พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
Tags: รักสามเส้า เราสามคน
ตอน: 30.“ครับพี่ วันนี้ผมไม่ได้กลับบ้านนะครับ”
30.
นาฬิกาเคลื่อนไปที่เวลาสองนาฬิกา ตรีทศซึ่งเพิ่งบินกลับมาจากไฟลท์ 657 อินชอน–กรุงเทพฯ ในมือของเขามีสาหร่าย ช็อกโกแลตมาฝากคนในบ้าน แต่เปิดประตูเข้าไป เขาถึงกับแปลกใจเมื่อเห็นว่าวิจักษ์ยังไม่กลับบ้าน เขาเปิดโทรศัพท์พบ missed call แจ้งเบอร์ของวิจักษ์สามสาย ตรีทศรีบโทรศัพท์กลับไปทันที
“ครับพี่ วันนี้ผมไม่ได้กลับบ้านนะครับ”
“อยู่ไหน ไปไหน”
ตรีทศพยายามไม่แสดงอารมณ์ไม่พอใจออกไปให้ทางปลายสายได้รับรู้
“เพื่อนผมป่วยครับเข้าโรงพยาบาล นอนโรงพยาบาลผมต้องเฝ้าไข้”
“ใคร”
เมื่อได้ยินคำถาม วิจักษ์อึกอัก
“นันทาครับ คนที่ไปส่งผมวันนั้น” เมื่อได้ยินคำตอบตรีทศเงียบเสียงไปบ้าง
“พรุ่งนี้ผมถึงจะกลับนะครับไม่อยากให้พี่เป็นห่วง”
วิจักษ์พูดยังไม่ทันจบประโยคทางนั้นก็ตัดสายทิ้งในทันที วิจักษ์
ถอนหายใจออกมาแล้วยกมือเสยผมตัวเอง ก่อนจะปรายตาไปหานันทาที่
นอนหลับตาพริ้มให้น้ำเกลือ เพื่อรอดูอาการอื่นๆ
“คุณไม่ต้องแจ้งใครให้รู้หรือครับ”
วิจักษ์นึกเป็นห่วงทางบ้านของหญิงสาวขึ้นมา นันทาส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“จักษ์จะกลับบ้านก็ได้นะ ฉันนอนคนเดียวได้”
“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า ผมแจ้งทางบ้านผมแล้วครับ”
“หิวข้าวก็โทรสั่งนะจักษ์ อ้อ ดึกแล้ว ครัวคงปิด จักษ์ออกไปหาอะไรกินซิ กินข้าวเย็นหรือยัง” พูดพลางขยับตัวหากระเป๋าตัวเอง
“ไม่แล้วครับ คุณนอนเถอะ ผมเองก็ง่วงนอน” แล้ววิจักษ์ก็ถอนหายใจออกมา
“ผมคงนอนไม่หลับ ถ้าภาพประกวดหลุดออกไปผมจะทำอย่างไร”
“มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ จักษ์ไม่ได้แก้ผ้าเดินสักหน่อย”
“แต่ผู้ชายก็ไม่ควรทำตัวอย่างนั้นนะครับ คุณค่าดูลดลง ผมไม่สบายใจเลย”
จริงๆ แล้ววิจักษ์นึกถึงตรีทศมากกว่า หากพี่ตรีทศรู้ จะรอให้ตรีทศรู้เองหรือจะเป็นคนสารภาพผิดนั้นเสียเอง วิจักษ์ครุ่นคิดจนกระทั่งม่อยหลับบนโซฟา โดยมีสายตาของนันทาจ้องมองผ่านแสงสลัวของไฟไปหา
หากเธอจะรักเขา หวังให้เขาเป็นผู้นำครอบครัว
ไม่มีทางเธอที่จะรักคนต่ำศักดิ์กว่าแบบนี้
มาลีรู้สึกแปลกใจที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเมื่อคืนนันทาไม่ได้กลับบ้าน พี่สาวของเธอไปไหน มาลีนึกเป็นห่วง แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อจัดการความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว ที่ประตูบ้านก็ปรากฏร่างกายแบบบางของกุลกัญญา ที่ยืนยิ้มอยู่ในชุดกระโปรงเดรสสีขาวรับกับรองเท้าและที่คาดผมสีเดียวกัน
“มาลีว่างไหม”
มาลีชักสีหน้าเป็นคำถาม
