ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 1.2 เรียน้ำย่อย(กันต่อ)

หญิงสาวจึงเสไปมอง เพื่อน ๆ เสีย เพราะว่างานนี้นอกจากผู้ชายสองคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีคนหนึ่ง พวกเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานของวรรณรดานี้ก็ใช่คนแปลกหน้าเสียที่ไหน...ขวัญชีวียิ้มแย้มเอ่ยคำทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพื่อนคนอื่น ๆ ตัดบทการสนทนากับสองหนุ่มเพียงเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าวิศรุตนั้นจะแนะนำชื่อของเธอให้เขาได้รู้จักหรือเปล่า...ซึ่งพอเพื่อน ๆ เห็นว่าน่าจะถึงเวลาของตนเองกับเพื่อนที่เป็นดาราดังแล้ว เรื่องที่จะถ่ายรูปไปยืดไปอวดในโลกไซเบอร์จึงได้เกิดขึ้น...

....กระทั่งเวลาผ่านไป...ขวัญชีวีจึงได้เอ่ยปากขอตัวกลับบ้านก่อนเวลาที่ผับจะปิด ข้ออ้างคือพรุ่งนี้ต้องตื่นไปเข้าฉากแต่เช้า

“งั้นก็เป่าเค้กเลยแล้วกัน” พอเจ้าภาพสรุปอย่างต้องการเอาใจแขกคนสำคัญ เค้กก้อนใหญ่ที่ให้บริกรจัดเตรียมไว้ก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ไฟทั้งฮอลล์ลาแสงลง และแสงไฟจากปลายไฟแช็คด้วยมือของวิศรุตก็ไล่จุดไปยังเทียนที่ปักอยู่บนเค้กทีละดอก ดนตรีเพลง แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดังขึ้นพร้อมกับที่วีเจ (Visual Jockey) เอ่ยปากชวนแขกในผับให้ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับวรรณรดา...


“ให้พี่ขับรถตามไปส่งที่บ้านไหม” เมื่อผลักประตูชั้นสุดท้ายออกมาแล้ววิศรุตที่ขอเดินตามมาส่งขวัญชีวีก็เอ่ยปากชวนคุย....

“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่รุต ขวัญขับรถกลับบ้านเองได้”

“แต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้ว”

“กรุงเทพฯไม่เคยหลับใหลนะคะ พี่ก็รู้ บ้านขวัญก็ไม่ได้อยู่ชานเมืองเสียเมื่อไหร่”

“แต่พี่เป็นห่วง”

“ขอบคุณค่ะ ส่งขวัญแค่นี้แหละ” ขวัญชีวีไม่อยากให้เขาเดินไปส่งถึงรถ เพราะถ้าเดินคู่กับเขานาน ๆ ดีไม่ดีอาจจะมีข่าวว่าเธอควงเขามาเที่ยวแทนที่ปวุฒิอีก...ขวัญชีวีไม่อยากเรียกกระแสความสนใจเพราะข่าวแบบนี้

“งั้นขอพี่ไปส่งขวัญที่รถแล้วกันครับ” วิศรุตตื้อไม่เลิก และขวัญชีวีก็ต้องรีบสาวเท้าเร็ว ๆ เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอนั้นรีบร้อนอยากกลับบ้าน ไม่ได้อยากอ้อยอิ่งคุยกับเขาอย่างที่เขาต้องการ

และเมื่อเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้วขวัญชีวีก็ยิ้มหวานแล้วก็บอกกับวิศรุตว่า

“กู๊ดไนท์ค่ะ”

วิศรุตยิ้มกับรอยยิ้มที่เขาหมดสิทธิ์เป็นเจ้าของ มองตามท้ายรถของขวัญชีวีไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ


เมื่อเข้าไปนั่งในรถของวิศรุตที่ดื่มไปพอประมาณแล้ว หลินฮันหมิงหรือมาร์คก็เอ่ยปากชวนเพื่อนชายคุยเรื่องที่อยากพูดตั้งแต่อยู่ต่อหน้าสาว ๆ

“คนนี้หรือที่ยูบอกว่าชอบมาก”

“อืม....สวยไหม”

“เป็นดาราดัง ไม่สวยได้ไง...แต่ว่าดูหยิ่ง ๆ อย่างไรไม่รู้นะ”

“เขามีแฟนแล้ว”

“อ้าว เหรอ มีแฟนแล้ว” หลินฮันหมิงดีดตัวขึ้นจากเบาะแล้วทำท่าตกใจที่รู้ว่าเพื่อนของตนนั้นที่รู้จักกันเมื่อครั้งเรียนระดับปริญญาโทที่อเมริกานั้นไปสนใจคนมีเจ้าของแล้ว...แต่ว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าชวนมองเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพื่อนถึงคิดอย่างนั้นกับเจ้าหล่อน...

