ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC
ตอน: บทที่สิบหก วาบหวาน 50%
บทที่สิบหก
“ต้องขอโทษที่รบกวนนะคะ”เสียงหวานจีบปากจีบคอ
วิคตอเรียกวาดตามองความบางเบาของผู้คนที่เทียบไม่ได้กับเมื่อตอนกลางวันเอาซะเลย ทั่วทั้งล็อบบี้มีอยู่ไม่ถึงสิบคน ที่พอจะเดินไปมาได้ก็มีแต่พวกพนักงานโรงแรมที่ยังคงต้องทำงานจัดการความเรียบร้อยไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถึงแม้พวกเขาจะทำทีเป็นว่ายุ่งเหลือหลาย แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ละคนแฝงความอิดโรย เอื่อยเฉื่อย ดวงตาปรือ ใบหน้าซีดเซียว ดูก็รู้ว่าความปรารถนาในใจของผู้คนเหล่านั้นคืออยากจะกระโจนเข้าหาเตียงนุ่มๆมากกว่า
แต่นี่มันก็ตีสามแล้วนี่น่า จะง่วงก็ไม่เห็นแปลก
“มีอะไรให้ดิฉันช่วยเหรอค่ะ”รีเซปชั่นสาวยิ้มแย้มถามลูกค้าสาวสวยตรงหน้า
ทำไมเธอจะไม่รู้จัก นางแบบสาวสวยระดับโลกที่เข้ามาพักในโรงแรม วีรกรรมเมื่อตอนกลางวันเธอฟังจากคำบอกเล่าของพนักงานในช่วงเวลานั้นก็พอเดาได้ว่าคนตรงหน้าเป็นจอมเหวี่ยงสมกับคำร่ำลือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และที่เด็ดไปกว่านั้นคือ หญิงสาวตรงหน้าเป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มหล่อหน้าขรึมที่สาวๆพากันขยิบตาให้เมื่อหลายวันที่ผ่านมานี้
น่าเสียดายที่มาถูกสาวสวยที่อยู่ไกลครึ่งโลกมาคาบไปกิน
“ฉันมาขอรับคีย์การ์ดของแขกในโรงแรมที่ชื่อ ‘อัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด’ น่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทางโรงแรมมีกฎที่ว่าให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ที่มาพัก ต้องให้เจ้าห้องของมาติดต่อเองค่ะ”พนักงานตอบฉะฉาน
“เห้อ!”นางแบบสาวแสดงสีหน้ากลุ้มใจ
วิคตอเรียก่นด่าพนังงานสาวตรงหน้าในใจหลายสิบคำแต่ใบหน้าสวยก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เข้าใจความเรื่องมากอะไรนี่เลยซักนิด ถ้าเป็นปกติแล้วเธอคงอาละวาดให้พังเป็นแถบๆ แต่นี่ด่าด้าก็มีหุ้นส่วนในโรงแรมนี้ แถมข่าวเมื่อกลางวันมันก็มากพอแล้ว ดังนั้นเวลานี้เธอควรจะแสดงออกถึงความ ‘หวานชื่น’ ของคู่รักให้ชาวโลกได้เห็นจะดีกว่า
“วิคกี้ก็เข้าใจนะคะว่าคุณต้องรักษากฏเกณฑ์”เธอเปลี่ยนสรรพนามพร้อมกับเอามือแตะศีรษะเบาๆคล้ายกลุ้มใจ
“แต่จะทำยังไงได้ละคะ อัลลัยล์…อุ้ย! คู่หมั้นของวิคกี้น่ะคะ เขาลืมคีย์การ์ดไว้ในห้องวิคกี้ คือแบบว่า…เราอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยู่ที่ห้องวิคกี้มาตั้งแต่เย็นแล้ว มันจำเจจะตาย”เธอแสร้งก้มหน้าขวยเขิน
ดูท่าว่ากลับไปอังกฤษคราวนี้เธอน่าจะหยิบบทภาพยนตร์ที่วางกระจายในห้องขึ้นมาอ่านซะบ้างแล้ว อาชีพนักแสดงน่าจะไปได้สวยสำหรับเธอ ทั้งหน้าตา ท่าทาง รวมถึงอุปกรณ์ร่วมฉาก เธอจัดมาครบ!