“อยากชวนมาลีไปเป็นเพื่อนหน่อย”
“ไปไหน”
“บ้าน บก.บห.เลดี้วีค”
มาลีครุ่นคิด
“อ้าวบ้านคุณชัชนี่ มีอะไรรึ ไหนว่าเขาให้ไปหาแม่เขาที่สำนักงานตั้งแต่วันก่อน”
“ก็เขาเลื่อนนัดนะซิ บอกว่าอยากให้ไปหาที่บ้าน นะมาลีไปเป็นเพื่อนกันหน่อย”
“พี่ชายกุลล่ะ”
“ไปโรงงาน”
กุลกัญญาเลี่ยงคำว่า ‘กับคุณรมณีย์’ แต่ถึงอย่างไรมาลีก็รู้อยู่ดีว่า เขาไปกับใคร มาลีคิดว่างานนี้ อีตาชัชชัยจะต้องอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แต่เมื่อเห็นกับประโยชน์ของกุลกัญญา มาลีจำต้องให้ความร่วมมือ
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้านตามรายละเอียดบนกระดาษในมือกุลกัญญา แล้วมาลีถึงกับเบิกตากว้าง ด้วยบ้านหลังนั้นใหญ่ปานคฤหาสน์ที่เคยเห็นในโทรทัศน์เลยทีเดียว
“ตะลึงเลยซิ”
กุลกัญญาว่าพลางเดินไปกดกริ่ง ครู่เดียวสาวใช้วัยกลางคนก็เดินเร็วๆ มายังประตู กุลกัญญารีบยกมือไหว้ มาลีจำต้องยกมือพนมกล่าวคำว่าสวัสดีค่ะตามไปด้วย คนมาเปิดประตูยิ้มพราวแล้วบอกว่า
“ไม่ต้องไหว้กันหรอกแม่คุณ แค่คนใช้เขานะ”
“ก็พี่อายุมากกว่านี่คะ”
มาลีรีบบอกเรื่องความสำคัญของอาวุโส เมื่อผูกมิตรไว้แล้ว กุลกัญญาก็แจ้งความประสงค์ของตน เมื่อเข้าใจสาวใช้จึงพาเดินไปตามถนนขึ้นสู่เทอร์เรซใต้เสาโรมันคู่ขนาดคนโอบ
มาลีใจเต้นไม่เป็นส่ำ หญิงสาวก้มลงดูชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง ชัชชัยต้องการให้เธอมาที่นี่เพื่อให้คุณแม่ของเขาเห็นอย่างนั้นหรือ
เมื่อสาวใช้พาเดินไปนั่งยังห้องรับแขกที่มีเฟอร์นิเจอร์หลุยส์เข้ากับม่านและพรมนุ่มหรูหรา มาลีก็แทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ สายตาของมาลีเริ่มสำรวจดูของตกแต่งบ้าน แล้วก็ไปสะดุดกับภาพของชัชชัยที่ถูกคุณแม่ยังสาวยังสวยโอบกอด ดูจากดวงหน้าแล้วคงจะเป็นภาพถ่ายสมัยหนุ่มรุ่น เมื่อมีแค่ภาพแม่กับลูก มาลีอดมองหารูปถ่ายของคนเป็นพ่อไม่ได้ เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
เมื่อสาวใช้นำน้ำเย็นมาเสิร์ฟ มาลีมองแก้วน้ำและจานรอง แล้วอดนึกถึงความกินง่ายอยู่ง่ายในเวลาที่พาเขาไปพักยังหมู่บ้านกะเหรี่ยง ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เธอก็ไม่มีวันเชื่อว่า ชัชชัยจะติดดินได้ถึงเพียงนั้น
“คิดอะไรหรือมาลี เงียบเลย”
“เยอะแยะ กุลกลัวไหม ตื่นเต้นไหมเนี่ย”
“ตื่นซิมือเย็นเฉียบเลย” ว่าพลางกุลกัญญาก็เอื้อมมือมาแตะที่หลังมือมาลี
“ไม่เป็นไรนะกุล”
“โอ๊ยจะเป็นไร มาลีนั่นแหละตื่นเต้นหรือเปล่าเอ่ย ตื่นเต้นใช่ไหม จะบอกอะไรให้นะคุณชัชชัยไม่อยู่บ้านหรอกจ้ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของมาลี กุลกัญญาจึงพูดต่อ “เขาบอกว่าจะไปแถวๆ นครนายก ไปทำงาน ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เขาอยากชวนใครบางคนไปด้วย แต่เขาก็ไม่อยากรบกวน ก็เลยไปคนเดียว”
