ทะเลหวาน
หนึ่งคน... อยู่ในความทรงจำ ที่ฝังลึกอยู่ข้างในใจไม่ห่างหาย
หากอีกหนึ่งคน... มีตัวตน คอยเตือนเธอให้ลืมคนในอดีตอยู่เสมอ

การตัดสินใจอาจไม่ยากเย็น หากหัวใจเธอไม่ถูกปิดไปพร้อมกับอดีตที่ยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน
Tags: เรื่องยาว ทะเล

ตอน: ตอนที่ 7

กรกฏเหลือบมองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย ตั้งแต่หมอบอกว่าอาการของนายชิดไม่เป็นอะไรมาก นฤมลหันไปพูดกับดอกแก้วสองสามคำแล้วขอตัวกลับ หลังจากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรอีกเลยจนตอนนี้ ชายหนุ่มกะว่าจะขับรถต่อไปจนถึงบ้านแล้วจึงค่อยถาม แต่ดูเหมือนไม่ต้องรออีกเมื่อเธอขยับตัวยุกยิกแล้วหันมองด้านข้างชายหนุ่มเพราะเจ้าตัวกำลังตั้งใจขับรถให้ถึงจุดหมาย

“คุณ...” เงียบ... กรกฎเลิกคิ้วกับพวงมาลัยรถยนต์ตรงหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขายังคงขับรถเงียบๆ ปล่อยให้หญิงสาวจมอยู่กับความคิด “คุณ...” อือฮึ... อีกหนึ่ง ‘คุณ’ แต่นฤมลก็ยังไม่พูดอะไรต่อ “คุ...”

“ถ้าคราวนี้เรียกแล้วไม่พูดอะไรอีก ผมจะจอดรถรอคุณพูดแล้วนะ ผมขับรถไม่ได้คุณทำผมเสียสมาธิ”

“เวอร์ละๆ กะอีแค่ฉันเรียก ทำอย่างกับฉันกำลังทำร้ายร่างกายคุณอย่างนั้นแหละ”

“มันเหมือนกันนั่นแหละ ขับรถผมต้องใช้สมาธิใช้ความคิด พอคุณเรียกผมก็ต้องเพ่งสมาธิมาที่คุณ ประสิทธิภาพการขับรถของผมก็จะลดลงเพราะหันมาสนใจคุณแทน”

อื้อหือออออ ใครก็ได้บอกเธอทีว่าตานี่แถเก่งขนาดนี้ได้ยังไง นฤมลยอมรับว่าเธอคงผิดอยู่บ้างที่รบกวนเขาเวลาขับรถ แต่เธอก็พอรู้ว่าสมาธิในการขับรถกับการคุยกันในรถย่อมไปด้วยกันได้ ใช่ว่าเธอขับรถไม่เป็นเสียเมื่อไหร่

“ถ้ามันมีผลทำลายล้างขนาดนั้น คุณก็ขับของคุณไปเถอะฉันไม่กวนดีกว่า”

เขารู้ เธอกำลังประชด กรกฎยิ้มมุมปากกับถนนตรงหน้า ฟังเสียงขึ้นจมูกของหญิงสาวแล้วขนาดคนบ้ายังรู้ว่าเธอกำลังเหวี่ยงอะไรสักอย่าง

“จะพูดอะไรก็พูดมาสิ ผมฟังได้” ถ้าได้ยินไม่ผิด เขาได้ยินเสียงฮึขึ้นจมูกของเธอคล้ายเด็กเอาแต่ใจ แต่ก็ยอมเปิดปากพูดโดยดี

“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ดอกแก้วต้องทนอยู่กับคนที่ทำร้ายตัวเอง ถึงจะเป็นสามีและถึงจะเป็นครั้งแรกก็เถอะ แต่ความไว้ใจที่เคยมีมันไม่ได้หายไปบ้างหรือไง ทำไมยังกล้าที่จะอยู่กับผู้ชายขี้เมา ที่พอไม่มีสติก็เที่ยวอาละวาดไปทั่ว แถมขโมยเงินไปล้างไปผลาญด้วย”

คนถูกถามใช้เวลาเรียบเรียงความคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณ... เคยรู้จักคำว่าความรักไหม” คราวนี้เป็นผ่ายถามบ้างที่นิ่งไป หญิงสาวนิ่งเสียจนชายหนุ่มต้องหันมาดูว่าคนที่เขาพูดด้วยหลับไปหรือยัง

ทำไมเธอจะไม่รู้จัก เธอรู้จักมันดีจนแทบไม่อยากรู้จักเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ยังฝังอยู่ในใจเธอและไม่ยอมจากไปไหนคงเรียกอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก... ความรัก

“ถ้าคุณรู้จักความรัก คุณน่าจะเข้าใจว่าทำไมดอกแก้วถึงยังกลับมานั่งอยู่ข้างเตียงรอนายชิดฟื้น”

เขาไม่ได้ให้คำตอบกับสิ่งที่เธอถาม เพียงแต่แนะให้เธอคิดเท่านั้น บางครั้งเธออาจมองตานี่ผิดไป นฤมลบอกตัวเองแล้วหันไปยิ้มให้คนขับรถ ยิ้มอย่างที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนัก หญิงสาวมักยิ้มอย่างจริงใจไม่มีพิษมีภัยก็จริง แต่ไม่ใช่กับเขา กรกฎนับครั้งได้สำหรับรอยยิ้มจริงใจที่นฤมลเคยส่งให้... ถึงสามครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ความจริงคุณก็คุยดีๆ แบบคนอื่นเขาทำเป็นเหมือนกันเนอะ”

“ถ้าคุณไม่ยั่วโมโหผมแบบที่กำลังทำ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะคุยไม่ดีกับคุณ”

