ชะตารัก พิศวาสหัวใจเถื่อน (ร้าย เถื่อน ดุ) NC+
พิมพ์นารากอดเข่าตัวสั่น เธอร้องไห้จนเเทบหมดเเรง 'ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังจะช่วย'ผู้ชาย'คนนี้อยู่รึเปล่า' ถ้ารู้ว่าเขาจะย่ำยีหัวใจและร่างกายเธอเเบบนี้ ก็จะไม่ขอพบเจอเขาเลยดีกว่า

อัลลัยล์ ทำไมเธอจะต้องทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นด้วย ทุกสิ่งที่เกิดจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ เสียงพูด ล้วนเเต่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ คอยดูเถอะ ถ้าหากเขาทำให้เธอยอมสยบนอนครวญครางใต้ร่างได้ เธอยังจะทำท่ารังเกียจเขาอีกไหม!
Tags: ทะเลทราย ร้าย เถื่อน NC

ตอน: บทที่สิบเจ็ด ผู้ชายตาสีน้ำทะเล 50%

บทที่สิบเจ็ด



พิมพ์นารากระพริบตาถี่เพื่อปรับให้ชินกับแสงจ้าในยามเช้า เธอผุดลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบตัวก่อนจะเบนสายตากลับมามองบริเวณข้างตัวซึ่งบัดนี้ว่างเปล่าไปเสียแล้ว สมองที่ยังทำงานอืดอาดนึกถึงเหตุการณ์คล้ายความฝันเมื่อคืน มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากที่ยังอุ่นวาบพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังขึ้นทุกขณะ เธอยิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ร่างบางถลาลงจากเตียงโดยไม่รีรอ

ตัวกำเนิดเสียงคือรายการสารคดีของช่องๆหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่กวาดตามองรอบตัวพร้อมกับคว้ารีโมทขึ้นมาหรี่เสียง

เธอนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ติดตามข่าวสารภายนอกนานแล้วเนื่องจากไม่ค่อยมีอารมณ์จะดูเท่าไหร่นัก แต่วันนี้ท่องฟ้าแจ่มใสแต่ไม่ได้ออกไปข้างนอก และเธอก็อารมณ์ดี มือบางจึงออกแรงเปลี่ยนจากช่องเดิมไปยังช่องข่าวสารบ้านเมืองตามที่ใจคิด

เผื่อมีข่าวเศรษฐกิจอะไรแบบนี้บ้าง รู้ไว้ประดับสมอง จะได้คุยกับพ่อนักธุรกิจนั่นรู้เรื่อง เธอขำกับความคิดของตนที่อยู่ๆก็อยากหาเรื่องคุยกับเขาขึ้นมาดื้อๆ

หมับ!

ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ความมืดก็เข้าครอบงำที่ดวงตาทั้งสอง เธอยืนนิ่งสงบก่อนจะหยิกเจ้าของมือหนาที่เป็นตัวการอยู่ด้านหลัง

“หูย!”เสียงทุ้มคราง

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”เธอกล่าวพร้อมกับดึงมือหนาออกจากดวงตาของตน

“เมียนอกใจ!”เจ้าของเสียงหันร่างบางมาเผชิญหน้า โดยที่อีกมือหนึ่งก็หยิบรีโมทปิดโทรทัศน์เครื่องใหญ่ทันที

“กล้ามากนะที่ยืนดูผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่ผัวก็อุตส่าห์สรรหาของเอาใจตั้งแต่เช้า”

หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะสบตาสีดำของชายหนุ่มอย่างไม่กลัวเกรง

“คุณฝันรึเปล่าอัลลัยล์”เธอตบแผงอกหน้า

“ไหนผู้ชายที่คุณว่า นอกจากคุณแล้วฉันยังไม่ได้เห็นอะไรที่เป็นเพศอื่นในห้องนี้เลยนะ”

“เห็นยืนดูตาค้าง ทำไม ชอบพวกใส่สูทพูดมากอย่างงั้นเหรอ”

“ยังไม่ทันได้เห็นเลย มีเด็กที่ไหนไม่รู้มากระโดดปิดตา”เธอกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“แต่ก่อนหน้านี่ที่คุณจะมา ฉันสนิทกับผู้ชายคนหนึ่งมากเลยนะ”

“อะไรนะ!”

