พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 29.“เผื่อดังจะได้เอาไว้อวดคนอื่นได้”

29.


ด้วยในเช้าวันศุกร์ต้องออกไปยังร้านค้าที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า ทำให้นันทาลืมไปว่าค่ำคืนนี้พี่จุ๋มกับเพื่อนจะพาวิจักษ์ไปประกวดนายแบบในจีผับ หลังจากที่กำลังคุยกับพนักงานในร้าน ท้องของนันทาก็ร้องหาอาหาร แต่เมื่อเดินผ่านช็อปขายกางเกงชั้นในชายที่มีหุ่นสวมกางเกงในโชว์จนเป้านูน นันทาก็นึกขึ้นมาได้ แต่พระเจ้า มันสายเกินไปหรือยัง นันทาโทรศัพท์หาพี่จุ๋มทันที แต่ปลายสายไม่ยอมรับสาย

นันทาไม่สนใจว่าเย็นนี้รวมถึงวันนี้ด้วยว่ามีอาหารตกถึงท้องหรือยัง หญิงสาวรีบสาวเท้ายาวๆ ไปยังลานจอดรถ ด้วยเป็นเวลาพลบค่ำในเย็นวันศุกร์ ทำให้รถราผู้คนคลาคล่ำทั้งในลานจอดรถรวมถึงท้องถนน กว่าจะบังคับรถไปยังทิศทางที่ตนต้องการได้ เล่นเอาเวลาที่หน้าคอนโซลเคลื่อนไปที่สามทุ่มครึ่ง

การประกวดจะเริ่มต้นที่กี่โมงกี่ยาม หากวิจักษ์มีภาพนุ่งกางเกงในหราออกมาคงไม่ดีกับเขาในอนาคต

นันทาถอนหายใจออกมา เธอห่วงวิจักษ์หรือว่าห่วงตัวเอง ไม่ แค่ความปรารถนาดีต่อคนบ้านเดียวกันเท่านั้น ถ้าแม้นไปไม่ทันภาพหลุด แต่มันก็ยังดี หากว่าเธอจะพาเขากลับบ้านโดยกะเทยกรุ๊ปใหญ่ไม่มอมยาล่อลวงไปกระทำมิดีมิร้าย

แค่คิดถึงตรงนี้ใจของนันทาเริ่มเต้นแรง แล้วลมจากช่องท้องก็ตีขึ้นมา เมื่อรถติดไฟแดง นันทารีบคว้าน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วนันทาก็นึกได้ว่าในกระเป๋าสะพายของเธอยังมียูโร่เค้กที่วิจักษ์ซื้อให้ในวันนั้น นันทารีบเอื้อมมือไปคว้ามันขึ้นมาฉีกเข้าปากรสชาติของมันติดที่ปลายลิ้นอร่อย จนนันทาต้องอมมันไว้นานกว่าจะกลืนลงคอ


วิจักษ์ไม่รู้เหมือนกันว่าพาตัวเองมาถึงหลังเวทีได้อย่างไร ตั้งแต่ภาคบ่ายที่เขาตัดสินใจลางาน พี่จุ๋มก็พาเขาไปยังร้านเสริมความงาม พี่จุ๋มผลักเขาเข้าไปแล้วพนักงานสาวๆ ก็พากันมารุมล้อมดึงให้เขาไปยังจุดต่างๆ ซึ่งเขาเองยอมรับว่า เมื่อมองตัวเองในกระจกแต่ละครั้งนั้น หน้าตาและผิวพรรณของเขาก็เปลี่ยนไป

ในขณะที่นอนหลับตามาร์กผิวหน้าอยู่นั้น วิจักษ์นึกถึงหน้าพ่อแม่และน้องชายหญิง หากเขาได้เป็นดารา หากมีเงินก้อนขึ้นมาในบัดดล เขาจะส่งไปให้พ่อแม่ลงทุนทำไร่ โดยไม่ต้องไปเอาเงินจากเถ้าแก่มาก่อน น้องๆ จะได้เสื้อผ้าใหม่ มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียน คงเป็นคอมพิวเตอร์สักเครื่อง

