บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๒๒

“เนี่ยนะ...ที่ที่หนูอยากมา” ปัณณ์มองป้ายชื่อตรงซุ้มประตูด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ใช่! คุณจะกลับก็ได้นะ” สิมิลันยิ้มมีชัย

“กลับทำไม” ปัณณ์ปรับสีหน้าได้รวดเร็ว “พี่ไม่เคยมาสวนสยามเลย ลองเที่ยวดูสักครั้งก็ดีเหมือนกันนะ ว่าแต่หนูอยากเล่นน้ำทำไมไม่บอก พี่จะได้พาไปทะเล”

“ฉันไม่ได้อยากว่ายน้ำ แต่อยากเล่นรถไฟเหาะที่นี่ต่างหาก เล่นด้วยกันไหมคะ” หญิงสาวทำหน้าเจ้าเล่ห์

“เอ้อ...” ปัณณ์ติดอ่างกะทันหัน

“ถ้าไม่เล่นด้วยกัน ก็ไม่เหมือนมาเที่ยวด้วยกันสิเนอะ” เธอเปรยลอยๆ

“เล่นก็ได้ หนูอยากเล่นอะไรก็บอกแล้วกัน” ปัณณ์ตัดใจเอ่ยด้วยสีหน้าบอกชัดว่าไม่เต็มใจสักนิด

รถจอดส่งทั้งคู่ที่หน้าประตูทางเข้าแล้ววนไปจอดที่ลาน สิมิลันเหลือบมองคนข้างๆ ที่สวมเชิ้ตสีดำกับยีนสีเดียวกันแล้วแอบอมยิ้ม แดดร้อนฉ่าอย่างนี้ยังใส่สีดำมาอีก ผิวขาวๆ เหมือนไก่ต้มของนายได้กลายเป็นไก่ย่างกรอบเกรียมแน่ๆ ตาแก่เอ๊ย!

แทนที่จะห่วงตัวเอง ว่าที่ไก่ย่างหนังเกรียมกลับชี้รองเท้าผ้าใบที่ส้นหนาเกือบสองนิ้วของเธอแล้วถาม “แน่ใจหรือว่าจะเดินไหวน่ะ มันสูงออกนะ”

“สูงกว่านี้ฉันก็ใส่มาแล้ว แค่นี้สบายมาก”

“หนูอย่าใส่รองเท้าสูงนักเลย เขาว่าถ้าคนท้องใส่รองเท้าสูงๆ มันจะทำให้ปวดหลังนะ”

“ต้องให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะเชื่อเสียทีว่าฉันไม่ได้ท้องน่ะ” สิมิลันเท้าเอว

“โอเคๆ หนูว่าไม่ท้องก็ไม่ท้องจ้ะ พี่เชื่อก็ได้”

จบประโยคเขาก็ผละไปจ่ายค่าบัตรผ่านประตู แล้วรับแผนที่ของสวนสนุกมากางให้หญิงสาวดู

“ หนูจะเริ่มเล่นจากอันไหนจ๊ะ” มือใหญ่ชี้เครื่องเล่นชิ้นแรกที่อยู่ทางด้านขวาของประตูทางเข้า มองเห็นรางรถไฟเหาะสีแดงบนโครงสีเขียวหม่นไม่ไกลตา

“เริ่มจากอันที่ใกล้ที่สุดก็แล้วกัน รถไฟเหาะตีลังกาถอยหลัง ดีไหม”

“ตกลง” สิมิลันยิ้มเจ้าเล่ห์ คว้าบัตรผ่านประตูจากมือเขา แล้วก้าวยาวๆ ไปตามป้ายบอกทางอย่างรวดเร็ว โดยมีปัณณ์ตามหลังมาไม่ห่าง

เนื่องจากยังค่อนข้างเช้ามากซึ่งสวนสนุกเพิ่งเปิดทำการ ทั้งยังเป็นวันธรรมดา จึงแทบไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการเลย สิมิลันยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่แล้วปร๋อขึ้นไปนั่งยังเก้าอี้ตัวหน้าสุดของรถไฟเหาะอย่างร่าเริง

ปัณณ์มีสีหน้าเหมือนกินบอระเพ็ดเข้าไปทั้งเถา ตามไปนั่งข้างๆ หญิงสาวด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ

“พี่ขา...ขอเล่นสองรอบติดกันเลยได้ไหมคะ” สิมิลันตะโกนบอกเจ้าหน้าที่

“ไม่ได้ครับ โปรแกรมตั้งมาไว้ให้เล่นได้ทีละรอบ แต่เดี๋ยวจบรอบนี้แล้วถ้าไม่มีคนมาเข้าคิวเพิ่ม น้องไม่ต้องลงจากรถไฟ หรือเปลี่ยนที่นั่ง พี่ให้เล่นต่อได้เลย”