รีเซปชั่นสาวมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขา ‘จำเจ’ เรื่องอะไรกัน เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนร่างของนางแบบสาวมันบางเสียจนมองได้ทะลุปรุโปร่งว่าเธอใส่ชุดชั้นในแบบผูกคอสีอะไร กางเกงยีนส์ขาสั้นที่โชว์เรียวขานั้นรัดพอๆกับบิกินี่ชายหาด อีกทั้งช่วงขาเรียวสวยนั่นก็ปรากฏรอยนิ้วสีแดงจางๆไว้ทั้งสองข้าง
ประเจิดประเจ้อมาก…
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าจะคีย์การ์ดห้องอะไรคะ”
วิคตอเรียอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ต้องทนกลืนเอาไว้ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเท้าสาวมองอีกฝ่ายไม่วางตา
“เวลาอยู่ด้วยกัน เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู”
เธอยิ้มพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนหาคีย์การ์ดสำรองให้ เธอรับมันมาไว้ที่มือก่อนจะเดินสะบัดออกมาโดยไม่ต้องกล่าวอะไรให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้
ไม่เสียแรงที่นั่งตบตีขาตัวเองตั้งนาน ริมฝีปากบางยิ้มชอบใจพร้อมกับมองตัวเลขห้องที่ติดอยู่บนคีย์การ์ดสีทองแผ่นนี้
ดูท่าต้องไปปลุก ‘ถึงเตียง’ แล้วล่ะ!
“พิมพ์นารา…”
เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำที่ออกจากปากของชายหนุ่มในความมืด เธอพลักร่างหนาออกสุดแรงพร้อมกับไถลตัวไปเปิดโคมไฟข้างเตียง
“อัลลัยล์!”เสียงหวานหวีดร้องเมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งกุมท้องหัวเราะอยู่
“โอ๋! ทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นด้วย”เขาดึงร่างบางมาโอบกอด
นับตั้งแต่วินาทีที่ผู้หญิงผมทองคนนั้นประกาศกร้าวว่าเป็นคู่หมั้น เขาก็ตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับมาหาหญิงสาวในอ้อมกอดนี่ซักที เดินทางมาก็ไกลแต่เมื่อมาถึงกลับเจอร่างบางนี่หลับไม่รู้เรื่องซะงั้น มันช่างน่าตีเสียจริง!
“เดินทางมาเหนื่อยๆ ไม่มียาดีให้ชื่นใจหน่อยเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยยั่วเย้า
พิมพ์นาราตัวแข็งทื่อไปซักพักเพื่อดึงสติของตนให้กลับมาได้ทั้งหมด
“คุณ…”คำถามมากมายที่เธอนั่งคิดยามเมื่อเขาไม่อยู่ พอเอาเข้าจริงๆเมื่อเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าคำถามเหล่านั้นมันก็ถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้น เธอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนจะกอดร่างหนานี่เบาๆเช่นกัน
“โกรธข้าเหรอเด็กน้อย”เขาก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมของหญิงสาว
“นิดหน่อยค่ะ”เธอตอบรับพร้อมกับซุกหน้าเข้าไปที่อกหนา
“มีของมาขอโทษด้วย รับรองเจ้าต้องหายโกรธแน่ๆ”
ไม่ทันที่จะได้ตอบรับ ร่างบางก็ลอยวืดโดยที่เธอก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ขึ้นมือทั้งสองก็ตวัดโอบลำคอของเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะชอบใจไม่หยุด
เขาวางร่างเธอลงข้างๆโต๊ะอาหารขนาดเล็ก เธอขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
มีนมเปรี้ยวอยู่สองกล่อง ในตะกร้าสานมีแอปเปิ้ลแดงลูกโตหนึ่งลูกวางเด่นท่ามกลางหมู่แอปเปิ้ลเขียวนับสิบ
“คุณต้องการจะสื่ออะไร”เธอเอ่ยถาม
คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะพร้อมกับมือหนาที่ดึงร่างเธอไปนั่งบนตักของเขาแทน
“คิดถึงเหลือเกิน”เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบที่ข้างหู
หญิงสาวหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะยกมือแตะหน้าผากชายหนุ่มเบาๆ
“คุณไม่สบายรึเปล่า!”เสียงหวานหัวเราะร่า
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ”
“คุณเป็นฝาแฝดของอัลลัยล์ใช่มั้ย”
“แค่อยากจะทำดีกับเจ้าให้มากๆเท่านั้นเอง”เขากุมมือเย็นเฉียบของเธอแนบแก้ม
