ไร่แห้วไม่จำกัดรัก
น้ำ ลมและดอยต่างก็เป็นเด็กำพร้าที่อาศัยอยู่ในไร่แห้ว พวกเขากำลังจะได้พบกับความรักที่หลากหลาย และอาจได้ค้นพบหัวใจของตัวเอง
Tags: รัก แห้ว

ตอน: 09เพชรในป่า

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 9 เพชรในป่า

เสียงผู้คนพูดคุยกันต่อแถวกัน เดินอยู่เต็มถนนคนเดินเมืองเชียงราย พ่อค้าแม่ค้าต่างวางของขายให้คนต่างจังหวัดต่างอำเภอ มีการแสดงของนักเรียนอยู่เป็นระยะ

วันนี้อรรณแต่งตัวสวยในชุดไทยล้านนาโบราณ เครื่องประดับเต็มยศ ในฐานะตัวแทนอำเภอมาช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมล้านนา แม้จะอึดอัด แต่เธอก็ยอมทำตามคำขอร้องของปลัดอำเภอ

ช่วงนี้ศิขาก็หายหน้าไปอีก ด้วยงานราชการเกี่ยวข้องกับพ่อค้ายาเสพติดชาวโคลัมเบียที่เข้ามาในประเทศ เธอก็ไม่ถามรายละเอียด แต่ก็นึกแปลกใจ เพราะเขาเหมือนพยายามจะเล่า เธอก็ได้แต่ทำงานต่อไม่สนใจเท่าไรนัก

ที่งานนี้มีทุกวันเสาร์ งานท้องถิ่นบ้าง เสื้อยืดหลากหลายลายบ้าง แต่ก็สะท้อนความเป็นท้องถิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ถึงเวลาอรรณก็ขึ้นไปฟ้อนรำตามความถนัดเดิม เมื่อครั้งก่อนเธอจะไปเรียนต่อเมืองนอก เธอก็เคยออกงานรำมาก่อน

“น้ำนี่ นอกจากจะสวยแล้วยังเก่งอีกนะ รำสวยเชียว เห็นก็ขนลุก ประทับใจ” นงลักษณ์พูดอย่างชื่นชม

“พ่อไม่ได้มาถนนคนเดินนาน คนเยอะขึ้นนะ เสียดาย แม่ของลูกไม่ชอบคนเยอะๆ เลยไม่มา” ผู้กำกับสุชาติโอบไหล่ลูกสาวไว้ไม่ใช่คนอื่นเข้ามาวุ่นวาย ขณะที่ว่าที่ลูกเขยอ่านหนังสืออยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก แม้ลังเลใจอยู่บ้าง แต่เท่าที่ลูกสาวเล่า เห็นทีจะดูคนไม่ผิด

กลัวก็แต่...จะเป็นเกย์มากกว่า

นงลักษณ์รู้ว่าแม่ไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับคนบ้านนี้ เพราะมีแต่ลูกกำพร้า ไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของยายแจ่มจันทร์ จึงตั้งท่ารังเกียจ จังไม่ยอมมามากกว่า

“พ่ออยากถามลูกหน่อย ดอยเขา เอ่อ ไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหม” สุชาติถามลูกสาวให้แน่ใจ

“ไม่จ๊ะ พ่อ เคยยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกย์จ๊ะ เพียงแต่ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงเท่าไรจ๊ะ ชอบพวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ แล้วก็ดูดาว ถ้าเป็นผู้หญิงขี้เบื่อก็คงเบื่อจ๊ะ พ่อ” นงลักษณ์พูดแล้วก็ยิ้ม ถึงเรื่องนักศึกษาจะกินใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังทำใจได้

“แล้วหนูจะเบื่อไหม” สุชาติเลียบเคียงถามให้แน่ใจว่าไม่ได้บังคับลูกสาวมากเกินไปนัก

“พ่อน่ะ ถามอะไรอย่างนั้น หนูจะไปเบื่ออะไรได้ ก็น้องนุง” นงลักษณ์แกล้งพูดเฉไฉ

“น้องนุงอะไร ถ้าพิงค์พอใจก็แต่งงานกับดอยได้ พ่อก็สนับสนุนอยู่ อย่าไปสนใจแม่กับบลูเลย ปวดหัวตาย” สุชาติบอกตามใจ ท่าทางลูกสาวจะเริ่มมีใจให้คนที่ใครก็ว่าน่าเบื่ออย่างธรา

รักครั้งนี้...เขาหวังว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ครั้งแรกนั้นลูกสาวเขาทุ่มเทมาก ทุ่มเทให้ได้รัก ทุ่มเทเพื่อรักษาความรัก แม้ยอมให้ว่าที่แม่ผัวค่อนขอดว่าเป็นแค่ครูบ้านนอกก็ยอม ทั้งที่เป็นถึงลูกสาวผู้กำกับ แต่เพราะไม่ค่อยมีเงินทองมากมาย ทำให้คนอื่นดูหมิ่น

*************************************


หญิงสาวถอนหายใจยาว เมื่อลงจากเวทีก็ต้องออกมารับหน้าคนที่ซุ้มอีก เธอต้องมีน้องสาวคอยหาอาหารให้กิน

“เหนื่อยไหม พี่น้ำ” อภิรมย์เป็นห่วงพี่สาว เพราะทานอาหารอย่างเหนื่อยๆ

“อืม แต่ทนไหวอยู่นะ” อรรณรีบกินแล้วก็มองคนโปรยยิ้ม

สักพักก็มีคนต่างชาติเข้ามาขอถ่ายภาพ เธอก็ปั้นยิ้มอีกที แต่มีอีกกลุ่มเข้ามา เธอก็ยิ้มให้คนรู้จัก “สวัสดีค่ะ คุณภัทร”

“คุณน้ำยังจำผมได้อีก ผมพาเพื่อนมาด้วย นี่มิสเตอร์กอนซาเลสมาเที่ยวเมืองไทยครับ” ภัทรแนะนำเพื่อนให้รู้จัก จริงๆ ต้องบอกว่าเพื่อนของเพื่อนมากกว่า แต่เพราะเขาว่าง เพื่อนจึงขอให้พามาด้วย

