แผนรักพันใจ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4
หญิงสาววัยราวห้าสิบกว่าก้าวลงจากบันไดวนกลางโถงของบ้านหลังใหญ่ สายตาคมกริบนั้นมองไปรอบตัวอย่างสำรวจตรวจตรา ระหว่างที่เท้าก้าว ปลายนิ้วชี้ของข้างหนึ่งก็แตะลงไปบนราวบันไดก่อนจะถูเข้ากับนิ้วโป้ง พยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อไม่พบกับสัมผัสสากของฝุ่นละออง
ตอนตั้งท้องธนัทลูกชายคนโตคุณบัณฑิตผู้เป็นสามี เสนอให้เลิกทำงานเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลบ้านและลูกที่กำลังจะลืมตาดูโลกคุณธนัญญาเคยคิดว่าการเลิกทำงานมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านนั้นคงเป็นเรื่องน่าเบื่อเอาการแต่เอาเข้าจริงจึงได้รู้ว่าการควบคุมงานในบ้านใหญ่หลังนี้ไม่ใช่งานเบา ไหนจะยังลูกชายทโมนทั้งสองคนอีก กระทั่งลูกชายทั้งสองเติบโตจนหน้าที่รับส่งลูกไปโรงเรียนถูกตัดออกไปนั่นแหละจึงรู้สึกว่ามีเวลาว่างค่อนข้างมากหลังจากคุมงานบ้านเสร็จ การออกงานสังคม พบปะเพื่อนฝูงเข้ามาเติมเต็มภาระที่ขาดหายไป
การออกงาน ทำความรู้จักกับเพื่อนในวงสังคมชั้นสูงสำหรับคุณธนัญญานั้นไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้ไม่อยู่นิ่งเท่านั้น แต่การได้ตีสนิทกับคนในหลากหลายวงการมีส่วนไม่น้อยในการช่วยเหลือธุรกิจของสามี หลายครั้งที่เพียงยกหูโทรศัพท์ งานที่ทำท่าว่าจะมีอุปสรรคก็กลับราบรื่นไปได้ด้วยสายสัมพันธ์กับบรรดาภรรยาของผู้ทรงอิทธิพลทั้งในแวดวงธุรกิจ การเมืองรวมไปถึงผู้ใหญ่ในวงราชการ นอกเหนือจากนั้นยังมีภาระหน้าที่ของคนเป็นแม่อีกเรื่องที่คุณธนัญญาเพียรจะทำให้ลุล่วง นัดหมายวันนี้จึงถือว่าเป็นนัดสำคัญอย่างยิ่ง
"คุณนินล่ะ" ภรรยาเจ้าของบ้านเอ่ยกับคนรับใช้ที่กำลังปัดฝุ่นเครื่องเคลือบบนโต๊ะกลาง "ลงมาหรือยัง"
"คุณนินออกไปแล้วค่ะ คุณผู้หญิง"
"ออกไปไหน"
น้ำเสียงเรียบเย็นแต่แรกกลับเจือด้วยความไม่พอใจขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากคนรับใช้ คุณธนัญญารีบควานเข้าไปในกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายถึงลูกชายคนเล็กทันที
"ปิดเครื่อง นกรู้เสียจริงนะตานิน คอยดูเถอะเจออีกทีคงต้องชำระความกันสักที"
"อะไรกันคุณ"
คุณบัณฑิตที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่มุมรับแขก ลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วหันมาเอ่ยถามภรรยา เธอส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้รับแขกสไตล์ยุโรปคลาสสิก
"ฉันนัดตานินไปกินมื้อเที่ยง อุตส่าห์บอกให้มานอนที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนเพราะรู้ว่าถ้าปล่อยให้ไปนอนที่คอนโด ฯ แล้วนัดมารับล่ะก็ต้องเบี้ยวแน่"
คนเป็นสามีหัวเราะชอบใจ
"เจ้านินมันคงจะรู้น่ะสิ ว่าคุณจะเอามันไปนำเสนอกับเพื่อนคุณคนไหนสักคน ถึงได้เปิดแน่บไปอีก"
"ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่านัดใครไว้"
"ลูกมันรู้ทันแล้วล่ะคุณ แผนการที่จะนัดให้ไปเจอแบบนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว น่าจะลองวิธีอื่นนะ"
"จริงด้วยสิ"
คุณธนัญญาตาโตเมื่อได้ฟังข้อเสนอแนะของสามี คุณบัณฑิตเห็นสีหน้า แววตาภรรยาแล้วชะงัก ไม่คิดว่าคำแนะนำนั้นจะนำงานกลับมาเข้าตัวเอง
"ฉันก็ลืมไปว่า ฉันมีวิธีที่ง่ายมากในการจัดให้ตานินอยู่กับที่หนีไปไหนไม่ได้"
"คุณญา ขอร้องเถอะ...ผมไม่เคยยุ่งกับเจ้านินเรื่องจับคู่อะไรนี่สักที อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวเลย"
"คงต้องเกี่ยวแล้วล่ะคะ งานนี้ฉันเสียคนไม่ได้แล้วนะ" ภรรยาสรุป "เอาเป็นว่าฉันจะขอความร่วมมือคุณอีกทีนะคะ ตอนนี้ยังไงก็คงต้องไปตามนัดก่อน เอาไว้ทางโน้นสะดวกเมื่อไหร่ฉันคงต้องให้คุณช่วยจับตานินให้อยู่นิ่งกับที่ หนีไปไหนไม่ได้อีก"
คุณบัณฑิตขยับจะท้วงแต่ไม่ได้รับโอกาสนั้น คุณธนัญญาลุกขึ้นก้าวฉับออกไปทางหน้าตัวบ้าน หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ถอนใจ รู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ต้องทำตามคำของภรรยาแต่โดยดี แม้ว่าการยอมตามใจคุณธนัญญานั้นอาจจะนำไปสู่ความยุ่งยากในแผนการที่จะให้ธนินตีสนิทกับจารุดาก็ตาม
เจ้านินคงไม่ทำเสียเรื่อง ที่สำคัญ...ต้องไม่ทำร้ายน้ำใจคนบ้านนั้น
คุณบัณฑิตถอนใจเฮือกใหญ่อีกครั้งเพราะความสัมพันธ์แบบเพื่อนต่างเพศที่ไม่มีเรื่องชู้สาวกับลูกชายของตนนั้นดูจะเป็นสองสิ่งที่ไม่น่าจะไปกันได้เลย