“โหย พี่ใจดีจัง” เด็กสาวยิ้มแย้มแจ่มใส...สมวัย

“เล่นรอบแรกแล้วอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” คนคุมเครื่องขู่ “นั่งหน้าน่ะ ทั้งเสียวทั้งลุ้นเลยนะ ขอบอก เห็นพูดอย่างนี้มาหลายรายแล้ว เล่นรอบแรกก็จอดทั้งนั้นล่ะ”

“คอยดูหนูละกัน” คนพูดอวดเก่ง

“จะเล่นกันได้หรือยัง” ปัณณ์ซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบๆ มาตลอดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ครับๆ เล่นได้แล้วครับ” เจ้าหน้าที่รีบรับคำ แต่แล้วก็เบือนหน้ากลับไปมองชายหนุ่มซ้ำ “เอ๊ะ! นี่พี่ปัณณ์ รัชนาถ ใช่ไหมครับ”

“ไม่ใช่” ปัณณ์ปัดทันควัน “แค่คนหน้าเหมือนน่ะ”

“ใครว่าล่ะคะ นี่แหละปัณณ์ รัชนาถ ตัวจริงเลยล่ะ” สิมิลันบันเทิงใจนักที่ได้แกล้งคนข้างๆ เห็นกันอยู่ว่าเขาสวมแว่นดำปิดบังใบหน้าไว้เกือบครึ่ง ทั้งยังใส่หมวกแก๊ปสีเข้มไว้พรางหน้าอย่างแนบเนียนอีกด้วย แต่ราศีของคนดัง ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก

“โอ้โห...พี่ปัณณ์จริงๆ ด้วย แฟนผมเขาชอบพี่มากเลยนะ ติดตามดูละครของพี่ทุกเรื่องเลย” เขาหันมาทางหญิงสาวอีกหน “งั้นน้องก็ต้องเป็นสิมิลัน มายาวี แฟนพี่ปัณณ์น่ะสิ”

สิมิลันยิ้มแหย จากที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวเองให้โดดเด่นนัก เธออุตส่าห์แต่งตัวเรียบไร้การจดจำที่สุด สวมแค่เสื้อยืดแขนยาวสีครีมพิมพ์ลายตัวอักษรกับกางเกงขายาวคาดเข็มขัดสีแดงเส้นจิ๋ว โดยรวบผมเก็บขึ้นไปหมด แล้วก็แต่งหน้าบางๆ หวังว่าคนคงจะจำไม่ได้เพราะมันผิดกับภาพลักษณ์สาวเปรี้ยวแต่งตัวจัดของสิมิลัน มายาวี บนหน้าจอโดยสิ้นเชิง

แต่เธอกลับทำแผนแตกเสียเอง เพียงเพราะอยากแกล้งคนข้างๆ

“เอ้อ...คือว่า...” สิมิลันเถียงไม่ออก

ฝ่ายนั้นโบกมือ “แปลว่าข่าวที่ว่าเป็นแฟนกันเป็นข่าวจริงนะเนี่ย แฟนผมต้องดีใจมากแน่เลย อ้อ...ผมจะเปิดเครื่องเล่นให้นะครับ แล้วเดี๋ยวลงมาช่วยเซ็นชื่อให้ผมเป็นที่ระลึกด้วยนะ ผมจะเอาไปฝากแฟน”

สิมิลันมองตามพนักงานที่แยกออกไปอย่างเซ็งๆ ร่างแบบบางทิ้งตัวลงกระแทกพนัก ก่นโทษคนข้างกายอัตโนมัติ “เพราะคุณทีเดียว”

“โทษตัวเองบ้างก็ได้นะ หนูแหละที่ไปบอกเขาก่อนว่าพี่เป็นใคร” ปัณณ์หน้าบูด ดึงหมวกมาเหน็บใส่กระเป๋ากางเกงหนีบไว้แน่นไม่ให้หล่นจากการเล่นรถไฟเหาะ

เพราะรู้ตัวว่าผิดจริง สิมิลันจึงไม่เถียงอะไรอีก เธอนั่งหน้าบึ้งได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากที่ช้าๆ

