มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 13 ครบ 100% แล้วค่ะ

ตอนที่ 13
“อะแฮ่มๆๆ” วรปรัชญ์ตั้งใจกระแอมเพื่อดึงดูดความสนใจของราเมศวรที่ยังคงทอดสายตามองตามพริมาอย่างเปิดเผย
“นั่นน่ะ คุณแม่ลูกสองแล้วนะฮะ คงจะมาเป็น ‘นางสีดา’ ให้คุณเมศไม่ได้แล้วล่ะฮะ” วรปรัชญ์บอกความจริงเพียงแค่นั้น เพราะในใจก็ยังอยากให้เพื่อนได้คืนดีกับสามีเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้
“ว้า! ผมช้าไปอีกแล้วล่ะสิ” ราเมศวรแกล้งโอดครวญทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มมหาเสน่ห์ เพราะข้อสันนิษฐานที่คิดไว้เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ทำไมเขาจะไม่รู้ในเมื่อประกายแหวนเพชรของเธอนั้นส่องประกายวูบวาบระยิบระยับเสียขนาดนั้น สาว ๆ ที่ไหนจะใส่แหวนเพชรบนนิ้วนางข้างซ้ายกันเล่น ๆ
“ไม่ช้าไปหรอกฮะ ก็ปรัชญ์เคยบอกคุณเมศแล้วนี่ฮะ ว่าปรัชญ์รอคุณเมศอยู่เสมอ ฮ่าๆๆ” วรปรัชญ์ได้ทีรีบหมาหยอกไก่
“ผมก็ขอย้ำชัด ๆ อีกครั้งว่าเราน่ะต่างขั้วกันน่ะครับคุณปรัชญ์ คนละขั้วแต่ไม่ดูดเข้าหากัน เอ...หรือต้องเรียกว่าขั้วเดียวกันดีครับ เพราะขั้วเดียวกันมันเลยไม่วิ่งเข้าหากันคอยแต่จะผลักกันออก” ราเมศวรพูดติดตลกตามนิสัยของคนอารมณ์ดี
“งั้นจะขั้วไหนก็ไม่สำคัญล่ะฮะ ถ้าไม่วิ่งเข้าหากัน ขั้วเหมือนหรือขั้วต่างก็ไม่เกิดประโยชน์ เชอะ!” วรปรัชญ์แกล้งงอนใส่
“ฮ่า ๆ ๆ แต่ถ้าบอกว่าขั้วเดียวกันก็ไม่ดีอีก เดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ที่สำคัญผมยังตามหา ‘นางสีดา’ อยู่ ขอบอกตรง ๆ นะครับแบบคุณพริมานี่ล่ะครับที่ผมหามานาน” ราเมศวรไม่อ้อมค้อม
“ไหน ๆ ก็หามานานแล้ว งั้นก็จงหาต่อไปนะฮะพระราม” วรปรัชญ์แซวเล่น
“คุณพริมานี่น่ารักดีน่ะครับ ดูสวยแบบเย็น ๆ อยู่ด้วยแล้วน่าจะสบายใจดี เสียแต่ดูเศร้า ๆ ไปหน่อย หรืออาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีเรื่องต้องคิดมากอยู่ในใจ ใช่หรือเปล่าครับคุณปรัชญ์” ราเมศวรช่างสังเกตตามนิสัยของนักการทูตที่ต้องละเอียดรอบคอบ
“......” วรปรัชญ์เลือกที่จะเงียบโดยการหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ และโชคดีที่ผู้ถูกพูดถึงกำลังเดินกลับมาพร้อมขนมในจาน บทสนทนาเรื่อง ‘นางสีดา’ เลยต้องยุติเพียงเท่านั้น
หลังจากนั่งดื่มกาแฟต่อได้สักพัก ทั้งสามคนก็ขับรถกลับโรงแรม ‘ณ นิมมานรดี’ ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญอีกครั้งที่ราเมศวรก็จองห้องพักที่นั่นเช่นกัน เขาจึงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเย็นเป็นการขอบคุณที่ทั้งสองให้ติดรถของโรงแรมกลับไปด้วย แต่วรปรัชญ์และพริมามีนัดกับพิชญธิดาที่ ‘คุ้มนิมมานรดี’ เสียแล้ว ทั้งสามจึงตกลงและนัดที่จะเดินทางจากโรงแรมไปสนามบินด้วยกันในวันรุ่งขึ้นแทน เพราะเหตุบังเอิญที่สาม คือ ทั้งหมดต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินเที่ยวเดียวกัน…..จะเป็นเหตุบังเอิญหรือพรหมลิขิตของคนบนฟ้าก็ไม่แน่ใจ

