มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 12 (70%)

ตอนที่ 12
พริมาเข้าพักที่โรงแรมหรูและขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ ‘ณ นิมมานรดี’ ซึ่งเจ้าของก็ คือ วิชญ์ นิมมานรดี สามีเพื่อนสนิทของเธอเอง หญิงสาวปฏิเสธที่จะไปพักที่ ‘คุ้มนิมมานรดี’ เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า และที่สำคัญ คือ เธอไม่อยากเอาเรื่องทุกข์ร้อนของตนเองไปทำลายบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขในการต้อนรับทายาทคนที่ 3 ของครอบครัวเพื่อนรัก วันนี้เธอมีนัดรับประทานอาหารกับพิชญธิดาที่ห้องอาหารของโรงแรม เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยด้วยชุดลำลองตามสมัยนิยมแล้วพริมาจึงลงไปยังจุดนัดหมาย
“ปริม ๆ ทางนี้จ้ะ” พิชญธิดาคุณแม่ลูก 3 หมาด ๆ กวักมือเรียกพริมา พิชญธิดานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ก็สามารถชื่นชมทัศนียภาพที่สวยสดงดงามของสวนน้ำตกสวยของโรงแรมแห่งนี้ได้
“ว่าไงจ๊ะคุณแม่ลูกสาม ไอ้เรานึกว่าจะแค่คุยโม้ ที่ไหนได้กล้าทิ้งลูกแดง ๆ ออกมาข้างนอกจริง ๆ ซะด้วยนะ” พริมาเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทที่เพิ่งบินตามมาสมทบเมื่อคืน
“แหม! คนเราก็ต้องพักกันบ้างสิจ๊ะ ยิ่งลูกเล็ก ๆ นี่ยิ่งเหนื่อย จะกินจะนอนยังไม่เป็นเวลาเลย นี่ขนาดครบเดือนไปแล้วนะ โชคดีที่ไม่ขี้งอแงแถมพี่วิชญ์ก็พอมีประสบการณ์จากตาวินมาแล้ว พอมาถึงคนนี้พี่วิชญ์เลยช่วยได้เยอะหน่อย ฉันเลยยังพอมีเวลาให้ยายอินกับตาวินบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวงอนกันอีก เจ้าพวกนี้น่ะไม่รู้ไปเอานิสัยขี้งอนมาจากไหนกัน” พิชญธิดาอธิบายเสียยืดยาวด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“นี่ขนาดบ่นว่าเหนื่อยนะยะ ยังมีตั้ง 3 คน ของฉันแค่ 2 คนก็แทบไม่มีเวลาเหลือแล้ว อัณณ์นะยังโชคดีที่คุณวิชญ์ช่วยเลี้ยง สมัยเจ้าสองลิงของฉันเล็ก ๆ แบบตาวันของอัณณ์นะ พี่โป๊ปน่ะ.........” พริมาหยุดกึกก่อนที่จะรีบพูดต่อในทันทีว่า
“ฉันน่ะไม่ได้ออกมาข้างนอกตั้ง 2 – 3 เดือนเชียวนะ”
“ปริม คนเราน่ะ ยิ่งรักลูกมากเท่าไรก็ต้องยิ่งดูแลตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้นนะ” พิชญธิดาหยุดพูดเมื่อเห็นสายตาฉงนของพริมา
“ฉันไม่ได้หมายถึงดูแลตัวเองให้ดูดีอย่างเดียวนะฉันหมายถึงสุขภาพโดยรวมต่างหากล่ะ คนรูปร่างดีไม่ได้แปลว่าสุขภาพดีเสมอไปนะจ๊ะ คนเป็นแม่อย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะเราจะได้อยู่กับลูกไปนาน ๆ ไงล่ะ ถ้าเราทุ่มเทให้กับลูกจนละเลยตัวเอง วันหนึ่งเราก็คงต้องล้มป่วยและจะกลายเป็นภาระของลูกเข้าไปอีก ปริมเข้าใจที่ฉันพูดนะ” พิชญธิดาถาม