“ผู้หญิงเอเชียสวยๆ เยอะจริงๆ ถึงรูปร่างจะไม่เร้าใจเท่าสาวลาติน แต่ก็พอดูได้นะ ผิวสีอ่อนไปหน่อย” ซานโตสวิจารณ์ เพราะเข้าใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ฟังไม่รู้เรื่อง

“อย่าพูดแบบนั้น ผู้หญิงเอเชียถือตัว เขาไม่ยอมเปิดเผยร่างกายให้ผู้ชายเห็นง่ายๆ หรอก ไม่เหมือนสาวลาตินที่ชอบโชว์ความสวยของตัวเอง” ภัทรอธิบายไปตามเรื่อง เขาไม่สนิทกับเพื่อนของเพื่อนคนนี้ แต่เคยพูดคุยกันดี และดูเหมือนจะเป็นคนสำคัญ เพราะมีคนตามเป็นพรวนอยู่

“ฉันก็ยังคิดว่าผู้หญิงที่มีความมั่นใจ น่าสนใจว่าผู้หญิงที่เงียบๆ ผู้หญิงต้องกล้าได้กล้าเสียถึงจะดี” ซานโตสจำอรรณไม่ได้แน่นอน เพราะตอนนั้นอรรณแต่งหน้าเข้มกว่านี้และแต่งตัวทันสมัยดูดีในสายตาเขา ผิดกับตอนนี้ไม่ใช่เสปกเขาเลย

“ผู้หญิงเอเชียไม่ใช่กระดาษชำระ จะได้คอยวางไว้ใกล้สะดวกมือ นึกอยากดึงทิ้งเล่นเมื่อไรก็ได้ จึงสงวนเนื้อสงวนตัวมากและเปิดเผยให้น้อย ผู้ชายที่ไม่มีความพยายามก็ไม่ควรได้สิ่งที่ค่าหรอกนะคะ” อรรณพูดจาฉะฉานเสียงดัง พอให้ผู้ชายสองคนที่คิดนินทาผู้หญิงได้ยินชัดเจน

“พูดอังกฤษได้ด้วย” ซานโตสยิ้มเยาะ ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด

“พูดสเปนก็ได้ค่ะ แต่ไม่อยากพูดกลัวผิด เมื่อก่อนฉันมีเพื่อนเป็นสาวลาติน พอฟังรู้เรื่อง ถึงสำเนียงฉันจะไม่ได้ก็ตามที ขอตัวก่อนนะคะ อากาศร้อนหิวน้ำค่ะ” อรรณคิดจะเดินกลับไปหลังฉาก แต่โดนซานโตสดึงแขนเอาไว้

“ถ้าคิดว่าสาวเอเชียมีดี ก็แสดงให้ดูหน่อยว่ามีดียังไง ถึงเก็บเอาไว้ คิดว่าคงไม่ใช่เพราะแกล้งทำเป็นมีดี แต่ไม่แสดงออกหรอกนะ” ซานโตสพูดสองแง่สองง่าม แต่อรรณก็เข้าใจ

“ฉันไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้คุณ หรือใครรู้หรอกว่าฉันมีดียังไง เพราะชีวิตฉันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงอย่างพวกคุณ ฉันเข้าใจว่าปกติคุณไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิงถึงได้ทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้” อรรณพูดกระทบกระเทียบเข้าให้ ท่าทางไม่เกรงกลัวหรือสนใจเขาทำให้เขายิ้มออก

“คุณน้ำครับ มิสเตอร์ซาสโตสเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับ เขาไม่รู้ธรรมเนียมบ้านเรา ว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนก็แตะเนื้อต้องตัวได้ ผมขอโทษจริงๆ ปล่อยคุณน้ำเถอะนะครับ ขออย่ามีเรื่องกันเลย” ภัทรพยายามไกล่เกลี่ย เพราะเขาชอบเธออยู่มาก

“อ๋อ ขอโทษ ฉันแค่ใจเร็วไปหน่อย ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่นี่หวงตัวด้วย เท่าที่เจอมาก็เห็นสบายเนื้อสบายตัวล่ะนะ” ซานโตสพูดในเชิงดูถูก แต่สายตาก็มองผู้หญิงสวยฝีปากจัดจ้าน

เมื่อเขาปล่อยแล้ว อรรณก็เดินเข้าไปหลังฉากทันที โดยไม่พูดอะไรอีก ใจนึกโกรธอยู่มาก แต่ก็ดื่มน้ำเพื่อให้ใจเย็นลง ก่อนจะมีคนเข้ามาทางด้านหลัง

“อ้าวพี่น้ำ กลับมาแล้วเหรอ ลมเพิ่งจะไปซื้อขนมมาแหนะ แล้วนี่มีคนมาขอถ่ายรูปพี่ด้วยนะ เขาบอกว่าอยากถ่ายด้านหลังอ่ะ” อภิรมย์พาผู้ชายอายุมากคนหนึ่งเข้ามา ท่าทางดูไม่ใช่ชายแท้ แต่ก็ไม่กระไรนัก

“ยินดีค่ะ” อรรณต้อนรับอย่างดี และปรับท่าทีได้อย่างสบายใจ

เมื่อถ่ายภาพเสร็จ ทางนั้นก็บอกเธอว่าจะเอารูปไปทำอะไร โดยยื่นนามบัตรให้และบอกว่ามาจากนิตยสารชื่อดัง ‘แจ๋ว’ และเจ้าตัวก็ออกตัวดี “คงไม่ว่านะฮะ พี่จะเอาไปลงนิตยสารแจ๋ว เมื่อกี้ถ่ายภาพบนเวทีแล้วก็อยากจะสัมภาษณ์อะไรหน่อยน่ะค่ะ”

“เอ่อ ดิฉันคงไม่มีอะไรให้สัมภาษณ์หรอกค่ะ คือทางอำเภอน่าจะมีมากกว่านะคะ ฉันก็แค่คนทำงานเท่านั้นเอง” อรรณออกตัวถอยมากกว่าจะรับ เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบในท้องถิ่นเล็กๆ