เคยมีผลวิจัยบอกไว้ว่าการเล่นรถไฟเหาะตีลังกาจะช่วยให้มนุษย์ห่างไกลจากความเครียดและโรคหัวใจได้ และทุกคนที่ลงจากรถไฟเหาะจะรู้สึกมีความสุข ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ออกมามากกว่าปกติเป็นสองเท่า เหตุผลก็เพราะสถานการณ์บนเครื่องเล่นหลอกสมองให้เข้าใจว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงตาย เมื่อรถไฟหยุดจึงทำให้สมองและจิตใจปลอดโปร่งและโล่งใจที่รอดตายมาได้อย่างปลอดภัย

สิมิลันก็เช่นกัน เธอสนุกและรู้สึกปลดปล่อยมากเสียจนลืมไปว่าร่างกายตัวเอง...ไม่ปกติ

เมื่อรถไฟเหาะแล่นเข้ามาจอดที่เดิม สิมิลันก็หัวเราะเสียงใส เกาะแขนคนข้างๆ ชวนอย่างกระตือรือร้น “สนุกจัง เล่นอีกรอบนะคะ”

ปัณณ์ซึ่งเพิ่งจะหายใจเป็นจังหวะปกติทำหน้าปั้นยาก “รอบเดียวก็พอมั้ง ไปเล่นอย่างอื่นบ้างเถอะ”

“น่า...นะคะ ขอเล่นอีกรอบเถอะ น้า...”

อาจเพราะเสียงหวานๆ ออดอ้อนเป็นพิเศษอย่างที่ไม่เคยได้ยิน หรือไม่ก็แววตาอ้อนวอนเหมือนลูกแมวตัวน้อย หรือบางทีก็อาจเป็นเพราะมือนุ่มที่เกาะอยู่บนแขนเขา ทั้งที่ปกติรังเกียจกันแทบตาย

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ปัณณ์พบว่าตนเองพยักหน้าง่ายดายนัก

“ก็ได้ แต่แค่อีกรอบเดียวเท่านั้นนะ”

“ค่ะ” สิมิลันหัวเราะสดใส ตะโกนบอกพนักงาน “พี่ขา...ขอต่ออีกรอบเลยได้ใช่ไหมคะ”

“ได้ครับ ยังไม่มีคนมาเพิ่มเลย” หนุ่มน้อยคนเดิมมาตรวจล็อกเพื่อความปลอดภัยซ้ำ เขาโบกรูปในมือไปมา “นี่ครับ ผมไปหารูปของพี่ปัณณ์มาแล้ว เสียดายว่าไม่มีรูปคู่ของทั้งสองคน ไม่งั้นจะเอารูปนั้นมาให้เซ็นชื่อ”

“นั่นสิเนอะ เรายังไม่มีรูปคู่กันเลย” ปัณณ์เหมือนเพิ่งนึกได้ เขาตบกระเป๋ากางเกง ดึงโทรศัพท์มือถือออกมากดแล้วส่งให้พนักงาน “ถ่ายรูปคู่ให้ผมหน่อยสิ”

ฝ่ายนั้นดูจะเต็มใจมาก รีบรับโทรศัพท์ไปทันที “ยิ้มนะครับ หนึ่ง สอง...”

สิมิลันยิ้มแกนๆ ทว่าขณะนับถึงสาม คนข้างๆ ก็เอนตัวมาใกล้เธอจนแก้มเกือบจะชนกัน เป็นจังหวะที่ช่างภาพกดชัตเตอร์ทันที

“โอ้โห...สวยมากเลยครับรูปนี้” เขาทำเสียงชื่นชม พลางส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของ

“เดี๋ยวเล่นอีกรอบ แล้วผมลงมาเซ็นรูปให้นะครับ” ปัณณ์ให้สัญญิงสัญญาอย่างใจดี ผิดจากปกติที่มักจะหยิ่งยโสและไม่เป็นมิตรกับคนที่เห็นว่าไม่มีประโยชน์ต่อเขา

พนักงานกุลีกุจอกลับไปประจำที่ ขณะปัณณ์เรียกรูปจากโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“พี่ชอบรูปนี้”

สิมิลันเอื้อมมาดูบ้าง ยอมรับ...ว่าเป็นรูปที่ดูดีดังช่างภาพชม แต่...เธออยากย้อนเวลากลับไปยิ้มให้น้อยกว่านี้อีกนิด แล้วก็ให้หน้าของอีตาลุงข้างๆ อยู่ห่างจากแก้มเธอกว่านี้อีกสักหน่อยด้วย

“ลบเถอะ เกิดมันหลุดไปถึงนักข่าว จะ...” หญิงสาวโน้มน้าว

“ไม่ลบหรอก แล้วถึงหลุดไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเกลียดเลย เรามาสวนสนุกด้วยกัน ไม่ได้ไปทำอะไรมั่วสุมน่าเกลียดสักหน่อย”

