หัวใจหลงเงา(จบแล้วค่ะ)
เมื่อสาวน้อยสุดเชยราวกับหลงมาจากยุคโบราณพบจุดเปลี่ยนจนต้องลุกขึ้นมาปรับภาพลักษณ์ใหม่หมด จากยายสุดเฉิ่มเป็นสาวน้อยสวยใสสไตล์วินเทจ

เพียงเธอเริ่มเปลี่ยนลุคใหม่ก็ไปเข้าตานักร้องหนุ่มวงบอยแบนด์แสนเจ้าชู้ ที่ตามจีบเป็นว่าเล่น เรื่องคงไม่ชุลมุนขนาดนี้เพราะแต่ละคนที่มาจีบล้วนมีเบื้องหลังไม่น่าไว้วางใจจนพี่ชายต่างสายเลือดชื่อ 'ต้นสัก' ที่แอบรักเธอมานานต้องคอยตามดูแล กันท่าสารพัด จนเธอรอดเงื้อมมือนักร้องมาได้

แต่เธอหลงรักพี่ชายคนนี้ เข้าอย่างจัง ทั้งที่ความจริงในตอนหลังเปิดเผยว่าเขาเป็นลูกพ่อเดียวกันกับเธอ!

แล้วบัวบูชาต้องทำเช่นไร ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนสุดแสนหักมุมเช่นนี้

Tags: อดีตสาวน้อยสุดเชยกับวงบอยแบนด์และพี่ชายสุดที่รัก

ตอน: ตอนที่ 5

บทที่ 5


บัวบูชากระชับหูตะกร้าให้แน่น ราวกับเกรงว่ามือไม้จะสั่นจนไข่ไก่ในตะกร้าตกได้ เมื่อเห็นแล้วว่าวันนี้ใครนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์คิดเงิน หญิงสาวละอายใจที่เจอต้นสักทีไรเธอเป็นต้องเกิดอาการใจเต้นแรงทุกครั้ง ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา แอบดีใจทุกคราวเมื่อได้เจอเขา ในขณะที่พี่ชายต่างสายเลือดดูจะเฉยชากับเธอไม่น้อย เธอก็ยังไม่รู้จักเข็ด

หลังจากสูดหายใจลึกๆ แล้วบัวบูชาก็เปิดประตูกระจกหน้าร้านเข้าไปยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ต่อหน้าเขา

“อ้าว! บัว วันนี้ทำไมมาแต่เช้า” ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ พับเก็บแล้วลุกขึ้นมาคว้าตะกร้าไข่ไปจากมือเธอ

“บัวจะต้องออกไปทำธุระที่บ้านเพื่อนด้วย ก็เลยแวะมาส่งไข่ก่อน น้าเตือนไม่อยู่เหรอคะ” บัวบูชากวาดสายตาไปทั่วร้านไม่เห็นมีใครอื่นนอกจากต้นสัก

“ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยแข็งแรง ผม... เอ่อ...พี่...ก็เลยดูแลร้านแทนเป็นส่วนใหญ่”

เสียงพูดตะกุกตะกักนั้นเกิดจากความอึดอัดที่ต้องคุยกับเธอหรือเปล่าหญิงสาวก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ หลังจากเหตุการณ์ที่คุณพ่อกับคุณหญิงแม่ของเธอเสียชีวิต ดูเหมือนต้นสักเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย เขายอมทักทายเธอบ้าง ไม่หลบหน้าหลบตาเหมือนแต่ก่อน

“น้าเตือนเป็นอะไรคะ” สีหน้าของบัวบูชาเต็มไปด้วยความห่วงใยขณะถามไถ่อย่างร้อนรน

“ไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก พาไปตรวจแล้ว เห็นว่าความดันต่ำ เวียนหัวบ่อย คุณหมอก็เลยสั่งให้พักมากขึ้น”