“ฉันไปยั่วโมโหคุณเมื่อไหร่ไม่ทราบ”

“ที่ถามนี่ไม่ยอมรับหรือไม่รู้ตัว”

นั่นปะไร... คำพูดที่ออกจากปากกรกฎทำเอานฤมลแทบกระโดดไปฝั่งคนขับเพื่อล็อคคอแล้วให้ถอนคำพูด แต่ก็ไม่สามารถเพราะหากทำอย่างนั้นเธอกับเขาคงได้ไปทะเลาะกันต่อที่โรงพยาบาล หรือหนักกว่านั้น... คงไม่ใช่บนสวรรค์อย่างที่อย่างที่คิดอยู่ลึกๆ

นฤมลเลือกที่จะเงียบไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ อีก เธอนั่งกอดอกมองไปข้างหน้าแทนเห็นต้นไม้ใบหญ้าริมข้างทางทำให้จิตใจที่เดือดพล่านเมื่อครู่สงบลงกลายเป็นมัวแต่ชื่นชมบรรยากาศข้างนอกไม่สนใจคนที่ทำหน้าที่ขับรถ นั่งเงียบได้เพียงครู่หนึ่งเท่านั้น โทรศัพท์ของกรกฎที่วางไว้ตรงที่วางของทั่วไปในรถก็ดังขึ้นมาอีก เธอได้ยินเขารับคำกับปลายสาย พูดอีกสองสามคำแล้วเหลือบมองเธอ ก่อนจะวางสายแล้วกลับไปตั้งใจขับรถเช่นเดิม

“มีอะไรหรือเปล่าคุณ”

“พ่อกับแม่บอกว่าวันนี้ให้หาข้าวทานกันเอง พวกท่านขึ้นไปงานเลี้ยงเลยจะนอนค้างบนฝั่งแถมเอาป้าแจ่มไปด้วย”

หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ ไม่เป็นไร... เธอไปฝากท้องไว้ที่ห้องอาหารของรีสอร์ตก็ได้ เมื่อไม่ทันได้นึกว่าคุณอรทัยกำชับอะไรไว้กับลูกชายบ้าง เธอจึงหาวิธีแก้ไขง่ายๆ เหมือนเวลาอยู่คนเดียวก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่าชายหนุ่มที่ถูกทิ้งให้อยู่ด้วยกันตอนนี้จะต้องไปกับเธอหรือเธอต้องไปกับเขาด้วย แต่เมื่อเห็นว่ารถที่เธอนั่งกำลังแล่นผ่านหน้ารีสอร์ตไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือชะลอ หญิงสาวหันขวับหาคนขับรถไม่พูดอะไร จนคนขับหันมาจ้องเธอเสียเอง

“ผมจะพาไปกินข้าว ที่มองนี่กำลังด่าผมอยู่ในใจใช่ไหมว่าทำไมไม่เลี้ยวเข้ารีสอร์ต” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง ดูว่ามีตัวหนังสือวิ่งอยู่บนนั้นหรือไม่ ทำไมเวลาเธอคิดอะไรตานี่ถึงได้รู้ไปหมด “ไม่มีตัวหนังสือขึ้นมาหรอก ผมดูหน้าคุณผมก็รู้แล้ว”

“ฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหม หน้าคุณมันแสดงอารมณ์และความคิดของคุณทั้งหมดนั่นแหละ”

บะ บ้าน่า... นฤมลยกมือจับแก้มตัวเองสองข้าง บีบเข้าหากันจนปากกลายเป็นรูปตัวโอ เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะอ่านเธอออกทั้งหมดจริงๆ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เธอทำ เธอรู้สึก เขาก็รู้หมดน่ะสิ ม่ายยยย... บีบแก้มเข้าหากันไม่พอ คราวนี้หญิงสาวส่ายหน้าซ้ายขวาราวกับกำลังสลัดความคิดออกไป ภาพนั้นทำเอากรกฏหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นฤมลมักลืมตัวทำอะไรหลุดโลกเสมอเวลาตกใจสุดขีด มันทำให้เขารู้สึกคลายเครียดได้ในบางเวลาที่เธอไม่ตั้งใจ

“คุณพอเถอะ ทำหน้าให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ผมไม่มีสมาธิขับรถ” คนทำหน้าที่ขับรถพูดกลั้วหัวเราะ มือจับพวงมาลัยแน่นแต่ตัวสั่งงกๆ เหมือนพยายามหยุดหัวเราะแต่ทำไม่ได้ จนได้ค้อนกลับมาจากคนที่ทำหน้าให้กลับสู่ภาวะปกติเรียบร้อยแล้ว

“นี่ จะหยุดหัวเราะได้หรือยัง มันตลกอะไรนักหนา”

ไม่ตลกเลย เขายอมรับว่าสิ่งที่หญิงสาวทำเมื่อครู่ไม่ทำให้เขาตลกไปมากกว่ารูปเงาะป่าที่น้องสาวเขาเคยส่งมาให้ดู รูปนั้นยังถูกเก็บไว้ในมือถือ พอเครียดเมื่อไหร่รูปนั้นก็ทำให้เขาหายเครียดได้ไม่ยาก


กรกฎเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังสถานที่คุ้นเคย ร้านอาหารที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวและดอกไม้หลากสีสันดูแล้วสบายตาและทำให้สดชื่นได้ไม่ยาก ชายหนุ่มมักพาคนรู้จักหรือเพื่อนมานั่นร้านนี้เสมอเวลาแวะมาที่เกาะ เพราะอย่างน้อยร้านนี้ก็เป็นร้านของลูกพี่ลูกน้องเขาเอง อุดหนุนกันไว้ไม่เสียหายอะไรแถมราคาอาหารไม่แพงเหมือนร้านอาหารทะเลร้านอื่นอีกด้วย ร้านอาหารเริ่มมีชื่อเมื่อได้รับการโฆษณาจากลูกค้าที่เคยมากินแบบปากต่อปาก จนมีหนังสือท่องเที่ยวมาขอถ่ายภาพและสัมภาษณ์ลงนิตยาสาร เรียกลูกค้าที่ไม่รู้จักได้อีกมากโข ทุกวันนี้พ่อครัวที่ร้านจึงทำอาหารกันมือเป็นระวิงแทบไม่มีเวลาพัก ตั้งแต่เวลาเปิดจนกระทั่งปิดร้าน

“ที่นี่หรือคุณ” นฤมลลงมายืนข้างรถพร้อมกับปิดประตู เท้ากำลังจะก้าวไปยังทิศทางที่เป็นทางเข้าร้านแต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินคำตอบอีกฝ่าย

“เปล่า ต้องเดินไปอีกสามซอย”

เชิญไปคนเดียวเถอะย่ะ!

หญิงสาวค้อนตาแทบกลับ นึกอยากหาของแข็งกระแทบเข้าไปที่หน้าของชายหนุ่ม หวังให้พูดไม่ได้ไปสักสองสามวัน

“โอเคๆ ผมล้อเล่น จอดรถร้านนี้ก็ต้องกินร้านนี้สิ” หากแต่คนได้รับคำตอบยังคงนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนราวกับรออยู่ว่าเขาจะมีมุกอะไรเพิ่มอีกไหม เธอจะได้งอนทีเดียว หญิงสาวยืนนิ่งจนกระทั่งคนพามาต้องพูดย้ำอีกครั้ง “ไปเถอะน่าคุณ ผมหิวจะแย่แล้ว ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กิน”

ไม่ว่าเปล่า คราวนี้กรกฎคว้ามือของนฤมลให้เดินตามไปด้วย ทั้งสองเดินจูงมือกันราวกับเป็นคู่รัก เหตุการณ์ต่างๆ นี้ตั้งแต่เห็นรถญาติผู้น้องขับรถเข้ามาจอดในลาดจอดรถไม่พ้นสายตาเข้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มอีกหนึ่ง เจ้าของร้านที่เป็นผู้จัดการร้านไปในตัวพุ่งถลามาทางที่กรกฎยืนอยู่ราวกับเกรงว่าหากช้ากว่านี้อีกนิดญาติผู้น้องของตนเองจะหายไปพร้อมกับสาวน้อยข้างกาย

“เสี่ยขา... สวัสดีค่ะเสี่ย”

คนกลายเป็นเสี่ยโดยไม่รู้ตัวชะงักกึกอยู่แค่ทางเข้าร้าน ไม่ยอมก้าวต่อเมื่อเห็นภาพตรงหน้าจนหญิงสาวที่มาด้วยต้องชะงักไปด้วย เธอหันไปมองต้นเสียงที่กำลังเดินมาเกาะแขนของกรกฎอีกข้างที่ว่างอยู่แล้วขมวดคิ้ว หากคราวนี้ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วย เขาพยายามสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของญาติผู้พี่แต่ไม่สำเร็จ... กัญญายังคงเกาะแน่นไม่ยอมปล่อยชนิดที่สันนิษฐานได้ว่าก่อนเกาะแขนเธอคงทากาวตราช้างเตรียมไว้แล้ว แล้วเธอยังชะโงกมาอีกฝั่งราวกับอยากเห็นหน้าหญิงสาวที่มากับน้องชายชัดๆ

“อุ๊ย มากับใครคะเสี่ย วันก่อนไม่ใช่คนนี้นี่คะ” ‘เสี่ย’ ได้แต่กรอกตามองเพดานร้าน ส่วนผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยกันทำได้เพียงยืนเป็นใบ้ ไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อเธอไม่ใช่ ‘เด็กเสี่ย’ และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่า ‘คนนี้’ ที่ผู้หญิงคนนี้พูดนั้นเธอหมายถึงใคร

“พี่กัญ ปล่อยผมก่อน ลูกค้าพี่มองกันทั้งร้านแล้ว” คนเป็นพี่ทำหน้าเมื่อย ถึงแม้จะยอมปล่อยแขนญาติผู้น้องอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ยังไม่ยอมให้ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอยู่ดี

“เดี๋ยวก่อน ซีน้องรัก ตกลงมากับใคร จะไม่แนะนำให้พี่สาวคนนี้รู้เลยเหรอ” กัญญาถามน้องชายพร้อมกับส่งสายตาประเมินไปยังคนยืนข้างน้อง เลยไปจนถึงมือที่จับกันอยู่ข้างตัว แล้วขมวดคิ้ว หรือจะเป็นแฟนนายซี...

“นี่คุณมล อาจารย์ของยัยทราย คุณมลครับ นี่พี่กัญลูกพี่ลูกน้องผม”

“เป็นอาจารย์ของยัยทราย แล้วทำไมแกต้องจับมืออาจารย์แน่นขนาดนั้น”

นฤมลมองตามสายตาของกัญญาแล้วต้องรีบสะบัดมือออกจากมือใหญ่ของกรกฎ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะจับมือเธอ ชายหนุ่มคงคิดเพียงแค่จะลากเธอเดินเข้ามาในร้าน แต่กัญญาคงไม่คิดอย่างนั้น... หญิงสาวเห็นสายตาของญาติสาวของกรกฎแล้วสามารถล่วงรู้ไปถึงความคิดได้เลยด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ ใบหน้าที่ขาวอยู่ดีๆ กลับแดงเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สบัดมือของกรกฎออกทันควันราวกับต้องของร้อน

