แผนรักพันใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3

ห้างสรรพสินค้าเดอะเบสท์ตั้งอยู่ในทำเลทอง ติดถนนสายเศรษฐกิจเส้นใหญ่เส้นหนึ่งของกรุงเทพ ตระกูลทรัพย์มหาศาลกว้านซื้อที่ดินแถบนั้นไว้ได้ตั้งแต่ตอนที่ที่ดินยังราคาไม่สูงมากนัก เริ่มต้นสร้างห้างใหญ่โตมาตั้งแต่ยุคที่เศรษฐกิจยังไม่ฟูเฟื่อง แต่เพราะทำเลที่ตั้งทำให้ผู้คนพากันมาจับจ่ายซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ หาร้านอาหารดี ๆ รับประทาน ผู้บริหารในยุคปู่ย่าของธนินมีวิสัยทัศน์กว้างไกลนำพาเดอะเบสท์เป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าดังอันดับต้น ๆ ของประเทศ

เมื่อถึงรุ่นพ่อและลุงของธนินก้าวเข้ามาบริหาร เดอะเบสท์เริ่มขยายธุรกิจจากที่สร้างโรงภาพยนตร์ระบบมัลติเพล็กซ์ภายในห้างสรรพสินค้า เฟื่องฟูจนสู่ยุคที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยเจริญสูงสุด ญาติพี่น้องส่วนหนึ่งจึงแยกไปบริหารเดอะเบสท์ ซีเนเพล็กซ์เปิดเป็นโรงภาพยนตร์ครบวงจร มีร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ เปิดสาขากระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพ ทั้งยังรวมไปถึงสาขาต่างจังหวัดตามจังหวัดท่องเที่ยวที่ทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูง

เมื่อถึงจุดที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ไม่มีสาขาอย่างเดอะเบสท์จะขยายตัว เปิดสาขาใหม่ในจังหวัดท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ ทำเลทองที่เคยเป็นกรรมสิทธิของคุณยายจันทร์จึงเป็นที่หมายตาของเหล่าผู้บริหาร และเมื่อผู้เป็นพ่อรับอาสาที่จะจัดการเรื่องนี้ ธนินจึงต้องเข้ามาพัวพันกับเจ้าของที่ดินคนปัจจุบัน

'ยัยป้าเฉิ่ม' ที่ไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่มาพร้อมกับหลานสาวยายจันทร์คนที่ธนินเพิ่งจะเจออิทธิฤทธิ์เข้าไปเมื่อครั้งที่ไปเยือนร้านอาหารบ้านสวนคุณจันทร์

"ไหนคะ ตรงไหนที่ จะให้เรามาเปิดครัวทำอาหารภาคกลาง"

นิคมซักหูตาแพรวพราว ขณะที่ทายาทของคุณยายจันทร์ตัวจริงดูจะสงบปากสงบคำเอาเรื่อง ตั้งแต่มาถึง แนะนำตัวกันแล้วก็ปิดสวิตซ์ตัวเองไป ทิ้งหน้าที่ให้หลานสาวไม่แท้เป็นฝ่ายเจรจา

ธนินกลั้นใจอย่างอดทน ใจคอจารุดาจะใช้เพื่อนสนิทเป็นปากให้หรืออย่างไรกันนะ ตั้งแต่พูดคุยทางโทรศัพท์ตกลงจะมาขอพูดคุยที่ห้างสรรพสินค้าพร้อมกันดูสัญญาในการให้ใช้พื้นที่ออกจำหน่ายสินค้า จนกระทั่งมาเจอกันต่อหน้าแบบนี้ ทุกอย่างผ่านทางนิคม เขาไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือของจารุดา มีแต่เบอร์ของเพื่อนชายใจหญิงของเธอเท่านั้น

ชายหนุ่มฝืนยิ้ม ทั้งที่รู้สึกเซ็งสุด ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาพบ ยินดีที่จะทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างหนามาให้เขา รูปร่าง หน้าตา ฐานะ อย่างธนินไม่เคยต้องง้อ ไม่เคยต้องพยายามหาทางเข้าถึงผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ผู้หญิงจืดชืดแต่งตัวเชย ๆ อย่างจารุดากลับไม่แสดงท่าทีว่าสนใจเขาเลยสักนิด

ถือว่าตัวเองมีดีตรงไหนนักหนา ถึงได้เมินคนอย่างนายธนิน...ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิดในใจและที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวมากไปอีกก็คือเสียงดัดฟังแปร่งหูของคนที่เหมาพูดจ้ออยู่คนเดียว

“นึกภาพไม่ออกเลยนะคะเนี่ย ตอนนี้มีแต่น้องหมา สิงสาราสัตว์เต็มไปหมด”

ลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าเดอะเบสท์ซึ่งมีขนาดเกือบเท่ากับฮอลล์ในศูนย์แสดงสินค้าใหญ่ ๆ ตอนนี้มีงานสัตว์เลี้ยงแสนรัก ร้านรวงที่มาร่วมงานต่างเป็นร้านที่ขายสัตว์เลี้ยงอย่างหนูแฮมสเตอร์ กระต่าย หนูตะเภา แมว สุนัข นก ไปกระทั่งถึงสัตว์ที่แค่เห็นหลายคนก็รู้สึกแขยงขึ้นมาอย่างอีกัวน่า ขณะนี้ก็บนเวทีมีการจัดเดินแฟชั่นโชว์สุนัขโดยมีนางแบบ นายแบบอาชีพเป็นผู้จูง

“ต้องใกล้วันงานกว่านี้หน่อยครับ ลานกิจกรรมของห้างเราไม่ค่อยว่าง ส่วนใหญ่จะจองเต็มตลอดเกือบทั้งปี จะมีก็งานที่เชิญบ้านสวนยายจันทร์มาออกนี่แหละครับ ที่ต้องจัดคิวให้พิเศษเพราะทางราชการขอความร่วมมือแล้วก็ให้งบสนับสนุนส่วนหนึ่งเราเองก็อยากจะจัดกิจกรรมแนวไม่แสดงหากำไรบ้างน่ะครับเพื่อชื่อเสียงของห้าง งานนี้เราเคลียร์ลานให้ว่างก่อนช่วงงานพอสมควรครับเพราะเป็นงานใหญ่ จะมีการจำลองเรือนของภาคต่าง ๆ ด้วย ถ้าคุณจาสนใจ...” ธนินจงใจเอ่ยถึงจารุดาเพียงคนเดียว “จะมาดูตอนที่เขาเอาเรือนไทยมาประกอบก็ได้นะครับ เผื่อว่าจะช่วยออกความเห็นอะไรได้บ้าง”

ยังไม่ทันที่ใครจะตอบอะไรเสียงเรียกชื่อของธนินก็ดังมาจากทางหนึ่ง พร้อมกับเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊ง เจ้าของเสียงนั้นเป็นหญิงสาวดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจารุดา หากเมื่อเทียบกันแล้วเป็นภาพที่ต่างกันราวผ้ากับดินในความคิดของธนิน จารุดาเหมือนน้ำเปล่า ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นเหมือนเครื่องดื่มสีสันและรสชาติร้อนแรง เธอดูสวยสง่ากว่าภาพที่ใครเห็นตามหน้านิตยสาร

ชนิกาเป็นนางแบบดังที่มีงานต่อเนื่องมาหลายปี มาดนางพญาดูเหมือนจะติดตัวจนสลัดไม่หลุด เธอส่งเชือกจูงสุนัขคืนให้ทีมงานหน้าเชิด ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองสิ่งมีชีวิตที่เธอเพิ่งจูงเดินเฉิดฉายบนเวทีพร้อมแสดงท่าทีเหมือนรักมันหนักหนา หากเมื่อหันมามองธนินเต็มตาเจ้าหล่อนก็ยิ้มแย้มเต็มหน้า

"ธนินคะ ดีใจจังเลยค่ะที่เจอ"

"นิกา" ธนินเอ่ยเรียก รู้สึกร้อนวูบขึ้นเมื่อนางแบบสาวเอื้อมมาเกาะต้นแขนของเขาแนบแน่นออกแรงบีบแผ่วเบา "มาเดินแบบเหรอครับ"

"ก็ใช่น่ะสิคะ อย่าบอกนะคะว่าคุณลืมว่าวันนี้ฉันมีเดินแบบ คืนนั้นฉันว่าฉันบอกคุณแล้วนะคะ ตอนเช้าก่อนที่เราจะแยกกันฉันยังบอกเลยว่าจบงานแล้วจะชวนคุณไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกัน"

ทั้งน้ำเสียงและความนัยของประโยคนั้นทำเอาธนินต้องรีบหันไปมองทางจารุดาและนิคม ยิ้มแห้ง...จริงอยู่เขาไม่ได้หวังจะให้จารุดาหลงรักเขา แต่ภาพชายหนุ่มรักสนุกคงจะยิ่งทำให้ยากที่จะเข้าถึงผู้หญิงแบบจารุดา

หงิม เรียบร้อย พูดน้อยแบบนี้คงจะหัวโบราณ รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้แน่

"เอ่อ...พอดีช่วงนี้ผมยุ่งครับ ใกล้งานใหญ่แล้ว"