ต้นสักวางตะกร้าไข่ไว้บนโต๊ะติดหน้าต่างด้านข้างของร้าน บัวบูชามองเสื้อยืดคอกลมสีน้ำทะเลที่เขาสวมอยู่แล้วก็จำได้ว่าเป็นเสื้อที่คุณหญิงแม่ของเธอฝากมาให้ เป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ผ่านมา มันช่างเข้ากันดีกับกางเกงยีนสีซีดที่ชายหนุ่มสวมอยู่ ดูดีกว่าชุดทำงานที่เคยเห็นเขาใส่ประจำ ...เสื้อเชิ้ตแขนยาวผูกเนกไทกับกางเกงสแล็กส์ไม่เหมาะกับต้นสักเลยสักนิด

“แล้ว...พี่ต้นไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ ปกติวันเสาร์เห็นยังต้องทำงานด้วยนี่นา”

“พี่ลาออกแล้ว กำลังหางานใหม่ที่ไม่ต้องนั่งประจำออฟฟิซอยู่” เขาบอกสั้นๆ เหมือนไม่เต็มใจบอก ทำให้หญิงสาวเกิดความน้อยใจขึ้นมาทันที

เธอควรลืมเรื่องสมัยเด็กๆ ได้แล้ว คิดเสียว่าเธอกับต้นสักไม่เคยสนิทกันมาก่อนก็แล้วกัน ไม่อยากรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เจอกันอย่างนี้

“อ๋อ ถ้าได้งานอย่างนั้นก็อิสระดีนะคะ”

หญิงสาวเปรยเบาๆ เหมือนไม่ใส่ใจ อันที่จริงบัวบูชาอยากซักถามมากกว่านั้น อยากรู้ว่าเขาชอบทำงานประเภทไหน ยังชอบวาดรูปอยู่หรือเปล่า แล้วตอนโตนี่เขาสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับต้นสัก แต่เธอต้องเตือนตัวเองให้ไว้มาดเสียบ้าง เพราะเท่าที่ได้คุยกันยาวๆ นี่ก็รู้ว่าเขาออกจะรำคาญ ไม่ได้อยากคุยด้วยสักเท่าไหร่ ดูเงอะๆ งะๆ รักษาระยะห่างไว้ตลอดเวลา

“ถ้าน้าเตือนยังไม่หลับ บัวขอขึ้นไปเยี่ยมหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ

“ได้สิ บัวขึ้นไปเองได้เลยนะ พี่ต้องเฝ้าหน้าร้าน แววออกไปซื้อของ”

บัวบูชาแค่พยักหน้ารับแล้วเดินเร็วๆ เข้าไปหลังร้าน วันนี้เธอมีเรื่องมากมายอยากจะอวด อยากคุยให้นางเตือนใจฟัง เรื่องเด่นคงไม่พ้นการที่นมเป็ดยอมเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในบ้านเพื่อเธอ โดยเฉพาะการติดตั้งอินเทอร์เน็ต และการสัญญาว่าจะไม่ติดตามบัวบูชาไปทุกแห่งอีก นมเป็ดจะให้อิสระเธอมากขึ้น เพราะเธอเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว อยากให้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบตัวเอง อีกอย่างคุณนมมีเรื่องต้องรับผิดชอบในบ้านมากขึ้น คงไม่มีเวลามาตามเธอทุกฝีก้าวเหมือนที่ผ่านมา

ใช้เวลาคุยสารพัดเรื่องยาวเหยียดกับนางเตือนใจในห้องนอนเกือบชั่วโมง บัวบูชาก็ลากลับ รู้สึกสบายใจขึ้นที่เห็นนางยังคุยโต้ตอบได้ตามปกติ มีก็เพียงหน้าตาที่ดูซีดเซียวอยู่บ้างเท่านั้น

เมื่อลงมาถึงปลายบันไดชั้นล่าง ผลักบานประตูออกไปเห็นสภาพภายในร้านแล้วบัวบูชาก็ต้องเบิกตากว้าง ต้นสักกำลังวุ่นอยู่หน้าเคาน์เตอร์คนเดียว โดยมีลูกค้ารุมล้อมอยู่ถึงห้าคน

หญิงสาวรีบตรงเข้าไปยืนข้างๆ ช่วยเขาหยิบของที่คิดเงินแล้วใส่ถุงหิ้วแล้วส่งให้ลูกค้า เมื่อต้นสักทำแค่คิดเงิน ทอนเงิน ทุกอย่างก็ดูจะคล่องตัวขึ้น ลูกค้าไม่ต้องรอนานนัก พอลูกค้าที่มารอคิดเงินเดินออกจากร้านไปหมดแล้ว เขาก็หันมาส่งยิ้มให้

