู้หญิงที่ฤทธิ์มากจริง”มือเลื่อนไปแตะบานประตูอย่างแผ่วเบา “น่าเสียดายเหลือเกินที่พบกับเธอช้าเกินไป”
เขาระบายลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่เก้าอี้ยาวและทิ้งตัวลงไปนอน
คาเฟรลืมตามองเพดานห้องอยู่อีกครู่หนึ่งจึงปิดเปลือกตาลงและหลับสนิทในเวลาต่อมา
*/*/*/*/*/*/*
รัชทายาทนอกสมรส
“ฉันมีเลือดผสมของอียิปต์กับมาซีโดเนียน และเป็นลูกนอกสมรส”
คำพูดทิ้งท้ายของคาเฟรทำให้แป้งนอนไม่หลับ หญิงสาวพลิกตัวไปมาบนที่นอนขณะพยายามครุ่นคิด
“หมายความว่ายังไงกัน ฟาโรห์ไม่ได้เลือกจากบุตรที่มาจากสายเลือดแท้หรือ” เธอพึมพำพลางเกาศีรษะของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“ทำไมถึงพูดอะไรที่มันเข้าใจยากแบบนี้นะ” แป้งหันไปหยิบขวดน้ำที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงแต่พบว่ามันว่างเปล่า หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความขัดใจ
“รื้อของยังไม่พอ มากินน้ำฉันเสียหมดขวดเลย” เธอบ่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นก้าวออกจากห้องตรงไปยังตู้เย็น หลังจากดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยแป้งจึงปิดตู้เย็นและจะเดินกลับห้อง สายตาเหลือบไปยังเก้าอี้ยาวที่คาเฟรใช้นอนอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อไม่พบร่างสูงใหญ่ของฟาโรห์หนุ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไปไหนของเขากันน่ะ” เธอบ่นขณะกวาดสายตามองไปทั่วห้องโดยไม่ลืมที่จะมองเข้าไปในห้องน้ำและเลยไปที่ห้องหนังสือที่เขามักชอบไปนั่งดูรูปภาพอยู่เสมอแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
“หรือจะหนีออกจากห้องไปแล้ว” แป้งหันขวับไปทางประตูและระบายลมหายใจเมื่อเห็นมันยังคงปิดสนิทโดยมีสายคล้องคาดเอาไว้เหมือนเดิม
“คาเฟร” หญิงสาวเรียกเขาไม่ดังนัก แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา แป้งจึงร้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
“คาเฟร!”
“เรียกทำไม” เสียงทุ้มหนักดังมาจากประตูระเบียงห้องด้านที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แป้งหันหน้าไปมองทันที
“ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินเข้าไปหา คาเฟรชำเลืองตามองเธอก่อนจะเลื่อนกลับไปมองสายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยแลเห็นเป็นแนวยาวสีขาวอยู่เบื้องล่าง
“ดูอะไรนิดหน่อย” เขาตอบสั้นๆ แป้งชะโงกหน้ามองผ่านไหล่ของเขาออกไปแล้วขมวดคิ้ว
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูสักนิด มีแต่ตึกกับต้นไม้”
“และแม่น้ำสีเงิน” ฟาโรห์หนุ่มต่อประโยคด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ดึกป่านนี้แล้วทำไมรู้จักหลับรู้จักนอน มายืนนิ่งเป็นหุ่นให้คนอื่นเขาตกใจเล่นมันสนุกนักหรือยังไงกัน” แป้งบ่นยาวยืดแต่ต้องหยุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ตรงกันข้ามสายตาของคาเฟรกลับทอดมองไปยังสายน้ำเบื้องล่าง ชั่วขณะหนึ่งที่หญิงสาวเห็นความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวสะท้อนวูบขึ้นในดวงตาของฟาโรห์หนุ่ม