"งานที่บอกว่าจะเอาเรือนภาคต่าง ๆ มาจัดที่ลานนี้เหรอคะ น่าสนุกจัง" ชนิกาตะปบแขนอีกข้างเข้ากับแขนของธนิน ยืนเบียดแนบชิด ก่อนจะทำทีคล้ายแลไปทางหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่ยืนอยู่กับธนินแล้วหันกลับมาถามคนข้างตัว "แล้วสองคนนี้...ใครกันเหรอคะ"

ธนินเอ่ยแนะนำให้นางแบบสาวรู้จักกับจารุดาและนิคม ชนิกาแสดงท่าเพียงรับรู้ว่าทั้งสองเป็นใคร เทความสนใจให้กับชายหนุ่มที่เธอเกาะอยู่มากกว่า

"แล้วนี่คุยธุระกันเสร็จแล้วเหรอคะ นิกาเดินแบบเสร็จพอดี เราไปหาอะไรทานกันนะคะ"

"ดีเลยค่ะ นิกกี้ก็หิวอยู่เหมือนกัน" นิคมรับทันที "ไปค่ะ...ร้านไหนดีคะ"

"ขอโทษนะคะ" ชนิกาหันมาว่าหน้าเชิด "ฉันนัดกับคุณธนินเอาไว้ ว่าจะทานข้าวกันสองต่อสอง"

"สองต่อสองก็เป็นสี่ เราสี่คนก็พอดีนี่คะ จริงไหมคะคุณธนิน"

ธนินมองนิคมแล้วเลื่อนสายตาไปที่จารุดา ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นดูสงบจนยากจะบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกันแน่ ชายหนุ่มรู้สึกลำบากใจเอาการเพราะอยากจะไปรับประทานอาหารกับนางแบบสาวสองต่อสองก็อยาก อยากจะผูกสัมพันธ์กับจารุดาตามภาระที่ได้รับมอบหมายจากบิดาก็อยาก

"เราก็ไปหาอะไรกินกันสองคนก็ได้ อย่าไปขัดคอเขาเลย" จารุดากระซิบกับนิคมแล้วหันมายิ้มกับธนินและชนิกา "ขอตัวนะคะ ถ้าจะติดต่อเรื่องเตรียมงานก็ติดต่อไปที่เบอร์ของนิคมเลยค่ะ"

"นิกกี้"อาคมไม่วายกระซิบแก้ ทว่ายอมเดินตามเพื่อนไปแต่โดยดี เมื่อพ้นระยะที่ธนินกับชนิกาจะได้ยิน ชายหัวใจหญิงก็จุปากอย่างขัดใจ "เธอนี่ไม่น่าจะหนีเลยนะ น่าจะไปกินอะไรกันสี่คนน่าสนุกดีออก"

"จะบ้าเหรอ...เขาก็บอกอยู่ว่านัดกันกินข้าวสองต่อสอง จะไปเป็นสามเป็นสี่ทำตัวเป็นก้างขวางคอเขาทำไมล่ะ"

"ก็มันน่าขัดใจนี่" นิคมเบ้ปาก "แม่นางแบบนั้นสวยก็สวยอยู่หรอกนะ แต่ทำท่าทำทางเหมือนกับเราสองคนเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ไม่อยู่ในสายตา คอยแต่เกาะแขนเกาะขาคุณธนิน"

"มันเรื่องของเขา เราจะไปสนใจทำไมล่ะ"

"อดไม่ได้ เกลียดคนวางท่า"

"เราคงไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาหรอก ทำงานเสร็จแล้วก็แล้วกัน จะไปสร้างศัตรูทำไม ดูท่าเขาคงจะสนิทสนมกันพอดู"

"สนิทแนบแน่น แนบกันทั้งตัวล่ะไม่ว่า...พูดจาน่าเกลียด เหมือนอยากจะประกาศตัวว่านอนกับผู้ชายมาแล้ว กล้าพูดนะยะ...ไม่ถ่ายคลิปมาอวดเลยล่ะ"

"หึงเหรอ" จารุดาแหย่ รอยยิ้มและแววตาในตอนนี้ต่างจากตอนที่อยู่ต่อหน้าธนิน เมื่ออยู่กับนิคมและพ้นจากสายตาของผู้เป็นยาย หญิงสาวมักจะดูสดใสขึ้น ช่างพูดช่างเจรจาและมีจริตผู้หญิงอย่างที่ผู้เป็นยายเห็นเข้าคงไม่ค่อยชอบใจนัก"เห็นมองคุณธนินตาเล็กตาน้อย"