เมื่อได้ยินมาลีค้อนให้
“ผิดหวังซิ อย่างไรอย่าลืมทำคะแนนกับแม่เขาไว้นะ”
สองสาวรออยู่เพียงสิบนาที เจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดเสื้อกางเกงตัดด้วยผ้าไหมสีม่วงสด ผู้มีรูปร่างสมส่วนรับกับหน้าตาหมดจรดผู้มีเชื้อสายจีนในกรอบผมบ๊อบทำกะบังลม ก็ค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเจ้าของบ้านมาถึงชุดรับแขก กุลกัญญาก็รีบลุกขึ้น มาลีจำต้องลุกตาม เมื่อกุลกัญญายกมือพนมมาลีก็รีบพนมบ้าง
แล้วกุลกัญญาก็แจ้งธุระของตนอย่างคล่องแคล่ว จนคุณนิตยามีรอยยิ้มที่มุมปาก และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คุณนิตยาก็ร้องเรียกให้สาวใช้ไปหยิบต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งหลังสุดของกุลกัญญาจากในห้องทำงานออกมาให้
เมื่อต้นฉบับมาถึง คุณนิตยาก็เริ่มกล่าวถึงข้อดีของงานโดยรวม และเริ่มชี้ให้เห็นทีละจุด ว่ามีข้อบกพร่องหรือต้องเติมหรือต้องแก้ไขตรงไหน มาลีรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของตนเองจึงเริ่มตาปรือคล้ายคนอดนอน
“หนูนั่นคงเบื่อที่จะนั่งฟังคนรักตัวอักษรคุยกัน ไปเดินเล่นซิ”
เจ้าของบ้านอนุญาต กุลกัญญาจึงพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้มาลีลุกเดินไปเล่นตรงไหนก็ได้
ในคลองจักษุ มาลีก็ได้เห็นว่ารถยนต์ของชัชชัยแล่นกลับเข้ามา รถคันนั้นหยุดตรงที่เธอยืนอยู่พอดี มาลีอยากจะยิ้มแต่ก็อยากดูสีหน้าของเขาก่อน เขายังโกรธเธออยู่หรือเปล่านะ เมื่อเขาเปิดประตูลงมาเผยให้เห็นว่าเขาสวมแว่นตาสีดำทับดวงตาที่เธอคุ้นเคย หลังจากที่เขาบิดขี้เกียจตามความเคยชิน เขาก็หาวออกมาแล้วหยุดมองมาลีด้วยสีหน้ากวนๆ มาลีมองตอบ เขายิ้มให้ที่มุมปาก แล้วเปิดประตูรถก้มลงไปคล้ายกับว่ากำลังรื้อค้นอะไร
เมื่อเขาทำเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า มาลีจึงค่อยๆ เดินเลี่ยงไปทางปีกขวาของตัวบ้าน น้ำตาพานจะไหลออกจากหน่วยตาเสียให้ได้ เป็นผู้หญิง เป็นคนจน ก็เหมือนเป็นเหยื่อเป็นหมากบนกระดานที่เขาคิดจับวางเล่นเกม
ขณะที่ยืนอยู่ที่ริมสระน้ำ เสียงของเขาก็แทรกทำลายความเงียบขึ้นมา
“มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่อยู่กับกุลกัญญา”
มาลีรีบหันกลับไป พบว่าดวงตาของเขาดูอิดโรย
“ไหนกุลว่าคุณไปนครนายก”
“ขับรถออกจากบ้านไปแล้วปวดหัว ก็เลยกลับมาหายากิน ว่าจะนอนสักตื่นแล้วค่อยไป”
คำพูดนั้นคล้ายกับเปิดโอกาสให้มาลีได้ตัดสินใจว่าจะอ้อนตามเขาไปก็ได้
“ปวดมากหรือเปล่า ถ้ามากทำไมไม่ให้หายดีก่อนแล้วค่อยไป”
“ผมตายยาก”
พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวสีขาวที่มีพนักพิงยาว จนคนที่เอนกายลงไปดูผ่อนคลาย
“มานั่งด้วยกันซิ นั่งคุยอะไรกันหน่อย”
เขาพูดโดยที่ปิดเปลือกตาและกอดอก มาลีชั่งใจนึกถึงความเหมาะสม หากเธอกับเขาทำตัวสนิทสนมกันเกินไป คนใช้จะเอาไปซุบซิบในเชิงไม่ดีหรือไม่
แต่เมื่อนึกถึงความสบายกับสายลมเย็นที่พัด จนพื้นน้ำในสระสีเงินครามเป็นระลอกคลื่น มาลีก็อยากได้รับความสุขจากบรรยากาศนี้บ้าง
“รามเปิดให้นักศึกษาสมัครเรียนแล้ว ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเรียนคณะอะไร”
เมื่อได้ยินคำถามดูเอาใจใส่ของเขา มาลีรู้สึกน้ำตารื้นขึ้นมาทันที
“คุณใส่ใจฉันด้วยหรือ”
“ใส่ใจซิ ใส่ใจทุกเรื่อง แต่คุณเองต่างหากที่ไม่อยากให้ผมไปวุ่นวาย ขอโทษที่ผ่านๆ มาผมเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตคุณ”
น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่าน้อยใจ มาลีเงียบไม่พูดจา หญิงสาวรู้สึกว่าใจของเธอวิบไหวคล้ายจะขาดลงเสียให้ได้ แม้ลมไม่เย็นแต่มันก็พัดผะแผ่ว มาลีรู้สึกหนาวที่ทรวงอกจนต้องยกมือมากอดกระชับ พร้อมกับยกขาที่สวมกางเกงยีนรัดรูปชันเข่าขึ้นมาข้างหนึ่ง
แล้วความเงียบก็ทำให้มาลีได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“ไปเที่ยวนครนายกด้วยกันไหม ไปบ่ายวันนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ก็กลับ”
แล้วในที่สุดมาลีก็รู้ว่าชัชชัยยังตัดใจจากเธอไม่ได้ หรือครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะงอนง้อและวุ่นวายกับชีวิตของเธอ
มาลีอยากดีใจ แต่อย่างไรเสียเมื่อเห็นสภาพบ้านของเขาแล้วมาลีก็นึกอยากร้องไห้ขึ้นมา อุปสรรคขวากหนามสำหรับเธอกับเขามันมากมายเหลือเกิน พ่อแม่เขาจะรับเด็กกะโปโลไร้สกุลและสมบัติพัสถานได้หรือ
“ไปไหม คิดอะไรอยู่”
เขาเร่งเร้าเอาคำตอบและเปลี่ยนคำถาม เมื่อเห็นว่ามาลีหลับตาแล้วหายใจหนักๆ ออกมา
“ร้องไห้ทำไม”
เขาลุกขึ้นแล้วชะโงกหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว มาลีรีบยกมือเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินออกมา แล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“ร้องไห้ทำไมมีอะไรคับใจบอกกันได้นะ ยินดีให้ความช่วยเหลือ”
“ไม่มีหรอก ขอบคุณ”
ว่าแล้วมาลีก็ลุกขึ้น ทำท่าจะเดินกลับไปยังหน้าบ้าน แต่ว่าชัชชัยก็รั้งข้อมือของมาลีไว้
“จะไปไหนคุยกันก่อนซินะ นั่งลงคุยกัน นะ”
เขาอ้อน มาลีมองหน้ายิ้มให้เขานิดหนึ่งแล้วขืนตัว จนเขาต้องปล่อยมือจากแขนของเธอ เมื่อมาลีนั่งลง เขาก็พูดเสียงเบาๆ ว่า
“กำลังทำใจอยู่ อย่าเพิ่งปล่อยผมไปได้ไหม ขอเวลาผมสักนิด”
“พูดอะไรคุณชัช”
แม้จะเข้าใจความหมาย แต่เรื่องระหว่างเธอกับเขาก็ไม่น่าหนักถึงเพียงนั้น