“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“แม่น้ำนี่เหมือนไนล์” คาเฟรตอบ “คดเคี้ยวงดงามและมีชีวิต”
“เสียแต่เน่าไปนิด” แป้งพูดเสียงไม่ดังนักก่อนจะหยุดอีกครั้งเมื่อคาเฟรหันมามอง
“เธอเคยจากบ้านไปที่ไหนไกลๆไหม”
“เท่าที่จำได้ดูเหมือนจะครั้งหรือสองครั้ง” หญิงสาวตอบขณะทำท่านึก “ตอนนั้นฉันยังเด็ก คุณพ่อพาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด”
“ฉันหมายถึงไปคนเดียว ในที่ที่เธอไม่รู้จักหรือคุ้นเคย” ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับไปมองแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง กิริยาเหงาหงอยของเขาทำให้แป้งเข้าใจถึงความหมายในคำถามเมื่อครู่ เธอยืนนิ่ง ความเงียบอันน่าอึดอัดเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมคนทั้งสองชั่วขณะหนึ่ง
“ทำไมฉันถึงมาอยูที่นี่” คาเฟรถามเสียงแผ่ว “และทำไมต้องเป็นที่ห้องของเธอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” แป้งตอบ “บางทีมันอาจจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญก็ได้”
“เหตุบังเอิญ” น้ำเสียงที่ใช้เป็นเชิงถาม หญิงสาวจึงรีบอธิบาย
“หมายถึงการเกิดอะไรก็ตามอย่างประจวบเหมาะชนิดที่คาดไม่ถึง”
“อืม” ฟาโรห์หนุ่มทำเสียงในลำคอ “แล้วทำไมต้องมาเกิดขึ้นกับฉัน ทั้งที่เวลานี้ฉันน่าจะยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเทพโอซิริสในดินแดนแห่งความตาย”
แป้งรู้สึกจนปัญญาที่จะหาคำตอบมาอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟัง เธอทำได้แต่มองคาเฟรที่กำลังยืนกอดอกมองแม่น้ำด้านล่างและถอนหายใจ
“บางทีถ้าฉันอาจจะหาทางให้นายกลับไปยังอียิปต์ได้หากรู้อะไรมากขึ้น”
“จริงหรือ” คาเฟรหันมามองเธอทันทีและถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นขึ้น “เธออยากรู้อะไรบ้างล่ะ”
“ก็อย่างเช่นวันสุดท้ายที่นายอยู่ในเมือง เอ่อ...ฉันหมายถึงวันที่นายตายน่ะ” แป้งทำท่าลังเลใจเล็กน้อย “มันอาจจะเป็นกุญแจไขความลับถ้ารู้ว่านายตายที่ไหน ด้วยวิธีอะไร”
“ฉันจำไม่ได้” ชายหนุ่มตอบ หญิงสาวเลิกคิ้ว
“หมายความว่ายังไงที่ว่าจำไม่ได้น่ะ”
“ฉันจำภาพเมืองเมมฟิสได้ จำลายสลักของเสาในวิหารได้ทุกต้น ชื่อองครักษ์และแม่ทัพทุกคนในกองทัพรวมไปถึงข้ารับใช้ในวังบางคนแต่....” เขามองหน้าแป้ง
“ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองตายยังไง”
คำพูดของคาเฟรทำให้หญิงสาวคิดถึงสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานของเขาเมื่อหลายวันก่อนตอนที่พยายามคิดถึงสาเหตุการตายของตน สังหรณ์บางอย่างบังเกิดขึ้นภายในใจ มันทำให้แป้งยื่นมือไปแตะแขนของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“ถ้านึกไม่ออกก็อย่าฝืน” เธอมองหน้าคาเฟรและรีบดึงมือกลับเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา
“เป็นห่วงฉันหรือ”
“ฉันแค่ยังไม่อยากฟังวิธีการตายของนายต่างหาก” หญิงสาวพูดเสียงห้วน “มันคงแย่น่าดูถ้าสาเหตุการตายของนายมันแค่ลื่นในห้องน้ำหัวกระแทกพื้นหรือเดินหกล้มหน้าคว่ำสำลักโคลนตาย”
“ฉันเป็นถึงฟาโรห์ คงจะไม่ตายด้วยวิธีน่าเกลียดแบบนั้นแน่”
คาเฟรพูดเสียงกระด้างและยืนมองแป้งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงระบายลมหายใจออกมา
“ดึกมากแล้วเธอไปนอนเถอะ”
“ฉันนอนไม่หลับ” หญิงสาวพูดพลางเดินไปที่มุมกาแฟและหยิบถ้วยออกมาสองใบ “นายจะกินกาแฟไหม”
“ฉันขออันที่เป็นเศษใบไม้หอมในถุงเล็กๆดีกว่า” ฟาโรห์หนุ่มตอบ แป้งมองเขาด้วยหางตาแล้วหัวเราะ
“นั่นเขาเรียกว่าชา” เธอเปิดโถเคลือบสไตล์ยุโรบและใช้ช้อนตักชากลิ่นผลไม้ใส่ถุงสีขาวแล้วหย่อนใส่ถ้วยก่อนจะกดน้ำร้อนตามลงไป คาเฟรเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารและรับถ้วยชาที่หญิงสาวยื่นให้มาวางไว้ตรงหน้า ทั้งคู่นั่งนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแป้งจึงถามขึ้น
“นายดื่มอะไรตอนอยู่ที่อียิปต์”
“เฮนเก็ต” คาเฟรตอบ เขามองสีหน้าที่งงงันของแป้งแล้วยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่าคนที่นี่เรียกมันว่าอะไร แต่เฮนเก็ตทำจากข้าว อินทผลัมกับน้ำ มันเป็นเครื่องดื่มรสดีของชาวอียิปต์ทีเดียว”
“ฟังดูเหมือนพวกเบียร์” แป้งพึมพำ “คงเมากันทั้งวัน”
“เมา” ฟาโรห์หนุ่มทวนคำแล้วพยักหน้า “ฉันจำคำนี้ได้จากในโทรทัศน์ที่เธอให้ดู เฮนเก็ตไม่ทำให้เมา เหล้าที่นำมาจากพวกฮิตไทน์ต่างหาก”
“ถ้าอย่างนั้นนายคงดื่มเหล้าจากฮิตไทน์เป็นประจำ”
“ฉันแค่ดื่มตอนมีพิธีกรรมสำคัญเท่านั้น” คาเฟรยกถ้วยชาขึ้นดื่ม “ชานี่ยังอร่อยกว่า”
“แล้ว....” แป้งหมุนถ้วยกาแฟในมือ “เวลาว่างๆพวกนายทำอะไรกัน”
“พวกเราไม่ค่อยว่างนักหรอก” ฟาโรห์หนุ่มตอบ “ฉันต้องนำกองทัพออกไปรบกับข้าศึกที่คอยจ้องจะบุกเข้ามาตามชายแดน อยู่ในเมืองก็ต้องคอยระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกลอบฆ่า”
“ฟาโรห์อย่างนายน่ะหรือจะถูกลอบฆ่า” แป้งพูดเสียงสูงด้วยความรู้สึกแปลกใจ คาเฟร
มองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้ว
“มีเจ้าชายหลายคนที่อยากจะครองแผ่นดิน จะว่าไปฉันเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่
ฟาโรห์องค์ก่อนเลือกฉันก่อนตาย”
“แต่ฉันเคยเรียนมาว่า การจะที่ฟาโรห์จะขึ้นครองราชย์ได้จะต้องมีสายเลือดบริสุทธิ์ และต้องอภิเษกสมรสกับราชินีหรือเจ้าหญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับฟาโรห์องค์ก่อนจึงจะมีสิทธิในบัลลังก์อย่างสมบูรณ์”
“ในความเป็นจริงบางสิ่งก็ไม่ตรงตามแบบแผนที่วางไว้” คาเฟรเอนตัวพิงเก้าอี้ “อย่างเช่นตัวฉันเป็นต้น”
“ตัวของนายทำไมหรือ”แป้งถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อยคล้ายกำลังชั่งใจในสิ่งที่ตนเองจะเล่าก่อนตอบ