"ไม่อ่ะ ดูออกว่ายังไงเขาก็พวกชอบหญิงแท้ ชอบมากด้วยมั้ง" พอเริ่มติดเครื่องเขาก็ทำท่าว่าจะเบรกไม่อยู่ "จะว่าไปแล้วฉันว่ามันแปลก ๆ จริง ๆ อย่างที่ยายจันทร์ว่าด้วยล่ะแก พอฉันโทร.ตอบตกลงไม่นานก็โทร.มาจะขอนัดให้เธอมาดูสถานที่ ทั้งที่ฮอลล์ยังมีจัดงานสารพัดสัตว์โชว์อยู่เลย มาดูสถานที่ตอนนี้ก็ไม่ได้เห็นภาพสักหน่อยว่าอะไรเป็นอะไร หรือว่าเขาจะมาจีบเธอจริง ๆ"

"เพ้อแล้ว" หญิงสาวแย้ง รู้สึกร้อนผ่าวที่พวงแก้มขึ้นมาเล็กน้อย "ดูผู้หญิงที่เขาเลือกได้ซะก่อน นางแบบดังเชียวนะคนนั้นน่ะ หน้าตา ฐานะอย่างเขาเลือกผู้หญิงได้ตั้งมากตั้งมายจะมาเลือกจีบผู้หญิงที่แต่งตัวเชยแบบฉันเนี่ยนะ รู้จักมักจี่กันมาก่อนก็ไม่สักนิด เป็นมือปืนรับจ้างให้ยายจนติดความคิดของยายไปแล้ว"

"ว่าได้ที่ไหน พวกเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันเขาก็อาจจะจีบขำ ๆ แต่คนจะเป็นแม่ของลูกนี่ต้องขัดเลือกนะ ลักษณะท่าทางแบบเธอเนี่ยผู้ชายอาจจะมั่นใจได้ไง ว่าได้ของดีไม่มีตำหนิ แต่ก็ว่าไม่ได้อีกแหละพวกหงิม ๆ เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้แต่แอบแรงก็มีเหมือนกัน ยังไงฉันว่าเรื่องที่คุณธนินคนนี้เขาหาทางเข้าใกล้เธอมันก็ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่...อุ๊ย!"

พูดลืมหายใจอยู่ดี ๆ นิคมก็ร้องขึ้น จารุดาขยับจะถามสาเหตุทว่าสายตามองไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินใกล้เข้ามาเสียก่อนจึงพอเข้าใจอาการของเพื่อนสนิท เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มรายนั้นดังขึ้น หนุ่มมาดแมนกดรับแล้วส่งเสียงตอบปลายสาย

"ถึงแล้วย่ะ รีบมาด่วนเลยนะฉันหิว...กินผู้ชายได้ทั้งห้างแล้วนะ"

หนุ่มผู้เป็นเป้าสายตาของนิคมยังคงพูดคุยหัวร่อต่อกระซิบกับปลายสายต่อกระทั่งเดินสวนกับนิคมและจารุดา หญิงสาวกลั้นยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าเหวอ

"ตายล่ะ เดินมาแต่ไกลเห็นมาดแมนแฮนด์ซั่ม นิกกี้อุตส่าห์เก๊กแมน ที่ไหนได้...สาวกระจายกว่าฉันอีก เดี๋ยวนี้เป้าหมายฉันดูยากขึ้นทุกวันแล้วนะเนี่ย"

คราวนี้จารุดาถึงกลับหลุดหัวเราะ

"หัวเราะอะไรยะ อารมณ์เสียจริง ๆ เลย ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่า เดี๋ยวนิกกี้โทร.ไปขอคุณยายจันทร์ให้เอง"

หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ ทิ้งหน้าที่ต่อสายไปขออนุญาตผู้เป็นยายให้นิคม

"ค่ะ...คุณยายคุยธุระเสร็จแล้วค่ะ แต่วันนี้นิกกี้อยากชวนยัยจาหาอะไรอร่อย ๆ กินต่อ...ค่ะ สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือ...สมิงสาวว่าจะไปส่งยัยจาให้ถึงบ้านและระหว่างนั้นจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายที่ไหนมาเกาะแกะหลานสาวคุณยาย ใครมองใครจ้อง นิกกี้จะเอาหนังกะติ๊กยิงให้ตาบอดเลยดีไหมคะ"

จารุดาส่ายหน้าเล็กน้อยหากอดหัวเราะกับความล้นของนิคมไม่ได้ และจะเพราะเขาพูดเป็นคุ้งเป็นแควสุดท้ายจนปลายสายมึนหรือเพราะหลงเชื่อว่านิคมจะเอายางรัดดีดตาผู้ชายที่มามองเธอจริง ๆ ไม่ใช่จะไปรุกไล่เสนอตัวแทนจนผู้ชายหรือกระเชิงก็สุดจะคาดเดา หากสุดท้ายนิคมก็ร้องไชโยเมื่อคุณยายจันทร์เอ่ยปากอนุญาต