“มลเป็นอาจารย์ของยัยทรายจริงๆ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณกัญ”

“อุ๊ย เรียกพี่กัญก็ได้ค่ะอาจารย์ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เดี๋ยวก็ต้องดองกัน อ่า... พี่หมายถึงว่าอาจารย์ของยัยทรายก็เหมือนคนกันเองแหละค่ะ อย่ามาเรียกคุณๆ เคินๆ อะไรให้เสียเวลาเลย”

เกือบไม่ทัน... กัญญาแอบถอนหายใจเบาๆ นึกไปถึงคำพูดของคุณอรทัยผู้เป็นน้าสะใภ้ของตนเองแล้วแอบพินิจมองนฤมลอีกหน

‘หนูกัญ น้าฝากว่าที่ลูกสะใภ้น้าด้วยนะลูก เย็นนี้ตาซีเขาคงพามากินข้าวที่ร้านนะจ๊ะ แต่อย่าเพิ่งไปพูดอะไรกับตาซีล่ะ มันยังไม่รู้’

จับคู่ลับๆ สินะ ด้วยฝีมือน้าสะใภ้ของเธอเอง กัญญานึกเป็นห่วงน้องชายตรงหน้าไม้น้อย ด้วยความที่โตมาด้วยกันเธอพอจะรู้อยู่บ้างว่าน้องชายคนนี้ไม่ใช่ใครจะมาบังคับอะไรได้มากอย่างลูกคนอื่น คำที่ว่ายิ่งว่าเหมือนยิ่งยุใช้ได้ดีกับกรกฎอย่างที่สุด น้องชายเธอคนนี้ แม้จะดูเหมือนไม่เถียงไม่พูดอะไรแต่เธอกลับรู้ดีว่าไอ้เงียบๆ นี่แหละมันกำลังดื้ออยู่สุดกำลัง

“ซีพาน้องมล พี่ขอเรียกอย่างนี้แล้วกันนะคะ” ท้ายประโยคเธอหันไปถามเจ้าของชื่อ แต่ไม่ได้รอให้หญิงสาวอนุญาตแต่อย่างใด เจ้าของร้านก็หันกลับมาพูดกับน้องชายเช่นเดิม “พาน้องไปนั่งที่โต๊ะก่อนไปซี จะสั่งอะไรก็เรียกพนักงานแล้วกัน พี่ขอไปดูหลังร้านแป๊บนึง”

กรกฎเดินพาหญิงสาวไปยังโต๊ะริมระเบียงที่ยื่นออกไปในทะเล แต่กลับไม่ได้สนใจคนข้างกายเลยสักนิด สิ่งที่เขาสนใจคือคำเรียกที่กัญญาเรียกนฤมลมากกว่า กัญญาใช้คำว่า ‘น้อง’ แทนตัวนฤมลเหมือนที่แม่เขาใช้อีกแล้ว เขาชักสงสัยแล้วว่าที่บ้านเขากำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่า ถึงเรียกหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักแบบนั้น

“คุณ คุณ เฮ้” รายการอาหารถูกโบกไปมาอยู่หน้ากรกฎเพื่อเรียกความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นฤมลรู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่เจอหน้ากัญญา แถมตอนนี้คนที่พาเธอมากลับนั่งนิ่งกลายเป็นหินไม่สนใจที่เธอพูดหรือเรียกเลยสักนิด หญิงสาวปัดรายการอาหารเล่มหนาอยู่อย่างนั้น จนแทบจะฟาดเอากับใบหน้าขาวๆ นั่น หากเขายังไม่ยอมรู้สึกตัว

“อะไรกันคุณ เอาเมนูมาปัดๆ อะไร ร้อนหรือไง” ร้อนอย่างนั้นหรือ ตาบ้านี่คิดได้อย่างไรว่าเธอกำลังแก้ร้อนด้วยการยกเมนูหนักๆ ขึ้นมาพัดตรงหน้าเขา ได้ยินคำพูดอย่างนี้แล้วนึกอยากจะเอาไปฟาดปากคนพูดแทนอะไรทั้งหมด

“ก็เรียกแล้วไม่รู้ตัว นี่กะจะฟาดแทนปัดไปปัดมาแล้วแหละ ถ้าคุณนิ่งไปนานอีกหน่อย”

“ดูจะห่วงผมเหลือเกินนะ”

คนเป็นห่วงทำเพียงแค่ยักไหล่ราวกับจะบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้คนมองหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ทำอะไรมากไปกว่าหยิบรายการอาหารที่วางนิ่งอยู่อีกอันขึ้นมาดู แล้วสั่งอาหารราวกับไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบอาทิตย์


ฝ่ายกัญญาเมื่อทำทีเป็นเดินมาหลังร้านแล้ว หญิงสาวก็รีบกดโทรศัพท์หาเบอร์ที่เพิ่งโทรมาสั่งงานเธอก่อนที่กรกฎจะมาถึงที่ร้าน รอสายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยส่งมาถึง

“น้าอร น้าอรกำลังทำอะไรคะ” ปลายสายที่ตอบมาทำให้เธอต้องขมวดคิ้วมุ่น นึกเป็นห่วงจิตใจน้องชายอยู่ไม่น้อย แต่การที่เห็นมันเข้าพิธีแต่งงานก็คงเป็นอีกอย่างที่เธออยากเห็นสักครั้งในชีวิต อืม... ขอเป็นครั้งเดียวก็แล้วกัน “มันจะดีเหรอคะน้าอร ถ้าซีมันรู้เข้ามันจะโกรธเอานะคะ”

คนเป็นห่วงน้องชายแอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อปลายสายฝั่งนู้นบอกอยู่แค่คำว่าไม่เป็นไรๆ ซ้ำๆ ก่อนขอตัววางสายไป เพราะเจอคนรู้จักในงานเลี้ยง พอวางสายแล้วกัญญาก็เดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้น ไม่ยอมเดินออกไปหาน้องชาย