“ฉันว่าเขาน่าดูกว่าผู้ชายในโทรทัศน์เมื่อกี้อีก!”

ชายหนุ่มออกแรงบีบไหล่บางจนเธอสูดปากร้องออกมาเบาๆเพราะความเจ็บ

“มันเป็นใคร”เขาถามเสียงเรียบ

“ข้าจะส่งคนไปเผาบ้านมันให้วอดวาย มีญาติโกโหติกาที่ไหนก็จะส่งคนไปเผาบ้านให้หมด”ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกับดึงร่างบางเข้ามาชิดตัว

“ไม่บอกได้รึเปล่า”

“อย่ามายั่วโมโห!”

“แล้วคุณจะขึ้นเสียงทำไม!”

“ตอบมาสิ!”

“ก็ยะตีมไง! ถ้านับเวลาแล้วเขาอยู่กับฉันนานกว่าคุณอีก!”เธอหัวเราะร่าเมื่อเห็นคิ้วหนานั่นแทบจะผูกกันเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว มือที่บีบไหล่เธอก็ผ่อนแรงลงไปกลายเป็นวางไว้บนบ่าตามปกติ

“คุณไม่ไปเผาบ้านเขาเหรอ”เธอแสร้งทำหน้าสงสัยพร้อมกับยกมือขึ้นตบแก้มที่มีไรหนวดแข็งเบาๆ

“บ้านมันก็บ้านข้านี่แหละ”

ชายหนุ่มให้คำตอบพร้อมกับรั้งร่างบางมาแนบอก เขาลูบผมสีดำสลวยอย่างเบามือพร้อมกับจ้องเขม็งไปยังโทรทัศน์เครื่องใหญ่

“จะผู้ชายที่ไหนก็ไม่ให้พูดถึง ข้าไม่ชอบ เข้าใจรึเปล่า”

“โอเคค่ะ โอเค”หญิงสาวหัวเราะร่า

แม้จะสุขที่เธอยอมอ่อนข้อแต่ก็ทุกข์ราวกับต้องเหยียบหนามคมอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเช้าฮาฟิซโทรมาเล่าเหตุการณ์ที่สาวผมทองนั่นบุกไปหาที่ห้องของเขาตอนตีสาม บางทีหล่อนอาจจะไม่ทันได้คิดว่าแม้รายชื่อผู้เข้าพักของเขาจะจองห้องไหนแต่ก็ไม่ทำเป็นต้องอยู่ห้องนั้นเสมอไป มันเป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่งซึ่งคนอย่างหล่อนก็น่าจะเคยทำเวลาต้องไปพักต่างที่แต่ดูท่ารายนั้นจะไม่คิดอะไรเลยนอกจากวิ่งเต้นไปตามอารมณ์ของตนเอง

เมื่อต้องมาเจอผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขาได้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาอยากอยู่กับพิมพ์นารามากขนาดไหน…

เธอเป็นผู้หญิงที่แตกต่าง ทั้งความคิด การกระทำ การดำเนินชีวิตแบบที่เขาไม่เคยพบเจอ นั่นมันทำให้เธอดูน่าสนใจกว่าผู้หญิงที่เคยมาเป็นคู่ขา

และที่สำคัญไปกว่านั้น เขายังจำคืนที่เธอแบกร่างโชกเลือดของเขาเข้าบ้านโดยไม่คิดอะไรให้มากความ แม้ตอนแรกจะเจ็บใจที่ต้องมารับความช่วยเหลือจากผู้หญิงตัวบางๆ แต่พอมาตอนนี้กลับอยากจะรู้สึกขอบคุณเธอเป็นอย่างยิ่ง

มันไม่ใช่ชะตาที่พาเขาให้มาเจอกับเธอ แต่เป็นตัวเธอเองต่างหาก!