เมื่อขัดผิวกายเรียบร้อย พี่จุ๋มก็ยื่นเสื้อกางเกงและรองเท้ามาให้ เมื่อแต่งตัวเสร็จ เขาหมุนอยู่ที่หน้ากระจกหลายรอบ พนักงานหลายคนเอาโทรศัพท์มือถือมาขอถ่ายรูปเขาไว้

“เผื่อดังจะได้เอาไว้อวดคนอื่นได้”

“ขอลายเซ็นไว้เลยละกัน”

“เจ๊รับรอง หากวิจักษ์ดังสมใจ เจ๊จะพามาให้น้องได้ลูบคลำกันอีก” เจ๊จุ๋มทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

แล้วในเวลาทุ่มหนึ่ง เจ๊จุ๋มก็พาเขาไปยังด้านหลังของจีผับซึ่งวันนี้ที่จอดรถเนืองแน่นไปหมด เมื่อไปอยู่ด้านหลังเวที เจ๊จุ๋มก็งัดสีสันออกมาแต่งแต้มใบหน้าและเนื้อตัวของเขา

สักสองทุ่ม เพื่อนของเจ๊จุ๋มสามคนซึ่งแต่ละคนนั้นก็กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายก็พากันมา ผิวกายของวิจักษ์ถูกลูบคลำขยำยกยอจนแยกไม่ถูกว่า ตั้งใจหรือล้อเล่น วิจักษ์พยายามหลบเลี่ยง แต่กระนั้นมือที่เหมือนหนวดปลาหมึกของพวกเจ้าหล่อน ก็ยังพากันมาไต่แตะบนเรือนกายเขาจนได้

“เปลี่ยนชุด”

เพื่อนของเจ๊จุ๋มส่งกล่องกระดาษมาให้ เจ๊จุ๋มรีบเปิดมันออก วิจักษ์เห็นกางเกงในตัวจิ๋วปักเหลื่อมมันพราวสีทองวางทับกับเสื้อคลุมผ้าบางๆ เป็นเกล็ดสีทองเช่นกัน
“ว้าว พระเจ้ามันต้องดูดีมากๆ เลย” เพื่อนอีกคนอุทานเสียงดัง

หนุ่มคนอื่นๆ ที่มาประกวดในวันนี้ ต่างพากันปรายตามองมาทางเขา บางคนก็มองแล้วส่งสายตาประหลาดๆ มาให้ วิจักษ์รู้สึกอึดอัด อยากจะหนีกลับบ้าน แต่ในเวลานี้ ทั้งชุดยามและเสื้อผ้าที่พี่ตรีทศซื้อให้ก็อยู่ในท้ายรถเก๋งของพี่จุ๋ม เขาจะทำอย่างไรดี

ใจของวิจักษ์เริ่มเต้นแรง เมื่อผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงในตัวจิ๋วติดเบอร์ที่ขอบกางเกงเดินไปเดินมา

“มาๆ มาซ้อมก่อน จักษ์ได้เบอร์เจ็ดนะ เดินให้เหมือนกับที่เคยเดิน ยิ้มให้เหมือนที่เคยยิ้ม”

“พี่จุ๋มครับ เออ ผม เออ”

“ประหม่าใช่ไหม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ”

“คือผม จะ”

“หิวน้ำแน่ๆ เลย แกน้ำเร็วๆ น้ำๆ มาๆ แกเติมปากหน่อยจางแล้ว อ้าวกากเพชรโรยที่หน้าอกซิแก อุ๊ย ต๊าย มารศรี หล่อนก็ส่งเหมือนกันเหรอ ว่าไง จะพนันเอาเลย ของฉันก็แน่นะ ดูๆ”

เจ๊จุ๋มทำเหมือนวุ่นวาย ไม่มีเวลาฟังวิจักษ์ เพื่อนของแกก็พูดๆ จนวิจักษ์ง้างปากแทบไม่ได้