“อือ เข้าใจสิ” พริมาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะกำลังทบทวนสิ่งที่เพื่อนรักพูด และแอบสงสัยว่าพิชญธิดาอาจจะล่วงรู้ปัญหาของเธอเข้าแล้ว
“ที่จริง นอกจากเราจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีและมีสุขภาพดีแล้วนะ เราต้องอย่าลืมดูแลสามีของเราด้วยนะจ๊ะ” พริมาสบตาพิชญธิดาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนรักไม่ได้แอบแฝงนัยอื่น
“อ้าว! ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ หรือปริมจะเถียงฮะ” พิชญธิดาถามเมื่อเห็นเพื่อนรักออกอาการคลางแคลงใจในตัวเธอ
“เปล่าจ้ะ ใครจะไปกล้าเถียงคุณแม่ลูกสามอย่างเธอล่ะจ๊ะ” พริมาล้อเพื่อน
“ปริมอย่าลืมนะว่าในที่สุดคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตน่ะ คือ สามีของเรานะ ไม่ใช่ลูก ๆ ที่จะมีทางเดินของเขาเอง สักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องเดินจากอกของเราไป ไปมีชีวิตที่พวกเขาต้องการ ปริมอย่าลืมนะว่าเราไม่สามารถรั้งเขาให้อยู่กับเราได้ตลอดไป” พิชญธิดาให้ข้อคิดก่อนที่จะเสริมต่อว่า
“เมื่อเขาคือคนที่เราเลือกแล้วเราก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน เพราะบั้นปลายชีวิตก็จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นนะ”
“ไม่เสมอไปหรอกมั้งอัณณ์” พริมาเถียง
“ใช่จ้ะ ไม่เสมอไป ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะอยู่ได้อย่างยืดยาวจนวาะระสุดท้ายของชีวิต บางคนอาจไปเจอคู่ชีวิตหลังเลิกจากคนแรกก็มีให้เห็นถมเถไป แต่ถ้าเลือกได้ผู้หญิงเราก็อยากจะมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวไม่ใช่เหรอจ๊ะ เรามาจากต่างพ่อต่างแม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันกว่าจะลงตัว แต่ชีวิตของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นนะ พอเรามีลูกชีวิตเราก็เปลี่ยนไปอีก เราก็ต้องปรับตัวกันอีก พอมีลูกคนที่ 2 คนที่ 3 ชีวิตก็เปลี่ยนอีกแล้ว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีการปรับตัว......ถ้าเธอไม่เห็นด้วยก็ต้องไปโทษคุณชาล์ส ดาร์วิน บิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์โน่นแหนะ” พิชญธิดาแกล้งพูดตลกเพื่อปรับบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียด ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มให้กลับมาบนใบหน้าสวยของพริมาได้อีกครั้ง
“ค่าาา คุณพิชญธิดา” พริมาตอบเพียงแค่นั้นเพราะในหัวสมองเริ่มคิดฟุ้งซ่านเพราะมีคำถามผุดขึ้นมามากมายเต็มไปหมด เธอตัดใจเก็บคำพูดเตือนสติที่เพื่อนแนะนำเอาไว้ก่อนแล้วค่อยเอาไปทบทวนอีกครั้งในยามที่อยู่คนเดียว พริมาไม่อยากให้ทำลายบรรยากาศในการนัดพบในวันนี้ เธอจึงเปลี่ยนประเด็นในการสนทนา
“เออ! แล้วนังวรปรัชญ์ละ ไหนว่าจะมาด้วยไง”
