หัวใจหลงเงา(จบแล้วค่ะ)
เมื่อสาวน้อยสุดเชยราวกับหลงมาจากยุคโบราณพบจุดเปลี่ยนจนต้องลุกขึ้นมาปรับภาพลักษณ์ใหม่หมด จากยายสุดเฉิ่มเป็นสาวน้อยสวยใสสไตล์วินเทจ

เพียงเธอเริ่มเปลี่ยนลุคใหม่ก็ไปเข้าตานักร้องหนุ่มวงบอยแบนด์แสนเจ้าชู้ ที่ตามจีบเป็นว่าเล่น เรื่องคงไม่ชุลมุนขนาดนี้เพราะแต่ละคนที่มาจีบล้วนมีเบื้องหลังไม่น่าไว้วางใจจนพี่ชายต่างสายเลือดชื่อ 'ต้นสัก' ที่แอบรักเธอมานานต้องคอยตามดูแล กันท่าสารพัด จนเธอรอดเงื้อมมือนักร้องมาได้

แต่เธอหลงรักพี่ชายคนนี้ เข้าอย่างจัง ทั้งที่ความจริงในตอนหลังเปิดเผยว่าเขาเป็นลูกพ่อเดียวกันกับเธอ!

แล้วบัวบูชาต้องทำเช่นไร ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนสุดแสนหักมุมเช่นนี้

Tags: อดีตสาวน้อยสุดเชยกับวงบอยแบนด์และพี่ชายสุดที่รัก

ตอน: ตอนที่ 7

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รักทุกท่าน

ดาริยามีอันต้องรีบลง รีบลบอีกแล้ว จึงขออนุญาตเปลี่ยนเป็นลงทุกวันนะคะ เพื่อให้นักอ่านได้อ่านจนจบ หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเป็นกำลังใจมาตลอดค่ะ

ด้วยรัก
จาก ดาริยา

______________________________________________________________


บทที่ 7


“กรี๊ด! หล่ออะ หล่อมั่กๆ เลย จริงมั้ยบัว”

เสียงพิมพ์ชนกตะโกนกรอกหูดังลั่น ทั้งที่นั่งอยู่ใกล้กันแท้ๆ บัวบูชาต้องยกมือขึ้นปิดหู ก่อนปรามเพื่อนเบาๆ

“ถ้าแกตะโกนดังอีกนิด นมเป็ดได้วิ่งขึ้นมาสอดแนมแน่ ว่าเรากำลังทำรายงานจริงหรือเปล่า แล้วรายงานอะไรมันถึงต้องกรี๊ดกันขนาดนี้ แกอยากให้ฉันโดนยกเลิกการติดเน็ตที่บ้านหรือไง”

“ก่อนจะดุฉันแกดูซะก่อนสิยะ หน้าจอที่ฉันเปิดอยู่เนี่ย” นิ้วเรียวของพิมพ์ชนกจิ้มลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะสาธยายต่ออย่างเมามัน “สามหนุ่มฮอตที่สุดในบ้านเอ เอส มีข่าวแว่วๆ ว่าจะได้ทำวงบอยแบนด์ ชื่อวงเดอะบีช ข่าววงในบอกว่า ซี แซนด์ ซัน จะได้ออกอัลบัมเพลงด้วยกันในอีกไม่กี่เดือนนี้อย่างแน่นอน มาคิดดูก็แปลกนะแก สามคนนี่เหมือนเกิดมาเพื่อฟอร์มวงเลยอะ ชื่อก็ให้ ... ซี ทะเล, แซนด์ ทราย, ซัน ดวงอาทิตย์ กลายเป็นวง เดอะบีช อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ เขามากันจากคนละที่นะ ฝ่าด่านเข้ามาประกวดเอ เอส สวรรค์ส่งมาเจอกันแท้ๆ เลย” พิมพ์ชนกสาธยายเสียยาวเหยียด สายตาไม่ละจากจอคอมพิวเตอร์ที่มีภาพพร้อมประวัติย่อของสามหนุ่ม

