แผนรักพันใจ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 2
ธนินรีบคว้ากระดาษเช็ดปากบนโต๊ะมาเช็ดน้ำที่เลอะริมฝีปาก กระแอมไอเพราะน้ำดื่มเย็นเฉียบหลุดเข้าหลอดลม เขาไม่อาจละสายตาจาก ‘หลานสาวคุณจันทร์’ คนนี้ได้เลย ไม่ใช่เพราะตะลึงในความงาม หรือหลงสายตาที่มองมาพลางกระพริบตาปริบพยายามโปรยเสน่ห์ให้ชายหนุ่มเต็มที่ แต่เพราะเกรงว่าหากเผลอไม่ระวังคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจะกระโจนเข้าใส่เขาได้
รูปร่างธนินสูงกว่ามาตรฐานเอาการแต่คนตรงหน้าก็พอฟัดพอเหวี่ยง แถมความล่ำสันก็เกือบจะเท่ากันอีกด้วย ขืนพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำเผลอ ๆ เขาคงสู้แรงไม่ไหว
‘หลานสาวคุณจันทร์’ คนที่นั่งต่อหน้าตอนนี้เป็นผู้ชาย...เอ่อ...ธนินคิดว่าอย่างน้อยตามบัตรประชาชนก็ต้องเป็นนายแหละน่า อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับหลานคุณจันทร์คนเมื่อครู่
“เด็กไปตาม...บอกว่าคุณอยากพบหลานสาวคุณยายจันทร์ใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มพึมพำตอบรับ ไม่กล้าจะขยายความว่าหญิงสาวในร่างชายตรงหน้าคงไม่ใช่คนที่เขาอยากจะพบ แถมยังไม่ใช่ ‘หลานสาว’ อย่าง แน่นอน
“คุณเป็นหลานคุณจันทร์เหรอครับ”
เออ...พ่อนะพ่อ ตอนส่งมอบงานไม่ยักบอกว่าคุณจันทร์มีหลานสาวเทียมด้วยอีกคน เล่นเอาเขาตั้งตัวไม่ติดเลยทีเดียว
“ค่ะ ฉันนี่แหละ...หลานสาวยายจันทร์ ถามเด็กในร้านได้ทุกคน เอ๊ะ...ทำไมทำหน้าไม่เชื่อล่ะคะหรือว่าคิดว่าฉันไม่ใช่”
“เปล่าครับเปล่า คือเมื่อครู่ผมเห็นว่ามีผู้หญิงอีกคนน่ะครับ คนที่ใส่แว่น แต่งตัวฉะ...” ธนินเกือบหลุดปากพูดคำว่า เฉิ่ม ออกมาอย่างใจคิดแต่นึกได้ว่าคู่สนทนารู้จักมักคุ้นกับป้าเฉิ่มคนนั้น พูดอะไรไม่ดีไปคงต้องถึงหูบุคคลที่สามแน่ “แต่งตัวเรียบร้อย ๆ หน่อยนึงน่ะครับ”
“โอ๊ย...” คนตรงหน้าลากเสียงยาว ชม้ายชายตามองเขา “คนนั้นคุยไม่สนุกเท่านิโคลหรอกค่ะ”
“อ่า...” ธนินยกมือขึ้นปาดหน้าผากโดยไม่รู้ตัว “ชื่อนิโคลเหรอครับ”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบ เด็กสาวพนักงานคนที่ธนินใช้ให้ไปตามหลานสาวคุณจันทร์ก็เดินตรงเข้ามา นำเอาใบแจ้งค่าอาหารมาวางตรงหน้าธนินพลางเอ่ยถาม ‘ชาย’ อีกคน
“คุณนิคมจะรับน้ำดื่มอะไรไหมคะ”
“ว้าย!”
ทั้งธนินและพนักงานสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อนิคมร้องว้ายออกมาลั่นร้าน ดีที่เวลานั้นลูกค้าทยอยออกจากร้านไปเกือบหมดแล้วหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จึงมีอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะที่ได้รับผลกระทบจากเสียงหวีดร้องนั้น เจ้าตัวนึกได้จึงลดเสียงลง
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกนิโคล ไม่อย่างนั้นก็นิกกี้ นิคง...นิคมอะไรกัน เดี๋ยวหยิกเนื้อหลุด”
เด็กสาวหน้าซีดรีบเอ่ยถามใหม่โดยเปลี่ยนคำเรียกให้สะเนาะหูตามใจคนฟัง
“ไม่เอา อิ่มละ น้ำก็ไม่อยากดื่ม แค่เห็นหน้าคุณคนนี้ฉันก็ชื่อใจแล้วจ๊ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” นิคมโบกมือไล่ก่อนหันมาพูดเสียงน้อยเสียงหวาน ชม้ายชายตาใส่ธนินอีกรอบ “ฉันจะได้คุยธุระกับคุณเค้าสองต่อสอง”
เป้าสายตาต้องรีบแสร้งยกแก้วน้ำขึ้นจิบ หลบดวงตาหวานชวนสยองคู่นั้น น้ำดื่มเย็นชื่นใจกลับกลืนลงคอได้ลำบากพิลึกผิดกับก่อนที่หลานคุณจันทร์คนนี้จะมานั่งคุย กว่าจะเรียกสติได้ธนินต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่
“ที่จริงผมมีธุระจะคุยกับคุณจาน่ะครับ หลานสาวยายจันทร์อีกคน”
นิคมทำหน้าเซ็งเล็กน้อยก่อนฉีกยิ้มกว้าง “คุยกับยัยจาหรือคุยกับนิโคลก็เหมือนกันแหละคะ ไม่เอา ๆ เรียกนิกกี้ดีกว่าเรียกเป็นชื่อเล่นดูสนิทสนมดีนะคะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรมีธุระอะไรคะ”
“ผมธนินครับ เรียกนินก็ได้”
ชายหนุ่มเริ่มอ่านเกมออก คุณยายจันทร์คงจะหวงหลานสาวมากอย่างว่า ถึงได้ส่งหลานสาวในร่างชายหนุ่มคนนี้มาเป็นทัพหน้า...เอาล่ะ ยังไงก็ต้องเดินตามแผน หาทางเข้าใกล้ตัวหนูจาอะไรนั่นให้ได้
“ผมได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้มานาน แล้วก็ได้ข่าวมาอีกว่า หลานสาวคุณจันทร์เก่งเรื่องทำอาหารมาก ก็เลยคิดว่าคงจะดีถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกัน”
ธนินเริ่มอึดอัดกับสายตาของนิคม เกรงว่าอีกฝ่ายจะกระโดดเข้าตะครุบตัวเขาได้ทุกเมื่อจึงรีบหยิบเอาซองเอกสารที่ผู้เป็นพ่อเตรียมไว้ให้ยื่นไปตรงหน้าคู่สนทนา
“นี่ครับ รายละเอียด”
นิคมยิ้มรับซองเอกสารนั้นไปหากวางไว้บนเก้าอี้ข้างตัวไม่สนใจแม้แต่จะเปิดดู
“อ้าว...ไม่ลองอ่านดูหน่อยเหรอครับ”
“เรื่องนี้หลานสาวยายจันทร์อย่างฉันตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ ยัยจาเองก็คงตัดสินใจเองไม่ได้เหมือนกัน ต้องผ่านคุณยายอีกที ร่วมงานกับผู้ชาย...ไม่ผ่านตั้งแต่เพศแล้วล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มฟังคำพูดของนิคมแล้วขมวดคิ้ว นึกได้ก่อนหน้าอีกฝ่ายอธิบายต่อเพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาที
“ยายจันทร์ไม่ชอบให้หลานสาวสุงสิงกับผู้ชาย ยิ่งถ้าใครถึงขั้นมาจีบล่ะก็ เป็นเจอดีแน่” ชายจริตเกินหญิงหรี่ตามองธนิน “แน่ใจนะคะ ว่าไม่ใช่แผนจีบยัยจา”