“คุณวรปรัชญ์นะเหรอ เสด็จมาถึงแล้วจ้า ท่านกำลังสรงน้ำแต่งองค์อยู่ เดี๋ยวก็คงลงมาน่ะ เมื่อคืนมันก็นอนที่นี่ ไม่ได้ไปพักที่บ้านฉันหรอก เมื่อกี้มันโทรลงมาบอกว่าให้เราสั่งอาหารกันได้เลย พอมันลงมาก็จะได้กินพอดี ไม่ต้องรอให้เสียเวลาไงล่ะ”
“โห! มันเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ เลยนะเรื่องกินนี่น่ะ เมื่อก่อนยังไงเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม” พริมาพูดพลางหัวเราะพลาง ซึ่งพิชญธิดาก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
เมื่อสั่งอาหารได้แล้วซึ่งเมนูส่วนใหญ่ก็มาจากคำแนะนำของภริยาเจ้าของโรงแรมนั่นเอง พริมาและพิชญธิดาก็นั่งคุยกันต่ออย่างออกรสชาติ ซึ่งคราวนี้เป็นหัวข้อที่สนุกสนานแตกต่างไปจากเดิมอย่าง สิ้นเชิง และเนื่องจากไม่ได้พบหน้ากันเสียหลายเดือน เพราะเมื่อพิชญธิดาและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่เป็นการถาวรเพื่อที่จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคุณลุงคุณป้าของวิชญ์ผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียง 2 ท่านซึ่งเปรียบเสมือนบุพการีของวิชญ์ การติดต่อกันในพักหลังก็เป็นเพียงทางโทรศัพท์เสียส่วนใหญ่ เมื่อมีโอกาสแบบนี้คุณแม่ทั้งสองจึง ‘เม้าท์’ กันเป็นที่สนุกสนาน เรื่องราวที่พูดคุยก็หนีไม่พ้นเรื่องชวนปวดเศียรเวียนเกล้าของบรรดาลูก ๆ ทั้งหลาย ซึ่งลูก ๆ ของทั้งสองคนก็มีวัยไล่เลี่ยกันพอดี ด.ญ. อินเลิฟลูกสาวคนโตของพิชญธิดาอายุอ่อนกว่า ด.ช. ป๊อปเพียงไม่กี่เดือน ส่วน ด.ช. วินและด.ช.ปิ๊ปก็รุ่นราวคราวเดียวกันเลย เพราะคลอดในเดือนเดียวกัน คนหนึ่งคลอดต้นเดือนอีกคนคลอดปลายเดือน ‘วีรกรรม’ ทั้งหลายของเด็ก ๆ จึงใกล้เคียงกันพอสมควร
“แหม! คุณนายโรงแรมกับคุณนายธนาคารพอเจอกันทีเม้าท์แตกซะเสียงดัง หัวเราะไม่เกรงใจพนักงานกันเลยนะยะ นี่ถ้ามีนังปั๊ปมาด้วยอีกคน ก็ครบองค์ประชุมพอดี” วรปรัชญ์ทักทายเพื่อน ๆ ตามแบบฉบับของตน
“ค่ะ ครบองค์ประชุมเพลิงแกพอดีเลยใช่ไหม ฮิๆๆ” พริมาตอกกลับในทันที
“โห! นังปริมนี่แกคงเรียนวิชาจากนังปั๊ปมาเยอะล่ะสิ พี่สะใภ้กับน้องสามีเลยมีปากคอเราะร้ายพอ ๆ กันแล้วนะยะ” วรปรัชญ์ไม่ยอมลดราวาศอกให้เช่นกัน
“ก็ฉันรู้ว่าต้องมาเจอะกับแกนี่ไงเลยต้องลับฝีปากเอาไว้ล่วงหน้า” พริมาชักสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอะเจอกันมานานเพราะต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน
“พอกันที ๆ นาน ๆ จะได้เจอกันเอาพอหอมปากหอมคอก็พอ อย่าให้เลือดตกยางออกเลยนะยะคุณปรัชญ์และคุณปริม พนักงานโรงแรมฉันตกอกตกใจกันหมดแล้ว กินข้าวกันเถอะ จานนี้ต้องทานร้อน ๆ” ภริยาเจ้าของโรงแรมอย่างพิชญธิดารีบห้ามทัพ
“ที่จริงแกจะรีบกินรีบกลับไปเลี้ยงลูกน่ะสิใช่ไหมฮะนังอัณณ์” วรปรัชญ์เปลี่ยนเป้าหมายอย่างฉับพลัน