ของสดบนตะแกรงเริ่มส่งกลิ่นหอมหลังจากถูกความร้อนจากตะแกรงย่างจนสุก ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นร้านนี้มีสาขาตามห้างสรรพสินค้าใหญ่เกือบทุกแห่ง กว่าจะได้คิวนั่งนิคมและจารุดาต้องนั่งรออยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง ผู้ที่ใช้คำนำหน้าว่านายแต่กิริยาชม้อยชม้ายยิ่งกว่าหญิงสาวแท้อย่างเพื่อนสนิทจึงลืมการรักษาภาพสาวสวยไปเสียสิ้น

"ระวังจะติดคอนะ รีบจังเพิ่งจะเริ่มเอง"

"แหม" นิคมยกมือขึ้นปิดปากเคี้ยวชิ้นเบคอนบางที่เพิ่งคีบเข้าปากก่อนกลืนลงคอ "ร้านกำหนดเวลาก็ต้องทำเวลาหน่อยสิ เดี๋ยวไม่คุ้มเงิน"

"จะกินได้แค่ไหนกันเชียว รีบกินขนาดนี้เดี๋ยวก็อิ่มซะก่อน"

หญิงสาวส่ายหน้าเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ ยังคงคีบอาหารสดลงย่างบนตะแกรงและคีบอาหารที่สุกได้ที่แล้วเข้าปากอย่างต่อเนื่อง นั่งได้ไม่นานจารุดาก็ต้องเก็บแว่นลงกล่องที่พกติดมาในกระเป๋าสะพายเพราะเริ่มรำคาญควันที่เกาะอยู่กับกระจก

"ถอดบ้างก็ดี ไม่ใช่เลนส์สายตาก็ใส่อยู่ได้"

"รู้กันอยู่ว่าทำไมต้องใส่"

นิคมพยักหน้ารับรู้ ปลงกับเหตุผลที่จารุดาต้องพยายามทำตัวให้ดูเชยอยู่ตลอดเวลา ก็ขนาดเพื่อนสาวทำตัวไม่ให้สะดุดตาใครมาตั้งแต่เรียนมัธยมแต่ก็ยังไม่วายมีผู้ชายมาหลงชอบ จนคุณยายจันทร์ร่ำจะให้หลานสาวเลิกเรียนอยู่หลานหน ขืนจารุดาลุกขึ้นมาถอดแว่นสลัดคราบลูกเป็นขี้เหร่เอาขนหงส์มาแซมแทนมีหวังโดนเอาโซ่ล่ามขาไว้กับบ้านแน่ คิดไปก็นึกสงสารเพื่อนสาวคนสนิท

"ไว้เราไปเที่ยวทะเลกันอีกดีกว่า ไม่ได้ไปกันนานแล้วนะ" นิคมนึกได้ "มีช่วงหยุดยาวเดือนหน้า เดี๋ยวฉันจองที่พัก โรงแรมให้เอง ชวนเพื่อนคนอื่น ๆ ไปด้วย เสื้อผ้าที่ไปคราวก่อนยังเก็บรักษาไว้ให้อย่างดี"

จารุดายิ้มอ่อน นึกถึงเสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับใส่เดินเที่ยวชายทะเลซึ่งเธอต้องซื้อฝากให้นิคมเก็บเอาไว้ และจัดกระเป๋าด้วยเสื้อยืดสีเข้มกางเกงขายาวทั้งกางเกงผ้ากางเกงยีน เพื่อให้ผ่านด่านตรวจของคุณยายจันทร์ ไปเที่ยวทีก็ต้องใส่ชุดเรียบร้อยสร้างภาพให้ยายสบายใจก่อนจะผลัดเปลี่ยนเป็นชุดที่เตรียมเอาไว้ หญิงสาวไม่ได้อยากจะแต่งตัวอวดเนื้อหนังอย่างใครเสื้อผ้าที่เตรียมไปอีกชุดนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรเกินงาม หากแต่ต้องการทำตัวแบบคนทั่วไปบ้าง

แม้เคยพบเห็นผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานมาหลายคน แต่ก็ยังแต่งเนื้อแต่งตัวค่อนข้างทันสมัยไม่ต้องพยายามทำตัวให้เชยอย่างที่เธอจำเป็นต้องทำเพื่อความสบายใจของยายและเพื่อให้เธอได้ออกมาทำงานอย่างที่อยากทำ

"ถ้าขอยายให้ได้ ไปไหนก็ไปกันอยู่แล้ว"

"เลิศมากเพื่อนสาว" นิคมประสานมือทั้งสองข้างไว้ได้คางเอียงคอทำหน้าตาเพ้อฝัน "ฉันจะได้ไปเที่ยว เดินเล่นชายหาด ดูหนุ่ม ๆ อาบแดด โอ๊ย...แค่คิดก็..."