จนกระทั่งได้เวลา หมายเลขหนึ่งถึงเก้ายืนต่อแถวในชุดกางเกงในตัวจิ๋ว มีเสื้อคลุมกายที่แล้วแต่จะออกแบบกันมา

วิจักษ์นึกอยากกลับบ้านเสียเหลือเกิน แต่เมื่อได้ยินพิธีกรประกาศบนเวทีว่า รางวัลเป็นเท่าใด และมีโอกาสขยับขยายไปสู่อาชีพอะไรได้อีก เขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

‘เป็นไงเป็นกัน สู้โว้ย’


นันทาแทบเป็นลม เมื่อวิจักษ์เผยโฉมออกมาในชุดกางเกงในตัวจิ๋วสีทองพร้อมกับเสื้อคลุม ใบหน้าที่ได้รูปของเขาเป็นประกายเตะตา จนรู้ได้ว่าเป็นขวัญใจบรรดาตากล้อง เพราะแสงแฟลชและเสียงฮือฮาเกรียวกราว เมื่อเขาเดินมายังจุดกลางเวทีและเดินนิ่งๆ ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากมายังเวทีที่ยื่นล้ำมาในโถงกว้าง

ในที่สุดเธอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้แล้ว และเมื่อเห็นรอยยิ้มนิดๆ ของเขา นันทาก็มั่นใจว่า เขาเต็มใจเป็นเหยื่อของพี่จุ๋มและพรรคพวก นันทาอยากจะถอยออกมา แต่บุรุษเพศที่ทั้งที่ดูเป็นชายสมชายและพวกที่แต่งกายบ่งบอกรสนิยมก็ออกันอยู่ด้านหลัง จนเธอแทบหมุนตัวออกจากจีผับไม่ได้

“นันทา นันทา เฮ้ๆๆ นันทา”

เป็นเสียงเรียกเธอแข่งกับเสียงดนตรีดังชัดถ้อยคำ
นันทาเหลียวซ้ายและขวา จนกระทั่งสบตากันจังๆ

“พี่ต้น”

นันทาอุทานเบาๆ พร้อมกับขยับเท้าเบียดเรือนกายผู้ชายอกสามศอก ที่เธอรู้สึกว่าเป็นเพศเดียวกันเข้าไปหาผู้ชายชื่อต้น ที่มีรสนิยมทางเพศเหมือนคนส่วนใหญ่ในผับแห่งนี้

“มาได้ไงยะหล่อน เกิดอะไรขึ้นรึ”

“ก็” นันทาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ใช่ซิ ประกวดผู้ชายในบาร์เกย์แล้วผู้หญิงอย่างเธอจะมาทำไม

“ยังไม่บอกอีก มาตามผู้ชายหรือ ถ้ามันพลัดหลงเข้ามาในนี้ รีบถอยหนีไปเถอะ หรือมาจับผิดใคร บอกมาเร็ว เจ๊จะได้ช่วยตามหา”

“แล้วเจ๊มาทำไม”

“อ๊ะ แมวมองอย่างเจ๊ ก็มาหาเหยื่อ เอ๊ย มาหาว่าที่ดาราหน้าใหม่นะซิยะ”

“ทำกินบนหลังคน” นันทาหยอกกลับไป

“จะบนหลังหรือข้างหลัง ก็ถือซะว่าช่วยๆ กัน มีแต่หน้าตา แต่ไม่มีช่องทางแล้วมันจะถึงจุดหมายได้ไหมล่ะ อย่าเพิ่งชวนคุยและก็อย่าเพิ่งกลับ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน พี่เชียร์เบอร์เจ็ดนะ แววมันออกมาอย่างไรก็ไม่รู้”

เมื่อได้ยิน ตาของนันทาเป็นประกายทันที

“รอบต่อไป คะแนนเป็นสติกเกอร์ดวงละ 100 บาท ซื้อมาเพิ่มหรือเปล่า”

นันทาชูสติ๊กเกอร์ในมือที่ได้มาพร้อมตอนซื้อบัตรเข้าชมงานเพียงชิ้นเดียว ส่วนพี่ต้นดึงสติ๊กเกอร์ทั้งแผงออกมาชูพร้อมลอยหน้าลอยตา