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมฉันยะนังปรัชญ์” พิชญธิดาถามย้อน
“ไม่ทำไมหรอกยะ ฉันจะไปทำอะไรคุณนายเจ้าของโรงแรมได้ เดี๋ยวเกิดพาลไม่ให้พักฟรีขึ้นมา ฉันก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองน่ะสิ” ศึกน้ำลายของสามสหายเพื่อนสนิทต้องยุติลงเมื่ออาหารที่สั่งไว้ทยอยออกตามมาเรื่อย ๆ ทั้งสามคนรับประทานอาหารไปพลางพูดคุยกันไปพลาง ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกันอย่างสุขใจ วันเวลาจะผ่านไปขนาดไหน แต่มิตรภาพก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ใครจะกินกาแฟบ้าง” วรปรัชญ์เอ่ยถามเพื่อนร่วมวงหลังจากที่พนักงานมาเก็บโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว
“ฉันขอชาร้อนละกัน” พริมาตอบ
“ฉันไม่เอาล่ะ อิ่มจะแย่แล้ว” คุณแม่ลูกสามเอ่ยบอกเพื่อน ๆ ก่อนที่จะหันไปสบตาและพยักหน้ากับวรปรัชญ์เหมือนกับส่งสัญญาณบางอย่างให้กัน วรปรัชญ์วางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะแล้วหันหน้ามาที่พริมา แล้วจึงเอ่ยถามว่า
“แกไม่มีอะไรจะเล่าพวกฉันบ้างเหรอ”
“เรื่องอะไรยะ” พริมามองหน้าเพื่อนชายใจสาวอย่างงง ๆ
“ก็เรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ไง” วรปรัชญ์เข้าประเด็นซึ่งก็ทำให้พริมาถึงกับพูดไม่ออก
“อย่าว่าพวกฉันยุ่งเรื่องส่วนตัวของแกเลยนะปริม เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ จะแบ่งปันแค่ความสุขเท่านั้นเหรอแก พวกฉันอาจช่วยอะไรแกไม่ได้ แต่รับฟังได้เสมอนะ ที่สำคัญพวกฉันเป็นส่วนหนึ่งของตำนานความรักของแกด้วยนะจำไม่ได้เหรอที่พวกฉันน่ะรู้เห็นเป็นใจแถมยังเชียร์พี่โป๊ปกันออกหน้าออกตา จนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายตกรอบกันไปหมดน่ะ” วรปรัชญ์พยายามพูดให้เป็นเรื่องสนุกสนานเพราะบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึมครึม
“ปริม แกมีอะไรก็บอกให้พวกฉันรับรู้บ้างสิ ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องครอบครัวของแกอย่างที่นังปรัชญ์มันบอก แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ เป็นเพื่อนแกมาเป็นสิบปีแล้วนะปริม” พิชญธิดากล่าวเสริมอีกคน
“ใช่ เป็นเพื่อนแก และรู้จักแกมานานกว่าพี่โป๊ปอีกนะ” วรปรัชญ์ใส่มุก แต่นอกจากจะไม่เรียกเสียงฮาจากเพื่อนร่วมโต๊ะแล้ว ยังได้รับค้อนวงโต ๆ จากทั้งสองสาวอีกด้วย
“นังปั๊ปสินะที่บอกพวกแก” พริมาเอื้อนเอ่ยออกมาในที่สุด
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าปั๊ปไม่โทรมาเล่า แกคิดจะบอกพวกฉันไหมละ นี่นั่งคุยกันมาตั้งนานสองนานฉันไม่เห็นทีท่าว่าแกจะอ้าปากบอกอะไรเลย” วรปรัชญ์พูด
“ก็อ้าปากกินข้าวอยู่น่ะสิ” พริมาพยายามพูดให้ขำเพื่อกลบเกลื่อนอาการ ‘จี๊ด’ ที่เกิดขึ้น แผลยังใหม่ ๆ อยู่เมื่อโดนสะกิดเข้าอีก อาการบาดเจ็บเลยกำเริบ