เธอสบดวงตาสีดำที่สื่อความหมายบางอย่างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเป็นเขาเองที่เบือนหน้าหนีไปพร้อมกับใช้แขนแข็งแรงรัดร่างเธอแน่นกว่าเดิม
เธอเอนตัวพิงร่างหนา ลมหายใจร้อนสม่ำเสมอที่อยู่บนหัวเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้ฝันไป เมื่อเธอเอื้อมมือที่เหลืออีกข้างไปกุมมือที่โอบรัดร่าง สิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้ไม่ใช่ไอร้อนจากร่างกายเขา แต่เป็นเสียงหัวใจของตนเองที่กระหน่ำเต้นแทบทะลุออก
นี่เหรอผู้หญิง…เธอครุ่นคิดกับตนเอง
“แค่คุณไม่จับฉันโยนจากชั้นยี่สิบลงไปข้างล่างก็พอแล้ว”เธอหลับตาพริ้ม
“ตามใจข้าให้มากๆสิ”
ความเงียบงันเข้าควบคุมพื้นที่อีกครั้งก่อนจะมีเสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบงันที่ว่า
“ไม่หิวเหรอ ข้าตั้งใจซื้อมาให้เจ้าคนเดียวเลยนะ”เขาเอ่ยพร้อมกับเลื่อนนมสองกล่องเข้ามาใกล้ตัว
“ที่จริงว่าจะปลุกตอนเช้า แต่ในเมื่อตื่นมาแล้วก็กินเถอะนะ”
หญิงสาวลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่หิว”
เหมือนคำพูดของเธอจะมีผลต่อเขามาก ชายหนุ่มยื่นกล่องนมมาไว้ตรงหน้า หลอดสีขาวถูกจ่อไว้ใกล้ปากพร้อมกับเสียงคำยั้นคะยอจากคนข้างหลัง
“ไม่เอา”เธอหันหน้าหนีพร้อมกับซุกหน้าลงที่ไหล่หนาของชายหนุ่ม
“อย่าดื้อสิ”เขาเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมกับรั้งร่างบางออกจากตัว
“คุณบังคับฉันเหรอ”เธอยิ้มหวาน
“ให้ป้อนด้วยปากมั้ยละ”เสียงทุ้มเอ่ยเย้า
เพี้ย!
เธอตีอกหนาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะรับกล่องนมมาจากมือเขาแต่โดยดี สายตาคมกริบที่จ้องมาทำให้เธอต้องฝืนกลืนของเหลวลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะกลัวเขาจะทำตามที่ขู่นะสิ…
“ฉันอึดอัด เก้าอี้ก็ตั้งเยอะแยะ”เธอเอ่ยเมื่อมือหนาโอบเข้าที่เอว
“อยากโดนจับโยนลงจากชั้น 20 งั้นเหรอ”เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม
“เอ้ะ!”
“อึดอัดก็ทนหน่อย อยากให้นั่งตรงนี้ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงเมีย”
เธอใช้กล่องนมตีหน้าชายหนุ่มเบาๆก่อนจะนำไปวางไว้บนโต๊ะ เธอโน้มตัวซุกหน้าลงที่แผงอกของเขาแทบจะทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าไม่หยุด เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ขึ้นบนใบหน้าและหัวใจที่เต้นระรัว มือบางจึงแนบอกหนาเบาๆเพื่อสัมผัสอะไรบางอย่างจากตัวเขา
นอกจากความร้อนรุ่มแล้วเขาก็ใจเต้นไม่ต่างจากเธอ…
บางทีเขาอาจจะโดนผีสิง ไม่ก็อาจจะเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เขาส่งมาเผื่อแกล้งเธอโดยเฉพาะ หรือไม่ก็นี่อาจจะเป็นฝันเสมือนจริง
“คุณบ้าไปแล้วอัลลัยล์”เสียงหวานบ่นงึมงำ
“เดี๋ยวโดนตีปาก”เขาหัวเราะข้างๆหูของเธอ
“นี่…แล้วคุณต้องกลับไปจัดการงานอีกมั้ย”
แม้จะเป็นคำถามชวนสนทนาทั่วไปแต่ก็ทำให้ร่างหนาชะงัก แข็งทื่อ เย็นเฉียบไปทั้งตัว เขาสูดหายใจลึกสองสามทีเพื่อเรียกสติกลับมาให้เป็นปกติ
ไม่เป็นไร…ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วง”เขาตอบตัดบทพลางรัดตัวหญิงสาวแน่นขึ้นไปอีก
เขาพึ่งรู้ตัวไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ เขาชอบให้เธอมาอิงแอบ ออดอ้อนอยู่ข้างตัว เขาชอบที่จะกอดเธอไว้ให้เนิ่นนาน มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ยากจะอธิบาย
ของบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลรองรับเสมอไป แค่เพียงรับรู้ถึงความสุขที่อิ่มเอิบในใจ นั่นก็เป็นเหตุผลที่เกินพอแล้ว
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาครอบครัวเจ้าแล้วกันนะ ทางนั้นคงเป็นห่วงที่อยู่ๆเจ้าก็หายมาแบบนี้”
หญิงสาวผงะตัวขึ้น ดวงตาทั้งคู่ที่จ้องมองของเธอฉายแววตื่นตระหนก
“จริงเหรอ!”
นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะขอเขามากที่สุด อีกทั้งมันยังเป็นคำถามสำคัญ ‘ฉันขอติดต่อครอบครัวได้มั้ย’ ที่เธออยากจะถามเขามากที่สุดซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เลี่ยงที่จะตอบมาโดยตลอด เครื่องมือที่พอจะใช้สื่อสารกับโลกภายนอกได้ก็ถูกนำออกไปให้ห่างตัวเธอ
“ไหนๆก็ไปเอาลูกสาวเขามาแล้ว ก็น่าจะขอให้เป็นพิธีหน่อย”เสียงทุ้มหัวเราะลั่น
“ถ้าทางนั้นถามว่าอยู่ไหนก็อย่าลืมบอกเขาไปนะว่าอยู่บ้านสามี!”
มือบางระดมต่อยไปที่ชายหนุ่มหลายหมัดจนผู้ถูกกระทำร้องโอดครวญออกมาเธอจึงยอมหยุด มือบางคลายหมัดแตะไปที่ใบหน้าคมสันเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
อัลลัยล์รั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งและอีกครั้ง เขาไม่สมควรได้รับคำขอบคุณจากเธอหรอก
พรุ่งนี้ข่าวก็จะปรากฏตามสื่อต่างๆ ยะตีมก็คงไม่อาจจะกักขังหญิงสาวไว้ในห้องได้อีก ทีวีเครื่องใหญ่ที่วางอยู่ในส่วนพักผ่อนไม่อาจจะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่เปิดดู จะพาออกไปข้างนอกก็ยิ่งแล้วใหญ่ หากแต่ที่เขากลับมาก็เพราะจะนั่งอยู่กับเธอในห้อง อย่างน้อยๆก็เฝ้าไม่ให้เธอทำอะไรที่เป็นการรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก
เขากลัวเหลือเกิน…หากหญิงสาวรู้แล้วเขาจะรั้งเธอได้อย่างไร
จะให้ทุบตี จับล่ามโซ่เขาก็ทำไม่ได้
แต่จะให้ปล่อยเธอไป…เขาก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน
-----------------------------------------
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่านนนน (*o*)\\
วันนี้กี้ก็มาตอนตีสองอีกเเล้ว 555555\\
คุณ @wii รู้รึยังค่ะใครมาลักหลับ 555555 (>\\\\\<)\\
คุณ @ใบบัวน่ารัก ยิ้มอะไรเอ่ยยย (>w<)\\
คุณ @mhengjhy เหมือนกรรมตามสนองพี่เเกค่ะ ปัญหาตามมาเป็นพรวนเลย 5555\\
เเฮ่! คืนนี้ฝันหวานนะคะรีดเดอร์ทุกท่านน
รักษาสุขภาพด้วยน้าา
กี้เป็นห่วง
จุ้บ จุ้บ (=3=)\\
“ต้องขอโทษที่รบกวนนะคะ”เสียงหวานจีบปากจีบคอ
วิคตอเรียกวาดตามองความบางเบาของผู้คนที่เทียบไม่ได้กับเมื่อตอนกลางวันเอาซะเลย ทั่วทั้งล็อบบี้มีอยู่ไม่ถึงสิบคน ที่พอจะเดินไปมาได้ก็มีแต่พวกพนักงานโรงแรมที่ยังคงต้องทำงานจัดการความเรียบร้อยไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถึงแม้พวกเขาจะทำทีเป็นว่ายุ่งเหลือหลาย แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ละคนแฝงความอิดโรย เอื่อยเฉื่อย ดวงตาปรือ ใบหน้าซีดเซียว ดูก็รู้ว่าความปรารถนาในใจของผู้คนเหล่านั้นคืออยากจะกระโจนเข้าหาเตียงนุ่มๆมากกว่า
แต่นี่มันก็ตีสามแล้วนี่น่า จะง่วงก็ไม่เห็นแปลก
“มีอะไรให้ดิฉันช่วยเหรอค่ะ”รีเซปชั่นสาวยิ้มแย้มถามลูกค้าสาวสวยตรงหน้า