“อันที่จริงพี่ก็กะเชียร์มันทุกคนแหละ แต่พอเข้ามาแล้ว ใจมันปักไปที่คนเดียวเสียแล้ว เลยคิดว่างานนี้ขอทุ่มสุดตัวดีกว่า 24 ดวงมันจะพอไหวไหมเนี่ย”

“อยากให้เขาได้ที่หนึ่งจริงๆ หรือ”

“อือ อยากได้ หน้าตาดีเด้งมาเลย แล้วตกลงหล่อนเชียร์คนไหน”

“แล้วแต่พี่แล้วกัน” นันทายังเก็บงำเรื่องของตนเองไว้

ขณะที่ผู้เข้าประกวดเวียนกันขึ้นลงเวทีจนครบทั้ง 9 คนแล้ว รายการถัดไปเป็นการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง ซึ่งแน่นอนว่า ตัวนักแสดงนั้นต้องเป็นผู้ชายที่โชว์มัดกล้ามเรียกเสียงใดเสียงหนึ่งจากคนดูที่อยู่ด้านล่าง

นันทาเองแม้จะเห็นว่ามันวิปริตผิดเพศ แต่ใจส่วนหนึ่งก็นึกเห็นอกเห็นใจ หากพวกเขาไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร พวกเขาก็มีสิทธิแสวงหาความสุขเหมือนคนปกติสุขทั่วๆ ไป

“ตกลงมาหาใคร มาเชียร์ใคร มีธุระอะไร”

“คือ พี่จุ๋มเขาส่งเด็กเข้าประกวด เขาอยากให้ช่วยเขาสักคะแนนก็เลยมา” นันทาแก้ตัวไป สายตานั้นก็สอดส่องดูว่าพี่จุ๋มกับพวกนั้นอยู่ตรงไหน

“ต๊ายนังจุ๋มนะหรือ อีนี่ เอาเด็กที่ไหนมาฮะ ยังมีใครไว้ใจมันได้อีกเนี่ย”
นันทาทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนั้น

“พี่ว่าพี่ออกไปซื้อเพิ่มดีกว่า สองโหลนี่มันน้อยไป เธอล่ะเอาสติกเกอร์เพิ่มไหม”

“ดวงตั้งร้อย”

“เหอะ ช่วยๆ เด็กมันให้กำลังใจมันบ้างอุตส่าห์แก้ผ้าโชว์ซะขนาดนี้แล้ว เอาเท่าไหร่”

“20 ดวง” นันทาพูดพลางดึงแบงก์พันสองใบส่งให้พี่ต้น
ซึ่งตาของพี่ต้นถึงกับพองโตขึ้นมาทีเดียว

“เหอะ ก็อยากช่วยเด็กๆ มั่ง นี่ประหลาดอะไร”

นันทาพูดพลางดูพิธีกรหนุ่มหุ่นล่ำกับพิธีกรหญิง อดีตลูกชายของพ่อแม่ ซึ่งดำเนินรายการถึงช่วงที่เชื้อเชิญให้คนมาชมงานซื้อหาสติ๊กเกอร์เตรียมมอบให้ชายหนุ่มในดวงใจ และงานนี้นันทาก็เริ่มมั่นใจว่า วิจักษ์นั้นจะไม่ได้เป็นยามอีกต่อไป แต่เขาจะเป็นอะไรล่ะถึงจะคู่ควรกับเธอ


เมื่อรอบแรกผ่านไป วิจักษ์ที่ประหม่าก็เริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ด้วยเป็นเพราะเสียงเชียร์ ด้วยเป็นเพราะมองเห็นว่าคู่แข่งขันนั้นหามีใครมีหน่วยก้านที่ดีไปกว่าตนบ้าง นึกแล้วเขาก็ต้องขอบคุณงานหนักในไร่ รวมถึงงานพิทักษ์ป่าไม้ที่ต้องใช้กำลังกายเข้าแลก มันช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเขามีมัดกำยำอย่างคนที่เล่นฟิตเนสขึ้นมาทีเดียว