“ยายพิม แกใจเย็นๆ นะ ไม่ต้องพูดรัวทำเสียงตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” บัวบูชาส่ายหน้า ระอาใจในความบ้านักร้องของเพื่อนสาวหน้าหมวย

“แกก็รู้ว่าฉันสาวกเอ เอส โหวตให้นักร้องที่ชื่นชอบทุกซีซัน แต่ซีซันนี้ฉันอินมากนะยะ เพราะรักพี่ซี แซนด์ ซัน แทบขาดใจ กระหน่ำโหวตจนพี่ๆ ได้ตำแหน่งหนึ่ง สอง สาม ไปครองเลย พอข่าวออกมาแบบนี้ก็ต้องปลื้มเป็นธรรมดา สามคนนี่ยิ่งแรงใหญ่แล้ว คอยดูเหอะ วงเดอะบีช ต้องดังระเบิดแน่ๆ”

“แกรู้จักสามคนนี้ดีละสิ” อันที่จริงบัวบูชาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เป็นเพราะกลัวตกข่าว คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องจึงต้องถามๆ ไว้บ้าง เพื่อประดับความรู้

“แหงละ มานี่ๆ มาดูเลย ฉันเปิดเว็บนี้ให้ดู มีประวัติโดยละเอียดของทั้งสามคน ภาพอีกเพียบ” พิมพ์ชนกบอก มือก็จับเมาส์ คลิกโน่นนี่เป็นระวิง

แม้บัวบูชาจะเคยดูและผ่านตากับรายการอคาเดมี สเตชันในทีวีมาบ้าง แต่เธอไม่ค่อยได้ติดตามมากนัก จนมาเห็นเพื่อนสาวคลั่งไคล้ขนาดนี้ เธอจึงเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง

“นี่ไง ฉันนำเสนอคนแรกเลยนะยะ ยายคุณหนูหลงยุค ดูซะ นี่คือพี่ซี ศิรพล สุดหล่อมาดเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าคมสัน เอาไปเป็นพระเอกหนังได้สบายๆ เอกลักษณ์ของพี่เค้าก็คือจะไว้หนวดเคราจางๆ หุ่นสูงผอมหน่อย พี่เค้าน่าสงสารนะ ยากจนมาก บ้านอยู่ทางอีสานโน่น คงเพราะความเห็นใจในชีวิตสุดดรามา คนเลยโหวตให้เป็นอันดับหนึ่งของปีนี้เลย” พิมพ์ชนกอธิบายละเอียดยิบ ดวงตาเรียวที่จ้องมองภาพนักร้องหนุ่มมีแววฝัน

“แกเรียกเค้าพี่ แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่รุ่นน้องเราน่ะ”

“แหม ฉันเช็กแล้วย่ะ ทั้งซีกับแซนด์เนี่ย แก่กว่าเราแน่ๆ แต่แก่แค่เดือนนะ เกิดปีเดียวกับเราแหละ แต่เกิดต้นปีทั้งคู่ ส่วนพี่ซันน่ะ เป็นพี่จริงๆ เลยว่ะ แก่กว่าพวกเราปีนึง” คนบ้าดาราแสดงภูมิเต็มที่

“อ้อ รู้ละเอียดจริงเนอะ” บัวบูชาค่อนขอดเพื่อน แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน ยังคงคุยจ้อต่อได้อีก

“แหงแหละ บอกแล้วไง ว่าฉันสาวกทั้งสามคนมาก่อน ตั้งแต่เป็นแค่เอ เอส ตอนนี้จะเป็นวงเดอะบีช แล้ว ฉันยิ่งต้องใส่ใจ”

บัวบูชาทอดสายตาไปยังภาพบนจอคอมพิวเตอร์ แต่แรกคิดว่าจะแค่มองผ่านๆ แต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าคมสันและดวงตาคมกล้าของซี ศิรพล หญิงสาวก็เกือบถอนสายตาออกมาไม่ได้

“หน้าตาดีเนอะ” เจ้าของห้องรำพึงออกมาเบาๆ คงไม่ผิดหรอกนะ ถ้าเธอจะเริ่มแอบมองพวกดารานักร้องเหมือนเพื่อนๆ บ้าง