“พี่น้ำก็ตอบไปเถอะ ถือเป็นการโปรโมทอำเภอเราด้วยไง” อภิรมย์กลับไม่เข้าใจ เห็นว่าดีต่อธุรกิจท้องถิ่น จึงเห็นด้วยกับคนทำนิตยสารมากกว่า

“อยากทราบประวัติคุณน้องเล็กน้อย จะได้ลงรายละเอียด เรื่องวัฒนธรรมต่างๆ คุณพี่ได้รับข้อมูลมาหมดแล้วฮะ สนใจก็แต่คุณน้อง แหม สวยจับตาแบบนี้ ไม่คิดจะไปเป็นดาราในกรุงเทพบ้างเหรอฮะ” ตั้มถามเข้าประเด็น เพราะใจก็อยากได้ไปเป็นนางแบบหน้าปกมากกว่าดาราดังหลายคนที่ถ่ายจนเบื่อหมดแล้ว

“อุ๊ย คงไม่เหมาะหรอกค่ะ ปกติฉันอยู่แต่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหน แล้วก็ไม่ค่อยได้แต่งตัวแบบนี้ นี่งานพิเศษจริงๆ เพราะนายอำเภอสนิทกับคุณยาย ฉันก็เลยรับปากมาช่วยงานค่ะ” อรรณอธิบายตามตรง

“แหมๆ เสียดายจริงๆ นะฮะ คุณน้อง หน้าตาอย่างคุณน้องเนี่ย รับรองว่าอนาคตในวงการบันเทิงไปได้ไกลเลยนะฮะ ดูไปดูมา ก็คล้ายคุณหญิงญาดาสมัยสาวๆ เลยนะเนี่ย” ตั้มก็เริ่มตั้งข้อสังเกต

อรรณก็หัวเราะได้น่ารัก ก่อนจะตอบ “ฉันไม่รู้จักคุณหญิงคุณนายหรอกค่ะ อย่างที่บอกอยู่แต่ในป่าในเขา จะไปรู้จักคุณหญิงคุณนายได้ยังไงล่ะคะ”

ตั้มก็หัวเราะเห็นด้วย “แต่แหม ถ้าใครบอกเป็นหลานสาวคุณหญิงญาดา ก็ต้องมีคนเชื่อแหละฮะ ไม่เชื่อจะเอาภาพให้ดูนะฮะ” จากนั้นก็จัดการควักเอาแท็ปเลตออกมา แล้วออนไลน์เปิดให้ดู

“เนี่ยเห็นไหมฮะ นี่ตอนสูงวัยแล้วนะฮะ นี่ตอนสาวๆ พอดีพี่ติดภาพมาในนิตยสารมาด้วย เพิ่งวางแผงไปนี่เองฮะ” ตั้มสไลด์ภาพให้ดูอย่างใส่ใจ

อรรณดูแค่ผ่านๆ ไม่สนใจเท่าไรนัก ก่อนจะส่ายหน้า “ฉันไม่รู้จักท่านหรอกค่ะ คนเราก็มีโอกาสจะเหมือนกันได้นะคะ ฉันเกิดมาก็อยู่ที่เชียงรายตลอด ยกเว้นตอนที่ไปเรียนต่อเมืองนอก เท่านั้นแหละค่ะ ไปเกือบสิบปี นี่ก็กลับมาไม่ถึงปี ไม่มีเวลาไปรู้จักใครด้วยค่ะ”

“เด็กนอกด้วย ต๊ายตาย! ไม่บอกใครจะรู้ล่ะฮะ แหม คุณสมบัติเยอะแบบนี้ ถ้าไปถ่ายแบบแสดงหนังแสดงละครต้องรุ่งแน่ๆ ฮะ ว่าแต่อยู่ที่นี่ คุณน้องทำงานอะไรเป็นหลักเหรอฮะ” ตั้มถามอย่างสนใจ และรีบไปเรื่อยๆ เผื่อฟลุ๊ก

“อ๋อ พี่น้ำเป็นชาวสวนนี่แหละฮะ เหมือนผมเหมือนอีกหลายคนในท้องถิ่น” อภิรมย์ตอบแทน ก่อนมองพี่ชายเดินเข้ามาพร้อมหนังสือกับแก้วน้ำ โดยมีผู้กำกับสุชาติกับนงลักษณ์มาด้วย “คุณลุงเหนื่อยยังฮะ นั่งก่อนฮะ”

“เป็นชาวสวนจบนอก ไม่เสียดายความรู้ที่ได้เรียนมาเหรอฮะ ว่าแต่คุณน้องไปเรียนอะไรมาเหรอฮะ” ตั้มก็ถามเก็บข้อมูลเป็นการใหญ่ เพราะสนใจประวัติไม่ธรรมดาของอรรณ

“ฉันเรียนจบบริหารทั้งตรีทั้งโทค่ะ แต่ก็ไม่เสียดายความรู้หรอกนะคะ เป็นนักลงทุนอยู่ที่ไหนก็ทำได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองหรอกนะคะ” อรรณอธิบายไปตามเรื่อง โล่งใจที่ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีกพัก

“โห! คุณน้องนี่ไฮโซมากเลยนะฮะ” ตั้มก็จีบปากจีบคอตื่นตาตื่นใจไปเรื่อยๆ

“พี่น้ำไม่บอกไปล่ะฮะว่า จบฮาร์วาร์ดมา พี่น้ำของพวกเราเรียนเก่งจะตาย” อภิรมย์พูดอย่างภูมิใจ ทำเอาอรรณค้อน เพราะไม่อยกาพูดละเอียดแบบนี้

“ฮาร์วาร์ด? จริงเหรอ น้องน้ำ” สุชาติถามอย่างแปลกใจ เพราะป้าเขาไม่เคยเล่า รู้แต่ไปจบนอก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเรียนที่ไหนยังไง

“ค่ะ คุณลุง” อรรณตอบ ก่อนมองหนุ่มใหญ่จดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด

“โห! น้ำไม่บอกพี่บ้าง วันๆ เห็นอยู่ในห้องเล่นคอม นึกว่าเล่นเกมเล่นแชทเสียอีก” นงลักษณ์เห็นอีกฝากเก็บเงียบก็ตื่นเต้นบ้าง