************************

ก่อนเครื่องบินจะทะยานขึ้นฟ้าในอีกไม่นาน พริมาและวรปรัชญ์ฆ่าเวลาด้วยการเอาทั้งกล้องถ่ายรูปและมือถือมานั่งดูรูปถ่ายบรรดาลูก ๆ ของพิชญธิดาและวิชญ์ เด็ก ๆ ทั้งสามหน้าตาน่ารักน่าชังกันทั้งนั้นเพราะได้ส่วนดีของพ่อและแม่มาผสมผสานได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ‘ด.ญ. วิชญาพา นิมมานรดี’ หรือแม่หนูอินเลิฟนั้นมีอายุ 5 ขวบเศษ ซึ่งไล่เลี่ยกับน้องป๊อปลูกชายคนโตของพริมา หนูน้อยอินเลิฟนั้นนอกจากจะมีผิวพรรณขาวอมชมพูแล้ว หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู และเมื่อบวกกับผมดำหยิกยาวสลวยด้วยแล้ว หนูน้อยอินเลิฟจึงมีแววที่ต่อไปคงสวยแบบมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งรูปร่างที่ดูว่าจะสูงยาวเข่าดีเพราะทั้งพ่อและแม่เป็นคนสูงกันทั้งคู่ หากต้องการเข้าวงการนางแบบคงไม่ใช่เรื่องยากแต่จะฝ่าด่านอรหันต์ของคุณพ่อวิชญ์ผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาวไปให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะความเข้าใจผิดกันของวิชญ์และพิชญธิดา จึงทำให้พิชญธิดาต้องอุ้มท้องลูกสาวคนนี้ตามลำพังและหนีไปคลอดไกลถึงอังกฤษ กว่าจะได้พบกับหน้าของพ่อบังเกิดเกล้านั้น หนูน้อยก็อายุ 16 เดือนเข้าไปแล้ว เมื่อวิชญ์และพิชญธิดาสามารถปรับความเข้าใจและกลับมาคืนดีกันได้ วิชญ์จึงชดเชยทั้งความรักและทุ่มเทเวลาให้กับลูกสาวคนนี้อย่างหมดหัวใจเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไป หนูน้อยอินเลิฟจึงเป็นยิ่งกว่าเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ของพ่อวิชญ์
“ดูหน้าตาเจ้าวินสิ ตล้ก ตลกอะ” วรปรัชญ์หัวเราะชอบใจที่เห็นหน้าตาเหรอหราของหลานชายสุดหล่อ ‘ด.ช. พิชญ นิมมานรดี’ ที่ถูกน้องชายตัวน้อยแหวะนมใส่เสื้อเพราะพ่อพี่ชายตัวดีพยายามจะเข้าไปอุ้มน้องน้อยที่เพิ่งกินนมอิ่ม ๆ เสียให้ได้
“ขนาดตลกก็ยังหล่อเลยนะ” พริมาชมหลานชายอายุ 2 ขวบเศษซึ่งมีอายุเท่ากับลูกชายคนที่ 2 ของเธอพอดิบพอดี
“ใช่เลย เด็ก ๆ สมัยนี้หน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น หล่อ ๆ แทบทุกคน ลูกแก 2 คนนั่นก็ใช่ย่อย จะหล่อล้ำหน้าพ่อแล้วนะ ขออย่าให้เจ้าชู้หลายใจเหมือนพ่อด้วยก็แล้วกัน....” วรปรัชญ์หยุดปากพาจนของตัวเองไม่ทันอีกครั้ง
“เอ่อ...ไม่ได้ตั้งใจน่ะปริม” วรปรัชญ์รีบกล่าวขอโทษ
“งั้นก็ตั้งใจบ้างก็ได้นะยะ!” พริมาแกล้งต่อว่าเหมือนไม่เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่รู้สึกสะอึกอยู่ในใจกับคำพูดของวรปรัชญ์ แล้วจึงหันไปดูรูปถ่ายในมือถือของตนเองต่อ ซึ่งเป็นรูปหนูน้อยคนสุดท้องของบ้านนิมมานรดี ‘ด.ช.พิชเญศ นิมมานรดี’ หรือน้องวัน ในรูปเป็นเด็กตัวเล็กอ้วนจ้ำม่ำที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังถูกทั้งคุณแม่และคุณยายช่วยกันแต่งตัว พริมาดูรูปไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ที่ได้เห็นความอบอุ่นของครอบครัวเพื่อนรัก พลันนึกถึงคำพูดของวิชญ์ที่เมื่อคืนเขาได้พูดคุยกับเธอตามลำพังที่ระเบียงบ้านหลังอาหารมื้อค่ำ
‘เท่าที่พี่รู้จักกับโป๊ปมา พี่แน่ใจนะปริมว่าโป๊ปคงทรยศปริมแค่เรื่องร่างกาย แต่เรื่องหัวใจพี่มั่นในว่าเขายังรักปริม ที่เขาไม่อยากหย่าก็เพราะเขายังรักปริมอยู่ ผู้ชายเราน่ะไม่ได้รักใครกันง่าย ๆ หรอกนะ ถึงบางคนจะโดนเรียกว่ามากรักก็เถอะ ที่มากน่ะไม่ใช่ความรัก แต่เป็นกิเลสตัณหาต่างหากล่ะ.......พี่ไม่ได้พูดให้ปริมต้องเปลี่ยนหรือตัดสินใจอะไรใหม่ พี่แค่อยากให้ปริมได้รับรู้อีกมุมหนึ่งของผู้ชาย’ วิชญ์ที่แทนตัวเองว่าพี่เพราะมีอายุมากกว่าพริมาและพิชญธิดาถึง 5 ปี รวมทั้งแก่กว่าภัทร์ประมาณ 2 ปีเศษ เขาให้ข้อคิดแก่พริมาอย่างตรงไปตรงมาเพราะได้รับการไหว้วานจากศรีภริยาให้ช่วยพูดอีกแรง ทั้งสองครอบครัวสนิทกันมาหลายปีแล้วเพราะนอกจากฝ่ายหญิงจะเป็นเพื่อนรักกันมายาวนานแล้ว ฝ่ายชายก็ยังทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วย วิชญ์มากู้เงินก้อนโตจากธนาคารของภัทร์เพื่อไปลงทุนทำโรงแรม ณ นิมมานรดี แห่งใหม่ในเวียดนาม นอกจากจะปล่อยให้กู้ด้วยเงื่อนไขพิเศษแล้ว ภัทร์ยังขอเข้าร่วมหุ้นในโรงแรมแห่งนี้อีกด้วย เพราะเขาเชื่อมั่นในการบริหารของวิชญ์ ชายหนุ่มทั้งสองจึงรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