“เกิดมาก็เพิ่งอกหักนี่แหละมาลี” น้ำเสียงกลั้วเสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นกว่าเดิม
“อกหักอะไร” มาลีตีหน้าเซ่อ
“รู้แล้วยังแกล้งถาม เธอฉลาดจะตาย ทำไมจะปั่นหัวผมให้คลั่งอย่างนั้นหรือ แค่นี้ผมก็คลั่งมาลีจะแย่”
“คุณชัช” มาลีเรียกชื่อเขาดังๆ เพื่อดึงสติอีกครั้ง
“เขาดีกว่าผมตรงไหนนะ” ชัชชัยยังพกเพ้อ จนมาลีต้องลุกขึ้น
“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย”
“มาลี เฮ้ยจะไปไหน”
มาลีสาวเท้ายาวออกไปแล้ว ชัชชัยรีบวิ่งตาม มาลีเดินเร็วขึ้นจนชัชชัยวิ่งมาถึงแล้วดึงมือมาลีไว้
“ตกลงไปนครนายกด้วยกันไหม ชวนกุลไปด้วยก็ได้นะ ไปด้วยกันนะ นะ นะ”
ในมื้อกลางวัน คุณนิตยานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนกุลกัญญานั่งฝั่งซ้ายมือติดอยู่กับเจ้าของบ้าน มาลีนั่งถัดมา ซึ่งชัชชัยผู้เป็นเจ้าของบ้านนั้นนั่งตรงกันข้ามกับกุลกัญญา เขายิ้มกริ่มตักข้าวเข้าปากอย่างมีความสุข แล้วเรื่องที่คุณนิตยาเปรยขึ้นมาก็ทำให้ใจของมาลีแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม “กลางปีชัชชัยเขาจะไปเรียนต่อที่อังกฤษตามความต้องการของพ่อเค้า”
กุลกัญญาอยากเอ่ยถาม พอดีกับที่คุณนิตยาเล่าต่อ “กลับมาจะได้เข้าบริหารธุรกิจของตระกูล งานหนังสือในเมืองไทยมันแค่พอมีพอกินจะเอารวยล้นฟ้าเห็นจะยาก ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วย หนูก็คงไม่คิดมาเอาดีทางด้านนี้ใช่ไหม”
“ก็ไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าชอบอ่านหนังสือ อ่านตามคุณแม่ แต่เมื่อมาเป็นอย่างนี้ ก็เลยอยากให้ตัวเองมีคุณค่าขึ้นมา ด้วยที่อ่านเยอะๆ ก็เลยทำให้นึกอยากเขียนค่ะ”
ขณะที่กุลกัญญาพูดคุยอยู่กับคุณนิตยาผู้เป็นแม่ ฝ่ายลูกชายก็เคี้ยวข้าวพลางดูสีหน้าหม่นลงของมาลีด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม มาลีเองเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สลดจากการที่ต้องจากเมืองไทยไป หญิงสาวจึงได้สำนึกขึ้นมาว่า แท้ที่จริงแล้ว เธอก็คือของเล่นเขาเท่านั้น มาลีรวบช้อนซ้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“อิ่มแล้วหรือหนู”
“ค่ะ” มาลีหันไปหาแล้วตอบคำถามอย่างคนเจียมตัว
“ไงอาหารที่นี่ไม่อร่อย หรือนายชัชแกล้งอะไรน้องเค้า”
“ใครจะแกล้งเขาได้ล่ะครับคุณแม่ สาวภูธรพิษสงรอบตัว ผมต่างหากที่ถูกแกล้ง”
เมื่อเขาหยอกกลับมา มาลีจำต้องใช้ปลายเท้าแกล้งแตะที่หน้าแข้งของเขา แต่เขายังชักสีหน้าปกติ
“แกล้งอย่างไงคะ มาลีแกล้งคุณชัชอย่างไร” กุลกัญญาแทรกขึ้นมา
“แกล้งไม่รักผม”
มาลีก้มหน้างุดแต่ที่ปลายเท้านั้นแตะขาเขาอีกรอบ
“เดี๋ยวอิ่มข้าวแล้ว ผมคงออกไปนครนายกเลยนะครับคุณแม่ แล้วจะแวะส่งสาวๆ เขาด้วย” น้ำเสียงของชัชชัยจริงจังขึ้น