น่าจีบตายล่ะ...แต่งตัวเชยเป็นครูยุคโบราณ หน้าตาก็ไม่แต่งแถมใส่แว่นทรงแก่ ๆ อีก
“ไม่ใช่อยากนั้นหรอกครับ ผมอยากจะร่วมงานกับคุณจาจริง ๆ ยิ่งได้มาชิมอาหารร้านนี้ผมยิ่งเชื่อว่าผมมองไม่ผิด แล้วสิ่งที่ผมเสนอมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับเราทั้งสองฝ่าย ยังไงผมฝากคุณนิคม” พูดถึงตรงนี้ธนินก็สะดุ้งเฮือก เพราะคู่สนทนาร้องเหมือนโดนเหยียบเท้าจนเขาต้องรีบเปลี่ยนคำเรียกขาน “คุณนิโคลช่วยส่งต่อเอกสารนี่ให้คุณจาด้วยก็แล้วกันนะครับ แล้วผมจะติดต่อมาที่ร้าน”
“บอกตรง ๆ นะคะว่ายากมาก ๆ ที่คุณยายจะยอม แต่ถ้าให้นิโคลช่วยพูดไม่แน่ว่าคุณยายอาจจะเปลี่ยนใจ แต่...” นิคมมองสำรวจร่างกายของธนิน กัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ อย่างมาดหมาย “มันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันบ้าง”
ธนินกลืนน้ำลายลงคอลอบหยิบกระเป๋าสตางค์ ควักเงินจำนวนเกินจากค่าอาหารไปเล็กน้อยมาเตรียมไว้
“อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีช่วยอย่างมาก บอกตรง ๆ นะคะ ว่าถูกชะตาคุณนินมาก ถึงเรื่องงานจะฟาล์วแต่เรื่องอื่น...เราสานต่อกันได้นะคะ”
นิคมขยับจะลุกแต่ธนินไวกว่ารีบดีดตัวขึ้นยืนเอ่ยขอตัวกลับทันที ขณะที่เดินออกจากร้านก็ลอบหันกลับไปมองทางเรือนไม้ที่คาดว่า ‘เป้าหมาย’ ยังอยู่ที่นั่นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกฝ่ายจับตามองอยู่เช่นกัน
นิคมหันหลังไปดูให้แน่ใจว่าธนินเดินพ้นจากร้านไปแล้ว กิริยาที่ดูแสดงออกเกินงามเมื่อครู่ก็ปรับลดลงเป็นปกติ จากสาวแตกกระจายมาเป็นแค่แตกร้าวเล็กน้อย ถอนใจหนักหน่วงก่อนลุกขึ้นเดินไปทางเรือนสำนักงาน ปากก็บ่นขมุบขมิบไปพลาง
“เวรกรรมอะไรนะ ฉันถึงต้องมาเป็นเพื่อนยัยคุณจา คอยเป็นไม้กันหมาไล่ผู้ชาย เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งแถมยังต้องรับประทานแห้วแทนด้วย”
เมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไปภายในเรือน สามสาวสามวัยภายในเรือนก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว จารุดาเพื่อนสนิทนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยมีคุณจอมขวัญน้าสาวนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนคุณยายจันทร์นั้นเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ออกแบบให้ปรับเอนได้ หญิงชราชันศอกขึ้นนั่งทันทีที่เห็น ‘หลานสาว’ ถามด้วยน้ำเสียงกระเหี้ยนกระหือรือเจือด้วยความชอบอกชอบใจ
“เป็นยังไงบ้างพ่อนิคม วิ่งหางจุกตูดไปเลยใช่ไหม”
“นิโคลค่ะ คุณยาย”
หญิงสาวในร่างชายหนุ่มกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างอ่อนใจ รู้ว่าอย่างไรเสียคุณยายจันทร์ก็คงไม่ยอมเรียกชื่อที่เขาเปลี่ยนให้ตัวเองแน่ เพราะเคยให้เหตุผลไว้ว่าไม่ชอบชื่อฝรั่งที่เรียกยาก ทั้งยังไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกจะเปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้มาเรียกตัวเองตามใจชอบ คนนึงเลยเรียกตามใจปากตัว ส่วนอีกคนคอยแก้ให้ทุกครั้ง ทว่าไม่กล้าจะทำท่าหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่เหมือนกับที่ทำกับลูกจ้าง
“แล้วพ่อรูปหล่อคนนี้ เขาก็ไม่ได้มาจีบยัยจานะคะ แต่มาคุยธุระ”
“ไว้ใจได้ที่ไหน ผู้ชายน่ะ เล่ห์เหลี่ยมมันเยอะจะตาย”
“ไม่รู้สิคะ เขาฝากซองเอกสารนี่ให้ยัยจา” นิคมยื่นซองให้คุณยายจันทร์อย่างรู้งาน เพราะอย่างไรเสียเรื่องทุกอย่างภายในบ้านสวนและสวนอาหารนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากหญิงชราทุกเรื่องไป “ยังไม่ได้เปิดดูค่ะ คิดว่ายังไงก็ต้องให้คุณยายตัดสินใจ คุณยายจะลองอ่านดูไหมคะ”
คนที่ยังไม่ได้เปิดดูเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเอาเรื่อง ส่งซองให้แล้วก็ทำเป็นเดินไปยืนข้างหลัง บีบนวดไหล่ให้คุณยายนวลอย่างเอาอกเอาใจ ขณะที่นางเปิดซองเอกสารมาอ่านดู แม้ว่าวัยจะล่วงเลยเจ็ดสิบไปแล้วแต่คุณยายจันทร์ยังกระฉับกระเฉง สายตาก็ไม่ได้ฝ้าฟางขนาดต้องให้ใครช่วยอ่านหนังสือให้
“อุ๊ย...ห้างเดอะเบสท์”
ปฏิกิริยาของหญิงสามวัยภายในสำนักงานกับคำอุทานของนิคมนั้นต่างกันไป คุณยายจันทร์หันหลังส่งสายตาดุทำให้นิคมต้องยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตนเอง จารุดาขมวดคิ้วมุนอย่างสงสัยใคร่รู้ และถ้าเพียงแต่มีใครสักคนในเรือนไม้สังเกตเห็นก็จะพบว่าคุณจอมขวัญนั้นมีแววตกใจฉายผ่านดวงตาดำคู่นั้น
น้าสาววัยสี่สิบกว่าปีของจารุดาครองตัวเป็นโสดมานาน ดูแลทั้งน้าจันทร์ หลานจาและคนในบ้าน แม้อำนาจการสั่งการจะอยู่ในมือของคุณยายจันทร์ทั้งหมดแต่คุณจอมขวัญกลับครองใจคนในบ้านสวนและร้านอาหารได้มากกว่า แม้ทุกคนจะรู้ดีแก่ใจว่าหญิงชราดูดุ เข้มงวดแต่ลึกลงไปในใจแล้วมีความกรุณาต่อทุกคนที่ทำงานให้ แต่จะเป็นใครก็ต้องรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยกว่ากับเจ้านายที่ใจเย็น มีเมตตาอย่างคุณจอมขวัญ ไม่รวมถึงความจริงที่ว่าคุณจอมขวัญจ้องมองอย่างไม่เป็นมิตรเวลามีแฟนหนุ่มของพนักงานมารับส่งที่ร้าน หรือคอยแต่จะขัดหูหากใครพูดถึงแฟนหนุ่มหรือสามีให้ได้ยิน
จารุดาขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ หันหลังเดินมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างผู้เป็นยายแล้วหันไปเอ่ยถามเพื่อนสนิท
“ห้างใหญ่ที่กำลังจะฉลองครอบรอบสามสิบห้าปีน่ะเหรอคม”
“เรียกใครไม่รู้ไม่ชี้” นิคมทำสะดิ้งใส่เพื่อน ในบรรดาสามสาวเขาจะแสดงท่าฉุนเฉียวใส่ก็แต่กับจารุดาเท่านั้น ส่วนกับคุณจอมขวัญและคุณนายจันทร์นั้นแค่บ่นปอดแปด “ถ้าไม่เรียกชื่อจริงนิโคลก็ต้องเรียกชื่อเล่นนิกกี้”
หญิงสาวส่ายหน้าระอาใจกับเพื่อนสนิท จริงอยู่การรู้จักสนิทสนมกันมานานทำให้คุ้นชินกับการเรียกขานนิคมด้วยชื่อที่ดูไปคนละทิศละทางกับรูปกายอย่างนี้ แต่บางครั้งเธอก็มีเผลอไปบ้างซึ่งฝ่ายที่ถูกเรียกก็จะเดือดร้อนเกินกว่าเหตุเสียทุกครั้งไป
“จ๊ะ...แม่นิกกี้ ทีนี้บอกได้รึยังว่าเอกสารอะไร”
“เดี๋ยวสิ ยังอ่านไม่ถึงไหน เห็นแต่หัวเอกสารเอง”
นิคมชักจะให้ความสนใจกับจดหมายมากกว่าการนวดเฟ้นให้หญิงชรา คุณยายจันทร์จึงคว่ำเอกสารในมือลงบนตักส่งผลให้คนที่แอบอ่านอยู่ข้างหลังร้องอ้าว
“ไม่อ้าวล่ะ ก็ถ้าจะแอบอ่านซะจนไม่สนใจยายขนาดนี้ ก็เอาไปอ่านเองเสียเลยก็แล้วกัน แล้วก็เล่าให้ฟังกันทุกคนนี่แหละ”
“อุ้ย...แล้วก็ไม่บอกแต่แรกล่ะคะ มาค่ะ เดี๋ยวนิกกี้อ่านให้เอง รับรองว่าจะสรุปความให้ฟังไม่ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย”
พูดจบชายหนุ่มหัวใจสาวแหววก็กรีดนิ้วถือเอกสารในมืออ่านกวาดตาสรุปใจความก่อนบรรยายสิ่งที่ได้อ่านให้กับสตรีสามรุ่นฟังอย่างไม่ตกหล่นอย่างที่ได้ให้คำมั่น จะว่าไปต้องเรียกได้ว่าเกินกว่าไม่ตกหล่นเสียด้วยซ้ำ เพราะมีตอกไข่ใส่สี เพิ่มอารมณ์ความเห็นของผู้พูดเสร็จสรรพ
"ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปตากหน้า" คุณยายจันทร์เป็นคนแรกที่ให้ความเห็นหลังจากฟังบรรยายสรุปจากนิคมแล้ว แต่หญิงชราก็ยังมีความเป็นผู้นำประชาธิปไตยอยู่เล็กน้อยจึงหันไปถามหลานสาวทั้งสอง "ว่าไงล่ะแม่ขวัญ ยัยจา ยายว่าเราอยู่ของเราก็ดีอยู่แล้ว ลูกค้าก็มีมาเรื่อย ๆ ไม่ขาด ผลหมากรากไม้ในสวยก็ขายได้กำไรงามทั้งปี แค่นี้ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว"
คุณจอมขวัญลอบมองหลานสาวแท้ ๆ และหลานสาวไม่แท้ทั้งทางสายเลือดและเพศโดยกำเนิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างรู้ทันผู้เป็นน้า เหตุผลสำคัญไม่ใช่เพราะกลัวเหนื่อย
"ที่ไม่อยากให้ฉันกับหนูจาคุมคนไปเปิดบูธอาหารภาคกลางในห้างนี่ ไม่ใช่เพราะกลัวเหนื่อยหรอกมั้งน้าจันทร์"
"วะ...นังนี่ แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกห๊ะ" หญิงชราขึ้นเสียงสูงเกินจำเป็น หากรู้สึกตัวเร็วจึงลดระดับเอ่ยเสียงปกติทันที "ทุกวันนี้ยัยจาก็ทำงานทั้งที่ร้านที่โรงเรียน หล่อนก็ดูแลร้าน ดูแลบ้านยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม"
"แต่เราก็มีผู้จัดการร้านช่วยดูแลได้นะน้าจันทร์ แล้วเรื่องไปคุมเปิดบูธอาหารก็แบ่งคนในครัวไปส่วนนึงได้ ครัวเราก็ไม่ได้จะยุ่งกันทั้งวันเสียเมื่อไหร่" คุณจอมขวัญตอบเสียงเรียบ "แล้วน้าก็ไม่ต้องห่วงหรอกว่าฉันกับหนูจาจะได้มีเวลาเงยหน้ามองผู้ชายที่ไหน ถ้าไปออกบูธงานแบบนี้ล่ะก็ ฉันเคยเห็นมาแล้วนะ วุ่นวายจนจะไม่มีเวลาหายใจด้วยซ้ำ"
"จะยกเรื่องผู้ชงผู้ชายมาพูดถึงทำไม ก็บอกแล้วว่าที่ไม่อยากให้ทำน่ะเพราะกลัวว่าจะเหนื่อยกัน เห็นไหมล่ะ...วุ่นจนไม่มีเวลาเงยหน้ามองผู้ชาย แสดงว่ามันต้องเหนื่อยเอาเรื่อง" คุณยายจันทร์ชักเสียงอ่อนลง "แล้วเราล่ะยัยจา ว่าไงลูก"
"ปกติเวลาไปออกงานแบบนี้ คงต้องเสียค่าเช่าทีแพงมากนะคะยาย แต่งานนี้ห้างเขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพราะเสนอเรื่องให้เป็นโครงการด้านวัฒนธรรม เขาเชิญร้านอาหารที่ดังด้านอาหารภาคต่าง ๆ ไปออกบูธรวมกันที่ลานของห้าง ห้างนี้คนไปช้อปปิ้งซื้อข้าวของกันเยอะนะคะ ดังมาก...เราไม่ต้องเสียค่าเช่าแถมขายอาหารได้ด้วย จาว่างานอาทิตย์นึงเราคงได้รายได้ไม่น้อยเลย"
"แต่มันแปลก ๆ รึเปล่า ยายไม่ค่อยไว้ใจ ถ้าเขาจะเชิญหลายร้านก็ให้ร้านอื่นเขาไปเถอะ เกิดมีสัญญงสัญญาผูกมัดอะไรขึ้นมาทีหลังเราจะเสียเปรียบ"
"เท่าที่นิกกี้อ่านสัญญาดูแล้ว มันก็ระบุชัดนะคะคุณยาย เขาอาจจะแค่อยากจัดกิจกรรมให้มันใหญ่โตฉลองครบรอบก็ได้ แล้วเขาก็คงเล็งเห็นแล้วว่าร้านของคุณยายเลิศจริงอะไรจริง ถึงได้ติดต่อมา แถมคุณธนง ธนินอะไรคนนี้เนี่ยเขาเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาดเลยนะคะ ตำแหน่งก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ลองเขาถ่อมาชิมอาหารด้วยตัวเองถึงร้านแสดงว่าต้องมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปถึงหูเขาแน่ แล้วงานใหญ่แบบนี้ก็อาจจะมีพวกรายการต่าง ๆ มาถ่ายทำ พวกรายการผู้หญิง ๆ น่ะ ชอบนักล่ะค่ะกิจกรรมอะไรแบบนี้ ชิมไปพูดไปสัมภาษณ์ไปสนุกสนาน ลองถ้าเราได้ไปออกงาน ได้ออกรายการ แพร่ภาพไปทั่วประเทศ ร้านบ้านสวนคุณจันทร์ต้องดังระเบิดระเบ้อแน่เลยค่ะ"
นิคมร่ายยาวจนสามสาวสามวัยพากันนิ่งฟังเพลิน สิ้นเสียงของชายหนุ่มในห้องจึงเงียบสนิท
"ไม่พูดอะไรกันหน่อยเหรอคะ เดดแอร์เลยนะคะเนี่ย"