เมื่อนึกถึงวิคตอเรีย ถึงหล่อนจะต่างจากคนอื่นโดยเฉพาะความกล้าเหลือร้ายที่เขาไม่เคยพบเจอจากที่ไหนมาก่อน แต่สำหรับเขาแล้ว ความกล้าของเธอมันมีมากไปจนเป็นเรื่องน่าปวดหัว เสมือนต้องมานั่งเลี้ยงเด็กอย่างไรอย่างนั้น

“บางทีอาจจะไม่ใช่คุณที่ฝันก็ได้”

เธอกล่าวท่ามกลางความเงียบโดยที่มือบางของเธอยกขึ้นกอดร่างหนาตอบเช่นกัน

“ทำไม”เขาเอ่ยถามพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ถึงเมื่อเช้าจะโชคร้ายที่คุยกับฮาฟิซนานเกินไป แต่ก็ยังโชคดีที่เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจจากหญิงสาวได้ทัน

ในเมื่อได้ตัวมาครอบครองแล้วเธอก็เป็นคนของเขา เขาไม่อยากจะเสียเธอไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

ถึงสิ่งที่ทำตอนนี้มันจะดูโง่ก็เถอะ!

“ฉันนี่แหละที่ฝันไป”

“ไม่ชอบเหรอ”เขารัดร่างบางแน่นขึ้นอีก

“ไม่คิดว่าจะได้รับจากคนอย่างคุณมากกว่า”เธอหัวเราะเสียงเบา

“ไว้คอยดูกัน”เสียงทุ้มตอบ

เขาผละเธอออกจากร่างก่อนจะจูงมือของเธอให้เดินตามไปที่โต๊ะอาหาร ที่กินได้มันก็ไม่มีอะไรที่มากไปกว่าเมื่อคืน ที่เหลืออยู่ก็เพียงนมเปรี้ยวหนึ่งกล่องกับผลไม้ในตะกร้า ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือโทรศัพท์เครื่องสีดำของชายหนุ่ม

มือหนากดไหล่เธอให้นั่งลงก่อนที่เขาจะลากเก้าอี้มาข้างๆนั่งเป็นเพื่อนเธอเช่นกัน

“โทรสิ”เขาดันโทรศัพท์มาไว้ตรงหน้าเธอ

“นี่หรือที่เตรียมเอาใจ”หญิงสาวหัวเราะเบาๆพร้อมกับหยิบของตรงหน้ามาไว้ในมือ

“อันที่จริงก็มากกว่านี้ รีบๆโทรให้เสร็จซะสิ”

เธอขมวดคิ้วมองหน้าชายหนุ่มเล็กน้อย ทำไมเขาต้องมานั่งจ้องเธอด้วย แต่พอคิดจะอ้าปากถามก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ในเมื่ออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เดี๋ยวพอเถียงมากๆเกิดผีที่สิงในร่างตกใจออกจากร่างไป อัลลัยล์คนเดิมกลับมา…เธอไม่อยากต้องมานั่งสู้รบปรบมืออะไรกับเขาอีก

ผีสิงไปแบบนี้นานๆละดีแล้ว

เธอลังเลอยู่ชั่วครู่เพราะไม่รู้จะโทรไปที่เบอร์ไหนดี หากโชคร้ายถ้าน้ารภีกลับมาก่อนป่านนี้คงจะตามหาเธอให้วุ่นแล้ว แต่ถ้าหากโชคดีที่น้ายังจัดการกับงานไม่ลงตัวซักที ที่ติดต่อเธอไม่ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเวลาที่เธอจะแปลหนังสือซักเล่มเธอมักจะสิงตัวอยู่ในบ้าน ใช้สมาธิเงียบๆหรือไม่ก็ออกไปท่องเที่ยวหาข้อมูลตามแหล่งต่างๆคนเดียวโดยที่ไม่อยากจะยุ่งกับใครมากนัก

เมื่อเลือกได้แล้วเธอจึงกดเบอร์โทรที่จำได้ขึ้นใจโดยที่ไม่ลืมใส่หมายเลขประเทศนำหน้า นี่ถ้าเขาไม่มานั่งเฝ้าเธอก็คงอยากจะโทรซักสองสามชั่วโมงไปเลย แค่นี้คงไม่ทำให้ขนหน้าแข็งร่วงหรอก