“พี่น้ำเขาดูหุ้นสั่งซื้อหุ้นต่างหากล่ะ พี่พิงค์ บางทีเขาก็เข้าไปดูร้านอาหาร ร้านดอกไม้เฟรนไชด์ที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ พี่น้ำเขาลงทุนไว้เยอะ จนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรแล้ว” อภิรมย์ได้ทีก็เล่าความ เพราะพี่สาวไม่เคยยกตนข่มท่าน จึงไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวเท่าไรนัก

“พอเถอะ ลม ขี้โม้จริงนะ เรา ร้านอาหารกับร้านดอกไม้ น้ำก็แค่หุ้นส่วนชั่วคราวค่ะ เพื่อนได้เงินเมื่อไร ก็เอามาซื้อหุ้นคืนไป แต่ที่น้ำเข้าไปดู เป็นหุ้นที่น้ำลงทุนไว้กับบริษัทชั้นนำมากกว่า ต้องดูข้อมูลไว้จะได้ไม่ลงทุนพลาดมากกว่าค่ะ ของใหม่ๆ น้ำไม่ได้ลงทุนอะไรเพิ่ม พี่พิงค์ก็ไม่ต้องงงนะคะ เรื่องพวกนี้มันซับซ้อนเกินไป” อรรณพูดตามความรู้และความชำนาญ

“แหม ไม่คิดว่าจะมาเจอเพชรในป่าแบบนี้นะฮะ เปิดหูเปิดตาคุณพี่ขึ้นเยอะ อายุคุณน้องแค่นี้ แต่อนาคตไกลมากเลยนะฮะ ทันสมัยอีกต่างหาก คุณพี่ขอเอาเรื่องคุณน้องไปทำเป็นคอลัมน์ได้ไหมฮะ อยากจะติดต่อขอให้ไปถ่ายภาพในเล่มให้ด้วยได้ไหมฮะ” ตั้มรีบจีบก่อนจะเปลี่ยนใจ

“ได้เงินไหมฮะ” อภิรมย์รีบทำตัวเป็นผู้จัดการถามขึ้น

“แหม ได้สิฮะ คุณน้องลม นิตยสารคุณพี่เป็นนิตยสารที่ไม่เคยเอาเปรียบใครนะฮะ” ตั้มพูดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้ว่าคนถามถามอย่างจริงใจไม่ใช่ประชดประชัน

“ไปเถอะ พี่น้ำ ลมอยากไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปมานานแล้ว” อภิรมย์รีบเชียร์

“ว่าไปนั่น จะต้องเก็บหัวแห้วอยู่แล้วนะ จะเอาเวลาที่ไหนไป อีกอย่างพี่เขาก็คงไม่มีเวลามารอเราลงไปถ่ายภาพให้หรอกจริงไหมคะ” อรรณหันไปถามตั้มตามสะดวก

“แห้วเหรอฮะ?” ตั้มถามเป็นงง นึกว่าหัวแห้วที่ว่าเป็นเรื่องพูดเล่น

“ค่ะ แห้ว ที่บ้านปลูกแห้วส่งออกน่ะค่ะ เมื่อก่อนแถวนี้ปลูกกันเป็นเจ้าแรกๆ หลังๆ มีอยู่แค่ไม่กี่ที่ค่ะที่ปลูก ก็เป็นที่บ้านของฉันเองค่ะ” อรรณอธิบาย

“แห้วที่กินได้เนี่ยนะฮะ” ตั้มถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

“ใช่ค่ะ แห้วที่เอามาทำแห้วกระป๋อง ทำทับทิมกรอบเนี่ยแหละค่ะ” อรรณย้ำอีกครั้ง เพราะพักหลังคนนิยมปลูกกันมากที่สุพรรณบุรี ไม่ใช่ที่เชียงราย

“ว๊ายตาย! ขอโทษนะฮะ ที่คุณพี่ถามมาก เพราะคิดว่าคุณน้องชอบแจกแห้วหนุ่มๆ” ตั้มหัวเราะกลบเกลื่อนความเข้าใจผิดของตัวเอง

“เมื่อก่อนใครๆ ก็เรียกพี่น้ำว่าแม่สาวแห้วฮะ เพราะพี่น้ำชอบแจกแห้วหนุ่มๆ จริงๆ นั่นแหละ” อภิรมย์เล่าแล้วก็หัวเราะ ชวนให้คนอื่นหัวเราะตาม

“แหมๆ มีประวัติน่าสนใจจริงๆ ด้วย เหมาะเลยฮะ เอาเป็นว่าพี่ขอนัดคิวเลยนะฮะ อีกสองฉบับพี่จะแทรกคิวให้ฮะ นี่เบอร์พี่ อีเมล ทวิสเตอร์แล้วก็เฟสบุ๊คพี่ ขอของคุณน้องด้วยฮะ” ตั้มก็หันสมุดไปให้จด

อรรณจึงได้แต่รับงานเท่านั้น เพราะคงเก็บเกี่ยวหัวแห้วไม่นานอย่างนั้น แล้วก็จะลงรุ่นใหม่ ดูที่สภาพอากาศอีกที

“คุณพี่รบกวนแค่นี้ก่อนนะฮะ วันหลังจะรบกวนใหม่ สวัสดีฮะ” ตั้มได้ข้อมูลน่าสนใจไปเพียบก็ขอตัวก่อน เพราะดูตามน้ำใจแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไรนัก

อรรณหันไปมองน้องสาวตัวดี ทำหน้าดุๆ ส่วนอภิรมย์รู้ตัวก็รีบชิ่งทันที

“อย่าไปดุน้องเลยนะ น้ำ ลมเขาภูมิใจที่มีพี่สาวเก่ง เขาก็อยากจะอวดเป็นธรรมดา นี่ถ้าพี่รู้นะ พี่ก็ต้องหาทางอวดจนได้ ก็พี่มีน้องสาวเก่งนี่นะ จะว่าไป บ้านนี้ก็เก่งกันทั้งบ้านใช่ไหมคะ คุณพ่อ” นงลักษณ์ไกล่เกลี่ยแทนน้องสาวอีกคน

“นั่นสิ เก่งจริงๆ ลุงได้ฟังแบบนี้ก็สบายใจ พอฝากผีฝากไข้ของพิงค์ไว้กับบ้านนี้ได้บ้างนะ” สุชาติพูดแล้วตบไหล่ว่าที่ลูกเขยที่สนใจอ่านหนังสือป่านแว่นตาหนาๆ

ธราเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่ไหล่ ทำท่าทีเงอะงะงุนงงว่าคุยเรื่องอะไรกัน ก่อนจะรับคำ “ครับๆ”

“นี่รู้บ้างรึเปล่า ว่าพ่อพี่พูดอะไรน่ะ” นงลักษณ์ก็ดุว่าที่สามีเข้าให้ ถึงอย่างไรก็เป็นน้องที่เคยวิ่งเล่นกันตอนเด็ก

ธรากรอกตาไปมาก่อนส่ายหน้า ทำเอาคนอื่นส่ายหน้าไปด้วย หากสุชาติไม่ถือสา

“มีสามีอยู่ในโอวาท ก็ดีอย่างนี้แหละนะ น้องพิงค์” สุชาติพูดล้อหลานชาย

อรรณหัวเราะ เพราะน้องชายก็ไม่ปฏิเสธ และยิ้มแห้งๆ ต่อไปอย่างไร้เดียงสา ท่าทางจะต้องดูแลกันอีกนาน

“แต่ก็อย่าดุดอยมากนะ ลูก เดี๋ยวเกิดวันหน้าดอยทนไม่ไหวขึ้นมา เราเนี่ยแหละจะเสียใจ” สุชาติสอนลูกสาว เพราะถึงอย่างไรผู้ชายก็คือผู้ชาย และคนทุกคนย่อมมีขีดจำกัดความอดทนที่แตกต่างกัน

“คุณพ่อพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะได้แต่งกันไหม ดอยอาจจะไม่อยากแต่งกับสาวแก่อย่างหนูก็ได้ค่ะ” นงลักษณ์ฟังพ่อพูดแล้วก็เกิดเขินขึ้นมา ทำให้สิ่งที่พ่อเธอคาดเดานั้นน่าจะเป็นความจริง...ลูกสาวต้องมีใจแน่นอน

“แต่งครับ ถ้าพี่พิงค์อยากแต่ง” ธราพูดโพล่งออกมา เขาไม่คิดมากแต่แรกแล้ว

“เอาไว้ดอยรักพี่แล้วค่อยมาว่ากัน” นงลักษณ์ก็ถือทิฐิขึ้นมา เมื่อนึกถึงนักศึกษาสาวคนนั้น

“พอก่อนดีไหมคะ ค่อยๆ คิดไปเรื่อย จะได้มีสติ การจะมีชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อารมณ์แต่เพียงฝ่ายเดียว เราต้องค่อยๆ ทบทวนและใช้เวลาในการพิเคราะห์ คุณลุงเห็นว่าไงคะ” อรรณต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยแทนน้องชาย เพราะเรื่องครั้งนั้นเธอก็ได้ยินพี่สาวโวยวายใหญ่โตพอดู

“ลุงเห็นด้วยนะ แต่นี่ก็ใกล้ครบกำหนดหกเดือนแล้ว อีกไม่กี่เดือนเอง ยังไงก็ทบทวนกันให้ดีล่ะ” สุชาติฝากทิ้งท้ายเพราะไม่อยากให้ลืมกำหนดเวลาที่มีกัน

อรรณเห็นด้วย แต่ก็ต้องขอตัวออกไปหน้าฉาก เพื่อถ่ายภาพต่อ เมื่อออกมาก็ต้องตกใจ เพราะภัทรกับซานโตสและคนติดตามกลับมาอีกรอบ

“ผมอยากมาทำความเข้าใจเสียใหม่ ผมไม่ได้คิดถึงผู้หญิงเอเชียอย่างดูถูกหรอกนะ ผมแค่พูดตามสิ่งที่เห็นเท่านั้น” ซาสโตสเดินออกไปจากซุ้มแล้ว แต่คิดไปคิดมาก็ย้อนกลับมาใหม่ รู้สึกสนใจแม่วางปากกล้าขึ้นมาบ้าง

“ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ” อรรณตัดบทขี้เกียจฟังคำอธิบาย เพราะอนาคตข้างหน้าเธอคงไม่ได้เจอเขาอีก

“คุณน้ำ อย่าคิดมากเลยนะครับ วิธีคิดและวัฒนธรรมของเราแตกต่างกับเขา เขาก็เลยพูดไปแบบนั้น” ภัทรรีบออกตัว เพราะกลัวจะกลับมาจีบเธอไม่ได้

“ค่ะ ฉันเข้าใจ ขอตัวทำงานต่อให้จบดีกว่านะคะ คนของคุณขวางทางคนอื่นอยู่ค่ะ ช่วยหลีกทางด้วย” อรรณออกปากไล่อ้อมๆ และไม่มีท่าทีเป็นมิตรด้วย

“ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ว่า ผู้หญิงเอเชียไม่ได้เป็นอยย่างที่ผมเข้าใจบ้างไม่ได้เหรอ ก็เพราะผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบอื่น แล้วจะให้ผมคิดยังไงได้ล่ะ” ซานโตสเอื้อมไปจับข้อมือเธอ แต่เขาก็ต้องปล่อย เมื่อมีผู้ชายอีกคนเข้ามาแทรกกลาง

“ปล่อยมือคนรักของผมได้แล้ว คุณไม่ควรทำกิริยาห่ามๆ กับคนรักของผม” ศิขายืนจ้องมองอย่างขวางๆ

ถึงแม้จะเป็นเรื่องของงาน แต่เขาก็ไม่ยอมให้อรรณถูกล่วงเกินไปมากกว่านี้ เขายืนมองเหตุการณ์แต่แรกแล้ว แต่ต้องสะกดใจให้เย็นและนิ่งไว้ มองอยู่ห่างๆ โดยไม่เข้ามายุ่ง แต่พอเป็นครั้งที่สอง เขาก็ต้องเข้ามาแทรกแซงแล้ว เพราะไม่ยอมให้เธอต้องเผชิญหน้ากับปัญหาคนเดียว

“แหม ผู้กอง คุณซาสโตสเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ เขาเคยชินกับวัฒนธรรมต่างชาติน่ะครับ” ภัทรพยายามไกล่เกลี่ย