"หายใจทางไหนน่ะพ่อคุณ" คุณยายจันทร์ถามอย่างแปลกใจ "ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ"
"ว๊าย...คุณยายอ่ะ ว่านิกกี้พูดมากนิกกี้ไม่ว่านะคะ แต่เรียกพ่อคุณนี่นิกกี้ขอเลยค่ะ"
"เอาล่ะ ๆ แม่คุณก็แม่คุณจ๊ะ"
คุณยายจันทร์ส่ายหน้าหากปากคลี่ยิ้มอ่อนอย่างเอ็นดูเพื่อนสนิทของหลานสาว ที่รู้จักกับจารุดามาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย และเกือบจะถูกนางเอาไม้ฟาดหัวเอาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าบ้านสวนฐานที่ตามจีบหลานสาวสุดหวง เด็กหนุ่มวิ่งหนีร้องวี้ดว้ายโยนกระเป๋านักเรียนทิ้งลงพื้น ทำเอาคุณยายถึงบางอ้อว่าหลานสาวยึดมั่นในคำสั่งสอนที่ไม่ให้สนิทกับเพื่อนผู้ชาย
เด็กหนุ่มนางเดียวในห้องเรียนคหกรรมตามจารุดามาที่บ้านสวนเพราะรู้มาว่าทั้งยายและน้าของเพื่อนสนิทนั้นต่างเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารประจำภาค จึงต้องการมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนทั้งของคาวของหวานจนชำนาญก่อนจะตามไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยด้วยกัน ฐานะทางบ้านของนิคมพอส่งเสียให้ลูกชายที่ไม่ค่อยมีความเป็นชายอยู่ในตัวนักได้เรียนต่อกับสถาบันที่มีหลักสูตรสอนการทำอาหารจากต่างประเทศ หลานสาวแท้และไม่แท้ของคุณยายจันทร์ทั้งคู่จึงมีฝีมือการทำอาหารทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่งรวมไปถึงพวกขนมอบ
การที่จารุดามีนิคมเป็นเพื่อนสนิททำให้คุณยายอุ่นใจและคอยฝากฝังให้หลานสาวไม่แท้คอยเป็นกันชนไม่ให้ชายหนุ่มหน้าไหนมาเกาะแกะหลานสาว
"ว่าไงยัยจา ฉันว่าน่าสนใจนะ ถ้ากลัวไม่ไหวเดี๋ยวฉันไปช่วยด้วยก็ได้" นิคมเสนอ "ที่ร้านของฉันตอนนี้ก็อยู่ตัวมาก ๆ เพิ่งได้ผู้ช่วยมือดีมา สบายไปร้อยแปดอย่าง คนก่อนน่ะไม่ไหวถ้าไม่คุมก็เละทุกที"
"คงไม่ต้องรบกวนหรอกจ๊ะ" คุณจอมขวัญว่า "น้ากับยัยจาสองคนก็สลับกันไปดูแลได้ ในครัวก็มีคนไปช่วยทำ เตรียมอาหารเผื่อไว้แล้วก็แค่ไปทำอะไรต่อนิดหน่อยที่ห้าง ไม่น่าจะวุ่นวายอะไรมาก ส่วนที่จะต้องมาการสาธิตก็เตรียมของสดไปเท่าที่ต้องใช้"
"ดูจะอยากทำจริงนะแม่ขวัญ"
คุณจอมขวัญชะงักเล็กน้อยหากยิ้มอ่อนหวานตอบคำผู้เป็นน้า "นาน ๆ จะได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีนะน้า อีกอย่างมันก็ช่วยประชาสัมพันธ์ร้านเราด้วย ประชาสัมพันธ์ยัยจาในฐานะครูในโรงเรียนสอนทำอาหารด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง"
"จาก็ว่าดีนะจ๊ะยาย ถ้ายายไม่ไว้ใจจะตามไปคุมจากับน้าขวัญก็ได้"
"โอ๊ย...จะไปตามทำไม ยายมีผู้ช่วยมือหนึ่งอยู่แล้ว"
หญิงชรายิ้มกว้างหันไปมองทางชายหนุ่มครึ่งเดียวที่อยู่ในที่นั้น นิคมค้อนพองามบ่นพำ
"คุณยายอ่ะ เห็นนิกกี้เป็นแค่ไม้กันหมา อย่างนี้เมื่อไหร่นิกกี้จะสมหวังในรักสักทีละคะ"
"อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า ผู้ชายน่ะ...หาดีไม่ได้หรอกนะ มีแต่จะทำให้ช้ำใจเสียเปล่า ๆ" คุณยายจันทร์เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย "ก็ดูอย่างยายอย่างน้าขวัญเป็นตัวอย่างสิ อยู่มาได้จนป่านนี้ก็เพราะไม่ไปข้องเกี่ยวด้วยให้เจ็บตัวเจ็บใจนั่นแหละ จริงไหมแม่ขวัญ"
คุณจอมขวัญเพียงแต่ตอบรับคำหากดวงตานั้นมีแววหม่นฉายวูบขึ้นมา ทว่าในวินาทีถัดมานางกลับสามารถส่งยิ้มให้กับน้า หลานสาวและเพื่อนสนิทของหลานได้ ซ่อนสิ่งที่รบกวนจิตใจได้อย่างแนบเนียน
รูปร่างธนินสูงกว่ามาตรฐานเอาการแต่คนตรงหน้าก็พอฟัดพอเหวี่ยง แถมความล่ำสันก็เกือบจะเท่ากันอีกด้วย ขืนพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำเผลอ ๆ เขาคงสู้แรงไม่ไหว
‘หลานสาวคุณจันทร์’ คนที่นั่งต่อหน้าตอนนี้เป็นผู้ชาย...เอ่อ...ธนินคิดว่าอย่างน้อยตามบัตรประชาชนก็ต้องเป็นนายแหละน่า อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับหลานคุณจันทร์คนเมื่อครู่
“เด็กไปตาม...บอกว่าคุณอยากพบหลานสาวคุณยายจันทร์ใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มพึมพำตอบรับ ไม่กล้าจะขยายความว่าหญิงสาวในร่างชายตรงหน้าคงไม่ใช่คนที่เขาอยากจะพบ แถมยังไม่ใช่ ‘หลานสาว’ อย่าง แน่นอน
“คุณเป็นหลานคุณจันทร์เหรอครับ”
เออ...พ่อนะพ่อ ตอนส่งมอบงานไม่ยักบอกว่าคุณจันทร์มีหลานสาวเทียมด้วยอีกคน เล่นเอาเขาตั้งตัวไม่ติดเลยทีเดียว
“ค่ะ ฉันนี่แหละ...หลานสาวยายจันทร์ ถามเด็กในร้านได้ทุกคน เอ๊ะ...ทำไมทำหน้าไม่เชื่อล่ะคะหรือว่าคิดว่าฉันไม่ใช่”
“เปล่าครับเปล่า คือเมื่อครู่ผมเห็นว่ามีผู้หญิงอีกคนน่ะครับ คนที่ใส่แว่น แต่งตัวฉะ...” ธนินเกือบหลุดปากพูดคำว่า เฉิ่ม ออกมาอย่างใจคิดแต่นึกได้ว่าคู่สนทนารู้จักมักคุ้นกับป้าเฉิ่มคนนั้น พูดอะไรไม่ดีไปคงต้องถึงหูบุคคลที่สามแน่ “แต่งตัวเรียบร้อย ๆ หน่อยนึงน่ะครับ”
“โอ๊ย...” คนตรงหน้าลากเสียงยาว ชม้ายชายตามองเขา “คนนั้นคุยไม่สนุกเท่านิโคลหรอกค่ะ”
“อ่า...” ธนินยกมือขึ้นปาดหน้าผากโดยไม่รู้ตัว “ชื่อนิโคลเหรอครับ”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบ เด็กสาวพนักงานคนที่ธนินใช้ให้ไปตามหลานสาวคุณจันทร์ก็เดินตรงเข้ามา นำเอาใบแจ้งค่าอาหารมาวางตรงหน้าธนินพลางเอ่ยถาม ‘ชาย’ อีกคน
“คุณนิคมจะรับน้ำดื่มอะไรไหมคะ”
“ว้าย!”