เมื่อเพิ่มความมั่นใจเข้ามาแล้ว เขาก็ต้องเพิ่มความกล้า สิ่งที่คนดูต้องการคือของสงวนเพศชายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในกางเกงในตัวจิ๋ว เขาต้องพามันออกไปในรอบที่สอง อย่างไม่มีเสื้อคลุมตัวบางสีทองช่วยคลายความประหม่า

“สู้ๆ นะ อีกสองรอบ กรรมการก็จะตัดสินแล้ว ยิ้มนิดๆ อย่ายิ้มอย่างเปิดเผย ดูหยิ่งๆ หน่อย”

“ทำไง” วิจักษ์เริ่มสนุกกับน้ำเสียงของเทรนเนอร์

“ก็ทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดแหละ ไม่ต้องห่วงนะ งานนี้ถึงไม่ได้ที่หนึ่งจักษ์ก็
ไม่น้อยหน้าใครหรอก เชื่อเจ๊ เจ๊มั่นใจ”

จนกระทั่งถึงคิวของตัวเอง เจ๊จุ๋มดึงเสื้อคลุมสีทองออกพร้อมกับใช้ฝ่ามือตบปลุกไปที่ ‘วิจักษ์น้อย’ ในขณะที่เจ้าของเผลอ

“มันสำคัญที่ตรงนี้ด้วย ถ้าเธออยากได้คะแนนเพิ่ม เธอก็หาวิธีดึงมันเสนอหน้าออกมาละกัน”

วิจักษ์ยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินสำนวนชวนปวดหัว

เมื่อไปยืนตรงจุดมาร์ก ในสายของวิจักษ์นั้นเบอร์หกมีคนติดสติกเกอร์เพียงไม่กี่ดวงเอง ถ้าเขาเป็นอย่างหนุ่มคนนั้น เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่เมื่อเดินมาถึงขั้นนี้แล้วเขาถอยไม่ได้เช่นกัน เมื่อหนุ่มเบอร์หก ผลุบเข้าด้านหลังเวทีแล้วไฟก็ซูมมายังจุดที่เขายืนอยู่

วิจักษ์ยิ้มกว้างพร้อมกับเสียงกรี๊ดสนั่นทีเดียว ชื่อของเขาถูกประกาศอีกรอบ เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เขาเดินไปยังจุดมาร์กไว้ทั้งสามจุด ก่อนจะเดินไปยังด้านปลายของเวทีที่ยื่นออกไป

แล้วสายตาของวิจักษ์ก็ได้เห็นแววตาของคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่ ใบหน้าที่ยิ้มปานดอกไม้ของโลกเฉาลงถนัดตา และจังหวะนั้นก็ถึงเวลาที่ ใครชอบก็เชียร์ เนื้อตัวของวิจักษ์จึงถูกแปะและทึ้งจนเจ้าหน้าที่ต้องรีบขึ้นมารั้งร่างของเขาไว้

“ต๊าย ตาย ตายแล้ว ตายแล้ว”

เมื่อวิจักษ์กลับไปด้านหลังเวทีแล้ว พี่ต้นก็ทำท่าสลายหมดแรงเข้าหานันทา

“สุดยอดเลย โอ้ว” พี่ต้นทำในตาชวนฝันจนนันทาต้องบีบเพื่อให้คลาย

“พี่ใจเต้นแรงมากเลย โอ้ว สุดยอด สุดยอด”

กว่าพี่ต้นจะระงับสติอารมณ์ได้ เล่นเอานันทาได้ฟังถ้อยคำกล่าวถึงวิจักษ์ในเชิงเสน่หานานทีเดียว