“เอาแล้วนะครับ” เจ้าหน้าที่ตะโกนบอก

ปัณณ์รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรับคำอย่างนึกสนุก

“พร้อมแล้วครับ”

หลังลงจากรถไฟเหาะ ทั้งคู่เดินสายเล่นเครื่องเล่นอีกหลายชนิดตามแต่ที่สิมิลันเลือก โดยไล่เรียงลำดับจากเครื่องเล่นที่อยู่ใกล้ที่สุด

ยิ่งสายชายหนุ่มก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่สิมิลันกลับเป็นฝ่ายตึงเครียดเสียเอง

“เล่นอันนี้กันไหม ในแผ่นพับบอกว่าเป็นรถไฟเหาะตีลังกาเกลียวควงสว่านใหญ่ที่สุดหนึ่งในสองของโลกเลยนะ ตีลังกาหมุนรอบทุกทิศทางรวม ๕ รอบแน่ะ” ปัณณ์ชี้รางรถไฟเหาะสูงใหญ่และมีความยาวที่สุดเท่าที่สิมิลันเคยเห็นมาให้ดู

“ฉันเมื่อย” สิมิลันอ้าง “คุณขึ้นไปเล่นเองคนเดียวเถอะ”

ปัณณ์เงยหน้าจากแผ่นพับ มองเธอด้วยสายตาพิจารณาและห่วงใย “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดอย่างนี้ล่ะ ไปพักหน่อยดีกว่า สงสัยอากาศจะร้อนเกินไป”

เขากวาดตามองหาม้านั่งจนพบ แล้วทำท่าจะคว้าข้อมือหญิงสาวลากไป

สิมิลันชักมือหลบทันควัน “ฉันเดินเองได้”

ปัณณ์หันรีหันขวาง สุดท้ายก็หยิบแผ่นพับในมือโบกลมให้หญิงสาวอย่างเก้ๆ กังๆ ตามประสาคนไม่เคยดูแลใคร ทั้งยังตามมาส่งให้เธอนั่งเรียบร้อยแล้วจึงบอก

“พี่จะไปหาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่ม หนูคอยตรงนี้นะ”

สิมิลันมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มไปยังทิศทางของร้านอาหารด้วยความรู้สึกแปลกๆ เกือบครึ่งวันที่มีเขาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ จะว่าไปก็มิใช่เลวร้ายเสียทีเดียว ถ้ายอมรับกันตามตรงก็ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เธอไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำ

เธอเป็นลูกสาวคนโตจึงคุ้นเคยที่จะเป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกและเสียสละเพื่อคนอื่นก่อนเสมอ จู่ๆ มาวันนี้กลับเป็นตรงข้าม เธอถูกใครสักคนคอยตามเอาใจ เฝ้าดูแล แล้วก็ต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ตลอดเวลา

หญิงสาวพบว่าเธอมิได้หงุดหงิดหรือรำคาญใจอย่างที่เคยเป็น ทั้งยังเริ่มจะเอียงๆ ไปทางคุ้นเคยที่เห็นปัณณ์ รัชนาถ อยู่ใกล้ๆ เช่นนี้อีกด้วย

เธอรู้...ปัณณ์ทำทุกอย่างไปแบบนั้นก็เพราะเข้าใจว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เขาคงจะทั้งจงเกลียดจงชัง แล้วก็หาเรื่องกลั่นแกล้งเธออย่างที่ผ่านมานั่นแหละ

งามตาพูดถูก...ถ้าเขากำลังใช้เหตุผลในการทำดี เธอก็ควรจะทำให้เหตุผลเหล่านั้นหมดไปให้เร็วที่สุด ให้เร็วมากพอ...ก่อนที่เธอจะเผลอใจไปคุ้นเคยกับการได้เห็นปัณณ์ทำสิ่งดีๆ ให้กันอย่างนี้

“น้ำมาแล้วจ้ะ หนูจะดื่มอะไรดี พี่ไม่รู้ว่าหนูชอบน้ำแบบไหนเลยซื้อมาหมดทั้งน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำเปล่า แล้วก็น้ำผลไม้”

“ขอน้ำเปล่าก็พอค่ะ” สิมิลันเลือก และปัณณ์ก็หยิบขวดน้ำบิดฝาขวดเสียบหลอดส่งมาให้ทันใจ

หญิงสาวรับน้ำมาดื่ม แล้วก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อปัณณ์ยื่นมือมาแบออกตรงหน้า