ทั้งธนินและพนักงานสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อนิคมร้องว้ายออกมาลั่นร้าน ดีที่เวลานั้นลูกค้าทยอยออกจากร้านไปเกือบหมดแล้วหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จึงมีอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะที่ได้รับผลกระทบจากเสียงหวีดร้องนั้น เจ้าตัวนึกได้จึงลดเสียงลง
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกนิโคล ไม่อย่างนั้นก็นิกกี้ นิคง...นิคมอะไรกัน เดี๋ยวหยิกเนื้อหลุด”
เด็กสาวหน้าซีดรีบเอ่ยถามใหม่โดยเปลี่ยนคำเรียกให้สะเนาะหูตามใจคนฟัง
“ไม่เอา อิ่มละ น้ำก็ไม่อยากดื่ม แค่เห็นหน้าคุณคนนี้ฉันก็ชื่อใจแล้วจ๊ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” นิคมโบกมือไล่ก่อนหันมาพูดเสียงน้อยเสียงหวาน ชม้ายชายตาใส่ธนินอีกรอบ “ฉันจะได้คุยธุระกับคุณเค้าสองต่อสอง”
เป้าสายตาต้องรีบแสร้งยกแก้วน้ำขึ้นจิบ หลบดวงตาหวานชวนสยองคู่นั้น น้ำดื่มเย็นชื่นใจกลับกลืนลงคอได้ลำบากพิลึกผิดกับก่อนที่หลานคุณจันทร์คนนี้จะมานั่งคุย กว่าจะเรียกสติได้ธนินต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่
“ที่จริงผมมีธุระจะคุยกับคุณจาน่ะครับ หลานสาวยายจันทร์อีกคน”
นิคมทำหน้าเซ็งเล็กน้อยก่อนฉีกยิ้มกว้าง “คุยกับยัยจาหรือคุยกับนิโคลก็เหมือนกันแหละคะ ไม่เอา ๆ เรียกนิกกี้ดีกว่าเรียกเป็นชื่อเล่นดูสนิทสนมดีนะคะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรมีธุระอะไรคะ”
“ผมธนินครับ เรียกนินก็ได้”
ชายหนุ่มเริ่มอ่านเกมออก คุณยายจันทร์คงจะหวงหลานสาวมากอย่างว่า ถึงได้ส่งหลานสาวในร่างชายหนุ่มคนนี้มาเป็นทัพหน้า...เอาล่ะ ยังไงก็ต้องเดินตามแผน หาทางเข้าใกล้ตัวหนูจาอะไรนั่นให้ได้
“ผมได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้มานาน แล้วก็ได้ข่าวมาอีกว่า หลานสาวคุณจันทร์เก่งเรื่องทำอาหารมาก ก็เลยคิดว่าคงจะดีถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกัน”
ธนินเริ่มอึดอัดกับสายตาของนิคม เกรงว่าอีกฝ่ายจะกระโดดเข้าตะครุบตัวเขาได้ทุกเมื่อจึงรีบหยิบเอาซองเอกสารที่ผู้เป็นพ่อเตรียมไว้ให้ยื่นไปตรงหน้าคู่สนทนา
“นี่ครับ รายละเอียด”
นิคมยิ้มรับซองเอกสารนั้นไปหากวางไว้บนเก้าอี้ข้างตัวไม่สนใจแม้แต่จะเปิดดู
“อ้าว...ไม่ลองอ่านดูหน่อยเหรอครับ”
“เรื่องนี้หลานสาวยายจันทร์อย่างฉันตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ ยัยจาเองก็คงตัดสินใจเองไม่ได้เหมือนกัน ต้องผ่านคุณยายอีกที ร่วมงานกับผู้ชาย...ไม่ผ่านตั้งแต่เพศแล้วล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มฟังคำพูดของนิคมแล้วขมวดคิ้ว นึกได้ก่อนหน้าอีกฝ่ายอธิบายต่อเพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาที
“ยายจันทร์ไม่ชอบให้หลานสาวสุงสิงกับผู้ชาย ยิ่งถ้าใครถึงขั้นมาจีบล่ะก็ เป็นเจอดีแน่” ชายจริตเกินหญิงหรี่ตามองธนิน “แน่ใจนะคะ ว่าไม่ใช่แผนจีบยัยจา”
น่าจีบตายล่ะ...แต่งตัวเชยเป็นครูยุคโบราณ หน้าตาก็ไม่แต่งแถมใส่แว่นทรงแก่ ๆ อีก
“ไม่ใช่อยากนั้นหรอกครับ ผมอยากจะร่วมงานกับคุณจาจริง ๆ ยิ่งได้มาชิมอาหารร้านนี้ผมยิ่งเชื่อว่าผมมองไม่ผิด แล้วสิ่งที่ผมเสนอมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับเราทั้งสองฝ่าย ยังไงผมฝากคุณนิคม” พูดถึงตรงนี้ธนินก็สะดุ้งเฮือก เพราะคู่สนทนาร้องเหมือนโดนเหยียบเท้าจนเขาต้องรีบเปลี่ยนคำเรียกขาน “คุณนิโคลช่วยส่งต่อเอกสารนี่ให้คุณจาด้วยก็แล้วกันนะครับ แล้วผมจะติดต่อมาที่ร้าน”
“บอกตรง ๆ นะคะว่ายากมาก ๆ ที่คุณยายจะยอม แต่ถ้าให้นิโคลช่วยพูดไม่แน่ว่าคุณยายอาจจะเปลี่ยนใจ แต่...” นิคมมองสำรวจร่างกายของธนิน กัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ อย่างมาดหมาย “มันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันบ้าง”
ธนินกลืนน้ำลายลงคอลอบหยิบกระเป๋าสตางค์ ควักเงินจำนวนเกินจากค่าอาหารไปเล็กน้อยมาเตรียมไว้
“อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีช่วยอย่างมาก บอกตรง ๆ นะคะ ว่าถูกชะตาคุณนินมาก ถึงเรื่องงานจะฟาล์วแต่เรื่องอื่น...เราสานต่อกันได้นะคะ”
นิคมขยับจะลุกแต่ธนินไวกว่ารีบดีดตัวขึ้นยืนเอ่ยขอตัวกลับทันที ขณะที่เดินออกจากร้านก็ลอบหันกลับไปมองทางเรือนไม้ที่คาดว่า ‘เป้าหมาย’ ยังอยู่ที่นั่นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกฝ่ายจับตามองอยู่เช่นกัน
นิคมหันหลังไปดูให้แน่ใจว่าธนินเดินพ้นจากร้านไปแล้ว กิริยาที่ดูแสดงออกเกินงามเมื่อครู่ก็ปรับลดลงเป็นปกติ จากสาวแตกกระจายมาเป็นแค่แตกร้าวเล็กน้อย ถอนใจหนักหน่วงก่อนลุกขึ้นเดินไปทางเรือนสำนักงาน ปากก็บ่นขมุบขมิบไปพลาง
“เวรกรรมอะไรนะ ฉันถึงต้องมาเป็นเพื่อนยัยคุณจา คอยเป็นไม้กันหมาไล่ผู้ชาย เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งแถมยังต้องรับประทานแห้วแทนด้วย”
เมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไปภายในเรือน สามสาวสามวัยภายในเรือนก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว จารุดาเพื่อนสนิทนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยมีคุณจอมขวัญน้าสาวนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนคุณยายจันทร์นั้นเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ออกแบบให้ปรับเอนได้ หญิงชราชันศอกขึ้นนั่งทันทีที่เห็น ‘หลานสาว’ ถามด้วยน้ำเสียงกระเหี้ยนกระหือรือเจือด้วยความชอบอกชอบใจ
“เป็นยังไงบ้างพ่อนิคม วิ่งหางจุกตูดไปเลยใช่ไหม”
“นิโคลค่ะ คุณยาย”