“แล้วยังไง จะต่างชาติต่างภาษาไม่รู้ก็พอทำเนา แต่นี่รู้แล้วทำ เขาเรียกว่าดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ใช่ไม่รู้แล้วล่ะ” ศิขาพูดภาษาอังกฤษชัดเจน ให้คนฟังเข้าใจ

ซานโตสไม่ปล่อยมือเปล่า ยกมือมาหอมก่อนปล่อยแล้วยิ้มเยาะคนรักของเธอ ท่าทางเขากวนประสาทคนมอง ขณะเดียวกันเขาก็ห้ามไม่ให้ลูกน้องทำตัววุ่นวาย “ขอตัวก่อนนะ วันหลังผมจะไปเยี่ยม”

ศิขากำมือแน่น ถ้าเป็นปกติเขาคงชกล้มไปแล้ว แต่นี่เขายังอยู่ในราชการ แค่แสดงตัวออกมาก็ถือว่ามีปัญหาพอดู

เขามองคนกลุ่มนั้นออกไป แล้วค่อยหันมาคุยกับเธอ “วันนี้พอแค่นี้เถอะ พี่ว่าน้ำกลับบ้านดีกว่า”

อรรณพยักหน้าเห็นด้วย เดิมทีคิดจะอยู่จนเสร็จงาน แต่มีคนมาหาเรื่องสองครั้งก็ถอยแล้ว เธอมองเขาโอบไหล่พาเธอเดินไปด้านหลังฉาก เจอผู้กำกับก็ตกใจ เขารีบปล่อยแล้วแสดงความเคารพทันที

“สวัสดีครับท่าน” ศิขารีบทักทายผู้บังคับบัญชา

“วันนี้ต้องไปสืบราชการไม่ใช่เหรอ มาที่นี่ได้ยังไง” สุชาติกับลูกน้องพอรู้เรื่องกันอยู่บ้าง และเรื่องของหลานสาวก็เรียกว่าเคลียร์จบหมดแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับพ่อค้ายาเสพติด จึงงุนงงอยู่บ้าง ถึงจะรู้ว่าคู่นี้มีผู้ใหญ่เชียร์กันอยู่

“ครับ เป้าหมายมาในงาน ผมกับผู้กองนพเปลี่ยนเวรกันอยู่ครับ ยังไม่คลาดจากเป้าหมายครับ พอดีเมื่อครู่เห็นคุณน้ำกำลังเจอคนหาเรื่อง จึงเข้ามาช่วยครับ ไม่ทราบท่านอยู่ที่นี่” ศิขารายงานตามปกติ

“มากับลูกสาวก็ไม่อยากให้คนอื่นติดตามมา อีกอย่างนอกเวลาราชการ ทุกคนก็มีภารกิจที่ต้องทำล่ะนะ อั๊วก็เลยมากับลูกๆ หลานๆ เท่านั้น” สุชาติบอกตามตรง ก่อนไล่ลูกน้องไปทำงานต่อ “ไปทำงานต่อเถอะ คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

“ครับท่าน ขอตัวครับท่าน” ศิขาแสดงความเคารพ แล้วมองอรรณอีกครั้ง ค่อยจากไป

อรรณจึงชวนกันกลับ ตามอภิรมย์แล้วก็ซื้อของอีกเล็กน้อยแล้วกลับทันที เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะเป็นปัญหา ทว่าก็สบายใจที่ศิขาเข้ามาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปอีก ให้รู้สึกรำคาญคนต่างชาติคนนั้นเสียจริงๆ หากเธอก็ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณศิขาเลย เพราะเขาติดราชการอีกยาว

*************************************


ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข็มต้องปาดเหงื่อต่างหน้ามาที่เมืองไทย เขาขับรถจักรยานยนต์คันใหญ่ตามผู้กองหนุ่มชาวไทยมาเรรื่อยๆ เพราะท่าทางจะมีปัญหาให้เขาแก้อีกแล้ว

เมื่อศิขาส่งสัญญาณจอดรถ เขาก็จอดตาม เห็นทุ่งนาที่มีแต่พืชแปลกตา เขาก็ขมวดคิ้ว ก่อนมองชาวบ้านกำลังงมอะไรสักอย่างในท้องนา เขาจอดรถแล้วเดินไปยืนคู่กับผู้กองหนุ่มก่อนถาม

“เขากำลังทำอะไรกัน แล้วทำไมเราไม่ไปบ้านของแอนนาล่ะครับ” ลูคัสมองทุกอย่างด้วยความประหลาด

“ช่วงนี้คุณไปที่บ้านคงไม่เจอเธอหรอก เพราะเธอกับน้องสาวกำลังเก็บผลผลิตอยู่แถวนี้แหละ น้องสาวเธอบอกอย่างนั้น ผมโทรหาเธอไม่ติด คิดว่าเธอคงทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ไหนสักที่ เดี๋ยวผมตะโกนถามให้นะ” ศิขาพูดจบก็ตะโกนเรียกอรรณ ที่เป็นชาวนาแห้วแถวนี้สักคน “น้ำอยู่ไหม”

คนในท้องนาก็เงยหน้าขึ้นหลายคน ก่อนคนหนึ่งเท้าเอว อีกคนก็ยิ่งนิ่ง

“มีอะไรอ้ายศิ ต้องมาตามถึงนาเลยเรอะ” อภิรมย์ปากไวตะโกนถามขึ้น

ขณะที่อีกคนหรี่ตามอง แล้วเดินจากนามาที่เขา เมื่อเห็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ เธอก็รีบถอดถุงมือ ถอดหมวกป้องกันแดดออกจากหน้า จากนั้นก็รีบเข้ากอด “ลุ๊ค มาได้ยังไง”

ศิขาออกจะประหลาดใจที่ตำรวจสากลรู้จักเธอ

ลูคัสขมวดคิ้วก่อน มองให้แน่ใจ หากตอนนี้ตัวเขาเลอะโคลนไปหมดแล้ว เพราะเธอกระโดดเข้าใส่เขา “แอนนา?”