“คนขายบอกว่าคนจะเป็นลมต้องใช้ พี่เลยซื้อยาดมมาด้วย เผื่อมันจะทำให้หนูรู้สึกดีขึ้น”

สิมิลันช้อนสายตาขึ้นสบสานกับเขานิ่งๆ นาน...กว่าจะเอ่ยคำนั้นออกมา

“ขอบคุณค่ะ” แม้ริมฝีปากจะแย้มออกนิดเดียว แต่นั่น...เป็นครั้งแรกที่เธอส่งยิ้มให้เขาด้วยความตั้งใจ

ปัณณ์ผงะถอยหลังไปเล็กน้อย และอึ้งอยู่ในอิริยาบถนั้นนานหลายวินาทีกว่าจะได้สติยกริมฝีปากขึ้นสูง เป็นรอยยิ้มที่แจ่มใส สดชื่น แล้วก็ดูจริงใจที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นเขายิ้มมาเลยทีเดียว

“พี่เต็มใจ”

สิมิลันเอียงคอด้วยความแปลกใจ โพล่งคำถามที่อยู่ในใจออกไปทันที

“ถ้าสมมติว่าฉันไม่ได้กำลังท้องลูกของคุณ คุณจะยังเต็มใจอยู่ไหม”

หญิงสาวไม่รู้ตัวสักนิดว่าแทบจะต้องกลั้นใจเพื่อคอยฟังคำตอบนั้นเลยทีเดียว

ปัณณ์ขยับมานั่งลงข้างๆ มีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบช้าๆ

“ต่อให้หนูไม่ได้ท้อง พี่ก็ยังเต็มใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้หนูอยู่ดี”

ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงระดับปกติ มิได้กระโชกโฮกฮากหรือทำเสียงประชดประชันใส่อีกฝ่ายอย่างที่ผ่านมา

“เหตุผลล่ะคะ”

“เยอะแยะไป และ...ในบรรดาเหตุผลทั้งหมดนั่น ข้อแรกๆ ก็คือ...พี่รู้สึกผิดต่อหนู” ปัณณ์หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมแล้วเอนพิงพนัก ยกสองมือประสานกันที่ท้ายทอยด้วยท่วงท่าสบายใจ ใบหน้าแหงนมองขึ้นฟ้า

“จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าวันนั้นหนูไปอยู่ที่ห้องพี่ได้ยังไง”

สิมิลันหันไปมองชายหนุ่ม แวบหนึ่งที่อยากถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทที่เขาสวมอยู่ออกเหลือเกิน เธออยากเห็น...ว่าเวลาที่พูดประโยคนี้เขาทำสายตาแบบไหน

เหยียดหยัน ดูถูก หรือว่า...

“พี่ขอโทษนะ” เขาถอดแว่น แล้วหันมาสบตาเธอ “ขอโทษจริงๆ สิมิลัน ตลอดชีวิตของพี่ นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดที่พี่เคยทำมาเลยทีเดียว”

“ถ้า...ฉันไม่ยกโทษให้ล่ะคะ”

ปัณณ์ยักไหล่ “พี่ก็คงจะหวังต่อไปเรื่อยๆ ล่ะมั้ง ว่าคงจะมีสักวันที่ตองให้อภัยพี่ได้”

หญิงสาวเม้มปากด้วยอาการชั่งใจ “แล้วถ้าฉันยกโทษให้คุณล่ะ คุณจะเลิกตอแยฉันหรือเปล่า”

เสียงห้าวหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ทำไมวันนี้หนูแก่สมมติจังเลยล่ะ”

“ก็...ฉันอยากรู้นี่”

ปัณณ์ขยับนั่งตัวตรงอีกครั้ง แล้วหันมาสบตาเธออย่างจริงจัง ขณะเอ่ยประโยคต่อไปช้า...ชัดเจน

“งั้นพี่ก็จะบอกกับตองตรงๆ พี่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ แต่พี่อยากทำสิ่งที่รออยู่ในวันหน้าให้ดีที่สุด ในเมื่อพี่เอ้อ...ล่วงเกินตองไป พี่ก็อยากจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง เมื่อไหร่ที่หนูพร้อม พี่อยากจะแต่งงานกับหนู เด็กจะได้เกิดมาพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกด้วย”

สิมิลันอ้าปากค้าง นั่นเป็นคำตอบเดียวในโลกที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย

“แต่เราไม่ได้รักกัน” เธอตะกุกตะกักคัดค้าน

“อืม...ตอนนี้ยังไม่รัก แต่แต่งกันไปอีกหน่อย...อาจจะรักก็ได้นี่” ปัณณ์ย้อน

“แล้วถ้าเราไม่มีวันรักกันได้ล่ะคะ มันคงเป็นเหตุผลในการแต่งงานที่ห่วย แถมยังจะมีเหตุผลที่ต้องเลิกรากันซึ่งห่วยกว่าเดิมเสียอีก”

“ตองเป็นคนน่ารัก พี่เชื่อว่าตัวเองคงจะรักหนูได้ไม่ยากหรอก ปัญหาอยู่ที่พี่ต่างหาก ที่ดูท่าจะเกินเยียวยาแล้ว ตลอดทั้งชีวิตที่เหลือนี้ พี่จะดีพอให้ตองรักได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”

ปัณณ์ลุกขึ้นดื้อๆ แถมยังเปลี่ยนเรื่องทันควันอีกด้วย

“พี่ว่าเราเล่นละครมาตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมพอมาถึงเรื่องของเราเอง เราถึงคุยกันไม่โรแมนติกเลยล่ะเนี่ย มันเหมือน...คนคุยเรื่องธุรกิจกันยังไงก็ไม่รู้นะ ว่าไหม”

สิมิลันคงหลงประเด็นตามเขาไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอจะบังเอิญสังเกตเห็นใบหูที่แดงก่ำของอีกฝ่าย

“ถ้าไม่โรแมนติก แล้วคุณหูแดงทำไม” หญิงสาวลุกขึ้นมาเดินวนไปรอบๆ ตัวพระเอกซูเปอร์สตาร์ แหงนมองใบหน้าที่หลบอยู่ใต้กระบังหมวกแก๊ปแล้วยิ้มล้อเลียน หัวเราะคิกคัก “หน้าก็แดงด้วย”

“สิมิลัน!” คนหน้าแดงเถือกใช้เสียงแข็งเข้าข่ม

“แน้ ทำมาพูดจาห้วนๆ แก้เก้อเสียด้วย ยอมรับมาเถอะน่า...ว่าคุณกำลังเขินน่ะ”

ปัณณ์หันหน้าหลบ ทำท่ากระตึกกระตักยักแย่ยักยันจนน่าขำ สุดท้ายจึงยกสองมือแบขึ้นเสมอไหล่ ถอนหายใจยอมแพ้ “พอได้แล้ว เอาเป็นว่า...ฉันเขิน พอใจหรือยัง”

คนฟังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

ปัณณ์หน้าบึ้ง งึมงำ “ยายเด็กบ้า”

คนอายุน้อยกว่าหัวเราะไม่เลิก ทั้งยังทรุดลงไปกองกับเก้าอี้ กุมท้องหัวเราะเอาเป็นเอาตาย
ปัณณ์หน้างอเป็นม้าหมากรุก “ฉันหิว ไปกินข้าวดีกว่า”

น่าแปลกที่สิมิลันรู้ได้จากคำพูดแค่นั้น ว่าเขากำลังพยายามเอาเสียงดุๆ และใบหน้าขรึมๆ มากลบเกลื่อนความรู้สึกแท้จริง “อารายกานค้า ไม่เรียกตัวเองว่าพี่แล้วหรา” หญิงสาวจงใจพูดยานคาง ทำเสียงกวนอารมณ์คนฟังยิ่งขึ้น

“ถ้าเธอยังไม่หยุดล้อเลียนฉัน ฉันจะ...” ปัณณ์หันรีหันขวาง หาคำขู่ที่คิดว่าน่าจะได้ผล แต่กลับไม่พบอะไรให้หยิบฉวยมาเป็นเกราะคุ้มกันความขัดเขินที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้เลย

“จะอะไรก็ช่าง ฉันไม่กลัวสักอย่าง” สิมิลันลอยหน้าเชิดๆ ยียวน

ปัณณ์นึกคำแรกที่โผล่มาในสมองออก แต่เขากัดริมฝีปากไว้ได้ทัน แม้จะมั่นใจว่าคำพูดนั้นอาจเปลี่ยนให้คนฟังกลัวได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็พร้อมจะทำให้สิมิลันเจ็บปวด ทั้งยังจะทำลายความรู้สึกดีที่เธอเพิ่งเริ่มมีให้เขาได้ด้วยเท่าๆ กัน

“ตกลง ฉันยอมแพ้” ปัณณ์ถอนใจ เริ่มสงสัยเป็นครั้งแรก ว่าชีวิตจะป่วนกว่านี้อีกกี่มากน้อย หากต้องอยู่กับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกินกว่าหนึ่งรอบเช่นนี้