น้องชายที่ถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เห็นมันมาตั้งแต่เกิด จึงไม่แปลกที่เธอจะเห็นกรกฎเหมือนน้องชายแท้ๆ ของเธอคนนึง

“ก็ได้ กัญยอมช่วยก็ได้ค่ะน้าอร”

กัญญาพึมพำอย่างยอมแพ้ สายตามองไปยังโต๊ะอาหารที่น้องชายและคนที่น้าสะใภ้หมายตานั่งอยู่ เริ่มขมวดคิ้วเอะใจมากขึ้นเมื่อเห็นขาของทั้งคู่ขยับไปขยับมาราวกับกำลังหลบอะไรกันอยู่ คนเป็นพี่สาวเพ่งอีกนิดถึงได้เห็น สงครามใต้โต๊ะกำลังเกิดขึ้น เมื่อผ้าปูโต๊ะจะยาวลงมาจนถึงครึ่งขาโต๊ะ แต่ก็ยังเท้าที่กำลังหลบไปมาของคนทั้งคู่ไม่มิด กรกฎทำตัวได้เป็นสุภาพบุรุษมาก ด้วยการเป็นคนเริ่มเหยียบเท้าของสุภาพสตรีที่นั่งอยู่ด้วยเบาๆ เธอเห็นนฤมลเงยหน้ามองคนนั่งตรงข้ามนิดหนึ่ง ก่อนที่เท้าที่อยู่ใต้โต๊ะจะทำการ ควานหา สิ่งที่เท้าและลำแข้งของชายหนุ่ม

เมื่อกะระยะได้แล้ว เท้าเล็กๆ นั่นก็ทำการเหวี่ยงสะเปะสะปะไป พร้อมกับตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ขานั่นเหวี่ยงถูกขาของคนเริ่มแกล้งจังๆ ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเงยหน้ามองอีกฝ่าย แต่แทนที่จะหายกัน กรกฎก็คิดจะเหวี่ยงขาอีกรอบ คราวนี้คงเปิดศึกใหญ่หากกัญญาไม่เข้าไปขัดจังหวะเสียก่อน

“อาหารอร่อยไหมคะน้องมล”

“อร่อยมากเลยค่ะพี่กัญ” นฤมลหันมาตอบด้วยรอยยิ้มจริงใจ กัญญาคิดว่าสงครามข้างล่างคงจบลงแล้ว กรกฎยังคงนิ่งไม่พูดจา เอื้อมมือไปตักต้มยำกุ้งทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจบทสนทนาของสองสาวสักนิด คงไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะหรอกนะ กัญญานึกภาวนาต่อ ขออย่าให้กลับไปทะเลาะกันอีกแล้วกัน ไม่อย่างนั้น บ้านของน้าเธอกับน้าสะใภ้คงได้ย่อยยับภายในคืนนี้นี่แหละ

“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ มื้อนี้ถล่มนายซีให้เละไปเลย”

“อ้าว มื้อนี้ฟรีไม่ใช่เหรอพี่กัญ” คนโดนบังคับให้จ่ายหน้าเหวอ นึกว่าพี่สาวแสนใจดีจะเลี้ยงเขาเหมือนที่เขาเคยพาเพื่อนกลุ่มใหญ่มาถล่มคราวก่อน

“ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ นี่โตเป็น... ” คนเป็นพี่สาวเว้นวรรคให้คนเป็นน้องให้คิดเอาเองว่าเธอกำลังเปรียบกับอะไรอยู่ “ขนาดนี้แล้วนะ งานก็มีเงินก็มี เลี้ยงน้องแค่นี้ไม่ได้หรือไง”

คนโดนด่าชุดใหญ่หันมอง ‘น้อง’ ที่ยังคงนั่งตักของกินเข้าปากอย่างไม่มีทีท่าอิ่ม ยิ่งพอรู้ว่าเขาต้องเป็นคนจ่ายเงิน หญิงสาวก็รีบเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อขอเมนูอาหารมาดูอีกครั้ง แล้วเริ่มสั่ง... เหมือนเพิ่งเดินเข้าร้านมา และหากเขาไม่รีบยื่นแขนไปดึงเมนูออกมาจากมือขาว งานนี้ไม่กระเป๋าฉีกก็คงท้องแตกกันไปข้าง กรกฎบอกพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ตรงนั้นว่าให้ไปบริการโต๊ะอื่นก่อน เขายังไม่สั่งเพิ่ม จากนั้นจึงหันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่

“กินที่วางอยู่บนโต๊ะให้หมดก่อนเถอะแล้วค่อยสั่ง ผมรู้ว่าคุณสามารถกินมันให้หมดได้ภายในไม่กี่นาที” คราวนี้เป็นฝ่ายนฤมลบ้างที่ต้องถลึงตามองคนพูด มือที่ถือช้อนส้อมอยู่เริ่มเกร็งขึ้นจนกัญญาอดทำหน้าหวาดเสียวไม่ได้ “แต่ถ้าคุณกินเหลือมันเสียดายของ คนที่เขาไม่มีโอกาสได้กินมีอีกเยอะนะคุณ เท่าที่ผมเห็นนี่คุณก็กินจนตัวจะแตกแล้วนะ ลดๆ บ้างเถอะ”

“มันจะมากไปแล้วนะ!”

คราวนี้ไม่ทนอีกต่อไป นฤมลลุกพรวดขึ้นมาทำท่าจะเอาเรื่องผู้ชายที่นั่งตรงหน้า จนกัญญาต้องรีบห้ามปรามไว้ก่อนที่น้องชายเขาจะโดนทำร้ายด้วยส้อมที่อยู่ในมือหญิงสาว... ดูท่าศพจะไม่สวยเพราะจิ้มทีเดียวได้ถึงสี่รู!