“คนละทางเลยนะ” คุณนิตยาแกล้งขัดขวาง
“ผมทำให้เป็นทางเดียวกันได้ครับ”
เมื่อมาลีกับกุลกัญญาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ชัชชัยจึงถามแม่ว่า
“เป็นไงครับ ถูกใจคุณแม่ไหม”
“ถ้าแม่บอกว่าไม่ถูกใจล่ะ”
“นั่นคือคุณแม่อยากแกล้งผมเล่น” เมื่อได้ฟังคนเป็นแม่ยิ้มกว้าง
“แม่เองอะไรก็ได้ ขอให้รักกัน มีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกัน แต่อย่างไรแม่ก็ขอบอกไว้ว่า
ให้ดูกันให้ดีๆ เขาก็ยังเด็ก เราก็ยังเด็ก ไหนจะต้องขอความเห็นทางคุณพ่ออีก”
“ผมอยากหมั้นไว้ก่อนบินไปเรียน”
“ใจร้อนไปหรือเปล่า”
“คุณแม่ก็รู้ ผมไม่เคยรักใคร แล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้รักเธอตั้งแต่เห็นหน้า”
คนเป็นแม่ยิ้มนิดๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่แต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่ได้ ถ้าผมจะแต่งงาน ผมขอเลือกคนที่หัวใจผมเรียกร้อง มาลีอาจจะเป็นผู้หญิงบ้านๆ ธรรมดา แต่เธอก็มีความไม่ธรรมดาอยู่ในตัวตั้งมากมาย”
“เรารักใครเราก็จะมองว่าเขาดี”
“ก็ผมหาข้อเสียข้อร้ายในตัวเขาไม่เจอนี่ครับ”
“แล้วเขารักลูกหรือเปล่าล่ะ”
“มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้เขารักไม่ใช่หรือครับ”
“สำนวนนิยายน้ำเน่าชัดๆ แม่ว่าเลิกเขียนแนวท่องเที่ยวแล้วมาลองเขียนแข่งกับกุลกัญญาดีไหม ไม่แน่นะงานชัชอาจจะโด่งดังกว่าสารคดีก็ได้”
“เอาไว้ผมว่างๆ ก่อนครับ แล้วจะลองดู แล้วงานกุลเป็นอย่างไรครับ พอไหวไหม”
“คงให้ปรับอีกนิด อีกนิดเดียว แล้วแม่จะให้โอกาสเขา”
คุณนิตยาพูดพลางเช็ดน้ำตาที่หน่วยตา โรคไต คนที่เปลี่ยนไตแล้วใช่ว่าจะไม่รู้ว่าจะอยู่นานอีกแค่ไหน เมื่อวันนั้นมาถึง นักอ่านแฟนหนังสือ คนใกล้ตัวจะเป็นอย่างไร?
ด้วยรู้ว่าจะสมหวังในงานเขียน กุลกัญญาจึงตัดสินใจยอมไปเป็นเพื่อนมาลี แต่ถึงกระนั้นกุลกัญญาก็ยังถามชัชชัยว่า ถ้าจะชวนเพื่อนไปด้วยอีกคนเขาจะสะดวกไหม เมื่อชัชชัยอนุญาต กุลกัญญาจึงโทรศัพท์หานิว ปลายสายไม่รับ กุลกัญญาครุ่นคิด หลายวันแล้วที่นิวัฒน์ไม่รับโทรศัพท์เขาเป็นอะไรหรือเปล่า
“นิวไม่รับสาย” กุลกัญญาบอกมาลีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มาลีถอนหายใจออกมา
“มันคงยุ่งขายของนะ ช่างมันเถอะ เอาไว้โอกาสดีๆ เราค่อยไปเฉพาะพวกเรา ชวนวิจักษ์ ชวนพี่ตรีทศแล้วค่อยชวนมัน บางทีไปกับคนบ้านเดียวกัน มันอาจจะอยากไปก็ได้นะ ไปๆ เก็บผ้าลงกระเป๋า”
เมื่อเก็บผ้ากุลกัญญาลงกระเป๋าแล้ว กุลกัญญาก็โทรแจ้งให้พี่ชายของตัวเองให้ได้รับรู้ว่าจะไปไหน นอนที่ไหน พักที่ไหน ไปธุระอะไร