หญิงสาวในร่างชายหนุ่มกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างอ่อนใจ รู้ว่าอย่างไรเสียคุณยายจันทร์ก็คงไม่ยอมเรียกชื่อที่เขาเปลี่ยนให้ตัวเองแน่ เพราะเคยให้เหตุผลไว้ว่าไม่ชอบชื่อฝรั่งที่เรียกยาก ทั้งยังไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกจะเปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้มาเรียกตัวเองตามใจชอบ คนนึงเลยเรียกตามใจปากตัว ส่วนอีกคนคอยแก้ให้ทุกครั้ง ทว่าไม่กล้าจะทำท่าหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่เหมือนกับที่ทำกับลูกจ้าง
“แล้วพ่อรูปหล่อคนนี้ เขาก็ไม่ได้มาจีบยัยจานะคะ แต่มาคุยธุระ”
“ไว้ใจได้ที่ไหน ผู้ชายน่ะ เล่ห์เหลี่ยมมันเยอะจะตาย”
“ไม่รู้สิคะ เขาฝากซองเอกสารนี่ให้ยัยจา” นิคมยื่นซองให้คุณยายจันทร์อย่างรู้งาน เพราะอย่างไรเสียเรื่องทุกอย่างภายในบ้านสวนและสวนอาหารนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากหญิงชราทุกเรื่องไป “ยังไม่ได้เปิดดูค่ะ คิดว่ายังไงก็ต้องให้คุณยายตัดสินใจ คุณยายจะลองอ่านดูไหมคะ”
คนที่ยังไม่ได้เปิดดูเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเอาเรื่อง ส่งซองให้แล้วก็ทำเป็นเดินไปยืนข้างหลัง บีบนวดไหล่ให้คุณยายนวลอย่างเอาอกเอาใจ ขณะที่นางเปิดซองเอกสารมาอ่านดู แม้ว่าวัยจะล่วงเลยเจ็ดสิบไปแล้วแต่คุณยายจันทร์ยังกระฉับกระเฉง สายตาก็ไม่ได้ฝ้าฟางขนาดต้องให้ใครช่วยอ่านหนังสือให้
“อุ๊ย...ห้างเดอะเบสท์”
ปฏิกิริยาของหญิงสามวัยภายในสำนักงานกับคำอุทานของนิคมนั้นต่างกันไป คุณยายจันทร์หันหลังส่งสายตาดุทำให้นิคมต้องยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตนเอง จารุดาขมวดคิ้วมุนอย่างสงสัยใคร่รู้ และถ้าเพียงแต่มีใครสักคนในเรือนไม้สังเกตเห็นก็จะพบว่าคุณจอมขวัญนั้นมีแววตกใจฉายผ่านดวงตาดำคู่นั้น
น้าสาววัยสี่สิบกว่าปีของจารุดาครองตัวเป็นโสดมานาน ดูแลทั้งน้าจันทร์ หลานจาและคนในบ้าน แม้อำนาจการสั่งการจะอยู่ในมือของคุณยายจันทร์ทั้งหมดแต่คุณจอมขวัญกลับครองใจคนในบ้านสวนและร้านอาหารได้มากกว่า แม้ทุกคนจะรู้ดีแก่ใจว่าหญิงชราดูดุ เข้มงวดแต่ลึกลงไปในใจแล้วมีความกรุณาต่อทุกคนที่ทำงานให้ แต่จะเป็นใครก็ต้องรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยกว่ากับเจ้านายที่ใจเย็น มีเมตตาอย่างคุณจอมขวัญ ไม่รวมถึงความจริงที่ว่าคุณจอมขวัญจ้องมองอย่างไม่เป็นมิตรเวลามีแฟนหนุ่มของพนักงานมารับส่งที่ร้าน หรือคอยแต่จะขัดหูหากใครพูดถึงแฟนหนุ่มหรือสามีให้ได้ยิน
จารุดาขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ หันหลังเดินมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างผู้เป็นยายแล้วหันไปเอ่ยถามเพื่อนสนิท
“ห้างใหญ่ที่กำลังจะฉลองครอบรอบสามสิบห้าปีน่ะเหรอคม”
“เรียกใครไม่รู้ไม่ชี้” นิคมทำสะดิ้งใส่เพื่อน ในบรรดาสามสาวเขาจะแสดงท่าฉุนเฉียวใส่ก็แต่กับจารุดาเท่านั้น ส่วนกับคุณจอมขวัญและคุณนายจันทร์นั้นแค่บ่นปอดแปด “ถ้าไม่เรียกชื่อจริงนิโคลก็ต้องเรียกชื่อเล่นนิกกี้”
หญิงสาวส่ายหน้าระอาใจกับเพื่อนสนิท จริงอยู่การรู้จักสนิทสนมกันมานานทำให้คุ้นชินกับการเรียกขานนิคมด้วยชื่อที่ดูไปคนละทิศละทางกับรูปกายอย่างนี้ แต่บางครั้งเธอก็มีเผลอไปบ้างซึ่งฝ่ายที่ถูกเรียกก็จะเดือดร้อนเกินกว่าเหตุเสียทุกครั้งไป
“จ๊ะ...แม่นิกกี้ ทีนี้บอกได้รึยังว่าเอกสารอะไร”
“เดี๋ยวสิ ยังอ่านไม่ถึงไหน เห็นแต่หัวเอกสารเอง”
นิคมชักจะให้ความสนใจกับจดหมายมากกว่าการนวดเฟ้นให้หญิงชรา คุณยายจันทร์จึงคว่ำเอกสารในมือลงบนตักส่งผลให้คนที่แอบอ่านอยู่ข้างหลังร้องอ้าว
“ไม่อ้าวล่ะ ก็ถ้าจะแอบอ่านซะจนไม่สนใจยายขนาดนี้ ก็เอาไปอ่านเองเสียเลยก็แล้วกัน แล้วก็เล่าให้ฟังกันทุกคนนี่แหละ”
“อุ้ย...แล้วก็ไม่บอกแต่แรกล่ะคะ มาค่ะ เดี๋ยวนิกกี้อ่านให้เอง รับรองว่าจะสรุปความให้ฟังไม่ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย”
พูดจบชายหนุ่มหัวใจสาวแหววก็กรีดนิ้วถือเอกสารในมืออ่านกวาดตาสรุปใจความก่อนบรรยายสิ่งที่ได้อ่านให้กับสตรีสามรุ่นฟังอย่างไม่ตกหล่นอย่างที่ได้ให้คำมั่น จะว่าไปต้องเรียกได้ว่าเกินกว่าไม่ตกหล่นเสียด้วยซ้ำ เพราะมีตอกไข่ใส่สี เพิ่มอารมณ์ความเห็นของผู้พูดเสร็จสรรพ
"ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปตากหน้า" คุณยายจันทร์เป็นคนแรกที่ให้ความเห็นหลังจากฟังบรรยายสรุปจากนิคมแล้ว แต่หญิงชราก็ยังมีความเป็นผู้นำประชาธิปไตยอยู่เล็กน้อยจึงหันไปถามหลานสาวทั้งสอง "ว่าไงล่ะแม่ขวัญ ยัยจา ยายว่าเราอยู่ของเราก็ดีอยู่แล้ว ลูกค้าก็มีมาเรื่อย ๆ ไม่ขาด ผลหมากรากไม้ในสวยก็ขายได้กำไรงามทั้งปี แค่นี้ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว"
คุณจอมขวัญลอบมองหลานสาวแท้ ๆ และหลานสาวไม่แท้ทั้งทางสายเลือดและเพศโดยกำเนิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างรู้ทันผู้เป็นน้า เหตุผลสำคัญไม่ใช่เพราะกลัวเหนื่อย
"ที่ไม่อยากให้ฉันกับหนูจาคุมคนไปเปิดบูธอาหารภาคกลางในห้างนี่ ไม่ใช่เพราะกลัวเหนื่อยหรอกมั้งน้าจันทร์"
"วะ...นังนี่ แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกห๊ะ" หญิงชราขึ้นเสียงสูงเกินจำเป็น หากรู้สึกตัวเร็วจึงลดระดับเอ่ยเสียงปกติทันที "ทุกวันนี้ยัยจาก็ทำงานทั้งที่ร้านที่โรงเรียน หล่อนก็ดูแลร้าน ดูแลบ้านยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม"
"แต่เราก็มีผู้จัดการร้านช่วยดูแลได้นะน้าจันทร์ แล้วเรื่องไปคุมเปิดบูธอาหารก็แบ่งคนในครัวไปส่วนนึงได้ ครัวเราก็ไม่ได้จะยุ่งกันทั้งวันเสียเมื่อไหร่" คุณจอมขวัญตอบเสียงเรียบ "แล้วน้าก็ไม่ต้องห่วงหรอกว่าฉันกับหนูจาจะได้มีเวลาเงยหน้ามองผู้ชายที่ไหน ถ้าไปออกบูธงานแบบนี้ล่ะก็ ฉันเคยเห็นมาแล้วนะ วุ่นวายจนจะไม่มีเวลาหายใจด้วยซ้ำ"