แต่คนที่กำลังจะโดนทำร้ายไม่มีความกลัวเลยสักนิด กรกฎยังคงนั่งยิ้มมุมปากอยู่ที่เดิม มองดูกัญญาที่พยายามห้ามคู่กรณีไม่ให้ถึงตัวเขา

“ใจเย็นๆ จ้ะน้องมล ใจเย็นๆ นะ ซีมันคงไม่ได้ตั้งใจหรอก อย่าไปถือสามันเลยนะจ๊ะ” คนโกรธหน้ามืดทำท่าฮึดฮัดแล้วกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างเดิม กับข้าวที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถดึงดูดเธอได้อีก หญิงสาวเหลือบมองกรกฎด้วยหางตา เห็นชายหนุ่มยังคงนั่งกินอย่างสบายอารมณ์ เธอจึงขอตัวออกไปเดินเล่น ปล่อยให้พี่น้องนั่งคุยกันแทน

มือที่กำลังจะเอื้อมไปตักทอดมันปลาหมึกของโปรดต้องชะงักค้าง เมื่อจานทอดมันถูกเลื่อนออกห่างโดยฝีมือคนเป็นพี่สาว กัญญามองหน้าน้องชายต่างสายเลือดด้วยสายตาตำหนิ นึกโกรธแทนนฤมลไม่น้อยที่น้องชายใช้คำพูดทำร้ายจิตใจเธอแบบนั้น “ทำไมถึงว่าผู้หญิงแรงขนาดนั้น” คนเป็นพี่เปิดคำถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง แต่หาได้สร้างความสำนึกผิดในใจน้องชายไม่ กรกฎวางช้อนส้อมลง เปลี่ยนท่าเป็นใช้หลังพิงพนักเก้าอี้แล้วมองคนตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าแทน

“ก็ยัยนั่นมันน่าแกล้งจะตาย” กรกฎบอกนิ่งๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งแกล้งไป เวลายัยอาจารย์นั่นโกรธมันน่ามองน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ

“น่าแกล้งก็ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถไปทำร้ายจิตใจเขาได้นะ”

คนชอบแกล้งเงียบไป ไม่ได้ตอบรับหรือแย้งกับพี่สาว แต่กัญญารู้ กรกฎกำลังคิดเหมือนตอนเด็กๆ ที่เธอคอยสอนให้ชายหนุ่มรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร

“ไม่รู้ยัยนั่นเดินหลงไปไหนหรือเปล่า ผมกลับเลยแล้วกันนะพี่กัญ ไว้วันหลังจะมาใหม่”

ว่าแล้วคนฟอร์มเยอะที่รู้สึกผิดแต่ไม่ยอมแสดงอออกมาตรงๆ ก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ ตรงไปตามทางที่นฤมลเดินออกไป จนคนมองตามนึกหมั่นไส้ สงสัยน้าสะใภ้เธอไม่ต้องช่วยลุ้นอะไรแล้วละมัง ไอ้ที่แกล้งเด็กผู้หญิงเหมือนเด็กอนุบาล แถมยังทำฟอร์มปากแข็งแบบนี้ เธอว่าเธอดูไม่ผิดแน่นอน...

น้องชายเธอเปิดรับอาจารย์สาวเข้าไปในหัวใจเรียบร้อยแล้ว

คนที่ทำหน้าตาราวกับอยากฆ่าใครสักคนที่หลงเดินผ่านมาเพื่อระบายอารมณ์ เดินออกมาจากร้านอาหารเป็นระยะทางพอสมควร นฤมลเดินเอื่อยมาจนถึงริมหาด ตลาดขายอาหารทะเลอยู่ใกล้ๆ ทำให้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน บ้างเป็นครอบครัว บ้างมากับกลุ่มเพื่อน อีกทั้งยังมีเสียงพูดคุยกันดูวุ่นวายน่าเวียนหัวทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า

เธอไม่ชอบคนพลุกพล่าน

นฤมลถอนหายใจเมื่อเห็นภาพที่อยู่ข้างหน้า เธอหมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินกลับไปทางเดิมเพื่อหลีกหนีผู้คน แต่พอหันกลับไป เธอกลับเห็นภาพของคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้ยืนมองเธออยู่ไกลๆ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“จะมืดแล้วกลับบ้านกันเถอะ”


บรรยากาศภายในรถเงียบ ไร้เสียงพูดคุยและเสียงเพลงใดๆ จนกรกฎบังคับพวงมาลัยให้รถเลี้ยวเข้าไปจอดในตัวบ้านที่ปิดไฟมืดทั้งหลังเพราะไม่มีคนอยู่ ชายหนุ่มรู้ว่านฤมลคงโกรธที่เขาพูดกับเธอแบบนั้น แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อคนอย่างเขาก็ปากหนักพอที่จะไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว หญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอดทางเปิดประตูรถลงไปทันทีเมื่อจอดสนิท เธอตั้งใจจะเดินไปรอเจ้าของบ้านเปิดประตูแล้วจะเดินเข้าห้องไปเงียบๆ แต่ทั้งหมดกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมเดินตามมาเปิดประตูบ้านเสียที แต่กลับเดินเอื่อยๆ เรื่อยๆ ราวกับต้องการชมนกชมไม้ในยามที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนมอง นี่ถ้าไม่เกรงใจอีกหน่อยเธอคงยกมือเท้าเอวทำหน้าตาหาเรื่องมากกว่านี้เหมือนที่ทำเป็นประจำเวลาโมโหเพื่อน

“ผมขอโทษ”