เมื่อเสร็จเรื่องของกุลกัญญา ชัชชัยก็ขับรถพาสองสาวกลับมาที่บ้านของนันทา เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป มาลีแปลกใจที่เห็นว่านันทานอนหลับที่โซฟา
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า หายไปไหนมาทั้งคืน”
นันทาปรือตามองแล้วบอกว่า “เข้าโรงพยาบาลโรคกระเพาะถามหา”
เมื่อรู้ว่าพี่สาวป่วยมาลีชักเริ่มลังเล หญิงสาวมองออกไปที่นอกบ้าน กุลกัญญากับชัชชัยยังคงนั่งคอยกันอยู่ในรถ ถ้าเธอขออนุญาตนันทาจะว่าอย่างไร
“อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ค่อยยังชั่วแล้ว”
“คะคะคือ” มาลีเริ่มตะกุกตะกัก “เออ วันนี้มาลีจะไปนครนายกกับกุลกับคุณชัช พี่อยู่บ้านคนเดียวได้ไหม”
เมื่อได้ฟังอารมณ์กรุ่นวิ่งเข้าหานันทาทันที
“อยากไปไหนกันก็เชิญ ฉันอยู่ได้ ตามสบายเถอะ”
ว่าแล้วนันทาก็ยันกายลุกขึ้นก่อนจะเดินลงส้นขึ้นบันไดไปสู่ชั้น
บน พอนันทาลับตาไปแล้ว โทรศัพท์ของเจ้าตัวที่วางอยู่ข้างล่างก็ดังขึ้น
มาลีชะโงกหน้าไปดูที่หน้าจอ
‘วิจักษ์’
มาลีแปลกใจ ทำไมเพื่อนพี่นันทามีชื่อเหมือนวิจักษ์ คนเดียวกัน หรือคนละคน มาลีอยากจะกดรับแต่ก็รู้ว่านั่นคือการเสียมารยาท หรือว่าวิจักษ์รู้ว่าเธอมาอยู่กับนันทา เขาเอาเบอร์กันมาได้อย่างไร หรือว่าพี่อนันต์ วิจักษ์ นันทา เอ คนเดียวกันหรือเปล่า
เมื่อโทรศัพท์ยังดัง มาลีจึงได้ยินเสียงแปร๋นดังลงมาจากชั้นบนว่าให้รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นไปหน่อย เมื่อโทรศัพท์ถึงมือนันทาแล้ว น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดกลายเป็นเสนาะหูขึ้นมาทันที
“สวัสดีค่ะ ดีขึ้นแล้ว ขอบใจนะ จะมาเยี่ยมหรือ มาซิมาได้ ไม่มีปัญหา มาถูกไหมล่ะ”
มาลีเลี่ยงออกจากห้องเมื่อเห็นสายตาตำหนิของนันทา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ต.ค. 2555, 07:51:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ต.ค. 2555, 07:51:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 2197
<< 29.“เผื่อดังจะได้เอาไว้อวดคนอื่นได้” | 31.“ไม่ ไม่ปล่อย รักแล้ว ถอยไม่ได้” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 19 ต.ค. 2555, 07:58:44 น.
ผมสรุปไปงานหนังสือสองรอบนะครับ
รอบแรก ดังนี้ครับ
วันอาทิตย์ ที่ 21 (อยู่บู๊ธดอกหญ้า 2000)
วันจันทร์ที่ 22 (ไปตอนเย็น ๆ ว่าจะไปเดินหาซื้อหนังสือ)
วันอังคารที่ 23 ไปงานเปิดตัว สนพ.มายดรีม
รอบสองก็
วันที่ 27-28 ครับ
วันเสาร์ที่ 27 เย็น ๆ คงอยู่บู๊ธดอกหญ้า (ตอนเช้าไปงานมีตติ้งเว็บสิรินดา ที่อนุสาวรีย์(ซอยรางน้ำ)
วันอาทิตย์ที่ 28 ไปสิงสถิตย์อยู่บู๊ธดอกหญ้า 2000
ปล. ทุกวันพร้อมขาย ผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉาย (สาระสำคัญอยู่ตรงนี้เอง....)