ห้องอาหารญี่ปุ่นบนชั้นสูงที่สุดในโรงแรมหรูกลางกรุงเป็นสถานที่นัดหมายของคุณธนัญญากับเพื่อนในวงสังคมที่เพิ่งมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเมื่อไม่นานนี้ หากเมื่อสอบถามไล่เรียงกันแล้วทั้งสองเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะ ร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน จากที่ต่างฝ่ายต่างพอคุ้นหน้ากันอยู่บ้างแต่แรกเลยทำให้พูดคุยถูกคอกันเป็นพิเศษยิ่งเมื่อมีความต้องการที่ตรงกันในเรื่องคู่ครองของลูกแล้วด้วย
พนักงานต้อนรับเดินนำคุณธนัญญาไปที่ห้องซึ่งอีกฝ่ายเป็นผู้จองและมานั่งรอก่อนแล้ว เมื่อบานประตูแบบญี่ปุ่นเลื่อนเปิดออกก็พบว่าภายในห้องมีหญิงสาวสองวัยนั่งรออยู่แล้ว
ผู้เป็นแม่นั้นคุ้นหน้าตากันดีแล้ว ส่วนหญิงสาวที่กระพุ่มมือไหว้คุณธนัญญานั้น เธอเพิ่งเคยพบตัวจริงเป็นครั้งแรกหลังจากที่เห็นจากรูปถ่ายในโทรศัพท์ รอยยิ้มอ่อนหวานนั้น กิริยาแช่มช้อยนั้นสร้างความพึงใจให้กับคนที่กำลังมองหาลูกสะใภ้ที่เหมาะสมได้ในทันที
"ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่มาช้า"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ญา" รุ่นน้องร่วมสถาบันยิ้มแย้ม "คุณป้าญา เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยแม่เองจ๊ะ เรียนมาด้วยกันคุ้นหน้าคุ้นตา เพิ่งมาเจอกันตอนออกงานสองสามเดือนก่อน...นี่จินนี่ค่ะ ลูกสาวคนเดียวของบัว"
"ถ้าไม่บอก จินนี่ว่าคุณป้าน่าจะรุ่นเดียวกันกับคุณแม่นะคะ"
"ปากหวานจริงนะจ๊ะ" คุณธนัญญายิ้มปลื้ม "แต่ที่จริงป้ากับแม่ของหนูก็เรียนห่างกันแค่สองปีนับอายุอาจจะแค่ปีเศษเท่านั้นเอง ถึงจะดูรุ่นเดียวกันแค่ความสวยป้าคงสู้คุณแม่ของหนูไม่ได้หรอกจ๊ะ"
"ตายจริง มาชมกันเองแบบนี้เดี๋ยวจะพานอิ่ม กินอะไรไม่ลงนะคะ"
คุณธนัญญาหัวเราะเบา ๆ ผลัดเปลี่ยนรองเท้ากับรองเท้าที่ร้านเตรียมไว้ก่อนจะเดินไปสมทบกับสองแม่ลูกที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งออกแบบให้นั่งหย่อนขาลงไป
"แล้วนี่..."
ผู้เป็นแม่ทั้งสองคนมองสบตากันอย่างรู้ความหมาย คุณสโรชานั้นมองหาลูกชายของรุ่นพี่ตั้งแต่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้อง จนเมื่อแน่ใจว่าคุณธนัญญามาเพียงลำพังจึงอดสงสัยไม่ได้
"พอดีตานินเขาติดธุระด่วน เลยมาไม่ได้จ๊ะ ต้องขอโทษด้วยนะ อุตส่าห์ตกลงกันเอาไว้ว่าจะพาลูกชายมาด้วยแล้วเชียว" คุณธนัญญาเว้นที่จะเอ่ยถึงการจับคู่ให้สองหนุ่มสาว "พี่ก็เลยได้เห็นหนูจินนี่อยู่ฝ่ายเดียว บัวคงไม่ว่าอะไรนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ ก็เสียดายนะคะ อยากจะเห็นลูกชายของพี่ญาอยุ่เหมือนกัน"
คุณสโรชาตอบก่อนหันไปขอรายการอาหารจากพนักงาน สุจิราเปิดดูแล้วแนะนำอาหารที่เคยมารับประทานให้กับมารดาและเพื่อนของมารดาอย่างเข้าใจในความต้องการของผู้ใหญ่ ทั้งยังร่วมสนทนากับผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างไม่ขัดเขิน
เมื่อมื้อกลางวันจบลง คุณธนัญญาก็หมายมั่นว่าจะต้องจัดการให้ลูกชายคนเล็กพบปะ ทำความรู้จักกับสุจิราโดยเร็ว ทั้งคุณสมบัติส่วนตัวของหญิงสาว ฐานะทางครอบครัว ตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อ รายนี้ถูกอกถูกใจคุณธนัญญามากกว่ารายก่อนและเธอก็เบื่อกับการทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาของธนินเต็มทน
ถึงเวลาแล้วที่คนเป็นแม่อย่างเธอจะต้องจัดการเรื่องคู่ให้กับลูกชายอย่างจริงจังเสียที ก่อนที่ธนินจะไปคว้าผู้หญิงที่ไม่คู่ควรมาเป็นภรรยาเข้าสักวัน
โรงเรียนสอนทำอาหารที่จารุดาทำงานอยู่นั้นก่อตั้งขึ้นโดยเซฟมือหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องทำอาหารและมีรายการสอนทำอาหารเป็นของตนเองตั้งแต่ยุคที่ยังมีรายการประเภทนี้ยังไม่เฟื่องฟูนักและยังคงอยู่คู่กับสถานีโทรทัศน์ช่องดังมาตลอดแม้เวลาจะผ่านมากว่าสิบปี รายการประเภทเดียวกันเกิดขึ้นและยุติลงไปแล้วหลายต่อหลายรายการ
อาจารย์กุ๊กที่ใครต่อใครเรียกกันตามชื่อเล่นของหญิงสาวเจ้าของโรงเรียนเคยชักชวนให้จารุดาไปทดสอบหน้ากล้อง เพื่อเป็นพิธีกรร่วมทว่าเธอปฏิเสธเนื่องจากไม่ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่เธอพยายามสร้างให้เป็นเหมือนเกาะกำบังตนเองเอาไว้และตระหนักว่าคุณยายจันทร์ต้องไม่ชอบใจแน่ หากหลานสาวลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งหน้าออกโทรทัศน์
อิสรภาพในการทำงานที่ตัวเองรักเป็นสิ่งหนึ่งที่จารุดาปรารถนา ส่วนอีกสิ่งก็คือความต้องการที่จะรักษาน้ำใจผู้เป็นยายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต การเป็นครูสอนทำอาหารเชย ๆ จึงเป็นสิ่งที่เธอเลือกทำ