“ค่าาา ตลกตายละ” วรปรัชญ์แซวเพื่อนสาว ก่อนที่จะทำหน้าตาจริงจังแล้วบอกว่า
“ตกลงจะเล่าพวกฉันได้หรือยัง ฮึ ปริม”
“จะให้เล่าอะไรอีก ไหนว่านังปั๊ปมันเล่าหมดแล้วไง”
“เรื่องน่ะรู้แล้วจากนังปั๊ป แต่ที่อยากรู้ คือ ความรู้สึกแกต่างหาก นังปั๊ปมันยังบอกอีกนะว่าแม้แต่กับมัน แกก็ยังไม่ยอมพูดคุยปรับทุกข์ด้วย ระบายออกมาบ้างเถอะปริม ถึงพวกฉันจะช่วยแก้ไขอะไรให้แกไม่ได้ แต่การได้ปลดปล่อยมันออกมาบ้างจะช่วยให้แกดีขึ้นนะ” วรปรัชญ์ให้ข้อคิด
“ปริม แกไม่รู้ตัวสินะว่าดวงตาแกมันไม่ได้สดชื่นสดใสเหมือนหน้าตาแกเลย เล่ามันออกมาบ้างเถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย นังปั๊ปบอกว่าแกยังไม่ได้บอกที่บ้านแกใช่ไหมเท่ากับว่าแกแบกไว้คนเดียวอยู่นะ” พิชญธิดายื่นมือมาบีบมือให้กำลังใจพริมา
“นอกเสียจาก แกจะคิดว่าพวกฉันไม่ใช่เพื่อนแก!” วรปรัชญ์รุก
พริมาถอนหายใจก่อนที่สบตาเพื่อนรักทีละคน แล้วพูดขึ้นว่า
“ที่ไม่ได้เล่าเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดในขณะนี้ ฉันมานี่เพื่อมารับขวัญหลานนะ มันเป็นเรื่องที่ดี เป็นงานมงคล ทุกคนกำลังมีความสุข จะให้ฉันเอาเรื่องของฉัน เรื่อง.....อัปมงคลมาเล่าทำไมกัน เรื่องที่ฟังแล้วไม่ได้มีความสุขอะไรขึ้นมาเลย” พริมาจบท้ายด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย
“แล้วแกคิดจะเล่าตอนไหนล่ะ ตอนมีเรื่องก็ไม่เคยโทรหา ที่สำคัญพวกฉันน่ะไม่ใช่เพื่อนตายหล่อนเหรอยะถึงจะแชร์ได้แค่แต่เรื่องสนุกสนาน เรื่องสุขใจน่ะ” วรปรัชญ์ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พอเถอะปรัชญ์ ปริมอาจจะไม่พร้อมที่จะเล่าพวกเราก็ได้ อย่าไปบีบคั้นเพื่อนนักเลย” พิชญธิดาพยายามแก้สถานการณ์
“ตามใจ! เรารึอุตส่าห์รีบบินตามมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมเมื่อไรก็เล่ามาละกัน จะวันนี้วันไหนก็จะรอ แต่ไม่ใช่มาเล่าตอนที่หย่ากันแล้วนะยะ” วรปรัชญ์ยั้งปากตัวเองไว้ไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกพิชญธิดาหยิกเข้าให้ที่แขนไปหนึ่งทีเสียแล้ว
“ปริม ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ปากฉันเป็นอย่างนี้แกก็รู้นะ ไม่ได้จะแช่งหรืออะไรแกนะ” วรปรัชญ์กล่าวขอโทษพริมา
“เออ! รู้แล้วว่าปากแกเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอก และถ้าฉันจะหย่าก็ไม่ใช่เพราะปากแกหรอก คนเราจะหย่ากันมันต้องมีเหตุผล ไม่ใช่สิ มันต้องมีสาเหตุ” พริมาหยุดพูดไปสักพัก ก่อนที่สบตาเพื่อนทั้งสอง