เขาเองพอสบตาดวงตาคู่สวย เขายังรู้สึกวูบวาบขึ้นมา และไอ้ทีท่าหยิ่ง ๆ ทำเป็นไม่สนใจเขา ทำให้เขานึกอยากเอาชนะอยู่เหมือนกัน แต่ถ้ามีแฟนแล้ว และเพื่อนเขาก็ชอบด้วยแบบนี้ ดูเหมือนจะปิดประตูเขาไปเสียทุกทาง...

“แบบนี้ยูก็...”

“ตื้อเท่านั้นครองโลก...แต่มันใช้ไม่ได้กับน้องขวัญว่ะ” วิศรุตว่าพลางออกรถให้เคลื่อนตัวไปส่งเพื่อนชายที่โรงแรม

“ทั้งที่ยูก็รวยล้นฟ้า ทำไมเค้าถึงไม่ชอบยู หรือแฟนเขารวยกว่ายูอีก” หลินฮันหมิงพอรู้อยู่ว่าทำไมเพื่อนเขาถึงไม่ผ่านสำหรับเจ้าหล่อน..และวิศรุตเองก็รู้ตัวดีว่าเขานั้นเป็นเช่นไร

“ไอมันไม่หล่อ ตัวไม่สูงสง่าอย่างแฟนเขามั้ง แล้วอีกอย่างแฟนเขาเป็นดาราด้วยกัน”

“โอ้วว...แล้วยูจะยังไปชอบเขาอยู่อีกทำไม เสียเวลาชะมัด”

“ใจมันชอบไปแล้วนี่หว่า เห็นแล้วก็นึกชอบ ถูกชะตา ชอบมาก ทำอย่างไรได้...แล้วยูเห็นเขาแล้วยูไม่นึกชอบเขาบ้างเหรอ”

“ชอบซิ เธอสวยมาก...แต่ไอไม่ชอบคนหยิ่ง” หลินฮันหมิงชอบคนสวย แต่เขาไม่ชอบคนหยิ่ง แต่ความหยิ่งความไว้ตัวของขวัญชีวีมันก็มีเหตุผล..นั่นเป็นเพราะเธอมีแฟนแล้ว...แสดงว่าเธอไม่ใช่คนเจ้าชู้...นอกจากนั้นเธอยังไม่ใช่คนที่คบใครสักคนเพราะผลประโยชน์ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอขึ้นมา

“ขวัญเขาไม่ใช่คนหยิ่งหรอก เพียงแต่เขาระวังตัว...แล้วเขาก็คงไม่อยากให้ความหวังไอด้วย”

“แสดงว่าเขาเป็นคนดีมาก”

“เขาเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย ตั้งแต่เข้าวงการมาไม่เคยมีข่าวฉาว ทำตัวน่ารัก ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ดื่ม และก็ไม่หวังรวยทางลัด”

“อืม ดีจริง ๆ”

“อยากจะลองจีบเขาไหมละ....”

หลินฮันหมิงสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง ไม่คิดว่าเพื่อนจะโยนเรื่องมาให้แบบนี้

“อยากลองไหม”...วิศรุตถามซ้ำไปตามประสาคนที่มีแอลกอฮอล์วิ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือด

“ทำไมถึงอยากให้ไอจีบเค้า ยูเมาแล้วแน่ ๆ”

“ยูมันหล่อ เผื่อจะเป็นสเป็คเขาบ้าง”

“ก็เค้ามีแฟนอยู่แล้ว...ยูควรจะห้ามไอว่าอย่าไปตกหลุมรักเขาอีกคนหนึ่งละ เพราะมันจะมีแต่เจ็บกับเจ็บ เหมือนยู”

“ไออิจฉาไอ้หมอนั่นมันจังเลยว่ะ...ทำไมมันถึงได้โชคดีอย่างนั้น”

“ในประเทศไทยมีผู้หญิงสวย ๆ เยอะแยะมากมาย”

“สวยแล้วต้องเหมาะสม คู่ควรกับไอด้วย”

“ศักดินา...”

“เพราะไอใช้นามสกุลลิ้มวรรักษ์ไง...”