‘แล้วทำไมพี่โป๊ปถึงต้องทรยศปริมด้วยล่ะคะ ทีพี่วิชญ์ทะเลาะกะอัณณ์ตั้งเป็นปีสองปี ทำไมพี่วิชญ์ถึงไม่มีคนอื่นละคะ’ พริมาถามอย่างใคร่รู้เพราะต้องการเปรียบเทียบกับเรื่องของตนเอง
‘เรื่องของโป๊ปพี่คงตอบแทนเขาไม่ได้ คนเรามีสาเหตุแตกต่างกัน ส่วนเรื่องของพี่คงเป็นเพราะตอนนั้นหัวใจพี่มันแตกสลายแล้วล่ะมั้ง พี่ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรอัณณ์ถึงทิ้งพี่ไป ทั้ง ๆ ที่เราก็เพิ่งจะลงตัวกันได้ไม่นาน พูดง่าย ๆ ว่าพี่อกหักแล้วกัน มันเลยไม่รู้สึกไยดีกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เรื่องของพี่กะของโป๊ปมันต่างกันนะปริม อย่าเอามาเปรียบเทียบกันเลย ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก พี่ว่า....ปริมลองถามตัวเองดีกว่านะว่าเพราะอะไร แต่ถ้าปริมตอบไม่ได้เพราะไม่รู้จริง ๆ ก็ต้องไปถามเจ้าตัวผู้ที่รู้คำตอบดีที่สุด’
‘พี่วิชญ์บอกว่าพี่กะอัณณ์เพิ่งลงตัวกัน พี่เลยไม่คิดมีคนอื่นเพราะยังทำใจไม่ได้ งั้นคู่ของปริมก็มีสาเหตุมาจากที่คบกันมานานแล้วใช่ไหมคะ’ พริมาเริ่มคิดมากอีกครั้ง
‘นั่นไง! พี่เพิ่งบอกว่าอย่าเอาไปเปรียบเทียบกัน ไม่ทันไรเลย’ วิชญ์พูด
‘พี่ว่า ณ ตอนนี้ปริมอย่าไปสนใจดีกว่าไหมว่าเพราะอะไร พี่อยากให้ปริมมองไปข้างหน้าก่อนว่าจะเอาอย่างที่ตัดสินใจแล้วจริง ๆ เหรอ ถ้ายังยืนยันแบบเดิมก็ให้ลองคิดถึงภาพในอนาคตของตัวเองดูว่าจะไปทิศทางไหน ถ้าคืนดีกันไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกัน เพราะต้องช่วยกันเลี้ยงลูกอีก ไหน ๆ ก็เลิกกันแล้ว ก็ขอให้เลิกกันด้วยดี อย่าบาดหมางกันเลย เพราะยังต้องพูดต้องคุยเรื่องลูกกันอีกยาวไกล....’ วิชญ์พูดยังไม่ทันจบดีก็มีเสียงดังขัดขึ้นว่า
‘พี่วิชญ์! นี่อะไรกันคะ ใช้ไม่ได้เรื่องเลยนะ อัณณ์บอกให้มาช่วยพูดให้พวกเขาคืนดีกัน นี่อะไร มานั่งพูดให้เขาเป็นเพื่อนหลังเลิกกันแล้ว ผู้หญิงคนไหนจะอยากเป็นเพื่อนกับอดีตสามีที่นอกใจบ้างละคะ ถ้าเป็นอัณณ์ อัณณ์ก็ไม่เป็นเพื่อนด้วยหรอก ทางใครทางมันไปเลย อะไรกัน นอกใจมีคนอื่นแล้ว ยังจะให้มาคบเป็นเพื่อนอีกนี่นะ ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอคะ ไม่ต้องเป็นเพื่อนก็ช่วยกันเลี้ยงลูกได้ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองให้ดีก็ได้แล้วนี่นา พ่อทำหน้าที่พ่อ แม่ทำหน้าที่แม่ก็พอแล้ว ไม่เห็นจะต้อง.....’ พิชญธิดาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วต่อว่าสามีตัวดีที่ทำงานไม่สำเร็จอย่างยืดยาว โดยลืมคิดถึงผู้ฟังอีกคนที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
‘อัณณ์!’ วิชญ์ปรามภรรยาเพราะเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพริมา
‘อุ้ย! อัณณ์ลืมตัวไป ขอโทษนะปริม อย่าถือสาฉันเลยนะ ผู้หญิงหลังคลอดใหม่ ๆ ก็เป็นแบบนี้ล่ะ สมองมันยังไม่ทำงานเต็มร้อยน่ะ’ พิชญธิดารีบขอโทษเพื่อนรัก
‘แล้วสมองแกเคยทำงานเต็มร้อยด้วยเหรอนังเอ๋อเหรออัณณ์ ฉันเห็นถ้าแกไม่ลืมโน่นก็ต้องลืมนี่อยู่ตลอดเวลา กี่ปีกี่ปีแกก็ไม่เคยเปลี่ยน ไม่รู้พี่วิชญ์ทนได้ยังไง’ วรปรัชญ์ที่ตามมาสมทบและรีบฉวยโอกาสซ้ำเติมเพื่อนซี้อย่างไม่ทันให้ตั้งตัวได้
‘ฮ่า ๆ ๆ’ วิชญ์หัวเราะเพราะแอบเห็นด้วยกับวรปรัชญ์ แต่ก็มีอีกหนึ่งคนที่นอกจากจะไม่ขำด้วยแล้ว น้ำตายังเริ่มซึมออกมาจนเธอต้องรีบกะพริบไล่มันออกไปก่อนที่ใคร ๆ จะได้เห็นและพากันหมดสนุก