ทำไมเธอจะไม่รู้จัก นางแบบสาวสวยระดับโลกที่เข้ามาพักในโรงแรม วีรกรรมเมื่อตอนกลางวันเธอฟังจากคำบอกเล่าของพนักงานในช่วงเวลานั้นก็พอเดาได้ว่าคนตรงหน้าเป็นจอมเหวี่ยงสมกับคำร่ำลือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และที่เด็ดไปกว่านั้นคือ หญิงสาวตรงหน้าเป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มหล่อหน้าขรึมที่สาวๆพากันขยิบตาให้เมื่อหลายวันที่ผ่านมานี้
น่าเสียดายที่มาถูกสาวสวยที่อยู่ไกลครึ่งโลกมาคาบไปกิน
“ฉันมาขอรับคีย์การ์ดของแขกในโรงแรมที่ชื่อ ‘อัลลัยล์ ซามาล ฟาฮัด’ น่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทางโรงแรมมีกฎที่ว่าให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ที่มาพัก ต้องให้เจ้าห้องของมาติดต่อเองค่ะ”พนักงานตอบฉะฉาน
“เห้อ!”นางแบบสาวแสดงสีหน้ากลุ้มใจ
วิคตอเรียก่นด่าพนังงานสาวตรงหน้าในใจหลายสิบคำแต่ใบหน้าสวยก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เข้าใจความเรื่องมากอะไรนี่เลยซักนิด ถ้าเป็นปกติแล้วเธอคงอาละวาดให้พังเป็นแถบๆ แต่นี่ด่าด้าก็มีหุ้นส่วนในโรงแรมนี้ แถมข่าวเมื่อกลางวันมันก็มากพอแล้ว ดังนั้นเวลานี้เธอควรจะแสดงออกถึงความ ‘หวานชื่น’ ของคู่รักให้ชาวโลกได้เห็นจะดีกว่า
“วิคกี้ก็เข้าใจนะคะว่าคุณต้องรักษากฏเกณฑ์”เธอเปลี่ยนสรรพนามพร้อมกับเอามือแตะศีรษะเบาๆคล้ายกลุ้มใจ
“แต่จะทำยังไงได้ละคะ อัลลัยล์…อุ้ย! คู่หมั้นของวิคกี้น่ะคะ เขาลืมคีย์การ์ดไว้ในห้องวิคกี้ คือแบบว่า…เราอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยู่ที่ห้องวิคกี้มาตั้งแต่เย็นแล้ว มันจำเจจะตาย”เธอแสร้งก้มหน้าขวยเขิน
ดูท่าว่ากลับไปอังกฤษคราวนี้เธอน่าจะหยิบบทภาพยนตร์ที่วางกระจายในห้องขึ้นมาอ่านซะบ้างแล้ว อาชีพนักแสดงน่าจะไปได้สวยสำหรับเธอ ทั้งหน้าตา ท่าทาง รวมถึงอุปกรณ์ร่วมฉาก เธอจัดมาครบ!
รีเซปชั่นสาวมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขา ‘จำเจ’ เรื่องอะไรกัน เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนร่างของนางแบบสาวมันบางเสียจนมองได้ทะลุปรุโปร่งว่าเธอใส่ชุดชั้นในแบบผูกคอสีอะไร กางเกงยีนส์ขาสั้นที่โชว์เรียวขานั้นรัดพอๆกับบิกินี่ชายหาด อีกทั้งช่วงขาเรียวสวยนั่นก็ปรากฏรอยนิ้วสีแดงจางๆไว้ทั้งสองข้าง
ประเจิดประเจ้อมาก…
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าจะคีย์การ์ดห้องอะไรคะ”
วิคตอเรียอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ต้องทนกลืนเอาไว้ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเท้าสาวมองอีกฝ่ายไม่วางตา
“เวลาอยู่ด้วยกัน เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู”
เธอยิ้มพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนหาคีย์การ์ดสำรองให้ เธอรับมันมาไว้ที่มือก่อนจะเดินสะบัดออกมาโดยไม่ต้องกล่าวอะไรให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้
ไม่เสียแรงที่นั่งตบตีขาตัวเองตั้งนาน ริมฝีปากบางยิ้มชอบใจพร้อมกับมองตัวเลขห้องที่ติดอยู่บนคีย์การ์ดสีทองแผ่นนี้
ดูท่าต้องไปปลุก ‘ถึงเตียง’ แล้วล่ะ!