“อยากรู้กันนักฉันก็จะเล่าให้ฟัง ดีเหมือนกันจะได้แบ่งเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตออกไปบ้าง” พริมาพูดติดตลก แต่ไม่มีใครขำด้วย ในทางกลับกันเพื่อนรักทั้งสองต่างยื่นมือมาบีบและลูบหลังให้กำลังใจเธอ พริมาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสนิททั้งสองฟังอย่างหมดสิ้น ในขณะที่เล่านั้นบางช่วงน้ำเสียงของเธอก็สั่นเครือ บางช่วงก็นิ่งไปเหมือนจะพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมา พริมาเล่าเรื่องราวทั้งหมดรวมทั้งอารมณ์และความเจ็บปวดของเธออย่างไม่มีปิดบัง จนวรปรัชญ์ที่นั่งฟังอย่างตั้งใจถึงกับลืมดื่มกาแฟที่สั่งมา ส่วนพิชญธิดาที่เกิดอารมณ์ร่วมเพราะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นภรรยาได้เป็นอย่างดีถึงกับน้ำตาซึม
“แหม! ไอ้พี่โป๊ปนี่ทุเรศจริง พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านด้วย ถ้าฉันอยู่ด้วยล่ะก็ น่าดู” เสียงแหลมของภัทราดังขึ้นในทันทีที่พริมาเล่าเรื่องจบ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับพริมาและพิชญธิดายิ่งนัก แต่เมื่อเห็นวรปรัชญ์ค่อย ๆ ยกเอาผ้าเช็ดปากขึ้นมาจากโต๊ะด้วยรอยยิ้มแหย ๆ และเห็นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวที่โชว์รูปภัทราหราบนหน้าจอ ทั้งสองคนก็เข้าใจ
“นังปั๊ป! จะแหกปากขึ้นมาหาพระแสงทำไมยะ คนเขาตกใจกันหมดเลย รู้งี้ไม่โทรไปเสียก็ดี” วรปรัชญ์รีบโยนความผิดให้คนปลายสาย
“ช่างฉันเหอะน่า! นี่มันทั้งเรื่องของเพื่อนสนิทและเรื่องในครอบครัวฉันด้วยนะยะ พวกแกไม่ต้องว่านังปรัชญ์มันหรอกฉันสั่งมันไว้เอง อยากฟังจากปากปริมมันเอง ฟังคุณแม่เล่าแล้วแต่ไม่เคลียร์เพราะแม่มัวแต่ว่านังวิอะไรนั่นผิดอยู่คนเดียว ทีลูกชายตัวเองแล้วล่ะก็กลับบอกว่าสงสัยจะโดนเสน่ห์ยาแฝด” ภัทราอธิบายมาตามสายก่อนที่จะตั้งคำถามออกมาว่า
“ปริม แกจะหย่าจริง ๆ เหรอ”
“นั่นสิปริม คิดดีแล้วเหรอ” พิชญธิดาถามซ้ำ
“ถ้าเป็นพวกแกสองคน แกจะหย่าไหมละ” พริมาถามเพื่อนทั้งสองกลับ
“ปริม ฉันขอแนะนำแกในฐานะที่ฉันเคยเจอมรสุมชีวิตมาก่อนนะ บางเรื่องมันอาจมีมุมที่เราไม่รู้ และนึกไม่ถึงมาก่อนนะ แกต้องคุยกับพี่โป๊ปให้เคลียร์จะได้ไม่มีอะไรติดค้าง ที่สำคัญอาจมีอะไรที่แกยังไม่รู้ ไม่เข้าใจพี่เขา ถ้าได้รับรู้เผื่อว่าจะปรับความเข้าใจกันได้” พิชญธิดาให้คำแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์
“เรื่องของแกเกิดจากความเข้าใจผิด แต่เรื่องของฉันไม่ใช่นะอัณณ์” พริมาโพล่งขัดจังหวะออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“นี่พวกแกยังไม่เคลียร์อีกเหรอว่าพี่โป๊ปเขายอมรับผิดแล้ว ถึงขนาดพาผู้หญิงคนนั้นมากราบคุณพ่อคุณแม่แล้ว เรื่องของฉันมันต่างจากของแกลิบลับเลยนะอัณณ์ มันไม่ทางกลับตาลปัตรเป็นอย่างเรื่องได้หรอก มันไม่อะไรต้องคุยแล้ว เขาบอกฉันแล้วด้วยว่าเพราะฉันมัวแต่เลี้ยงลูก ไม่มีเวลาให้เขา เพราะฉันที่ทำให้เป็นแบบนี้ และถ้าต้องคุยกันอย่างที่แกว่าก็คงคุยกันเรื่องหย่านั่นแหละ” พริมาระบายความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้ออกมาอย่างสุดกลั้นพร้อม ๆ กับน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง พิชญธิดาจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วและสวมกอดเพื่อนรักเพื่อปลอบประโลมใจ