************************

“ปริม ๆ เป็นไรอะ เรียกตั้งสองสามทีแล้วนะยะ” วรปรัชญ์เขย่าแขนพริมาเมื่อเห็นว่าเพื่อสาวเริ่มออกอาการเหม่อและเศร้าอีกแล้ว
“เปล่า ๆ จ้ะ พอดีกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ นี่ดูรูปตาวินรูปนี้สิ น่ารักน่าฟัดมากเลยเนอะ เห็นแล้วคิดถึงเจ้าลิงสองตัวที่บ้านจัง วันนี้ว่าจะเลยไปรับตาป๊อปที่โรงรียนด้วย ไปด้วยกันไหม” พริมารีบเปลี่ยนประเด็นเพราะรู้ดีว่าคนฉลาดอย่างวรปรัชญ์นั้นช่างสังเกตมากแค่ไหน เธอไม่อยากพูดเรื่องนั้นในที่สาธารณะแบบนี้ พอพูดเสร็จพริมาก็ใช้นิ้วชี้เลื่อนรูปถัดไปบนหน้าจอมือถือพลางชักชวนให้วรปรัชญ์สนใจรูปถ่ายแทน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีข้อความปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
“อ้าว! นังนี่ขึ้นเครื่องแล้วยังไม่ปิดสัญญาณอีก แกนี่ไม่รู้เรื่องงงง....” วรปรัชญ์หยุดชะงักเพียงแค่นั้นเมื่อได้อ่านข้อความที่เห็นไปพร้อม ๆ กับพริมา
‘Darling - กลับวันนี้ใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปรับนะ อยากคุยเรื่องหย่าให้เรียบร้อย’
ไม่ต้องการคำขยายใด ๆ ทั้งนั้น เพราะ ‘Darling’ ก็บอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้อความนี้มาจากใคร และเขาต้องการจะบอกอะไรกับเธอ.....อยากคุยเรื่องหย่าให้เรียบร้อย.... คงเป็นประเด็นสำคัญกว่า ....เดี๋ยวพี่ไปรับนะ..... เขาจะมารับเพราะอยากคุยเรื่องสำคัญ ไม่ใช่การมารับเธอเป็นเรื่องสำคัญเหมือนสมัยก่อนที่เคยรักกัน.....ทันทีที่วรปรัชญ์ยื่นมือมาบีบให้กำลังใจ พริมาก็ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาอย่างอ่อนล้า เงียบ ๆ ไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา มีเพียงหยาดน้ำตา แต่แล้วเธอก็รีบซับน้ำตาแล้วจึงค่อย ๆ เอนศีรษะไปซบกับไหล่ของวรปรัชญ์....ที่เพียงที่เดียวในตอนนี้ที่เธอพอจะพักพิงหัวใจจากความบอบช้ำได้บ้าง และทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่อาจรอดสายตาของราเมศวรไปได้ สายตาที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเจ้าตัวก็อยากเสียเหลือเกินที่จะเป็นเจ้าของไหล่หนาให้เธอได้ซบบ้างในยามท้อแท้และอ่อนแอ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