“ขอบใจนะที่มาช่วย ไม่รู้ทำไม พี่ช่วยแม่คิดเงินทีไรต้องเกิดเหตุแบบนี้ทุกที ลูกค้าเหมือนนัดกันมาซื้อในช่วงเวลาเดียวกัน พี่ทำไม่ทันน่ะ มือเป็นระวิงกันทีเดียว”

“ตอนแววอยู่ คนก็ไม่เยอะขนาดนี้นะคะ” บัวบูชาหาเรื่องคุยตอบโต้สำเร็จจนได้

“ใช่ เหมือนแกล้งเลย อ้อ แล้วนี่ชวนแม่พี่คุยไปกี่เรื่องแล้วล่ะเรา ว่ากันเป็นชั่วโมงเลยนะ”

คำพูดที่ดูเป็นกันเองขึ้นมากทำเอาบัวบูชาหวนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ในวัยเด็ก เธอตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใส

“ไม่ถึงชั่วโมงสักหน่อย แค่เกือบๆ”

“แม่พี่ดูดีขึ้นหรือยัง เมื่อเช้าตื่นใหม่ๆ ดูหน้าซีดๆ พี่ทำข้าวต้ม บังคับให้กินอยู่พักใหญ่ คงดีขึ้นบ้างละนะ”

“น้าเตือนบอกว่าสบายขึ้นมากแล้วค่ะ เวียนหัวน้อยลง นี่ยังบอกว่าจะลงมาช่วยพี่ต้นดูร้าน แต่บัวห้ามไว้ อยากให้พักมากๆ” บัวบูชาคุยไปสายตาก็มองภาพสีน้ำรูปผลไม้สีสดใสน่ารักหลายภาพที่เพิ่งมาประดับร้านใหม่ไปด้วย ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นฝีมือของต้นสักแน่ๆ ภาพสีน้ำของเขายังคงน่าประทับใจเช่นเคย

“แม่พี่ดื้อ เดี๋ยวคอยดูเถอะ พักได้อย่างมากก็วันเดียวนี่แหละ”

“บัวจะกลับละค่ะ” บัวบูชาตัดบท ขณะเดินไปยังประตูหน้าร้าน

“เดี๋ยวสิ แม่สั่งไว้ให้แบ่งผักปลอดสารที่ชาวบ้านเอามาฝากวางขายไปให้นมเป็ดหน่อย เห็นว่าคุณนมชอบกินคะน้าฮ่องกง ชาวบ้านลองปลูกดู แต่ผักไม่สวยไปหน่อยนะ ไม่ได้ฉีดยา ก็เลยใบปุๆ ปะๆ”

ต้นสักเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ที่ใช้วางตะกร้าผักสดหลากชนิดจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เขาหยิบคะน้าฮ่องกงใส่ถุงหิ้วอย่างคล่องแคล่ว ดูน่าจะมาทำอาชีพค้าขายนัก แต่เธอก็ยังไม่กล้าออกความเห็นเรื่องงานของเขาหรอก แม้กับน้าเตือนเธอก็ไม่กล้าถามหรือเสนอแนะอะไรมาก เกรงท่านจะคิดว่าเป็นการละลาบละล้วง บัวบูชาพยายามแสดงออกไปว่าเธอไม่ได้สนใจหนุ่มจอมเก๊กคนนี้เลยสักนิด เขาทำเฉยชากับเธอมาตลอดสามปีที่กลับมาพบกัน เธอจะไม่ยอมทำตัวสนิทสนมหรือสนใจเขาเป็นอันขาด...เป็นการเสียฟอร์มเป็นอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มยื่นถุงหิ้วที่มีผักอยู่เต็มมาตรงหน้า ยกมันขึ้นลงเพื่อพิสูจน์น้ำหนัก ก่อนบอก

“ไม่หนักมากหรอก หิ้วเองไหวใช่มั้ย หรือจะให้โทร. ตามลุงหวินมาช่วย”