"เกินไปละ กินเข้าเถอะ ไหนว่ากลัวไม่คุ้มไง"

จารุดายิ้มขันกับท่าทีของนิคมที่เหมือนนึกได้รีบคว้าตะเกียบคีบอาหารเริ่มปฏิบัติการโซ้ยแหลกอีกครั้ง หากเมื่อเหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้านอาหาร หญิงสาวก็หุบยิ้มลง แววสดใสในดวงตาเมื่อครู่เลือนหายไปในทันที

"เป็นอะไรทำหน้าเหมือนเห็นผี" นิคมขมวดคิ้วหันกลับไปมองทางด้านหลังเพราะเขาหันหลังให้กับประตูทางเข้าร้าน เมื่อเห็นหนึ่งในกลุ่มหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามา ก็สะบัดหน้ากลับมาทางจารุดาแทบจะทันที "แม่เจ้า...นี่มันยิ่งกว่าผีอีกนะเธอ เอาไงทีนี้"

"เฉยไว้เถอะ เขาอาจจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเราหรอก"

"น้อยไปสิ ถึงจะเคยเจอแม่นี่ไม่กี่ครั้งแต่ฉันก็รู้ว่าเป็นพวกชอบแกว่งปากหาเท้า เอ๊ย...แกว่งเท้าหาเสี้ยน อยู่ร่วมโลกกันดี ๆ ไม่เป็น เธอต้องแผ่เมตตา กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้บ่อยกว่านี้แล้วนะยัยจา แม่นี่จะได้ไปผุดไปเกิด ไปที่ชอบที่ชอบสักที"

เสียงพูดคุยระรื่นของกลุ่มหญิงสาวใกล้เข้ามาเรื่อยและเมื่อผ่านโต๊ะที่จารุดาและนิคมนั่งรับประทานอาหารอยู่ ใครคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินหันไปบอกกับเพื่อนที่มาด้วยกัน

"พวกเธอไปที่โต๊ะก่อนนะ พอดีเจอคนรู้จักน่ะ"

ผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มเดินต่อไปยังโต๊ะด้านใน คงเหลือเพียงหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูมีละม้ายจารุดา ส่วนสูงไล่เลี่ยกัน รูปร่างและโครงหน้ามีเค้าไปทางเดียวกัน จมูกและเรียวปากของทั้งคู่มีส่วนคล้ายกันมาก ส่วนดวงตาและรูปหน้าของสุจิรานั้นดูออกไปทางผู้เป็นแม่มากกว่า ผู้ที่เพิ่งเข้ามาในร้านคลี่ยิ้มให้หากทั้งนิคมและจารุดาต่างสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มนั้นถูกปั้นแต่งจนดูเป็นยิ้มหยัน

"บังเอิญจังนะมาเจอกันได้ โลกกลมจริง"

สุจิราไม่รอให้ใครเชิญ หย่อนตัวลงนั่งข้างจารุดา

"โอ๊ย! จะกินลงไหมเนี่ย ร้านนี้ไม่มีถังใส่ขยะมีพิษหรือไงก็ไม่รู้" นิคมพูดลอยหน้า "ได้กลิ่นอะไรไม่ดีไหมยัยจา เมื่อกี้ก็ยังบรรยากาศดี ๆ อยู่นะเพิ่งจะได้กลิ่นนี่แหละ"

จารุดานิ่งไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ปรามนิคมที่เปิดฉากแขวะสุจิราก่อน เพราะดูจากสีหน้า แววตาแล้วก็รู้ว่ารายนั้นคงไม่ได้คิดจะมาดี คนที่ถูกเหน็บแนมชักสีหน้าใส่ผู้พูดแต่หันมาฉีกยิ้มกว้างให้จารุดา

"ดีใจจังเลยที่เจอ"

หญิงสาวขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าสุจิราจะมาไม้ไหน ปกติ 'ลูกสาวของพ่อ' คนนี้ไม่เคยพูดดีกับเธอยิ่งถ้ามีคุณสโรชาผู้เป็นแม่ร่วมด้วยแล้ว จารุดาเป็นต้องแน่ใจว่าจะต้องเจอน้ำคำเฉียดเฉือน เยาะเย้ยถากถางจากปากทั้งคู่แน่

"พอดีว่าคุณพ่อกับคุณแม่ท่านไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน คิดว่าคุณพ่อคงไม่ได้บอกใช่ไหม"