************************

เมื่อเห็นเพื่อนยังคงซึมเศร้าและเงียบขรึมอยู่ทั้ง ๆ ที่เครื่องทะยานขึ้นฟ้ามาได้สักพักใหญ่แล้ว วรปรัชญ์เลยพยายามชวนพูดคุยเพื่อให้พริมามีกำลังใจ และพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้านี้
“ปริม อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ จะว่าไปแล้วที่จริงแกก็ยังมีความโชคดีอยู่ในความโชคร้ายครั้งนี้นะปริม” วรปรัชญ์เปิดประเด็น
“อะไรล่ะไอ้ความโชคดีนั่นน่ะ อย่างฉันนี่นะยังจะมีความโชคดีหลงเหลืออยู่อีกเหรอ อะไรล่ะปรัชญ์ ไหนบอกมาสิ” พริมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้....เธอยังโชคดีเรื่องอะไรได้อีก
“ก็โชคดีตรงที่พี่โป๊ปเขาไปมี “ผู้หญิง” อื่นไงล่ะ.......แกโชคดีแล้วนะที่เขาไม่ได้ไปมี “ผู้ชายอื่น” ให้แกต้องช้ำใจไปมากกว่านี้” วรปรัชญ์ตอบด้วยสีหน้าทะเล้นเพื่อเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนสาว
“อีบ้าปรัชญ์!!!” พริมาร้องแหวขึ้นพร้อมทั้งฟาดมือใส่วรปรัชญ์ไปหนึ่งครั้งโทษฐานที่ ‘บ้า’ ไม่รู้จักกาละเทศะ พอสั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็จ้องหน้าวรปรัชญ์พร้อมพูดออกมาว่า
“ขอบใจนะปรัชญ์ ขอบใจแกมากจริง ๆ” พริมาพูดจากใจจริงอย่างสั้น ๆ แล้วจึงหันกลับไปมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง และเมื่อนึกทบทวนถึงคำพูดของเพื่อน พริมาก็อดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้
‘เอ...หรือเราจะโชคดีจริงอย่างที่นังปรัชญ์มันว่าล่ะนี่’