เพิ่งเห็นว่าเวลาที่เธอมิได้อมทุกข์ ซึมเศร้า สิมิลันมีแง่มุมน่ารัก ขี้เล่น ช่างแหย่เย้าไม่น้อยเลยทีเดียว

“เฮ้ย! คุณเนี่ยนะยอมแพ้” สิมิลันอุทาน สีหน้าบอกชัดว่าแปลกใจ

เขาจึงทำให้เธอประหลาดใจยิ่งขึ้นด้วยการใช้สรรพนามเดิมอีกครั้ง “เที่ยงกว่าแล้ว พี่ว่าเราพักกินข้าวกันก่อนดีไหม แล้วช่วงบ่ายถ้าหนูยังเล่นไหว เราค่อยมาเล่นกันต่อ”

ปัณณ์มองกิริยาที่สิมิลันเหลียวไปมองรอบตัวอย่างอาวรณ์แล้วนึกเอ็นดู “กินข้าวแป๊บเดียวเอง ไม่เสียเวลาเล่นนักหรอกน่าคนเก่ง”

“ฉันไม่ได้กลัวเสียเวลา แต่...ฉันคงเล่นไม่ไหวแล้วล่ะ แดดจัดออกอย่างนี้ กลัวตัวดำ”

“แปลว่า...”

“เราไปจากที่นี่กันเถอะ คนเริ่มเยอะแล้ว ฉันไม่อยากถูกใครสังเกตเห็น”

“งั้นออกจากสวนสนุกแล้วไปกินข้าวกลางวันกันนะ” ปัณณ์คอยจนคนตรงหน้ารับคำแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดเรียกไปยังคนขับรถให้นำรถมาจอดรอรับเขาที่ประตูทางเข้าด้านหน้า

ตลอดเวลาที่เดินกลับไปที่รถ ต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองท่ามกลางความเงียบที่ไม่ทำให้ใครอึดอัดเลยแม้แต่นิดเดียว

และบางครั้ง...ความเงียบของคนสองคนที่พอใจกับโลกใบเล็กๆ ของตน ก็อาจดีกว่าคำพูดหมื่นแสนของผู้คนนับร้อยที่ไม่มีใครฟังกันและกันเลยก็เป็นได้



* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ฝากผลงานเล่มอื่นๆของสิริณไว้ด้วยนะคะ
ทั้ง ภาพรักในฝัน - รอยตะวัน และ แผนก่อการรัก
หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือทั่วไป
หรือจะจดไว้ในรายชื่อสำหรับไปช็อปปิ้งในงานสัปดาห์หนังสือที่จะมาถึงก็ได้น้า
สิริณจะไปประจำที่บูธนายอินทร์ Q๑๒ โซน C ชั้น ๒
วันที่ ๒๗ ตุลาคม เวลา ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น.
ใครว่างแวะไปเจอกันได้นะคะ



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2555, 16:24:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2555, 16:24:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2763





<< ตอนที่ ๒๑   ตอนที่ ๒๓ >>
สิริณ 12 ต.ค. 2555, 16:28:54 น.
นี่แค่จุดเริ่มต้นค่ะ ความหวานของจริง...ยังไม่มาเลย
และนางเอกก็ใช่ว่าจะยอมให้พระเอกง่ายๆด้วย อิอิ
ชวนลุ้นกันต่อเนื่องเลยนะคะ

ขอแรงกดไล้ค์เป็นกำลังใจให้คนเขียนกันคนละแรงด้วยนะค้า
อาทิตย์นี้ บุหงาซ่อนกลิ่น ขึ้นถึงอันดับหนึ่งแว้ววววววววววววว
สิริณแทบขอซื้อพื้นที่ในหนังสือพิมพ์ประกาศข่าวดีแน่ะ
แบบว่าออกนอกหน้าที่ซู้ดดดด
เอาอีกค่ะ อยากขึ้นอีก

ตอนที่แล้วมีคนชอบ ๖๔ คน
แปลว่ามีคนชอบเพิ่มขึ้นทุกตอนใช่ไหมคะ
งั้นตอนนี้ ขอสัก ๖๕ ขึ้นไป
หวังสูงไปไหมคะเนี้ยยยยย
_oo_ (ประสานมือตรงหน้าอก ทำตาวิ๊งๆ เอ่ย "อ้อนวอนนะค้า")