"จะยกเรื่องผู้ชงผู้ชายมาพูดถึงทำไม ก็บอกแล้วว่าที่ไม่อยากให้ทำน่ะเพราะกลัวว่าจะเหนื่อยกัน เห็นไหมล่ะ...วุ่นจนไม่มีเวลาเงยหน้ามองผู้ชาย แสดงว่ามันต้องเหนื่อยเอาเรื่อง" คุณยายจันทร์ชักเสียงอ่อนลง "แล้วเราล่ะยัยจา ว่าไงลูก"
"ปกติเวลาไปออกงานแบบนี้ คงต้องเสียค่าเช่าทีแพงมากนะคะยาย แต่งานนี้ห้างเขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพราะเสนอเรื่องให้เป็นโครงการด้านวัฒนธรรม เขาเชิญร้านอาหารที่ดังด้านอาหารภาคต่าง ๆ ไปออกบูธรวมกันที่ลานของห้าง ห้างนี้คนไปช้อปปิ้งซื้อข้าวของกันเยอะนะคะ ดังมาก...เราไม่ต้องเสียค่าเช่าแถมขายอาหารได้ด้วย จาว่างานอาทิตย์นึงเราคงได้รายได้ไม่น้อยเลย"
"แต่มันแปลก ๆ รึเปล่า ยายไม่ค่อยไว้ใจ ถ้าเขาจะเชิญหลายร้านก็ให้ร้านอื่นเขาไปเถอะ เกิดมีสัญญงสัญญาผูกมัดอะไรขึ้นมาทีหลังเราจะเสียเปรียบ"
"เท่าที่นิกกี้อ่านสัญญาดูแล้ว มันก็ระบุชัดนะคะคุณยาย เขาอาจจะแค่อยากจัดกิจกรรมให้มันใหญ่โตฉลองครบรอบก็ได้ แล้วเขาก็คงเล็งเห็นแล้วว่าร้านของคุณยายเลิศจริงอะไรจริง ถึงได้ติดต่อมา แถมคุณธนง ธนินอะไรคนนี้เนี่ยเขาเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาดเลยนะคะ ตำแหน่งก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ลองเขาถ่อมาชิมอาหารด้วยตัวเองถึงร้านแสดงว่าต้องมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปถึงหูเขาแน่ แล้วงานใหญ่แบบนี้ก็อาจจะมีพวกรายการต่าง ๆ มาถ่ายทำ พวกรายการผู้หญิง ๆ น่ะ ชอบนักล่ะค่ะกิจกรรมอะไรแบบนี้ ชิมไปพูดไปสัมภาษณ์ไปสนุกสนาน ลองถ้าเราได้ไปออกงาน ได้ออกรายการ แพร่ภาพไปทั่วประเทศ ร้านบ้านสวนคุณจันทร์ต้องดังระเบิดระเบ้อแน่เลยค่ะ"
นิคมร่ายยาวจนสามสาวสามวัยพากันนิ่งฟังเพลิน สิ้นเสียงของชายหนุ่มในห้องจึงเงียบสนิท
"ไม่พูดอะไรกันหน่อยเหรอคะ เดดแอร์เลยนะคะเนี่ย"
"หายใจทางไหนน่ะพ่อคุณ" คุณยายจันทร์ถามอย่างแปลกใจ "ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ"
"ว๊าย...คุณยายอ่ะ ว่านิกกี้พูดมากนิกกี้ไม่ว่านะคะ แต่เรียกพ่อคุณนี่นิกกี้ขอเลยค่ะ"
"เอาล่ะ ๆ แม่คุณก็แม่คุณจ๊ะ"
คุณยายจันทร์ส่ายหน้าหากปากคลี่ยิ้มอ่อนอย่างเอ็นดูเพื่อนสนิทของหลานสาว ที่รู้จักกับจารุดามาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย และเกือบจะถูกนางเอาไม้ฟาดหัวเอาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าบ้านสวนฐานที่ตามจีบหลานสาวสุดหวง เด็กหนุ่มวิ่งหนีร้องวี้ดว้ายโยนกระเป๋านักเรียนทิ้งลงพื้น ทำเอาคุณยายถึงบางอ้อว่าหลานสาวยึดมั่นในคำสั่งสอนที่ไม่ให้สนิทกับเพื่อนผู้ชาย
เด็กหนุ่มนางเดียวในห้องเรียนคหกรรมตามจารุดามาที่บ้านสวนเพราะรู้มาว่าทั้งยายและน้าของเพื่อนสนิทนั้นต่างเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารประจำภาค จึงต้องการมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนทั้งของคาวของหวานจนชำนาญก่อนจะตามไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยด้วยกัน ฐานะทางบ้านของนิคมพอส่งเสียให้ลูกชายที่ไม่ค่อยมีความเป็นชายอยู่ในตัวนักได้เรียนต่อกับสถาบันที่มีหลักสูตรสอนการทำอาหารจากต่างประเทศ หลานสาวแท้และไม่แท้ของคุณยายจันทร์ทั้งคู่จึงมีฝีมือการทำอาหารทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่งรวมไปถึงพวกขนมอบ
การที่จารุดามีนิคมเป็นเพื่อนสนิททำให้คุณยายอุ่นใจและคอยฝากฝังให้หลานสาวไม่แท้คอยเป็นกันชนไม่ให้ชายหนุ่มหน้าไหนมาเกาะแกะหลานสาว
"ว่าไงยัยจา ฉันว่าน่าสนใจนะ ถ้ากลัวไม่ไหวเดี๋ยวฉันไปช่วยด้วยก็ได้" นิคมเสนอ "ที่ร้านของฉันตอนนี้ก็อยู่ตัวมาก ๆ เพิ่งได้ผู้ช่วยมือดีมา สบายไปร้อยแปดอย่าง คนก่อนน่ะไม่ไหวถ้าไม่คุมก็เละทุกที"
"คงไม่ต้องรบกวนหรอกจ๊ะ" คุณจอมขวัญว่า "น้ากับยัยจาสองคนก็สลับกันไปดูแลได้ ในครัวก็มีคนไปช่วยทำ เตรียมอาหารเผื่อไว้แล้วก็แค่ไปทำอะไรต่อนิดหน่อยที่ห้าง ไม่น่าจะวุ่นวายอะไรมาก ส่วนที่จะต้องมาการสาธิตก็เตรียมของสดไปเท่าที่ต้องใช้"
"ดูจะอยากทำจริงนะแม่ขวัญ"
คุณจอมขวัญชะงักเล็กน้อยหากยิ้มอ่อนหวานตอบคำผู้เป็นน้า "นาน ๆ จะได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีนะน้า อีกอย่างมันก็ช่วยประชาสัมพันธ์ร้านเราด้วย ประชาสัมพันธ์ยัยจาในฐานะครูในโรงเรียนสอนทำอาหารด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง"
"จาก็ว่าดีนะจ๊ะยาย ถ้ายายไม่ไว้ใจจะตามไปคุมจากับน้าขวัญก็ได้"
"โอ๊ย...จะไปตามทำไม ยายมีผู้ช่วยมือหนึ่งอยู่แล้ว"
หญิงชรายิ้มกว้างหันไปมองทางชายหนุ่มครึ่งเดียวที่อยู่ในที่นั้น นิคมค้อนพองามบ่นพำ
"คุณยายอ่ะ เห็นนิกกี้เป็นแค่ไม้กันหมา อย่างนี้เมื่อไหร่นิกกี้จะสมหวังในรักสักทีละคะ"
"อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า ผู้ชายน่ะ...หาดีไม่ได้หรอกนะ มีแต่จะทำให้ช้ำใจเสียเปล่า ๆ" คุณยายจันทร์เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย "ก็ดูอย่างยายอย่างน้าขวัญเป็นตัวอย่างสิ อยู่มาได้จนป่านนี้ก็เพราะไม่ไปข้องเกี่ยวด้วยให้เจ็บตัวเจ็บใจนั่นแหละ จริงไหมแม่ขวัญ"
คุณจอมขวัญเพียงแต่ตอบรับคำหากดวงตานั้นมีแววหม่นฉายวูบขึ้นมา ทว่าในวินาทีถัดมานางกลับสามารถส่งยิ้มให้กับน้า หลานสาวและเพื่อนสนิทของหลานได้ ซ่อนสิ่งที่รบกวนจิตใจได้อย่างแนบเนียน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2555, 21:27:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2555, 21:27:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 4979
<< ตอนที่ 1 | ตอนที่ 3 >> |

กมลภัทร 1 ต.ค. 2555, 21:36:04 น.