“หาไม่ยากหรอก เพียงยูเปิดใจหน่อยเท่านั้น เพื่อนน้องสาวยูหลายคนก็ดูสนใจยูอยู่นะ”

“แล้วแต่ละคน สู้ขวัญชีวีได้ไหมละ ก็ไม่ได้”

“ชักจะวกวนแล้ว...จำทางกลับโรงแรมไอถูกหรือเปล่า”

“สบายมาก” ว่าแล้ววิศรุตก็เร่งความเร็วรถสปอร์ตหรูราคาสมฐานะคนในตระกูลลิ้มวรรักษ์เมื่อเห็นว่าถนนโล่งเหมือนไม่เคยมีรถจอดติดกันเป็นแพอย่างตอนกลางวัน และความเร็วนั้นทำให้คนโดยสารรู้สึกเสียวไส้ขึ้นมา

“วิศรุต ว่าไป ไอก็ไม่รีบไปนอนหรอกนะ”

“หรือจะไปหาที่ระบายให้ตัวเบา ๆ ก่อนนอน” วิศรุตหันมาถามเพื่อนชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนด้วยสายตากรุ้มกริ่ม และหลินฮันหมิงก็ส่ายหัวดิก...

“ส่ายหัวนี่เอาหรือไม่เอา...”

“ไม่เอาซิ...กลับบ้านพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ไอมีธุระ ยูก็ต้องทำงาน”

“ยูช่วยจีบเค้าหน่อยได้ไหม”

“ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย”

“ได้เปล่า” คำถามนั้นพอดีกับที่วิศรุตต้องเหยียบเบรกเพราะสัญญาณไฟแดงตรงหน้า...

รถของเขาจอดต่อท้ายรถแท็กซี่ ที่ต่อท้ายรถของญี่ปุ่นที่ถือว่าครองถนนของเมืองนี้

“พ้นแยกนี้ก็จะเจอโรงแรมไอแล้วใช่ไหม” หลินฮันหมิงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยมั่นใจว่าวิศรุตพูดไปเพราะความเมา แต่ว่าวิศรุตที่แค่อึน ๆ นั้น ยังไม่ยอมเปลี่ยนไปคุยเรื่องใหม่ที่หลินฮันหมิงเสนอ

“ไอ อยากจะรู้ว่า ถ้ายูจีบเขา เขาจะใจแข็งเหมือนที่ไอจีบเขาไหม...นะ ช่วยไอหน่อยนะ...”

“โอเค ไฟเขียวแล้ว ยูเหยียบคันเร่งเลย...ฟิ้ววววว ข้ามแยกไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย...เข้าโรงแรมส่งไอ...แล้วก็พรุ่งนี้ค่อยโทรมาคุยกันใหม่เมื่อยูสร่างแล้ว ยูโอเค...”

------------------
เสียงกดออดที่หน้าประตูรั้วทำให้แน่งน้อยสตรีวัยเจ็ดสิบปีเจ้าของคฤหาสน์กลางเมืองต้องเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ และสตรีที่ง่วนจัดดอกไม้ใส่แจกันสำหรับขึ้นหิ้งพระอีกคนหนึ่งก็หันหน้าหันหลังมองหาลูกมือชาวพม่า และเพียงชั่วอึดใจ มะโฉ่ หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า โฉ่โฉ่เหว่ ที่กวาดใบมะม่วงอยู่ที่ข้างบ้านก็รีบวิ่งไปที่ประตู...

ตามธรรมเนียมของบ้านหลังนี้ หากมีใครมากดออดแบบนี้ จะเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านทันทีไม่ได้ แต่ก่อนหน้านั้นมะโฉ่นั้นได้รับแจ้งจากป้าสนามคุณแม่บ้านใหญ่ไว้แล้วว่า อีกอึดใจแขกของคุณยายแน่งน้อยจะมาที่บ้าน แขกคนนี้ไม่ใช่แขกพม่าแขกปากีสถานไม่ใช่แขกอินเดีย แต่ว่าเป็นแขกที่มาจากมาเลเซีย..

ในจินตนาการของมะโฉ่นั้นหญิงสาวนึกไปถึงคนตัวดำ ๆ ตาโตผมหยิกฟูที่เคยพบเห็นในร่างกุ้ง เพราะประเทศพม่านั้นติดบังคลาเทศกับอินเดียและในอดีตนั้นพม่าก็เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเหมือนอินเดียทำให้มีคนจากอินเดียไหลบ่าเข้ามาอยู่ในประเทศพม่าไม่น้อย

แต่ว่าพอเปิดประตูไปแล้ว เจอแขกหน้าขาวอย่างหนุ่มเกาหลีที่ดูจากโทรทัศน์และหนังแผ่นที่ซื้อหามาจากตลาดนัดก็ทำให้มะโฉ่รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง...และด้วยความหล่อสูงสมาร์ทกับการแต่งการที่ดูดีเหมือนพระเอกละครของแขก ทำให้มะโฉ่ถึงกับใจเต้นโครมคราม...พูดจาติด ๆ ขัด ๆ