“ใช่สิ อุ๊ย ขอโทษ เธอเลอะหมดเลย” อรรณมองเพื่อนเก่าตัวเลอะไปหมด ก่อนชวนคุยต่อ “ไม่ได้เจอกันเกือบห้าปีแล้วสินะ สุดท้ายเธอส่งข่าวมาให้ฉันว่าจะไปเป็นตำรวจสากล ฉันยังงงๆ แล้วก็เงียบไปเลย”

“ใช่จริงๆ แปลกใจหมด แต่งตัวแบบนี้ ไม่เคยเห็นเลยนะ ถึงจะเคยเห็นเธอแต่งตัวธรรมดามาตลอด ไม่คิดว่าเธอจะแต่งตัวแบบชาวไร่ชาวสวนแบบนี้” เขาไม่แปลกใจ เพราะเคยดูข้อมูลของประเทศไทยพอสมควร

“ก็ต้องแต่งตัวแบบนี้ไว้ก่อนน่ะ แสงแดดที่นี่ร้อนจะตายไป ฉันไม่อยากเป็นมะเร็งผิวหนัง ว่าแต่มาได้ยังไง” อรรณถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วก็ผ้าถุง ก่อนจะนึกได้แล้วทักทายผู้กองหนุ่ม “พี่มากับลุ๊คเหรอคะ”

“อืม” ศิขาเงียบขรึมลง รู้สึกเธอให้ความสนิทสนมกับตำรวจสากลนี้มาก

“มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ มีที่ไหนให้เราคุยกันได้ไหม” ลูคัสถามขึ้น เพราะตอนนี้ดูเหมือนเป้าหมายของเขาจะสนใจเพื่อนสาวคนนี้อย่างมาก

อรรณพยักหน้าช้าๆ ก่อนหันไปบอกศิขา “พี่พาลุ๊คไปทางถนน เดี๋ยวน้ำจะไปเจอที่บ้านเลยนะ เดินลัดไปทางนี้ก็ได้ จะสั่งงานก่อนค่ะ”

ศิขาพยักหน้า เขาเคร่งขรึมลง เพราะตั้งแต่รู้จักเธอ เขาไม่เคยเห็นเธอให้ความสนิทสนมกับใครเท่าพี่หมอ แต่ตอนนี้เธอให้ความสนิทสนมกับชายหนุ่มคนนี้ มากเสียจนใจเขาเริ่มหวั่นไหว

เมื่อถึงบ้านแล้วก็เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งอยู่ ศิขาพาลูคัสเข้าไปแนะนำ

“อ๋อ มาหาน้องน้ำเหรอจ๊ะ” แจ่มจันทร์ทักทายเป็นภาษาไทยตามปกติ ขณะที่ขันเงินก็เงียบๆ เกร็งๆ เพราะเห็นเป็นฝรั่งจ๋า ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ครับ ไม่รู้ว่าจะพาเพื่อนขึ้นบ้านไปนั่งแช่แอร์เย็นๆ ได้ไหมครับ” ศิขาบอกผู้ใหญ่ตามตรง เพราะเริ่มสงสารตำรวจสากลหนุ่ม

“ไปเถอะ ผู้กองน่าจะรู้ว่าอะไรเก็บไว้ที่ไหนนะ ไปเถอะ” ขันเงินพูดกับคนที่เธอคิดว่ารู้เรื่องมากกว่า

ศิขาหันไปชวนขึ้นข้างบน เข้าไปในห้องใหญ่ เปิดแอร์เพื่อให้สบายตัวขึ้น “รอเดี๋ยวนะครับ แอนนาก็คงจะมาถึง”

ลูคัสเพียงรับคำ ก่อนมองสำรวจอย่างเก็บข้อมูล ถึงแม้จะเก็บหลักฐานมากมายจนเป็นที่มั่นใจแล้ว เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะชอบอยู่ที่แบบนี้ มากกว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เหมือนเมื่อสมัยเรียน

สักพักอรรณก็โปผล่เข้ามาในห้อง ก่อนจะขอตัว “เดี๋ยวขออาบน้ำก่อนนะคะ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ร้อนจริงๆ”

“ตามสบายสิ” ลูคัสพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ศิขานิ่งเงียบขรึม ทั้งที่ปกติชอบพูดหยอกเธอออยู่เรื่อย

อรรณกลับมาอีกครั้งในชุดลำลองกระโปรงสบายๆ ก่อนจะนั่งลงแล้วถามขึ้น เอาล่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ”

“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ” ลูคัสเห็นเพื่อนเข้าประเด็นก็พูดตามตรงเลย “ช่วงนี้ได้ยินว่ามีชายชาวโคลัมเบียมาหาบ่อยๆ เหรอ”

“อืม แต่ไม่มีอะไรมาก ไล่กลับไปแล้ว คิดว่าเรื่องอะไร ว่าแต่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง ศิขาบอกเหรอ” อรรณหันไปมองศิขา ที่นั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่างกระจก ที่ติดตั้งไว้ด้านในบ้าน

“เปล่า จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างตำรวจสากลกับตำรวจไทย คือนายซานโตสเนี่ยเป็นเจ้าพ่อค้ายาชาวโคลัมเบีย ที่เรายังหาหลักฐานได้ไม่หมด เขาเก่งเรื่องการหลบหลีกมาก แต่เพราะมีปัญหาเรื่องแหล่งผลิตยาทำให้นายซานโตสต้องหาแหล่งผลิตสำรอง ซึ่งก็คือที่แถวนี้แหละ ชายแดนไทยพม่า” ลูคัสสรุปเรื่องทำให้อรรณตกใจ

“คุณบอกเรื่องนี้กับฉันทำไม ฉันไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้หรอกนะ” อรรณยืนยันตามตรง

“เรื่องนั้นเรารู้แล้วล่ะ ตอนแรกเราก็สงสัยเธอ เพราะมีภาพเธอลงจากเครื่องพร้อมเขา เธอส่งอะไรบางอย่างให้เขา เหมือนเป็นรหัส จนเรามั่นใจแล้วว่าเธอไม่เกี่ยวกับเขานั่นแหละ แต่ตอนนี้สายเราด้านในบอกว่าเขาให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ มีสองทางเลือก คือเธอต้องหลบซ่อน หรือเธอช่วยเรา” ลูคัสพูดกับเธอตามตรง เมื่อไม่ต้องอ้อมค้อม