************************

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ราเมศวรรีบตรงไปอาสาช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางให้กับพริมาในทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มแยกกับเพื่อนที่ทำงานตั้งแต่ลงเครื่องมาเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีสัมภาระที่ต้องรอรับอย่างเช่นพริมาและวรปรัชญ์ โดยเฉพาะคนหลังที่หอบของฝากมากมายกลับมาจากเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแคบหมูห่อโต ๆ น้ำพริกทั้งหนุ่มและอ่อง รวมทั้งพวกผ้าไหมทอมือและผ้าพันคอหลากสีสันที่เจ้าตัวอ้างว่าเอาไว้แจกบรรดาภริยาท่านทูตเป็นของขวัญวันคริสต์มาสและปีใหม่ วรปรัชญ์เลยต้องหอบสัมภาระมากมายแถมยังเหลือเผื่อแผ่มาให้พริมาช่วยขนอีกต่างหาก ราเมศวรเลยรีบเข้าไปช่วยถือกระเป๋าเดินทางของเธอ และให้เธอถือเพียงพวกถุงใส่ผ้าไหมของวรปรัชญ์เท่านั้น ชายหนุ่มว่าที่นักการทูตยังไม่ยอมกลับทั้ง ๆ ที่จอดรถทิ้งไว้ที่สนามบิน เขายังมัวอ้อยอิ่งอยู่กับพริมาและวรปรัชญ์ก็เพราะความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ และความห่วงใยที่เพิ่งเกิดขึ้นบนน่านฟ้า....ความห่วงใยที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะดวงตาหมองเศร้าคู่นั้น ดวงตาที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาหันไปมองทางอื่นได้อีกแล้ว
ทั้งสามคนเดินออกมายังห้องโถงด้านหน้า ที่มีผู้คนมากมายมายืนรอรับผู้โดยสารอยู่อย่างหนาตา ทั้งที่มาเพราะหน้าที่และธุรกิจ และที่มาเพราะความรักความผูกพันทั้งทางสายเลือดและสายใจ ภัทร์ก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่พริมาไม่แน่ใจว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขามารับเธอเอง...นอกจากจะมาคุยเรื่องหย่าให้เรียบร้อย จากคนที่ไม่อยากหย่าให้เธอ กลับกลายเป็นเขาที่ขอคุยให้มันจบ ๆ ไป..... ชายหนุ่มยืนรอปะปนกับคนอื่น ๆ แต่เพราะหน้าตาและบุคลิกที่โดดเด่นจึงทำให้เขาเป็นที่สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
“ปริม โน่นพี่โป๊ปมารอแกแล้ว” วรปรัชญ์บอกได้เพียงแค่นั้น ละ ‘แกพร้อมแล้วนะ’ ไว้ในใจเพราะยังมีราเมศวรที่เดินขนาบอีกข้างของพริมามาด้วย
“อืม เห็นแล้ว” พริมาตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวพร้อมที่จะเผชิญหน้าแล้ว วรปรัชญ์จึงเดินตรงไปยังเป้าหมายเพราะเจ็บแค้นแทนเพื่อนรัก
“แหม! พี่โป๊ปวันนี้มารับเองเลยนะฮะ เหมือนสมัยที่ปริมเป็นแอร์เลยนะ กลับมาหวานเหมือนเดิมเชียวแล้วเหรอฮะ” วรปรัชญ์ทักทายก่อนแบบ ‘เชือดนิ่ม ๆ’ แต่ภัทร์ไม่สนใจและได้แต่ยิ้มรับพร้อมมองไปที่ราเมศวรอย่างสงสัยเพราะเห็นกระเป๋าเดินทางของพริมาอยู่ในมือชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานและไม่น่าจะใช่ ‘พวกเดียว’ กับวรปรัชญ์
“คุณราเมศวรฮะ นี่คุณภัทร์ พัฒนภิรมย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนทรัพย์ฮะ” วรปรัชญ์กล่าวแนะนำภัทร์อย่างเต็มขั้น ราเมศวรก้มหัวและยิ้มทักทายให้ก่อนที่จะสะดุดใจเล็กน้อยเมื่อวรปรัชญ์เสริมต่อว่า
“อ้อ! เป็นสามีของปริมด้วยฮะ” วรปรัชญ์ลอบสังเกตปฏิกิริยาของแต่ละฝ่ายอยู่เงียบ ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม ราเมศวร หัสดิน” ราเมศวรแนะนำตนเอง
“ว่าที่นักการทูตอนาคตไกลฮะ” วรปรัชญ์เสริมให้อย่างเท่าเทียมกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ภัทร์ยื่นมือขวาไปเชคแฮนด์ด้วย พร้อมทั้งยื่นมือซ้ายออกไปรับกระเป๋าเดินทางของพริมา สัญชาติญาณในตัวภัทร์บอกให้รู้ว่าราเมศวรคงคิด ‘อะไร’ กับภรรยาของเขาเข้าแล้ว
“ขอ ‘กระเป๋า’ ภรรยาผมด้วยครับ ขอบคุณครับ” ภัทร์ขอกระเป๋าจากราเมศวร แต่มีนัยบางอย่างซ่อนอยู่ในประโยคที่พูดออกไป
“นี่ครับ ‘กระเป๋า’ ของคุณปริม” ราเมศวรตอบอย่างรู้ทัน ก่อนที่จะหันหน้าไปทางพริมาและวรปรัชญ์
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณปริม ไว้คงได้พบกันใหม่ในไม่ช้า คุณปรัชญ์ครับ เจอกันที่ทำงานวันจันทร์นะครับ” ราเมศวรกล่าวลาเพื่อนร่วมเดินทางแล้วจึงหันมาทางภัทร์
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แล้วคงได้พบกันอีก” ชายหนุ่มทั้งสองสบตากัน
“เช่นกันครับ สวัสดีครับ” ภัทร์พูด
เมื่อราเมศวรเดินแยกไปแล้ว ภัทร์ก็หันมาทางวรปรัชญ์
“จะกลับด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่แวะไปส่ง”
“ขอบคุณนะฮะที่ชวน แต่ไม่ต้องหรอกฮะ พอดีปรัชญ์จอดรถไว้ที่นี่ พี่โป๊ปกลับกับปริมได้เลย จะพูดอะไรกันก็จะได้สะดวกและเต็มที่” วรปรัชญ์ตั้งใจพูดออกไปซึ่งก็สร้างความงุนงงให้กับภัทร์อยู่เล็กน้อย แต่ชายหนุ่มกลับแอบคิดว่าพริมาคงบอกกับเพื่อน ๆ ของเธอเรื่องที่เขามีผู้หญิงอีกคน ภัทร์จึงรู้สึกไม่พอใจและทำสีหน้าบึ้งตึงทันที
“ฉันไปละนะปริม มีอะไรก็โทรมาได้เสมอนะแก อย่าลืมล่ะ” วรปรัชญ์แกล้งย้ำชัด ๆ ให้ภัทร์ได้ยิน
“อือ แล้วค่อยคุยกันนะ บ้ายบายจ้ะ” พริมาเพิ่งเปิดปากหลังยืนเงียบอยู่นานสองนาน เธอส่งถุงของฝากให้กับวรปรัชญ์ที่กำลังสวัสดีภัทร์ เมื่อวรปรัชญ์เดินแยกไปแล้ว ภัทร์จึงหันหน้ามาถามภรรยาว่า
“คุณราเมศวรเป็นเพื่อนกับอัณณ์ด้วยเหรอ” ภัทร์ถามในทันทีเพราะค้างคาใจอยู่
“เปล่าค่ะ เพื่อนร่วมงานของปรัชญ์ค่ะ เขารู้จักกันตอนไปทำงานที่สิงคโปร์”
“พวกเขาไปเจอกันโดยบังเอิญหรือนัดกันไป” ภัทร์ถามซอกแซกอย่างหึงหวง
“โดยบังเอิญค่ะ” พริมาตอบ
“แล้วก็กลับมาพร้อมกันโดยบังเอิญอีก” ภัทร์ถามอย่างตั้งแง่
“ค่ะ และเราก็ยังพักที่โรงแรมของอัณณ์เหมือนกันด้วยค่ะ” พริมาที่พอจะเดาออกว่าภัทร์กำลังหึงหวงเธอ จึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมไปอย่างท้าทาย ภัทร์ที่รู้ตัวว่ากำลังล้ำเส้นจึงเปลี่ยนน้ำเสียงและหัวข้อในการพูดคุย