“พิมพ์นารา…”
เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำที่ออกจากปากของชายหนุ่มในความมืด เธอพลักร่างหนาออกสุดแรงพร้อมกับไถลตัวไปเปิดโคมไฟข้างเตียง
“อัลลัยล์!”เสียงหวานหวีดร้องเมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งกุมท้องหัวเราะอยู่
“โอ๋! ทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นด้วย”เขาดึงร่างบางมาโอบกอด
นับตั้งแต่วินาทีที่ผู้หญิงผมทองคนนั้นประกาศกร้าวว่าเป็นคู่หมั้น เขาก็ตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับมาหาหญิงสาวในอ้อมกอดนี่ซักที เดินทางมาก็ไกลแต่เมื่อมาถึงกลับเจอร่างบางนี่หลับไม่รู้เรื่องซะงั้น มันช่างน่าตีเสียจริง!
“เดินทางมาเหนื่อยๆ ไม่มียาดีให้ชื่นใจหน่อยเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยยั่วเย้า
พิมพ์นาราตัวแข็งทื่อไปซักพักเพื่อดึงสติของตนให้กลับมาได้ทั้งหมด
“คุณ…”คำถามมากมายที่เธอนั่งคิดยามเมื่อเขาไม่อยู่ พอเอาเข้าจริงๆเมื่อเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าคำถามเหล่านั้นมันก็ถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้น เธอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนจะกอดร่างหนานี่เบาๆเช่นกัน
“โกรธข้าเหรอเด็กน้อย”เขาก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมของหญิงสาว
“นิดหน่อยค่ะ”เธอตอบรับพร้อมกับซุกหน้าเข้าไปที่อกหนา
“มีของมาขอโทษด้วย รับรองเจ้าต้องหายโกรธแน่ๆ”
ไม่ทันที่จะได้ตอบรับ ร่างบางก็ลอยวืดโดยที่เธอก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ขึ้นมือทั้งสองก็ตวัดโอบลำคอของเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะชอบใจไม่หยุด
เขาวางร่างเธอลงข้างๆโต๊ะอาหารขนาดเล็ก เธอขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
มีนมเปรี้ยวอยู่สองกล่อง ในตะกร้าสานมีแอปเปิ้ลแดงลูกโตหนึ่งลูกวางเด่นท่ามกลางหมู่แอปเปิ้ลเขียวนับสิบ
“คุณต้องการจะสื่ออะไร”เธอเอ่ยถาม
คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะพร้อมกับมือหนาที่ดึงร่างเธอไปนั่งบนตักของเขาแทน
“คิดถึงเหลือเกิน”เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบที่ข้างหู
หญิงสาวหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะยกมือแตะหน้าผากชายหนุ่มเบาๆ
“คุณไม่สบายรึเปล่า!”เสียงหวานหัวเราะร่า
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ”
“คุณเป็นฝาแฝดของอัลลัยล์ใช่มั้ย”
“แค่อยากจะทำดีกับเจ้าให้มากๆเท่านั้นเอง”เขากุมมือเย็นเฉียบของเธอแนบแก้ม
เธอสบดวงตาสีดำที่สื่อความหมายบางอย่างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเป็นเขาเองที่เบือนหน้าหนีไปพร้อมกับใช้แขนแข็งแรงรัดร่างเธอแน่นกว่าเดิม
เธอเอนตัวพิงร่างหนา ลมหายใจร้อนสม่ำเสมอที่อยู่บนหัวเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้ฝันไป เมื่อเธอเอื้อมมือที่เหลืออีกข้างไปกุมมือที่โอบรัดร่าง สิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้ไม่ใช่ไอร้อนจากร่างกายเขา แต่เป็นเสียงหัวใจของตนเองที่กระหน่ำเต้นแทบทะลุออก
นี่เหรอผู้หญิง…เธอครุ่นคิดกับตนเอง