หลังการแสดงคั่นรายการประกวดเสร็จสิ้น รอบสุดท้ายก็มาถึง รอบนี้ผู้เข้าประกวดทั้งหมดจะขึ้นเวทีแล้วเดินพาเหรดออกมาพร้อมกัน แต่ละคนก็จะเดินไปยังจุดต่างๆ หมุนเวียนเปลี่ยนกันเพื่อขอรับสติ๊กเกอร์จากคนดูเป็นครั้งสุดท้าย และวิจักษ์ก็สามารถใช้ร่างกายและหน้าตา ‘ดูด’ สติ๊กเกอร์จากผู้ร่วมเข้าชมไปมากที่สุด จนเรียกได้ว่าหามีคู่ต่อสู้ชวนให้ลุ้นไม่ได้

แล้วค่ำคืนนั้น ผลประกวด man for men ของจีผับ วิจักษ์ เป็นผู้ได้รับคัดเลือกให้เป็นที่หนึ่ง สายสะพาย ช่อดอกไม้ และเงินรางวัลจากผู้สนับสนุนตกถึงมือพร้อมกับที่ช่างภาพร่วมถ่ายภาพออกเผยแผ่สู่กลุ่มคนที่สนใจ

นันทาถอนหายใจออกมา ควรที่เธอจะกลับบ้านนอนได้หรือยัง


แรกทีเดียวนันทาจะกลับบ้านนอน แต่พี่ต้นก็ชวนให้ ‘ดริ๊งค์และแดนซ์’ เป็นเพื่อน ด้วยเห็นว่ามีต้องพึ่งพาบุญกันในเรื่องงานของบริษัท นันทาจึงไม่ปฏิเสธแต่เธอก็มีข้อตกลงที่ว่า จะขอกลับบ้านตอนกี่โมง

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว วิจักษ์ก็ยิ้มจืดๆ กลับมานั่งรอพี่จุ๋มกับเพื่อนที่กำลังสุมหัวคุยกันด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ และด้วยเห็นว่าสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้แล้ววิจักษ์จึงดึงโทรศัพท์ออกมาเปิด

สัญญาณ มี ‘missed call’ จากนันทาส่งมาแจ้งไว้

วิจักษ์ครุ่นคิดว่าเขาควรโทรกลับไปหาสาวเจ้าดีหรือไม่ เขามีคุณค่าพอเสนอหน้าไปหาเธออีกหรือไม่ แล้วถ้าพี่ตรีทศรู้ว่าเขาทำแบบนี้โดยไม่ได้ปรึกษาพี่ตรีทศจะว่าอย่างไร เมื่อความกังวลแล่นเข้ามา รอยยิ้มจึงหายไปจากใบหน้า

“ไม่ดีใจหน่อยหรือจักษ์ที่หนึ่งนะ เดี๋ยวคืนนี้เราไปฉลองกันต่อนะ ไปกันหมดสี่คนเลย”

“คือผมต้องรีบกลับบ้านครับ” วิจักษ์รีบบอกความต้องการของตน

“รีบไปไหน ไปฉลองกันก่อน”

“คะ คะคือ เงินราง”

วิจักษ์ยังพูดไม่ทันจบ พี่จุ๋มก็ชิงพูดขึ้นว่า

“ได้อยู่แล้ว แต่พี่ต้องเอาไปขึ้นเงินที่ธนาคารให้ก่อน คงเป็นวันจันทร์วันอังคาร นะ คืนนี้วันศุกร์เราไปฉลองกัน จักษ์อยากไปไหนพี่ๆ จะพาไป”

“ผมอยากกลับบ้านครับ จริงๆ นะครับ ผมอยากกลับบ้าน”

“ไปกับพี่ก่อน เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้รู้จักกับพวกแมวมองต่อ”

ว่าแล้วพี่จุ๋มก็บุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนสาวอีกคน ซึ่งรับมุกโดยการยกโทรศัพท์ขึ้นมากด คล้ายกับว่ากำลังตามหาใครสักคนแล้วนัดให้ออกมาเจอกัน