วันนี้เป็นวันแรกของชั้นเรียนทำเบเกอรี่หลักสูตรสำหรับร้านกาแฟ ซึ่งเป็นหลักสูตร 60 ชั่วโมง ใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละหนึ่งวัน สิบสัปดาห์ต่อเนื่องกัน สำหรับรองรับคนที่ทำงานประจำอยู่และมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจของตนเอง เพราะต้องการให้ผู้สอนสามารถให้ความสนใจผู้เรียนได้อย่างทั่วถึงนักเรียนหลักสูตรนี้จึงมีเพียงสิบคนเท่านั้น ในห้องเรียนกว้างขวางมีเคาน์เตอร์อยู่สิบเอ็ดตัว ตัวหนึ่งตั้งเด่นอยู่กลางห้องด้านหน้าประชันกับแถวของเคาน์เตอร์อีก 10 ตัวที่วางเรียงกันเป็นแถวยาว
เสื้อผ้าแสนเชยของจารุดาคลุมไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนขาวสะอาด สกรีนสัญลักษณ์และชื่อของโรงเรียน Cook Cook School เอาไว้เช่นเดียวกับนักเรียนที่เข้ามารอในห้องเรียนก่อนหน้าแล้ว หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหนึ่งในสิบนักเรียนของชั้นเรียนใหม่นี้ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ฝั่งซ้ายมือสุดของครูสาวส่งยิ้มกว้างให้ หากเมื่อแลไปทางชายอีกคนที่ยืนมองเธออยู่ทางเคาน์เตอร์ถัดกัน ธนินก็มีท่าทางเหมือนจะเขม่นอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย
ชายคนนั้นมีสูงกว่าธนินเล็กน้อย ผิวพรรณออกไปทางเหลืองมากกว่า หากรูปร่างนั้นดูเหมือนจะผ่านการออกกำลังกายมามากกว่า ยิ่งเมื่อสวมเสื้อเชิ้ตทรงเข้ารูปแขนสั้นอวดกล้ามเนื้อต้นแขน รัดแผงอกแกร่ง ดวงตาสีน้ำตาลเหมือนกับสีผมยักศก เมื่อยืนเทียบกับธนินแล้วเรียกได้ว่าดึงดูดสายตาไปคนละแบบ
จารุดาเริ่มกล่าวทักทายนักเรียนก่อนจะให้แต่ละคนแนะนำตัว ชายหนุ่มที่ยืนถัดจากธนินแนะนำตัวว่าชื่อยศกฤตหรือยอร์จนั้นดูจะแสดงท่าทางสนอกสนใจเธอเกินกว่านักเรียนคนอื่น ๆ เว้นแต่ธนินที่จับตามองเธอสลับกับมองไปทางยศกฤตอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาที่นักเรียนคนอื่นในชั้นแนะนำตัว
หญิงสาวก้มลงมองบนเคานเตอร์กลางห้องด้านหน้าที่ตัวเองยืนอยู่ บนเคานเตอร์มีอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ วางเรียงรายอยู่ ตรงหน้านักเรียนแต่ละคนก็มีเหมือนกันคนละหนึ่งชุด
"ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำขนมกันนะคะ"
จารุดาเริ่มต้นการทำงานตามปกติ พยายามไม่สนใจท่าทางแปลก ๆ ของชายหนุ่มสองคนในชั้นเรียน เธอรู้ตัวว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้สวยเตะตาอย่างพวกดารานางแบบทั้งหลายซึ่งรูปร่างหน้าตาท่าทางอย่างธนินและยศกฤตนั้นน่าจะหาตัวเลือกจากกลุ่มสาวสวยเหล่านั้นได้สบาย ๆ
เกิดจะมีชายหนุ่มสองคนมาแสดงท่าทีสนใจเธอพร้อม ๆ กันแบบนี้ บางทีคุณยายจันทร์กับนิคมอาจจะไม่ได้คิดมากเกินไปอย่างที่เธอว่าก็ได้ อาจจะเป็นเธอเองที่คิดน้อยเกินไป
ช่วงพักของการเรียนสองชั่วโมงนักเรียนบางส่วนเลือกที่จะเดินไปหาร้านอาหารในศูนย์การค้าไม่ไกลจากโรงเรียน ส่วนหนึ่งรับประทานอาหารที่ร้านของโรงเรียนเองซึ่งมีลูกค้ามาลิ้มลองรสชาติอาหารสูตรของเชฟสาวสวยที่มีรายการสอนทำอาหารทางโทรทัศน์ต่อเนื่องมานานปี สำหรับครูอย่างจารุดานั้นทางโรงเรียนมีอาหารเตรียมไว้ให้ในห้องรับรองพิเศษ
สองหนุ่มที่จ้องครูสอนทำอาหารสาวมาตั้งแต่ในชั้นเรียนช่วงเช้าซึ่งเน้นที่การแนะนำอุปกรณ์และวัตถุดิบ จึงได้แต่นั่งรับประทานอาหารในร้านพลางมองไปทางห้องรับรองที่จารุดารีบเดินเข้าไปทันทีหลังจากปล่อยให้นักเรียนไปพัก
พอมองประตูนานเข้า จัดการกับอาหารกลางวันเสร็จไม่เห็นทีท่าว่าจารุดาจะออกมาจากห้องพัก ธนินและยศกฤตก็หันมามองกันเองด้วยสายตาอย่างกับเสือสองตัวจับจ้องกันเมื่อมีการแย่งอาณาเขตกันขึ้น
ธนินพยายามจะสะกดอารมณ์อยู่นาน หากสุดท้ายก็ไม่สามารถนิ่งได้เท่าอีกฝ่าย จึงเรียกบริกรเช็คบิลค่าอาหารวางเงินสดเอาไว้บนโต๊ะแล้วก้าวฉับไปนั่งตรงข้ามกับยศกฤต อารมณ์กรุ่นยิ่งปะทุขึ้นเมื่อเห็นว่ารายนั้นทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
"ต้องการอะไรกันแน่ ไอ้ยอร์จ"
"อะไรของแก ไอ้นิน"
ยศกฤตยังคงละเลียดหั่นชิ้นทีโบนสเต็ก ใช้ส้อมจิ้มส่งเข้าปาก ค่อยเคี้ยวอย่างใจเย็น ไม่สนใจว่าคนถามทำท่าเหมือนควันออกหู
"อย่ามาทำไขสือ ทำไมแกถึงมาลงเรียนคอร์สนี้ได้"
"เดินเข้ามาสมัคร จ่ายตังค์ ถึงเวลาก็มาเข้าเรียนก็เหมือนแกนั่นแหละ"
"ฉันหมายถึงเหตุผลที่แกมาเรียน"
"ฉันเป็นพวกใฝ่รู้น่ะสิ" ยศกฤตยิ้มกวน "เราเรียนมาด้วยกัน แกก็น่าจะรู้จักฉันบ้างไม่ใช่เหรอ"
"ฉันรู้ดีว่าแกมันพวกเจ้าเล่ห์น่ะสิ ที่แกมาลงเรียนกับจารุดา แกต้องหวังผลอะไรอย่างอื่นแน่"
ธนินชะงัก หวังผล...เขาเองก็หวังผลจากการพยายามเข้ามาตีสนิทจารุดา เพราะไม่อาจรออีกสามสัปดาห์กว่าจะเริ่มงานมหกรรมอาหารซึ่งจัดที่ลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าเดอะเบสท์ได้ และที่เขาต้องการเป็นเพื่อนกับหญิงสาวก็เพราะ...
"แกอย่าบอกนะว่า..."