“เอ่อ..เอ่อ...มะจากไหน” แม้จะพยายามเรียนภาษาไทยจากสื่อจากคนรอบๆ ตัว แต่ว่ามะโฉ่ก็มีปัญหาทางการออกเสียงอยู่ดี

“มาหาคุณแน่งน้อยครับ”

“โอเคค่ะ..เลียเชิญเลย” มะโฉ่เปิดประตูเล็กรับแขกเข้ามาในบ้านในมือของแขกมีของพะรุงพะรัง มะโฉ่ปิดประตูแล้วก็รีบสะกิดแขกที่ยังยืนนิ่งมองตัวบ้านและอาณาบริเวณ

“ให้มะโฉ่ช่วยถือของนะคะ”...พอปลายนิ้วถูกตัวเขาก็เหมือนมีไฟฟ้าวิ่งสวนกลับมา..และพอเขาส่งของในมือมาให้มะโฉ่ก็รู้สึกว่าเขาส่งหัวใจทั้งดวงมาให้ตัวเองตามประสาสาว ๆ ที่เป็นโรคภูมิแพ้ผู้ชายหน้าตาดี...


แขกของคุณแน่งน้อยเดินตามมามะโฉ่เข้ามาบริเวณโถงหน้าประตูบ้าน คราวนี้เองที่ป้าสนามซึ่งอยู่ในชุดผ้าถุงสีเข้มเสื้อแขนกระบอกสีน้ำตาลอ่อนละงานในมือออกมาต้อนรับ...

เขายกมือไหว้อย่างรู้ธรรมเนียม

...ธรรมเนียมไทยนั้นเด็กควรจะไหว้ผู้ใหญ่ก่อน “สวัสดีครับ”

สนามรีบยกมือรับไหว้ “เชิญข้างในค่ะ”...

ในความรู้สึกของหลินฮันหมิงนั้นเพื่อนของคุณย่าเล็กของเขา ทำไมถึงดูยังสาวกว่าคุณย่าเล็ก แต่พอไปถึงห้องรับแขกเขาก็พบกับสตรีคนหนึ่งดูดีมีสง่าราศีและอายอายุมากกว่าคนเมื่อครู่

“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้สตรีที่ยืนคอยเขาอยู่อีกรอบ..

“สวัสดีจ้ะ เชิญนั่งก่อน”

เมื่อแขกนั่งลงแล้ว คุณยายแน่งน้อยที่มีผมดัดหยิกเป็นพุ่มใส่แว่นหน้าตามีสง่าราศีและอยู่ในชุดกระโปรงป้ายเข้าชุดกับเสื้อเนื้อดีสีเดียวกันคือสีออกคราม ๆ มีเครื่องประดับติดอยู่ที่คอและนิ้วมือก็ทรุดตัวลงนั่งตาม...แน่งน้อยยิ้มให้เขา เขายิ้มตอบ พยายามไม่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างมาก...แต่ว่าภาพในกรอบบนโต๊ะข้าง ๆ โซฟาที่อยู่ใกล้ ๆ กับเก้าอี้หลุยส์ตัวใกล้กับเก้าอี้ตัวที่แน่งน้อยนั่งนั้นก็ทำให้เขาต้องย่นหัวคิ้ว...

ถ้าเขาจำไม่ผิด รูปครึ่งค่อนตัวเห็นเพียงใบหน้าเส้นผมและรอยยิ้มเก๋ไก๋นั้นเป็นรูปของ ‘ขวัญชีวี’ นางในดวงใจของเพื่อนเขาแน่ ๆ




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2555, 11:41:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2555, 12:55:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 2396





<< 1.ออเดิร์ฟ...เรียกน้ำย่อย   2.1 >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ต.ค. 2555, 11:42:05 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ..จุ๊บ ๆ


anOO 4 ต.ค. 2555, 13:21:17 น.
จะเข้าทางผู้ใหญ่เหรอเนี้ย


คิมหันตุ์ 4 ต.ค. 2555, 14:00:20 น.
น่าติดตามจ้า


Zephyr 4 ต.ค. 2555, 23:03:19 น.
อ่าว จะโลกกลมรึไม่ อยู่ที่คุณเฟื่องแล้ว
ตามมาเป็นแม่ยกตามาร์คค่า


minafiba 8 ต.ค. 2555, 12:32:23 น.
^_^


panon 16 ต.ค. 2555, 16:31:35 น.
เรื่องใหม่ๆๆๆๆๆ


loveleklek 4 พ.ย. 2555, 22:37:51 น.
ชื่อนางเอกคุ้นๆ อยู่นา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account