“ไม่ใช่แค่หน้าตาดีนะยะ แต่เป็นยอดกตัญญูอีกต่างหาก พี่ซีรักยายมาก ยากจนมากด้วย ชีวิตดรามาสุดๆ น่าสงสารอะ พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก พูดแล้วน้ำตาจะไหล”

“เว่อร์ๆ อย่ามาเว่อร์แถวนี้” บัวบูชาปรามเพื่อน

“ก็มันจริงนี่นา ฉันรักพี่ซี” พิมพ์ชนกทำท่าฝันหวาน สองมือประกบกันไว้ตรงหน้าอก ก่อนจะเปลี่ยนมาลากเมาส์ไปคลิกเพื่อหารูปชายหนุ่มอีกคน

“นี่ คนนี้พี่แซนด์ น่ารักมั้ย คนนี้ไม่หล่อมาก แต่น่ารักโฮก”

บัวบูชาพยายามเก็บอาการตื่นเต้น เมื่อเห็นภาพชายหนุ่มผิวขาวสะอาด ดวงหน้ากระจ่างใสพร้อมรอยยิ้มกว้างจริงใจ ผมของเขาทำสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย สวยจนอยากจับดูว่านุ่มหรือเปล่า

“แล้วก็สุดท้าย แอ่น แอน แอ๊น พี่ซัน พี่คนนี้หล่อแบบไทย ไม่เข้มมากเท่าพี่ซีจากอีสาน แต่ก็โอเคนะ หล่อกระชากใจทั้งสามคนเลย แกว่ามั้ย”

“อืม ทำรายงานต่อได้แล้ว” บัวบูชาตัดบท ไม่ตอบเอาดื้อๆ พยายามฝืนไม่แสดงออกว่าเธอกำลังตื่นตาตื่นใจกับรูปลักษณ์ของชายหนุ่มทั้งสามคนเป็นอย่างยิ่ง

หน้าตาหล่อขนาดนี้ สงสัยคืนนี้ต้องลองเข้าไปหาเพลงที่ทั้งสามคนร้องมาฟัง อยากรู้ว่าจะมีจริงหรือ คนที่หล่อด้วย เสียงดีด้วย ครบทุกรูปแบบจนบริษัทเพลงชั้นนำจับไปทำอัลบัมร่วมกันทันทีที่ออกจากบ้านเอ เอส

คงต้องพิสูจน์เสียแล้ว

______________________________________________________________


แสงแดดจัดจ้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้อง ปลุกให้บัวบูชาต้องตื่นจนได้ หลังจากกดนาฬิกาปลุกทิ้งไปหลายรอบแล้ว หญิงสาวลืมตาขึ้นดูนาฬิการูปดอกทานตะวันที่ตั้งบนหัวเตียงแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นนั่งทันที

เมื่อคืนเธอคงนอนดึกเกินไป มัวแต่ท่องอินเทอร์เน็ต หาทุกหน้าที่มีเรื่องและภาพของนักร้องหนุ่มวงเดอะบีชทั้งสามคนอย่างเมามัน...นี่เธอคงสติแตกไปแล้ว หรือเธอกำลังติดเชื้อพิมพ์ชนก กลายเป็นคนบ้านักร้องไปอีกคน!

ไม่นะ ไม่น่าจะเป็นขนาดนั้น สงสัยเป็นเพราะเสียงร้องอันน่าประทับใจของทั้งสามคนนั่นมากกว่า เธอเป็นคนรักเสียงเพลงอยู่แล้ว ย่อมจะเกิดสนใจขึ้นมาได้ไม่ยาก
เรื่องรูปร่างหน้าตาน่ะ ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าดึงดูดใจ แต่เรื่องเสียงนี่สิ แต่ละคน น้ำเสียงมีเอกลักษณ์ ที่สำคัญ บัวบูชาเพิ่งเห็นจากในเว็บว่าสามหนุ่มหล่อกำลังจะขึ้นคอนเสิร์ตแรกร่วมกับเพื่อนๆ ในบ้านเอ เอสทั้งสิบสองคน โดยผู้จัดเลือกให้แสดงคอนเสิร์ตย้อนยุค ทุกคนขึ้นร้องเพลงของวงสุนทราภรณ์ เป็นคอนเสิร์ตการกุศล จัดที่ศาลาเฉลิมกรุงในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า

บัวบูชาเคยไปชมคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์วงแท้ๆ มาแล้ว แต่คราวนี้น่าจะได้อีกอารมณ์หนึ่ง เพลงเก่าที่ร้องโดยนักร้องร่วมสมัย วัยหนุ่มสาว...น่าสนใจเป็นที่สุด

หญิงสาวอมยิ้ม ตั้งใจแล้วว่าจะต้องขออนุญาตนมเป็ดไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้ได้ ถ้านมเป็ดไม่ยอมให้ไปตามลำพังกับพิมพ์ชนก บัวบูชาจะยอมพ่วงคุณนมไปด้วยก็ยังได้
ขอแค่ให้ได้เห็นตัวจริงของ ซี แซนด์ ซัน สักครั้งเถอะน่า

แต่ก่อนอื่น ตอนนี้เธอต้องเลิกฝันหวาน และรีบไปส่งไข่ให้ทันเวลา นางเตือนใจเพิ่งโทรศัพท์มาบอกเมื่อวานว่าช่วงนี้ไข่ไก่ปลอดสารพิษของเธอขายดีมากจนหมดตั้งแต่วันศุกร์เช้า ลูกค้าสั่งไว้ว่าจะเข้ามาเอาไข่วันเสาร์ตอนเก้าโมง แต่นี่มันแปดโมงครึ่งเข้าไปแล้ว

โชคดีที่คอนโดฯ ที่นางเตือนใจตั้งร้านขายของนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านอัครบดีศักดิ์มากนัก ลุงหวินขับรถไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึง บัวบูชาต้องรีบอาบน้ำ แต่งตัวให้เร็วที่สุด
จัดการทุกอย่างแล้วลงมาถึงห้องอาหารก็เห็นนมเป็ดกำลังตักข้าวต้มหมูสับใส่ชามให้

“นมเป็ดไม่ยอมขึ้นไปปลุกบัว วันนี้สายกว่าทุกทีแล้วเนี่ย” หญิงสาวแกล้งต่อว่า รู้ทั้งรู้ว่าปกติวันเสาร์ คุณนมมักปล่อยให้เธอนอนตามสบาย

“ไม่ต้องไปเคร่งเครียดกับการส่งไข่นักหรอกค่ะคุณหนูบัว นมว่าจะบอกให้เลิกทำอยู่พอดี ไม่เห็นจะคุ้มเลย ต้องหิ้วไข่ไปส่งถึงร้านทุกวันเสาร์ เราไม่ได้มีความจำเป็นเรื่องเงินเรื่องทองสักหน่อย”

บัวบูชาลอบยิ้ม นี่นมเป็ดคงไม่รู้หรอกว่า การส่งไข่วันเสาร์ เป็นสิ่งที่เธอรอคอยมาทั้งอาทิตย์ ในเจ็ดวันได้เจอต้นสักครั้งหนึ่งก็ยังดี เธอชอบเวลาเขามองมา แม้จะทำท่าเหมือนไม่สนใจเธอ แต่ดวงตาของเขาแสดงออกว่าห่วงใยไม่น้อย ระยะหลังที่คุณพ่อคุณแม่จากไป ดูเหมือนชายหนุ่มจะใส่ใจเธอมากขึ้น...นิดหนึ่ง

“บัวตั้งใจว่าถ้าไก่รุ่นนี้ออกไข่จนหมดแล้วก็จะพอแค่นี้ บัวใกล้เรียนจบแล้วด้วย คงไม่มีเวลามาเลี้ยงดู ส่งไข่อีกแล้ว บัวอยากทำงาน”