"ฉันไม่มีอะไรจะบอกแกทั้งนั้นแหละ ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากหาความรู้ใส่ตัวจริง ๆ"
"ทายาทเจ้าของห้างไดมอนด์จะมาสนใจเรียนคอร์สเบเกอรี่สำหรับร้านกาแฟเนี่ยนะ"
"ไอ้นิน" ยศกฤตวางมีดและส้อมลงกับจาน ส่ายหน้าเล็กน้อยกับท่าทีของธนิน "แกเอง ก็เป็นทายาทเจ้าของห้างเดอะเบสท์เหมือนกัน ถ้าแกมาลงเรียนได้ ทำไมฉันจะเรียนบ้างไม่ได้ล่ะ"
"นี่ใจคอแกจะแข่งกับฉันทุกเรื่องใช่ไหมไอ้ยอร์จ"
"แข่งอะไรของแก"
"ทำไขสือไปเถอะ ขอบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่แกคิดทำไม่มีทางสำเร็จหรอก ฉันต้องชนะ"
"แกนี่บ้าแข่งจริงนะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่องว่าแกพูดอะไร"
ท่าทีมั่นใจของยศกฤตทำให้ธนินชักหวั่นใจ หากไม่ทันพูดอะไรต่อโทรศัพท์มือถือที่เปิดเป็นระบบสั่นเอาไว้ก็ส่งสั่นเตือนการโทรเข้า ชายหนุ่มมองชื่อบนหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับยศกฤต
"ฉันต้องชนะแก ไอ้ยอร์จ คอยดูไปเถอะ"
ชายหนุ่มผุกลุกขึ้นทันทีที่กล่าวจบเดินห่างออกมาหามุมที่ไกลจากผู้คนภายนอกอาคารแล้วกดรับสายผู้ให้กำเนิด
"มัวทำอะไรอยู่เจ้านิน"
"ก็มาทำงานให้พ่อนั่นแหละ หาทางใกล้ชิด ตีสนิท ขอซื้อที่ไง" ธนินมองซ้ายมองขวา "พ่อได้ข่าวห้างไดมอนด์บ้างรึเปล่า"
"เฮ้ย!"
เสียงผู้ให้กำเนิดร้องอย่างตกใจทำให้ชายหนุ่มต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู
"แกไปรู้อะไรมาเจ้านิน พ่อเองก็เพิ่งได้ข่าวมาว่าทางไดมอนด์ก็กำลังหาช่องทางขยายไปตามเมืองท่องเที่ยว แล้วก็เล็งที่ดินผืนเดียวกันกับทางเราเหมือนกัน"
"ว่าแล้วไม่ผิด" ธนินค่อยดึงโทรศัพท์มาเอ่ยตอบคุณบัณฑิต "ผมเจอเจ้ายอร์จน่ะสิพ่อ"
"เจอที่ไหน"
"ผมบอกพ่อแล้วใช่ไหมว่าผมมาลงเรียนที่โรงเรียนที่จารุดาสอน"
"นี่แกอย่าบอกนะ"
"ถ้าพ่อจะฟังความจริงผมก็ต้องบอกแล้วล่ะ ไอ้ยอร์จมันมาลงเรียนเหมือนกัน แสดงว่าทางไดมอนด์ก็หาข้อมูลเรื่องที่ดินนี่เหมือนกัน ถึงได้หาทางให้ไอ้ยอร์จมาตีสนิทกับจารุดา"
"แล้วนี่แกจะไหวเหรอเจ้านิน"
"ผมไม่มีทางแพ้ไอ้ยอร์จแน่พ่อ"
"เอาให้แน่นะ ไอ้หนุ่มคนนี้มันไม่เบา ชิงงานเปิดตัวสินค้าใหญ่ ๆ ที่เราเล็งไว้ไปได้หลายหน"
คำพูดขอบคุณบัณฑิตยิ่งทำให้ธนินหงุดหงิด เขาและยศกฤตรับผิดชอบงานส่วนเดียวกัน แข่งขันกันอยู่ในทีและหลายครั้งที่เขาพลาดท่าเสียที โดนยศกฤตแย่งงานใหญ่ไปได้
"แต่ครั้งนี้ผมไม่พลาดแน่พ่อ"
ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายกับบิดาอย่างมาดมั่น รู้สึกว่าจะต้องบรรลุแผนที่จะขอซื้อที่ดินแปลงงามนั้นจากจารุดาให้สำเร็จ จากก่อนหน้าที่ยอมทำตามแผนของพ่อแบบไม่เต็มใจนัก ยศกฤตเป็นคู่แข่งที่เอาชนะเขาได้หลายครั้งมาตั้งแต่สมัยเรียนร่วมสถาบันไม่ว่าจะเปิดเรื่องเรียนหรือเรื่องผู้หญิง
ธนินกำลังเก็บโทรศัพท์กลับลงกระเป๋ากางเกงเมื่อรถยนต์ญี่ปุ่นขนาดกลางคันหนึ่งแล่นมาจอดไม่ไกลนัก คนที่เขาคุ้นหน้าคนหนึ่งก้าวลงมา โบกไม้โบกมือให้เขาอย่างยินดี
"คุณธนิน ดีใจจังเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่"
แม่นิกกี้สาวไม่แท้เดินลิ่วเข้ามาโดยที่ธนินไม่ทันได้ตั้งตัว จะขยับหนีไปไหนก็ไม่ได้ ความมั่นใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
ถึงว่าสิ จารุดาหลานสาวคุณยายจันทร์ยึดห้องรับรองเป็นที่มั่นไม่ยอมออกมา ที่แท้ก็เรียกกำลังเสริมนี่เอง
ตอนตั้งท้องธนัทลูกชายคนโตคุณบัณฑิตผู้เป็นสามี เสนอให้เลิกทำงานเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลบ้านและลูกที่กำลังจะลืมตาดูโลกคุณธนัญญาเคยคิดว่าการเลิกทำงานมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านนั้นคงเป็นเรื่องน่าเบื่อเอาการแต่เอาเข้าจริงจึงได้รู้ว่าการควบคุมงานในบ้านใหญ่หลังนี้ไม่ใช่งานเบา ไหนจะยังลูกชายทโมนทั้งสองคนอีก กระทั่งลูกชายทั้งสองเติบโตจนหน้าที่รับส่งลูกไปโรงเรียนถูกตัดออกไปนั่นแหละจึงรู้สึกว่ามีเวลาว่างค่อนข้างมากหลังจากคุมงานบ้านเสร็จ การออกงานสังคม พบปะเพื่อนฝูงเข้ามาเติมเต็มภาระที่ขาดหายไป
การออกงาน ทำความรู้จักกับเพื่อนในวงสังคมชั้นสูงสำหรับคุณธนัญญานั้นไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้ไม่อยู่นิ่งเท่านั้น แต่การได้ตีสนิทกับคนในหลากหลายวงการมีส่วนไม่น้อยในการช่วยเหลือธุรกิจของสามี หลายครั้งที่เพียงยกหูโทรศัพท์ งานที่ทำท่าว่าจะมีอุปสรรคก็กลับราบรื่นไปได้ด้วยสายสัมพันธ์กับบรรดาภรรยาของผู้ทรงอิทธิพลทั้งในแวดวงธุรกิจ การเมืองรวมไปถึงผู้ใหญ่ในวงราชการ นอกเหนือจากนั้นยังมีภาระหน้าที่ของคนเป็นแม่อีกเรื่องที่คุณธนัญญาเพียรจะทำให้ลุล่วง นัดหมายวันนี้จึงถือว่าเป็นนัดสำคัญอย่างยิ่ง