“เขาแค่สนใจฉัน แต่คงไม่ถึงกับหมายตาหรอกใช่ไหม” อรรณถามให้แน่ใจ กึ่งๆ เกรงในอันตราย

“เขาเคยลักพาตัวผู้หญิงที่เขาชอบ และถ้าเขาชอบ เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ผู้หญิงคนนั้นต้องอยู่กับเขาไปจนตาย” ลูคัสบอกและพยายามสังเกตท่าทีของเธอ

“เขาคงไม่ชอบฉันมากอย่างนั้นหรอกนะ คือถึงเขาจะส่งของมาให้ฉัน แต่ฉันไม่ค่อยได้ออกไปไหน เขาคงไม่ยุ่งกับฉันแล้วล่ะ” อรรณพยายามคิดในแง่ดีมากกว่า

“แอนนา ฉันหวังว่าเขาจะคิดแบบนั้น แต่จากประสบการณ์ของฉัน เขาคงไม่ส่งของมาให้ ถ้าเขาไม่จริงจัง” ลูคัสไม่ได้ขู่เธอ แต่พยายามให้เธอยอมรับความจริงมากกว่า

อรรณฟังแล้วเริ่มถอนหายใจ ก่อนมองไปทางศิขาที่มีท่าทางอึดอัดกับเรื่องนี้ เธอไม่แน่ใจนัก ออกจะลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดบท “ฉันคิดว่ามีผู้หญิงอีกหลายคนที่สามารถทำให้เขาสนใจได้มากกว่าฉัน ขอบคุณในความหวังดีนะ ลุ๊ค แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ และจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นหรอก”

“เธอแน่ใจเหรอ คือ...” ลูคัสพยายามจะกล่อมให้เธอช่วยงานเขา

“ฉันแน่ใจ ฉันไม่คิดว่าฉันจะน่าสนใจสำหรับผู้ชายคนนั้นนานนัก เพราะตั้งแต่งานถนนคนเดินวันนั้น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากส่งของมาให้ หรือโทรศัพท์มาบ้างเป็นครั้งคราว ฉันไม่ชอบเขาและคงไม่มีวันชอบ ถ้าเขาเข้าใจประเด็น ฉันก็คิดว่าเขาคงเลิกวุ่นวายไปเอง” อรรณแสดงท่าทีชัดเจน

ศิขาฟังแล้วค่อยโล่งใจ ที่เธอไม่คล้อยตามแล้วพาตัวเองเข้าสู่ความลำบาก

“เรื่องนี้ให้มันจบไปเถอะ ว่าแต่เธอมาเรื่องงานอย่างเดียวเหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างนะ อ๋อ ผู้กองหิวไหม” อรรณถามขึ้น โดยเปลี่ยนเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่าย

“ผมยังไม่หิวหรอก เดี๋ยวถ้าจบเรื่อง ผมจะไปส่งลูคัสกลับน่ะ” ศิขาพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย

“พี่จะกลับมาอีกไหม คือฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่น่ะ” อรรณถามให้แน่ใจ เธอรู้สึกว่าเพื่อนมีเรื่องปิดบังไว้ แต่เธอก็ไม่อยากจะถาม ที่เธอจะถามก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องเจ้าพ่อค้ายา

“ได้สิ ได้อยู่แล้วล่ะ” เขาบอกถามตรง ปล่อยให้เธอฟื้นความหลังกับเพื่อนแล้วก็แยกย้ายกันกลับ

*************************************

สวัสดีค่ะ พักหลังรู้สึกเหมือนคนขี้เกียจ
ไม่ค่อยได้ตอบเม้นเท่าไร ยอมรับผิดทุกประการ
ด้วยปัญหาสุขภาพและการงานที่เข้ามาเยอะ
ยังเรื่องแต่งนิยายฟิกฉบับเฮียพาย แล้วก็แต่งเรื่องของซัมเมอร์อีกค่ะ
วุ่นวายจริงๆ ยังไงก็จะพยายามหาเวลามาตอบเม้นให้ได้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
--------------------------------------------------------
งานหนังสือเจอกันพรุ่งนี้นะคะ ที่ไหนไม่ทราบค่ะ
ถ้าจะหาเจอก็ต้องโทรหาเท่านั้นค่ะ
ใครอยากได้โปสการ์ดมาก่อน 10โมงพรุ่งนี้นะคะ
หรือไม่ก็ส่งข้อความเฟสบุ๊คมาหาค่ะ
--------------------------------------------------------
ยังเปิดสั่งซื้อหนังสือเรื่อง "แผนร้ายในทางรัก" 375 บาทอยู่นะคะ
สนใจสั่งซื้อได้ค่ะ
--------------------------------------------------------
ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่
www.facebook.com/plerngwaree เกี่ยวกับคนอยากเขียนค่ะ
www.facebook.com/koseybz เกี่ยวกับหนังสือทำมือของคนอยากเขียนค่ะ
--------------------------------------------------------



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ต.ค. 2555, 22:30:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ต.ค. 2555, 22:30:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1759





<< 08 แฟน?   10มีใจ? >>
ตุ๊งแช่ 19 ต.ค. 2555, 23:07:11 น.
เอ๊ะไปเรียกพี่กันตอนไหนเนี่ย


ใบบัวน่ารัก 19 ต.ค. 2555, 23:28:12 น.
หาเรื่องยุ่งๆมาให้น้ำจนได้นิ


konhin 20 ต.ค. 2555, 01:45:15 น.
ความสวยเตะตาเจ้าพ่อซะงั้น


dee_jung 20 ต.ค. 2555, 11:30:38 น.
เดี๋ยวผู้กอง เดี๋ยวพี่ เรียกผิดหรือเปล่าจ๊ะ


anOO 20 ต.ค. 2555, 17:04:39 น.
อ่ะ เห็นด้วย อ่านตอนแรกนึกว่าอ่านข้ามตอนไปซะอีก
น้ำไปเรียกผู้กองว่าพี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


jink 24 ต.ค. 2555, 20:54:43 น.
ใช่ๆ เห็นด้วย อิอิ เป็นพี่ เป็นน้องกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account