^
คราวนี้ทำครบขึ้นตอนแบบในรอยตะวันแล้วนะคะ คุณ รอให้เป็นเล่ม อิอิ


alecigor 12 ต.ค. 2555, 17:03:12 น.
ตั้งหน้าตั้งตารออ่านมาสามวันล่ะ แต่รู้สึกว่ามันยังไม่พอเลยค่ะ


sai 12 ต.ค. 2555, 17:18:56 น.
อ๊ายย ตอนนี้ตองน่ารักอ่ะ(ตอนอื่นๆก็น่ารักนะค่ะ แต่ตอนนี้ดูน่ารักกว่าทุกๆตอนอ่ะ)

ส่วนตาลุงน่ารักขึ้นทุกตอนนน


น้ำค้าง 12 ต.ค. 2555, 17:36:43 น.
มาตามอ่านด้วยคนคะ แอบอ่านมานาน ขอเปิดเผยตัวนะบัดนาว อิอิ สงสัยมากมายว่านางเอกเป็นอะไรกันแน่อ่ะ เมืไหร่ตะถึงตอนที่เฉลยอ่ะผู้แต่ง


เด็กหญิงม่อน 12 ต.ค. 2555, 17:59:09 น.
ตกลงนางเอกมีอะไรผิดปกติหว่าาาา งง หรือว่าไม่ได้ผิดปกติเนี่ย


mhengjhy 12 ต.ค. 2555, 19:24:35 น.
เฮ้ กำลังเริ่มดีเลย อย่ามีอะไรมาสะดุดตองนะะะะะะะ


wii 12 ต.ค. 2555, 19:41:26 น.
เอ๊ะสิมิลันท้องจริงๆนี่นา จำใด้ว่าตอนอยู่โรงพยาบาลยังขอให้หมอปิดเป็นความลับเล๊ย เเต่จำไม่ใด้ว่าตอนที่เท่าไหร่ เเต่ทำม๊ายยย หนูตองถึงใด้ปฏิเสฐซะจนอีตาลุงหน้าเเตกย่อยยับว่าไม่ใด้ท้อง


ใจใส 12 ต.ค. 2555, 20:25:44 น.
อุ๊ย ลุง เขิน หน้าแดง อิอิ น่ารักที่สุดล่ะ

หนูตองไม่ได้ท้อง แต่เป็นโรคหัวใจรึป่าวคะ


Niceday 12 ต.ค. 2555, 20:46:51 น.
ยังสงสัยใคร่รู้ว่าน้องตองท้องจริงป่าว


winbkin 12 ต.ค. 2555, 22:52:11 น.
น่ารักได้อีกนะ ลุงปัณณ์


หมูอ้วน 12 ต.ค. 2555, 23:32:32 น.
หนูใจอ่อนเร็ว ๆ นะจ๊ะ


nunoi 13 ต.ค. 2555, 00:33:55 น.
ตองเป็นอะไรกันแน่อ่ะ


wane 13 ต.ค. 2555, 00:34:03 น.
ผ่านมาทั้งเรื่องเพิ่งพูดดีกันวันนี้เอง 555+


พันธุ์แตงกวา 13 ต.ค. 2555, 01:18:30 น.
look like love ยิ่งอ่านยิ่งชอบยิ่งร้ากก (รักตาลุง )
แต่แบ่บว่า เล่นรถไฟเหาะ 2 รอบเลยเหรอคะ เจ๋งอ่ะ แค่ไวกิ้งก็จะไม่ไหวแล้วนะข้าพเจ้า


Sukhumvit66 13 ต.ค. 2555, 01:42:13 น.
ทำไม คุณลุงถึงน่าร้ากกกก ขนาดนี้ นู๋ขอร้ากกกคุณลุงด้วยคนน่ะค่ะ


chocoholic 13 ต.ค. 2555, 02:12:10 น.
ไม่ค่อยชินเวลาพระเอกเรียกตัวเองว่า "พี่" แต่พอหลุดว่า "ฉัน" ขึ้นมางิ อ่า ใช่เลย ลุงปัณ คนเดิม


แล่นแต๊ 13 ต.ค. 2555, 02:31:07 น.
หนูตองป่วยเป็นอะไร


Siang 13 ต.ค. 2555, 08:42:22 น.
สงสัยว่าตองจะเป็นโรคหัวใจ


sirynth 13 ต.ค. 2555, 10:02:31 น.
So cute, but Tong seems ill.


dee_jung 13 ต.ค. 2555, 11:13:45 น.
ทำให้อยากเล่นรถไฟเหาะบ้าง


iAye 14 ต.ค. 2555, 16:17:43 น.
ชักอยากรู้แล้วสิว่าหนูตองป่วยเป็นอะไร ไรท์เตอร์สู้ๆค่า


agentaja 16 ต.ค. 2555, 15:01:49 น.
น่ารักจัง กดไลค์หลายๆ ทีได้มั้ยคะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account