วิจักษ์ครุ่นคิด เขาไม่เคยรู้สึกแย่อะไรเท่ากับในเวลานี้เลย นี่กระมังคือการตัดสินใจผิดๆ บาร์ที่นี่มีแต่ผู้ชายมาชมงาน จะเป็นอะไรไปได้ พลาดแค่นี้ ยังไม่สาย อย่างไรเขาจะต้องกลับบ้าน แวบนั้นเขานึกถึงนันทา พี่จุ๋มต้องเกรงนันทา เขาตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก

นันทาไม่รับสาย เธอคงโกรธที่เห็นเขามาเดินแก้ผ้าโชว์ของสงวนอยู่บนเวที วิจักษ์ถอนหายใจออกมาจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง

“ครับคุณนันทา คะคะคือ เขาพูดไม่ออก

“มีอะไรหรือ”

“ผมอยากกลับบ้าน”

น้ำเสียงของวิจักษ์แผ่วเบาคล้ายกับว่าเกรงใจคนที่กำลังยืนซุบซิบกันอยู่ตรงหน้า วิจักษ์จึงต้องเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“คือผมกลัวครับ ช่วยผมด้วย คุณกลับบ้านหรือยัง”

นันทาหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินถ้อยคำของเขา

“กลัวอะไร”

“คุณกลับบ้านหรือยังครับ ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วของผมก็อยู่บนรถพี่จุ๋มด้วย”
นันทาเหลือบไปเห็นพอดีว่ารถพี่จุ๋มจอดอยู่ตรงไหน

“เอาอย่างนี้ละกันนะจักษ์ ตอนนี้ฉันอยู่ในลานจอดรถ บอกพี่จุ๋มว่าจะกลับกับเพื่อน ได้ของจากรถพี่จุ๋มแล้วฉันจะแสดงตัวละกันว่าอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้ฉันเห็นรถพี่จุ๋มแล้ว”

วิจักษ์วางโทรศัพท์ลงแล้วแข็งใจไปหาคนที่เขาต้องเกรงใจ

“คะคะคือผมจะกลับบ้าน”

“กลับได้ที่ไหน เร็วๆ ไปกัน”

ว่าแล้วกะเทยสองนางก็ล็อกแขนวิจักษ์คนละข้าง แล้วก็พาเดินกึ่งลากออกไปยังลานจอดรถ

“อย่าดิ้นซิ”

“ปล่อยผมครับ ผมจะกลับบ้าน”

“กลับไปได้อย่างไร พี่ติดต่อแมวมองไว้แล้วต้องไปคุยกับเขาต่อ”

วิจักษ์เพิ่มแรงดิ้นรนขัดขืน เมื่อรู้สึกว่าทางนั้นคงไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่

“ดิ้นทำไมเล่า”

ไม่ทันขาดคำ ที่หน้าท้องของเขาก็มีแรงเหวี่ยงของกำปั้นแน่นๆ จากชายในร่างหญิงเข้าเต็มแรง เมื่อหมัดที่สองตามมาวิจักษ์ตัวงองุ้ม แล้วพี่จุ๋มก็รีบเปิดประตูด้านหลังรอรับ โดยมีเพื่อนอีกคนรีบเข้าไปนั่งรถรับเหยื่ออยู่ด้านใน

นันทาที่เห็นเหตุการณ์แทบสิ้นสติ เธอจะทำอย่างไรดี จนกระทั่งในคลองจักษุเห็นว่าพี่ต้นเดินเกาะแขนชายรูปงามออกมาจากหน้าผับ นันทารีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปหา

“เร็วพี่ต้น ช่วยเพื่อนหนูด้วย”

เมื่อไปถึงวิจักษ์กำลังถูกผลักให้เข้าไปในรถ แต่ว่าเขาก็ขัดขืนเต็มกำลังเหมือนกัน

“วิจักษ์” นันทาตัดสินใจตะโกนสุดเสียง

“วิจักษ์ จักษ์”

เสียงดีใจแกมตกใจของนันทาทำให้คนแถวนั้นหันมามอง เมื่อเป็นดังนั้นพี่จุ๋มและพรรคพวกจึงอ่อนกำลังลง วิจักษ์สะบัดตัวหลุดออกมา ยืนหายใจหอบๆ