“ไม่ต้อง ถุงเล็กๆ แค่นี้บัวหิ้วเองได้”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็น ‘คุณหนู’ ซะขนาดนี้”

“ไม่ได้คุณหนูนะ” หญิงสาวเถียงทันควันพร้อมส่งค้อนแถมไปด้วย

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ หรือถ้าใช่ก็เลิกซะ ตอนนี้บัวต้องดูแลตัวเอง ต้องเข้มแข็งขึ้น”

บัวบูชาอยากตอบเพื่อความสะใจว่า ‘ไม่ต้องมายุ่ง’ แต่เมื่อฟังน้ำเสียงอันแสนนุ่มนวลในประโยคสุดท้าย ก็พอจะให้อภัยได้ ดูเหมือนมีแววห่วงใยในนั้น

“บัวกลับละ” หญิงสาวคว้าถุงหิ้วใส่ผักมาจากมือต้นสัก แต่แล้วเขาก็ดึงมันกลับไป

“โน่น แววมาถึงร้านพอดี เดี๋ยวพี่จะหิ้วไปส่งให้ที่รถก็แล้วกัน” เขาบุ้ยใบ้ออกไปนอกร้าน เด็กสาวร่างผอม ผิวคล้ำกำลังเดินตรงมา

“ไม่ต้อง บัวหิ้วได้” บัวบูชายื้อยุดถุงหิ้วกลับมา แต่สู้แรงมือแข็งแกร่งไม่ไหว

“อย่าดื้อได้มั้ย”

คนถูกดุกำลังจะอ้าปากเถียงต่อ ก็ได้ยินเสียงของแววแทรกขึ้นมาเสียก่อน จำต้องปล่อยมือจากถุงหิ้วแล้วยิ้มกลบเกลื่อน

“อุ๊ย! คุณบัว วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ ไข่ไก่ใกล้หมดพอดี กลายเป็นสินค้ายอดฮิตไปแล้วค่ะ เพราะคุณต้นทำป้ายโฆษณาแปะไว้ให้ ลูกค้าเลยสนใจมากขึ้น” เด็กสาวผิวเข้มเผยยิ้มกว้าง คุยจ้อโดยไม่รู้อารมณ์ของเจ้านาย

“จ้ะ แวว ขอบใจมากนะ ที่ช่วยเชียร์ ช่วยขาย พี่กำลังจะกลับพอดี ไปก่อนนะ ลุงหวินรอนานแล้ว”

“ค่ะคุณบัว แววไปจัดของต่อก่อนนะคะ อ้อ คุณต้นคะ น้ำเต้าหู้ที่ฝากซื้อให้น้าเตือนหนูจะใส่แก้วแล้วเอาขึ้นไปให้เลยดีมั้ยคะ กำลังร้อนๆ”

“รอแป๊บนึง ฉันไปส่งคุณบัวเสร็จแล้วแววค่อยขึ้นไป ช่วงนี้ลูกค้าเข้าร้านตลอด ขายดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว คิดเงินแทบไม่ทัน”

“คุณต้นน่ะ ตัวดูดลูกค้าของจริงเชียวละ ไม่แพ้นางกวักนะคะเนี่ย อยู่ร้านทีไร ลูกค้าตรึม ออกจากงานแล้วแบบนี้น่าจะเปลี่ยนอาชีพมาขายของเสียเลย”

เด็กสาวหัวเราะเสียงใสก่อนจะผละจากไป บัวบูชาผลักประตูเดินนำออกไปนอกร้าน ไม่อยากให้เขามาเสียเวลากับเธอมากนัก

“บอกว่าหิ้วเองได้ก็ไม่เชื่อ”

เธอยังบ่นงึมงำ เรียกรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าคมสันของชายหนุ่ม

“บัว...”