ตอบเมนท์ครับ
แล่นแต๊ >>>> ตอนนี้ยังนะครับ อิอิ
กาซะลองพลัดถิ่น >>>> ดีจังรู้สึกว่าหวยไม่ได้ออกตามนี้ กลัวคนมาขูดขอเลขอ่ะครับ
lovemuay >>>> ป้าเฉิ่มกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์ จะไหวรึเปล่า อิอิ
sai >>>> ยังไงครับ เหมือนที่คิดรึเปล่า
ดารัณ >>>> ขอบคุณครับ
panon >>>> มาแล้วครับ แต่ขอลงห่างนิดนึงนะครับ ระหว่างที่พยายามปั่น ปลุกความขยันให้ตัวเองอยู่
pattisa >>>> ตัวปลอม ตัวจริงเสียงจริงครับ คือตัวปลอมจริง ๆ ไม่มีตัวจริงมา 555
bluelily >>>> กดดันตัวเองยังไม่ค่อยจะสำเร็จ อย่าหวังซะให้ยาก
nasa >>>> ประมาณนั้นครับ
wane >>>> มาแล้วคร้าบบบบ ห่างหน่อยแต่มาแน่
ใบบัวน่ารัก >>>>> ไม่ถึงกับหลอกเอาหรอกครับ แค่หลอกตีสนิท จะได้เจรจาเรื่องซื้อขายที่ได้
Pat >>>> เรียกว่าลองเชิงคงไม่ได้ เรียกว่าไล่กระเจิงดีกว่าครับ
nunoi >>>> ^__^
น้องอุด้ง >>>> ยินดีครับ ดีใจที่มีคนรออ่านนะครับ
เพียงพลอย >>>> หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้พลอยตามอ่านได้เหมือนเรื่องที่แล้วนะจ๊ะ
หมายเหตุ....ต้องขออภัยนะครับ บางทีตอบคอมเมนท์ของเพื่อน ๆ อาจจะไม่ได้ตอบแบบยาว ๆ ทุกคน บางทีคอมเมนท์คล้าย ๆ กันมา ก็ตอบเป็นไอค่อนยิ้มบ้างอะไรบ้าง แต่อยากให้รู้ว่าอ่านคอมเมนท์ทุกคนและยินดีในไมตรีจิตของคนอ่านทุกคนนะครับ
ตอบเมนท์ครับ
แล่นแต๊ >>>> ตอนนี้ยังนะครับ อิอิ
กาซะลองพลัดถิ่น >>>> ดีจังรู้สึกว่าหวยไม่ได้ออกตามนี้ กลัวคนมาขูดขอเลขอ่ะครับ
lovemuay >>>> ป้าเฉิ่มกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์ จะไหวรึเปล่า อิอิ
sai >>>> ยังไงครับ เหมือนที่คิดรึเปล่า
ดารัณ >>>> ขอบคุณครับ
panon >>>> มาแล้วครับ แต่ขอลงห่างนิดนึงนะครับ ระหว่างที่พยายามปั่น ปลุกความขยันให้ตัวเองอยู่
pattisa >>>> ตัวปลอม ตัวจริงเสียงจริงครับ คือตัวปลอมจริง ๆ ไม่มีตัวจริงมา 555
bluelily >>>> กดดันตัวเองยังไม่ค่อยจะสำเร็จ อย่าหวังซะให้ยาก
nasa >>>> ประมาณนั้นครับ
wane >>>> มาแล้วคร้าบบบบ ห่างหน่อยแต่มาแน่
ใบบัวน่ารัก >>>>> ไม่ถึงกับหลอกเอาหรอกครับ แค่หลอกตีสนิท จะได้เจรจาเรื่องซื้อขายที่ได้
Pat >>>> เรียกว่าลองเชิงคงไม่ได้ เรียกว่าไล่กระเจิงดีกว่าครับ
nunoi >>>> ^__^
น้องอุด้ง >>>> ยินดีครับ ดีใจที่มีคนรออ่านนะครับ
เพียงพลอย >>>> หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้พลอยตามอ่านได้เหมือนเรื่องที่แล้วนะจ๊ะ
หมายเหตุ....ต้องขออภัยนะครับ บางทีตอบคอมเมนท์ของเพื่อน ๆ อาจจะไม่ได้ตอบแบบยาว ๆ ทุกคน บางทีคอมเมนท์คล้าย ๆ กันมา ก็ตอบเป็นไอค่อนยิ้มบ้างอะไรบ้าง แต่อยากให้รู้ว่าอ่านคอมเมนท์ทุกคนและยินดีในไมตรีจิตของคนอ่านทุกคนนะครับ


lovemuay 1 ต.ค. 2555, 22:16:29 น.
ท่าทางคุณยายจะมีอดีต แถมอาจจะเกี่ยวกับครอบครัวพระเอกด้วย?
คุณชายเป็นบอกเค้าเฉิ่ม ทำเวลาอย่ามาวิ่งตามเค้าละกัน
ท่าทางคุณยายจะมีอดีต แถมอาจจะเกี่ยวกับครอบครัวพระเอกด้วย?
คุณชายเป็นบอกเค้าเฉิ่ม ทำเวลาอย่ามาวิ่งตามเค้าละกัน


ของขวัญ 1 ต.ค. 2555, 23:00:31 น.
เอ๊ะๆ คุณน้าจอมขวัญมีอดีตอะไรกับพ่อของพระเอกหรือเปล่าคะเนี่ย
เอ๊ะๆ คุณน้าจอมขวัญมีอดีตอะไรกับพ่อของพระเอกหรือเปล่าคะเนี่ย

bluelily 1 ต.ค. 2555, 23:06:11 น.

คุณยายท่าทางจะมีอดีตที่ไม่น่าพิศมัยกับผู้ชาย
แล้วมันจะดราม่าไหมอ่ะเรื่องนี้น้องต้องเตรียมผ้าผืนหนา ๆ ไว้ซับน้ำตาไหม เพราะกลัวว่ากระดาษทิชชู่มันจะไม่พอ

ปล.ไม่เป็นไรเดี๋ยวน้องช่วยกดดันทุกช่องทางตอนนี้น้องว่างงงงงงงงงงงงง ขออย่างเดียวอย่า บล๊อกเค้าเป็นพอ


แล้วมันจะดราม่าไหมอ่ะเรื่องนี้น้องต้องเตรียมผ้าผืนหนา ๆ ไว้ซับน้ำตาไหม เพราะกลัวว่ากระดาษทิชชู่มันจะไม่พอ


ปล.ไม่เป็นไรเดี๋ยวน้องช่วยกดดันทุกช่องทางตอนนี้น้องว่างงงงงงงงงงงงง ขออย่างเดียวอย่า บล๊อกเค้าเป็นพอ







น้องอุด้ง 8 ต.ค. 2555, 10:37:09 น.
คุณยายมีอดีตไรน้อ ตามต่อค่า
คุณยายมีอดีตไรน้อ ตามต่อค่า