จารุดาพอจะเดาทางได้ว่าสุจิราต้องการอะไรเธอจึงเพียงแต่นิ่งไม่ตอบคำถามแม้รู้ดีว่าไม่อาจจะหยุดคำพูดของอีกฝ่ายที่ตั้งใจจะหาเรื่องได้ และยิ่งรู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องโต้แย้งอะไรเองเมื่อมีนิคมอยู่ด้วย

"แล้วคุณลุงเค้าไม่ได้บอกเธอหรือไงว่าบอกหรือไม่บอกเรื่องจะไปเมืองนอกกับลูกสาวเขาน่ะ"

"ใครเขาพูดกับเธอไม่ทราบ"

"นั่นน่ะสิ ใครเขาพูดกับเธอ ก็เห็นอยู่ว่ายัยจายังไม่พูดอะไรสักคำ คนเขาไม่พูดด้วยก็แสดงว่าไม่อยากคุย ไม่อยากวิสาสะด้วย แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือไง แล้วที่หย่อนก้นลงนั่งจุ้มปุ๊กตรงนี้น่ะ มีใครเขาเชื้อเขาเชิญไม่ทราบ"

"นี่จา จะไม่ห้ามปรามเพื่อนหน่อยหรือไง ปล่อยให้มาพูดจาแบบนี้กับจินนี่ได้ยังไงกัน" สุจิราหันไปหาตัวช่วย "ยังไงเราสองคนก็ลูกคุณพ่อเหมือนกันนะ"

นิคมขยับจะอ้าปากแต่จารุดาพยักหน้าให้เล็กน้อย ทำเอาชายไม่จริงมองค้อนขวับ

"ถึงเราจะเป็นลูกคุณพ่อเหมือนกันแต่เราก็รู้กันอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอว่าจริง ๆ แล้วอย่างอื่นมันไม่เหมือนกันเลยสักนิด"

"หมายถึงเรื่องที่แม่ของจินนี่เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายน่ะเหรอจา"

สุจิราตีหน้าซื่อ ทำเอานิคมฉุนขาดกระแทกตะเกียบลงกับถ้วยขยับลุกขึ้นยืน

"มากินไม่ใช่เหรอ...ก็รีบไปหาอะไรใส่ปากซะสิแม่คุณ จะได้หุบปากซะบ้าง"

จารุดาส่ายหน้าปรามเพื่อน "นั่งลงเถอะอายคนอื่นเค้า"

"แต่..."

"จะให้คนเขาสนใจฟังที่เราคุยกันจินนี่เขาก็จะอายซะเปล่า ๆ ถ้าไม่โง่จนเกินไปนับวันเดือนปีเกิดของฉันเทียบกันกับจินนี่ก็รู้ว่าใครเกิดก่อนเกิดหลัง" จารุดายิ้มเย็นขณะที่สุจิราทำท่าแปลกใจเล็กน้อยเพราะคนที่ปกติไม่ตอบโต้อะไรคราวนี้กลับไม่ยอมเก็บปากเก็บคำอย่างทุกครั้ง "ทุกทีที่ฉันไม่พูดไม่โต้แย้งอะไรก็เพราะเห็นแก่หน้าคุณสโรชา ยังไงซะเขาก็เป็นเมียพ่อ เป็นผู้ใหญ่กว่าฉันเลยไม่พูดถึงเรื่องนี้ จะว่าไปคนที่ควรจะอายก็ไม่ใช่ฉันสักหน่อยลองพูดให้คนเขาได้ยินกันทั่ว ๆ ก็คงดี"

"อย่านะ"

คนตั้งใจจะหาเรื่องชักหน้าเสีย จารุดายิ้มอย่างมีชัยหากไม่ได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงดังพอให้ใครคนอื่นได้ยินนอกจากเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารอย่างนิคม

"ที่ว่าเราเป็นลูกพ่อเหมือนกัน แต่มีสิ่งไม่เหมือนกัน ฉันหมายถึงฉันเป็นลูกที่เกิดจากความรักของพ่อกับแม่ ถึงจะไม่ได้ตกแต่งกันถูกต้องตามประเพณีหรือกฎหมายแต่แม่ฉันก็ไม่ได้ใช้เล่ห์กลแย่งพ่อมาจากใคร"

"เธอ!"