“พี่จุ๋มจะพาจักษ์ไปส่งบ้านหรือคะ”

“มายุ่งอะไรด้วยนังชะนี” เพื่อนอีกคนของพี่จุ๋มหาได้สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว

“จักษ์ เดี๋ยวเค้าไปส่งนะ”

“นึกว่าใครเป็นพี่เลี้ยงชายรูปงาม พวกเถื่อนนี่เอง” พี่ต้นเริ่มแผลงฤทธิ์

“มาทางไหนไปทางนั้นเลย อีกะเทยภูธร”

“ต๊าย อีนี่ เด็กเขาไม่เต็มใจยังจะใช้วิธีหมาหมู่อีกเรอะ”

“ไม่มีอะไรครับพี่ ใจเย็น พี่จุ๋มครับ ขอของผมที่ท้ายรถด้วยนะครับ ผมนัดนันทาให้มารับกลับบ้าน” พี่จุ๋มค้อนขวับทันทีเช่นกัน

แล้วเพื่อนพี่จุ๋มที่นั่งรออยู่ในรถก็รีบแก้ไขสถานการณ์ โดยชะโงกหน้าออกมายุติเหตุด้วยน้ำเสียงนางเอ๊กนางเอก

“นี่พวกหล่อนสามตัวจะไปหรือยัง เร็วๆ ฉันร้อน นังจุ๋มมาติดเครื่องเปิดแอร์ซิ เร้ว ร้อนนะเนี่ย”

เมื่อมีทางออกคนอื่นๆ รีบเดินเชิดไปขึ้นรถ พี่จุ๋มเองก็ใช้รีโมทเปิดท้ายรถให้ พอวิจักษ์ได้ของหล่อนก็ปิดกระโปรงท้ายดังปัง

“แล้วค่อยคุยกันแล้วกัน พี่ไปละ”

“ครับ”



เมื่อจัดการปัญหาได้แล้วนันทาก็ขอบอกขอบใจพี่ต้นเสียยกใหญ่ เมื่อแยกตัวออกมา เมื่อนั่งอยู่ในที่คนขับนันทาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเสียงซี้ดซ้าดเหมือนเคย

“อาการยังไม่ดีขึ้นเหรอ วันนี้กินข้าวเย็นหรือเปล่าครับ”

“ยังเลย มัวแต่วุ่นๆ” ตอบพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วสตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดแอร์ไล่ความร้อน

“ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ทำไมพี่จุ๋มทำกับผมได้นะ”

“ช่างมันเถอะ ยังไม่ได้มีอะไรนี่”

“ครับ แต่” วิจักษ์นึกถึงกำปั้นหนักๆ สองสามทีที่ตุ๊ยลงมาจนเขาอ่อนแรง หากนันทาไม่ช่วยไว้ มันจะจบลงตรงไหน ที่ไหน

“เสียดายหรือเปล่า 4 ต่อ 1 เลยนะ”

นันทาพูดพลางหัวเราะขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ แต่เมื่อขับมาได้สักพักคนขับก็เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดปากคอสั่น จนกระทั่งเจ้าตัวต้องจดรถชิดข้างถนน
“เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมว่าไปหาหมอดีกว่า ดูแล้วมันไม่น่าไว้วางใจแล้วนะครับ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2555, 08:58:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2555, 08:58:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1882





<< 28.“มีอะไรหรือเปล่ามาลี”   30.“ครับพี่ วันนี้ผมไม่ได้กลับบ้านนะครับ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 ต.ค. 2555, 08:58:29 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ....


nateetip 11 ต.ค. 2555, 09:55:16 น.
รออ่านตอนค่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณค่ะ


evelover 12 ต.ค. 2555, 08:03:47 น.
มาบ่อย ๆ นะคะ รออ่านค่ะ


อ้อย 12 ต.ค. 2555, 12:17:37 น.
รออ่านค่ะๆๆๆๆๆ


innam 18 ต.ค. 2555, 10:06:08 น.
ตามเป็นกำลังใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account