"คุณนินล่ะ" ภรรยาเจ้าของบ้านเอ่ยกับคนรับใช้ที่กำลังปัดฝุ่นเครื่องเคลือบบนโต๊ะกลาง "ลงมาหรือยัง"
"คุณนินออกไปแล้วค่ะ คุณผู้หญิง"
"ออกไปไหน"
น้ำเสียงเรียบเย็นแต่แรกกลับเจือด้วยความไม่พอใจขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากคนรับใช้ คุณธนัญญารีบควานเข้าไปในกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายถึงลูกชายคนเล็กทันที
"ปิดเครื่อง นกรู้เสียจริงนะตานิน คอยดูเถอะเจออีกทีคงต้องชำระความกันสักที"
"อะไรกันคุณ"
คุณบัณฑิตที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่มุมรับแขก ลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วหันมาเอ่ยถามภรรยา เธอส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้รับแขกสไตล์ยุโรปคลาสสิก
"ฉันนัดตานินไปกินมื้อเที่ยง อุตส่าห์บอกให้มานอนที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนเพราะรู้ว่าถ้าปล่อยให้ไปนอนที่คอนโด ฯ แล้วนัดมารับล่ะก็ต้องเบี้ยวแน่"
คนเป็นสามีหัวเราะชอบใจ
"เจ้านินมันคงจะรู้น่ะสิ ว่าคุณจะเอามันไปนำเสนอกับเพื่อนคุณคนไหนสักคน ถึงได้เปิดแน่บไปอีก"
"ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่านัดใครไว้"
"ลูกมันรู้ทันแล้วล่ะคุณ แผนการที่จะนัดให้ไปเจอแบบนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว น่าจะลองวิธีอื่นนะ"
"จริงด้วยสิ"
คุณธนัญญาตาโตเมื่อได้ฟังข้อเสนอแนะของสามี คุณบัณฑิตเห็นสีหน้า แววตาภรรยาแล้วชะงัก ไม่คิดว่าคำแนะนำนั้นจะนำงานกลับมาเข้าตัวเอง
"ฉันก็ลืมไปว่า ฉันมีวิธีที่ง่ายมากในการจัดให้ตานินอยู่กับที่หนีไปไหนไม่ได้"
"คุณญา ขอร้องเถอะ...ผมไม่เคยยุ่งกับเจ้านินเรื่องจับคู่อะไรนี่สักที อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวเลย"
"คงต้องเกี่ยวแล้วล่ะคะ งานนี้ฉันเสียคนไม่ได้แล้วนะ" ภรรยาสรุป "เอาเป็นว่าฉันจะขอความร่วมมือคุณอีกทีนะคะ ตอนนี้ยังไงก็คงต้องไปตามนัดก่อน เอาไว้ทางโน้นสะดวกเมื่อไหร่ฉันคงต้องให้คุณช่วยจับตานินให้อยู่นิ่งกับที่ หนีไปไหนไม่ได้อีก"
คุณบัณฑิตขยับจะท้วงแต่ไม่ได้รับโอกาสนั้น คุณธนัญญาลุกขึ้นก้าวฉับออกไปทางหน้าตัวบ้าน หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ถอนใจ รู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ต้องทำตามคำของภรรยาแต่โดยดี แม้ว่าการยอมตามใจคุณธนัญญานั้นอาจจะนำไปสู่ความยุ่งยากในแผนการที่จะให้ธนินตีสนิทกับจารุดาก็ตาม
เจ้านินคงไม่ทำเสียเรื่อง ที่สำคัญ...ต้องไม่ทำร้ายน้ำใจคนบ้านนั้น
คุณบัณฑิตถอนใจเฮือกใหญ่อีกครั้งเพราะความสัมพันธ์แบบเพื่อนต่างเพศที่ไม่มีเรื่องชู้สาวกับลูกชายของตนนั้นดูจะเป็นสองสิ่งที่ไม่น่าจะไปกันได้เลย
ห้องอาหารญี่ปุ่นบนชั้นสูงที่สุดในโรงแรมหรูกลางกรุงเป็นสถานที่นัดหมายของคุณธนัญญากับเพื่อนในวงสังคมที่เพิ่งมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเมื่อไม่นานนี้ หากเมื่อสอบถามไล่เรียงกันแล้วทั้งสองเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะ ร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน จากที่ต่างฝ่ายต่างพอคุ้นหน้ากันอยู่บ้างแต่แรกเลยทำให้พูดคุยถูกคอกันเป็นพิเศษยิ่งเมื่อมีความต้องการที่ตรงกันในเรื่องคู่ครองของลูกแล้วด้วย
พนักงานต้อนรับเดินนำคุณธนัญญาไปที่ห้องซึ่งอีกฝ่ายเป็นผู้จองและมานั่งรอก่อนแล้ว เมื่อบานประตูแบบญี่ปุ่นเลื่อนเปิดออกก็พบว่าภายในห้องมีหญิงสาวสองวัยนั่งรออยู่แล้ว
ผู้เป็นแม่นั้นคุ้นหน้าตากันดีแล้ว ส่วนหญิงสาวที่กระพุ่มมือไหว้คุณธนัญญานั้น เธอเพิ่งเคยพบตัวจริงเป็นครั้งแรกหลังจากที่เห็นจากรูปถ่ายในโทรศัพท์ รอยยิ้มอ่อนหวานนั้น กิริยาแช่มช้อยนั้นสร้างความพึงใจให้กับคนที่กำลังมองหาลูกสะใภ้ที่เหมาะสมได้ในทันที
"ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่มาช้า"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ญา" รุ่นน้องร่วมสถาบันยิ้มแย้ม "คุณป้าญา เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยแม่เองจ๊ะ เรียนมาด้วยกันคุ้นหน้าคุ้นตา เพิ่งมาเจอกันตอนออกงานสองสามเดือนก่อน...นี่จินนี่ค่ะ ลูกสาวคนเดียวของบัว"
"ถ้าไม่บอก จินนี่ว่าคุณป้าน่าจะรุ่นเดียวกันกับคุณแม่นะคะ"
"ปากหวานจริงนะจ๊ะ" คุณธนัญญายิ้มปลื้ม "แต่ที่จริงป้ากับแม่ของหนูก็เรียนห่างกันแค่สองปีนับอายุอาจจะแค่ปีเศษเท่านั้นเอง ถึงจะดูรุ่นเดียวกันแค่ความสวยป้าคงสู้คุณแม่ของหนูไม่ได้หรอกจ๊ะ"
"ตายจริง มาชมกันเองแบบนี้เดี๋ยวจะพานอิ่ม กินอะไรไม่ลงนะคะ"
คุณธนัญญาหัวเราะเบา ๆ ผลัดเปลี่ยนรองเท้ากับรองเท้าที่ร้านเตรียมไว้ก่อนจะเดินไปสมทบกับสองแม่ลูกที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งออกแบบให้นั่งหย่อนขาลงไป
"แล้วนี่..."