“อย่างที่พูดไปเมื่อตอนเย็น ฉันมีเลือดผสมของชาวมาซีโดเนียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นรูปร่างหน้าตาของฉันจึงผิดแผกแตกต่างไปจากพวกเชื้อพระวงศ์สายเลือดอียิปต์แท้”
“ฉันเคยเห็นแต่รูปสลักของพวกอียิปต์โบราณ” แป้งเคาะนิ้วขณะทำท่านึก “ถ้าไม่นับศิลปะอาร์มานาร์ก็จะเจอแต่ฟาโรห์หน้าตาดี”
“แก่หง่อมกันทั้งนั้นล่ะไม่ว่า” คาเฟรพูดด้วยน้ำเสียงประชด “ฉันเคยเห็นพ่อสั่งให้ช่างสลักหินแกะหน้าของเขาให้ดูหนุ่มเหมือนคนอายุยี่สิบทั้งที่ตอนออกคำสั่งนั่นอายุของเขาก็ร่วมเจ็ดสิบปีเข้าไปแล้ว”
“เรื่องนั้นฉันก็พอรู้” หญิงสาวแอบกลั้นหัวเราะกับท่าทางของคาเฟรขณะที่เล่าถึงฟาโรห์ผู้เป็นพ่อ “แล้วเธอต่างจากพี่น้องตรงไหนกัน”
“อย่างน้อยก็สูงกว่า” ชายหนุ่มตอบ “พี่ชายทั้งสี่สูงไม่เกินบ่าของฉันสักคน”
“นายมีพี่ชายสี่คนเชียว คงวุ่นวายน่าดู”
“วุ่นวายถึงชีวิตถ้าเผลอ” คาเฟรพูดด้วยน้ำเสียงเจือความโกรธ “พวกเขาคิดว่าฉันเป็นคนโปรดของพ่อทั้งที่เป็นเพียงลูกเชลย”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” แป้งถามเบาๆ ชายหนุ่มผู้มาจากอดีตถอนหายใจ
“แม่ของฉันเป็นเจ้าหญิงชาวมาซีโดเนียน ท่านถูกกวาดต้อนมาพร้อมกับพลเมืองหลังนครถูกกองทัพอียิปต์ตีแตก หลังถูกใช้งานเยี่ยงทาสอยู่ห้าวันพ่อของฉันจึงสั่งให้ท่านเข้าไปหา ดูเหมือนพ่อจะถูกใจกับความฉลาดของแม่จึงย้ายท่านให้เข้าไปอยู่ในวังด้านตะวันตกละยกฐานะท่านให้เทียบเท่าชายาผู้อื่น”
“ฟังดูเป็นเรื่องที่ดี” หญิงสาวเปรยขึ้นมา คาเฟรสั่นหน้าช้าๆ
“เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากต่างหาก พวกชายาชาวอียิปต์ไม่พอใจที่มีเชลยต่างชาติมาร่วมวัง แม่ของฉันถูกพวกนางดูถูกอยู่เสมอจนกระทั่งฉันเกิดขึ้นมา ภาพที่เห็นแม่ถูกพวกสายเลือดแท้เหยียดหยามทำให้ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เหนือกว่าลูกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการต่อสู้ มีครั้งหนึ่งพวกพี่ของฉันชวนเล่นเซเนตและแพ้ พวกเขาไม่ยอมรับกลับรุมทำร้ายฉัน”
“แล้วเธอทำยังไง”
“ฉันหักกระดูกแขนพี่ชายสองคน แทงตาคนหนึ่งจนบอดและตีขาอีกคนจนหัก”
แป้งกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกสยองขณะที่นึกภาพเหตุการณ์ตามที่คาเฟรกำลังเล่า เธอแสร้งทำเป็นลุกขึ้นและหยิบถ้วยของชายหนุ่มไปเติมน้ำร้อนจากนั้นจึงกลับมานั่งตามเดิม
“ยังอยากจะฟังต่ออีกหรือ” เขาถาม หญิงสาวพยักหน้า
“ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นฟาโรห์ได้ยังไง”
“ตอนแรกพ่อยกตำแหน่งให้กับพี่ชายคนโต แต่เขาถูกฆ่าตายตอนออกไปล่าสัตว์ สามคนที่เหลือจึงพยายามเข้าหาพ่อเพื่อหวังตำแหน่งแต่อย่างที่รู้ ผู้นำทัพอียิปต์ไม่ควรมีตาเพียงข้างเดียวและต้องไม่เดินโยกไปมาเพราะขาสองข้างไม่เท่ากัน ตำแหน่งฟาโรห์จึงตกไปที่พี่ชายคนที่สาม”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” แป้งซักด้วยความอยากรู้ คาเฟรยิ้มเย็นเยือก