“โอเคจ้ะ แล้ว เชียงใหม่เป็นไงบ้าง สนุกไหม”
“ปริมไปเยี่ยมหลานนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว” พริมาตอบห้วน ๆ ซึ่งภัทร์ก็เข้าใจว่าภรรยายังคงโกรธเขาที่ออกอาการหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผล
“ทำไมปริมไม่บอกพี่ล่ะ พี่จะได้ไปด้วย แล้วนี่คุณวิชญ์กะอัณณ์ได้ลูกชายหรือลูกสาวล่ะ” ภัทร์ชวนพริมาพูดคุยเพื่อไถ่โทษ
“ลูกชายค่ะ” พริมาตอบเพียงคำถามเดียว
“คุณอัณณ์นี่เก่งนะ มีลูกตั้งสามคน คลอดเองหมดเลยด้วยใช่ไหม” ภัทร์กล่าวชมเพื่อนของภรรยาด้วยใจจริง แต่คนฟังกลับรู้สึกว่ากำลังถูกเปรียบเทียบ เพราะเขาเคยขอให้เธอมีลูกคนอีกคนแต่เธอปฏิเสธ พริมาเลยตอบอย่างประชดไปว่า
“ค่ะ อัณณ์เขาเก่งกว่าปริม เขามีลูกตั้ง 3 คน”
ภัทร์ที่จับน้ำเสียงและท่าทางอาการงอนของภรรยาได้ในแทบจะทันที จึงพยายามเปลี่ยนประเด็นเพราะไม่อยากให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่อีก
“คุณวิชญ์เขารวย ลูก 3 คนแค่นี้เขาคงเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว ใช่ไหมจ๊ะ” แต่ความพยายามของภัทร์กลับไม่เป็นผล
“เรื่องเลี้ยงลูกไม่ได้อยู่ที่รวยหรือจนหรอกค่ะ พี่วิชญ์เขาไม่ได้แค่อยากมี แต่เขายังช่วยอัณณ์เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขาจะจ้างพี่เลี้ยงกี่คนก็ย่อมได้ แต่เขากลับช่วยกันเลี้ยงเอง!” พริมาเริ่มเสียงแข็ง ภัทร์รู้ว่าเรื่องกำลังจะบานปลายจึงตัดสินใจที่จะเงียบเสียเอง เขาไม่อยากให้ช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีด้วยกันต้องเป็นช่วงเวลาของการทะเลาะ ที่เขามารับพริมาในวันนี้เพราะอยากพูดคุยปรับความเข้าใจกัน....เขายังไม่อยากหย่า และในส่วนลึกแล้วเขาก็คิดถึงเธอ ยิ่งหลัง ๆ ตั้งแต่มีเรื่อง พูดกันแทบจะนับคำได้เลย
เมื่อเดินมาถึงรถยนต์คันหรู ภัทร์ก็ใช้กุญแจอัตโนมัติเปิดประตูรถ ชายหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางของภรรยาไว้ที่เบาะหลัง หลังจากนั้นก็เปิดประตูหน้าให้ภรรยาพร้อมทั้งพูดว่า
“เดี๋ยวเราไปรับน้องป๊อปที่โรงเรียนกันก่อนนะ” ทันทีที่ได้ยินพริมาก็รู้สึกแปลกใจและสงสัย หากภัทร์จะพูดเรื่องหย่ากับเธอ ไฉนจึงจะพาเธอไปรับลูกที่โรงเรียน หรือเขาคิดจะใช้ลูกมาต่อรองกับเธอ พริมาคิดวกไปวนมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะยังอยากรอดูท่าทีของอีกฝ่ายเสียก่อน และเมื่อภัทร์ออกรถมาได้สักพักแต่ยังไม่พูดอะไรออกมา พริมาที่ค้างคาใจอยู่จึงเปิดประเด็นเสียเอง….เธอจำเป็นต้องพูดในตอนนี้เพราะไม่อยากให้ลูกมาได้ยิน
“เรื่องหย่าจะว่ายังไงคะ” พริมาถาม
“.......” ภัทร์นิ่งเงียบ เพราะเขารู้สึกตกใจเล็กน้อยและคิดไม่ถึงว่าพริมาจะเลือกพูดเรื่องนี้ขึ้นมาในทันทีที่กลับมาจากเชียงใหม่...เขาแอบคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเห็นแก่ตัวว่า การไปพักผ่อนของเธออาจทำให้เธอหาทางออกที่ดีกว่าการหย่าได้
“ปริมพร้อมเสมอนะคะ นี่อาทิตย์หน้าก็จะย้ายเข้าคอนโดแล้ว” พริมาตัดสินใจย้ายเข้าคอนโดเร็วขึ้น ทั้ง ๆ ที่ช่างยังเก็บงานไม่เรียบร้อยดีนัก
“งั้นก็ตามใจปริม” ภัทร์พูดอย่างเนือย ๆ เพราะรู้สึกผิดคาด ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับพริมาเพราะนึกว่าอีกฝ่ายควรจะดีใจที่เธอยอมหย่าให้ หรือเขาจะเก็บอาการดีใจไว้ตามมารยาท
“ปริมจะย้ายลูกไปด้วยเลยนะคะ เสาร์อาทิตย์พี่ค่อยไปรับลูกมานอน แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
“ว่างสิ! ทำไมจะไม่ว่าง” ภัทร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเพราะคิดว่าถูกกระแนะกระแหนจากภรรยา
“ก็พูดเผื่อไว้น่ะค่ะ เพราะต่อไปพี่โป๊ปจะมีลูกอีกคน เป็นลูกสาวเสียด้วยสิ ปริมเลยกลัวว่าพี่อาจจะไม่ว่าง” พริมาเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่ ความรู้สึกอัดอั้นและน้อยใจจึงพรั่งพรูออกมาด้วยคำพูดที่ยั้งคิด
“พี่โป๊ปนัดวันที่จะหย่ามาเลยก็ได้นะคะ” พริมาท้าทายอย่างไม่กลัวเกรง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเธอเป็นคนตัดสินใจว่าจะหย่าแล้ว เธอก็ต้องทำให้ได้
“พี่....พี่แล้วแต่ปริมจะสะดวกก็แล้วกัน!” ภัทร์ชักฉุนบ้างและเพราะเริ่มรู้สึกว่ากำลังเป็นฝ่ายสูญเสียบ้างแล้ว
“งั้นวันจันทร์นี้ไปเจอกันที่เขตเลยนะคะ” พริมาบอกอย่างเด็ดเดี่ยวแต่ปวดร้าวอยู่ในใจ
“และปริมหวังว่าพี่โป๊ปจะไม่ใจร้าย พาผู้หญิงคนนั้นไปจดทะเบียนใหม่ในวันนั้นด้วยเลยนะคะ!” พริมาพูดประชดทั้ง ๆ ที่ต้องเจ็บปวดกับคำพูดของตนเองอีกครั้ง.....หากภัทร์ทำขึ้นมาจริง ๆ
“ปริม!” ภัทร์พูดได้เพียงแค่นั้น เพราะกำลังเลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณโรงเรียนของลูกชาย ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธที่ปะทุขึ้นภายใน เมื่อจอดรถสนิทแล้วภัทร์ก็รีบพูดความรู้สึกออกมาก่อนที่จะปล่อยให้พริมาได้ลงรถไป
“ในเมื่อปริมอยากหย่านัก พี่ก็จะหย่าให้ ปริมไม่จำเป็นต้องมาพูดประชดประชันกันแบบนี้” พริมาที่กำลังเปิดประตูรถ หยุดชะงัก เธอกระชากประตูปิดในทันทีแล้วโต้ตอบกลับไปว่า
“ปริมก็ทำได้แค่ประชดประชันแบบนี้ล่ะค่ะ ปริมทำได้แค่พูด และถ้าแค่นี้มันทำให้พี่โป๊ปรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง ก็ช่วยเข้าใจไว้ด้วยนะคะว่าที่พี่ทำกับปริมไว้ มันสาหัสสากรรจ์กว่านี้หลายร้อยหลายพันเท่า!” พริมาพูดเสร็จก็หุนหันจะลงจากรถ แต่ก่อนจะลงเธอก็หันกลับมาที่ภัทร์อีกครั้ง
“ตอนนี้ปริมแน่ในแล้วล่ะค่ะว่าปริมคิดถูกที่จะหย่าจากพี่!” พูดจบพริมาก็รีบจ้ำเท้าหนี เธอเดินเข้าตึกเรียนของลูกชายไปทันที ทิ้งให้ภัทร์ตกตะลึงในบุคลิกใหม่ของภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อยู่คนเดียว