หญิงสาวยังย้ำเจตนาเดิม แม้นมเป็ดจะคอยห้ามเสมอ นางอยากให้บัวบูชาอยู่กับบ้าน แล้วเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของภูวดลทันทีที่เรียนจบ แต่หญิงสาวยังคงดื้อเงียบ เธอรู้สึกชอบภูวดลอยู่บ้างก็จริง แต่ยังไม่ถึงกับรัก เธออยากแต่งงานกับคนที่รู้สึกรักและผูกพันเท่านั้น ยังมีเวลาอีกตั้งมาก ไม่อยากเร่งรีบกับเรื่องการแต่งงาน

“นมไม่เห็นด้วยนะคะ ที่จะออกไปทำงานนอกบ้าน คุณหนูบัวควรเตรียมพร้อมที่จะเป็นแม่บ้านมากกว่า” แม่นมทำเสียงเข้ม ยืนยันความตั้งใจ

“เป็นตายยังไงบัวก็ไม่รีบแต่งงานหรอกค่ะ ที่สำคัญ บัวจะไม่ยอมเป็นแม่บ้าน อยู่กับบ้านทั้งวันแน่ มันน่าเบื่อนะคะนม” นมเป็ดเลี้ยงดูเธอมาก็จริง แต่ยังไม่รู้จักตัวตนลึกๆ ของบัวบูชาว่าเด็ดเดี่ยวแค่ไหน

“เอาละๆ เรื่องนั้นแล้วค่อยว่ากัน คุณหนูบัวรีบทานข้าวต้มเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะหมด นายหวินเตรียมรถรอพร้อมอยู่แล้ว”

“ดีค่ะ บัวกำลังจะสายแล้ว ลูกค้าสั่งไข่ไว้ค่ะ ช่วงนี้ไข่ขายดีมาก”

หญิงสาวตักข้าวต้มเข้าปากสอง สามคำก็ดื่มน้ำตาม ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“บัวไปก่อนค่ะนม คงกลับเที่ยงๆ นะคะ ช่วงนี้น้าเตือนไม่ค่อยสบาย บัวอยากช่วยขายบ้าง แก้เบื่อไปด้วย”

“อย่าอยู่นานนักนะคะ นมเป็นห่วง”

“นมเองก็พักผ่อนเถอะค่ะ เห็นบ่นๆ เวียนหัว เอาไว้ต้องพานมไปหาหมอบ้างดีกว่า”

นมเป็ดยิ้มรับ ทั้งที่ไม่คิดจะพักผ่อนตามคำแนะนำเลย นางมีภารกิจลับที่จะต้องทำ ต่อไปนี้นางต้องหาโอกาสให้ได้ อาทิตย์ละครั้ง ... โชคดีเหลือเกินที่มีช่วงเวลาที่บัวบูชาต้องออกไปจากบ้านเป็นประจำในวันเสาร์

โชคดีจริงๆ

______________________________________________________________


หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ สองข้างทางแสนคุ้นตาเนื่องจากต้องผ่านเป็นประจำเพื่อมาส่งไข่

วันนี้บัวบูชาอยู่คุยกับนางเตือนใจนานเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าต้นสักไม่อยู่บ้าน เขาออกไปทำงานแต่เช้า ปล่อยให้ผู้เป็นแม่อยู่ที่ร้านกับแววสองคน หญิงสาวจึงอยู่ช่วยขายของและชวนคุยจนใกล้เที่ยงจึงกลับออกมา

“ลุงหวินขา บัวหิวแล้ว เดี๋ยวแวะส่งบัวตรงร้านเค้กใกล้หัวมุมถนนนั่นหน่อยนะคะ ดูจากเน็ตเค้าบอกว่าเป็นเจ้าดัง อร่อยมาก บัวอยากลอง ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ จะซื้อไปเผื่อนมเป็ดกินตอนบ่ายๆ ด้วย” หญิงสาวชะโงกหน้าไปบอกคนขับรถ ซึ่งชะลอความเร็วทันทีที่ได้รับคำสั่ง

“งั้นผมส่งคุณหนูลงหน้าร้านแล้วจะเลยเข้าไปจอดตรงที่จอดหลังร้านนะครับ คุณหนูซื้อเสร็จก็ไปหาผมตรงโน้น จะได้ไม่ต้องรีบร้อน”