เสียงทุ้มที่ออกจากปากชายหนุ่มเบาแทบไม่ได้ยินจนนฤมลต้องเดินขยับเข้าไปใกล้อีกนิดจนกลายเป็นว่าเธอเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา กลางสนามหญ้าหน้าบ้าน

“ขอโทษที่พูดแบบนั้น คุณคงโกรธ”

รู้ด้วยหรือ? .... เปล่า เธอไม่ได้พูดออกไป หญิงสาวเพียงแค่ตวัดสายตามองคนที่เพิ่งมารู้สึกผิดเอาตอนที่เธอเกือบตัดสินใจไม่พูดกับเขาไปแล้ว

“อย่าโกรธเลยนะ ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ” เสียงที่ดูอ่อนลงจนฟังดูแล้วเหมือนคนตรงหน้ากำลังออดอ้อนเธออยู่ ทำเอาใจที่แข็งอยู่เมื่อครู่อ่อนยวบลงไปด้วย

แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนคนง้อต้องใช้วิธีส่งสายตาวิบวับหาเธอท่ามกลางความมืด พอรู้ตัวว่าใจของเธอชักจะแข็งต่อไปไม่ไหว ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างต่อต้านความรู้สึก เธอตัดสินใจหันหลังตั้งใจจะเดินกลับไปที่หน้าบ้านเพื่อรอเขาเดินมาเปิดอย่างที่ตั้งใจในคราวแรก ด้วยความที่ไม่ทันระวัง เท้าเล็กที่ตั้งใจจะเดินไปกลับสะดุดเข้ากับสายยางที่คนดูแลสวนวางไว้ระเกะระกะอย่างไม่เป็นระเบียบ นฤมลหลับตาปี๋นึกภาวนาขออย่าให้หน้าทิ่มลงพื้นแรงนัก หน้าที่ไม่สวยอยู่แล้วอาจจะดูแย่กว่าเดิมไปด้วย

แต่กลับไม่ ไม่มีความรู้สึกที่หน้าสัมผัสกับหญ้าบนพื้นแต่อย่างใด เสียงกรี๊ดที่อยู่ในลำคอพลอยหายไปด้วย หญิงสาวกลับรู้สึกเพียงแค่ลมหายใจที่เป่ารดหน้าอยู่และอะไรสักอย่างที่เหมือนแขนเกี่ยวเอวเธอไว้ เธอค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพอรู้อยู่แล้วว่าคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่กับเธอเมื่อครู่

ความคิดกับเรื่องจริงไม่เหมือนกัน นฤมลเบิกตากว้างขึ้นจนแทบหลุดออกจากเบ้า มือสองข้างที่ว่างอยู่ถูกยกขึ้นมาดันร่างของชายหนุ่มให้ห่างออกไปแต่กลับไม่สำเร็จ แขนแข็งแรงยังคงรัดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ใบหน้าที่ก้มลงมาจนเกือบชิดเธอทำให้รู้สึกถึงลมหายใจที่มากขึ้นกว่าเมื่อครู่ นฤมลเบือนหน้าหลับตาลงอีกครั้ง รู้สึกร้อนที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่อากาศโดยรอบไม่ได้ร้อนแต่อย่างใด แถมยังรู้สึกว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายกลับมารวมอยู่ที่แก้มเพียงที่เดียวอย่างไม่ทราบสาเหตุ นึกขอบคุณที่ตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน ท้องฟ้ามืดไร้แสงดาว ไม่อย่างนั้นเธอคงได้อายมากกว่านี้

“หายโกรธผมเถอะนะ” เสียงทุ้มที่ยังคงรักษาระดับการอ้อนไว้อย่างคงที่ไม่มีตกไปสักขีด เอ่ยพร้อมสายตาพราวระยับที่ไม่เคยได้รับจากเขา ทำเอาคนใจไม่แข็งอยู่แล้วแทบละลายลงไปกองกับพื้น ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีสติที่จะท้วงเขาให้ปล่อยเธอเป็นอิสระก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นแล้วเอาไปพูดในเชิงเสียหาย เพราะอย่างน้อยเธอก็ยังคงเป็นผู้หญิง

“ป... ปล่อยฉันก่อนสิคุณซี”

“บอกมาก่อนสิว่าหายโกรธผมแล้ว”

ข้อเสนอนี้ทำให้คนโกรธกัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิดที่รู้ว่าไม่ค่อยจะแล่นเท่าไหร่ เพราะตัวเธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของกรกฎ คำหายโกรธจึงหลุดออกไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องมีอะไรมาง้าง

“หายโกรธก็ได้ แต่คราวหน้าถ้าคุณยังพูดแบบนั้นอีก จะไม่มีครั้งต่อไปแล้วนะ” คนก่อเรื่องพยักหน้า แต่มือที่เกี่ยวเอวหญิงสาวไว้ยังไม่ยอมปล่อย “คราวนี้เดินไปเปิดประตูได้หรือยังคะ”

นฤมลเอียงคอถามเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นท่าทางที่กรกฎต้องกลั้นใจบังคับตัวเองไม่ให้ก้มหน้าลงไปล่วงเกินแก้มใสนั้น กลัวว่าจากที่เพิ่งหายโกรธ นฤมลจะยิ่งโกรธมากกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงต้องข่มใจปล่อยแขนที่เกี่ยวของหญิงสาวไว้เมื่อครู่ออก แล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน พอเห็นหนทางเข้าตัวบ้านเท่านั้นแหละ นฤมลก็รีบวิ่งฉิวเข้าไปตั้งหลักอยู่ที่บันไดทางขึ้นไปยังห้องนอนตนเอง

“ฉันเข้านอนเลยนะคุณ ฝันดี”