************************
ไม่เคยสนใจจำนวนตัวเลขของผู้เข้าอ่าน เพราะมัวแต่รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ




อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2555, 09:01:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2555, 09:01:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1845





<< ตอนที่ 13 มา 50 % แล้วค่ะ   ตอนที่ 14 (20 %) >>
ปิศาจสัญจร 8 ต.ค. 2555, 09:11:40 น.
ใกล้จะเข้าเรื่องแล้วซินะ
ตอนใหม่มาไม่ต้องเอาตอนเก่าไว้ก็ได้นะคะ
อัพแต่ของใหม่ดีกว่า พอมันรวมกันดูเหมือนเยอะ
อ่านรู้เรื่องอยู่แล้วค่า
ว่าแต่จะหย่ากันจริงๆเหรอ มาต่อเร็วๆนะคะ


poy 8 ต.ค. 2555, 13:01:24 น.
นึกว่าจะตกลงกันดีๆๆได้แล้วซะอีกดั้นอารมณ์รุนแรงกันทั้งคู่เลย


pretty 8 ต.ค. 2555, 16:14:34 น.
ถ้าตัดสินใจดีแล้ว ก็เดินต่อไปข้างหน้าเลยนะคะ อย่าหันหลังกลับมาที่เดิม


violette 8 ต.ค. 2555, 17:13:45 น.
อยากเชียร์นายรามต่อไปจริงๆค่ะ นายโป๊ปไม่เคยมองข้อเสียข้อปิดของตัวเองเลย
โทษแต่ปริมตลอด นิสัยไม่ดีไม่เป็นลุกผู้ชาย แย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


อ้อย 9 ต.ค. 2555, 01:02:32 น.
เด็ดขาดมากๆค่ะ คุณปริม


Gingfara 9 ต.ค. 2555, 01:05:49 น.
โหยยยยย ท่าจะอาการหนัก นายโป๊บ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account