ชายสูงวัยชี้มือไปทางด้านหลังซึ่งทำเป็นที่จอดรถให้ลูกค้า ลุงหวินมีข้อดีคือเป็นคนใจเย็นมาก ไม่เคยเร่งร้อนให้บัวบูชาต้องรีบทำภารกิจใดๆ ทั้งสิ้น

“เดี๋ยวบัวซื้อคุกกี้มาฝากนะคะลุง รอแป๊บ”

บัวบูชาก้าวลงจากรถตรงหน้าร้านแล้วผลักบานกระจกใสเข้าไป บรรยากาศเหมือนบ้านตุ๊กตาตกแต่งด้วยสีสดใสของร้านทำเอาหญิงสาวนึกอยากนั่งกินเค้กในร้านนี่เสียเลย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเห็นว่าเที่ยงแล้ว จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมากดเบอร์แล้วกรอกเสียงลงไป

“นมเป็ดขา บัวหิวจนไส้กิ่วแล้ว เผลอคุยกับน้าเตือนนานไปหน่อย ขอแวะทานเค้กที่ร้านข้างทางไปเลยนะคะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น กินแทนมื้อเที่ยงนะคะนม”

หญิงสาวกวาดสายตาไปตามเค้กแสนสวยที่วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจกใสซึ่งทำความเย็นเพื่อรักษาอุณหภูมิให้พอเหมาะ

“ตามใจคุณหนูบัวเถอะค่ะ ถ้าหิวมากก็แวะทานก่อน เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะไปจะลำบาก แต่แหม น่าเสียดาย นี่นมสั่งทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อสับไว้ให้แล้ว”

“แต่บัวหิวมากนี่คะนม ก๋วยเตี๋ยวเอาไว้ยกยอดไปกินมื้อเย็นก็แล้วกัน”

วางสายจากนมเป็ดก็ต่อด้วยโทร. ไปบอกลุงหวินว่าเธอจะใช้เวลานานสักหน่อยเพราะตัดสินใจกินที่ร้านไปเลย ซึ่งฝ่ายนั้นก็ตามใจโดยไม่มีเงื่อนไข

บัวบูชาสั่งเค้กมาสามชิ้น สั่งแล้วก็ตกใจที่ตัวเองโลภมากขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะความหิวและนึกอยากลองด้วย ดูจากในตู้ ชิ้นโน้นก็น่าลอง ชิ้นนี้ก็น่ากินไปหมด
หญิงสาวมองหาทำเลเหมาะๆ และเป็นส่วนตัว แล้วก็เลือกได้โต๊ะเล็กสุดตั้งอยู่ตรงมุมร้านด้านใน กำลังเดินมุ่งหน้าไปสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่นั่งหันหลังให้อยู่อีกโต๊ะหนึ่งถัดไปจากโต๊ะที่เธอหมายตาไว้ แค่เห็นข้างหลังก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร

บัวบูชาชะงักเท้า ก้าวขาแทบไม่ออก เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่คุณพ่อคุณแม่หมายมั่นจะให้แต่งงานกับเธอ ช่วยดูแลเธอนั้น ไม่ได้มาคนเดียว ภูวดลนั่งอยู่กับสาวน้อยคนหนึ่งบนเบาะนุ่มเดียวกัน กำลังหันหลังให้เธอทั้งสองคน ที่สำคัญ ทั้งคู่เคล้าเคลียกันตลอดเวลาแบบไม่อายสายตาใคร

ไม่รู้ทำไมบัวบูชาถึงได้ไม่คิดจะวิ่งหนีจากไปด้วยความตกใจ น้อยใจอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเดินช้าๆ เข้าไปนั่งตรงโต๊ะใกล้ที่สุด ยิ่งเห็นหนุ่มสาวสนิทสนมกันมาก เธอก็ยิ่งเกิดความสงสัย...หรือเธอจะโดนภูวดลหลอกเข้าให้แล้ว เขาพูดเสมอว่าไม่เคยคบสาวคนไหนเป็นพิเศษเช่นเธอ แต่นี่ ภาพที่เห็นก็ฟ้องอยู่โต้งๆ ว่าเขาโกหก
บัวบูชานั่งหันหลังให้โต๊ะของภูวดลกับผู้หญิงคนนั้น ต้นไม้พุ่มที่ประดับร้านเพื่อแยกให้แต่ละโต๊ะดูเป็นส่วนตัวนั้นกั้นได้แค่ภาพบางส่วน แต่ไม่สามารถกั้นเสียงออดอ้อนออเซาะได้