จู่ๆ ต้นสักก็ชะงักเท้าที่ใต้ต้นหางนกยูงจนบัวบูชาต้องหันกลับไป

“มีอะไรเหรอคะ”

“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แล้วอย่างนี้ ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ พี่ยอมรับว่ากลัวที่สุดคือบัวจะไม่ทันคนนี่แหละ จำไว้ว่าคนรอบข้างไม่ได้ดีเลิศไปทุกคนอย่างที่เขาแสดงออก”

“พี่ต้นหมายถึงใคร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยไม่เข้าใจเจตนาคนพูด

“ก็หมายถึงทุกคนน่ะ กลัวบัวจะมองคนไม่ออก”

“ดูถูกกันเกินไปแล้ว บัวไม่โง่หรอกน่า แล้วตอนนี้หูตาบัวก็กว้างไกลขึ้นด้วย ได้ท่องเน็ตบ้างแล้ว”

“ยอมติดเน็ตที่บ้านแล้วเหรอ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย คงรู้อารมณ์ว่าถ้าขืนพูดเรื่อง ‘ไม่ทันคน’ ต่อไปอีก เธอต้องโวยวายแน่

“ใช่สิ นมเป็ดเพิ่งให้ช่างมาติดให้” เธออวด เชิดหน้าน้อยๆ ให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้เธอไม่ล้าสมัยอีกต่อไปแล้ว

“ดีแล้วล่ะ แต่ก็ระวังด้วย อย่าเล่นจนเพลิน แบ่งเวลาให้ดี แล้ว...ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกเลยนะ” เสียงพูดเหมือนพี่ชายใจดีทำเอาบัวบูชาดีใจ แต่ต้องเก็บอาการไว้อย่างแนบเนียน

“ขอบคุณค่ะ วันนี้พี่ต้นไม่สบายรึเปล่า”

หญิงสาวเหน็บเขา ก่อนจะเดินเร็วๆ นำไปยังรถสีเทาซึ่งจอดรออยู่ในลานจอด ไม่สนใจคนเดินตามมาที่กำลังนิ่วหน้ากับคำถามแปลกๆ นั้น เมื่อใกล้ถึงรถ ลุงหวินก็รีบลงมาเปิดประตูด้านหลังให้เธอเข้าไปนั่ง ขณะรับถุงผักคะน้าฮ่องกงไปจากมือต้นสัก

“แม่ฝากไปให้นมเป็ดครับลุงหวิน ขอบคุณครับ”

เขาบอกคนขับรถสั้นๆ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งให้บัวบูชามองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจ ... พี่ต้นคนเดิมกำลังจะกลับมาอย่างนั้นหรือ

ไม่น่าเป็นไปได้...เธอคงคิดไปเอง


จบบทที่ 5

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ^^

______________________________________________________________

ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณ Pat คะ ... สงสัยเรื่องชาติกำเนิด เดี๋ยวต้องลองดูนะคะ ว่าจะออกมายังไง

คุณหมีสีชมพู ขา ... สาวหลงยุคตัวจริง อิอิ

คุณแว่นใส คะ ... ขอบคุณที่เข้ามาเตือนหนูบัวค่ะ ^^

คุณ goldensun คะ ... ดาริยาอยากลองนางเอกแบบนี้สักเรื่องค่ะ แต่จุดเปลี่ยนจะทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น และปรับตัวเก่งขึ้น ได้โปรดติดตาม...ให้โอกาสหนูบัวอีกสักพักนะคะ ^^

คุณ nunoi คะ ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่เอาใจช่วยทั้งหนูบัวและคนเขียน >O<


___________________________________________________________




ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2555, 05:19:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2555, 07:06:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 2046





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
หมีสีชมพู 28 ก.ย. 2555, 06:20:23 น.


Pat 28 ก.ย. 2555, 06:42:32 น.
เดี๋ยวคงต้องประหลาดใจอยู่เรื่อยๆล่ะหนูบัว


nunoi 28 ก.ย. 2555, 16:22:09 น.
พี่ต้นสักเป็นนายกวักเฉพาะลูกค้าสาวๆ หรือเปล่าน๊า


anOO 28 ก.ย. 2555, 19:36:08 น.
ตอนที่แล้วไม่ได้อ่านเหรอเนี้ย 2 ตอนรวดอีกแล้ว


goldensun 30 ก.ย. 2555, 08:55:54 น.
ต้นเห็นว่าบัวไม่มีพ่อแม่คุ้มครอง จะโดนหลอกง่ายสิ ถึงได้กลับมาดีด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account