ผู้เป็นแม่ทั้งสองคนมองสบตากันอย่างรู้ความหมาย คุณสโรชานั้นมองหาลูกชายของรุ่นพี่ตั้งแต่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้อง จนเมื่อแน่ใจว่าคุณธนัญญามาเพียงลำพังจึงอดสงสัยไม่ได้
"พอดีตานินเขาติดธุระด่วน เลยมาไม่ได้จ๊ะ ต้องขอโทษด้วยนะ อุตส่าห์ตกลงกันเอาไว้ว่าจะพาลูกชายมาด้วยแล้วเชียว" คุณธนัญญาเว้นที่จะเอ่ยถึงการจับคู่ให้สองหนุ่มสาว "พี่ก็เลยได้เห็นหนูจินนี่อยู่ฝ่ายเดียว บัวคงไม่ว่าอะไรนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ ก็เสียดายนะคะ อยากจะเห็นลูกชายของพี่ญาอยุ่เหมือนกัน"
คุณสโรชาตอบก่อนหันไปขอรายการอาหารจากพนักงาน สุจิราเปิดดูแล้วแนะนำอาหารที่เคยมารับประทานให้กับมารดาและเพื่อนของมารดาอย่างเข้าใจในความต้องการของผู้ใหญ่ ทั้งยังร่วมสนทนากับผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างไม่ขัดเขิน
เมื่อมื้อกลางวันจบลง คุณธนัญญาก็หมายมั่นว่าจะต้องจัดการให้ลูกชายคนเล็กพบปะ ทำความรู้จักกับสุจิราโดยเร็ว ทั้งคุณสมบัติส่วนตัวของหญิงสาว ฐานะทางครอบครัว ตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อ รายนี้ถูกอกถูกใจคุณธนัญญามากกว่ารายก่อนและเธอก็เบื่อกับการทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาของธนินเต็มทน
ถึงเวลาแล้วที่คนเป็นแม่อย่างเธอจะต้องจัดการเรื่องคู่ให้กับลูกชายอย่างจริงจังเสียที ก่อนที่ธนินจะไปคว้าผู้หญิงที่ไม่คู่ควรมาเป็นภรรยาเข้าสักวัน
โรงเรียนสอนทำอาหารที่จารุดาทำงานอยู่นั้นก่อตั้งขึ้นโดยเซฟมือหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องทำอาหารและมีรายการสอนทำอาหารเป็นของตนเองตั้งแต่ยุคที่ยังมีรายการประเภทนี้ยังไม่เฟื่องฟูนักและยังคงอยู่คู่กับสถานีโทรทัศน์ช่องดังมาตลอดแม้เวลาจะผ่านมากว่าสิบปี รายการประเภทเดียวกันเกิดขึ้นและยุติลงไปแล้วหลายต่อหลายรายการ
อาจารย์กุ๊กที่ใครต่อใครเรียกกันตามชื่อเล่นของหญิงสาวเจ้าของโรงเรียนเคยชักชวนให้จารุดาไปทดสอบหน้ากล้อง เพื่อเป็นพิธีกรร่วมทว่าเธอปฏิเสธเนื่องจากไม่ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่เธอพยายามสร้างให้เป็นเหมือนเกาะกำบังตนเองเอาไว้และตระหนักว่าคุณยายจันทร์ต้องไม่ชอบใจแน่ หากหลานสาวลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งหน้าออกโทรทัศน์
อิสรภาพในการทำงานที่ตัวเองรักเป็นสิ่งหนึ่งที่จารุดาปรารถนา ส่วนอีกสิ่งก็คือความต้องการที่จะรักษาน้ำใจผู้เป็นยายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต การเป็นครูสอนทำอาหารเชย ๆ จึงเป็นสิ่งที่เธอเลือกทำ
วันนี้เป็นวันแรกของชั้นเรียนทำเบเกอรี่หลักสูตรสำหรับร้านกาแฟ ซึ่งเป็นหลักสูตร 60 ชั่วโมง ใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละหนึ่งวัน สิบสัปดาห์ต่อเนื่องกัน สำหรับรองรับคนที่ทำงานประจำอยู่และมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจของตนเอง เพราะต้องการให้ผู้สอนสามารถให้ความสนใจผู้เรียนได้อย่างทั่วถึงนักเรียนหลักสูตรนี้จึงมีเพียงสิบคนเท่านั้น ในห้องเรียนกว้างขวางมีเคาน์เตอร์อยู่สิบเอ็ดตัว ตัวหนึ่งตั้งเด่นอยู่กลางห้องด้านหน้าประชันกับแถวของเคาน์เตอร์อีก 10 ตัวที่วางเรียงกันเป็นแถวยาว
เสื้อผ้าแสนเชยของจารุดาคลุมไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนขาวสะอาด สกรีนสัญลักษณ์และชื่อของโรงเรียน Cook Cook School เอาไว้เช่นเดียวกับนักเรียนที่เข้ามารอในห้องเรียนก่อนหน้าแล้ว หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหนึ่งในสิบนักเรียนของชั้นเรียนใหม่นี้ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ฝั่งซ้ายมือสุดของครูสาวส่งยิ้มกว้างให้ หากเมื่อแลไปทางชายอีกคนที่ยืนมองเธออยู่ทางเคาน์เตอร์ถัดกัน ธนินก็มีท่าทางเหมือนจะเขม่นอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย
ชายคนนั้นมีสูงกว่าธนินเล็กน้อย ผิวพรรณออกไปทางเหลืองมากกว่า หากรูปร่างนั้นดูเหมือนจะผ่านการออกกำลังกายมามากกว่า ยิ่งเมื่อสวมเสื้อเชิ้ตทรงเข้ารูปแขนสั้นอวดกล้ามเนื้อต้นแขน รัดแผงอกแกร่ง ดวงตาสีน้ำตาลเหมือนกับสีผมยักศก เมื่อยืนเทียบกับธนินแล้วเรียกได้ว่าดึงดูดสายตาไปคนละแบบ
จารุดาเริ่มกล่าวทักทายนักเรียนก่อนจะให้แต่ละคนแนะนำตัว ชายหนุ่มที่ยืนถัดจากธนินแนะนำตัวว่าชื่อยศกฤตหรือยอร์จนั้นดูจะแสดงท่าทางสนอกสนใจเธอเกินกว่านักเรียนคนอื่น ๆ เว้นแต่ธนินที่จับตามองเธอสลับกับมองไปทางยศกฤตอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาที่นักเรียนคนอื่นในชั้นแนะนำตัว
หญิงสาวก้มลงมองบนเคานเตอร์กลางห้องด้านหน้าที่ตัวเองยืนอยู่ บนเคานเตอร์มีอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ วางเรียงรายอยู่ ตรงหน้านักเรียนแต่ละคนก็มีเหมือนกันคนละหนึ่งชุด
"ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำขนมกันนะคะ"
จารุดาเริ่มต้นการทำงานตามปกติ พยายามไม่สนใจท่าทางแปลก ๆ ของชายหนุ่มสองคนในชั้นเรียน เธอรู้ตัวว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้สวยเตะตาอย่างพวกดารานางแบบทั้งหลายซึ่งรูปร่างหน้าตาท่าทางอย่างธนินและยศกฤตนั้นน่าจะหาตัวเลือกจากกลุ่มสาวสวยเหล่านั้นได้สบาย ๆ
เกิดจะมีชายหนุ่มสองคนมาแสดงท่าทีสนใจเธอพร้อม ๆ กันแบบนี้ บางทีคุณยายจันทร์กับนิคมอาจจะไม่ได้คิดมากเกินไปอย่างที่เธอว่าก็ได้ อาจจะเป็นเธอเองที่คิดน้อยเกินไป