ปล. 2 ไม่รู้เหมือนกันว่า "ม่านพรหม" จะเป็นเล่มวันไหนนะครับ
ปล.3 หาตัวไม่เจอก็โทรตามได้ที่ 0869299779
ผมสรุปไปงานหนังสือสองรอบนะครับ
รอบแรก ดังนี้ครับ
วันอาทิตย์ ที่ 21 (อยู่บู๊ธดอกหญ้า 2000)
วันจันทร์ที่ 22 (ไปตอนเย็น ๆ ว่าจะไปเดินหาซื้อหนังสือ)
วันอังคารที่ 23 ไปงานเปิดตัว สนพ.มายดรีม
รอบสองก็
วันที่ 27-28 ครับ
วันเสาร์ที่ 27 เย็น ๆ คงอยู่บู๊ธดอกหญ้า (ตอนเช้าไปงานมีตติ้งเว็บสิรินดา ที่อนุสาวรีย์(ซอยรางน้ำ)
วันอาทิตย์ที่ 28 ไปสิงสถิตย์อยู่บู๊ธดอกหญ้า 2000
ปล. ทุกวันพร้อมขาย ผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉาย (สาระสำคัญอยู่ตรงนี้เอง....)
ปล. 2 ไม่รู้เหมือนกันว่า "ม่านพรหม" จะเป็นเล่มวันไหนนะครับ
ปล.3 หาตัวไม่เจอก็โทรตามได้ที่ 0869299779

จุฬามณีเฟื่องนคร 19 ต.ค. 2555, 08:11:58 น.
เหะ ๆ ม่านพรหม คลอดวันที่ 21 นะครับ...บก.คอนเฟิร์มมาแล้วครับ
เหะ ๆ ม่านพรหม คลอดวันที่ 21 นะครับ...บก.คอนเฟิร์มมาแล้วครับ

nateetip 19 ต.ค. 2555, 20:09:38 น.
คุณเฟื่อง เริ่มลุ้นเเล้วค่ะ คุณชัชชัยน่ารักอ่ะ
คุณเฟื่อง เริ่มลุ้นเเล้วค่ะ คุณชัชชัยน่ารักอ่ะ

wii 19 ต.ค. 2555, 20:32:44 น.
ชัชชัยเป็นพระเอกก็ดีนะ เพราะเเม่ของเขาก็เป็นคนจิตใจดียอมรับผู้หญิงที่ลูกรักไม่ขัดขวางเเละชัชชัยก็เป็นคนที่ท่าทางจะอบอุ่น ใครเเต่งงานด้วยคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดเพราะใด้เเม่สามีที่ดี เฮ้ออ่านไปอ่านมาก็สงสารชัชชัยเค้า ส่วนกลยุทธก็ท่าทางจะโลไปก็เลมา ใครใด้ไปเป็นเเฟนก็คงต้องระเเวงยี่สิบสี่ชั่วโมงว่าเมื่อไหรเขาจะทิ้งตูไปหาหญิงอื่นว๊ะ ผู้หญิงคนนั้นคงใด้เเก่เกินวัยเเน่ๆเพราะนอนตาไม่หลับ โรคประสาทถามหาเพราะความระเเวงเเน่นอน
ชัชชัยเป็นพระเอกก็ดีนะ เพราะเเม่ของเขาก็เป็นคนจิตใจดียอมรับผู้หญิงที่ลูกรักไม่ขัดขวางเเละชัชชัยก็เป็นคนที่ท่าทางจะอบอุ่น ใครเเต่งงานด้วยคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดเพราะใด้เเม่สามีที่ดี เฮ้ออ่านไปอ่านมาก็สงสารชัชชัยเค้า ส่วนกลยุทธก็ท่าทางจะโลไปก็เลมา ใครใด้ไปเป็นเเฟนก็คงต้องระเเวงยี่สิบสี่ชั่วโมงว่าเมื่อไหรเขาจะทิ้งตูไปหาหญิงอื่นว๊ะ ผู้หญิงคนนั้นคงใด้เเก่เกินวัยเเน่ๆเพราะนอนตาไม่หลับ โรคประสาทถามหาเพราะความระเเวงเเน่นอน

อ้อย 19 ต.ค. 2555, 21:44:08 น.
อ่านกี่ที ก็สงสารคุณชัช คร่าาาา
อ่านกี่ที ก็สงสารคุณชัช คร่าาาา