ใบหน้าขาวนวลของสุจิรามีสีแต้มขึ้นมาด้วยแรงโทสะ หากก็จนด้วยคำพูดที่จะเอามาโต้แย้งจารุดา

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญเธอไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเถอะจินนี่ ฉันกับเพื่อนจะได้กินกันต่อ เสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากแล้ว"

"อ๊าย...เพื่อนฉันเลิศที่สุดในสามโลก มันต้องอย่างนี้สิ" นิคมตบมืออย่างสะใจพูดไล่หลังสุจิราที่สะบัดหน้าพรืดลุกขึ้นเดินหนีไปเมื่อเห็นทางเพลี่ยงพล้ำ "ขยะมีพิษติดขาเดินหนีลิ่วไปแล้วจะได้กินกันอร่อย ๆ สักที"

แม้จะเอ่ยเช่นนั้นหากสุดท้ายความอยากอาหารของนิคมก็ล่องหนไปเสียหมดเมื่อเห็นอาการของจารุดา แม้จะโต้เถียงชนะสุจิราแต่สำหรับเพื่อนสนิทแล้วมันก็ไม่ใช่ชัยชนะที่น่ายินดีอะไร และเพราะรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องครอบครัวของเพื่อนเขาจึงไม่ปริปากพูดอะไรอีก ไม่นานก็ชักชวนหญิงสาวกลับบ้านสวน




กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2555, 21:19:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2555, 21:19:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 4013





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
กมลภัทร 11 ต.ค. 2555, 21:24:32 น.
ตอบเมนท์ครับ

lovemuay >>>> จะได้วิ่งตามอะไรยังไงเมื่อไหร่ ตามต่อนะจ๊ะ

ของขวัญ >>>> ตัวละครยังเปิดไม่ครบอย่าเพิ่งนับศพทหารนะครับ เอ...เกี่ยวอะไรกันหว่า

bluelily >>>> เป็นคอเมดี้ ดราม่าครับ งานพี่เหมือนจะยังไงก็ติดกลิ่นดราม่า

ดารัณ >>>> ขอบคุณครับ

ใบบัวน่ารัก >>>> อย่าเพิ่งพูดถึงแต่งงานเลยครับ ผ่านด่านนิคมไปก่อนดีกว่า

เพียงพลอย >>>> ฮาปนดราม่าหน่อย ๆ หรืออาจจะไม่หน่อยจ้า

RdoubleC >>>> ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ

น้องอุด้ง >>>> อดีตกับผู้ชายบ้านนี้ต้องร่ายกันยาวครับ รอตามต่อไปจะค่อย ๆ เผยนะครับ



ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์และทุก Like นะครับ


ของขวัญ 11 ต.ค. 2555, 22:00:22 น.
มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่คิดซะแล้วงานนี้


nateetip 11 ต.ค. 2555, 22:52:22 น.
เริ่มสนุกแล้วค่ะ


แล่นแต๊ 11 ต.ค. 2555, 23:26:01 น.
เอาใจช่วยให้คุณนินนะ จะรอดมั๊ยนี่


bluelily 11 ต.ค. 2555, 23:47:59 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด น้องชอบนิกกี้ขอสมัครเป็น FC เค้าอยากมีเพื่อนสาวแบบนี้เยอะ ๆ


wane 11 ต.ค. 2555, 23:52:08 น.
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ทำไมจาถึงเรียกนิกกี้เป็นนิคมตลอดหล่ะ นิกกี้เลิกคบเลยดีมั๊ย เราอุตส่าห์เป็นไม้กันให้ทุกอย่าง แต่กับแค่เรียกชื่อ บ้านนี้ทั้งบ้านยังไม่ยอมตามใจ (แอบเห็นใจนิกกี้อ่ะ)


lovemuay 12 ต.ค. 2555, 08:27:30 น.
อื้ม เพราะว่าพ่อของนางเอกรึป่าวนะ คุณยายถึงได้เกลียดผู้ชายนัก


panon 12 ต.ค. 2555, 11:23:43 น.
ชอบนิกกี้อ่ะรักนิกกี้ที่สุดเลยยยยยยยย


dee_jung 13 ต.ค. 2555, 11:22:49 น.
ชื่อนิคมดูแมนๆ เปลี่ยนเป็นนิกกี้ ก็หญิงๆ


กรยุพา 13 ต.ค. 2555, 16:15:33 น.
สู้ ๆ ค่ะ^^


น้องอุด้ง 15 ต.ค. 2555, 17:08:58 น.
เอาแล้วๆ นิกกี้เป็นเพื่อนที่น่ารักม๊ากกกกกกก


เพียงพลอย 16 ต.ค. 2555, 20:07:14 น.
โห คุณยายคุมอย่างเข้มอ่า ... ง่า ดราม่าหนักเหรอคะ งั้นจัดนิกกิ้มาคอมเมดี้สลับฉากบ่อยๆ หน่อยนะคะ

ป.ล. เค้าก็เคยเงิบเหมือนนิกกี้เหมือนกัน เลยฮาซีนนั้นเป็นพิเศษเลยค่ะ


RdoubleC 19 ต.ค. 2555, 22:38:44 น.
หนุกค่ะ อิอิ (ไม่รุ้จะพูดไรดี แต่อัพนานๆทีเหรอคะ)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account