ช่วงพักของการเรียนสองชั่วโมงนักเรียนบางส่วนเลือกที่จะเดินไปหาร้านอาหารในศูนย์การค้าไม่ไกลจากโรงเรียน ส่วนหนึ่งรับประทานอาหารที่ร้านของโรงเรียนเองซึ่งมีลูกค้ามาลิ้มลองรสชาติอาหารสูตรของเชฟสาวสวยที่มีรายการสอนทำอาหารทางโทรทัศน์ต่อเนื่องมานานปี สำหรับครูอย่างจารุดานั้นทางโรงเรียนมีอาหารเตรียมไว้ให้ในห้องรับรองพิเศษ
สองหนุ่มที่จ้องครูสอนทำอาหารสาวมาตั้งแต่ในชั้นเรียนช่วงเช้าซึ่งเน้นที่การแนะนำอุปกรณ์และวัตถุดิบ จึงได้แต่นั่งรับประทานอาหารในร้านพลางมองไปทางห้องรับรองที่จารุดารีบเดินเข้าไปทันทีหลังจากปล่อยให้นักเรียนไปพัก
พอมองประตูนานเข้า จัดการกับอาหารกลางวันเสร็จไม่เห็นทีท่าว่าจารุดาจะออกมาจากห้องพัก ธนินและยศกฤตก็หันมามองกันเองด้วยสายตาอย่างกับเสือสองตัวจับจ้องกันเมื่อมีการแย่งอาณาเขตกันขึ้น
ธนินพยายามจะสะกดอารมณ์อยู่นาน หากสุดท้ายก็ไม่สามารถนิ่งได้เท่าอีกฝ่าย จึงเรียกบริกรเช็คบิลค่าอาหารวางเงินสดเอาไว้บนโต๊ะแล้วก้าวฉับไปนั่งตรงข้ามกับยศกฤต อารมณ์กรุ่นยิ่งปะทุขึ้นเมื่อเห็นว่ารายนั้นทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
"ต้องการอะไรกันแน่ ไอ้ยอร์จ"
"อะไรของแก ไอ้นิน"
ยศกฤตยังคงละเลียดหั่นชิ้นทีโบนสเต็ก ใช้ส้อมจิ้มส่งเข้าปาก ค่อยเคี้ยวอย่างใจเย็น ไม่สนใจว่าคนถามทำท่าเหมือนควันออกหู
"อย่ามาทำไขสือ ทำไมแกถึงมาลงเรียนคอร์สนี้ได้"
"เดินเข้ามาสมัคร จ่ายตังค์ ถึงเวลาก็มาเข้าเรียนก็เหมือนแกนั่นแหละ"
"ฉันหมายถึงเหตุผลที่แกมาเรียน"
"ฉันเป็นพวกใฝ่รู้น่ะสิ" ยศกฤตยิ้มกวน "เราเรียนมาด้วยกัน แกก็น่าจะรู้จักฉันบ้างไม่ใช่เหรอ"
"ฉันรู้ดีว่าแกมันพวกเจ้าเล่ห์น่ะสิ ที่แกมาลงเรียนกับจารุดา แกต้องหวังผลอะไรอย่างอื่นแน่"
ธนินชะงัก หวังผล...เขาเองก็หวังผลจากการพยายามเข้ามาตีสนิทจารุดา เพราะไม่อาจรออีกสามสัปดาห์กว่าจะเริ่มงานมหกรรมอาหารซึ่งจัดที่ลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าเดอะเบสท์ได้ และที่เขาต้องการเป็นเพื่อนกับหญิงสาวก็เพราะ...
"แกอย่าบอกนะว่า..."
"ฉันไม่มีอะไรจะบอกแกทั้งนั้นแหละ ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากหาความรู้ใส่ตัวจริง ๆ"
"ทายาทเจ้าของห้างไดมอนด์จะมาสนใจเรียนคอร์สเบเกอรี่สำหรับร้านกาแฟเนี่ยนะ"
"ไอ้นิน" ยศกฤตวางมีดและส้อมลงกับจาน ส่ายหน้าเล็กน้อยกับท่าทีของธนิน "แกเอง ก็เป็นทายาทเจ้าของห้างเดอะเบสท์เหมือนกัน ถ้าแกมาลงเรียนได้ ทำไมฉันจะเรียนบ้างไม่ได้ล่ะ"
"นี่ใจคอแกจะแข่งกับฉันทุกเรื่องใช่ไหมไอ้ยอร์จ"
"แข่งอะไรของแก"
"ทำไขสือไปเถอะ ขอบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่แกคิดทำไม่มีทางสำเร็จหรอก ฉันต้องชนะ"
"แกนี่บ้าแข่งจริงนะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่องว่าแกพูดอะไร"
ท่าทีมั่นใจของยศกฤตทำให้ธนินชักหวั่นใจ หากไม่ทันพูดอะไรต่อโทรศัพท์มือถือที่เปิดเป็นระบบสั่นเอาไว้ก็ส่งสั่นเตือนการโทรเข้า ชายหนุ่มมองชื่อบนหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับยศกฤต
"ฉันต้องชนะแก ไอ้ยอร์จ คอยดูไปเถอะ"
ชายหนุ่มผุกลุกขึ้นทันทีที่กล่าวจบเดินห่างออกมาหามุมที่ไกลจากผู้คนภายนอกอาคารแล้วกดรับสายผู้ให้กำเนิด
"มัวทำอะไรอยู่เจ้านิน"
"ก็มาทำงานให้พ่อนั่นแหละ หาทางใกล้ชิด ตีสนิท ขอซื้อที่ไง" ธนินมองซ้ายมองขวา "พ่อได้ข่าวห้างไดมอนด์บ้างรึเปล่า"
"เฮ้ย!"
เสียงผู้ให้กำเนิดร้องอย่างตกใจทำให้ชายหนุ่มต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู
"แกไปรู้อะไรมาเจ้านิน พ่อเองก็เพิ่งได้ข่าวมาว่าทางไดมอนด์ก็กำลังหาช่องทางขยายไปตามเมืองท่องเที่ยว แล้วก็เล็งที่ดินผืนเดียวกันกับทางเราเหมือนกัน"
"ว่าแล้วไม่ผิด" ธนินค่อยดึงโทรศัพท์มาเอ่ยตอบคุณบัณฑิต "ผมเจอเจ้ายอร์จน่ะสิพ่อ"
"เจอที่ไหน"
"ผมบอกพ่อแล้วใช่ไหมว่าผมมาลงเรียนที่โรงเรียนที่จารุดาสอน"
"นี่แกอย่าบอกนะ"
"ถ้าพ่อจะฟังความจริงผมก็ต้องบอกแล้วล่ะ ไอ้ยอร์จมันมาลงเรียนเหมือนกัน แสดงว่าทางไดมอนด์ก็หาข้อมูลเรื่องที่ดินนี่เหมือนกัน ถึงได้หาทางให้ไอ้ยอร์จมาตีสนิทกับจารุดา"
"แล้วนี่แกจะไหวเหรอเจ้านิน"
"ผมไม่มีทางแพ้ไอ้ยอร์จแน่พ่อ"
"เอาให้แน่นะ ไอ้หนุ่มคนนี้มันไม่เบา ชิงงานเปิดตัวสินค้าใหญ่ ๆ ที่เราเล็งไว้ไปได้หลายหน"
คำพูดขอบคุณบัณฑิตยิ่งทำให้ธนินหงุดหงิด เขาและยศกฤตรับผิดชอบงานส่วนเดียวกัน แข่งขันกันอยู่ในทีและหลายครั้งที่เขาพลาดท่าเสียที โดนยศกฤตแย่งงานใหญ่ไปได้
"แต่ครั้งนี้ผมไม่พลาดแน่พ่อ"
ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายกับบิดาอย่างมาดมั่น รู้สึกว่าจะต้องบรรลุแผนที่จะขอซื้อที่ดินแปลงงามนั้นจากจารุดาให้สำเร็จ จากก่อนหน้าที่ยอมทำตามแผนของพ่อแบบไม่เต็มใจนัก ยศกฤตเป็นคู่แข่งที่เอาชนะเขาได้หลายครั้งมาตั้งแต่สมัยเรียนร่วมสถาบันไม่ว่าจะเปิดเรื่องเรียนหรือเรื่องผู้หญิง
ธนินกำลังเก็บโทรศัพท์กลับลงกระเป๋ากางเกงเมื่อรถยนต์ญี่ปุ่นขนาดกลางคันหนึ่งแล่นมาจอดไม่ไกลนัก คนที่เขาคุ้นหน้าคนหนึ่งก้าวลงมา โบกไม้โบกมือให้เขาอย่างยินดี
"คุณธนิน ดีใจจังเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่"
แม่นิกกี้สาวไม่แท้เดินลิ่วเข้ามาโดยที่ธนินไม่ทันได้ตั้งตัว จะขยับหนีไปไหนก็ไม่ได้ ความมั่นใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
ถึงว่าสิ จารุดาหลานสาวคุณยายจันทร์ยึดห้องรับรองเป็นที่มั่นไม่ยอมออกมา ที่แท้ก็เรียกกำลังเสริมนี่เอง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2555, 21:40:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2555, 21:40:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 3623
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |

กมลภัทร 21 ต.ค. 2555, 21:47:32 น.