“งูเห่าเลื้อยเข้าไปกัดเขาตายก่อนวันแต่งตั้งเพียงวันเดียว”
“อย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนทำ”
“ฉันชอบหักกระดูกคนมากกว่าฆ่า” ฟาโรห์หนุ่มพูดเสียงเรียบและมองหน้าที่ซีดเผือดของหญิงสาว “มันเป็นเรื่องธรรมดาในยุคของฉัน”
“แต่สมัยนี้เขาเรียกว่าโหด” แป้งพึมพำและรีบหุบปากเงียบเมื่อเห็นสายตาดุจากอีกฝ่าย
“ตอนนั้นในวังวุ่นวายมาก” คาเฟรเริ่มต้นเล่าต่อ “แน่นอนพวกราชวงศ์ไม่ยินยอมให้พ่อยกตำแหน่งรัชทายาทให้กับฉันซึ่งเป็นลูกนอกสมรสซึ่งมีสายเลือดอียิปต์เพียงครึ่งเดียว พวกเขาพยายามดันพี่ชายสองคนที่เหลือให้ขึ้นรับตำแหน่งแต่พ่อของฉันไม่ยอม เขาออกคำสั่งแต่งตั้งฉันให้เป็นรัชทายาทและทำพิธีสวมมงกุฎเซ็ตให้ พ่อตายสามวันหลังจากนั้น”
“แล้วเธอเข้าพิธีสยุมพรกับชายาของฟาโรห์องค์ก่อนหรือเปล่า”
“พิธีอะไรนะ” ฟาโรห์หนุ่มย้อนถาม แป้งรีบตอบ
“พิธีแต่งงานน่ะ”
“อ้อ” คาเฟรยกถ้วยชาขึ้นดื่มและตอบด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก “จะเป็นฟาโรห์โดยสมบูรณ์ก็ต้องแต่ง แต่ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับนางเลยสักนิด”
“อ้าว!” หญิงสาวเผลอตัวอุทาน “ทำไมล่ะ”
“เพราะชายาผู้นั้นเป็นน้องสาวของฉันเอง ถึงจะต่างมารดาก็เถอะ ฉันมีอะไรกับน้องของตัวเองไม่ลง”
เขาตอบพลางวางถ้วยชาลงและเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แป้งอึ้งไปเล็กน้อยเพราะแม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไอยคุปต์โบราณนั้นนิยมการแต่งงานกันในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือดทางราชวงศ์เอาไว้ แต่คำตอบของคาเฟรที่ดูเหมือนจะไม่สนใจในประเพณีดังกล่าวมากนักทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวจ้องฟาโรห์หนุ่มนิ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายหันหน้ากลับมา
“ดึกมากแล้ว เธอน่าจะกลับไปนอนได้แล้วนะ”
“ฉันยังไม่ง่วง” แป้งเถียงด้วยท่าทางดื้อดึง ฟาโรห์หนุ่มจ้องหน้าเธอเขม็ง
“แต่ฉันง่วงแล้ว” เขาลุกขึ้นและคว้าข้อมือของแป้งจากนั้นจึงดึงเธอไปที่ห้อง “ไปนอน!”
เขาผลักหญิงสาวเข้าไปด้านในและปิดบานประตูลง เสียงเอะอะโวยวายของผู้ที่อยู่ในห้องทำให้คาเฟรต้องยิ้มออกมา
“เป็นผู้หญิงที่ฤทธิ์มากจริง”มือเลื่อนไปแตะบานประตูอย่างแผ่วเบา “น่าเสียดายเหลือเกินที่พบกับเธอช้าเกินไป”
เขาระบายลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่เก้าอี้ยาวและทิ้งตัวลงไปนอน
คาเฟรลืมตามองเพดานห้องอยู่อีกครู่หนึ่งจึงปิดเปลือกตาลงและหลับสนิทในเวลาต่อมา
*/*/*/*/*/*/*
มุนีรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2555, 08:34:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2555, 08:34:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1398
<< ความทรงจำในผืนทราย บทที่ 7 ความวุ่นวาย | บทที่ 9 คำถามกับความสงสัย >> |