ว่าจบเธอก็รีบวิ่งตึงๆ ขึ้นไปยังฐานทัพ ปิดประตูห้องดังสนั่นแล้วยืนพิงประตูอยู่พักใหญ่ หญิงสาวยกมือขึ้นทาบที่อกข้างซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ... เมื่อเห็นว่าหัวใจของเธอไม่ได้เต้นช้าลงเลยแม้แต่หนึ่งจังหวะ ตั้งแต่ผละออกจากอ้อมกอดแข็งแรงนั่น การแสดงออกของกรกฎเมื่อครู่ทำเอาเธอประหลาดใจไม่น้อย ทั้งที่ชายหนุ่มไม่เคยแสดงออกเลยสักนิดว่าสนใจเธอ ซ้ำยังคอยจิกกัดเธอเป็นส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ

แต่เมื่อกี้ไม่ใช่... ผู้ชายที่เจ้าเล่ห์เมื่อครู่เป็นใครกันแน่แล้วกรกฎตัวจริงหายไปไหน คนที่เคยกวนประสาทพูดจาไม่ดีกับเธอหายไป หญิงสาวขยี้ผมตัวเองเบาๆ นึกสับสน ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถทำให้เธอหวั่นไหวแบบนี้ได้อีก กรกฎสามารถกะเทาะกำแพงของเธอออกทำให้เกิดเป็นรูเล็กๆ กำแพงที่ตั้งขึ้นสูงหลังจากรู้ว่าไม่มีหวังจากปีเตอร์ กำแพงที่เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าไม่มีใครสามารถแทนที่ปีเตอร์ได้

เกือบสิบนาทีที่นฤมลยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับออกจากประตู ภาพรอยยิ้มของปีเตอร์ยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ยิ่งเป็นภาพวันเก่าๆ ที่เคยทำกิจกรรมไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ว นฤมลยิ่งสลัดไม่ออก เธอทั้งคู่มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอจนเพื่อนในกลุ่มชินตา และเธอเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าทั้งหมดที่ทำมานั้นมันไม่ควรเลย สิ่งที่เธอเคยทำ เคยชอบเอาตัวเองไปใกล้ชิดผูกติดอยู่กับคนๆ เดียว มันได้ย้อนกลับมาและฝังอยู่ในความคิดเธอไม่ไปไหน

ปีเตอร์ยังคงอยู่ข้างๆ เธอ

“คุณ คุณ” เสียงเรียกดังพร้อมกับเสียงเคาะอีกฝั่งของประตูทำเอาคนอยู่ในภวังค์สะดุ้งเฮือก แต่พอฟังดีๆ ถึงรู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจ้าของบ้านที่เธอเพิ่งหนีมา

“มีอะไร”

“เปิดประตูก่อนสิ ผมไม่อยากยืนคุยกับประตูหรอกนะ”

กรกฎไม่ได้ยินเสียงใดๆ ตอบกลับมาแต่อึดใจหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงกริ๊กพร้อมกับประตูตรงหน้าเปิดออก กรกฎยิ้มกว้างเมื่อเห็นนฤมลปรากฎตัวออกมาด้วยท่าทางที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาสักแว๊บ

“คุณลืมกล้องไว้ที่รถ ผมเลยเอามาให้เผื่อคุณจะเช็ครูป”

“ขอบคุณ”

คนขี้ลืมเอื้อมคว้ากล้องมาไว้กับตัวแล้วรีบปิดประตูใส่หน้าเจ้าของบ้านเสียงดัง ไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ ทางด้านกรกฎเมื่อเจอแบบนี้ก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆ กับอาการของอีกฝ่าย

“ฝันดีนะ ยัยบ๊อง”

กล้องถ่ายรูปถูกหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งหลังเจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จ นิ้วขาวกดไล่ดูภาพไล่ไปทีละภาพ จากภาพที่ถ่ายล่าสุดถอยหลังไปเรื่อยๆ รูปที่ถ่ายสะเปะสะปะบนเรือที่พาไปดำน้ำเมื่อเช้าหลังจากทุกคงลงไปดำน้ำกันแล้วคงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากคนที่เอากล้องเธอมาคืนเมื่อครู่

หญิงสาวกดถัดไปอีกสักพักจนหยุดอยู่ที่รูปที่มีฉากหลังทั้งฉากเบลอไปหมดที่เดาได้คงมีเพียงสีน้ำทะเล มีส่วนที่ชัดอยู่เพียงส่วนเดียว... ใบหน้าเธอ นฤมลนิ่วหน้าเล็กน้อยแล้วเผยรอยอมยิ้มออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจางหาย นิ้วโป้งยังคงทำหน้าที่กดปุ่มเลื่อนรูปถัดไปอย่างดีเยี่ยมจนมาหยุดเอาอีกทีที่รูปเกือบสุดท้าย หญิงสาวชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นบุคคลในรูป ร่างสูงในชุดเสื้อคอปกพร้อมกางเกงขาสั้น เท้าสวมรองเท้าแตะทั่วไป ส่วนข้างหลังสะพายเป้ที่เป็นกระเป๋าโน้ตบุ๊คอยู่ ถึงแม้รูปจะเห็นเพียงข้างหลังแต่รูปนี้เธอเป็นคนถ่ายเองกับมือ มีหรือจะจำไม่ได้ ผู้ชายในรูปนี้เป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้เธอใจสั่น.. กรกฎ

================================================



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2555, 01:08:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2555, 01:08:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1510





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
Edelweiss 25 ก.ย. 2555, 05:04:11 น.
อายุกับน้ำหนัก ห้ามเลยนะ เดี๋ยวจะโดน !


mhengjhy 25 ก.ย. 2555, 09:08:43 น.
555 ปากจัดนะนายกรกฎ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account