ของขวัญ >>> part อดีต อาจต้องเล่ายาวนิดนึงครับ ^^
nateetip >>> หวังว่าจะคงสนุกกับการอ่านไปเรื่อย ๆ นะครับ
แล่นแต๊ >>> มีคู่แข่งมาอีกคน
bluelily >>> 555 มีคนเดียวก็น่ากลัวแล้วป่ะ
wane >>>> ตอนที่ผ่านมานี่ เรียก "นิคม" เพราะพูดกับพระเอกครับ ตอนแรกเหมือนเผลอมากกว่า ^^
lovemuay >>> พ่อนางเอกไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ยายไม่ชอบผู้ชายครับ
panon >>>
dee_jung >>> จริง ๆ นิกกี้ ก็เหมือนชื่อกลาง ๆ ป่ะครับ บ้านเรามี นิกกี้ เด็กผีอ่ะครับที่นึกออก
ดารัณ >>> พยายามปั่นมาก ๆ ครับ ^^
เพียงพลอย >>> จริง ๆ ด้วยบุคลิกนางเอก มันก็ไม่ดราม่ามากนะ นางไม่ใช่พวกอมทุกข์ แต่ part อดีตที่มาของอาการเกลียดผู้ชายของยายจันทร์ อาจจะดราม่านิดนึง
RdoubleC >>> ตอนนี้ยังตุนไว้ได้ไม่มากครับ เลยลงที่วันเลขท้าย 1 (วันที่ 1 11 21 ส่วน 31 รวบไปกับ 1 นะครับ) สัญญาว่าถ้าตุนต้นฉบับได้เยอะกว่านี้ แต่งใกล้จบจะลงถี่ขึ้นครับ(น่าจะได้อาทิตย์ละตอนเหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา)
ของขวัญ >>> part อดีต อาจต้องเล่ายาวนิดนึงครับ ^^
nateetip >>> หวังว่าจะคงสนุกกับการอ่านไปเรื่อย ๆ นะครับ
แล่นแต๊ >>> มีคู่แข่งมาอีกคน
bluelily >>> 555 มีคนเดียวก็น่ากลัวแล้วป่ะ
wane >>>> ตอนที่ผ่านมานี่ เรียก "นิคม" เพราะพูดกับพระเอกครับ ตอนแรกเหมือนเผลอมากกว่า ^^
lovemuay >>> พ่อนางเอกไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ยายไม่ชอบผู้ชายครับ
panon >>>

dee_jung >>> จริง ๆ นิกกี้ ก็เหมือนชื่อกลาง ๆ ป่ะครับ บ้านเรามี นิกกี้ เด็กผีอ่ะครับที่นึกออก
ดารัณ >>> พยายามปั่นมาก ๆ ครับ ^^
เพียงพลอย >>> จริง ๆ ด้วยบุคลิกนางเอก มันก็ไม่ดราม่ามากนะ นางไม่ใช่พวกอมทุกข์ แต่ part อดีตที่มาของอาการเกลียดผู้ชายของยายจันทร์ อาจจะดราม่านิดนึง
RdoubleC >>> ตอนนี้ยังตุนไว้ได้ไม่มากครับ เลยลงที่วันเลขท้าย 1 (วันที่ 1 11 21 ส่วน 31 รวบไปกับ 1 นะครับ) สัญญาว่าถ้าตุนต้นฉบับได้เยอะกว่านี้ แต่งใกล้จบจะลงถี่ขึ้นครับ(น่าจะได้อาทิตย์ละตอนเหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา)

ของขวัญ 21 ต.ค. 2555, 23:23:57 น.
หวังว่าพระเอกของเราคงได้ตัวช่วยนะคะ
หวังว่าพระเอกของเราคงได้ตัวช่วยนะคะ

lovemuay 22 ต.ค. 2555, 06:25:56 น.
แย่งกันจีบนางเอกเพื่อที่ดิน นางเอกรู้เข้าจะโกรธเอาน้า
แย่งกันจีบนางเอกเพื่อที่ดิน นางเอกรู้เข้าจะโกรธเอาน้า

panon 22 ต.ค. 2555, 09:24:41 น.
เงินนี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆๆผลประโยชน์ทำได้ทุกอย่างเดี๋ยวพอเวลาที่รักหลานของยายจันทร์เข้ามาจริงๆๆจะหนาววววววว
เงินนี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆๆผลประโยชน์ทำได้ทุกอย่างเดี๋ยวพอเวลาที่รักหลานของยายจันทร์เข้ามาจริงๆๆจะหนาววววววว

nasa 22 ต.ค. 2555, 17:31:52 น.
นานๆ จะเห็นพระเอกมีคู่แข่งที่ตัวเองสู้ไม่ค่อยได้ งานนี้บอดี้การ์ดนิกกี้จะเลือกไม่ถูกซะมั้ง
นานๆ จะเห็นพระเอกมีคู่แข่งที่ตัวเองสู้ไม่ค่อยได้ งานนี้บอดี้การ์ดนิกกี้จะเลือกไม่ถูกซะมั้ง

wane 23 ต.ค. 2555, 00:41:09 น.
ธนินทำมากลัวนิกกี้ ถ้าไม่เข้าทางนี้ ไม่มีทางถึงตัวหลานสาวยายจันทร์แน่ๆ
ธนินทำมากลัวนิกกี้ ถ้าไม่เข้าทางนี้ ไม่มีทางถึงตัวหลานสาวยายจันทร์แน่ๆ