“พี่ภูขา น้องกีวีอยากรู้ว่าเมื่อไหร่พี่ภูจะพาหนูเข้าไปเที่ยวที่บ้านพี่ภูบ้าง หนูก็อยากรู้จักคุณพ่อคุณแม่ของพี่ภูเหมือนกันนะคะ”

“รออีกนิดก็แล้วกัน กีวีก็รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่มองๆ สาวที่พี่จะแต่งงานด้วยไว้ให้แล้ว อันนี้พี่บอกตั้งแต่เราเริ่มคบกันแล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยปิดบังเลยนะ ถ้ายังอยากคบกันก็อย่ามาพูดเรื่องนี้ให้รำคาญใจ”

ภูวดลบอกเสียงเขียว ไม่ต้องเห็นหน้าบัวบูชาก็เดาได้ว่าดวงตาคมของเขาคงแฝงไปด้วยแววดุน่ากลัวไม่น้อย เธอเคยเห็นเขาดุลูกน้องอยู่ครั้งหนึ่ง น้ำเสียงอย่างนี้บวกกับแววตาโหดๆ ก็ทำเอาขนลุกได้

“น้องกีวีก็แค่บ่นเล่นๆ ไม่พาไปพบผู้ใหญ่ทางบ้านพี่ก็ไม่เป็นไรค่ะ หนูยอมเป็นแค่เพื่อนแก้เหงาก็ได้ แต่แหม คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้นี่คะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าทางบ้านพี่ภูชอบสะใภ้งี่เง่าอย่างยายเด็กบัวบูชานั่น มีดีก็แค่รวย แล้วก็อายุน้อยกว่าน้องกีวี นอกนั้นไม่มีอะไรได้เรื่องสักอย่าง ทั้งเชยทั้งเอ๊าต์ ดูเฉิ่มเบ๊อะจริงๆ เลย นี่ไม่ใช่หนูพูดเองนะคะ ในวงสังคมไฮโซ ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายายบัวบูชานี่มีดีแค่ชาติตระกูลกับความร่ำรวย ถูกเลี้ยงให้โง่ดักดานเหมือนหลงมาจากยุคอดีตกาล เฮ้อ ไม่อยากเชื่อว่าพี่ภูจะหัวอ่อนยอมคบด้วย”

บัวบูชากำมือแน่น พยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นไปตอบโต้คนที่นินทาเธอลับหลังอย่างถึงพริกถึงขิง หญิงสาวยังไม่ได้แตะต้องเค้กสามชิ้นบนโต๊ะที่บริกรนำมาวางเลย ดูเหมือนความหิวมลายไปหมดสิ้น

“พี่มีความจำเป็นของพี่ ยอมรับละว่าบัวบูชาเฉิ่ม เชย แต่เธอก็ดีที่หัวอ่อน แต่งงานไปแล้วทุกอย่างก็คงไม่ยาก”

‘หัวอ่อน’ เช่นนั้นหรือ? คิดว่าคนอย่างบัวบูชาหัวอ่อนใช่ไหม คอยดูนะ ภูวดลจะต้องซาบซึ้งว่าคนอย่างเธอไม่ใช่ใครจะมาจูงจมูกง่ายๆ ยิ่งคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ไม่อยู่แล้วอย่างนี้ อย่าหวังว่าใครจะมาบังคับใจได้