“แค่คุณไม่จับฉันโยนจากชั้นยี่สิบลงไปข้างล่างก็พอแล้ว”เธอหลับตาพริ้ม
“ตามใจข้าให้มากๆสิ”
ความเงียบงันเข้าควบคุมพื้นที่อีกครั้งก่อนจะมีเสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบงันที่ว่า
“ไม่หิวเหรอ ข้าตั้งใจซื้อมาให้เจ้าคนเดียวเลยนะ”เขาเอ่ยพร้อมกับเลื่อนนมสองกล่องเข้ามาใกล้ตัว
“ที่จริงว่าจะปลุกตอนเช้า แต่ในเมื่อตื่นมาแล้วก็กินเถอะนะ”
หญิงสาวลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่หิว”
เหมือนคำพูดของเธอจะมีผลต่อเขามาก ชายหนุ่มยื่นกล่องนมมาไว้ตรงหน้า หลอดสีขาวถูกจ่อไว้ใกล้ปากพร้อมกับเสียงคำยั้นคะยอจากคนข้างหลัง
“ไม่เอา”เธอหันหน้าหนีพร้อมกับซุกหน้าลงที่ไหล่หนาของชายหนุ่ม
“อย่าดื้อสิ”เขาเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมกับรั้งร่างบางออกจากตัว
“คุณบังคับฉันเหรอ”เธอยิ้มหวาน
“ให้ป้อนด้วยปากมั้ยละ”เสียงทุ้มเอ่ยเย้า
เพี้ย!
เธอตีอกหนาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะรับกล่องนมมาจากมือเขาแต่โดยดี สายตาคมกริบที่จ้องมาทำให้เธอต้องฝืนกลืนของเหลวลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะกลัวเขาจะทำตามที่ขู่นะสิ…
“ฉันอึดอัด เก้าอี้ก็ตั้งเยอะแยะ”เธอเอ่ยเมื่อมือหนาโอบเข้าที่เอว
“อยากโดนจับโยนลงจากชั้น 20 งั้นเหรอ”เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม
“เอ้ะ!”
“อึดอัดก็ทนหน่อย อยากให้นั่งตรงนี้ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงเมีย”
เธอใช้กล่องนมตีหน้าชายหนุ่มเบาๆก่อนจะนำไปวางไว้บนโต๊ะ เธอโน้มตัวซุกหน้าลงที่แผงอกของเขาแทบจะทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าไม่หยุด เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ขึ้นบนใบหน้าและหัวใจที่เต้นระรัว มือบางจึงแนบอกหนาเบาๆเพื่อสัมผัสอะไรบางอย่างจากตัวเขา
นอกจากความร้อนรุ่มแล้วเขาก็ใจเต้นไม่ต่างจากเธอ…
บางทีเขาอาจจะโดนผีสิง ไม่ก็อาจจะเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เขาส่งมาเผื่อแกล้งเธอโดยเฉพาะ หรือไม่ก็นี่อาจจะเป็นฝันเสมือนจริง
“คุณบ้าไปแล้วอัลลัยล์”เสียงหวานบ่นงึมงำ
“เดี๋ยวโดนตีปาก”เขาหัวเราะข้างๆหูของเธอ
“นี่…แล้วคุณต้องกลับไปจัดการงานอีกมั้ย”
แม้จะเป็นคำถามชวนสนทนาทั่วไปแต่ก็ทำให้ร่างหนาชะงัก แข็งทื่อ เย็นเฉียบไปทั้งตัว เขาสูดหายใจลึกสองสามทีเพื่อเรียกสติกลับมาให้เป็นปกติ
ไม่เป็นไร…ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วง”เขาตอบตัดบทพลางรัดตัวหญิงสาวแน่นขึ้นไปอีก
เขาพึ่งรู้ตัวไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ เขาชอบให้เธอมาอิงแอบ ออดอ้อนอยู่ข้างตัว เขาชอบที่จะกอดเธอไว้ให้เนิ่นนาน มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ยากจะอธิบาย
ของบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลรองรับเสมอไป แค่เพียงรับรู้ถึงความสุขที่อิ่มเอิบในใจ นั่นก็เป็นเหตุผลที่เกินพอแล้ว
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาครอบครัวเจ้าแล้วกันนะ ทางนั้นคงเป็นห่วงที่อยู่ๆเจ้าก็หายมาแบบนี้”
หญิงสาวผงะตัวขึ้น ดวงตาทั้งคู่ที่จ้องมองของเธอฉายแววตื่นตระหนก
“จริงเหรอ!”
นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะขอเขามากที่สุด อีกทั้งมันยังเป็นคำถามสำคัญ ‘ฉันขอติดต่อครอบครัวได้มั้ย’ ที่เธออยากจะถามเขามากที่สุดซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เลี่ยงที่จะตอบมาโดยตลอด เครื่องมือที่พอจะใช้สื่อสารกับโลกภายนอกได้ก็ถูกนำออกไปให้ห่างตัวเธอ
“ไหนๆก็ไปเอาลูกสาวเขามาแล้ว ก็น่าจะขอให้เป็นพิธีหน่อย”เสียงทุ้มหัวเราะลั่น
“ถ้าทางนั้นถามว่าอยู่ไหนก็อย่าลืมบอกเขาไปนะว่าอยู่บ้านสามี!”
มือบางระดมต่อยไปที่ชายหนุ่มหลายหมัดจนผู้ถูกกระทำร้องโอดครวญออกมาเธอจึงยอมหยุด มือบางคลายหมัดแตะไปที่ใบหน้าคมสันเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
อัลลัยล์รั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งและอีกครั้ง เขาไม่สมควรได้รับคำขอบคุณจากเธอหรอก
พรุ่งนี้ข่าวก็จะปรากฏตามสื่อต่างๆ ยะตีมก็คงไม่อาจจะกักขังหญิงสาวไว้ในห้องได้อีก ทีวีเครื่องใหญ่ที่วางอยู่ในส่วนพักผ่อนไม่อาจจะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่เปิดดู จะพาออกไปข้างนอกก็ยิ่งแล้วใหญ่ หากแต่ที่เขากลับมาก็เพราะจะนั่งอยู่กับเธอในห้อง อย่างน้อยๆก็เฝ้าไม่ให้เธอทำอะไรที่เป็นการรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก
เขากลัวเหลือเกิน…หากหญิงสาวรู้แล้วเขาจะรั้งเธอได้อย่างไร
จะให้ทุบตี จับล่ามโซ่เขาก็ทำไม่ได้
แต่จะให้ปล่อยเธอไป…เขาก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน
-----------------------------------------
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่านนนน (*o*)\\
วันนี้กี้ก็มาตอนตีสองอีกเเล้ว 555555\\
คุณ @wii รู้รึยังค่ะใครมาลักหลับ 555555 (>\\\\\<)\\
คุณ @ใบบัวน่ารัก ยิ้มอะไรเอ่ยยย (>w<)\\
คุณ @mhengjhy เหมือนกรรมตามสนองพี่เเกค่ะ ปัญหาตามมาเป็นพรวนเลย 5555\\
เเฮ่! คืนนี้ฝันหวานนะคะรีดเดอร์ทุกท่านน
รักษาสุขภาพด้วยน้าา
กี้เป็นห่วง
จุ้บ จุ้บ (=3=)\\

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2555, 02:18:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2555, 18:57:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 11043
<< บทที่สิบห้า ข่าว 100% | บทที่สิบหก วาบหวาน 100% >> |

wii 24 ก.ย. 2555, 08:58:17 น.
อ้าวซวยละสิ กลัวเมียหนีเเต่ไม่รู้จักจัดการขั้นเด็ดขาดกับเเม่คู่หมั้นจอมวีนจอมเหวี่ยงให้เสร็จสิ้นลงไปให้เป็นเรื่องเป็นราว ถ้านาราห์คิดจะหนีก็สมควรเเล้วล่ะ
อ้าวซวยละสิ กลัวเมียหนีเเต่ไม่รู้จักจัดการขั้นเด็ดขาดกับเเม่คู่หมั้นจอมวีนจอมเหวี่ยงให้เสร็จสิ้นลงไปให้เป็นเรื่องเป็นราว ถ้านาราห์คิดจะหนีก็สมควรเเล้วล่ะ

mhengjhy 24 ก.ย. 2555, 16:25:34 น.
โอ๊ยย ถ้าพิมพ์นารารู้เรื่องนะ สงสารรรร
โอ๊ยย ถ้าพิมพ์นารารู้เรื่องนะ สงสารรรร