“เอาเป็นว่า พวกฉันไม่เข้าไปยุ่งอะไรกับการตัดสินใจของแกก็แล้วกันเพราะพวกฉันไม่มีสิทธิ์ แต่พวกฉันอยากให้แกคิดให้รอบคอบ คิดให้ถี่ถ้วน คิดถึงผลต่าง ๆ ที่จะตามมา ทั้งกับตัวแกเองและกับลูก ๆ ถ้าแกยังยืนยันความคิดเดิมก็ตามใจแก ชีวิตเป็นของแก แกคนเจ็บแกก็ต้องหาวิธีรักษาความเจ็บนั้นเอง พวกฉันเป็นได้แค่คนพยุง ประคองไม่ให้แกล้มลง ขอให้แกจำไว้นะว่าแกมีพวกฉันเสมอ ไม่ว่าแกจะเป็นยังไง ก็ขอให้นึกถึงพวกฉันบ้าง ครั้งนี้ฉันให้อภัยที่แกไม่ยอมเล่า เก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียวตั้งเดือนสองเดือน แต่ถ้ามีคราวหน้าแล้วล่ะก็ ฉันจะไม่นับแกเป็นเพื่อนอีกแล้ว จำเอาไว้นะ” วรปรัชญ์บอกพริมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ คำพูดซึ้ง ๆ ที่ออกมาจากใจจริงของเพื่อนยิ่งทำให้พริมาร้องไห้มากยิ่งขึ้น
“แกพูดได้ดีมากปรัชญ์ ไม่นึกเลยว่าคนอย่างแกจะพูดได้ซาบซึ้งแบบนี้” เสียงภัทราดังขึ้นมาอีกครั้ง
“อ้าว! ยังอยู่อีกเหรอนังปั๊ป นึกว่าไปเสียแล้ว”
“ไปไหนล่ะยะ นี่มันเพิ่งจะ 9 โมงเช้าเองอะ วันอาทิตย์เสียด้วย” ภัทราตกหลุมพรางของวรปรัชญ์อย่างไม่รู้ตัว
“ไปที่ชอบที่ชอบไงล่ะจ๊ะ ฮ่าๆๆ” วรปรัชญ์หัวเราะลั่น
“หน็อยแน่! นังวรปรัชญ์! รอให้ฉันกลับไปก่อนนะยะ แกโดนดีแน่” เสียงภัทราแหวกลับมาซึ่งก็ช่วยให้บรรยากาศที่กำลังหม่นหมองผ่อนคลายลงไปได้ แม้แต่คนที่ยังมีน้ำตาเต็มหน้าก็ยังหัวเราะออกมาได้ และนี่เป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนที่ผ่านมาที่เธอได้หัวเราะอย่างสนุกสนาน

************************
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ.....อ่านแล้วชื่นใจ้ ชื่นใจ จริง ๆ ค่ะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2555, 10:30:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2555, 10:30:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1868





<< ตอนที่ 11.....100% ค่ะ   ตอนที่ 12 ครบ 100% ค่ะ >>
poy 24 ก.ย. 2555, 11:06:54 น.
ดีนะที่ปริมยังพอจะได้ระบายกับเพื่อนๆๆได้บ้างไม่งั้นอึดอัดใจกันตายพอดี ไรเตอร์จ๋ามาอัพบ่อยๆๆไม่ได้เหรอค่ะ


violette 24 ก.ย. 2555, 17:48:57 น.
รอค่ะ เมื่อไหร่จะมีคนมาแบ่งเบาความคิดจาปริมซํกที ให้ดีก็เอาเป็นพระเอกใหม่ไปเลยละกัน
นี่เรายังไม่เห็นว่านายโป๊ปพยายามตรงไหนเลยซักนิด เฮ้อ

ปล.ลองอ่านเรื่องสายสวาทดูสิคะ เรื่องนั้นสะใจมากกับการตัดสินใจของนางเอก อิอิ


pumkin 25 ก.ย. 2555, 19:16:29 น.
Fanclub รายงานตัวค่ะ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account