“พี่ภูอย่าบอกนะคะ ว่าคิดถึงขั้นจะแต่งงานกับยายเฉิ่มนั่นจริงๆ พี่ภูรู้หรือยังคะ เขาลือกันให้แซดว่าแม้แต่เข้าอินเทอร์เน็ต ยังไม่รู้เลยว่าคุณเธอเข้าเป็นหรือยัง คิดแล้วก็น่าขำนะคะ เป็นลูกหลงที่พ่อแม่แก่จนถูกเลี้ยงมาแบบแก่งั่ก เฮ้อ น่าสมเพชจริงๆ” น้ำเสียงเหยียดหยามนั้นทำเอาบัวบูชาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มายืนตระหง่านที่โต๊ะติดกัน ภูวลถึงกับเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง

“ไม่ต้องมาสมเพชฉัน! ทั้งสองคนเลยนะ หยุดนินทาฉันซะที รู้ไว้ด้วยว่าแบบนี้มันไร้มารยาท พี่ภูคะ บัวผิดหวังมากเลยที่พี่ภูไม่เป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้ จำไว้นะว่าบัวไม่มีวันยอมแต่งงานกับพี่ภู ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะต้องแต่งกับคนเชยๆ อย่างบัว บัวจะถือซะว่าเราไม่เคยรู้จักกัน อย่ามาให้บัวเห็นหน้าอีก จำไว้!”

บัวบูชาก้าวเท้าออกมานอกร้าน ไม่ลืมวางเงินห้าร้อยบาทไว้บนโต๊ะ เธอวิ่งมาขึ้นรถโดยมีร่างสูงสง่าของภูวดลวิ่งตามมา

“น้องบัว ฟังพี่ก่อน พี่อธิบายได้” ชายหนุ่มคว้าประตูรถด้านที่หญิงสาวเพิ่งเข้ามานั่งเอาไว้

“ไม่ต้องอธิบาย พอกันที” บัวบูชากระชากประตูปิดอย่างแรง ก่อนสั่งคนขับรถ “ลุงหวิน ออกรถด่วนเลยค่ะ”

แม้รถจะเคลื่อนตัวห่างออกไปจากร้านเค้กมากขึ้นทุกทีแต่เสียงนินทาหยามหยันยังดังก้องจนบัวบูชาน้ำตาซึม

คงถึงเวลาแล้วสินะ ที่เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ เสียที แล้วเธอควรเริ่มจากตรงไหน ...คงต้องเริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกเสียก่อน จะทำอย่างไรให้ยังคงความเป็นเธอแต่ทันสมัยโดดเด่นขึ้น น่าจะทำได้ไม่ยากนัก ถ้ามีเพื่อนช่วยคิด

“ไปบ้านพิมพ์ชนกค่ะลุงหวิน”

หญิงสาวร้องสั่งคนขับรถด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และเฉียบขาดจนคนนั่งหลังพวงมาลัยต้องมองเจ้านายสาวผ่านกระจกหลังด้วยความประหลาดใจ


จบบทที่ 7

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ

__________________________________________________________

ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณหมีสีชมพู คะ ...เด็ก เอ เอส ค่ะ คริ คริ

คุณ goldensun คะ ... ดาริยาคิดชื่ออยู่นานมากค่ะ กว่าจะออกมาเป็นวงนี้ >O<

คุณ anOO ขา ... เดี๋ยวรอดูว่าพี่ต้นจะทำได้ดีแค่ไหนนะคะ

คุณ nunoi คะ ... เชียร์พี่ต้นด้วยน้าาา อิอิ


__________________________________________________________



ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2555, 06:06:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2555, 07:07:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1917





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
หมีสีชมพู 2 ต.ค. 2555, 12:13:01 น.
สมน้ำหน้่าภูวดล


Oleang 2 ต.ค. 2555, 15:54:01 น.


anOO 2 ต.ค. 2555, 19:22:36 น.
ยัยบัวจะปฎิบัติตัวเองแล้วสินะ


goldensun 2 ต.ค. 2555, 20:10:45 น.
ต้องอย่างนี้สิ บัว ดีที่ได้ยินกับหู เห็นกับตา จะได้ไม่ต้องหลงลมปากอีตาภู
รอดูบัวนิวลุคค่ะ แล้วนมเป็ดจะว่ายังไงบ้างเนี่ย ถือข้างภูไว้เยอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account