แต่ดูจากที่ชายหนุ่มนั่งเท้าคางจ้องมองพร้อมกับถอนหายใจอีกเป็นระยะ เธอคิดว่าสิบนาทีก็เหลือเฟือแล้วกับความอดทนของเขา

“นี่ไม่โทรไปจนถึงค่ำเลยล่ะ”เสียงทุ้มเจือความหงุดหงิดไม่น้อย

เธอขอถอนความคิดที่ว่าสิบนาทีก็เหลือเฟือ เป็นแค่สองนาทีพอ

กริ๊ง กริ๊ง

เสียงออดจากผู้มาใหม่ทำให้ทั้งเขาและเธอต่างหันไปมองโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มสบถสองสามคำพร้อมกับดึงโทรศัพท์เครื่องเล็กออกจากมือเธอโดยไม่ต้องรอขออนุญาต

“ไม่ต้องโทรแล้ว หงุดหงิด”

เขากล่าวพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อที่พาดไว้ตรงโซฟายาว

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะ!”เธอร้องเสียงหลง

“เงียบเถอะ”

“ไม่เงียบ เอาโทรศัพท์มา คุณรักษาคำพูดหน่อยสิ!”เธอลุกขึ้นเดินตามร่างหนา

ชายหนุ่มถอยหายใจก่อนจะหันกลับมามองหน้าหญิงสาวให้ชัด แม้ในตอนนี้เธอจะกอดอกตาโตเม้มปากไม่ชอบใจ แต่นั่นแหละที่มันน่าแกล้ง

“ไว้ทำตัวดีๆแล้วจะให้”

“อะไรนะ!”

“แดดแรงจังเลยวันนี้”

เธอได้แต่สูดหายใจเข้าออกเพื่อระงับแรงประทุภายในไม่ให้เข้าไปกระโดดฟาดสันมือใส่ร่างหนา

สำหรับที่นี่แล้วมีวันไหนที่แดดไม่แรงบ้างละ!

ชายหนุ่มเดินไปที่ประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เขาไม่หยุดแม้แต่จะส่องตาแมวดูด้วยซ้ำมาใครเป็นผู้มาเยือนในยามเช้า

ให้ยะตีมไม่มาเฝ้าทีเถอะ แล้วจะรู้สึก! หญิงสาวคิดในใจ

เธอนั่งเท้าคางบนโซฟาอย่างเบื่อหน่ายมองโทรทัศน์เครื่องยักษ์ ในห้องมันเงียบเสียจนได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆที่ดังอยู่หน้าห้อง แม้มันจะมีเสียงดังแทรกเป็นระยะแต่นั่นมันก็ไม่ทำให้เธอจับใจความได้

“เห้อ!”

หญิงสาวถอนหายใจหลายครั้งก่อนจะหลับตา เธอไม่รู้หรอกว่าระยะเวลาที่พวกเขาคุยกันมันนานเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้เธอจะหลับไปอีกรอบได้สบายๆเลย



--------------------------------------------

สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกท่าน ! (*o*)\\

ยังจำกี้ได้มั้ยเอ่ยย 5555\\

ในที่สุดวันที่กี้รอคอยก็มาถึง วันหยุดค่ะ! (>o<)\\

จะว่าไปกี้มาอัพไม่ค่อยตรงเวลาเลยนะคะ

ขอโทษรีดเดอร์ทุกๆคนด้วยค่ะ (TTwTT)\\

แต่กี้คิดถึงรีดเดอร์ทุกคนนะคะ จุ้บ จุ้บ (>\\\\\\\<)\\

ฝนตกทุกวันอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ!

กี้ไปเเล้วน้าา สวัสดีค่ะ (*o*)\\



เสี้ยวเดือนเเรม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2555, 18:45:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2555, 18:45:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 12149





<< บทที่สิบหก วาบหวาน 100%   บทที่สิบเจ็ด ผู้ชายตาสีน้ำทะเล 100% >>
mhengjhy 30 ก.ย. 2555, 21:51:32 น.
แหม่ หลอกให้ตายใจนะ รู้เรื่องเมื่อไร สงสัยมีหนีแน่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account